Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๖. สลฺลสุตฺตํ
6. Sallasuttaṃ
๒๕๔. ‘‘อสฺสุตวา, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน สุขมฺปิ เวทนํ เวทยติ 1, ทุกฺขมฺปิ เวทนํ เวทยติ, อทุกฺขมสุขมฺปิ เวทนํ เวทยติฯ สุตวา, ภิกฺขเว, อริยสาวโก สุขมฺปิ เวทนํ เวทยติ , ทุกฺขมฺปิ เวทนํ เวทยติ, อทุกฺขมสุขมฺปิ เวทนํ เวทยติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, โก วิเสโส โก อธิปฺปยาโส 2 กิํ นานากรณํ สุตวโต อริยสาวกสฺส อสฺสุตวตา ปุถุชฺชเนนา’’ติ? ภควํมูลกา โน, ภเนฺต, ธมฺมา…เป.… อสฺสุตวาฯ ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ทุกฺขาย เวทนาย ผุโฎฺฐ สมาโน โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ โส เทฺว เวทนา เวทยติ – กายิกญฺจ, เจตสิกญฺจฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริสํ สเลฺลน วิเชฺฌยฺย 3ฯ ตเมนํ ทุติเยน สเลฺลน อนุเวธํ วิเชฺฌยฺย 4ฯ เอวญฺหิ โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ทฺวิสเลฺลน เวทนํ เวทยติฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน ทุกฺขาย เวทนาย ผุโฎฺฐ สมาโน โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ โส เทฺว เวทนา เวทยติ – กายิกญฺจ, เจตสิกญฺจฯ ตสฺสาเยว โข ปน ทุกฺขาย เวทนาย ผุโฎฺฐ สมาโน ปฎิฆวา โหติฯ ตเมนํ ทุกฺขาย เวทนาย ปฎิฆวนฺตํ, โย ทุกฺขาย เวทนาย ปฎิฆานุสโย, โส อนุเสติฯ โส ทุกฺขาย เวทนาย ผุโฎฺฐ สมาโน กามสุขํ อภินนฺทติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ โส, ภิกฺขเว, ปชานาติ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อญฺญตฺร กามสุขา ทุกฺขาย เวทนาย นิสฺสรณํ, ตสฺส กามสุขญฺจ อภินนฺทโต, โย สุขาย เวทนาย ราคานุสโย, โส อนุเสติฯ โส ตาสํ เวทนานํ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ ตสฺส ตาสํ เวทนานํ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ อปฺปชานโต, โย อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อวิชฺชานุสโย, โส อนุเสติฯ โส สุขเญฺจ เวทนํ เวทยติ, สญฺญุโตฺต นํ เวทยติฯ ทุกฺขเญฺจ เวทนํ เวทยติ, สญฺญุโตฺต นํ เวทยติฯ อทุกฺขมสุขเญฺจ เวทนํ เวทยติ, สญฺญุโตฺต นํ เวทยติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน สญฺญุโตฺต ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ, สญฺญุโตฺต ทุกฺขสฺมา’ติ วทามิฯ
254. ‘‘Assutavā, bhikkhave, puthujjano sukhampi vedanaṃ vedayati 5, dukkhampi vedanaṃ vedayati, adukkhamasukhampi vedanaṃ vedayati. Sutavā, bhikkhave, ariyasāvako sukhampi vedanaṃ vedayati , dukkhampi vedanaṃ vedayati, adukkhamasukhampi vedanaṃ vedayati. Tatra, bhikkhave, ko viseso ko adhippayāso 6 kiṃ nānākaraṇaṃ sutavato ariyasāvakassa assutavatā puthujjanenā’’ti? Bhagavaṃmūlakā no, bhante, dhammā…pe… assutavā. Bhikkhave, puthujjano dukkhāya vedanāya phuṭṭho samāno socati kilamati paridevati urattāḷiṃ kandati sammohaṃ āpajjati. So dve vedanā vedayati – kāyikañca, cetasikañca. Seyyathāpi, bhikkhave, purisaṃ sallena vijjheyya 7. Tamenaṃ dutiyena sallena anuvedhaṃ vijjheyya 8. Evañhi so, bhikkhave, puriso dvisallena vedanaṃ vedayati. Evameva kho, bhikkhave, assutavā puthujjano dukkhāya vedanāya phuṭṭho samāno socati kilamati paridevati urattāḷiṃ kandati sammohaṃ āpajjati. So dve vedanā vedayati – kāyikañca, cetasikañca. Tassāyeva kho pana dukkhāya vedanāya phuṭṭho samāno paṭighavā hoti. Tamenaṃ dukkhāya vedanāya paṭighavantaṃ, yo dukkhāya vedanāya paṭighānusayo, so anuseti. So dukkhāya vedanāya phuṭṭho samāno kāmasukhaṃ abhinandati. Taṃ kissa hetu? Na hi so, bhikkhave, pajānāti assutavā puthujjano aññatra kāmasukhā dukkhāya vedanāya nissaraṇaṃ, tassa kāmasukhañca abhinandato, yo sukhāya vedanāya rāgānusayo, so anuseti. So tāsaṃ vedanānaṃ samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavañca nissaraṇañca yathābhūtaṃ nappajānāti. Tassa tāsaṃ vedanānaṃ samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavañca nissaraṇañca yathābhūtaṃ appajānato, yo adukkhamasukhāya vedanāya avijjānusayo, so anuseti. So sukhañce vedanaṃ vedayati, saññutto naṃ vedayati. Dukkhañce vedanaṃ vedayati, saññutto naṃ vedayati. Adukkhamasukhañce vedanaṃ vedayati, saññutto naṃ vedayati. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, ‘assutavā puthujjano saññutto jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi, saññutto dukkhasmā’ti vadāmi.
‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก ทุกฺขาย เวทนาย ผุโฎฺฐ สมาโน น โสจติ, น กิลมติ, น ปริเทวติ, น อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ, น สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ โส เอกํ เวทนํ เวทยติ – กายิกํ, น เจตสิกํฯ
‘‘Sutavā ca kho, bhikkhave, ariyasāvako dukkhāya vedanāya phuṭṭho samāno na socati, na kilamati, na paridevati, na urattāḷiṃ kandati, na sammohaṃ āpajjati. So ekaṃ vedanaṃ vedayati – kāyikaṃ, na cetasikaṃ.
‘‘เสยฺยถาปิ , ภิกฺขเว, ปุริสํ สเลฺลน วิเชฺฌยฺยฯ ตเมนํ ทุติเยน สเลฺลน อนุเวธํ น วิเชฺฌยฺยฯ เอวญฺหิ โส, ภิกฺขเว, ปุริโส เอกสเลฺลน เวทนํ เวทยติฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, สุตวา อริยสาวโก ทุกฺขาย เวทนาย ผุโฎฺฐ สมาโน น โสจติ, น กิลมติ, น ปริเทวติ, น อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ, น สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ โส เอกํ เวทนํ เวทยติ – กายิกํ, น เจตสิกํฯ ตสฺสาเยว โข ปน ทุกฺขาย เวทนาย ผุโฎฺฐ สมาโน ปฎิฆวา น โหติฯ ตเมนํ ทุกฺขาย เวทนาย อปฺปฎิฆวนฺตํ, โย ทุกฺขาย เวทนาย ปฎิฆานุสโย, โส นานุเสติฯ โส ทุกฺขาย เวทนาย ผุโฎฺฐ สมาโน กามสุขํ นาภินนฺทติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ปชานาติ หิ โส, ภิกฺขเว, สุตวา อริยสาวโก อญฺญตฺร กามสุขา ทุกฺขาย เวทนาย นิสฺสรณํฯ ตสฺส กามสุขํ นาภินนฺทโต โย สุขาย เวทนาย ราคานุสโย, โส นานุเสติฯ โส ตาสํ เวทนานํ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวํ จ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ตสฺส ตาสํ เวทนานํ สมุทยญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อาทีนวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ยถาภูตํ ปชานโต, โย อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อวิชฺชานุสโย, โส นานุเสติฯ โส สุขเญฺจ เวทนํ เวทยติ, วิสญฺญุโตฺต นํ เวทยติฯ ทุกฺขเญฺจ เวทนํ เวทยติ , วิสญฺญุโตฺต นํ เวทยติฯ อทุกฺขมสุขเญฺจ เวทนํ เวทยติ, วิสญฺญุโตฺต นํ เวทยติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ‘สุตวา อริยสาวโก วิสญฺญุโตฺต ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ , วิสญฺญุโตฺต ทุกฺขสฺมา’ติ วทามิฯ อยํ โข, ภิกฺขเว, วิเสโส, อยํ อธิปฺปยาโส, อิทํ นานากรณํ สุตวโต อริยสาวกสฺส อสฺสุตวตา ปุถุชฺชเนนา’’ติฯ
‘‘Seyyathāpi , bhikkhave, purisaṃ sallena vijjheyya. Tamenaṃ dutiyena sallena anuvedhaṃ na vijjheyya. Evañhi so, bhikkhave, puriso ekasallena vedanaṃ vedayati. Evameva kho, bhikkhave, sutavā ariyasāvako dukkhāya vedanāya phuṭṭho samāno na socati, na kilamati, na paridevati, na urattāḷiṃ kandati, na sammohaṃ āpajjati. So ekaṃ vedanaṃ vedayati – kāyikaṃ, na cetasikaṃ. Tassāyeva kho pana dukkhāya vedanāya phuṭṭho samāno paṭighavā na hoti. Tamenaṃ dukkhāya vedanāya appaṭighavantaṃ, yo dukkhāya vedanāya paṭighānusayo, so nānuseti. So dukkhāya vedanāya phuṭṭho samāno kāmasukhaṃ nābhinandati. Taṃ kissa hetu? Pajānāti hi so, bhikkhave, sutavā ariyasāvako aññatra kāmasukhā dukkhāya vedanāya nissaraṇaṃ. Tassa kāmasukhaṃ nābhinandato yo sukhāya vedanāya rāgānusayo, so nānuseti. So tāsaṃ vedanānaṃ samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavaṃ ca nissaraṇañca yathābhūtaṃ pajānāti. Tassa tāsaṃ vedanānaṃ samudayañca atthaṅgamañca assādañca ādīnavañca nissaraṇañca yathābhūtaṃ pajānato, yo adukkhamasukhāya vedanāya avijjānusayo, so nānuseti. So sukhañce vedanaṃ vedayati, visaññutto naṃ vedayati. Dukkhañce vedanaṃ vedayati , visaññutto naṃ vedayati. Adukkhamasukhañce vedanaṃ vedayati, visaññutto naṃ vedayati. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, ‘sutavā ariyasāvako visaññutto jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi , visaññutto dukkhasmā’ti vadāmi. Ayaṃ kho, bhikkhave, viseso, ayaṃ adhippayāso, idaṃ nānākaraṇaṃ sutavato ariyasāvakassa assutavatā puthujjanenā’’ti.
‘‘น เวทนํ เวทยติ สปโญฺญ,
‘‘Na vedanaṃ vedayati sapañño,
สุขมฺปิ ทุกฺขมฺปิ พหุสฺสุโตปิ;
Sukhampi dukkhampi bahussutopi;
อยญฺจ ธีรสฺส ปุถุชฺชเนน,
Ayañca dhīrassa puthujjanena,
‘‘สงฺขาตธมฺมสฺส พหุสฺสุตสฺส,
‘‘Saṅkhātadhammassa bahussutassa,
อิฎฺฐสฺส ธมฺมา น มเถนฺติ จิตฺตํ,
Iṭṭhassa dhammā na mathenti cittaṃ,
อนิฎฺฐโต โน ปฎิฆาตเมติฯ
Aniṭṭhato no paṭighātameti.
‘‘ตสฺสานุโรธา อถวา วิโรธา,
‘‘Tassānurodhā athavā virodhā,
วิธูปิตา อตฺถคตา น สนฺติ;
Vidhūpitā atthagatā na santi;
ปทญฺจ ญตฺวา วิรชํ อโสกํ,
Padañca ñatvā virajaṃ asokaṃ,
สมฺมา ปชานาติ ภวสฺส ปารคู’’ติฯ ฉฎฺฐํ;
Sammā pajānāti bhavassa pāragū’’ti. chaṭṭhaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. สลฺลสุตฺตวณฺณนา • 6. Sallasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๖. สลฺลสุตฺตวณฺณนา • 6. Sallasuttavaṇṇanā