Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๘. สเลฺลขสุตฺตวณฺณนา

    8. Sallekhasuttavaṇṇanā

    ๘๑. เอวํ เม สุตนฺติ สเลฺลขสุตฺตํฯ ตตฺถ มหาจุโนฺทติ ตสฺส เถรสฺส นามํฯ สายนฺหสมยนฺติ สายนฺหกาเลฯ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโตติ เอตฺถ ปฎิสลฺลานนฺติ เตหิ เตหิ สตฺตสงฺขาเรหิ ปฎินิวตฺติตฺวา สลฺลานํ นิลียนํ, เอกีภาโว ปวิเวโกติ วุตฺตํ โหติฯ โย ตโต วุฎฺฐิโต, โส ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต นาม โหติฯ อยํ ปน ยสฺมา ปฎิสลฺลานานํ อุตฺตมโต ผลสมาปตฺติโต วุฎฺฐาสิ, ตสฺมา ‘‘ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต’’ติ วุโตฺตฯ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวาติ สมทสนขุชฺชลวิภูสิเตน สิรสา ภควนฺตํ สกฺกจฺจํ วนฺทิตฺวา, อภิวาทาเปตฺวา วา ‘‘สุขี ภว, จุนฺทา’’ติ เอวํ วจีเภทํ การาเปตฺวา, ภควา ปน กิร วนฺทิโต สมาโน สุวณฺณทุนฺทุภิสทิสํ คีวํ ปคฺคยฺห กณฺณสุขํ เปมนิยํ อมตาภิเสกสทิสํ พฺรหฺมโฆสํ นิจฺฉาเรโนฺต ‘‘สุขี โหหี’’ติ ตสฺส ตสฺส นามํ คเหตฺวา วทติ, เอตํ อาจิณฺณํ ตถาคตานํฯ ตตฺริทํ สาธกสุตฺตํ, ‘‘สโกฺก, ภเนฺต, เทวานมิโนฺท สามโจฺจ สปริชโน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตีติ, สุขี โหตุ ปญฺจสิข สโกฺก เทวานมิโนฺท สามโจฺจ สปริชโน, สุขกามา หิ เทวา มนุสฺสา อสุรา นาคา คนฺธพฺพา, เย จเญฺญ สนฺติ ปุถุกายา’’ติฯ เอวญฺจ ปน ตถาคตา เอวรูเป มเหสเกฺข ยเกฺข อภิวทนฺตีติฯ

    81.Evaṃme sutanti sallekhasuttaṃ. Tattha mahācundoti tassa therassa nāmaṃ. Sāyanhasamayanti sāyanhakāle. Paṭisallānā vuṭṭhitoti ettha paṭisallānanti tehi tehi sattasaṅkhārehi paṭinivattitvā sallānaṃ nilīyanaṃ, ekībhāvo pavivekoti vuttaṃ hoti. Yo tato vuṭṭhito, so paṭisallānā vuṭṭhito nāma hoti. Ayaṃ pana yasmā paṭisallānānaṃ uttamato phalasamāpattito vuṭṭhāsi, tasmā ‘‘paṭisallānā vuṭṭhito’’ti vutto. Bhagavantaṃ abhivādetvāti samadasanakhujjalavibhūsitena sirasā bhagavantaṃ sakkaccaṃ vanditvā, abhivādāpetvā vā ‘‘sukhī bhava, cundā’’ti evaṃ vacībhedaṃ kārāpetvā, bhagavā pana kira vandito samāno suvaṇṇadundubhisadisaṃ gīvaṃ paggayha kaṇṇasukhaṃ pemaniyaṃ amatābhisekasadisaṃ brahmaghosaṃ nicchārento ‘‘sukhī hohī’’ti tassa tassa nāmaṃ gahetvā vadati, etaṃ āciṇṇaṃ tathāgatānaṃ. Tatridaṃ sādhakasuttaṃ, ‘‘sakko, bhante, devānamindo sāmacco saparijano bhagavato pāde sirasā vandatīti, sukhī hotu pañcasikha sakko devānamindo sāmacco saparijano, sukhakāmā hi devā manussā asurā nāgā gandhabbā, ye caññe santi puthukāyā’’ti. Evañca pana tathāgatā evarūpe mahesakkhe yakkhe abhivadantīti.

    ยา อิมาติ อิทานิ วตฺตพฺพาภิมุขํ กโรโนฺต วิย อาหฯ อเนกวิหิตาติ นานปฺปการาฯ ทิฎฺฐิโยติ มิจฺฉาทิฎฺฐิโย ฯ โลเก อุปฺปชฺชนฺตีติ สเตฺตสุ ปาตุภวนฺติฯ อตฺตวาทปฺปฎิสํยุตฺตาติ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินยปฺปวเตฺตน อตฺตวาเทน ปฎิสํยุตฺตา, ตา วีสติ ภวนฺติฯ โลกวาทปฺปฎิสํยุตฺตาติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทินยปฺปวเตฺตน โลกวาเทน ปฎิสํยุตฺตา, ตา อฎฺฐ โหนฺติ สสฺสโต, อสสฺสโต, สสฺสโต จ อสสฺสโต จ, เนว สสฺสโต นาสสฺสโต, อนฺตวา, อนนฺตวา, อนฺตวา จ อนนฺตวา จ, เนวนฺตวา นานนฺตวา อตฺตา จ โลโก จาติ เอวํ ปวตฺตตฺตาฯ

    Yā imāti idāni vattabbābhimukhaṃ karonto viya āha. Anekavihitāti nānappakārā. Diṭṭhiyoti micchādiṭṭhiyo . Loke uppajjantīti sattesu pātubhavanti. Attavādappaṭisaṃyuttāti ‘‘rūpaṃ attato samanupassatī’’tiādinayappavattena attavādena paṭisaṃyuttā, tā vīsati bhavanti. Lokavādappaṭisaṃyuttāti ‘‘sassato attā ca loko cā’’tiādinayappavattena lokavādena paṭisaṃyuttā, tā aṭṭha honti sassato, asassato, sassato ca asassato ca, neva sassato nāsassato, antavā, anantavā, antavā ca anantavā ca, nevantavā nānantavā attā ca loko cāti evaṃ pavattattā.

    อาทิเมวาติอาทีสุ อยมโตฺถ กิํ นุ โข ภเนฺต อาทิเมว มนสิกโรนฺตสฺส อปฺปตฺวาปิ โสตาปตฺติมคฺคํ วิปสฺสนามิสฺสกปฐมมนสิการเมว มนสิกโรนฺตสฺส ภิกฺขุโน เอวเมตาสํ เอตฺตเกเนว อุปาเยน เอตาสํ ทิฎฺฐีนํ ปหานญฺจ ปฎินิสฺสโคฺค จ โหตีติฯ อิทญฺจ เถโร อตฺตนา อนธิมานิโกปิ สมาโน อธิมานิกานํ อธิมานปฺปหานตฺถํ อธิมานิโก วิย หุตฺวา ปุจฺฉตีติ เวทิตโพฺพฯ อปเร ปนาหุ ‘‘เถรสฺส อเนฺตวาสิกา อาทิมนสิกาเรเนว ทิฎฺฐีนํ สมุเจฺฉทปฺปหานํ โหตีติ เอวํสญฺญิโนปิ, สมาปตฺติวิหารา สเลฺลขวิหาราติ เอวํสญฺญิโนปิ อตฺถิฯ โส เตสํ อตฺถาย ภควนฺตํ ปุจฺฉตี’’ติฯ

    Ādimevātiādīsu ayamattho kiṃ nu kho bhante ādimeva manasikarontassa appatvāpi sotāpattimaggaṃ vipassanāmissakapaṭhamamanasikārameva manasikarontassa bhikkhuno evametāsaṃ ettakeneva upāyena etāsaṃ diṭṭhīnaṃ pahānañca paṭinissaggo ca hotīti. Idañca thero attanā anadhimānikopi samāno adhimānikānaṃ adhimānappahānatthaṃ adhimāniko viya hutvā pucchatīti veditabbo. Apare panāhu ‘‘therassa antevāsikā ādimanasikāreneva diṭṭhīnaṃ samucchedappahānaṃ hotīti evaṃsaññinopi, samāpattivihārā sallekhavihārāti evaṃsaññinopi atthi. So tesaṃ atthāya bhagavantaṃ pucchatī’’ti.

    ๘๒. อถสฺส ภควา ตาสํ ทิฎฺฐีนํ ปหานูปายํ ทเสฺสโนฺต ยา อิมาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยตฺถ เจตา ทิฎฺฐิโย อุปฺปชฺชนฺตีติอาทิ ปญฺจกฺขเนฺธ สนฺธาย วุตฺตํฯ เอเตสุ หิ เอตา ทิฎฺฐิโย อุปฺปชฺชนฺติฯ ยถาห ‘‘รูเป โข, ภิกฺขเว, สติ รูปํ อภินิวิสฺส เอวํ ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชติ, โส อตฺตา โส โลโก โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิโจฺจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธโมฺม’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕๒) วิตฺถาโรฯ อารมฺมณวเสน ปน เอกวจนํ กตฺวา ยตฺถ จาติ อาห, ยสฺมิํ อารมฺมเณ อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ เอตฺถ จ อุปฺปชฺชนฺติ อนุเสนฺติ สมุทาจรนฺตีติ อิเมสํ เอวํ นานากรณํ เวทิตพฺพํฯ ชาติวเสน หิ อชาตา ชายมานา อุปฺปชฺชนฺตีติ วุจฺจนฺติฯ ปุนปฺปุนํ อาเสวิตา ถามคตา อปฺปฎิวินีตา อนุเสนฺตีติฯ กายวจีทฺวารํ สมฺปตฺตา สมุทาจรนฺตีติ, อิทเมเตสํ นานากรณํฯ ตํ เนตํ มมาติอาทีสุ ตํ ปญฺจกฺขนฺธปฺปเภทํ อารมฺมณเมตํ มยฺหํ น โหติ, อหมฺปิ เอโส น อสฺมิ, เอโส เม อตฺตาปิ น โหตีติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโตติ เอวํ ตาว ปทโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    82. Athassa bhagavā tāsaṃ diṭṭhīnaṃ pahānūpāyaṃ dassento yā imātiādimāha. Tattha yattha cetā diṭṭhiyo uppajjantītiādi pañcakkhandhe sandhāya vuttaṃ. Etesu hi etā diṭṭhiyo uppajjanti. Yathāha ‘‘rūpe kho, bhikkhave, sati rūpaṃ abhinivissa evaṃ diṭṭhi uppajjati, so attā so loko so pecca bhavissāmi nicco dhuvo sassato avipariṇāmadhammo’’ti (saṃ. ni. 3.152) vitthāro. Ārammaṇavasena pana ekavacanaṃ katvā yattha cāti āha, yasmiṃ ārammaṇe uppajjantīti vuttaṃ hoti. Ettha ca uppajjanti anusenti samudācarantīti imesaṃ evaṃ nānākaraṇaṃ veditabbaṃ. Jātivasena hi ajātā jāyamānā uppajjantīti vuccanti. Punappunaṃ āsevitā thāmagatā appaṭivinītā anusentīti. Kāyavacīdvāraṃ sampattā samudācarantīti, idametesaṃ nānākaraṇaṃ. Taṃ netaṃ mamātiādīsu taṃ pañcakkhandhappabhedaṃ ārammaṇametaṃ mayhaṃ na hoti, ahampi eso na asmi, eso me attāpi na hotīti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya passatoti evaṃ tāva padattho veditabbo.

    ยสฺมา ปน เอตฺถ เอตํ มมาติ ตณฺหาคาโห, ตญฺจ คณฺหโนฺต อฎฺฐสตตณฺหาวิจริตปฺปเภทํ ตณฺหาปปญฺจํ คณฺหาติฯ เอโสหมสฺมีติ มานคาโห, ตญฺจ คณฺหโนฺต นวปฺปเภทํ มานปปญฺจํ คณฺหาติฯ เอโส เม อตฺตาติ ทิฎฺฐิคาโห, ตญฺจ คณฺหโนฺต ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตปฺปเภทํ ทิฎฺฐิปปญฺจํ คณฺหาติฯ ตสฺมา เนตํ มมาติ วทโนฺต ภควา ยถาวุตฺตปฺปเภทํ ตณฺหาปปญฺจํ ปฎิกฺขิปติฯ เนโสหมสฺมีติ มานปปญฺจํฯ น เมโส อตฺตาติ ทิฎฺฐิปปญฺจํฯ ทิเฎฺฐกฎฺฐาเยว เจตฺถ ตณฺหามานา เวทิตพฺพาฯ เอวเมตนฺติ เอวํ ‘‘เนตํ มมา’’ติอาทินา อากาเรน เอตํ ขนฺธปญฺจกํฯ ยถาภูตนฺติ ยถา สภาวํ, ยถา อตฺถีติ วุตฺตํ โหติฯ ขนฺธปญฺจกญฺหิ เอเตเนว อากาเรน อตฺถิฯ มมนฺติอาทินา ปน คยฺหมานมฺปิ เตนากาเรน เนวตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสโตติ โสตาปตฺติมคฺคปญฺญาปริโยสานาย วิปสฺสนาปญฺญาย สุฎฺฐุ ปสฺสนฺตสฺสฯ เอวเมตาสนฺติ เอเตน อุปาเยน เอตาสํฯ ปหานํ ปฎินิสฺสโคฺคติ อุภยเมฺปตํ สมุเจฺฉทปฺปหานเสฺสวาธิวจนํฯ

    Yasmā pana ettha etaṃ mamāti taṇhāgāho, tañca gaṇhanto aṭṭhasatataṇhāvicaritappabhedaṃ taṇhāpapañcaṃ gaṇhāti. Esohamasmīti mānagāho, tañca gaṇhanto navappabhedaṃ mānapapañcaṃ gaṇhāti. Eso me attāti diṭṭhigāho, tañca gaṇhanto dvāsaṭṭhidiṭṭhigatappabhedaṃ diṭṭhipapañcaṃ gaṇhāti. Tasmā netaṃ mamāti vadanto bhagavā yathāvuttappabhedaṃ taṇhāpapañcaṃ paṭikkhipati. Nesohamasmīti mānapapañcaṃ. Na meso attāti diṭṭhipapañcaṃ. Diṭṭhekaṭṭhāyeva cettha taṇhāmānā veditabbā. Evametanti evaṃ ‘‘netaṃ mamā’’tiādinā ākārena etaṃ khandhapañcakaṃ. Yathābhūtanti yathā sabhāvaṃ, yathā atthīti vuttaṃ hoti. Khandhapañcakañhi eteneva ākārena atthi. Mamantiādinā pana gayhamānampi tenākārena nevatthīti adhippāyo. Sammappaññāya passatoti sotāpattimaggapaññāpariyosānāya vipassanāpaññāya suṭṭhu passantassa. Evametāsanti etena upāyena etāsaṃ. Pahānaṃ paṭinissaggoti ubhayampetaṃ samucchedappahānassevādhivacanaṃ.

    เอวํ ภควา อาทิมนสิกาเรเนว ทิฎฺฐีนํ ปหานํ โหติ นุ โข โนติ อายสฺมตา มหาจุเนฺทน อธิมานิกานํ วเสน ปญฺหํ ปุโฎฺฐ โสตาปตฺติมเคฺคน ทิฎฺฐิปฺปหานํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สยเมว อธิมานิกานํ ฌานํ วิภชโนฺต ฐานํ โข ปเนตนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อธิมานิกา นาม เยสํ อปฺปเตฺต ปตฺตสญฺญาย อธิมาโน อุปฺปชฺชติ, สฺวายํ อุปฺปชฺชมาโน เนว โลกวฎฺฎานุสารีนํ พาลปุถุชฺชนานํ อุปฺปชฺชติ, น อริยสาวกานํฯ น หิ โสตาปนฺนสฺส ‘‘สกทาคามี อห’’นฺติ อธิมาโน อุปฺปชฺชติ, น สกทาคามิสฺส ‘‘อนาคามี อห’’นฺติ, น อนาคามิโน ‘‘อรหา อห’’นฺติ, การกเสฺสว ปน สมถวเสน วา วิปสฺสนาวเสน วา วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส นิจฺจํ ยุตฺตปยุตฺตสฺส อารทฺธวิปสฺสกสฺส อุปฺปชฺชติฯ ตสฺส หิ สมถวิกฺขมฺภิตานํ วา วิปสฺสนาวิกฺขมฺภิตานํ วา กิเลสานํ สมุทาจารํ อปสฺสโต ‘‘โสตาปโนฺน อหนฺติ วา, สกทาคามี, อนาคามี , อรหา อห’’นฺติ วา อธิมาโน อุปฺปชฺชติ, ตลงฺครติสฺสปพฺพตวาสิธมฺมทินฺนเตฺถเรน โอวาทิยมานเตฺถรานํ วิยฯ

    Evaṃ bhagavā ādimanasikāreneva diṭṭhīnaṃ pahānaṃ hoti nu kho noti āyasmatā mahācundena adhimānikānaṃ vasena pañhaṃ puṭṭho sotāpattimaggena diṭṭhippahānaṃ dassetvā idāni sayameva adhimānikānaṃ jhānaṃ vibhajanto ṭhānaṃ kho panetantiādimāha. Tattha adhimānikā nāma yesaṃ appatte pattasaññāya adhimāno uppajjati, svāyaṃ uppajjamāno neva lokavaṭṭānusārīnaṃ bālaputhujjanānaṃ uppajjati, na ariyasāvakānaṃ. Na hi sotāpannassa ‘‘sakadāgāmī aha’’nti adhimāno uppajjati, na sakadāgāmissa ‘‘anāgāmī aha’’nti, na anāgāmino ‘‘arahā aha’’nti, kārakasseva pana samathavasena vā vipassanāvasena vā vikkhambhitakilesassa niccaṃ yuttapayuttassa āraddhavipassakassa uppajjati. Tassa hi samathavikkhambhitānaṃ vā vipassanāvikkhambhitānaṃ vā kilesānaṃ samudācāraṃ apassato ‘‘sotāpanno ahanti vā, sakadāgāmī, anāgāmī , arahā aha’’nti vā adhimāno uppajjati, talaṅgaratissapabbatavāsidhammadinnattherena ovādiyamānattherānaṃ viya.

    เถรสฺส กิร อจิรูปสมฺปนฺนเสฺสว โอวาเท ฐตฺวา พหู ภิกฺขู วิเสสํ อธิคจฺฉิํสุฯ ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา ติสฺสมหาวิหารวาสี ภิกฺขุสโงฺฆ ‘‘น อฎฺฐานนิโยชโก เถโรติ เถรํ อาเนถา’’ติ สมฺพหุเล ภิกฺขู ปาเหสิฯ เต คนฺตฺวา, ‘‘อาวุโส, ธมฺมทินฺน ภิกฺขุสโงฺฆ ตํ ปโกฺกสาเปตี’’ติ อาหํสุฯ โส อาห ‘‘กิํ ปน ตุเมฺห, ภเนฺต, อตฺตานํ คเวสถ ปร’’นฺติ? อตฺตานํ สปฺปุริสาติ, โส เตสํ กมฺมฎฺฐานมทาสิ, สเพฺพว อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ ภิกฺขุสโงฺฆ ปุน อเญฺญ ภิกฺขู ปาเหสิ, เอวํ ยาวตติยํ ปหิตา สเพฺพปิ ตเตฺถว อรหตฺตํ ปตฺวา วิหริํสุฯ

    Therassa kira acirūpasampannasseva ovāde ṭhatvā bahū bhikkhū visesaṃ adhigacchiṃsu. Taṃ pavattiṃ sutvā tissamahāvihāravāsī bhikkhusaṅgho ‘‘na aṭṭhānaniyojako theroti theraṃ ānethā’’ti sambahule bhikkhū pāhesi. Te gantvā, ‘‘āvuso, dhammadinna bhikkhusaṅgho taṃ pakkosāpetī’’ti āhaṃsu. So āha ‘‘kiṃ pana tumhe, bhante, attānaṃ gavesatha para’’nti? Attānaṃ sappurisāti, so tesaṃ kammaṭṭhānamadāsi, sabbeva arahattaṃ pāpuṇiṃsu. Bhikkhusaṅgho puna aññe bhikkhū pāhesi, evaṃ yāvatatiyaṃ pahitā sabbepi tattheva arahattaṃ patvā vihariṃsu.

    ตโต สโงฺฆ คตคตา นาคจฺฉนฺตีติ อญฺญตรํ วุฑฺฒปพฺพชิตํ ปาเหสิฯ โส คนฺตฺวา จ, ‘‘ภเนฺต, ธมฺมทินฺน ติกฺขตฺตุํ ติสฺสมหาวิหารวาสี ภิกฺขุสโงฺฆ ตุยฺหํ สนฺติเก เปเสสิ, ตฺวํ นาม สงฺฆสฺส อาณํ ครุํ น กโรสิ, นาคจฺฉสี’’ติ อาหฯ เถโร กิเมตนฺติ ปณฺณสาลํ อปฺปวิสิตฺวาว ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา ตาวเทว นิกฺขมิ, โส อนฺตรามเคฺค หงฺกนวิหารํ ปาวิสิฯ ตตฺถ เจโก มหาเถโร สฎฺฐิวสฺสาตีโต อธิมาเนน อรหตฺตํ ปฎิชานาติฯ เถโร ตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปฎิสนฺถารํ กตฺวา อธิคมํ ปุจฺฉิฯ เถโร อาห ‘‘อาม ธมฺมทินฺน, ยํ ปพฺพชิเตน กาตพฺพํ, จิรกตํ ตํ มยา, อตีตสฎฺฐิวโสฺสมฺหิ เอตรหี’’ติฯ กิํ, ภเนฺต, อิทฺธิมฺปิ วฬเญฺชถาติฯ อาม ธมฺมทินฺนาติฯ สาธุ วต, ภเนฺต, หตฺถิํ ตุมฺหากํ ปฎิมุขํ อาคจฺฉนฺตํ มาเปถาติฯ สาธาวุโสติ เถโร สพฺพเสตํ สตฺตปฺปติฎฺฐํ ติธาปภินฺนํ นงฺคุฎฺฐํ พีชยมานํ โสณฺฑํ มุเข ปกฺขิปิตฺวา ทฺวีหิ ทเนฺตหิ วิชฺฌิตุกามํ วิย ปฎิมุขํ อาคจฺฉนฺตํ มหาหตฺถิํ มาเปสิฯ โส ตํ อตฺตนาเยว มาปิตํ หตฺถิํ ทิสฺวา ภีโต ปลายิตุํ อารภิฯ ตทาว อตฺตานํ ‘‘นาหํ อรหา’’ติ ญตฺวา ธมฺมทินฺนสฺส ปาทมูเล อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา ‘‘ปติฎฺฐา เม โหหิ, อาวุโส’’ติ อาหฯ ธมฺมทิโนฺน ‘‘มา, ภเนฺต, โสจิ, มา อนตฺตมโน อโหสิ, การกานํเยว อธิมาโน อุปฺปชฺชตี’’ติ เถรํ สมสฺสาเสตฺวา กมฺมฎฺฐานมทาสิฯ เถโร ตโสฺสวาเท ฐตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ

    Tato saṅgho gatagatā nāgacchantīti aññataraṃ vuḍḍhapabbajitaṃ pāhesi. So gantvā ca, ‘‘bhante, dhammadinna tikkhattuṃ tissamahāvihāravāsī bhikkhusaṅgho tuyhaṃ santike pesesi, tvaṃ nāma saṅghassa āṇaṃ garuṃ na karosi, nāgacchasī’’ti āha. Thero kimetanti paṇṇasālaṃ appavisitvāva pattacīvaraṃ gāhāpetvā tāvadeva nikkhami, so antarāmagge haṅkanavihāraṃ pāvisi. Tattha ceko mahāthero saṭṭhivassātīto adhimānena arahattaṃ paṭijānāti. Thero taṃ upasaṅkamitvā vanditvā paṭisanthāraṃ katvā adhigamaṃ pucchi. Thero āha ‘‘āma dhammadinna, yaṃ pabbajitena kātabbaṃ, cirakataṃ taṃ mayā, atītasaṭṭhivassomhi etarahī’’ti. Kiṃ, bhante, iddhimpi vaḷañjethāti. Āma dhammadinnāti. Sādhu vata, bhante, hatthiṃ tumhākaṃ paṭimukhaṃ āgacchantaṃ māpethāti. Sādhāvusoti thero sabbasetaṃ sattappatiṭṭhaṃ tidhāpabhinnaṃ naṅguṭṭhaṃ bījayamānaṃ soṇḍaṃ mukhe pakkhipitvā dvīhi dantehi vijjhitukāmaṃ viya paṭimukhaṃ āgacchantaṃ mahāhatthiṃ māpesi. So taṃ attanāyeva māpitaṃ hatthiṃ disvā bhīto palāyituṃ ārabhi. Tadāva attānaṃ ‘‘nāhaṃ arahā’’ti ñatvā dhammadinnassa pādamūle ukkuṭikaṃ nisīditvā ‘‘patiṭṭhā me hohi, āvuso’’ti āha. Dhammadinno ‘‘mā, bhante, soci, mā anattamano ahosi, kārakānaṃyeva adhimāno uppajjatī’’ti theraṃ samassāsetvā kammaṭṭhānamadāsi. Thero tassovāde ṭhatvā arahattaṃ pāpuṇi.

    จิตฺตลปพฺพเตปิ ตาทิโสว เถโร วสติฯ ธมฺมทิโนฺน ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ตเถว ปุจฺฉิฯ โสปิ ตเถว พฺยากาสิฯ ตโต นํ ธมฺมทิโนฺน กิํ, ภเนฺต, อิทฺธิมฺปิ วฬเญฺชถาติ อาหฯ อามาวุโสติฯ สาธุ วต, ภเนฺต, เอกํ โปกฺขรณิํ มาเปถาติฯ เถโร มาเปสิฯ เอตฺถ, ภเนฺต, ปทุมคุมฺพํ มาเปถาติฯ ตมฺปิ มาเปสิฯ ปทุมคุเมฺพ มหาปทุมํ มาเปถาติฯ ตมฺปิ มาเปสิฯ เอตสฺมิํ ปทุมคุเมฺพ ฐตฺวา มธุรสฺสเรน คายนฺตํ นจฺจนฺตญฺจ เอกํ อิตฺถิวิคฺคหํ มาเปถาติฯ ตมฺปิ มาเปสิฯ โส เอตํ, ภเนฺต, ปุนปฺปุนํ อุปนิชฺฌายถาติ วตฺวา สยํ ปาสาทํ ปาวิสิฯ เถรสฺส ตํ อุปนิชฺฌายโต สฎฺฐิวสฺสานิ วิกฺขมฺภิตกิเลสา จลิํสุ, โส ตทา อตฺตานํ ญตฺวา ปุริมเตฺถโร วิย ธมฺมทินฺนเตฺถรสฺส สนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ

    Cittalapabbatepi tādisova thero vasati. Dhammadinno tampi upasaṅkamitvā tatheva pucchi. Sopi tatheva byākāsi. Tato naṃ dhammadinno kiṃ, bhante, iddhimpi vaḷañjethāti āha. Āmāvusoti. Sādhu vata, bhante, ekaṃ pokkharaṇiṃ māpethāti. Thero māpesi. Ettha, bhante, padumagumbaṃ māpethāti. Tampi māpesi. Padumagumbe mahāpadumaṃ māpethāti. Tampi māpesi. Etasmiṃ padumagumbe ṭhatvā madhurassarena gāyantaṃ naccantañca ekaṃ itthiviggahaṃ māpethāti. Tampi māpesi. So etaṃ, bhante, punappunaṃ upanijjhāyathāti vatvā sayaṃ pāsādaṃ pāvisi. Therassa taṃ upanijjhāyato saṭṭhivassāni vikkhambhitakilesā caliṃsu, so tadā attānaṃ ñatvā purimatthero viya dhammadinnattherassa santike kammaṭṭhānaṃ gahetvā arahattaṃ pāpuṇi.

    ธมฺมทิโนฺนปิ อนุปุเพฺพน ติสฺสมหาวิหารํ อคมาสิฯ ตสฺมิญฺจ สมเย เถรา เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีติํ อุปฺปาเทตฺวา นิสินฺนา โหนฺติ, เอตํ กิร เตสํ วตฺตํฯ เตน เนสํ เอโกปิ ‘‘อิธ ปตฺตจีวรํ ฐเปหี’’ติ ธมฺมทินฺนํ วตฺตา ปุจฺฉิตาปิ นาโหสิฯ ธมฺมทิโนฺน เอโส ภเวยฺยาติ ญตฺวา ปน ปญฺหํ ปุจฺฉิํสุฯ โส ปุจฺฉิตปเญฺห ติเณฺหน อสินา กุมุทนาฬกลาปํ วิย ฉินฺทิตฺวา ปาทงฺคุลิยา มหาปถวิํ ปหริฯ ภเนฺต อยํ อเจตนา มหาปถวีปิ ธมฺมทินฺนสฺส คุณํ ชานาติฯ ตุเมฺห ปน น ชานิตฺถาติ จ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

    Dhammadinnopi anupubbena tissamahāvihāraṃ agamāsi. Tasmiñca samaye therā cetiyaṅgaṇaṃ sammajjitvā buddhārammaṇaṃ pītiṃ uppādetvā nisinnā honti, etaṃ kira tesaṃ vattaṃ. Tena nesaṃ ekopi ‘‘idha pattacīvaraṃ ṭhapehī’’ti dhammadinnaṃ vattā pucchitāpi nāhosi. Dhammadinno eso bhaveyyāti ñatvā pana pañhaṃ pucchiṃsu. So pucchitapañhe tiṇhena asinā kumudanāḷakalāpaṃ viya chinditvā pādaṅguliyā mahāpathaviṃ pahari. Bhante ayaṃ acetanā mahāpathavīpi dhammadinnassa guṇaṃ jānāti. Tumhe pana na jānitthāti ca vatvā imaṃ gāthamāha –

    ‘‘อเจตนายํ ปถวี, วิชานาติ คุณาคุณํ;

    ‘‘Acetanāyaṃ pathavī, vijānāti guṇāguṇaṃ;

    สเจตนาถ โข ภเนฺต, น ชานาถ คุณาคุณ’’นฺติฯ

    Sacetanātha kho bhante, na jānātha guṇāguṇa’’nti.

    ตาวเทว จ อากาเส อพฺภุคฺคนฺตฺวา ตลงฺครติสฺสปพฺพตเมว อคมาสิฯ เอวํ การกเสฺสว อธิมาโน อุปฺปชฺชติฯ ตสฺมา ภควา ตาทิสานํ ภิกฺขูนํ วเสน ฌานํ วิภชโนฺต ฐานํ โข ปเนตนฺติอาทิมาหฯ

    Tāvadeva ca ākāse abbhuggantvā talaṅgaratissapabbatameva agamāsi. Evaṃ kārakasseva adhimāno uppajjati. Tasmā bhagavā tādisānaṃ bhikkhūnaṃ vasena jhānaṃ vibhajanto ṭhānaṃ kho panetantiādimāha.

    ตสฺสโตฺถ, อเตฺถตํ การณํ, โน นตฺถิฯ เยน อิเธกโจฺจ ภิกฺขุ พาหิรปริพฺพาชเกหิ สาธารณํ วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย, ยํ ปน ตสฺส เอวมสฺส สเลฺลเขน วิหรามีติ, ยํ ปฎิปตฺติวิธานํ กิเลเส สํลิขติ, เตนาหํ วิหรามีติ, ตํ น ยุชฺชติ, น หิ อธิมานิกสฺส ภิกฺขุโน ฌานํ สเลฺลโข วา สเลฺลขปฎิปทา วา โหติฯ กสฺมา? อวิปสฺสนาปาทกตฺตาฯ น หิ โส ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฎฺฐาย สงฺขาเร สมฺมสติ, ฌานํ ปนสฺส จิเตฺตกคฺคมตฺตํ กโรติ, ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาโร โหติฯ ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ภควา ‘‘น โข ปเนเต, จุนฺท, อริยสฺส วินเย สเลฺลขา วุจฺจนฺติ, ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารา เอเต อริยสฺส วินเย วุจฺจนฺตี’’ติ อาหฯ

    Tassattho, atthetaṃ kāraṇaṃ, no natthi. Yena idhekacco bhikkhu bāhiraparibbājakehi sādhāraṇaṃ vivicceva kāmehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja vihareyya, yaṃ pana tassa evamassa sallekhena viharāmīti, yaṃ paṭipattividhānaṃ kilese saṃlikhati, tenāhaṃ viharāmīti, taṃ na yujjati, na hi adhimānikassa bhikkhuno jhānaṃ sallekho vā sallekhapaṭipadā vā hoti. Kasmā? Avipassanāpādakattā. Na hi so jhānaṃ samāpajjitvā tato vuṭṭhāya saṅkhāre sammasati, jhānaṃ panassa cittekaggamattaṃ karoti, diṭṭhadhammasukhavihāro hoti. Tasmā tamatthaṃ dassento bhagavā ‘‘na kho panete, cunda, ariyassa vinaye sallekhā vuccanti, diṭṭhadhammasukhavihārā ete ariyassa vinaye vuccantī’’ti āha.

    ตตฺถ เอเตติ ฌานธมฺมวเสน พหุวจนํ เวทิตพฺพํ, เอเต ปฐมชฺฌานธมฺมาติ วุตฺตํ โหติฯ สมาปตฺติวเสน วา, เอกมฺปิ หิ ปฐมชฺฌานํ ปุนปฺปุนํ สมาปตฺติวเสน ปวตฺตตฺตา พหุตฺตํ คจฺฉติฯ อารมฺมณวเสน วา, เอกมฺปิ หิ ปฐมชฺฌานํ ปถวีกสิณาทีสุ ปวตฺติวเสน พหุตฺตํ คจฺฉตีติฯ เอส นโย ทุติยตติยจตุตฺถชฺฌาเนสุฯ อารุปฺปฌาเนสุ ปน อารมฺมณเภทาภาวโต ปุริมการณทฺวยวเสเนว พหุวจนํ เวทิตพฺพํฯ

    Tattha eteti jhānadhammavasena bahuvacanaṃ veditabbaṃ, ete paṭhamajjhānadhammāti vuttaṃ hoti. Samāpattivasena vā, ekampi hi paṭhamajjhānaṃ punappunaṃ samāpattivasena pavattattā bahuttaṃ gacchati. Ārammaṇavasena vā, ekampi hi paṭhamajjhānaṃ pathavīkasiṇādīsu pavattivasena bahuttaṃ gacchatīti. Esa nayo dutiyatatiyacatutthajjhānesu. Āruppajhānesu pana ārammaṇabhedābhāvato purimakāraṇadvayavaseneva bahuvacanaṃ veditabbaṃ.

    ยสฺมา เจเตสํ องฺคานิปิ สนฺตานิ อารมฺมณานิปิ, นิพฺพุตานิ เจว สุขุมานิ จาติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา ตานิ สนฺตา เอเต วิหาราติ เอวํ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิฯ อยํ ตาว เตสํ จตุนฺนมฺปิ สาธารณา วณฺณนาฯ วิเสสวณฺณนา ปน ‘‘สพฺพโส รูปสญฺญาน’’นฺติอาทิปทานุสารโต วตฺตพฺพา สิยาฯ สา วิสุทฺธิมเคฺค สพฺพากาเรน วุตฺตาเยวฯ

    Yasmā cetesaṃ aṅgānipi santāni ārammaṇānipi, nibbutāni ceva sukhumāni cāti vuttaṃ hoti, tasmā tāni santā ete vihārāti evaṃ vuttānīti veditabbāni. Ayaṃ tāva tesaṃ catunnampi sādhāraṇā vaṇṇanā. Visesavaṇṇanā pana ‘‘sabbaso rūpasaññāna’’ntiādipadānusārato vattabbā siyā. Sā visuddhimagge sabbākārena vuttāyeva.

    ๘๓. เอวํ ยสฺมา อธิมานิกสฺส ภิกฺขุโน ฌานวิหาโร อวิปสฺสนาปาทกตฺตา สเลฺลขวิหาโร น โหติ, น หิ โส ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฎฺฐาย สงฺขาเร สมฺมสติ, จิเตฺตกคฺคกโร ทิฎฺฐธเมฺม สุขวิหาโร ปนสฺส โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต รูปชฺฌานานิ จ อรูปชฺฌานานิ จ วิภชิตฺวา อิทานิ จ ยตฺถ สเลฺลโข กาตโพฺพ จตุจตฺตาลีสาย อากาเรหิ, ตญฺจ วตฺถุํ ตญฺจ สเลฺลขํ ทเสฺสโนฺต อิธ โข ปน โวติอาทิมาหฯ

    83. Evaṃ yasmā adhimānikassa bhikkhuno jhānavihāro avipassanāpādakattā sallekhavihāro na hoti, na hi so jhānaṃ samāpajjitvā tato vuṭṭhāya saṅkhāre sammasati, cittekaggakaro diṭṭhadhamme sukhavihāro panassa hoti, tasmā tamatthaṃ dassento rūpajjhānāni ca arūpajjhānāni ca vibhajitvā idāni ca yattha sallekho kātabbo catucattālīsāya ākārehi, tañca vatthuṃ tañca sallekhaṃ dassento idha kho pana votiādimāha.

    กสฺมา ปน ‘‘อฎฺฐหิ สมาปตฺตีหิ อวิหิํสาทโย สเลฺลขา’’ติ วุตฺตา? โลกุตฺตรปาทกตฺตาฯ พาหิรกานญฺหิ อฎฺฐ สมาปตฺติโย วฎฺฎปาทกาเยวฯ สาสเน สรณคมนมฺปิ โลกุตฺตรปาทกํ, ปเคว อวิหิํสาทโยฯ อิมินาเยว จ สุเตฺตน เวทิตพฺพํ ‘‘ยถา พาหิรกสฺส อฎฺฐสมาปตฺติลาภิโน ปญฺจาภิญฺญสฺสาปิ ทินฺนทานโต สาสเน ติสรณคตสฺส ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ โหตี’’ติฯ อิทญฺหิ สนฺธาย ทกฺขิณาวิสุทฺธิสุเตฺต ‘‘พาหิรเก กาเมสุ วีตราเค ทานํ ทตฺวา โกฎิสตสหสฺสคุณา ปาฎิกงฺขิตพฺพาฯ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปเนฺน ทานํ ทตฺวา อสเงฺขยฺยา อปฺปเมยฺยา ทกฺขิณา ปาฎิกงฺขิตพฺพา, โก ปน วาโท โสตาปเนฺน’’ติ วุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๓๗๙)ฯ สรณคมนโต ปฎฺฐาย หิ ตตฺถ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺน อธิเปฺปโตติ, อยํ ตาเวตฺถ ปาฬิโยชนาฯ

    Kasmā pana ‘‘aṭṭhahi samāpattīhi avihiṃsādayo sallekhā’’ti vuttā? Lokuttarapādakattā. Bāhirakānañhi aṭṭha samāpattiyo vaṭṭapādakāyeva. Sāsane saraṇagamanampi lokuttarapādakaṃ, pageva avihiṃsādayo. Imināyeva ca suttena veditabbaṃ ‘‘yathā bāhirakassa aṭṭhasamāpattilābhino pañcābhiññassāpi dinnadānato sāsane tisaraṇagatassa dinnadānaṃ mahapphalataraṃ hotī’’ti. Idañhi sandhāya dakkhiṇāvisuddhisutte ‘‘bāhirake kāmesu vītarāge dānaṃ datvā koṭisatasahassaguṇā pāṭikaṅkhitabbā. Sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipanne dānaṃ datvā asaṅkheyyā appameyyā dakkhiṇā pāṭikaṅkhitabbā, ko pana vādo sotāpanne’’ti vuttaṃ (ma. ni. 3.379). Saraṇagamanato paṭṭhāya hi tattha sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipanno adhippetoti, ayaṃ tāvettha pāḷiyojanā.

    อนุปทวณฺณนายํ ปน อิธาติ วิหิํสาทิวตฺถุทีปนเมตํฯ โข ปนาติ นิปาตมตฺตํฯ โวติ กรณเตฺถ สามิวจนํ, อยํ ปน สเงฺขปโตฺถ, ยเทตํ ‘‘ปเร วิหิํสกา ภวิสฺสนฺตี’’ติอาทินา นเยน วิหิํสาทิวตฺถุํ วทามฯ อิธ, จุนฺท, ตุเมฺหหิ สเลฺลโข กาตโพฺพติฯ

    Anupadavaṇṇanāyaṃ pana idhāti vihiṃsādivatthudīpanametaṃ. Kho panāti nipātamattaṃ. Voti karaṇatthe sāmivacanaṃ, ayaṃ pana saṅkhepattho, yadetaṃ ‘‘pare vihiṃsakā bhavissantī’’tiādinā nayena vihiṃsādivatthuṃ vadāma. Idha, cunda, tumhehi sallekho kātabboti.

    เอวํ สเงฺขปโต วตฺวา อิทานิ วิตฺถาเรโนฺต ‘‘ปเร วิหิํสกา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อวิหิํสกา ภวิสฺสามาติ สเลฺลโข กรณีโย’’ติอาทิมาหฯ

    Evaṃ saṅkhepato vatvā idāni vitthārento ‘‘pare vihiṃsakā bhavissanti, mayamettha avihiṃsakā bhavissāmāti sallekho karaṇīyo’’tiādimāha.

    ตตฺถ ปเรติ เย เกจิ อิมํ สเลฺลขมนนุยุตฺตาฯ วิหิํสกา ภวิสฺสนฺตีติ ปาณินา วา เลฑฺฑุนา วาติอาทีหิ สตฺตานํ วิเหสกา ภวิสฺสนฺติฯ มยเมตฺถ อวิหิํสกา ภวิสฺสามาติ มยํ ปน ยเตฺถว วตฺถุสฺมิํ ปเร เอวํ วิหิํสกา ภวิสฺสนฺติ, เอเตฺถว อวิหิํสกา ภวิสฺสาม, อวิหิํสํ อุปฺปาเทตฺวา วิหริสฺสามฯ อิติ สเลฺลโข กรณีโยติ เอวํ ตุเมฺหหิ สเลฺลโข กาตโพฺพ ฯ สเลฺลโขติ จ อิธ อวิหิํสาว เวทิตพฺพาฯ อวิหิํสา หิ วิหิํสํ สเลฺลขติ, ตํ ฉินฺทติ, ตสฺมา สเลฺลโขติ วุจฺจติฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ อยํ ปน วิเสโสฯ ปเร มิจฺฉาทิฎฺฐีติ เอตฺถ กมฺมปถานํ อนฺตมิจฺฉาทิฎฺฐิญฺจ มิจฺฉตฺตานํ อาทิมิจฺฉาทิฎฺฐิญฺจ มิเสฺสตฺวา ทิฎฺฐิ วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ ตถา มยเมตฺถ สมฺมาทิฎฺฐีติ วุตฺตฎฺฐาเน สมฺมาทิฎฺฐิฯ เอตฺถ จ กมฺมปถกถา วิตฺถารโต สมฺมาทิฎฺฐิสุเตฺต อาวิ ภวิสฺสติฯ มิจฺฉเตฺตสุ มิจฺฉาทิฎฺฐิอาทโย เทฺวธาวิตเกฺกฯ

    Tattha pareti ye keci imaṃ sallekhamananuyuttā. Vihiṃsakā bhavissantīti pāṇinā vā leḍḍunā vātiādīhi sattānaṃ vihesakā bhavissanti. Mayamettha avihiṃsakā bhavissāmāti mayaṃ pana yattheva vatthusmiṃ pare evaṃ vihiṃsakā bhavissanti, ettheva avihiṃsakā bhavissāma, avihiṃsaṃ uppādetvā viharissāma. Iti sallekho karaṇīyoti evaṃ tumhehi sallekho kātabbo . Sallekhoti ca idha avihiṃsāva veditabbā. Avihiṃsā hi vihiṃsaṃ sallekhati, taṃ chindati, tasmā sallekhoti vuccati. Esa nayo sabbattha. Ayaṃ pana viseso. Pare micchādiṭṭhīti ettha kammapathānaṃ antamicchādiṭṭhiñca micchattānaṃ ādimicchādiṭṭhiñca missetvā diṭṭhi vuttāti veditabbā. Tathā mayamettha sammādiṭṭhīti vuttaṭṭhāne sammādiṭṭhi. Ettha ca kammapathakathā vitthārato sammādiṭṭhisutte āvi bhavissati. Micchattesu micchādiṭṭhiādayo dvedhāvitakke.

    อยํ ปเนตฺถ สเงฺขโป, ปาณํ อติปาเตนฺตีติ ปาณาติปาตี ปาณฆาตกาติ อโตฺถฯ อทินฺนํ อาทิยนฺตีติ อทินฺนาทายี, ปรสฺส หาริโนติ อโตฺถฯ อพฺรหฺมํ หีนํ ลามกธมฺมํ จรนฺตีติ อพฺรหฺมจารี, เมถุนธมฺมปฺปฎิเสวกาติ อโตฺถฯ พฺรหฺมํ เสฎฺฐํ ปฎิปทํ จรนฺตีติ พฺรหฺมจารี, เมถุนา ปฎิวิรตาติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ พฺรหฺมจริยํ สเลฺลโขติ เวทิตพฺพํฯ พฺรหฺมจริยญฺหิ อพฺรหฺมจริยํ สเลฺลขติฯ มุสา วทนฺตีติ มุสาวาที, ปเรสํ อตฺถภญฺชนกํ ตุจฺฉํ อลิกํ วาจํ ภาสิตาโรติ อโตฺถฯ ปิสุณา วาจา เอเตสนฺติ ปิสุณวาจาฯ ปเรสํ มมฺมเจฺฉทิกา ผรุสา วาจา เอเตสนฺติ ผรุสวาจาฯ สมฺผํ นิรตฺถกวจนํ ปลปนฺตีติ สมฺผปฺปลาปีฯ อภิชฺฌายนฺตีติ อภิชฺฌาลู, ปรภณฺฑลุพฺภนสีลาติ อโตฺถฯ พฺยาปนฺนํ ปูติภูตํ จิตฺตเมเตสนฺติ พฺยาปนฺนจิตฺตาฯ มิจฺฉา ปาปิกา วิญฺญุครหิตา เอเตสํ ทิฎฺฐีติ มิจฺฉาทิฎฺฐี, กมฺมปถปริยาปนฺนาย นตฺถิ ทินฺนนฺติอาทิวตฺถุกาย, มิจฺฉตฺตปริยาปนฺนาย อนิยฺยานิกทิฎฺฐิยา จ สมนฺนาคตาติ อโตฺถฯ สมฺมา โสภนา วิญฺญุปฺปสตฺถา เอเตสํ ทิฎฺฐีติ สมฺมาทิฎฺฐี, กมฺมปถปริยาปนฺนาย อตฺถิ ทินฺนนฺติอาทิกาย กมฺมสฺสกตาทิฎฺฐิยา, สมฺมตฺตปริยาปนฺนาย มคฺคทิฎฺฐิยา จ สมนฺนาคตาติ อโตฺถฯ

    Ayaṃ panettha saṅkhepo, pāṇaṃ atipātentīti pāṇātipātī pāṇaghātakāti attho. Adinnaṃ ādiyantīti adinnādāyī, parassa hārinoti attho. Abrahmaṃ hīnaṃ lāmakadhammaṃ carantīti abrahmacārī, methunadhammappaṭisevakāti attho. Brahmaṃ seṭṭhaṃ paṭipadaṃ carantīti brahmacārī, methunā paṭiviratāti attho. Ettha ca brahmacariyaṃ sallekhoti veditabbaṃ. Brahmacariyañhi abrahmacariyaṃ sallekhati. Musā vadantīti musāvādī, paresaṃ atthabhañjanakaṃ tucchaṃ alikaṃ vācaṃ bhāsitāroti attho. Pisuṇā vācā etesanti pisuṇavācā. Paresaṃ mammacchedikā pharusā vācā etesanti pharusavācā. Samphaṃ niratthakavacanaṃ palapantīti samphappalāpī. Abhijjhāyantīti abhijjhālū, parabhaṇḍalubbhanasīlāti attho. Byāpannaṃ pūtibhūtaṃ cittametesanti byāpannacittā. Micchā pāpikā viññugarahitā etesaṃ diṭṭhīti micchādiṭṭhī, kammapathapariyāpannāya natthi dinnantiādivatthukāya, micchattapariyāpannāya aniyyānikadiṭṭhiyā ca samannāgatāti attho. Sammā sobhanā viññuppasatthā etesaṃ diṭṭhīti sammādiṭṭhī, kammapathapariyāpannāya atthi dinnantiādikāya kammassakatādiṭṭhiyā, sammattapariyāpannāya maggadiṭṭhiyā ca samannāgatāti attho.

    มิจฺฉาสงฺกปฺปาติ อยาถาวอนิยฺยานิกอกุสลสงฺกปฺปาฯ เอส นโย มิจฺฉาวาจาติอาทีสุฯ อยํ ปน วิเสโส, มิจฺฉาสงฺกปฺปาทโย วิย หิ มิจฺฉาสติ นาม ปาฎิเอโกฺก โกจิ ธโมฺม นตฺถิ, อตีตํ ปน จินฺตยโต ปวตฺตานํ จตุนฺนมฺปิ อกุสลกฺขนฺธานเมตํ อธิวจนํฯ ยมฺปิ วุตฺตํ ภควตา – ‘‘อเตฺถสา, ภิกฺขเว, อนุสฺสติ, เนสา นตฺถีติ วทามิ, ปุตฺตลาภํ วา, ภิกฺขเว, อนุสฺสรโต, ธนลาภํ วา, ภิกฺขเว, อนุสฺสรโต, ยสลาภํ วา, ภิกฺขเว, อนุสฺสรโต’’ติ, ตมฺปิ ตํ ตํ จิเนฺตนฺตสฺส สติปติรูปเกน อุปฺปตฺติํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ ฯ มิจฺฉาญาณีติ เอตฺถ จ มิจฺฉาญาณนฺติ ปาปกิริยาสุ อุปายจินฺตาวเสน ปาปํ กตฺวา ‘‘สุกตํ มยา’’ติ ปจฺจเวกฺขณากาเรน จ อุปฺปโนฺน โมโห เวทิตโพฺพ, เตน สมนฺนาคตา ปุคฺคลา มิจฺฉาญาณีฯ สมฺมาญาณีติ เอตฺถ ปน เอกูนวีสติเภทํ ปจฺจเวกฺขณาญาณํ ‘‘สมฺมาญาณ’’นฺติ วุจฺจติ, เตน สมนฺนาคตา ปุคฺคลา สมฺมาญาณีฯ มิจฺฉาวิมุตฺตีติ อวิมุตฺตาเยว สมานา ‘‘วิมุตฺตา มย’’นฺติ เอวํสญฺญิโน, อวิมุตฺติยํ วา วิมุตฺติสญฺญิโนฯ ตตฺรายํ วจนโตฺถ, มิจฺฉา ปาปิกา วิปรีตา วิมุตฺติ เอเตสํ อตฺถีติ มิจฺฉาวิมุตฺตีฯ มิจฺฉาวิมุตฺตีติ จ ยถาวุเตฺตนากาเรน ปวตฺตานํ อกุสลกฺขนฺธานเมตํ อธิวจนํฯ ผลสมฺปยุตฺตานิ ปน สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนิ อฎฺฐงฺคานิ ฐเปตฺวา เสสธมฺมา สมฺมาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพาฯ สา จ มิจฺฉาวิมุตฺติํ สลฺลิขิตฺวา ฐิตตฺตา สเลฺลโขติ เวทิตพฺพาฯ ตตฺถ นิโยเชโนฺต อาห ‘‘มยเมตฺถ สมฺมาวิมุตฺตี ภวิสฺสามาติ สเลฺลโข กรณีโย’’ติฯ

    Micchāsaṅkappāti ayāthāvaaniyyānikaakusalasaṅkappā. Esa nayo micchāvācātiādīsu. Ayaṃ pana viseso, micchāsaṅkappādayo viya hi micchāsati nāma pāṭiekko koci dhammo natthi, atītaṃ pana cintayato pavattānaṃ catunnampi akusalakkhandhānametaṃ adhivacanaṃ. Yampi vuttaṃ bhagavatā – ‘‘atthesā, bhikkhave, anussati, nesā natthīti vadāmi, puttalābhaṃ vā, bhikkhave, anussarato, dhanalābhaṃ vā, bhikkhave, anussarato, yasalābhaṃ vā, bhikkhave, anussarato’’ti, tampi taṃ taṃ cintentassa satipatirūpakena uppattiṃ sandhāya vuttanti veditabbaṃ . Micchāñāṇīti ettha ca micchāñāṇanti pāpakiriyāsu upāyacintāvasena pāpaṃ katvā ‘‘sukataṃ mayā’’ti paccavekkhaṇākārena ca uppanno moho veditabbo, tena samannāgatā puggalā micchāñāṇī. Sammāñāṇīti ettha pana ekūnavīsatibhedaṃ paccavekkhaṇāñāṇaṃ ‘‘sammāñāṇa’’nti vuccati, tena samannāgatā puggalā sammāñāṇī. Micchāvimuttīti avimuttāyeva samānā ‘‘vimuttā maya’’nti evaṃsaññino, avimuttiyaṃ vā vimuttisaññino. Tatrāyaṃ vacanattho, micchā pāpikā viparītā vimutti etesaṃ atthīti micchāvimuttī. Micchāvimuttīti ca yathāvuttenākārena pavattānaṃ akusalakkhandhānametaṃ adhivacanaṃ. Phalasampayuttāni pana sammādiṭṭhiādīni aṭṭhaṅgāni ṭhapetvā sesadhammā sammāvimuttīti veditabbā. Sā ca micchāvimuttiṃ sallikhitvā ṭhitattā sallekhoti veditabbā. Tattha niyojento āha ‘‘mayamettha sammāvimuttī bhavissāmāti sallekho karaṇīyo’’ti.

    อิโต ปรานิ ตีณิ นีวรณวเสน วุตฺตานิฯ อภิชฺฌาลู พฺยาปนฺนจิตฺตาติ เอวํ กมฺมปเถสุ วุตฺตตฺตา ปเนตฺถ ปฐมานิ เทฺว นีวรณานิ น วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิฯ ตตฺถ ถินมิเทฺธน ปริยุฎฺฐิตา อภิภูตาติ ถินมิทฺธปริยุฎฺฐิตาฯ อุทฺธเจฺจน สมนฺนาคตาติ อุทฺธตาฯ วิจินนฺตา กิจฺฉนฺติ น สโกฺกนฺติ สนฺนิฎฺฐานํ กาตุนฺติ วิจิกิจฺฉีฯ โกธนาติอาทีนิ ทส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสวเสน วุตฺตานิฯ ตตฺถ โกธาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ ธมฺมทายาทวตฺถสุเตฺตสุ วุตฺตํฯ อยํ ปเนตฺถ วจนโตฺถ – โกธนาติ กุชฺฌนสีลาฯ อุปนาหีติ อุปนาหนสีลา, อุปนาโห วา เอเตสํ อตฺถีติ อุปนาหีฯ ตถา มกฺขี ปลาสี จฯ อิสฺสนฺตีติ อิสฺสุกีฯ มจฺฉรายนฺตีติ มจฺฉรี, มเจฺฉรํ วา เอเตสํ อตฺถีติ มจฺฉรีฯ สฐยนฺตีติ สฐา, น สมฺมา ภาสนฺตีติ วุตฺตํ โหติ, เกราฎิกยุตฺตานเมตํ อธิวจนํฯ มายา เอเตสํ อตฺถีติ มายาวีฯ ถมฺภสมงฺคิตาย ถทฺธาฯ อติมานโยเคน อติมานีฯ วุตฺตปจฺจนีกนเยน สุกฺกปโกฺข เวทิตโพฺพฯ

    Ito parāni tīṇi nīvaraṇavasena vuttāni. Abhijjhālū byāpannacittāti evaṃ kammapathesu vuttattā panettha paṭhamāni dve nīvaraṇāni na vuttānīti veditabbāni. Tattha thinamiddhena pariyuṭṭhitā abhibhūtāti thinamiddhapariyuṭṭhitā. Uddhaccena samannāgatāti uddhatā. Vicinantā kicchanti na sakkonti sanniṭṭhānaṃ kātunti vicikicchī. Kodhanātiādīni dasa cittassa upakkilesavasena vuttāni. Tattha kodhādīsu yaṃ vattabbaṃ siyā, taṃ sabbaṃ dhammadāyādavatthasuttesu vuttaṃ. Ayaṃ panettha vacanattho – kodhanāti kujjhanasīlā. Upanāhīti upanāhanasīlā, upanāho vā etesaṃ atthīti upanāhī. Tathā makkhī palāsī ca. Issantīti issukī. Maccharāyantīti maccharī, maccheraṃ vā etesaṃ atthīti maccharī. Saṭhayantīti saṭhā, na sammā bhāsantīti vuttaṃ hoti, kerāṭikayuttānametaṃ adhivacanaṃ. Māyā etesaṃ atthīti māyāvī. Thambhasamaṅgitāya thaddhā. Atimānayogena atimānī. Vuttapaccanīkanayena sukkapakkho veditabbo.

    ทุพฺพจาติ วตฺตุํ ทุกฺขา กิญฺจิ วุจฺจมานา น สหนฺติฯ ตพฺพิปรีตา สุวจาฯ เทวทตฺตาทิสทิสา ปาปกา มิตฺตา เอเตสนฺติ ปาปมิตฺตาฯ พุทฺธา วา สาริปุตฺตาทิสทิสา วา กลฺยาณา มิตฺตา เอเตสนฺติ กลฺยาณมิตฺตาฯ กายทุจฺจริตาทีสุ จิตฺตโวสฺสคฺควเสน ปมตฺตาฯ วิปรีตา อปฺปมตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ อิมานิ ตีณิ ปกิณฺณกวเสน วุตฺตานิฯ อสฺสทฺธาติอาทีนิ สตฺต อสทฺธมฺมวเสนฯ ตตฺถ ตีสุ วตฺถูสุ สทฺธา เอเตสํ นตฺถีติ อสฺสทฺธาฯ สุกฺกปเกฺข สทฺทหนฺตีติ สทฺธา, สทฺธา วา เอเตสํ อตฺถีติปิ สทฺธาฯ นตฺถิ เอเตสํ หิรีติ อหิริกา, อกุสลสมาปตฺติยา อชิคุจฺฉมานานเมตํ อธิวจนํฯ หิรี เอเตสํ มเน, หิริยา วา ยุตฺตมนาติ หิริมนาฯ น โอตฺตปฺปนฺตีติ อโนตฺตปฺปี, อกุสลสมาปตฺติยา น ภายนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ ตพฺพิปรีตา โอตฺตปฺปีฯ อปฺปํ สุตเมเตสนฺติ อปฺปสฺสุตา, อปฺปนฺติ จ โถกนฺติ น คเหตพฺพํ, นตฺถีติ คเหตพฺพํฯ ‘‘อปฺปสฺสุตา’’ติ หิ นิสฺสุตา สุตวิรหิตา วุจฺจนฺติฯ พหุ สุตเมเตสนฺติ พหุสฺสุตา, ตถาคตภาสิตํ เอกมฺปิ คาถํ ยาถาวโต ญตฺวา อนุรูปปฎิปนฺนานเมตํ อธิวจนํฯ กุจฺฉิตา สีทนฺตีติ กุสีตา, หีนวีริยานเมตํ อธิวจนํฯ อารทฺธํ วีริยเมเตสนฺติ อารทฺธวีริยา, สมฺมปฺปธานยุตฺตานเมตํ อธิวจนํ, มุฎฺฐา สติ เอเตสนฺติ มุฎฺฐสฺสตี, นฎฺฐสฺสตีติ วุตฺตํ โหติฯ อุปฎฺฐิตา สติ เอเตสนฺติ อุปฎฺฐิตสฺสตี, นิจฺจํ อารมฺมณาภิมุขปฺปวตฺตสตีนเมตํ อธิวจนํฯ ทุฎฺฐา ปญฺญา เอเตสนฺติ ทุปฺปญฺญา, นฎฺฐปญฺญาติ วุตฺตํ โหติฯ ปญฺญาย สมฺปนฺนาติ ปญฺญาสมฺปนฺนา, ปญฺญาติ จ อิธ วิปสฺสนาปญฺญา เวทิตพฺพาฯ วิปสฺสนาสมฺภาโร หิ ปริปูโร อิมสฺมิํ ฐาเน อาคโต, ตสฺมา วิปสฺสนาปญฺญาว อยนฺติ โปราณานํ อาณาฯ

    Dubbacāti vattuṃ dukkhā kiñci vuccamānā na sahanti. Tabbiparītā suvacā. Devadattādisadisā pāpakā mittā etesanti pāpamittā. Buddhā vā sāriputtādisadisā vā kalyāṇā mittā etesanti kalyāṇamittā. Kāyaduccaritādīsu cittavossaggavasena pamattā. Viparītā appamattāti veditabbā. Imāni tīṇi pakiṇṇakavasena vuttāni. Assaddhātiādīni satta asaddhammavasena. Tattha tīsu vatthūsu saddhā etesaṃ natthīti assaddhā. Sukkapakkhe saddahantīti saddhā, saddhā vā etesaṃ atthītipi saddhā. Natthi etesaṃ hirīti ahirikā, akusalasamāpattiyā ajigucchamānānametaṃ adhivacanaṃ. Hirī etesaṃ mane, hiriyā vā yuttamanāti hirimanā. Na ottappantīti anottappī, akusalasamāpattiyā na bhāyantīti vuttaṃ hoti. Tabbiparītā ottappī. Appaṃ sutametesanti appassutā, appanti ca thokanti na gahetabbaṃ, natthīti gahetabbaṃ. ‘‘Appassutā’’ti hi nissutā sutavirahitā vuccanti. Bahu sutametesanti bahussutā, tathāgatabhāsitaṃ ekampi gāthaṃ yāthāvato ñatvā anurūpapaṭipannānametaṃ adhivacanaṃ. Kucchitā sīdantīti kusītā, hīnavīriyānametaṃ adhivacanaṃ. Āraddhaṃ vīriyametesanti āraddhavīriyā, sammappadhānayuttānametaṃ adhivacanaṃ, muṭṭhā sati etesanti muṭṭhassatī, naṭṭhassatīti vuttaṃ hoti. Upaṭṭhitā sati etesanti upaṭṭhitassatī, niccaṃ ārammaṇābhimukhappavattasatīnametaṃ adhivacanaṃ. Duṭṭhā paññā etesanti duppaññā, naṭṭhapaññāti vuttaṃ hoti. Paññāya sampannāti paññāsampannā, paññāti ca idha vipassanāpaññā veditabbā. Vipassanāsambhāro hi paripūro imasmiṃ ṭhāne āgato, tasmā vipassanāpaññāva ayanti porāṇānaṃ āṇā.

    อิทานิ เอกเมว โลกุตฺตรคุณานํ อนฺตรายกรํ อนิยฺยานิกทิฎฺฐิํ ตีหากาเรหิ ทเสฺสโนฺต สนฺทิฎฺฐิปรามาสีติอาทิมาหฯ ตตฺถ สนฺทิฎฺฐิํ ปรามสนฺตีติ สนฺทิฎฺฐิปรามาสีฯ อาธานํ คณฺหนฺตีติ อาธานคฺคาหี, อาธานนฺติ ทฬฺหํ วุจฺจติ, ทฬฺหคฺคาหีติ อโตฺถฯ ยุตฺตการณํ ทิสฺวาว ลทฺธิํ ปฎินิสฺสชฺชนฺตีติ ปฎินิสฺสคฺคี, ทุเกฺขน กิเจฺฉน กสิเรน พหุมฺปิ การณํ ทเสฺสตฺวา น สกฺกา ปฎินิสฺสคฺคํ กาตุนฺติ ทุปฺปฎินิสฺสคฺคี, เย อตฺตโน อุปฺปนฺนํ ทิฎฺฐิํ อิทเมว สจฺจนฺติ ทฬฺหํ คณฺหิตฺวา อปิ พุทฺธาทีหิ การณํ ทเสฺสตฺวา วุจฺจมานา น ปฎินิสฺสชฺชนฺติ, เตสเมตํ อธิวจนํฯ ตาทิสา หิ ปุคฺคลา ยํ ยเทว ธมฺมํ วา อธมฺมํ วา คณฺหนฺติ, ตํ สพฺพํ ‘‘เอวํ อมฺหากํ อาจริเยหิ กถิตํ, เอวํ อเมฺหหิ สุต’’นฺติ กุโมฺมว องฺคานิ สเก กปาเล อโนฺตเยว สโมทหนฺติ, กุมฺภีลคฺคาหํ คณฺหนฺติ น วิสฺสชฺชนฺติฯ วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปโกฺข เวทิตโพฺพฯ

    Idāni ekameva lokuttaraguṇānaṃ antarāyakaraṃ aniyyānikadiṭṭhiṃ tīhākārehi dassento sandiṭṭhiparāmāsītiādimāha. Tattha sandiṭṭhiṃ parāmasantīti sandiṭṭhiparāmāsī. Ādhānaṃ gaṇhantīti ādhānaggāhī, ādhānanti daḷhaṃ vuccati, daḷhaggāhīti attho. Yuttakāraṇaṃ disvāva laddhiṃ paṭinissajjantīti paṭinissaggī, dukkhena kicchena kasirena bahumpi kāraṇaṃ dassetvā na sakkā paṭinissaggaṃ kātunti duppaṭinissaggī, ye attano uppannaṃ diṭṭhiṃ idameva saccanti daḷhaṃ gaṇhitvā api buddhādīhi kāraṇaṃ dassetvā vuccamānā na paṭinissajjanti, tesametaṃ adhivacanaṃ. Tādisā hi puggalā yaṃ yadeva dhammaṃ vā adhammaṃ vā gaṇhanti, taṃ sabbaṃ ‘‘evaṃ amhākaṃ ācariyehi kathitaṃ, evaṃ amhehi suta’’nti kummova aṅgāni sake kapāle antoyeva samodahanti, kumbhīlaggāhaṃ gaṇhanti na vissajjanti. Vuttavipariyāyena sukkapakkho veditabbo.

    ๘๔. เอวํ จตุจตฺตาลีสาย อากาเรหิ สเลฺลขํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตสฺมิํ สเลฺลเข จิตฺตุปฺปาทสฺสาปิ พหูปการตํ ทเสฺสตุํ จิตฺตุปฺปาทมฺปิ โข อหนฺติอาทิมาหฯ

    84. Evaṃ catucattālīsāya ākārehi sallekhaṃ dassetvā idāni tasmiṃ sallekhe cittuppādassāpi bahūpakārataṃ dassetuṃ cittuppādampi kho ahantiādimāha.

    ตสฺสโตฺถ , อหํ, จุนฺท, กุสเลสุ ธเมฺมสุ จิตฺตุปฺปาทมฺปิ พหูปการํ วทามิ, ยา ปเนตา กาเยน จ วาจาย จ อนุวิธิยนา, ยถา ปฐมํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, ตเถว เตสํ ธมฺมานํ กาเยน กรณํ, วาจาย จ ‘‘กโรถา’’ติ อาณาปนํ วา, อุคฺคหปริปุจฺฉาทีนิ วา, ตตฺถ วาโทเยว โก, เอกนฺตพหูปการาเยว หิ ตา อนุวิธิยนาติ ทเสฺสติฯ กสฺมา ปเนตฺถ จิตฺตุปฺปาโทปิ พหูปกาโรติ? เอกนฺตหิตสุขาวหตฺตา อนุวิธิยนานํ เหตุตฺตา จฯ

    Tassattho , ahaṃ, cunda, kusalesu dhammesu cittuppādampi bahūpakāraṃ vadāmi, yā panetā kāyena ca vācāya ca anuvidhiyanā, yathā paṭhamaṃ cittaṃ uppannaṃ, tatheva tesaṃ dhammānaṃ kāyena karaṇaṃ, vācāya ca ‘‘karothā’’ti āṇāpanaṃ vā, uggahaparipucchādīni vā, tattha vādoyeva ko, ekantabahūpakārāyeva hi tā anuvidhiyanāti dasseti. Kasmā panettha cittuppādopi bahūpakāroti? Ekantahitasukhāvahattā anuvidhiyanānaṃ hetuttā ca.

    ‘‘ทานํ ทสฺสามี’’ติ หิ จิตฺตุปฺปาโท สยมฺปิ เอกนฺตหิตสุขาวโห อนุวิธิยนานมฺปิ เหตุ, เอวญฺหิ อุปฺปนฺนจิตฺตตฺตาเยว ทุติยทิวเส มหาวีถิํ ปิทหิตฺวา มหามณฺฑปํ กตฺวา ภิกฺขุสตสฺส วา ภิกฺขุสหสฺสสฺส วา ทานํ เทติ, ‘‘ภิกฺขุสงฺฆํ นิมเนฺตถ ปูเชถ ปริวิสถา’’ติ ปริชเน อาณาเปติฯ เอวํ ‘‘สงฺฆสฺส จีวรํ เสนาสนํ เภสชฺชํ ทสฺสามี’’ติ จิตฺตุปฺปาโท สยมฺปิ เอกนฺตหิตสุขาวโห อนุวิธิยนานมฺปิ เหตุ, เอวํ อุปฺปนฺนจิตฺตตฺตาเยว หิ จีวราทีนิ อภิสงฺขโรติ เทติ ทาเปติ จฯ เอส นโย สรณคมนาทีสุฯ

    ‘‘Dānaṃ dassāmī’’ti hi cittuppādo sayampi ekantahitasukhāvaho anuvidhiyanānampi hetu, evañhi uppannacittattāyeva dutiyadivase mahāvīthiṃ pidahitvā mahāmaṇḍapaṃ katvā bhikkhusatassa vā bhikkhusahassassa vā dānaṃ deti, ‘‘bhikkhusaṅghaṃ nimantetha pūjetha parivisathā’’ti parijane āṇāpeti. Evaṃ ‘‘saṅghassa cīvaraṃ senāsanaṃ bhesajjaṃ dassāmī’’ti cittuppādo sayampi ekantahitasukhāvaho anuvidhiyanānampi hetu, evaṃ uppannacittattāyeva hi cīvarādīni abhisaṅkharoti deti dāpeti ca. Esa nayo saraṇagamanādīsu.

    ‘‘สรณํ คจฺฉามี’’ติ หิ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวาว ปจฺฉา กาเยน วา วาจาย วา สรณํ คณฺหาติฯ ตถา ‘‘ปญฺจงฺคํ อฎฺฐงฺคํ ทสงฺคํ วา สีลํ สมาทิยิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา กาเยน วา วาจาย วา สมาทิยติ, ‘‘ปพฺพชิตฺวา จตูสุ สีเลสุ ปติฎฺฐหิสฺสามี’’ติ จ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา กาเยน วาจาย จ ปูเรตพฺพํ สีลํ ปูเรติฯ ‘‘พุทฺธวจนํ อุคฺคเหสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวาว เอกํ วา นิกายํ เทฺว วา ตโย วา จตฺตาโร วา ปญฺจ วา นิกาเย วาจาย อุคฺคณฺหาติฯ เอวํ ธุตงฺคสมาทาน-กมฺมฎฺฐานุคฺคห-กสิณปริกมฺม-ฌานสมาปตฺติวิปสฺสนามคฺคผล- ปเจฺจกโพธิ-สมฺมาสโมฺพธิวเสน เนตพฺพํฯ

    ‘‘Saraṇaṃ gacchāmī’’ti hi cittaṃ uppādetvāva pacchā kāyena vā vācāya vā saraṇaṃ gaṇhāti. Tathā ‘‘pañcaṅgaṃ aṭṭhaṅgaṃ dasaṅgaṃ vā sīlaṃ samādiyissāmī’’ti cittaṃ uppādetvā kāyena vā vācāya vā samādiyati, ‘‘pabbajitvā catūsu sīlesu patiṭṭhahissāmī’’ti ca cittaṃ uppādetvā kāyena vācāya ca pūretabbaṃ sīlaṃ pūreti. ‘‘Buddhavacanaṃ uggahessāmī’’ti cittaṃ uppādetvāva ekaṃ vā nikāyaṃ dve vā tayo vā cattāro vā pañca vā nikāye vācāya uggaṇhāti. Evaṃ dhutaṅgasamādāna-kammaṭṭhānuggaha-kasiṇaparikamma-jhānasamāpattivipassanāmaggaphala- paccekabodhi-sammāsambodhivasena netabbaṃ.

    ‘‘พุโทฺธ ภวิสฺสามี’’ติ หิ จิตฺตุปฺปาโท สยมฺปิ เอกนฺตหิตสุขาวโห อนุวิธิยนานมฺปิ เหตุ, เอวญฺหิ อุปฺปนฺนจิตฺตตฺตาเยว อปเรน สมเยน กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขยฺยานิ กาเยน วาจาย จ ปารมิโย ปูเรตฺวา สเทวกํ โลกํ ตาเรโนฺต วิจรติฯ เอวํ สพฺพตฺถ จิตฺตุปฺปาโทปิ พหูปกาโรฯ กายวาจาหิ ปน อนุวิธิยนา อติพหูปการาเยวาติ เวทิตพฺพาฯ

    ‘‘Buddho bhavissāmī’’ti hi cittuppādo sayampi ekantahitasukhāvaho anuvidhiyanānampi hetu, evañhi uppannacittattāyeva aparena samayena kappasatasahassādhikāni cattāri asaṅkheyyāni kāyena vācāya ca pāramiyo pūretvā sadevakaṃ lokaṃ tārento vicarati. Evaṃ sabbattha cittuppādopi bahūpakāro. Kāyavācāhi pana anuvidhiyanā atibahūpakārāyevāti veditabbā.

    เอวํ กุสเลสุ ธเมฺมสุ จิตฺตุปฺปาทสฺสาปิ พหูปการตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตตฺถ นิโยเชโนฺต ‘‘ตสฺมา ติห จุนฺทา’’ติอาทิมาหฯ ตํ อตฺถโต ปากฎเมวฯ

    Evaṃ kusalesu dhammesu cittuppādassāpi bahūpakārataṃ dassetvā idāni tattha niyojento ‘‘tasmā tiha cundā’’tiādimāha. Taṃ atthato pākaṭameva.

    ๘๕. เอวํ จตุจตฺตาลีสาย อากาเรหิ ทสฺสิเต สเลฺลเข จิตฺตุปฺปาทสฺสาปิ พหูปการตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตเสฺสว สเลฺลขสฺส หิตาธิคมาย มคฺคภาวํ ทเสฺสโนฺต เสยฺยถาปีติอาทิมาหฯ

    85. Evaṃ catucattālīsāya ākārehi dassite sallekhe cittuppādassāpi bahūpakārataṃ dassetvā idāni tasseva sallekhassa hitādhigamāya maggabhāvaṃ dassento seyyathāpītiādimāha.

    ตสฺสโตฺถ , ยถา นาม, จุนฺท, ขาณุกณฺฎกปาสาณาทีหิ วิสโม มโคฺค ภเวยฺย, ตสฺส ปริกฺกมนาย ปริวชฺชนตฺถาย อโญฺญ สุปริกมฺมกโต วิย ภูมิภาโค สโม มโคฺค ภเวยฺย, ยถา จ รุกฺขมูลปาสาณปปาตกุมฺภีลมกราทิ ปริพฺยากุลํ วิสมํ ติตฺถมสฺส, ตสฺส ปริกฺกมนาย ปริวชฺชนตฺถาย อญฺญํ อวิสมํ อนุปุพฺพคมฺภีรํ โสปานผลกสทิสํ ติตฺถํ ภเวยฺย, ยํ ปฎิปโนฺน สุเขเนว ตํ นทิํ วา ตฬากํ วา อโชฺฌคาเหตฺวา นฺหาเยยฺย วา อุตฺตเรยฺย วา, เอวเมว โข, จุนฺท, วิสมมคฺควิสมติตฺถสทิสาย วิหิํสาย สมนฺนาคตสฺส วิหิํสกปุคฺคลสฺส สมมคฺคสมติตฺถสทิสา อวิหิํสา โหติ ปริกฺกมนายฯ ยเถว หิ วิสมมคฺคติตฺถปริวชฺชนตฺถาย สโม มโคฺค จ ติตฺถญฺจ ปฎิยตฺตํ, เอวํ วิหิํสาปริวชฺชนตฺถาย อวิหิํสา ปฎิยตฺตา, ยํ ปฎิปโนฺน สุเขเนว มนุสฺสคติํ วา เทวคติํ วา อโชฺฌคาเหตฺวา สมฺปตฺติํ วา อนุภเวยฺย อุตฺตเรยฺย วา โลกาฯ เอเตเนว อุปาเยน สพฺพปทานิ โยเชตพฺพานิฯ

    Tassattho , yathā nāma, cunda, khāṇukaṇṭakapāsāṇādīhi visamo maggo bhaveyya, tassa parikkamanāya parivajjanatthāya añño suparikammakato viya bhūmibhāgo samo maggo bhaveyya, yathā ca rukkhamūlapāsāṇapapātakumbhīlamakarādi paribyākulaṃ visamaṃ titthamassa, tassa parikkamanāya parivajjanatthāya aññaṃ avisamaṃ anupubbagambhīraṃ sopānaphalakasadisaṃ titthaṃ bhaveyya, yaṃ paṭipanno sukheneva taṃ nadiṃ vā taḷākaṃ vā ajjhogāhetvā nhāyeyya vā uttareyya vā, evameva kho, cunda, visamamaggavisamatitthasadisāya vihiṃsāya samannāgatassa vihiṃsakapuggalassa samamaggasamatitthasadisā avihiṃsā hoti parikkamanāya. Yatheva hi visamamaggatitthaparivajjanatthāya samo maggo ca titthañca paṭiyattaṃ, evaṃ vihiṃsāparivajjanatthāya avihiṃsā paṭiyattā, yaṃ paṭipanno sukheneva manussagatiṃ vā devagatiṃ vā ajjhogāhetvā sampattiṃ vā anubhaveyya uttareyya vā lokā. Eteneva upāyena sabbapadāni yojetabbāni.

    ๘๖. เอวํ ตเสฺสว หิตาธิคมาย มคฺคภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อุปริภาคงฺคมนียตํ ทเสฺสโนฺต, เสยฺยถาปีติอาทิมาหฯ

    86. Evaṃ tasseva hitādhigamāya maggabhāvaṃ dassetvā idāni uparibhāgaṅgamanīyataṃ dassento, seyyathāpītiādimāha.

    ตสฺสโตฺถ, ยถา นาม, จุนฺท, เย เกจิ อกุสลา ธมฺมา ปฎิสนฺธิยา ชนกา วา อชนกา วา, ทินฺนายปิ ปฎิสนฺธิยา วิปากชนกา วา อชนกา วา, สเพฺพ เต ชาติวเสน อโธภาคงฺคมนียาติ เอวํนามาว โหนฺติ, วิปากกาเล อนิฎฺฐากนฺตวิปากตฺตาฯ ยถา จ เย เกจิ กุสลา ธมฺมา ปฎิสนฺธิยา ชนกา วา อชนกา วา ทินฺนายปิ ปฎิสนฺธิยา วิปากชนกา วา อชนกา วา, สเพฺพ เต ชาติวเสน อุปริภาคงฺคมนียาติ เอวํนามาว โหนฺติ, วิปากกาเล อิฎฺฐกนฺตวิปากตฺตา, เอวเมว โข, จุนฺท, วิหิํสกสฺส…เป.… อุปริภาคายาติฯ ตตฺรายํ โอปมฺมสํสนฺทนา – ยถา สเพฺพ อกุสลา อโธภาคงฺคมนียา, เอวํ วิหิํสกสฺส เอกา วิหิํสาปิฯ ยถา จ สเพฺพ กุสลา อุปริภาคงฺคมนียา, เอวํ อวิหิํสกสฺส เอกา อวิหิํสาปิฯ เอเตเนว อุปาเยน อกุสลํ อกุสเลน กุสลญฺจ กุสเลน อุปเมตพฺพํ, อยํ กิเรตฺถ อธิปฺปาโยติฯ

    Tassattho, yathā nāma, cunda, ye keci akusalā dhammā paṭisandhiyā janakā vā ajanakā vā, dinnāyapi paṭisandhiyā vipākajanakā vā ajanakā vā, sabbe te jātivasena adhobhāgaṅgamanīyāti evaṃnāmāva honti, vipākakāle aniṭṭhākantavipākattā. Yathā ca ye keci kusalā dhammā paṭisandhiyā janakā vā ajanakā vā dinnāyapi paṭisandhiyā vipākajanakā vā ajanakā vā, sabbe te jātivasena uparibhāgaṅgamanīyāti evaṃnāmāva honti, vipākakāle iṭṭhakantavipākattā, evameva kho, cunda, vihiṃsakassa…pe… uparibhāgāyāti. Tatrāyaṃ opammasaṃsandanā – yathā sabbe akusalā adhobhāgaṅgamanīyā, evaṃ vihiṃsakassa ekā vihiṃsāpi. Yathā ca sabbe kusalā uparibhāgaṅgamanīyā, evaṃ avihiṃsakassa ekā avihiṃsāpi. Eteneva upāyena akusalaṃ akusalena kusalañca kusalena upametabbaṃ, ayaṃ kirettha adhippāyoti.

    ๘๗. เอวํ ตเสฺสว สเลฺลขสฺส อุปริภาคงฺคมนียตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปรินิพฺพาปเน สมตฺถภาวํ ทเสฺสตุํ โส วต จุนฺทาติอาทิมาหฯ ตตฺถ โสติ วุตฺตปฺปการปุคฺคลนิเทฺทโสฯ ตสฺส โยติ อิมํ อุเทฺทสวจนํ อาหริตฺวา โย อตฺตนา ปลิปปลิปโนฺน, โส วต, จุนฺท, ปรํ ปลิปปลิปนฺนํ อุทฺธริสฺสตีติ เอวํ สพฺพปเทสุ สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ ปลิปปลิปโนฺนติ คมฺภีรกทฺทเม นิมุโคฺค วุจฺจติ, โน จ โข อริยสฺส วินเยฯ อริยสฺส ปน วินเย ปลิปนฺติ ปญฺจ กามคุณา วุจฺจนฺติฯ ปลิปโนฺนติ ตตฺถ นิมุโคฺค พาลปุถุชฺชโน, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพาฯ ยถา, จุนฺท, โกจิ ปุริโส ยาว นาสิกคฺคา คมฺภีเร กทฺทเม นิมุโคฺค อปรํ ตเตฺถว นิมุคฺคํ หเตฺถ วา สีเส วา คเหตฺวา อุทฺธริสฺสตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติ, น หิ ตํ การณมตฺถิ, เยน โส ตํ อุทฺธริตฺวา ถเล ปติฎฺฐเปยฺย, เอวเมว โย อตฺตนา ปญฺจกามคุณปลิเป ปลิปโนฺน, โส วต ปรํ ตเถว ปลิปปลิปนฺนํ อุทฺธริสฺสตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    87. Evaṃ tasseva sallekhassa uparibhāgaṅgamanīyataṃ dassetvā idāni parinibbāpane samatthabhāvaṃ dassetuṃ so vata cundātiādimāha. Tattha soti vuttappakārapuggalaniddeso. Tassa yoti imaṃ uddesavacanaṃ āharitvā yo attanā palipapalipanno, so vata, cunda, paraṃ palipapalipannaṃ uddharissatīti evaṃ sabbapadesu sambandho veditabbo. Palipapalipannoti gambhīrakaddame nimuggo vuccati, no ca kho ariyassa vinaye. Ariyassa pana vinaye palipanti pañca kāmaguṇā vuccanti. Palipannoti tattha nimuggo bālaputhujjano, tasmā evamettha atthayojanā veditabbā. Yathā, cunda, koci puriso yāva nāsikaggā gambhīre kaddame nimuggo aparaṃ tattheva nimuggaṃ hatthe vā sīse vā gahetvā uddharissatīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati, na hi taṃ kāraṇamatthi, yena so taṃ uddharitvā thale patiṭṭhapeyya, evameva yo attanā pañcakāmaguṇapalipe palipanno, so vata paraṃ tatheva palipapalipannaṃ uddharissatīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.

    ตตฺถ สิยา อยุตฺตเมตํ, ปุถุชฺชนานมฺปิ ภิกฺขุภิกฺขุนีอุปาสกอุปาสิกานํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โหนฺติเยว ธมฺมํ อภิสเมตาโร, ตสฺมา ปลิปปลิปโนฺน อุทฺธรตีติ, ตํ น ตถา ทฎฺฐพฺพํฯ ภควาเยว หิ ตตฺถ อุทฺธรติ, ปสํสามตฺตเมว ปน ธมฺมกถิกา ลภนฺติ รญฺญา ปหิตเลขวาจโก วิยฯ ยถา หิ รโญฺญ ปจฺจนฺตชนปเท ปหิตํ เลขํ ตตฺถ มนุสฺสา เลขํ วาเจตุํ อชานนฺตา โย วาเจตุํ ชานาติ, เตน วาจาเปตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘รโญฺญ อาณา’’ติ อาทเรน สมฺปาเทนฺติ, น จ เนสํ โหติ ‘‘เลขวาจกสฺส อยํ อาณา’’ติฯ เลขวาจโก ปน ‘‘วิสฺสฎฺฐาย วาจาย วาเจสิ อเนลคฬายา’’ติ ปสํสามตฺตเมว ลภติ, เอวเมว กิญฺจาปิ สาริปุตฺตปภุตโย ธมฺมกถิกา ธมฺมํ เทเสนฺติ, อถ โข ลิขิตปณฺณวาจโก วิย เต โหนฺติฯ ภควโตเยว ปน สา ธมฺมเทสนา รโญฺญ อาณา วิยฯ เย จ ตํ สุตฺวา ธมฺมํ อภิสเมนฺติ, เต ภควาเยว อุทฺธรตีติ เวทิตพฺพาฯ ธมฺมกถิกา ปน ‘‘วิสฺสฎฺฐาย วาจาย ธมฺมํ เทเสนฺติ อเนลคฬายา’’ติ ปสํสามตฺตเมว ลภนฺตีติฯ ตสฺมา ยุตฺตเมเวตนฺติฯ วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปโกฺข เวทิตโพฺพฯ

    Tattha siyā ayuttametaṃ, puthujjanānampi bhikkhubhikkhunīupāsakaupāsikānaṃ dhammadesanaṃ sutvā hontiyeva dhammaṃ abhisametāro, tasmā palipapalipanno uddharatīti, taṃ na tathā daṭṭhabbaṃ. Bhagavāyeva hi tattha uddharati, pasaṃsāmattameva pana dhammakathikā labhanti raññā pahitalekhavācako viya. Yathā hi rañño paccantajanapade pahitaṃ lekhaṃ tattha manussā lekhaṃ vācetuṃ ajānantā yo vācetuṃ jānāti, tena vācāpetvā tamatthaṃ sutvā ‘‘rañño āṇā’’ti ādarena sampādenti, na ca nesaṃ hoti ‘‘lekhavācakassa ayaṃ āṇā’’ti. Lekhavācako pana ‘‘vissaṭṭhāya vācāya vācesi anelagaḷāyā’’ti pasaṃsāmattameva labhati, evameva kiñcāpi sāriputtapabhutayo dhammakathikā dhammaṃ desenti, atha kho likhitapaṇṇavācako viya te honti. Bhagavatoyeva pana sā dhammadesanā rañño āṇā viya. Ye ca taṃ sutvā dhammaṃ abhisamenti, te bhagavāyeva uddharatīti veditabbā. Dhammakathikā pana ‘‘vissaṭṭhāya vācāya dhammaṃ desenti anelagaḷāyā’’ti pasaṃsāmattameva labhantīti. Tasmā yuttamevetanti. Vuttavipariyāyena sukkapakkho veditabbo.

    อทโนฺต อวินีโต อปรินิพฺพุโตติ เอตฺถ ปน อนิพฺพิสตาย อทโนฺตฯ อสิกฺขิตวินยตาย อวินีโตฯ อนิพฺพุตกิเลสตาย อปรินิพฺพุโตติ เวทิตโพฺพฯ โส ตาทิโส ปรํ ทเมสฺสติ, นิพฺพิสํ กริสฺสติ , วิเนสฺสติ วา ติโสฺส สิกฺขา สิกฺขาเปสฺสติ, ปรินิพฺพาเปสฺสติ วา ตสฺส กิเลเส นิพฺพาเปสฺสตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปโกฺข เวทิตโพฺพฯ

    Adantoavinīto aparinibbutoti ettha pana anibbisatāya adanto. Asikkhitavinayatāya avinīto. Anibbutakilesatāya aparinibbutoti veditabbo. So tādiso paraṃ damessati, nibbisaṃ karissati , vinessati vā tisso sikkhā sikkhāpessati, parinibbāpessati vā tassa kilese nibbāpessatīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Vuttavipariyāyena sukkapakkho veditabbo.

    เอวเมว โข, จุนฺท, วิหิํสกสฺส…เป.… ปรินิพฺพานายาติ เอตฺถ ปน เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพ – ยถา หิ อตฺตนา อปลิปปลิปโนฺน ปรํ ปลิปปลิปนฺนํ อุทฺธริสฺสติ, ทโนฺต ทเมสฺสติ, วินีโต วิเนสฺสติ, ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปสฺสตีติ ฐานเมตํ วิชฺชตีติฯ กิํ ปน ตนฺติ? อปลิปปลิปนฺนตฺตํ, ทนฺตตฺตํ วินีตตฺตํ ปรินิพฺพุตตฺตญฺจ, เอวเมว โข, จุนฺท, วิหิํสกสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อวิหิํสา โหติ ปรินิพฺพานายฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? โย อตฺตนา อวิหิํสโก, ตสฺส ยา อวิหิํสา, อยํ ยา เอสา วิหิํสกสฺส ปรสฺส วิหิํสา, ตสฺสา ปรินิพฺพานาย โหติ, อตฺตนา หิ อวิหิํสโก ปรสฺส วิหิํสาเจตนํ นิพฺพาเปสฺสตีติ ฐานเมตํ วิชฺชติฯ กิํ ปน ตนฺติ? อวิหิํสกตฺตเมวฯ ยญฺหิ เยน อตฺตนา อธิคตํ โหติ, โส ปรํ ตทตฺถาย สมาทเปตุํ สโกฺกตีติฯ

    Evameva kho, cunda, vihiṃsakassa…pe… parinibbānāyāti ettha pana evamattho veditabbo – yathā hi attanā apalipapalipanno paraṃ palipapalipannaṃ uddharissati, danto damessati, vinīto vinessati, parinibbuto parinibbāpessatīti ṭhānametaṃ vijjatīti. Kiṃ pana tanti? Apalipapalipannattaṃ, dantattaṃ vinītattaṃ parinibbutattañca, evameva kho, cunda, vihiṃsakassa purisapuggalassa avihiṃsā hoti parinibbānāya. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yo attanā avihiṃsako, tassa yā avihiṃsā, ayaṃ yā esā vihiṃsakassa parassa vihiṃsā, tassā parinibbānāya hoti, attanā hi avihiṃsako parassa vihiṃsācetanaṃ nibbāpessatīti ṭhānametaṃ vijjati. Kiṃ pana tanti? Avihiṃsakattameva. Yañhi yena attanā adhigataṃ hoti, so paraṃ tadatthāya samādapetuṃ sakkotīti.

    อถ วา ยถา อตฺตนา อปลิปโนฺน ทโนฺต วินีโต ปรินิพฺพุโต ปรํ ปลิปปลิปนฺนํ อทนฺตํ อวินีตํ อปรินิพฺพุตญฺจ อุทฺธริสฺสติ ทเมสฺสติ วิเนสฺสติ ปรินิพฺพาเปสฺสตีติ ฐานเมตํ วิชฺชติ, เอวเมว วิหิํสกสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส วิหิํสาปหานาย มคฺคํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา อวิหิํสา โหติ ปรินิพฺพานายฯ ปรินิพฺพุโต วิย หิ อปรินิพฺพุตํ อวิหิํสาเจตนาว วิหิํสาเจตนํ ปรินิพฺพาเปตุํ สมตฺถาฯ เอตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอวเมว โข, จุนฺทา’’ติอาทิมาหาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ยถา เจตฺถ, เอวํ สพฺพปเทสุฯ อติวิตฺถารภเยน ปน อนุปทโยชนา น กตาติฯ

    Atha vā yathā attanā apalipanno danto vinīto parinibbuto paraṃ palipapalipannaṃ adantaṃ avinītaṃ aparinibbutañca uddharissati damessati vinessati parinibbāpessatīti ṭhānametaṃ vijjati, evameva vihiṃsakassa purisapuggalassa vihiṃsāpahānāya maggaṃ bhāvayato uppannā avihiṃsā hoti parinibbānāya. Parinibbuto viya hi aparinibbutaṃ avihiṃsācetanāva vihiṃsācetanaṃ parinibbāpetuṃ samatthā. Etamatthaṃ dassento ‘‘evameva kho, cundā’’tiādimāhāti evamettha attho daṭṭhabbo. Yathā cettha, evaṃ sabbapadesu. Ativitthārabhayena pana anupadayojanā na katāti.

    ๘๘. เอวํ ตสฺส ปรินิพฺพาปเน สมตฺถภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตํ เทสนํ นิคเมตฺวา ธมฺมปฎิปตฺติยํ นิโยเชตุํ อิติ โข, จุนฺทาติอาทิมาหฯ ตตฺถ สเลฺลขปริยาโยติ สเลฺลขการณํฯ เอส นโย สพฺพตฺถ เอตฺถ อวิหิํสาทโย เอว วิหิํสาทีนํ สเลฺลขนโต สเลฺลขการณํ ฯ เตสํ วเสน จิตฺตสฺส อุปฺปาเทตพฺพโต จิตฺตุปาทการณํ, วิหิํสาทิ, ปริกฺกมนสฺส เหตุโต ปริกฺกมนการณํ, อุปริภาคนิปฺผาทนโต อุปริภาคการณํ , วิหิํสาทีนํ ปรินิพฺพาปนโต ปรินิพฺพานการณนฺติ เวทิตพฺพาฯ หิเตสินาติ หิตํ เอสเนฺตนฯ อนุกมฺปเกนาติ อนุกมฺปมาเนนฯ อนุกมฺปํ อุปาทายาติ อนุกมฺปํ จิเตฺตน ปริคฺคเหตฺวา, ปริจฺจาติปิ วุตฺตํ โหติฯ กตํ โว ตํ มยาติ ตํ มยา อิเม ปญฺจ ปริยาเย ทเสฺสเนฺตน ตุมฺหากํ กตํฯ เอตฺตกเมว หิ อนุกมฺปกสฺส สตฺถุ กิจฺจํ, ยทิทํ อวิปรีตธมฺมเทสนาฯ อิโต ปรํ ปน ปฎิปตฺติ นาม สาวกานํ กิจฺจํฯ เตนาห เอตานิ, จุนฺท, รุกฺขมูลานิ…เป.… อมฺหากํ อนุสาสนีติฯ

    88. Evaṃ tassa parinibbāpane samatthabhāvaṃ dassetvā idāni taṃ desanaṃ nigametvā dhammapaṭipattiyaṃ niyojetuṃ iti kho, cundātiādimāha. Tattha sallekhapariyāyoti sallekhakāraṇaṃ. Esa nayo sabbattha ettha avihiṃsādayo eva vihiṃsādīnaṃ sallekhanato sallekhakāraṇaṃ . Tesaṃ vasena cittassa uppādetabbato cittupādakāraṇaṃ, vihiṃsādi, parikkamanassa hetuto parikkamanakāraṇaṃ, uparibhāganipphādanato uparibhāgakāraṇaṃ , vihiṃsādīnaṃ parinibbāpanato parinibbānakāraṇanti veditabbā. Hitesināti hitaṃ esantena. Anukampakenāti anukampamānena. Anukampaṃ upādāyāti anukampaṃ cittena pariggahetvā, pariccātipi vuttaṃ hoti. Kataṃ vo taṃ mayāti taṃ mayā ime pañca pariyāye dassentena tumhākaṃ kataṃ. Ettakameva hi anukampakassa satthu kiccaṃ, yadidaṃ aviparītadhammadesanā. Ito paraṃ pana paṭipatti nāma sāvakānaṃ kiccaṃ. Tenāha etāni, cunda, rukkhamūlāni…pe… amhākaṃ anusāsanīti.

    ตตฺถ จ รุกฺขมูลานีติ อิมินา รุกฺขมูลเสนาสนํ ทเสฺสติฯ สุญฺญาคารานีติ อิมินา ชนวิวิตฺตฎฺฐานํฯ อุภเยนาปิ จ โยคานุรูปเสนาสนมาจิกฺขติ, ทายชฺชํ นิยฺยาเตติฯ ฌายถาติ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน อฎฺฐติํสารมฺมณานิ, ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จ อนิจฺจาทิโต ขนฺธายตนาทีนิ อุปนิชฺฌายถ, สมถญฺจ วิปสฺสนญฺจ วเฑฺฒถาติ วุตฺตํ โหติฯ มา ปมาทตฺถาติ มา ปมชฺชิตฺถฯ มา ปจฺฉา วิปฺปฎิสาริโน อหุวตฺถาติ เย หิ ปุเพฺพ ทหรกาเล, อาโรคฺยกาเล, สตฺตสปฺปายาทิสมฺปตฺติกาเล, สตฺถุ สมฺมุขีภาวกาเล จ โยนิโสมนสิการวิรหิตา รตฺตินฺทิวํ มงฺคุลภตฺตา หุตฺวา เสยฺยสุขํ มิทฺธสุขมนุโภนฺตา ปมชฺชนฺติ, เต ปจฺฉา ชรากาเล, โรคกาเล, มรณกาเล, วิปตฺติกาเล, สตฺถุ ปรินิพฺพุตกาเล จ ตํ ปุเพฺพ ปมาทวิหารํ อนุสฺสรนฺตา, สปฺปฎิสนฺธิกาลกิริยญฺจ ภาริยํ สมฺปสฺสมานา วิปฺปฎิสาริโน โหนฺติ, ตุเมฺห ปน ตาทิสา มา อหุวตฺถาติ เอตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘มา ปจฺฉา วิปฺปฎิสาริโน อหุวตฺถา’’ติฯ อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนีติ อยํ อมฺหากํ สนฺติกา ‘‘ฌายถ มา ปมาทตฺถา’’ติ ตุมฺหากํ อนุสาสนี, โอวาโทติ วุตฺตํ โหติฯ

    Tattha ca rukkhamūlānīti iminā rukkhamūlasenāsanaṃ dasseti. Suññāgārānīti iminā janavivittaṭṭhānaṃ. Ubhayenāpi ca yogānurūpasenāsanamācikkhati, dāyajjaṃ niyyāteti. Jhāyathāti ārammaṇūpanijjhānena aṭṭhatiṃsārammaṇāni, lakkhaṇūpanijjhānena ca aniccādito khandhāyatanādīni upanijjhāyatha, samathañca vipassanañca vaḍḍhethāti vuttaṃ hoti. Mā pamādatthāti mā pamajjittha. Mā pacchā vippaṭisārino ahuvatthāti ye hi pubbe daharakāle, ārogyakāle, sattasappāyādisampattikāle, satthu sammukhībhāvakāle ca yonisomanasikāravirahitā rattindivaṃ maṅgulabhattā hutvā seyyasukhaṃ middhasukhamanubhontā pamajjanti, te pacchā jarākāle, rogakāle, maraṇakāle, vipattikāle, satthu parinibbutakāle ca taṃ pubbe pamādavihāraṃ anussarantā, sappaṭisandhikālakiriyañca bhāriyaṃ sampassamānā vippaṭisārino honti, tumhe pana tādisā mā ahuvatthāti etamatthaṃ dassento āha ‘‘mā pacchā vippaṭisārino ahuvatthā’’ti. Ayaṃ vo amhākaṃ anusāsanīti ayaṃ amhākaṃ santikā ‘‘jhāyatha mā pamādatthā’’ti tumhākaṃ anusāsanī, ovādoti vuttaṃ hoti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    สเลฺลขสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sallekhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๘. สเลฺลขสุตฺตํ • 8. Sallekhasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๘. สเลฺลขสุตฺตวณฺณนา • 8. Sallekhasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact