Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๑๐๗] ๗. สาลิตฺตกชาตกวณฺณนา

    [107] 7. Sālittakajātakavaṇṇanā

    สาธู โข สิปฺปกํ นามาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ หํสปหรนกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิเรโก สาวตฺถิวาสี กุลปุโตฺต สาลิตฺตกสิเปฺป นิปฺผตฺติํ ปโตฺตฯ ‘‘สาลิตฺตกสิปฺป’’นฺติ สกฺขราขิปนสิปฺปํ วุจฺจติฯ โส เอกทิวสํ ธมฺมํ สุตฺวา สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปทํ ลภิ, น ปน สิกฺขากาโม, น ปฎิปตฺติสาธโก อโหสิฯ โส เอกทิวสํ เอกํ ทหรภิกฺขุํ อาทาย อจิรวติํ คนฺตฺวา นฺหายิตฺวา นทีตีเร อฎฺฐาสิฯ ตสฺมิํ สมเย เทฺว เสตหํสา อากาเสน คจฺฉนฺติฯ โส ตํ ทหรํ อาห ‘‘อิมํ ปจฺฉิมหํสํ สกฺขราย อกฺขิมฺหิ ปหริตฺวา ปาทมูเล ปาเตมี’’ติฯ อิตโร ‘‘กถํ ปาเตสฺสสิ, น สกฺขิสฺสสิ ปหริตุ’’นฺติ อาหฯ อิตโร ‘‘ติฎฺฐตุ ตาวสฺส โอรโต อกฺขิ, ปรโต อกฺขิมฺหิ ตํ ปหรามี’’ติฯ อิทานิ ปน ตฺวํ อสนฺตํ กเถสีติฯ ‘‘เตน หิ อุปธาเรหี’’ติ เอกํ ติขิณสกฺขรํ คเหตฺวา องฺคุลิยา ปริยเนฺต กตฺวา ตสฺส หํสสฺส ปจฺฉโต ขิปิฯ สา ‘‘รุ’’นฺติ สทฺทํ อกาสิ, หํโส ‘‘ปริสฺสเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ นิวตฺติตฺวา สทฺทํ โสตุํ อารภิฯ อิตโร ตสฺมิํ ขเณ เอกํ วฎฺฎสกฺขรํ คเหตฺวา ตสฺส นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺตสฺส ปรภาเค อกฺขิํ ปหริฯ สกฺขรา อิตรมฺปิ อกฺขิํ วินิวิชฺฌิตฺวา คตาฯ หํโส มหารวํ รวโนฺต ปาทมูเลเยว ปติฯ ตโต ตโต ภิกฺขู อาคนฺตฺวา ครหิตฺวา ‘‘อนนุจฺฉวิกํ เต กต’’นฺติ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘ภเนฺต, อิมินา อิทํ นาม กต’’นฺติ ตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ครหิตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส เอตสฺมิํ สิเปฺป กุสโล, ปุเพฺพปิ กุสโลเยว อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Sādhūkho sippakaṃ nāmāti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ haṃsapaharanakaṃ bhikkhuṃ ārabbha kathesi. So kireko sāvatthivāsī kulaputto sālittakasippe nipphattiṃ patto. ‘‘Sālittakasippa’’nti sakkharākhipanasippaṃ vuccati. So ekadivasaṃ dhammaṃ sutvā sāsane uraṃ datvā pabbajitvā upasampadaṃ labhi, na pana sikkhākāmo, na paṭipattisādhako ahosi. So ekadivasaṃ ekaṃ daharabhikkhuṃ ādāya aciravatiṃ gantvā nhāyitvā nadītīre aṭṭhāsi. Tasmiṃ samaye dve setahaṃsā ākāsena gacchanti. So taṃ daharaṃ āha ‘‘imaṃ pacchimahaṃsaṃ sakkharāya akkhimhi paharitvā pādamūle pātemī’’ti. Itaro ‘‘kathaṃ pātessasi, na sakkhissasi paharitu’’nti āha. Itaro ‘‘tiṭṭhatu tāvassa orato akkhi, parato akkhimhi taṃ paharāmī’’ti. Idāni pana tvaṃ asantaṃ kathesīti. ‘‘Tena hi upadhārehī’’ti ekaṃ tikhiṇasakkharaṃ gahetvā aṅguliyā pariyante katvā tassa haṃsassa pacchato khipi. Sā ‘‘ru’’nti saddaṃ akāsi, haṃso ‘‘parissayena bhavitabba’’nti nivattitvā saddaṃ sotuṃ ārabhi. Itaro tasmiṃ khaṇe ekaṃ vaṭṭasakkharaṃ gahetvā tassa nivattitvā olokentassa parabhāge akkhiṃ pahari. Sakkharā itarampi akkhiṃ vinivijjhitvā gatā. Haṃso mahāravaṃ ravanto pādamūleyeva pati. Tato tato bhikkhū āgantvā garahitvā ‘‘ananucchavikaṃ te kata’’nti satthu santikaṃ netvā ‘‘bhante, iminā idaṃ nāma kata’’nti tamatthaṃ ārocesuṃ. Satthā taṃ bhikkhuṃ garahitvā ‘‘na, bhikkhave, idānevesa etasmiṃ sippe kusalo, pubbepi kusaloyeva ahosī’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส อมโจฺจ อโหสิฯ ตสฺมิํ กาเล รโญฺญ ปุโรหิโต อติมุขโร โหติ พหุภาณี, ตสฺมิํ กเถตุํ อารเทฺธ อเญฺญ โอกาสเมว น ลภนฺติฯ ราชา จิเนฺตสิ ‘‘กทา นุ โข เอตสฺส วจนุปเจฺฉทกํ กญฺจิ ลภิสฺสามี’’ติฯ โส ตโต ปฎฺฐาย ตถารูปํ เอกํ อุปธาเรโนฺต วิจรติฯ ตสฺมิํ กาเล พาราณสิยํ เอโก ปีฐสปฺปี สกฺขราขิปนสิเปฺป นิปฺผตฺติํ ปโตฺต โหติฯ คามทารกา ตํ รถกํ อาโรเปตฺวา อากฑฺฒมานา พาราณสินครทฺวารมูเล เอโก วิฎปสมฺปโนฺน มหานิโคฺรโธ อตฺถิ, ตตฺถ อาเนตฺวา สมฺปริวาเรตฺวา กากณิกาทีนิ ทตฺวา ‘‘หตฺถิรูปกํ กร, อสฺสรูปกํ กรา’’ติ วทนฺติฯ โส สกฺขรา ขิปิตฺวา ขิปิตฺวา นิโคฺรธปเณฺณสุ นานารูปานิ ทเสฺสติ, สพฺพานิ ปณฺณานิ ฉิทฺทาวฉิทฺทาเนว อเหสุํฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tassa amacco ahosi. Tasmiṃ kāle rañño purohito atimukharo hoti bahubhāṇī, tasmiṃ kathetuṃ āraddhe aññe okāsameva na labhanti. Rājā cintesi ‘‘kadā nu kho etassa vacanupacchedakaṃ kañci labhissāmī’’ti. So tato paṭṭhāya tathārūpaṃ ekaṃ upadhārento vicarati. Tasmiṃ kāle bārāṇasiyaṃ eko pīṭhasappī sakkharākhipanasippe nipphattiṃ patto hoti. Gāmadārakā taṃ rathakaṃ āropetvā ākaḍḍhamānā bārāṇasinagaradvāramūle eko viṭapasampanno mahānigrodho atthi, tattha ānetvā samparivāretvā kākaṇikādīni datvā ‘‘hatthirūpakaṃ kara, assarūpakaṃ karā’’ti vadanti. So sakkharā khipitvā khipitvā nigrodhapaṇṇesu nānārūpāni dasseti, sabbāni paṇṇāni chiddāvachiddāneva ahesuṃ.

    อถ พาราณสิราชา อุยฺยานํ คจฺฉโนฺต ตํ ฐานํ ปาปุณิฯ อุสฺสารณาภเยน สเพฺพ ทารกา ปลายิํสุ, ปีฐสปฺปี ตเตฺถว นิปชฺชิฯ ราชา นิโคฺรธมูลํ ปตฺวา รเถ นิสิโนฺน ปตฺตานํ ฉิทฺทตาย ฉายํ กพรกพรํ ทิสฺวา โอโลเกโนฺต สเพฺพสํ ปตฺตานํ ฉิทฺทภาวํ ทิสฺวา ‘‘เกเนตานิ เอวํ กตานี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ปีฐสปฺปินา, เทวา’’ติฯ ราชา ‘‘อิมํ นิสฺสาย พฺราหฺมณสฺส วจนุปเจฺฉทํ กาตุํ สกฺกา ภวิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘กหํ, ภเณ, ปีฐสปฺปี’’ติ ปุจฺฉิฯ วิจินนฺตา มูลนฺตเร นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘อยํ, เทวา’’ติ อาหํสุฯ ราชา นํ ปโกฺกสาเปตฺวา ปริสํ อุสฺสาเรตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘อมฺหากํ สนฺติเก เอโก มุขรพฺราหฺมโณ อตฺถิ, สกฺขิสฺสสิ ตํ นิสฺสทฺทํ กาตุ’’นฺติฯ นาฬิมตฺตา อชลณฺฑิกา ลภโนฺต สกฺขิสฺสามิ, เทวาติฯ ราชา ปีฐสปฺปิํ ฆรํ เนตฺวา อโนฺตสาณิยํ นิสีทาเปตฺวา สาณิยํ ฉิทฺทํ กาเรตฺวา พฺราหฺมณสฺส ฉิทฺทาภิมุขํ อาสนํ ปญฺญเปตฺวา นาฬิมตฺตา สุกฺขา อชลณฺฑิกา ปีฐสปฺปิสฺส สนฺติเก ฐปาเปตฺวา พฺราหฺมณํ อุปฎฺฐานกาเล อาคตํ ตสฺมิํ อาสเน นิสีทาเปตฺวา กถํ สมุฎฺฐาเปสิฯ พฺราหฺมโณ อเญฺญสํ โอกาสํ อทตฺวา รญฺญา สทฺธิํ กเถตุํ อารภิฯ อถสฺส โส ปีฐสปฺปี สาณิจฺฉิเทฺทน เอเกกํ อชลณฺฑิกํ ปจฺฉิยํ ปเวเสโนฺต วิย ตาลุตลมฺหิเยว ปาเตติ, พฺราหฺมโณ อาคตาคตํ นาฬิยํ เตลํ ปเวเสโนฺต วิย คิลติ, สพฺพา ปริกฺขยํ คมิํสุฯ ตเสฺสตา นาฬิมตฺตา อชลณฺฑิกา กุจฺฉิํ ปวิฎฺฐา อฑฺฒาฬฺหกมตฺตา อเหสุํฯ

    Atha bārāṇasirājā uyyānaṃ gacchanto taṃ ṭhānaṃ pāpuṇi. Ussāraṇābhayena sabbe dārakā palāyiṃsu, pīṭhasappī tattheva nipajji. Rājā nigrodhamūlaṃ patvā rathe nisinno pattānaṃ chiddatāya chāyaṃ kabarakabaraṃ disvā olokento sabbesaṃ pattānaṃ chiddabhāvaṃ disvā ‘‘kenetāni evaṃ katānī’’ti pucchi. ‘‘Pīṭhasappinā, devā’’ti. Rājā ‘‘imaṃ nissāya brāhmaṇassa vacanupacchedaṃ kātuṃ sakkā bhavissatī’’ti cintetvā ‘‘kahaṃ, bhaṇe, pīṭhasappī’’ti pucchi. Vicinantā mūlantare nipannaṃ disvā ‘‘ayaṃ, devā’’ti āhaṃsu. Rājā naṃ pakkosāpetvā parisaṃ ussāretvā pucchi ‘‘amhākaṃ santike eko mukharabrāhmaṇo atthi, sakkhissasi taṃ nissaddaṃ kātu’’nti. Nāḷimattā ajalaṇḍikā labhanto sakkhissāmi, devāti. Rājā pīṭhasappiṃ gharaṃ netvā antosāṇiyaṃ nisīdāpetvā sāṇiyaṃ chiddaṃ kāretvā brāhmaṇassa chiddābhimukhaṃ āsanaṃ paññapetvā nāḷimattā sukkhā ajalaṇḍikā pīṭhasappissa santike ṭhapāpetvā brāhmaṇaṃ upaṭṭhānakāle āgataṃ tasmiṃ āsane nisīdāpetvā kathaṃ samuṭṭhāpesi. Brāhmaṇo aññesaṃ okāsaṃ adatvā raññā saddhiṃ kathetuṃ ārabhi. Athassa so pīṭhasappī sāṇicchiddena ekekaṃ ajalaṇḍikaṃ pacchiyaṃ pavesento viya tālutalamhiyeva pāteti, brāhmaṇo āgatāgataṃ nāḷiyaṃ telaṃ pavesento viya gilati, sabbā parikkhayaṃ gamiṃsu. Tassetā nāḷimattā ajalaṇḍikā kucchiṃ paviṭṭhā aḍḍhāḷhakamattā ahesuṃ.

    ราชา ตาสํ ปริกฺขีณภาวํ ญตฺวา อาห – ‘‘อาจริย, ตุเมฺห อติมุขรตาย นาฬิมตฺตา อชลณฺฑิกา คิลนฺตา กิญฺจิ น ชานิตฺถ, อิโต ทานิ อุตฺตริ ชีราเปตุํ น สกฺขิสฺสถฯ คจฺฉถ, ปิยงฺคุทกํ ปิวิตฺวา ฉเฑฺฑตฺวา อตฺตานํ อโรคํ กโรถา’’ติ พฺราหฺมโณ ตโต ปฎฺฐาย ปิหิตมุโข วิย หุตฺวา กเถเนฺตนาปิ สทฺธิํ อกถนสีโล อโหสิฯ ราชา ‘‘อิมินา เม กณฺณสุขํ กต’’นฺติ ปีฐสปฺปิสฺส สตสหสฺสุฎฺฐานเก จตูสุ ทิสาสุ จตฺตาโร คาเม อทาสิฯ โพธิสโตฺต ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, สิปฺปํ นาม โลเก ปณฺฑิเตหิ อุคฺคหิตพฺพํ, ปีฐสปฺปินา สาลิตฺตกมเตฺตนาปิ อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

    Rājā tāsaṃ parikkhīṇabhāvaṃ ñatvā āha – ‘‘ācariya, tumhe atimukharatāya nāḷimattā ajalaṇḍikā gilantā kiñci na jānittha, ito dāni uttari jīrāpetuṃ na sakkhissatha. Gacchatha, piyaṅgudakaṃ pivitvā chaḍḍetvā attānaṃ arogaṃ karothā’’ti brāhmaṇo tato paṭṭhāya pihitamukho viya hutvā kathentenāpi saddhiṃ akathanasīlo ahosi. Rājā ‘‘iminā me kaṇṇasukhaṃ kata’’nti pīṭhasappissa satasahassuṭṭhānake catūsu disāsu cattāro gāme adāsi. Bodhisatto rājānaṃ upasaṅkamitvā ‘‘deva, sippaṃ nāma loke paṇḍitehi uggahitabbaṃ, pīṭhasappinā sālittakamattenāpi ayaṃ sampatti laddhā’’ti vatvā imaṃ gāthamāha –

    ๑๐๗.

    107.

    ‘‘สาธุํ โข สิปฺปกํ นาม, อปิ ยาทิส กีทิสํ;

    ‘‘Sādhuṃ kho sippakaṃ nāma, api yādisa kīdisaṃ;

    ปสฺส ขญฺชปฺปหาเรน, ลทฺธา คามา จตุทฺทิสา’’ติฯ

    Passa khañjappahārena, laddhā gāmā catuddisā’’ti.

    ตตฺถ ปสฺส ขญฺชปฺปหาเรนาติ ปสฺส, มหาราช, อิมินา ขญฺชปีฐสปฺปินา อชลณฺฑิกาปหาเรน จตุทฺทิสา จตฺตาโร คามา ลทฺธา, อเญฺญสํ สิปฺปานํ โก อานิสํสปริเจฺฉโทติ สิปฺปคุณํ กเถสิฯ

    Tattha passa khañjappahārenāti passa, mahārāja, iminā khañjapīṭhasappinā ajalaṇḍikāpahārena catuddisā cattāro gāmā laddhā, aññesaṃ sippānaṃ ko ānisaṃsaparicchedoti sippaguṇaṃ kathesi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปีฐสปฺปี อยํ ภิกฺขุ อโหสิ, ราชา อานโนฺท, ปณฺฑิตามโจฺจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā pīṭhasappī ayaṃ bhikkhu ahosi, rājā ānando, paṇḍitāmacco pana ahameva ahosi’’nti.

    สาลิตฺตกชาตกวณฺณนา สตฺตมาฯ

    Sālittakajātakavaṇṇanā sattamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๐๗. สาลิตฺตกชาตกํ • 107. Sālittakajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact