Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā |
๘. สลฺลสุตฺตวณฺณนา
8. Sallasuttavaṇṇanā
๕๘๐. อนิมิตฺตนฺติ สลฺลสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? ภควโต กิร อุปฎฺฐาโก เอโก อุปาสโก, ตสฺส ปุโตฺต กาลมกาสิฯ โส ปุตฺตโสกาภิภูโต สตฺตาหํ นิราหาโร อโหสิฯ ตํ อนุกมฺปโนฺต ภควา ตสฺส ฆรํ คนฺตฺวา โสกวิโนทนตฺถํ อิมํ สุตฺตมภาสิฯ
580.Animittanti sallasuttaṃ. Kā uppatti? Bhagavato kira upaṭṭhāko eko upāsako, tassa putto kālamakāsi. So puttasokābhibhūto sattāhaṃ nirāhāro ahosi. Taṃ anukampanto bhagavā tassa gharaṃ gantvā sokavinodanatthaṃ imaṃ suttamabhāsi.
ตตฺถ อนิมตฺตนฺติ กิริยาการนิมิตฺตวิรหิตํฯ ยถา หิ ‘‘ยทาหํ อกฺขิํ วา นิขณิสฺสามิ, ภมุกํ วา อุกฺขิปิสฺสามิ, เตน นิมิเตฺตน ตํ ภณฺฑํ อวหรา’’ติอาทีสุ กิริยาการนิมิตฺตมตฺถิ, น เอวํ ชีวิเตฯ น หิ สกฺกา ลทฺธุํ ‘‘ยาวาหํ อิทํ วา อิทํ วา กโรมิ, ตาว ตฺวํ ชีว, มา มียา’’ติฯ อนญฺญาตนฺติ อโต เอว น สกฺกา เอกํเสน อญฺญาตุํ ‘‘เอตฺตกํ วา เอตฺตกํ วา กาลํ อิมินา ชีวิตพฺพ’’นฺติ คติยา อายุปริยนฺตวเสน วาฯ ยถา หิ จาตุมหาราชิกาทีนํ ปริมิตํ อายุ, น ตถา มจฺจานํ, เอวมฺปิ เอกํเสน อนญฺญาตํฯ
Tattha animattanti kiriyākāranimittavirahitaṃ. Yathā hi ‘‘yadāhaṃ akkhiṃ vā nikhaṇissāmi, bhamukaṃ vā ukkhipissāmi, tena nimittena taṃ bhaṇḍaṃ avaharā’’tiādīsu kiriyākāranimittamatthi, na evaṃ jīvite. Na hi sakkā laddhuṃ ‘‘yāvāhaṃ idaṃ vā idaṃ vā karomi, tāva tvaṃ jīva, mā mīyā’’ti. Anaññātanti ato eva na sakkā ekaṃsena aññātuṃ ‘‘ettakaṃ vā ettakaṃ vā kālaṃ iminā jīvitabba’’nti gatiyā āyupariyantavasena vā. Yathā hi cātumahārājikādīnaṃ parimitaṃ āyu, na tathā maccānaṃ, evampi ekaṃsena anaññātaṃ.
กสิรนฺติ อเนกปจฺจยปฎิพทฺธวุตฺติภาวโต กิจฺฉํ น สุขยาปนียํฯ ตถา หิ ตํ อสฺสาสปฎิพทฺธญฺจ, ปสฺสาสปฎิพทฺธญฺจ, มหาภูตปฎิพทฺธญฺจ, กพฬีการาหารปฎิพทฺธญฺจ, อุสฺมาปฎิพทฺธญฺจ, วิญฺญาณปฎิพทฺธญฺจฯ อนสฺสสโนฺตปิ หิ น ชีวติ อปสฺสสโนฺตปิฯ จตูสุ จ ธาตูสุ กฎฺฐมุขาทิอาสีวิสทโฎฺฐ วิย กาโย ปถวีธาตุปฺปโกเปน ตาว ถโทฺธ โหติ กลิงฺครสทิโสฯ ยถาห –
Kasiranti anekapaccayapaṭibaddhavuttibhāvato kicchaṃ na sukhayāpanīyaṃ. Tathā hi taṃ assāsapaṭibaddhañca, passāsapaṭibaddhañca, mahābhūtapaṭibaddhañca, kabaḷīkārāhārapaṭibaddhañca, usmāpaṭibaddhañca, viññāṇapaṭibaddhañca. Anassasantopi hi na jīvati apassasantopi. Catūsu ca dhātūsu kaṭṭhamukhādiāsīvisadaṭṭho viya kāyo pathavīdhātuppakopena tāva thaddho hoti kaliṅgarasadiso. Yathāha –
‘‘ปตฺถโทฺธ ภวตี กาโย, ทโฎฺฐ กฎฺฐมุเขน วา;
‘‘Patthaddho bhavatī kāyo, daṭṭho kaṭṭhamukhena vā;
ปถวีธาตุปฺปโกเปน, โหติ กฎฺฐมุเขว โส’’ติฯ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๕๘๔);
Pathavīdhātuppakopena, hoti kaṭṭhamukheva so’’ti. (dha. sa. aṭṭha. 584);
อาโปธาตุปฺปโกเปน ปูติภาวํ อาปชฺชิตฺวา ปคฺฆริตปุพฺพมํสโลหิโต อฎฺฐิจมฺมาวเสโส โหติฯ ยถาห –
Āpodhātuppakopena pūtibhāvaṃ āpajjitvā paggharitapubbamaṃsalohito aṭṭhicammāvaseso hoti. Yathāha –
‘‘ปูติโก ภวตี กาโย, ทโฎฺฐ ปูติมุเขน วา;
‘‘Pūtiko bhavatī kāyo, daṭṭho pūtimukhena vā;
อาโปธาตุปฺปโกเปน, โหติ ปูติมุเขว โส’’ติฯ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๕๘๔);
Āpodhātuppakopena, hoti pūtimukheva so’’ti. (dha. sa. aṭṭha. 584);
เตโชธาตุปฺปโกเปน องฺคารกาสุยํ ปกฺขิโตฺต วิย สมนฺตา ปริฑยฺหติฯ ยถาห –
Tejodhātuppakopena aṅgārakāsuyaṃ pakkhitto viya samantā pariḍayhati. Yathāha –
‘‘สนฺตโตฺต ภวตี กาโย, ทโฎฺฐ อคฺคิมุเขน วา;
‘‘Santatto bhavatī kāyo, daṭṭho aggimukhena vā;
เตโชธาตุปฺปโกเปน, โหติ อคฺคิมุเขว โส’’ติฯ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๕๘๔);
Tejodhātuppakopena, hoti aggimukheva so’’ti. (dha. sa. aṭṭha. 584);
วาโยธาตุปฺปโกเปน สญฺฉิชฺชมานสนฺธิพนฺธโน ปาสาเณหิ โกเฎฺฎตฺวา สญฺจุณฺณิยมานฎฺฐิโก วิย จ โหติฯ ยถาห –
Vāyodhātuppakopena sañchijjamānasandhibandhano pāsāṇehi koṭṭetvā sañcuṇṇiyamānaṭṭhiko viya ca hoti. Yathāha –
‘‘สญฺฉิโนฺน ภวตี กาโย, ทโฎฺฐ สตฺถมุเขน วา;
‘‘Sañchinno bhavatī kāyo, daṭṭho satthamukhena vā;
วาโยธาตุปฺปโกเปน, โหติ สตฺถมุเขว โส’’ติฯ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๕๘๔);
Vāyodhātuppakopena, hoti satthamukheva so’’ti. (dha. sa. aṭṭha. 584);
ธาตุปฺปโกปพฺยาปนฺนกาโยปิ จ น ชีวติฯ ยทา ปน ตา ธาตุโย อญฺญมญฺญํ ปติฎฺฐานาทิกิจฺจํ สาเธนฺตาปิ สมํ วหนฺติ, ตทา ชีวิตํ ปวตฺตติฯ เอวํ มหาภูตปฎิพทฺธญฺจ ชีวิตํฯ ทุพฺภิกฺขาทีสุ ปน อาหารุปเจฺฉเทน สตฺตานํ ชีวิตกฺขโย ปากโฎ เอวฯ เอวํ กพฬีการาหารปฎิพทฺธญฺจ ชีวิตํฯ ตถา อสิตปีตาทิปริปาเก กมฺมชเตเช ขีเณ สตฺตา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺตาปิ ปากฎา เอวฯ เอวํ อุสฺมาปฎิพทฺธญฺจ ชีวิตํฯ วิญฺญาเณ ปน นิรุเทฺธ นิรุทฺธโต ปภุติ สตฺตานํ น โหติ ชีวิตนฺติ เอวมฺปิ โลเก ปากฎเมวฯ เอวํ วิญฺญาณปฎิพทฺธญฺจ ชีวิตํฯ เอวํ อเนกปจฺจยปฎิพทฺธวุตฺติภาวโต กสิรํ เวทิตพฺพํฯ
Dhātuppakopabyāpannakāyopi ca na jīvati. Yadā pana tā dhātuyo aññamaññaṃ patiṭṭhānādikiccaṃ sādhentāpi samaṃ vahanti, tadā jīvitaṃ pavattati. Evaṃ mahābhūtapaṭibaddhañca jīvitaṃ. Dubbhikkhādīsu pana āhārupacchedena sattānaṃ jīvitakkhayo pākaṭo eva. Evaṃ kabaḷīkārāhārapaṭibaddhañca jīvitaṃ. Tathā asitapītādiparipāke kammajateje khīṇe sattā jīvitakkhayaṃ pāpuṇantāpi pākaṭā eva. Evaṃ usmāpaṭibaddhañca jīvitaṃ. Viññāṇe pana niruddhe niruddhato pabhuti sattānaṃ na hoti jīvitanti evampi loke pākaṭameva. Evaṃ viññāṇapaṭibaddhañca jīvitaṃ. Evaṃ anekapaccayapaṭibaddhavuttibhāvato kasiraṃ veditabbaṃ.
ปริตฺตญฺจาติ อปฺปกํ, เทวานํ ชีวิตํ อุปนิธาย ติณเคฺค อุสฺสาวพินฺทุสทิสํ, จิตฺตกฺขณโต อุทฺธํ อภาเวน วา ปริตฺตํฯ อติทีฆายุโกปิ หิ สโตฺต อตีเตน จิเตฺตน ชีวิตฺถ น ชีวติ น ชีวิสฺสติ, อนาคเตน ชีวิสฺสติ น ชีวติ น ชีวิตฺถ, ปจฺจุปฺปเนฺนน ชีวติ น ชีวิตฺถ น ชีวิสฺสติฯ วุตฺตเญฺจตํ –
Parittañcāti appakaṃ, devānaṃ jīvitaṃ upanidhāya tiṇagge ussāvabindusadisaṃ, cittakkhaṇato uddhaṃ abhāvena vā parittaṃ. Atidīghāyukopi hi satto atītena cittena jīvittha na jīvati na jīvissati, anāgatena jīvissati na jīvati na jīvittha, paccuppannena jīvati na jīvittha na jīvissati. Vuttañcetaṃ –
‘‘ชีวิตํ อตฺตภาโว จ, สุขทุกฺขา จ เกวลา;
‘‘Jīvitaṃ attabhāvo ca, sukhadukkhā ca kevalā;
เอกจิตฺตสมายุตฺตา, ลหุโส วตฺตเต ขโณฯ
Ekacittasamāyuttā, lahuso vattate khaṇo.
‘‘จุลฺลาสีติสหสฺสานิ , กปฺปา ติฎฺฐนฺติ เย มรู;
‘‘Cullāsītisahassāni , kappā tiṭṭhanti ye marū;
นเตฺวว เตปิ ชีวนฺติ, ทฺวีหิ จิเตฺตหิ สํยุตา’’ติฯ (มหานิ. ๑๐);
Natveva tepi jīvanti, dvīhi cittehi saṃyutā’’ti. (mahāni. 10);
ตญฺจ ทุเกฺขน สํยุตนฺติ ตญฺจ ชีวิตํ เอวํ อนิมิตฺตมนญฺญาตํ กสิรํ ปริตฺตญฺจ สมานมฺปิ สีตุณฺหฑํสมกสาทิสมฺผสฺสขุปฺปิปาสาสงฺขารทุกฺขวิปริณามทุกฺขทุกฺขทุเกฺขหิ สํยุตํฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ยสฺมา อีทิสํ มจฺจานํ ชีวิตํ, ตสฺมา ตฺวํ ยาว ตํ ปริกฺขยํ น คจฺฉติ, ตาว ธมฺมจริยเมว พฺรูหย, มา ปุตฺตมนุโสจาติฯ
Tañca dukkhena saṃyutanti tañca jīvitaṃ evaṃ animittamanaññātaṃ kasiraṃ parittañca samānampi sītuṇhaḍaṃsamakasādisamphassakhuppipāsāsaṅkhāradukkhavipariṇāmadukkhadukkhadukkhehi saṃyutaṃ. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yasmā īdisaṃ maccānaṃ jīvitaṃ, tasmā tvaṃ yāva taṃ parikkhayaṃ na gacchati, tāva dhammacariyameva brūhaya, mā puttamanusocāti.
๕๘๑. อถาปิ มเญฺญยฺยาสิ ‘‘สพฺพูปกรเณหิ ปุตฺตํ อนุรกฺขนฺตสฺสาปิ เม โส มโต, เตน โสจามี’’ติ, เอวมฺปิ มา โสจิฯ น หิ โส อุปกฺกโม อตฺถิ, เยน ชาตา น มิยฺยเร, น หิ สกฺกา เกนจิ อุปกฺกเมน ชาตา สตฺตา มา มรนฺตูติ รกฺขิตุนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ตโต ยสฺมา โส ‘‘ชรํ ปตฺวา นาม, ภเนฺต, มรณํ อนุรูปํ, อติทหโร เม ปุโตฺต มโต’’ติ จิเนฺตสิ, ตสฺมา อาห ‘‘ชรมฺปิ ปตฺวา มรณํ, เอวํธมฺมา หิ ปาณิโน’’ติ, ชรํ ปตฺวาปิ อปฺปตฺวาปิ มรณํ, นตฺถิ เอตฺถ นิยโมติ วุตฺตํ โหติฯ
581. Athāpi maññeyyāsi ‘‘sabbūpakaraṇehi puttaṃ anurakkhantassāpi me so mato, tena socāmī’’ti, evampi mā soci. Na hi so upakkamo atthi, yena jātā na miyyare, na hi sakkā kenaci upakkamena jātā sattā mā marantūti rakkhitunti vuttaṃ hoti. Tato yasmā so ‘‘jaraṃ patvā nāma, bhante, maraṇaṃ anurūpaṃ, atidaharo me putto mato’’ti cintesi, tasmā āha ‘‘jarampi patvā maraṇaṃ, evaṃdhammā hi pāṇino’’ti, jaraṃ patvāpi appatvāpi maraṇaṃ, natthi ettha niyamoti vuttaṃ hoti.
๕๘๒. อิทานิ ตมตฺถํ นิทสฺสเนน สาเธโนฺต ‘‘ผลานมิว ปกฺกาน’’นฺติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ยถา ผลานํ ปกฺกานํ ยสฺมา สูริยุคฺคมนโต ปภุติ สูริยาตเปน สนฺตปฺปมาเน รุเกฺข ปถวิรโส จ อาโปรโส จ ปตฺตโต สาขํ สาขโต ขนฺธํ ขนฺธโต มูลนฺติ เอวํ อนุกฺกเมน มูลโต ปถวิเมว ปวิสติ, โอคมนโต ปภุติ ปน ปถวิโต มูลํ มูลโต ขนฺธนฺติ เอวํ อนุกฺกเมน สาขาปตฺตปลฺลวาทีนิ ปุน อาโรหติ, เอวํ อาโรหโนฺต จ ปริปากคเต ผเล วณฺฎมูลํ น ปวิสติฯ อถ สูริยาตเปน ตปฺปมาเน วณฺฎมูเล ปริฬาโห อุปฺปชฺชติฯ เตน ตานิ ผลานิ ปาโต ปาโต นิจฺจกาลํ ปตนฺติ, เนสํ ปาโต ปตนโต ภยํ โหติ, ปตนา ภยํ โหตีติ อโตฺถฯ เอวํ ชาตานํ มจฺจานํ นิจฺจํ มรณโต ภยํ ฯ ปกฺกผลสทิสา หิ สตฺตาติฯ
582. Idāni tamatthaṃ nidassanena sādhento ‘‘phalānamiva pakkāna’’ntiādimāha. Tassattho – yathā phalānaṃ pakkānaṃ yasmā sūriyuggamanato pabhuti sūriyātapena santappamāne rukkhe pathaviraso ca āporaso ca pattato sākhaṃ sākhato khandhaṃ khandhato mūlanti evaṃ anukkamena mūlato pathavimeva pavisati, ogamanato pabhuti pana pathavito mūlaṃ mūlato khandhanti evaṃ anukkamena sākhāpattapallavādīni puna ārohati, evaṃ ārohanto ca paripākagate phale vaṇṭamūlaṃ na pavisati. Atha sūriyātapena tappamāne vaṇṭamūle pariḷāho uppajjati. Tena tāni phalāni pāto pāto niccakālaṃ patanti, nesaṃ pāto patanato bhayaṃ hoti, patanā bhayaṃ hotīti attho. Evaṃ jātānaṃ maccānaṃ niccaṃ maraṇato bhayaṃ . Pakkaphalasadisā hi sattāti.
๕๘๓-๖. กิญฺจ ภิโยฺย ‘‘ยถาปิ กุมฺภการสฺส…เป.… ชีวิต’’นฺติฯ ตสฺมา ‘‘ทหรา จ…เป.… ปรายณา’’ติ เอวํ คณฺห, เอวญฺจ คเหตฺวา ‘‘เตสํ มจฺจุ…เป.… ญาตี วา ปน ญาตเก’’ติ เอวมฺปิ คณฺหฯ ยสฺมา จ น ปิตา ตายเต ปุตฺตํ, ญาตี วา ปน ญาตเก, ตสฺมา เปกฺขตํเยว…เป.… นียติฯ
583-6. Kiñca bhiyyo ‘‘yathāpi kumbhakārassa…pe… jīvita’’nti. Tasmā ‘‘daharā ca…pe… parāyaṇā’’ti evaṃ gaṇha, evañca gahetvā ‘‘tesaṃ maccu…pe… ñātī vā pana ñātake’’ti evampi gaṇha. Yasmā ca na pitā tāyate puttaṃ, ñātī vā pana ñātake, tasmā pekkhataṃyeva…pe… nīyati.
ตตฺถ อยํ โยชนา – ปสฺสมานานํเยว ญาตีนํ ‘‘อมฺม, ตาตา’’ติอาทินา นเยน ปุถุ อเนกปฺปการกํ ลาลปตํเยว มจฺจานํ เอกเมโก มโจฺจ ยถา โค วโชฺฌ เอวํ นียติ, เอวํ ปสฺส, อุปาสก, ยาว อตาโณ โลโกติฯ
Tattha ayaṃ yojanā – passamānānaṃyeva ñātīnaṃ ‘‘amma, tātā’’tiādinā nayena puthu anekappakārakaṃ lālapataṃyeva maccānaṃ ekameko macco yathā go vajjho evaṃ nīyati, evaṃ passa, upāsaka, yāva atāṇo lokoti.
๕๘๗. ตตฺถ เย พุทฺธปเจฺจกพุทฺธาทโย ธิติสมฺปนฺนา, เต ‘‘เอวมพฺภาหโต โลโก มจฺจุนา จ ชราย จ, โส น สกฺกา เกนจิ ปริตฺตาณํ กาตุ’’นฺติ ยสฺมา ชานนฺติ, ตสฺมา ธีรา น โสจนฺติ วิทิตฺวา โลกปริยายํฯ อิมํ โลกสภาวํ ญตฺวา น โสจนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ
587. Tattha ye buddhapaccekabuddhādayo dhitisampannā, te ‘‘evamabbhāhato loko maccunā ca jarāya ca, so na sakkā kenaci parittāṇaṃ kātu’’nti yasmā jānanti, tasmā dhīrā na socanti viditvā lokapariyāyaṃ. Imaṃ lokasabhāvaṃ ñatvā na socantīti vuttaṃ hoti.
๕๘๘. ตฺวํ ปน ยสฺส มคฺคํ…เป.… ปริเทวสิฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ยสฺส มาตุกุจฺฉิํ อาคตสฺส อาคตมคฺคํ วา อิโต จวิตฺวา อญฺญตฺถ คตสฺส คตมคฺคํ วา น ชานาสิ, ตสฺส อิเม อุโภ อเนฺต อสมฺปสฺสํ นิรตฺถํ ปริเทวสิฯ ธีรา ปน เต ปสฺสนฺตา วิทิตฺวา โลกปริยายํ น โสจนฺตีติฯ
588. Tvaṃ pana yassa maggaṃ…pe… paridevasi. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yassa mātukucchiṃ āgatassa āgatamaggaṃ vā ito cavitvā aññattha gatassa gatamaggaṃ vā na jānāsi, tassa ime ubho ante asampassaṃ niratthaṃ paridevasi. Dhīrā pana te passantā viditvā lokapariyāyaṃ na socantīti.
๕๘๙. อิทานิ ‘‘นิรตฺถํ ปริเทวสี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปริเทวนาย นิรตฺถกภาวํ สาเธโนฺต ‘‘ปริเทวยมาโน เจ’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อุทพฺพเหติ อุพฺพเหยฺย ธาเรยฺย, อตฺตนิ สญฺชเนยฺยาติ อโตฺถฯ สมฺมูโฬฺห หิํสมตฺตานนฺติ สมฺมูโฬฺห หุตฺวา อตฺตานํ พาเธโนฺตฯ กยิรา เจ นํ วิจกฺขโณติ ยทิ ตาทิโส กญฺจิ อตฺถํ อุทพฺพเห, วิจกฺขโณปิ นํ ปริเทวํ กเรยฺยฯ
589. Idāni ‘‘niratthaṃ paridevasī’’ti ettha vuttaparidevanāya niratthakabhāvaṃ sādhento ‘‘paridevayamāno ce’’tiādimāha. Tattha udabbaheti ubbaheyya dhāreyya, attani sañjaneyyāti attho. Sammūḷho hiṃsamattānanti sammūḷho hutvā attānaṃ bādhento. Kayirā ce naṃ vicakkhaṇoti yadi tādiso kañci atthaṃ udabbahe, vicakkhaṇopi naṃ paridevaṃ kareyya.
๕๙๐. น หิ รุเณฺณนาติ เอตฺถายํ โยชนา – น ปน โกจิ รุเณฺณน วา โสเกน วา เจตโส สนฺติํ ปโปฺปติ, อปิจ โข ปน โรทโต โสจโต จ ภิโยฺย อสฺส อุปฺปชฺชเต ทุกฺขํ, สรีรญฺจ ทุพฺพณฺณิยาทีหิ อุปหญฺญตีติฯ
590.Na hi ruṇṇenāti etthāyaṃ yojanā – na pana koci ruṇṇena vā sokena vā cetaso santiṃ pappoti, apica kho pana rodato socato ca bhiyyo assa uppajjate dukkhaṃ, sarīrañca dubbaṇṇiyādīhi upahaññatīti.
๕๙๑. น เตน เปตาติ เตน ปริเทวเนน กาลกตา น ปาเลนฺติ น ยาเปนฺติ, น ตํ เตสํ อุปการาย โหติฯ ตสฺมา นิรตฺถา ปริเทวนาติฯ
591.Na tena petāti tena paridevanena kālakatā na pālenti na yāpenti, na taṃ tesaṃ upakārāya hoti. Tasmā niratthā paridevanāti.
๕๙๒. น เกวลญฺจ นิรตฺถา, อนตฺถมฺปิ อาวหติฯ กสฺมา? ยสฺมา โสกมปฺปชหํ …เป.… วสมนฺวคูฯ ตตฺถ อนุตฺถุนโนฺตติ อนุโสจโนฺตฯ วสมนฺวคูติ วสํ คโตฯ
592. Na kevalañca niratthā, anatthampi āvahati. Kasmā? Yasmā sokamappajahaṃ…pe… vasamanvagū. Tattha anutthunantoti anusocanto. Vasamanvagūti vasaṃ gato.
๕๙๓. เอวมฺปิ นิรตฺถกตฺตํ อนตฺถาวหตฺตญฺจ โสกสฺส ทเสฺสตฺวา อิทานิ โสกวินยตฺถํ โอวทโนฺต ‘‘อเญฺญปิ ปสฺสา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ คมิเนติ คมิเก, ปรโลกคมนสเชฺช ฐิเตติ วุตฺตํ โหติฯ ผนฺทเนฺตวิธ ปาณิโนติ มรณภเยน ผนฺทมาเนเยว อิธ สเตฺตฯ
593. Evampi niratthakattaṃ anatthāvahattañca sokassa dassetvā idāni sokavinayatthaṃ ovadanto ‘‘aññepi passā’’tiādimāha. Tattha gamineti gamike, paralokagamanasajje ṭhiteti vuttaṃ hoti. Phandantevidha pāṇinoti maraṇabhayena phandamāneyeva idha satte.
๕๙๔. เยน เยนาติ เยนากาเรน มญฺญนฺติ ‘‘ทีฆายุโก ภวิสฺสติ, อโรโค ภวิสฺสตี’’ติฯ ตโต ตํ อญฺญถาเยว โหติ, โส เอวํ มญฺญิโต มรติปิ, โรคีปิ โหติฯ เอตาทิโส อยํ วินาภาโว มญฺญิตปฺปจฺจนีเกน โหติ, ปสฺส, อุปาสก, โลกสภาวนฺติ เอวเมตฺถ อธิปฺปายโยชนา เวทิตพฺพาฯ
594.Yena yenāti yenākārena maññanti ‘‘dīghāyuko bhavissati, arogo bhavissatī’’ti. Tato taṃ aññathāyeva hoti, so evaṃ maññito maratipi, rogīpi hoti. Etādiso ayaṃ vinābhāvo maññitappaccanīkena hoti, passa, upāsaka, lokasabhāvanti evamettha adhippāyayojanā veditabbā.
๕๙๖. อรหโต สุตฺวาติ อิมํ เอวรูปํ อรหโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวาฯ เนโส ลพฺภา มยา อิตีติ โส เปโต ‘‘อิทานิ มยา ปุน ชีวตู’’ติ น ลพฺภา อิติ ปริชานโนฺต, วิเนยฺย ปริเทวิตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
596.Arahato sutvāti imaṃ evarūpaṃ arahato dhammadesanaṃ sutvā. Neso labbhā mayā itīti so peto ‘‘idāni mayā puna jīvatū’’ti na labbhā iti parijānanto, vineyya paridevitanti vuttaṃ hoti.
๕๙๗. กิญฺจ ภิโยฺย – ‘‘ยถา สรณมาทิตฺตํ…เป.… ธํสเย’’ติฯ ตตฺถ ธีโร ธิติสมฺปทาย, สปโญฺญ สาภาวิกปญฺญาย, ปณฺฑิโต พาหุสจฺจปญฺญาย, กุสโล จินฺตกชาติกตาย เวทิตโพฺพฯ จินฺตามยสุตมยภาวนามยปญฺญาหิ วา โยเชตพฺพํฯ
597. Kiñca bhiyyo – ‘‘yathā saraṇamādittaṃ…pe… dhaṃsaye’’ti. Tattha dhīro dhitisampadāya, sapañño sābhāvikapaññāya, paṇḍito bāhusaccapaññāya, kusalo cintakajātikatāya veditabbo. Cintāmayasutamayabhāvanāmayapaññāhi vā yojetabbaṃ.
๕๙๘-๙. น เกวลญฺจ โสกเมว, ปริเทวํ…เป.… สลฺลมตฺตโนฯ ตตฺถ ปชปฺปนฺติ ตณฺหํฯ โทมนสฺสนฺติ เจตสิกทุกฺขํฯ อพฺพเหติ อุทฺธเรฯ สลฺลนฺติ เอตเมว ติปฺปการํ ทุนฺนีหรณเฎฺฐน อโนฺตวิชฺฌนเฎฺฐน จ สลฺลํฯ ปุเพฺพ วุตฺตํ สตฺตวิธํ ราคาทิสลฺลํ วาฯ เอตสฺมิญฺหิ อพฺพูเฬฺห สเลฺล อพฺพูฬฺหสโลฺล…เป.… นิพฺพุโตติ อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ ตตฺถ อสิโตติ ตณฺหาทิฎฺฐีหิ อนิสฺสิโตฯ ปปฺปุยฺยาติ ปาปุณิตฺวาฯ เสสํ อิธ อิโต ปุเพฺพ วุตฺตตฺตา อุตฺตานตฺถเมว, ตสฺมา น วณฺณิตํฯ
598-9. Na kevalañca sokameva, paridevaṃ…pe… sallamattano. Tattha pajappanti taṇhaṃ. Domanassanti cetasikadukkhaṃ. Abbaheti uddhare. Sallanti etameva tippakāraṃ dunnīharaṇaṭṭhena antovijjhanaṭṭhena ca sallaṃ. Pubbe vuttaṃ sattavidhaṃ rāgādisallaṃ vā. Etasmiñhi abbūḷhe salle abbūḷhasallo…pe… nibbutoti arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpesi. Tattha asitoti taṇhādiṭṭhīhi anissito. Pappuyyāti pāpuṇitvā. Sesaṃ idha ito pubbe vuttattā uttānatthameva, tasmā na vaṇṇitaṃ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย
Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya
สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย สลฺลสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttanipāta-aṭṭhakathāya sallasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๘. สลฺลสุตฺตํ • 8. Sallasuttaṃ