Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๘. สเลฺลขสุตฺตวณฺณนา
8. Sallekhasuttavaṇṇanā
๘๑. ‘‘จุโนฺท’’ติ ตสฺส มหาเถรสฺส นามํ, ปูชาวเสน ปน มหาจุโนฺทติ วุจฺจติ ยถา ‘‘มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติฯ อตฺตโน วา จุนฺทํ นาม ภาคิเนยฺยเตฺถรํ อุปาทาย อายสฺมโต สาริปุตฺตเตฺถรสฺส ภาตา อยํ มหาเถโร ‘‘มหาจุโนฺท’’ติ ปญฺญายิตฺถ ยถา ‘‘มหาปนฺถโก’’ติฯ สายนฺหสมยนฺติ ภุมฺมเตฺถ เอกํ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘สายนฺหกาเล’’ติฯ น เหตฺถ อจฺจนฺต สํโยโค สมฺภวตีติฯ สตฺตสงฺขาเรหีติ สทฺธิวิหาริกอเนฺตวาสิกอุปาสกาทิสเตฺตหิ เจว รูปารมฺมณาทิสงฺขาเรหิ จฯ ปฎินิวตฺติตฺวาติ อปสกฺกิตฺวาฯ นิลียนนฺติ วิเวจนํ กายจิเตฺตหิ ตโต วิวิตฺตตาฯ เอกีภาโวติ หิ กายวิเวกมาห, ปวิเวโกติ จิตฺตวิเวกํฯ ตโต วุฎฺฐิโตติ ตโต ทุวิธวิเวกโต ภวงฺคุปฺปตฺติยา, สพฺรหฺมจารีหิ สมาคเมน จ อเปโตฯ อภิวาทาเปตฺวาติ อภิวาทํ กาเรตฺวาฯ เอวนฺติ ยถาวุตฺตอภิวาทวเสนฯ ปคฺคยฺหาติ อุนฺนาเมตฺวาฯ อนุปจฺฉินฺนภวมูลานํ ตาว เอวํ อภิวาโท โหตุ, อุจฺฉินฺนภวมูลานํ กิมตฺถิโยติ อาห ‘‘เอตํ อาจิณฺณํ ตถาคตาน’’นฺติฯ เตน น ตถาคตา สมฺปรายิกํเยว สตฺตานํ สุขํ อาสีสนฺติ, อถ โข ทิฎฺฐธมฺมิกมฺปีติ ทฎฺฐพฺพํฯ กสฺมา เอวํ ตถาคตา อภิวทนฺตีติ ตตฺถ การณมาห ‘‘สุขกามา หี’’ติอาทิฯ ปุถุกายาติ พหู สตฺตกายาฯ ยกฺขาติ เทวาฯ เต หิ ปูชนียตาย ‘‘ยกฺขา’’ติ วุจฺจนฺติฯ อภิวทนฺตีติ อาสีสิตเมวตฺถํ ญาณกรุณาหิ อภิมุขํ กตฺวา วทนฺติฯ
81. ‘‘Cundo’’ti tassa mahātherassa nāmaṃ, pūjāvasena pana mahācundoti vuccati yathā ‘‘mahāmoggallāno’’ti. Attano vā cundaṃ nāma bhāgineyyattheraṃ upādāya āyasmato sāriputtattherassa bhātā ayaṃ mahāthero ‘‘mahācundo’’ti paññāyittha yathā ‘‘mahāpanthako’’ti. Sāyanhasamayanti bhummatthe ekaṃ upayogavacananti āha ‘‘sāyanhakāle’’ti. Na hettha accanta saṃyogo sambhavatīti. Sattasaṅkhārehīti saddhivihārikaantevāsikaupāsakādisattehi ceva rūpārammaṇādisaṅkhārehi ca. Paṭinivattitvāti apasakkitvā. Nilīyananti vivecanaṃ kāyacittehi tato vivittatā. Ekībhāvoti hi kāyavivekamāha, pavivekoti cittavivekaṃ. Tato vuṭṭhitoti tato duvidhavivekato bhavaṅguppattiyā, sabrahmacārīhi samāgamena ca apeto. Abhivādāpetvāti abhivādaṃ kāretvā. Evanti yathāvuttaabhivādavasena. Paggayhāti unnāmetvā. Anupacchinnabhavamūlānaṃ tāva evaṃ abhivādo hotu, ucchinnabhavamūlānaṃ kimatthiyoti āha ‘‘etaṃ āciṇṇaṃ tathāgatāna’’nti. Tena na tathāgatā samparāyikaṃyeva sattānaṃ sukhaṃ āsīsanti, atha kho diṭṭhadhammikampīti daṭṭhabbaṃ. Kasmā evaṃ tathāgatā abhivadantīti tattha kāraṇamāha ‘‘sukhakāmā hī’’tiādi. Puthukāyāti bahū sattakāyā. Yakkhāti devā. Te hi pūjanīyatāya ‘‘yakkhā’’ti vuccanti. Abhivadantīti āsīsitamevatthaṃ ñāṇakaruṇāhi abhimukhaṃ katvā vadanti.
ยาติ อนิยมโต คหิตา นิยมโต ทเสฺสโนฺต ‘‘อิมา’’ติ อาหฯ อิมาติ จ อาสนฺนปจฺจกฺขวจนนฺติ อาห ‘‘อภิมุขํ กโรโนฺต วิยา’’ติ , ตํ ตํ ทิฎฺฐิคติกํ จิตฺตคตํ สมฺมุขา วิย กโรโนฺตติ อโตฺถฯ ทิฎฺฐิโยติ ปุริมปทโลเปน ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิโย’’ติ อาหฯ สเตฺตสุ ทิฎฺฐิคตจิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชมานา, สเตฺตสุ วา วิสยภูเตสุ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานา ‘‘สเตฺตสุ ปาตุภวนฺตี’’ติ วุตฺตาฯ อตฺตวาเทนาติ อตฺตานํ อารพฺภ ปวเตฺตน วจเนนฯ ปฎิสํยุตฺตาติ ‘‘อตฺถิ อตฺตา’’ติ คาเห คาหเณ จ วิสยภาเวน ปฎิสํยุตฺตาฯ ทิฎฺฐิคติเกน ทิฎฺฐิํ คาหเนฺตหิ คหเณ คาหาปเณ จ ทิฎฺฐิ ทิฎฺฐิวาทสฺส วิสโยติ เตน ปฎิสํยุตฺตา นาม โหติฯ ‘‘อตฺถิ อตฺตา’’ติ เอวํ ปวตฺตา ทิฎฺฐิ อิธ อตฺตวาทปฎิสํยุตฺตา, น ตสฺสา วิสยภูโต อตฺตาฯ สา จ วิสยภาวโต ตถาปวเตฺตน วาเทน ปฎิสํยุตฺตาฯ โลกวาทปฺปฎิสํยุตฺตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ วีสติ ภวนฺติ ตโต ปรํ อตฺตวาทวตฺถุโน อภาวา ฯ ปญฺจปิ หิ อุปาทานกฺขเนฺธ ปเจฺจกํ ‘‘อตฺตา’’ติ เต จ อตฺตโน นิสฺสยภาเวน คณฺหโต เอตาสํ ทิฎฺฐีนํ สมฺภโว, ตพฺพินิมุโตฺต ปนายํ วิสโย อตฺตคฺคหณากาโร จ นตฺถีติฯ สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จาติ รูปาทีสุ อญฺญตรํ ‘‘อตฺตา’’ติ, ‘‘โลโก’’ติ วา คเหตฺวา ตํ สสฺสโต สพฺพกาลภาวี นิโจฺจ ธุโวติฯ ยถาห ‘‘รูปี อตฺตา เจว โลโก จ สสฺสโต จาติ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปตี’’ติอาทิฯ สสฺสโตติอาทีสุ ปฐโม สสฺสตวาทวเสน อตฺตคฺคาโห, ทุติโย อุเจฺฉทวาทวเสน, ตติโย เอกจฺจสสฺสตวาทวเสน, จตุโตฺถ ตกฺกีวาทวเสน ปวโตฺต, อมราวิเกฺขปวเสน วา ปวโตฺต อตฺตคฺคาโหฯ อนฺตวาติ อตฺตโน ปริเจฺฉทตาวเสนฯ อนนฺตวาติ อปริเจฺฉทตาวเสนฯ อนฺตวา จ อนนฺตวา จาติ ตทุภยวเสน, อิตโร ตกฺกีวาทวเสน ปวโตฺต อตฺตคฺคาโหฯ เอวํ ปวตฺตตฺตา อฎฺฐ โหนฺตีติ โยชนาฯ
Yāti aniyamato gahitā niyamato dassento ‘‘imā’’ti āha. Imāti ca āsannapaccakkhavacananti āha ‘‘abhimukhaṃ karontoviyā’’ti , taṃ taṃ diṭṭhigatikaṃ cittagataṃ sammukhā viya karontoti attho. Diṭṭhiyoti purimapadalopena pāḷiyaṃ vuttanti dassento ‘‘micchādiṭṭhiyo’’ti āha. Sattesu diṭṭhigatacittuppādesu uppajjamānā, sattesu vā visayabhūtesu ārabbha uppajjamānā ‘‘sattesu pātubhavantī’’ti vuttā. Attavādenāti attānaṃ ārabbha pavattena vacanena. Paṭisaṃyuttāti ‘‘atthi attā’’ti gāhe gāhaṇe ca visayabhāvena paṭisaṃyuttā. Diṭṭhigatikena diṭṭhiṃ gāhantehi gahaṇe gāhāpaṇe ca diṭṭhi diṭṭhivādassa visayoti tena paṭisaṃyuttā nāma hoti. ‘‘Atthi attā’’ti evaṃ pavattā diṭṭhi idha attavādapaṭisaṃyuttā, na tassā visayabhūto attā. Sā ca visayabhāvato tathāpavattena vādena paṭisaṃyuttā. Lokavādappaṭisaṃyuttāti etthāpi eseva nayo. Vīsati bhavanti tato paraṃ attavādavatthuno abhāvā . Pañcapi hi upādānakkhandhe paccekaṃ ‘‘attā’’ti te ca attano nissayabhāvena gaṇhato etāsaṃ diṭṭhīnaṃ sambhavo, tabbinimutto panāyaṃ visayo attaggahaṇākāro ca natthīti. Sassato attā ca loko cāti rūpādīsu aññataraṃ ‘‘attā’’ti, ‘‘loko’’ti vā gahetvā taṃ sassato sabbakālabhāvī nicco dhuvoti. Yathāha ‘‘rūpī attā ceva loko ca sassato cāti attānañca lokañca paññapetī’’tiādi. Sassatotiādīsu paṭhamo sassatavādavasena attaggāho, dutiyo ucchedavādavasena, tatiyo ekaccasassatavādavasena, catuttho takkīvādavasena pavatto, amarāvikkhepavasena vā pavatto attaggāho. Antavāti attano paricchedatāvasena. Anantavāti aparicchedatāvasena. Antavā ca anantavā cāti tadubhayavasena, itaro takkīvādavasena pavatto attaggāho. Evaṃ pavattattā aṭṭha hontīti yojanā.
อาทิเมวาติ อาทิมนสิการเมวฯ ตํ ปน สรูปโต ทเสฺสโนฺต ‘‘วิปสฺสนามิสฺสกปฐมมนสิการเมวา’’ติ อาหฯ อปฺปตฺวาปิ โสตาปตฺติมคฺคนฺติ อิมินา อวธารเณน นิวตฺติตํ ทเสฺสติฯ นามรูปปริเจฺฉทโต ปภุติ ยาว อุทยพฺพยทสฺสนํ, อยํ อิธ อาทิมนสิกาโรติ อธิเปฺปโต ปญฺญาภาวนาย อารมฺภภาวโตฯ อุทยพฺพยานุปสฺสนาสหิตตาย จสฺส วิปสฺสนามิสฺสกตา วจนํฯ เอวนฺติ อิมสฺส อตฺถวจนํ ‘‘เอตฺตเกเนว อุปาเยนา’’ติ , ยถาวุตฺตอาทิมนสิกาเรนาติ อโตฺถฯ เอตาสนฺติ ยถาวุตฺตานํ อตฺตวาทโลกวาทปฎิสํยุตฺตานํ ทิฎฺฐีนํฯ กามญฺจ ตาสํ เตน ตทงฺควเสน ปหานํ โหติเยว, ตํ ปน นาธิเปฺปตํ, ตสฺมา สมุเจฺฉทวเสน ปหานํ ปฎินิสฺสโคฺค จ โหตีติ ปุจฺฉติฯ สพฺพโส สมุจฺฉินฺนสํโยชนตาย อนธิมานิโกปิ สมาโนฯ ‘‘อริยธโมฺม อธิคโต’’ติ มาโน อธิมาโน, โส เยสํ อตฺถิ เต อธิมานิกา, เตสํ อุทยพฺพยญาณาธิคเมน อธิมานุปฺปตฺติ ตทวสาโน จ มนสิกาโรติ อธิเปฺปโตฯ เตน ทิฎฺฐีนํ ปหานํ น โหตีติ กถาปนตฺถํ อยํ ปุจฺฉาติ อาห ‘‘อธิมานปฺปหานตฺถํ ปุจฺฉตี’’ติฯ ‘‘อาทิเมว นุ โข…เป.… ปฎินิสฺสโคฺค โหตี’’ติ อนภิสเมตาวี วิย วทโนฺต อธิมาเน ฐิโต วิย โหตีติ อาห ‘‘อธิมานิโก วิย หุตฺวา’’ติฯ โสติ เถโรฯ เตสํ อตฺถายาติ เตสํ อตฺตโน อเนฺตวาสิกานํ ภควตา เอตสฺส มิจฺฉาคาหสฺส วิเวจนตฺถายฯ เถโร กิร ธมฺมเสนาปติ วิย สทฺธิํ อตฺตโน อเนฺตวาสิเกหิ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิฯ
Ādimevāti ādimanasikārameva. Taṃ pana sarūpato dassento ‘‘vipassanāmissakapaṭhamamanasikāramevā’’ti āha. Appatvāpi sotāpattimagganti iminā avadhāraṇena nivattitaṃ dasseti. Nāmarūpaparicchedato pabhuti yāva udayabbayadassanaṃ, ayaṃ idha ādimanasikāroti adhippeto paññābhāvanāya ārambhabhāvato. Udayabbayānupassanāsahitatāya cassa vipassanāmissakatā vacanaṃ. Evanti imassa atthavacanaṃ ‘‘ettakenevaupāyenā’’ti , yathāvuttaādimanasikārenāti attho. Etāsanti yathāvuttānaṃ attavādalokavādapaṭisaṃyuttānaṃ diṭṭhīnaṃ. Kāmañca tāsaṃ tena tadaṅgavasena pahānaṃ hotiyeva, taṃ pana nādhippetaṃ, tasmā samucchedavasena pahānaṃ paṭinissaggo ca hotīti pucchati. Sabbaso samucchinnasaṃyojanatāya anadhimānikopi samāno. ‘‘Ariyadhammo adhigato’’ti māno adhimāno, so yesaṃ atthi te adhimānikā, tesaṃ udayabbayañāṇādhigamena adhimānuppatti tadavasāno ca manasikāroti adhippeto. Tena diṭṭhīnaṃ pahānaṃ na hotīti kathāpanatthaṃ ayaṃ pucchāti āha ‘‘adhimānappahānatthaṃ pucchatī’’ti. ‘‘Ādimeva nu kho…pe… paṭinissaggo hotī’’ti anabhisametāvī viya vadanto adhimāne ṭhito viya hotīti āha ‘‘adhimāniko viya hutvā’’ti. Soti thero. Tesaṃ atthāyāti tesaṃ attano antevāsikānaṃ bhagavatā etassa micchāgāhassa vivecanatthāya. Thero kira dhammasenāpati viya saddhiṃ attano antevāsikehi bhagavantaṃ upasaṅkami.
๘๒. ยตฺถาติ วิสเย ภุมฺมํฯ ทิฎฺฐีนญฺหิ อารมฺมณนิทสฺสนเมตนฺติฯ ยสฺมา ทิฎฺฐีนํ อนุสยนภูมิปิ สมุทาจรณฎฺฐานมฺปิ ขนฺธา เอว, ตสฺมา อาห ‘‘ยตฺถ เจตา ทิฎฺฐิโย อุปฺปชฺชนฺตี ติอาทิ ปญฺจกฺขเนฺธ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ รูปํ อภินิวิสฺสาติ ‘‘อิทํ รูปํ มม อตฺตา’’ติ ทิฎฺฐาภินิเวสวเสน อภินิวิสิตฺวา อารพฺภฯ อภินิวิสมานา เอว หิ ทิฎฺฐิ นํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติฯ ‘‘โส อตฺตา’’ติอาทีสุ ยทิทํ จกฺขาทิสงฺคหํ รูปํ, สหพุทฺธินิพนฺธนตาย โส เม อตฺตา, สุขาสุขํ เอตฺถ โลกิยตีติ โส โลโกฯ ‘‘โสเอวาหํ เปจฺจ ปรโลเก ภวิสฺสามีติ ตถาภาเวน นิโจฺจ, ถิรภาเวน ธุโว, สพฺพทาภาวิตาย สสฺสโต, นิพฺพิการตาย อวิปริณามธโมฺมติ อโตฺถฯ ยทิ ปญฺจกฺขเนฺธ สนฺธาย วุตฺตํ, กถเมกวจนนฺติ อาห ‘‘อารมฺมณวเสนา’’ติอาทิฯ นานา กรียติ เอเตนาติ นานากรณํ, วิเสโสฯ ชาติวเสนาติ อุปฺปตฺติวเสนฯ เย หิ อนิพฺพตฺตปุพฺพา สมานาวตฺถา, เต อุปฺปาทสงฺขาตวิการสมงฺคิตาย อุปฺปชฺชนฺตีติ สมญฺญํ ลภนฺติฯ เตนาห ‘‘ชาติวเสนา’’ติอาทิฯ ปุนปฺปุนํ อาเสวิตาติ อนาทิมติ สํสาเร อปราปรุปฺปตฺติยา ลทฺธาเสวนาฯ เอเตน กิเลสานํ ภาวนเฎฺฐน อนุสยตฺถํ วิเสเสติ ฯ ถามคตาติ ถามภาวํ อุปคตาฯ เอเตน อนุสเย สภาวโต ทเสฺสติฯ ถามคมนนฺติ จ กามราคาทีนํ อนญฺญสาธารโณ สภาโวฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ถามคโต อนุสเย ปชหตี’’ติ (ปฎิ. ม. ๓.๒๑)ฯ อปฺปฎิวินีตาติ สมุเจฺฉทวินยวเสน น ปฎิวินีตาฯ อปฺปหีนา หิ ถามคตา กิเลสา อนุเสนฺตีติ วุจฺจนฺติฯ เอเตน เตสํ การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชนารหตํ ทเสฺสติฯ สมุทาจรนฺตีติ อภิภวนฺติฯ เอเตน เตสํ วีติกฺกมปฺปตฺตตํ ทเสฺสติฯ อุปฺปชฺชนฺตีติ ปน อิมินาว ปริยุฎฺฐานาวตฺถา ทสฺสิตาฯ
82.Yatthāti visaye bhummaṃ. Diṭṭhīnañhi ārammaṇanidassanametanti. Yasmā diṭṭhīnaṃ anusayanabhūmipi samudācaraṇaṭṭhānampi khandhā eva, tasmā āha ‘‘yattha cetā diṭṭhiyo uppajjantī tiādi pañcakkhandhe sandhāya vutta’’nti. Rūpaṃ abhinivissāti ‘‘idaṃ rūpaṃ mama attā’’ti diṭṭhābhinivesavasena abhinivisitvā ārabbha. Abhinivisamānā eva hi diṭṭhi naṃ ārammaṇaṃ katvā uppajjati. ‘‘So attā’’tiādīsu yadidaṃ cakkhādisaṅgahaṃ rūpaṃ, sahabuddhinibandhanatāya so me attā, sukhāsukhaṃ ettha lokiyatīti so loko. ‘‘Soevāhaṃ pecca paraloke bhavissāmīti tathābhāvena nicco, thirabhāvena dhuvo, sabbadābhāvitāya sassato, nibbikāratāya avipariṇāmadhammoti attho. Yadi pañcakkhandhe sandhāya vuttaṃ, kathamekavacananti āha ‘‘ārammaṇavasenā’’tiādi. Nānā karīyati etenāti nānākaraṇaṃ, viseso. Jātivasenāti uppattivasena. Ye hi anibbattapubbā samānāvatthā, te uppādasaṅkhātavikārasamaṅgitāya uppajjantīti samaññaṃ labhanti. Tenāha ‘‘jātivasenā’’tiādi. Punappunaṃ āsevitāti anādimati saṃsāre aparāparuppattiyā laddhāsevanā. Etena kilesānaṃ bhāvanaṭṭhena anusayatthaṃ viseseti . Thāmagatāti thāmabhāvaṃ upagatā. Etena anusaye sabhāvato dasseti. Thāmagamananti ca kāmarāgādīnaṃ anaññasādhāraṇo sabhāvo. Tathā hi vuttaṃ ‘‘thāmagato anusaye pajahatī’’ti (paṭi. ma. 3.21). Appaṭivinītāti samucchedavinayavasena na paṭivinītā. Appahīnā hi thāmagatā kilesā anusentīti vuccanti. Etena tesaṃ kāraṇalābhe sati uppajjanārahataṃ dasseti. Samudācarantīti abhibhavanti. Etena tesaṃ vītikkamappattataṃ dasseti. Uppajjantīti pana imināva pariyuṭṭhānāvatthā dassitā.
ตํ ปญฺจกฺขนฺธปฺปเภทํ อารมฺมณนฺติ ยํ ตํ ‘‘ยตฺถ เจตา ทิฎฺฐิโย อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทินา วุตฺตํ รูปุปาทานกฺขนฺธาทิปญฺจกฺขนฺธปเภทํ ทิฎฺฐีนํ อารมฺมณํฯ เอตํ มยฺหํ น โหตีติ เอตํ ขนฺธปญฺจกํ มยฺหํ สนฺตกํ น โหติ มม กิญฺจนปลิโพธภาเวน คเหตพฺพตาย อภาวโตฯ เตนสฺส ปรมตฺถโต ตณฺหาวตฺถุภาวํ ปฎิกฺขิปติ ตาวกาลิกาทิภาวโตฯ อหมฺปิ เอโส น อสฺมีติ เอโส ปญฺจกฺขนฺธปเภโท อหมฺปิ น อสฺมิ, อหนฺติ โส คเหตโพฺพ น โหตีติ อโตฺถฯ เอเตนสฺส มานวตฺถุภาวํ ปฎิกฺขิปติ อนิจฺจทุกฺขเชคุจฺฉาทิภาวโตฯ เอโส เม อตฺตาปิ น โหติ อตฺตสภาวสฺส ตตฺถ อภาวโต มมญฺจสฺส กิญฺจนปลิโพธภาเวน คเหตพฺพตาย อภาวโตฯ
Taṃ pañcakkhandhappabhedaṃ ārammaṇanti yaṃ taṃ ‘‘yattha cetā diṭṭhiyo uppajjantī’’tiādinā vuttaṃ rūpupādānakkhandhādipañcakkhandhapabhedaṃ diṭṭhīnaṃ ārammaṇaṃ. Etaṃ mayhaṃ na hotīti etaṃ khandhapañcakaṃ mayhaṃ santakaṃ na hoti mama kiñcanapalibodhabhāvena gahetabbatāya abhāvato. Tenassa paramatthato taṇhāvatthubhāvaṃ paṭikkhipati tāvakālikādibhāvato. Ahampi eso na asmīti eso pañcakkhandhapabhedo ahampi na asmi, ahanti so gahetabbo na hotīti attho. Etenassa mānavatthubhāvaṃ paṭikkhipati aniccadukkhajegucchādibhāvato. Eso me attāpi na hoti attasabhāvassa tattha abhāvato mamañcassa kiñcanapalibodhabhāvena gahetabbatāya abhāvato.
ตณฺหาว มมนฺติ คณฺหาติ เอเตนาติ ตณฺหาคาโหฯ ตํ คณฺหโนฺตติ ตํ อุปฺปาเทโนฺตฯ เตนาห ‘‘ตณฺหาปปญฺจํ คณฺหาตี’’ติฯ ปปเญฺจติ สนฺตานํ วิตฺถาเรโนฺต สเตฺต สํสาเร จิรายตีติ ปปโญฺจฯ ยถา วุตฺตปเภทนฺติ อฎฺฐสตตณฺหาวิจริตปเภทํฯ ตณฺหาปปญฺจํ ปฎิกฺขิปติ ขนฺธปญฺจกสฺส ตณฺหาวตฺถุกาภาววิภาวเนนาติ อธิปฺปาโยฯ ปรโต ปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ทิเฎฺฐกฎฺฐาติ ทิฎฺฐิยา ปหาเนกฎฺฐาฯ เตน เตสํ ปฐมมคฺควชฺฌตํ ทเสฺสติฯ สหเชกฎฺฐา ปน ทิฎฺฐิยา ตณฺหา เอว, น มาโน, สา จ โข อปายคมนียาฯ ยถา อตฺถีติ เยน อนิจฺจทุกฺขาสุภานตฺตากาเรน อตฺถิ, ตถา ปสฺสโนฺต ยถาภูตํ ปสฺสติ นามฯ เตนาห ‘‘ขนฺธปญฺจกญฺหี’’ติอาทิฯ เอเตเนว อากาเรนาติ รุปฺปนาทิอนิจฺจาทิอากาเรเนวฯ คยฺหมานมฺปิ อปฺปหีนวิปลฺลาเสหิฯ เตนากาเรนาติ ‘‘เอตํ มม’’นฺติอาทิอากาเรนฯ เนวตฺถิ ยถาภูตทสฺสนวิปลฺลาสานํ ตทภาวโตฯ สุฎฺฐุ ปสฺสนฺตสฺสาติ ยถา ปุน ตถา น ปสฺสิตพฺพํ, เอวํ สุฎฺฐุ สาติสยํ ปสฺสนฺตสฺสฯ
Taṇhāva mamanti gaṇhāti etenāti taṇhāgāho. Taṃ gaṇhantoti taṃ uppādento. Tenāha ‘‘taṇhāpapañcaṃ gaṇhātī’’ti. Papañceti santānaṃ vitthārento satte saṃsāre cirāyatīti papañco. Yathā vuttapabhedanti aṭṭhasatataṇhāvicaritapabhedaṃ. Taṇhāpapañcaṃ paṭikkhipati khandhapañcakassa taṇhāvatthukābhāvavibhāvanenāti adhippāyo. Parato padadvayepi eseva nayo. Diṭṭhekaṭṭhāti diṭṭhiyā pahānekaṭṭhā. Tena tesaṃ paṭhamamaggavajjhataṃ dasseti. Sahajekaṭṭhā pana diṭṭhiyā taṇhā eva, na māno, sā ca kho apāyagamanīyā. Yathā atthīti yena aniccadukkhāsubhānattākārena atthi, tathā passanto yathābhūtaṃ passati nāma. Tenāha ‘‘khandhapañcakañhī’’tiādi. Eteneva ākārenāti ruppanādianiccādiākāreneva. Gayhamānampi appahīnavipallāsehi. Tenākārenāti ‘‘etaṃ mama’’ntiādiākārena. Nevatthi yathābhūtadassanavipallāsānaṃ tadabhāvato. Suṭṭhu passantassāti yathā puna tathā na passitabbaṃ, evaṃ suṭṭhu sātisayaṃ passantassa.
น อาทิมนสิกาเรเนว ทิฎฺฐิปฺปหานํ โหติ, อธิมานิกานํ ปน อธิมานมตฺตเมตํ ทสฺสนํฯ มเคฺคเนว ตํ โหตีติ อิมมตฺถํ วิภาเวโนฺต ‘‘โสตาปตฺติมเคฺคน ทิฎฺฐิปฺปหานํ ทเสฺสตฺวา’’ติ อาหฯ วิภชโนฺตติ อธิมานิกานํ ฌานานิ อสเลฺลขภาเวน วิภชโนฺตฯ พาลปุถุชฺชนานํ เนว อุปฺปชฺชติ อการกภาวโตฯ น อริยสาวกานํ ปหีนาธิมานปจฺจยตฺตาฯ น อฎฺฐานนิโยชโก สปฺปายกมฺมฎฺฐาเนเยว นิโยชนโตฯ
Na ādimanasikāreneva diṭṭhippahānaṃ hoti, adhimānikānaṃ pana adhimānamattametaṃ dassanaṃ. Maggeneva taṃ hotīti imamatthaṃ vibhāvento ‘‘sotāpattimaggena diṭṭhippahānaṃ dassetvā’’ti āha. Vibhajantoti adhimānikānaṃ jhānāni asallekhabhāvena vibhajanto. Bālaputhujjanānaṃ neva uppajjati akārakabhāvato. Na ariyasāvakānaṃ pahīnādhimānapaccayattā. Na aṭṭhānaniyojako sappāyakammaṭṭhāneyeva niyojanato.
เถโร ‘‘ยทตฺถํ สโงฺฆ ปโกฺกสติ, โส อโตฺถ ตตฺถ วาสีนํ อาคตาคตานํ อิธ อิชฺฌตี’’ติ ตํ อุทิกฺขโนฺต สเงฺฆน ยาวตติยํ ปหิโตปิ น คโต น อคารเวนฯ เตนาห ‘‘กิเมต’’นฺติอาทิฯ ปณฺฑิโต หิ ตตฺถ อตฺตโน กิจฺจเมว กโรตีติ อญฺญตรํ วุฑฺฒปพฺพชิตํ ปาเหสิฯ กิเมตนฺติ สงฺฆสฺส อาณาย อกรณํ นาม กิเมตนฺติ กรเณ อาทรํ ทีเปโนฺต เอวมาหฯ สฎฺฐิวสฺสาตีโตติ อปฺปเตฺต ปตฺตสญฺญี เอว สฎฺฐิวสฺสาตีโตฯ ยสฺมา เปสลา เปสเลหิ สทฺธิํ สํสนฺทนฺติ สมานาธิมุตฺติตาย, ตสฺมา เถโร ‘‘สาธาวุโส’’ติ วตฺวา หตฺถิมาปนาทิํ สพฺพํ อกาสิฯ
Thero ‘‘yadatthaṃ saṅgho pakkosati, so attho tattha vāsīnaṃ āgatāgatānaṃ idha ijjhatī’’ti taṃ udikkhanto saṅghena yāvatatiyaṃ pahitopi na gato na agāravena. Tenāha ‘‘kimeta’’ntiādi. Paṇḍito hi tattha attano kiccameva karotīti aññataraṃ vuḍḍhapabbajitaṃ pāhesi. Kimetanti saṅghassa āṇāya akaraṇaṃ nāma kimetanti karaṇe ādaraṃ dīpento evamāha. Saṭṭhivassātītoti appatte pattasaññī eva saṭṭhivassātīto. Yasmā pesalā pesalehi saddhiṃ saṃsandanti samānādhimuttitāya, tasmā thero ‘‘sādhāvuso’’ti vatvā hatthimāpanādiṃ sabbaṃ akāsi.
ตาทิโสวาติ อนนฺตรํ วุตฺตเตฺถรสทิโสว อปฺปเตฺต ปตฺตสญฺญี เอว สฎฺฐิวสฺสาตีโตติ อโตฺถฯ ปทุมคุมฺพนฺติ กมลสณฺฑํฯ ปาสาทํ ปาวิสิ วิสฺสฎฺฐํ โอโลกเนนสฺส ปุถุชฺชนภาโว อตฺตนาว ปญฺญายิสฺสตีติฯ ติสฺสมหาวิหาเร กิร เถรา ภิกฺขู ตทา ‘‘สกจิตฺตํ ปสีทตี’’ติ วจนํ ปูเชนฺตา กาลเสฺสว เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา เอตฺตการมฺมณเมว พุทฺธารมฺมณปีติํ อุปฺปาเทตฺวา ทิวเส ทิวเส ตถา กโรนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตสฺมิญฺจ สมเย’’ติอาทิฯ ‘‘ธมฺมทินฺน, อิธ ปตฺตจีวรํ ฐเปตี’’ติ วตฺตาปิ ปฎิสนฺถารวเสน กิญฺจิ ปุจฺฉิตาปิ นาโหสิฯ คุณํ ชานาตีติ นิมุชฺชนาทีสุ วิวรทานาทินา คุณํ ชานาติ วิยฯ ตุเมฺห ปน น ชานิตฺถ อาคนฺตุกวตฺตสฺสปิ อกรณโตฯ สตฺถุอาณาวิลงฺฆินี กีทิสี สา สงฺฆสฺส กติกา? กติกา จ นาม สิกฺขาปทาวิโรเธน อนุวเตฺตตพฺพา, เอตฺตกมฺปิ อชานเนฺตหิ เม สํวาโส นตฺถีติ อากาเส อพฺภุกฺกมิฯ
Tādisovāti anantaraṃ vuttattherasadisova appatte pattasaññī eva saṭṭhivassātītoti attho. Padumagumbanti kamalasaṇḍaṃ. Pāsādaṃ pāvisi vissaṭṭhaṃ olokanenassa puthujjanabhāvo attanāva paññāyissatīti. Tissamahāvihāre kira therā bhikkhū tadā ‘‘sakacittaṃ pasīdatī’’ti vacanaṃ pūjentā kālasseva cetiyaṅgaṇaṃ sammajjitvā ettakārammaṇameva buddhārammaṇapītiṃ uppādetvā divase divase tathā karonti. Tena vuttaṃ ‘‘tasmiñca samaye’’tiādi. ‘‘Dhammadinna, idha pattacīvaraṃ ṭhapetī’’ti vattāpi paṭisanthāravasena kiñci pucchitāpi nāhosi. Guṇaṃ jānātīti nimujjanādīsu vivaradānādinā guṇaṃ jānāti viya. Tumhe pana na jānittha āgantukavattassapi akaraṇato. Satthuāṇāvilaṅghinī kīdisī sā saṅghassa katikā? Katikā ca nāma sikkhāpadāvirodhena anuvattetabbā, ettakampi ajānantehi me saṃvāso natthīti ākāse abbhukkami.
ยํ ตสฺส เอวมสฺส สเลฺลเขน วิหรามีติ โย ‘‘ปฐมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ วุโตฺต, ตสฺส ภิกฺขุโน ยํ ‘‘ปฐมชฺฌานสงฺขาตํ ปฎิปตฺติวิธานํ กิเลเส สเลฺลขติ, เตน สเลฺลเขน อหํ วิหรามี’’ติ อธิมานวเสน เอวมสฺส เอวํ ภเวยฺย ฐานเมตํ วิชฺชตีติ เอวเมตฺถ สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ ตํ น ยุชฺชตีติ ตํ อธิมานิกสฺส ‘‘ยถาวิภงฺคํ ปฐมชฺฌานํ สเลฺลโข’’ติ ปริวิตกฺกิตํ น ยุชฺชติ ยุตฺตํ น โหติฯ เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิฯ ตตฺถ สมฺมา สพฺพโส จ กิเลเส ลิขตีติ สเลฺลโข, อริยมโคฺคฯ ตทุปายวิปสฺสนา สเลฺลขปฎิปทาฯ ยํ ปน ฌานํ วิปสฺสนาปาทกํ, ตมฺปิ ฌานํ ปริยาเยน มคฺคปาทกํ โหติเยวฯ เตนาห ‘‘อวิปสฺสนาปาทกตฺตา’’ติอาทิฯ
Yaṃtassa evamassa sallekhena viharāmīti yo ‘‘paṭhamajjhānaṃ upasampajja vihareyyā’’ti vutto, tassa bhikkhuno yaṃ ‘‘paṭhamajjhānasaṅkhātaṃ paṭipattividhānaṃ kilese sallekhati, tena sallekhena ahaṃ viharāmī’’ti adhimānavasena evamassa evaṃ bhaveyya ṭhānametaṃ vijjatīti evamettha sambandho veditabbo. Taṃ na yujjatīti taṃ adhimānikassa ‘‘yathāvibhaṅgaṃ paṭhamajjhānaṃ sallekho’’ti parivitakkitaṃ na yujjati yuttaṃ na hoti. Tenāha ‘‘na hī’’tiādi. Tattha sammā sabbaso ca kilese likhatīti sallekho, ariyamaggo. Tadupāyavipassanā sallekhapaṭipadā. Yaṃ pana jhānaṃ vipassanāpādakaṃ, tampi jhānaṃ pariyāyena maggapādakaṃ hotiyeva. Tenāha ‘‘avipassanāpādakattā’’tiādi.
ฌานธมฺมวเสนาติ วิตกฺกาทิปญฺจกชฺฌานธมฺมวเสนฯ จิตฺตุปฺปาทวเสน อเนกวารํ ปวตฺตมานมฺปิ ฌานํ เอกาวชฺชนตาย เอกวีถิปริยาปนฺนตฺตา เอกา สมาปตฺติ เอวาติ ‘‘ปุนปฺปุนํ สมาปตฺติวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ จตฺตาริ อรูปชฺฌานานิ ยถาสกํ เอเกกสฺมิํเยว อารมฺมเณ ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘อารมฺมณเภทาภาวโต’’ติฯ ปุริมการณทฺวยวเสเนวาติ ‘‘ฌานธมฺมวเสน, ปุนปฺปุนํ สมาปตฺติวเสนา’’ติ ปุเพฺพ วุตฺตปฺปการการณทฺวยวเสเนวฯ
Jhānadhammavasenāti vitakkādipañcakajjhānadhammavasena. Cittuppādavasena anekavāraṃ pavattamānampi jhānaṃ ekāvajjanatāya ekavīthipariyāpannattā ekā samāpatti evāti ‘‘punappunaṃ samāpattivasenā’’ti vuttaṃ. Cattāri arūpajjhānāni yathāsakaṃ ekekasmiṃyeva ārammaṇe pavattantīti āha ‘‘ārammaṇabhedābhāvato’’ti. Purimakāraṇadvayavasenevāti ‘‘jhānadhammavasena, punappunaṃ samāpattivasenā’’ti pubbe vuttappakārakāraṇadvayavaseneva.
เตสํ อรูปชฺฌานานํ กิเลสปริฬาหาภาเวน นิพฺพุตานิ องฺคานิ, ภาวนาวิเสสวเสน สุขุมานิ อารมฺมณานิฯ ตสฺมา ตานีติ เตสํ วเสน ตานิ ฌานานิ สนฺตานิ, ตสฺมา ‘‘สนฺตา เอเต วิหารา’’ติ วุตฺตํฯ เตสํ จตุนฺนมฺปีติ จตุนฺนมฺปิ เตสํ อรูปชฺฌานานํฯ
Tesaṃ arūpajjhānānaṃ kilesapariḷāhābhāvena nibbutāni aṅgāni, bhāvanāvisesavasena sukhumāni ārammaṇāni. Tasmā tānīti tesaṃ vasena tāni jhānāni santāni, tasmā ‘‘santā ete vihārā’’ti vuttaṃ. Tesaṃ catunnampīti catunnampi tesaṃ arūpajjhānānaṃ.
๘๓. โสติ อธิมานิโก ภิกฺขุ, อโญฺญ วา อิโต พาหิรโก ตาปสปริพฺพาชกาทิโก น หิ สมฺมสติฯ ตตฺถ อธิมานิโก อปฺปเตฺต ปตฺตสญฺญิตาย น สมฺมสติ, อิตโร อวิสยตายฯ ยตฺถาติ ยสฺมิํ สเลฺลขวตฺถุสฺมิํ, อวิหิํสกตาทีหิ จตุจตฺตาลีสาย อากาเรหิฯ
83.Soti adhimāniko bhikkhu, añño vā ito bāhirako tāpasaparibbājakādiko na hi sammasati. Tattha adhimāniko appatte pattasaññitāya na sammasati, itaro avisayatāya. Yatthāti yasmiṃ sallekhavatthusmiṃ, avihiṃsakatādīhi catucattālīsāya ākārehi.
อฎฺฐ สมาปตฺติโย นาม กิเลสานํ วิกฺขมฺภนวเสน ปวตฺตา อุตฺตรุตฺตริ สนฺตปณีตา ธมฺมา, น ตถา โลกิยา อวิหิํสาทโยฯ ตตฺถ กถํ อวิหิํสาทโย เอว สเลฺลขภาเวน วุตฺตา, น อิตราติ อิมมตฺถํ วิภาเวโนฺต โจทโก ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทิมาหฯ อิตโร กามํ สมาปตฺติโย สนฺตปณีตสภาวา, วฎฺฎปาทกตาย ปน กิเลสานํ สเลฺลขปฎิปทา น โหนฺติ, อวิหิํสาทโย ปน วิวฎฺฎปาทกา สเลฺลขปฎิปทาติ อิมมตฺถํ วิภาเวโนฺต ‘‘โลกุตฺตรปาทกตฺตา’’ติอาทิมาหฯ อิมินาเยว อฎฺฐสมาปตฺตีหิ อวิหิํสาทีนํ วิเสสทีปเกน สุเตฺตน ยถา มหปฺผลตรํ โหติ, ตํ ปการชาตํ เวทิตพฺพํฯ อิทญฺหิ ทกฺขิเณยฺยตรตาย ทกฺขิณาย มหปฺผลตรตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ นนุ ตตฺถ ‘‘โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺน’’ติ อาคตํ, น ‘‘สรณคโต’’ติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘สรณคมนโต ปฎฺฐายา’’ติอาทิฯ วุตฺตเญฺหตํ อฎฺฐกถายํ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๓.๓๗๙) ‘‘เหฎฺฐิมโกฎิยา ติสรณํ คโต อุปาสโกปิ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปโนฺน นามา’’ติฯ โย หิ วฎฺฎทุกฺขํ สมติกฺกมิตุกาโม ปสนฺนจิโตฺต รตนตฺตยํ สรณํ คจฺฉติ, ตสฺส ตํ อธิสีลาทีนํ อุปนิสฺสโย หุตฺวา อนุกฺกเมน ทสฺสนมคฺคาธิคมาย สํวเตฺตยฺยาติฯ
Aṭṭha samāpattiyo nāma kilesānaṃ vikkhambhanavasena pavattā uttaruttari santapaṇītā dhammā, na tathā lokiyā avihiṃsādayo. Tattha kathaṃ avihiṃsādayo eva sallekhabhāvena vuttā, na itarāti imamatthaṃ vibhāvento codako ‘‘kasmā panā’’tiādimāha. Itaro kāmaṃ samāpattiyo santapaṇītasabhāvā, vaṭṭapādakatāya pana kilesānaṃ sallekhapaṭipadā na honti, avihiṃsādayo pana vivaṭṭapādakā sallekhapaṭipadāti imamatthaṃ vibhāvento ‘‘lokuttarapādakattā’’tiādimāha. Imināyeva aṭṭhasamāpattīhi avihiṃsādīnaṃ visesadīpakena suttena yathā mahapphalataraṃ hoti, taṃ pakārajātaṃ veditabbaṃ. Idañhi dakkhiṇeyyataratāya dakkhiṇāya mahapphalatarataṃ sandhāya vuttanti sambandho. Nanu tattha ‘‘sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipanno’’ti āgataṃ, na ‘‘saraṇagato’’ti codanaṃ sandhāyāha ‘‘saraṇagamanato paṭṭhāyā’’tiādi. Vuttañhetaṃ aṭṭhakathāyaṃ (ma. ni. aṭṭha. 3.379) ‘‘heṭṭhimakoṭiyā tisaraṇaṃ gato upāsakopi sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipanno nāmā’’ti. Yo hi vaṭṭadukkhaṃ samatikkamitukāmo pasannacitto ratanattayaṃ saraṇaṃ gacchati, tassa taṃ adhisīlādīnaṃ upanissayo hutvā anukkamena dassanamaggādhigamāya saṃvatteyyāti.
วิหิํสาทิวตฺถุนฺติ ยเทตํ วิหิํสาทีนํ วตฺถุํ วทาม, อิมสฺมิํ วิหิํสาทิวตฺถุสฺมิํฯ อนฺตมิจฺฉาทิฎฺฐิญฺจ มิจฺฉตฺตานํ อาทิมิจฺฉาทิฎฺฐิญฺจาติ อิทํ เทสนากฺกมํ สนฺธาย วุตฺตํฯ มิเสฺสตฺวาติ มิจฺฉาทิฎฺฐิภาวสามเญฺญน เอกชฺฌํ กตฺวาฯ ตถาติ อิมินา ยถา กมฺมปถมิจฺฉตฺตานํ อเนฺต อาทิมฺหิ จ วุตฺตมิจฺฉาทิฎฺฐิํ มิเสฺสตฺวา เอกชฺฌํ วุตฺตํ, ตถา เตสํ อเนฺต วุตฺตสมฺมาทิฎฺฐีติ อิมมตฺถํ อุปสํหรติฯ
Vihiṃsādivatthunti yadetaṃ vihiṃsādīnaṃ vatthuṃ vadāma, imasmiṃ vihiṃsādivatthusmiṃ. Antamicchādiṭṭhiñca micchattānaṃ ādimicchādiṭṭhiñcāti idaṃ desanākkamaṃ sandhāya vuttaṃ. Missetvāti micchādiṭṭhibhāvasāmaññena ekajjhaṃ katvā. Tathāti iminā yathā kammapathamicchattānaṃ ante ādimhi ca vuttamicchādiṭṭhiṃ missetvā ekajjhaṃ vuttaṃ, tathā tesaṃ ante vuttasammādiṭṭhīti imamatthaṃ upasaṃharati.
ปาณนฺติ โวหารโต สตฺตํ, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํฯ อติปาเตนฺติ สรเสเนว ปตนสภาวํ อติจฺจ อนฺตรา เอว ปาเตนฺติ, อติกฺกมฺม วา สตฺถาทีหิ อภิภวิตฺวา ปาเตนฺติฯ อทินฺนนฺติ ปรสนฺตกํฯ อาทิยนฺตีติ คณฺหนฺติฯ สเลฺลขตีติ สมํ เลขติ, ปชหตีติ อโตฺถฯ กมฺมปถกถา เอสาติ ‘‘อตฺถภญฺชนก’’นฺติ วุตฺตํฯ ปิยสุญฺญกรณโต ปิสุณา, ปิสติ ปเร สเตฺต หิํสตีติ วา ปิสุณาฯ ผรุสาติ ลูขา, นิฎฺฐุราติ อโตฺถฯ นิรตฺถกนฺติ อตฺถรหิตํ อตฺตโน ปเรสญฺจ หิตวินิมุตฺตํฯ มิจฺฉาติ วิปรีตา นิจฺจาทิวเสน ปวตฺติยาฯ ปาปิกาติ ลามิกาฯ เอกนฺตากุสลตาย วิญฺญูหิ พุทฺธาทีหิ ครหิตาฯ นตฺถิ ทินฺนนฺติ อาทิวตฺถุกายาติ ทสวตฺถุกมิจฺฉาทิฎฺฐิมาหฯ นตฺถิกภาวาภินิเวสนวเสน กมฺมปถปฺปตฺติเยวสฺสา กมฺมปถปริยาปนฺนตาฯ ‘‘รูปํ อตฺตา’’’ติอาทินยปฺปวตฺตา อตฺตทิฎฺฐิ มคฺคนฺตรายกรตฺตา อนิยฺยานิกทิฎฺฐิฯ อนิยฺยานิกตฺตา เอว หิสฺสา มิจฺฉตฺตปริยาปนฺนตาฯ สมฺมาติ อวิปรีตา, ตโต เอว โสภนา สุนฺทรา, พุทฺธาทีหิ ปสตฺถตฺตา วิญฺญุปฺปสตฺถาฯ เสสเมตฺถ มิจฺฉาทิฎฺฐิยํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ
Pāṇanti vohārato sattaṃ, paramatthato jīvitindriyaṃ. Atipātenti saraseneva patanasabhāvaṃ aticca antarā eva pātenti, atikkamma vā satthādīhi abhibhavitvā pātenti. Adinnanti parasantakaṃ. Ādiyantīti gaṇhanti. Sallekhatīti samaṃ lekhati, pajahatīti attho. Kammapathakathā esāti ‘‘atthabhañjanaka’’nti vuttaṃ. Piyasuññakaraṇato pisuṇā, pisati pare satte hiṃsatīti vā pisuṇā. Pharusāti lūkhā, niṭṭhurāti attho. Niratthakanti attharahitaṃ attano paresañca hitavinimuttaṃ. Micchāti viparītā niccādivasena pavattiyā. Pāpikāti lāmikā. Ekantākusalatāya viññūhi buddhādīhi garahitā. Natthi dinnanti ādivatthukāyāti dasavatthukamicchādiṭṭhimāha. Natthikabhāvābhinivesanavasena kammapathappattiyevassā kammapathapariyāpannatā. ‘‘Rūpaṃ attā’’’tiādinayappavattā attadiṭṭhi maggantarāyakarattā aniyyānikadiṭṭhi. Aniyyānikattā eva hissā micchattapariyāpannatā. Sammāti aviparītā, tato eva sobhanā sundarā, buddhādīhi pasatthattā viññuppasatthā. Sesamettha micchādiṭṭhiyaṃ vuttanayena veditabbaṃ.
อสุภาทีสุ สุภาทิอาการคฺคหณโต อยาถาวอนิยฺยานิกา อโยนิโส อุปฺปตฺติยาฯ อกุสลาติ อยาถาวาอนิยฺยานิกา อกุสลา สงฺกปฺปาฯ เอส นโยติ อิมินา ‘‘อยาถาวา อนิยฺยานิกา อกุสลา วาจา’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ อยาถาวาทิอตฺถํ อติทิสติฯ วาจาติ เจตนา อธิเปฺปตา, ตถา กมฺมนฺตาชีวาสติ จฯ เยภุเยฺยน อตีตานุสฺสรณวเสน ปวตฺติโต ‘‘อตีตํ จินฺตยโต’’ติ วุตฺตํฯ ตถา หิ โลเก เอวํ วทนฺติ ‘‘ยํ เม ปหูตํ ธนํ อโหสิ, ตํ ปมาทวเสน ปน พหุํ ขีณ’’นฺติฯ สติปติรูปเกนาติ ‘‘จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา’’ติ เอวํ วุตฺตสตุปฺปตฺติปติรูปเกนฯ อุปฺปตฺตินฺติ จิตฺตุปฺปตฺติํฯ ตถาปวตฺตจิตฺตุปฺปาโท หิ มิจฺฉาสติฯ สา ปน โกธวเสน วา ‘‘อโกฺกจฺฉิ มํ อวธิ ม’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๓) อุปนยฺหนฺตสฺส, ราควเสน วา ‘‘ยานิสฺส ตานิ ปุเพฺพ มาตุคาเมน สทฺธิํ หสิตลปิตกีฬิตานิ อนุสฺสรตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๕๐) วุตฺตนเยน สุภโต อนุสฺสรนฺตสฺส, ทิฎฺฐิวเสน วา ‘‘โส โข ปน เม อโตฺต นิโจฺจ ธุโว’’ติอาทินา มิจฺฉาอภินิวิสนฺตสฺสาติ เอวมาทินา นเยน ปวตฺตตีติ เวทิตพฺพาฯ
Asubhādīsu subhādiākāraggahaṇato ayāthāvaaniyyānikā ayoniso uppattiyā. Akusalāti ayāthāvāaniyyānikā akusalā saṅkappā. Esa nayoti iminā ‘‘ayāthāvā aniyyānikā akusalā vācā’’tiādinā tattha tattha ayāthāvādiatthaṃ atidisati. Vācāti cetanā adhippetā, tathā kammantājīvāsati ca. Yebhuyyena atītānussaraṇavasena pavattito ‘‘atītaṃ cintayato’’ti vuttaṃ. Tathā hi loke evaṃ vadanti ‘‘yaṃ me pahūtaṃ dhanaṃ ahosi, taṃ pamādavasena pana bahuṃ khīṇa’’nti. Satipatirūpakenāti ‘‘cirakatampi cirabhāsitampi saritā’’ti evaṃ vuttasatuppattipatirūpakena. Uppattinti cittuppattiṃ. Tathāpavattacittuppādo hi micchāsati. Sā pana kodhavasena vā ‘‘akkocchi maṃ avadhi ma’’ntiādinā (dha. pa. 3) upanayhantassa, rāgavasena vā ‘‘yānissa tāni pubbe mātugāmena saddhiṃ hasitalapitakīḷitāni anussaratī’’ti (a. ni. 7.50) vuttanayena subhato anussarantassa, diṭṭhivasena vā ‘‘so kho pana me atto nicco dhuvo’’tiādinā micchāabhinivisantassāti evamādinā nayena pavattatīti veditabbā.
อุปายจินฺตาวเสนาติ ขิปฺปชาลกุมินาทุหลาทิอุปกรณสํวิธานาทีสุ ยุตฺติจินฺตนาทิวเสน ปาปํ กตฺวา วิปฺปฎิสารนิมิตฺตํ, ‘‘สุกตํ มยา’’ติ ปาโมชฺชนิมิตฺตํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขณากาเรน โมโห อญฺญาณํฯ ตตฺถ ปน ‘‘อสิเว สิวา’’ติ โวหาโร วิย ญาณโวหาโรฯ มิจฺฉาสภาวตฺตา ปน มิจฺฉาญาณํเตฺวว วุจฺจติฯ เอกูนวีสติเภทํ ปจฺจเวกฺขณญาณํ สมฺมา เปกฺขิตตฺตา สมฺมาญาณํ วุจฺจติ, อิตรํ ปน ฌานาทิปจฺจเวกฺขณญาณํ สมฺมาทิฎฺฐิยาว สงฺคยฺหติฯ รูปารูปสมาปตฺติลาภิตามเตฺตน วฎฺฎโต อวิมุตฺตาเยว สมานา ‘‘วิมุตฺตา มย’’นฺติ เอวํสญฺญิโนฯ ปกติปุริสนฺตรญาณสงฺขาตายํ, คุณวิยุตฺตสฺส อตฺตโน สกตฺตนิ อวฎฺฐานสงฺขาตายํ, อตฺตโน มหาพฺรหฺมุนา สโลกตา ตสฺส สมีปตาสํยุชฺชนสงฺขาตายํ วา อวิมุตฺติยํ วิมุตฺติสญฺญิโนฯ เอกนฺตากุสลตาย หีนตฺตา ปาปิกาฯ อยาถาวตาย วิปรีตาฯ ยถาวุเตฺตนาติ ‘‘อวิมุตฺตาเยว สมานา’’ติ วุตฺตปฺปกาเรนฯ ‘‘มยเมตฺถ สมฺมาทิฎฺฐิ ภวิสฺสามา’’ติอาทีสุ ผลสมฺมาทิฎฺฐิอาทีนิปิ มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิอาทิปกฺขิกาเนวาติ อธิปฺปาเยน ‘‘ผลสมฺปยุตฺตานิ…เป.… เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํฯ สเพฺพปิ ปน ผลธเมฺม วิมุตฺติกฺขนฺธสงฺคหโต ‘‘วิมุตฺตี’’ติ วุจฺจมาเน น โกจิ วิโรโธฯ เอตฺถ สมฺมาวิมุตฺติสงฺขาเต สเลฺลขวตฺถุมฺหิฯ
Upāyacintāvasenāti khippajālakumināduhalādiupakaraṇasaṃvidhānādīsu yutticintanādivasena pāpaṃ katvā vippaṭisāranimittaṃ, ‘‘sukataṃ mayā’’ti pāmojjanimittaṃ katvā paccavekkhaṇākārena moho aññāṇaṃ. Tattha pana ‘‘asive sivā’’ti vohāro viya ñāṇavohāro. Micchāsabhāvattā pana micchāñāṇaṃtveva vuccati. Ekūnavīsatibhedaṃ paccavekkhaṇañāṇaṃ sammā pekkhitattā sammāñāṇaṃ vuccati, itaraṃ pana jhānādipaccavekkhaṇañāṇaṃ sammādiṭṭhiyāva saṅgayhati. Rūpārūpasamāpattilābhitāmattena vaṭṭato avimuttāyeva samānā ‘‘vimuttā maya’’nti evaṃsaññino. Pakatipurisantarañāṇasaṅkhātāyaṃ, guṇaviyuttassa attano sakattani avaṭṭhānasaṅkhātāyaṃ, attano mahābrahmunā salokatā tassa samīpatāsaṃyujjanasaṅkhātāyaṃ vā avimuttiyaṃ vimuttisaññino. Ekantākusalatāya hīnattā pāpikā. Ayāthāvatāya viparītā. Yathāvuttenāti ‘‘avimuttāyeva samānā’’ti vuttappakārena. ‘‘Mayamettha sammādiṭṭhi bhavissāmā’’tiādīsu phalasammādiṭṭhiādīnipi maggasammādiṭṭhiādipakkhikānevāti adhippāyena ‘‘phalasampayuttāni…pe… veditabbā’’ti vuttaṃ. Sabbepi pana phaladhamme vimuttikkhandhasaṅgahato ‘‘vimuttī’’ti vuccamāne na koci virodho. Ettha sammāvimuttisaṅkhāte sallekhavatthumhi.
ยทิ นีวรณวเสน วุตฺตานิ, ตสฺมา ตีเณว วุตฺตานีติ อาห ‘‘อภิชฺฌาลู’’ติอาทิฯ ปริยุฎฺฐานปฺปตฺตา ถินมิทฺธปริยุฎฺฐิตาฯ ยสฺส ธมฺมสฺส อตฺถิตาย อุทฺธตา นาม โหนฺติ, โส ธโมฺม อุทฺธจฺจนฺติ อาห ‘‘อุทฺทเจฺจน สมนฺนาคตาติ อุทฺธตา’’ติฯ วิจินนฺตาติ ธโมฺมติ วา อธโมฺมติ วา อาทินา ยํ กิญฺจิ สภาวํ วินิจฺฉินนฺตาฯ อุปนาหนสีลาติ ปรสฺส อตฺตโน จิเตฺต อนุพนฺธนสีลาฯ อิสฺสนฺตีติ อุสูยนฺติฯ สฐยนฺตีติ สฐา อญฺญถา อตฺตานํ อญฺญถา ปเวทนกาฯ เต ปน ยสฺมา น ยถาภูตวาทิโน, ตสฺมา อาห ‘‘น สมฺมา ภาสนฺตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ วุตฺตปจฺจนีกนเยนาติ ‘‘น โกธนา อโกฺกธนา’’ติอาทินา วุตฺตอตฺถปฎิปกฺขนเยนฯ
Yadi nīvaraṇavasena vuttāni, tasmā tīṇeva vuttānīti āha ‘‘abhijjhālū’’tiādi. Pariyuṭṭhānappattā thinamiddhapariyuṭṭhitā. Yassa dhammassa atthitāya uddhatā nāma honti, so dhammo uddhaccanti āha ‘‘uddaccena samannāgatāti uddhatā’’ti. Vicinantāti dhammoti vā adhammoti vā ādinā yaṃ kiñci sabhāvaṃ vinicchinantā. Upanāhanasīlāti parassa attano citte anubandhanasīlā. Issantīti usūyanti. Saṭhayantīti saṭhā aññathā attānaṃ aññathā pavedanakā. Te pana yasmā na yathābhūtavādino, tasmā āha ‘‘na sammā bhāsantīti vuttaṃ hotī’’ti. Vuttapaccanīkanayenāti ‘‘na kodhanā akkodhanā’’tiādinā vuttaatthapaṭipakkhanayena.
ทุกฺขํ วโจ เอเตสุ วิปฺปฎิกูลคฺคาหิตาย วิปจฺจนีกคาเหสูติ ทุพฺพจาฯ เต ปน วจนกฺขมา น โหนฺตีติ อาห ‘‘วตฺตุํ ทุกฺขา’’ติอาทิฯ หีนาจารตาย ทุกฺขสฺส วา สมฺปาปกตาย ปาปกาฯ อสทฺธมฺมวเสนาติ อสปฺปุริสธมฺมวเสนฯ อตฺตนา วิเสสิตพฺพวเสน กายวิญฺญตฺติอาทีนํ กายกมฺมทฺวาราทิภาโว วิย อสฺสทฺธิยาทิอสทฺธมฺมสมนฺนาคเมนอสตํ อสปฺปุริสานํ ธมฺมานนฺติ ตานิเยว อสฺสทฺธิยาทีนิ อสทฺธมฺมา นาม, เตสํ วเสนาห ‘‘สทฺธา เอเตสํ นตฺถี’’ติ ยถา ตํ ‘‘ทุปฺปญฺญา’’ติฯ สุตฺตเคยฺยาทิ อปฺปํ สุตํ เอเตสนฺติ อปฺปสฺสุตา, สุเตน อนุปปนฺนาฯ นตฺถีติ คเหตพฺพนฺติ อิมินา อภาวโตฺถ อยํ อปฺป-สโทฺท ‘‘อปฺปฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสาน’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๑๐.๑๑) วิยาติ ทเสฺสติฯ สมฺมาปฎิปตฺติยา อนารมฺภนโต กุจฺฉิตา คารยฺหา สีทนฺติ โอสีทนฺติ สํกิเลสปเกฺขติ กุสีตา ท-การสฺส ต-การํ กตฺวาฯ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย อารทฺธํ ปคฺคหิตํ วีริยํ เอเตสนฺติ อารทฺธวีริยาฯ อนุปฺปาทเนน มุฎฺฐา นฎฺฐา สติ เอเตสนฺติ มุฎฺฐสฺสตีฯ ทุฎฺฐาติ ทูสิตาฯ ทุปฺปญฺญา นาม ทูสิตภาโว ปฎิปเกฺขน วินาสิตภาโวติ อาห ‘‘นฎฺฐปญฺญาติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ เหฎฺฐา สมฺมาทิฎฺฐิคฺคหเณน กมฺมสฺสกตาปญฺญาย มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิยา จ คหิตตฺตา สุพฺพจกลฺยาณมิตฺตตาปริวาราหิ อิธ สทฺธาทีหิ วิปสฺสนาสมฺภารสฺส อุทฺธฎตฺตา จ วุตฺตํ ‘‘อิธ วิปสฺสนาปญฺญา เวทิตพฺพา’’ติฯ เตนาห ‘‘วิปสฺสนาสมฺภาโร หี’’ติอาทิฯ ยุตฺติํ อนเปกฺขิตฺวาปิ อยมโตฺถ คเหตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘โปราณานํ อาณา’’ติฯ
Dukkhaṃ vaco etesu vippaṭikūlaggāhitāya vipaccanīkagāhesūti dubbacā. Te pana vacanakkhamā na hontīti āha ‘‘vattuṃ dukkhā’’tiādi. Hīnācāratāya dukkhassa vā sampāpakatāya pāpakā. Asaddhammavasenāti asappurisadhammavasena. Attanā visesitabbavasena kāyaviññattiādīnaṃ kāyakammadvārādibhāvo viya assaddhiyādiasaddhammasamannāgamenaasataṃ asappurisānaṃ dhammānanti tāniyeva assaddhiyādīni asaddhammā nāma, tesaṃ vasenāha ‘‘saddhā etesaṃ natthī’’ti yathā taṃ ‘‘duppaññā’’ti. Suttageyyādi appaṃ sutaṃ etesanti appassutā, sutena anupapannā. Natthīti gahetabbanti iminā abhāvattho ayaṃ appa-saddo ‘‘appaḍaṃsamakasavātātapasarīsapasamphassāna’’ntiādīsu (a. ni. 10.11) viyāti dasseti. Sammāpaṭipattiyā anārambhanato kucchitā gārayhā sīdanti osīdanti saṃkilesapakkheti kusītā da-kārassa ta-kāraṃ katvā. Akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya kusalānaṃ dhammānaṃ upasampadāya āraddhaṃ paggahitaṃ vīriyaṃ etesanti āraddhavīriyā. Anuppādanena muṭṭhā naṭṭhā sati etesanti muṭṭhassatī. Duṭṭhāti dūsitā. Duppaññā nāma dūsitabhāvo paṭipakkhena vināsitabhāvoti āha ‘‘naṭṭhapaññāti vuttaṃ hotī’’ti. Heṭṭhā sammādiṭṭhiggahaṇena kammassakatāpaññāya maggasammādiṭṭhiyā ca gahitattā subbacakalyāṇamittatāparivārāhi idha saddhādīhi vipassanāsambhārassa uddhaṭattā ca vuttaṃ ‘‘idha vipassanāpaññā veditabbā’’ti. Tenāha ‘‘vipassanāsambhāro hī’’tiādi. Yuttiṃ anapekkhitvāpi ayamattho gahetabboti dassento āha ‘‘porāṇānaṃ āṇā’’ti.
โลกุตฺตรคุณานํ อนฺตรายกรนฺติ โลกุตฺตรคุณานํ อธิคมสฺส อนฺตรายกรํฯ สนฺทิฎฺฐินฺติ สํ อตฺตโน ทิฎฺฐิํ, ยํ วา ตํ วา อตฺตนา ยถาคหิตทิฎฺฐินฺติ อโตฺถฯ สภาวํ อติกฺกมิตฺวา ปรโต อามสนโต ปรามาสีฯ ทฬฺหคฺคาหีติ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ ถิรคฺคาหคฺคาหีฯ ปฎินิสฺสคฺคีติ ปฎินิสฺสชฺชนโกฯ กุโมฺมวาติ ยถา กจฺฉโป อตฺตโน ปาทาทิเก อเงฺค เกนจิ ฆฎฺฎิโต สพฺพานิ องฺคานิ อตฺตโน กปาเลเยว สโมทหติ, น พหิ นีหรติ, เอวมยมฺปิ ‘‘น สุนฺทโร ตว คาโห, ฉเฑฺฑหิ น’’นฺติ วุโตฺต ตํ น วิสฺสเชฺชติฯ อโนฺตเยว อตฺตโน หทเย เอว ฐเปตฺวา ตํ วทติฯ กุมฺภีลคฺคาหนฺติ สํสุมารคฺคาหํฯ คณฺหนฺตีติ ยถา สํสุมารา คหิตํ น วิสฺสเชฺชนฺติ, เอวํ คณฺหนฺติฯ
Lokuttaraguṇānaṃ antarāyakaranti lokuttaraguṇānaṃ adhigamassa antarāyakaraṃ. Sandiṭṭhinti saṃ attano diṭṭhiṃ, yaṃ vā taṃ vā attanā yathāgahitadiṭṭhinti attho. Sabhāvaṃ atikkamitvā parato āmasanato parāmāsī. Daḷhaggāhīti ‘‘idameva sacca’’nti thiraggāhaggāhī. Paṭinissaggīti paṭinissajjanako. Kummovāti yathā kacchapo attano pādādike aṅge kenaci ghaṭṭito sabbāni aṅgāni attano kapāleyeva samodahati, na bahi nīharati, evamayampi ‘‘na sundaro tava gāho, chaḍḍehi na’’nti vutto taṃ na vissajjeti. Antoyeva attano hadaye eva ṭhapetvā taṃ vadati. Kumbhīlaggāhanti saṃsumāraggāhaṃ. Gaṇhantīti yathā saṃsumārā gahitaṃ na vissajjenti, evaṃ gaṇhanti.
๘๔. เอวํ จตุจตฺตาลีสาย อากาเรหีติ อวิหิํสนาทีหิ จตุอธิกจตฺตาลีสปฺปกาเรหิฯ กสฺมา ปเนตฺถ อวิหิํสา อาทิโต วุตฺตา? สพฺพคุณานํ มูลภาวโตฯ อวิหิํสาติ หิ กรุณาเยตํ อธิวจนํ, สา จ วิเสสโต สีลสฺส มูลการณํ ปรูปฆาตลกฺขณา ทุสฺสีลฺยา โอรมาปนโตฯ ยถา หิ ปาณาติปาโต ปรูปฆาตลกฺขโณ, ตถา ปเรสํ สาปเตยฺยาวหรณํ, สตฺติปฺปหารโตปิ ธนสฺสาวหาโร ครุตโรติฯ ตถา อพฺรหฺมจริยํ คพฺภธารณาทิทุกฺขาวหนโต, ปรทาราติกฺกเม ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ ปเรสํ วิสํวาทนเภทนมมฺมฆฎฺฎนานํ ปรูปฆาตภาโว ปากโฎ เอว, สมฺผปฺปลาโป อตฺถคฺคาหาปนโต อนตฺถุปฺปาทนโต, อภิชฺฌา อทินฺนาทานาทิเหตุโต, พฺยาปาโท ปาณาติปาตาทิเหตุโต, มิจฺฉาทิฎฺฐิ สพฺพานตฺถเหตุโต ปรูปฆาตลกฺขณา, มิจฺฉาทิฎฺฐิ ธมฺมิกปฎิโญฺญปิ ปาณาติปาตาทีนิ กโรติ, ปเร จ ตตฺถ นิโยเชติ, กิมงฺคํ ปน อิตเรฯ วิหิํสลกฺขณา ทุสฺสีลฺยา โอรมา อวิหิํสลกฺขณา วิเสสโต สีลสฺส พลวการณํฯ สีลปทฎฺฐาโน จ สมาธิ, สมาธิปทฎฺฐานา จ ปญฺญาติ สพฺพคุณานํ มูลภูตา อวิหิํสาฯ อปิจ อุฬารชฺฌาสยานํ นิสมฺมการีนํ ธีรานํ อุตฺตมปุริสานํ สีลํ วิย สมาธิปญฺญาปิ ปเรสํ หิตสุขาวหาว สมฺปชฺชนฺตีติ เอวมฺปิ กรุณา สพฺพคุณานํ มูลนฺติ สา อาทิโต วุตฺตาฯ
84.Evaṃcatucattālīsāya ākārehīti avihiṃsanādīhi catuadhikacattālīsappakārehi. Kasmā panettha avihiṃsā ādito vuttā? Sabbaguṇānaṃ mūlabhāvato. Avihiṃsāti hi karuṇāyetaṃ adhivacanaṃ, sā ca visesato sīlassa mūlakāraṇaṃ parūpaghātalakkhaṇā dussīlyā oramāpanato. Yathā hi pāṇātipāto parūpaghātalakkhaṇo, tathā paresaṃ sāpateyyāvaharaṇaṃ, sattippahāratopi dhanassāvahāro garutaroti. Tathā abrahmacariyaṃ gabbhadhāraṇādidukkhāvahanato, paradārātikkame pana vattabbameva natthi. Paresaṃ visaṃvādanabhedanamammaghaṭṭanānaṃ parūpaghātabhāvo pākaṭo eva, samphappalāpo atthaggāhāpanato anatthuppādanato, abhijjhā adinnādānādihetuto, byāpādo pāṇātipātādihetuto, micchādiṭṭhi sabbānatthahetuto parūpaghātalakkhaṇā, micchādiṭṭhi dhammikapaṭiññopi pāṇātipātādīni karoti, pare ca tattha niyojeti, kimaṅgaṃ pana itare. Vihiṃsalakkhaṇā dussīlyā oramā avihiṃsalakkhaṇā visesato sīlassa balavakāraṇaṃ. Sīlapadaṭṭhāno ca samādhi, samādhipadaṭṭhānā ca paññāti sabbaguṇānaṃ mūlabhūtā avihiṃsā. Apica uḷārajjhāsayānaṃ nisammakārīnaṃ dhīrānaṃ uttamapurisānaṃ sīlaṃ viya samādhipaññāpi paresaṃ hitasukhāvahāva sampajjantīti evampi karuṇā sabbaguṇānaṃ mūlanti sā ādito vuttā.
ตโต ปรํ วิเสสโต ‘‘อวิหิํสาสมุฎฺฐานา อิเม ธมฺมา’’ติ ทสฺสนตฺถํ กุสลกมฺมปถธมฺมา คหิตาฯ ตโต อิทํ คุณานํ มูลภูตํ สีลํ, เอตฺถ ปติฎฺฐิเตน อิเม ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาติ ทสฺสนตฺถํ อฎฺฐ สมฺมตฺตา คหิตาฯ เตสํ วิโสธนาย ปฎิปนฺนสฺส อาทิโต เอวํ โหตีติ ทสฺสนตฺถํ นีวรณวิเวโก คหิโต, อาทิโต นีวรณทฺวยสฺส อคฺคหเณ คหิตาคหิตการณํ อฎฺฐกถาย วุตฺตเมวฯ โกธสฺส ปน พฺยาปาทโต เภโท วตฺถสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๗๑) วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ โกธาทิปฺปหาเนน เจตฺถ สเลฺลขสิทฺธีติ ทสฺสนตฺถํ ตโต อุปกฺกิเลสวิสุทฺธิ คหิตาฯ สา จ สุพฺพจกลฺยาณมิตฺตอปฺปมตฺตตาหิ สิชฺฌตีติ ทสฺสนตฺถํ ปกิณฺณกา คหิตาฯ สมฺปนฺนโสวจสฺสตาทิคุณสฺส อิเม ธมฺมา ปาริปูริํ คจฺฉนฺติ, วิปสฺสนํ ปริพฺรูเหตฺวา อริยมคฺคาธิคมาย สํวตฺตนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ สทฺธมฺมา คหิตาฯ เอวํภูตสฺส อยํ มิจฺฉาคาโห โลกุตฺตรคุณาธิคมสฺส อนฺตรายกโร, ตสฺมา โส ทูรโต วเชฺชตโพฺพ, เอวํ ยถาวุตฺตาย สมฺมาปฎิปตฺติยา อริยมคฺคํ อธิคจฺฉโนฺต สเลฺลขํ มตฺถกํ ปาเปตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘สนฺทิฎฺฐิปรามาสี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ เอวเมเตสํ จตุจตฺตาลีสาย สเลฺลขาการานํ คหณปโยชนํ อนุปุพฺพี จ เวทิตพฺพาฯ ปโยคโต สเลฺลขปฎิปทํ ปฎิปชฺชิตุํ อสโกฺกนฺตานํ จิตฺตุปฺปาโทปิ พหูปกาโรติ อาห ‘‘จิตฺตุปฺปาทสฺสปิ พหูปการตํ ทเสฺสตุ’’นฺติฯ
Tato paraṃ visesato ‘‘avihiṃsāsamuṭṭhānā ime dhammā’’ti dassanatthaṃ kusalakammapathadhammā gahitā. Tato idaṃ guṇānaṃ mūlabhūtaṃ sīlaṃ, ettha patiṭṭhitena ime dhammā uppādetabbāti dassanatthaṃ aṭṭha sammattā gahitā. Tesaṃ visodhanāya paṭipannassa ādito evaṃ hotīti dassanatthaṃ nīvaraṇaviveko gahito, ādito nīvaraṇadvayassa aggahaṇe gahitāgahitakāraṇaṃ aṭṭhakathāya vuttameva. Kodhassa pana byāpādato bhedo vatthasuttavaṇṇanāyaṃ (ma. ni. aṭṭha. 1.71) vuttanayeneva veditabbo. Kodhādippahānena cettha sallekhasiddhīti dassanatthaṃ tato upakkilesavisuddhi gahitā. Sā ca subbacakalyāṇamittaappamattatāhi sijjhatīti dassanatthaṃ pakiṇṇakā gahitā. Sampannasovacassatādiguṇassa ime dhammā pāripūriṃ gacchanti, vipassanaṃ paribrūhetvā ariyamaggādhigamāya saṃvattantīti dassanatthaṃ saddhammā gahitā. Evaṃbhūtassa ayaṃ micchāgāho lokuttaraguṇādhigamassa antarāyakaro, tasmā so dūrato vajjetabbo, evaṃ yathāvuttāya sammāpaṭipattiyā ariyamaggaṃ adhigacchanto sallekhaṃ matthakaṃ pāpetīti dassanatthaṃ ‘‘sandiṭṭhiparāmāsī’’tiādi vuttanti evametesaṃ catucattālīsāya sallekhākārānaṃ gahaṇapayojanaṃ anupubbī ca veditabbā. Payogato sallekhapaṭipadaṃ paṭipajjituṃ asakkontānaṃ cittuppādopi bahūpakāroti āha ‘‘cittuppādassapi bahūpakārataṃ dassetu’’nti.
กุสเลสุ ธเมฺมสูติ อวิหิํสาทีสุ ยถาวุตฺตอนวชฺชธเมฺมสุฯ อนุวิธิยนาติ จิตฺตุปฺปาทสฺส กายวาจาหิ อนุวิธานาฯ เตสํ ธมฺมานนฺติ อวิหิํสาทิธมฺมานํ, เตสํ วา จิตฺตุปฺปาทวเสน ปวตฺตธมฺมานํฯ อิทานิ ยถาวุตฺตธมฺมํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ สรณคมนํ วาจาย วิญฺญาเปตุํ อสโกฺกนฺตสฺส วเสน วุตฺตํ ‘‘กาเยน วา’’ติฯ ‘‘สีลํ กาเยน สมาทิยตี’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ จ ตถา ตถา ปวตฺตสลฺลหุกกามาวจรกุสลจิตฺตุปฺปตฺติํ อุปาทาย ตถารูปกุสลกายวจีกมฺมานํ พหูปการตา วุตฺตาติ น สภาวโต จิตฺตุปฺปาทสฺส พหูปการตํ ญายตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Kusalesudhammesūti avihiṃsādīsu yathāvuttaanavajjadhammesu. Anuvidhiyanāti cittuppādassa kāyavācāhi anuvidhānā. Tesaṃ dhammānanti avihiṃsādidhammānaṃ, tesaṃ vā cittuppādavasena pavattadhammānaṃ. Idāni yathāvuttadhammaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘kasmā panā’’tiādi āraddhaṃ. Saraṇagamanaṃ vācāya viññāpetuṃ asakkontassa vasena vuttaṃ ‘‘kāyena vā’’ti. ‘‘Sīlaṃ kāyena samādiyatī’’ti etthāpi eseva nayo. Ettha ca tathā tathā pavattasallahukakāmāvacarakusalacittuppattiṃ upādāya tathārūpakusalakāyavacīkammānaṃ bahūpakāratā vuttāti na sabhāvato cittuppādassa bahūpakārataṃ ñāyatīti daṭṭhabbaṃ.
๘๕. หิตาธิคมายาติ ทิฎฺฐธมฺมิกาทิหิตสมฺปตฺติยา, อริยมคฺคาธิคมาย เอว วาฯ อริยมโคฺค หิ เอกนฺตหิตตฺตา หิโต นามฯ ปริวชฺชนวเสน กมนํ ปวตฺติ ปริกฺกมนนฺติ อาห ‘‘ปริกฺกมนาย ปริวชฺชนตฺถายา’’ติฯ สมฺมาทสฺสนุปายสํวิธาเนน อวิหิํสา ปฎิยตฺตา สมฺมาสมฺพุเทฺธนฯ สุเขเนวาติ อกิเจฺฉเนวฯ เอเตเนว อุปาเยนาติ เอเตเนว อวิหิํสาปเท วุเตฺตน วิธินาฯ สพฺพปทานีติ เสสานิ เตจตฺตาลีส ปทานิฯ
85.Hitādhigamāyāti diṭṭhadhammikādihitasampattiyā, ariyamaggādhigamāya eva vā. Ariyamaggo hi ekantahitattā hito nāma. Parivajjanavasena kamanaṃ pavatti parikkamananti āha ‘‘parikkamanāya parivajjanatthāyā’’ti. Sammādassanupāyasaṃvidhānena avihiṃsā paṭiyattā sammāsambuddhena. Sukhenevāti akiccheneva. Eteneva upāyenāti eteneva avihiṃsāpade vuttena vidhinā. Sabbapadānīti sesāni tecattālīsa padāni.
๘๖. อกุสลา ปฎิสนฺธิอชนกา นาม อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาทธมฺมา อเญฺญปิ ปวตฺติวิปากมตฺตทายิโน, ทินฺนาย ปฎิสนฺธิยา วิปากชนกา, ปจฺจยเวกเลฺลน วิปจฺจิตุํ อลโทฺธกาสา อโหสิกมฺมาทโย วา อชนกาฯ ชาติวเสนาติ อกุสลชาติวเสนฯ อโธภาคงฺคมนียาติ อปายคมนียาฯ เอวํนามาติ นามคฺคหเณน สภาวํ อุปลเกฺขติ สติ ปจฺจยสมวาเย ตํสภาวานติวตฺตนโตฯ เตนาห ‘‘วิปากกาเล อนิฎฺฐากนฺตวิปากตฺตา’’ติฯ วุตฺตนเยเนว กุสลปโกฺข เวทิตโพฺพฯ อยํ ปน วิเสโส, อิธ ปฎิสนฺธิอชนกา อภิญฺญาสหคตธมฺมา, เสสํ วุตฺตสทิสเมวฯ สเพฺพ อกุสลาติ เอตฺถ วิหิํสเมกํ ฐเปตฺวา อิตเร สเพฺพ อกุสลา อุปมาภูตาฯ วิหิํสา หิ อุปเมยฺยํฯ สเพฺพ กุสลาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ เอเตเนว อุปาเยนาติ ยถา วิหิํสานํ อุปเมยฺยตา, ตทวเสสานํ กุสลากุสลานํ อุปมาภาโว วุโตฺต, อิมินา นเยน อกุสลํ ปาณาติปาตาทิอกุสเลน อิตเรน, กุสลญฺจ ปาณาติปาตาปฎิวิรติอาทิกุสเลน อิตเรน อุปเมตพฺพํฯ
86.Akusalā paṭisandhiajanakā nāma uddhaccasahagatacittuppādadhammā aññepi pavattivipākamattadāyino, dinnāya paṭisandhiyā vipākajanakā, paccayavekallena vipaccituṃ aladdhokāsā ahosikammādayo vā ajanakā. Jātivasenāti akusalajātivasena. Adhobhāgaṅgamanīyāti apāyagamanīyā. Evaṃnāmāti nāmaggahaṇena sabhāvaṃ upalakkheti sati paccayasamavāye taṃsabhāvānativattanato. Tenāha ‘‘vipākakāle aniṭṭhākantavipākattā’’ti. Vuttanayeneva kusalapakkho veditabbo. Ayaṃ pana viseso, idha paṭisandhiajanakā abhiññāsahagatadhammā, sesaṃ vuttasadisameva. Sabbe akusalāti ettha vihiṃsamekaṃ ṭhapetvā itare sabbe akusalā upamābhūtā. Vihiṃsā hi upameyyaṃ. Sabbe kusalāti etthāpi eseva nayo. Eteneva upāyenāti yathā vihiṃsānaṃ upameyyatā, tadavasesānaṃ kusalākusalānaṃ upamābhāvo vutto, iminā nayena akusalaṃ pāṇātipātādiakusalena itarena, kusalañca pāṇātipātāpaṭiviratiādikusalena itarena upametabbaṃ.
๘๗. ปรินิพฺพาปเนติ กิเลสปริฬาหวูปสมเนฯ ปริโต ลิมฺปนเฎฺฐน ปลิปํ วุจฺจติ มหากทฺทมํ, ตํ ปน เอกนฺตโต คมฺภีรมฺปิ โหตีติ ‘‘คมฺภีรกทฺทเม นิมุโคฺค’’ติ วุตฺตํฯ ปลิปํ วิย ปลิปนฺติ ปญฺจ กามคุณา วุจฺจนฺติ, ตสฺมา เอวํ อิทานิ วุจฺจมาเนน อุปโมปเมยฺยสํสนฺทนนเยน เอตฺถ อิมสฺมิํ ฐาเน อตฺถโยชนา เวทิตพฺพาฯ น หิ ตํ การณนฺติ เอตฺถ การณํ นาม หตฺถสฺส วา ปาทสฺส วา อปลิปนฺนภาโว, โส ปน นตฺถิฯ เอส นโย อุปเมเยฺยปิฯ
87.Parinibbāpaneti kilesapariḷāhavūpasamane. Parito limpanaṭṭhena palipaṃ vuccati mahākaddamaṃ, taṃ pana ekantato gambhīrampi hotīti ‘‘gambhīrakaddamenimuggo’’ti vuttaṃ. Palipaṃ viya palipanti pañca kāmaguṇā vuccanti, tasmā evaṃ idāni vuccamānena upamopameyyasaṃsandananayena ettha imasmiṃ ṭhāne atthayojanā veditabbā. Na hi taṃ kāraṇanti ettha kāraṇaṃ nāma hatthassa vā pādassa vā apalipannabhāvo, so pana natthi. Esa nayo upameyyepi.
ตตฺถ สิยา กสฺสจิ ปริวิตโกฺก ‘‘ภควโต เทสนานุภาเวน ภิกฺขุอาทโย กเถนฺตี’’ติฯ ‘‘ภควาเยว หิ ตตฺถ อุทฺธรตี’’ติ วตฺวา อุปมาย ตทตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘รโญฺญ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปุถุชฺชนา ตาวติฎฺฐนฺตุ, สาวกสิขาปฺปตฺตวิเสสานมฺปิ อริยานํ เทสนา สตฺถุเยว เทสนาติ ทเสฺสตุํ ‘‘กิญฺจาปี’’ติอาทิมาหฯ ตถา หิ เตหิ เทสิตสุตฺตานิ พุทฺธวจนเมว, เตสํ เทสนาย ลทฺธวิเสสาปิ อริยา พุทฺธปุตฺตาเยวาติฯ
Tattha siyā kassaci parivitakko ‘‘bhagavato desanānubhāvena bhikkhuādayo kathentī’’ti. ‘‘Bhagavāyeva hi tattha uddharatī’’ti vatvā upamāya tadatthaṃ vibhāvetuṃ ‘‘rañño’’tiādi vuttaṃ. Puthujjanā tāvatiṭṭhantu, sāvakasikhāppattavisesānampi ariyānaṃ desanā satthuyeva desanāti dassetuṃ ‘‘kiñcāpī’’tiādimāha. Tathā hi tehi desitasuttāni buddhavacanameva, tesaṃ desanāya laddhavisesāpi ariyā buddhaputtāyevāti.
อนิพฺพิสตายาติ อนิพฺพิเสวนตายฯ อสิกฺขิตวินยตายาติ ปญฺจนฺนํ วินยานํ สาทรํ อสิกฺขิตภาเวนฯ เต ปน วินยา ติสฺสนฺนํ สิกฺขานํ สิกฺขาปเนน โหตีติ อาห ‘‘ติโสฺส สิกฺขา สิกฺขาเปสฺสตี’’ติฯ กิํ ปน ตนฺติ? ‘‘ฐานเมตํ วิชฺชตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ กิํ ปน ฐานนฺติ อาห ‘‘อปลิปปลิปนฺนตฺต’’นฺติอาทิฯ ยสฺมา ปาฬิยํ ‘‘โส วต จุนฺทา’’ติอาทินา สามญฺญตฺถํ อุปมาภาเวน คเหตฺวา วิเสสโตฺถ อุปเมยฺยภาเวน วุโตฺต, ตสฺมา ตมตฺถํ ‘‘เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพ’’ติอาทินา สาธารณโต วตฺวา ปุน อสาธารณโต วิวรโนฺต ‘‘กิํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิมาหฯ ปรสฺส วิหิํสาเจตนํ นิพฺพาเปสฺสตีติ อิทํ โย อวิหิํสาสงฺขาตํ สมฺมาปฎิปตฺติํ ทิสฺวา ทิฎฺฐานุคติํ อาปชฺชโนฺต ธมฺมเทสนาย ปโร อวิหิํสโก โหติ, ตาทิสํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อาเทสนญฺหิ ตสฺส วจนนฺติฯ เตนาห ‘‘อยํ ยา เอสา วิหิํสกสฺสา’’ติฯ ปุเพฺพ วิหิํสกสฺส มิจฺฉาปฎิปชฺชนฺตสฺสฯ วิหิํสาปหานาย มคฺคํ ภาวยโตติอาทินา อตฺตโน เอว อวิหิํสาย วิหิํสาปรินิพฺพานาย สํวตฺตนมาหฯ เตนาห ‘‘ปรินิพฺพุโต วิยา’’ติอาทิฯ สพฺพปเทสูติ ‘‘ปาณาติปาติสฺสา’’ติอาทินา อาคเตสุ เตจตฺตาลีสาย ปเทสุฯ
Anibbisatāyāti anibbisevanatāya. Asikkhitavinayatāyāti pañcannaṃ vinayānaṃ sādaraṃ asikkhitabhāvena. Te pana vinayā tissannaṃ sikkhānaṃ sikkhāpanena hotīti āha ‘‘tisso sikkhā sikkhāpessatī’’ti. Kiṃ pana tanti? ‘‘Ṭhānametaṃ vijjatī’’ti ettha vuttaṃ kiṃ pana ṭhānanti āha ‘‘apalipapalipannatta’’ntiādi. Yasmā pāḷiyaṃ ‘‘so vata cundā’’tiādinā sāmaññatthaṃ upamābhāvena gahetvā visesattho upameyyabhāvena vutto, tasmā tamatthaṃ ‘‘evamattho veditabbo’’tiādinā sādhāraṇato vatvā puna asādhāraṇato vivaranto ‘‘kiṃ vuttaṃ hotī’’tiādimāha. Parassa vihiṃsācetanaṃ nibbāpessatīti idaṃ yo avihiṃsāsaṅkhātaṃ sammāpaṭipattiṃ disvā diṭṭhānugatiṃ āpajjanto dhammadesanāya paro avihiṃsako hoti, tādisaṃ sandhāya vuttaṃ. Ādesanañhi tassa vacananti. Tenāha ‘‘ayaṃ yā esā vihiṃsakassā’’ti. Pubbe vihiṃsakassa micchāpaṭipajjantassa. Vihiṃsāpahānāya maggaṃ bhāvayatotiādinā attano eva avihiṃsāya vihiṃsāparinibbānāya saṃvattanamāha. Tenāha ‘‘parinibbuto viyā’’tiādi. Sabbapadesūti ‘‘pāṇātipātissā’’tiādinā āgatesu tecattālīsāya padesu.
๘๘. เอวนฺติ เทสิตาการปรามสนํฯ ตสฺสาติ สเลฺลขสฺสฯ ‘‘อตฺถิ เขฺวส พฺราหฺมณ, ปริยาโย’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๓-๑๐) วิย ปริยาย-สโทฺท การณโตฺถติ อาห ‘‘สเลฺลขการณ’’นฺติฯ เตสํ วเสนาติ สเลฺลขานํ วเสนฯ เมตฺตาย อุปสํหรณวเสน หิตํ เอสเนฺตนฯ กรุณาย วเสน อนุกมฺปมาเนนฯ ปริคฺคเหตฺวาติ ปริโต คเหตฺวา, ปริตฺวาติ อโตฺถฯ ปริจฺจาติ ปริโต อิตฺวา, สมนฺตโต ผริตฺวา อิเจฺจว อโตฺถฯ มา ปมชฺชิตฺถาติ ‘‘ฌายถา’’ติ วุตฺตสมถวิปสฺสนานํ อญฺญาเณน, อเญฺญน วา เกนจิ ปมาทการเณน มา ปมาทํ อาปชฺชิตฺถฯ นิยฺยานิกสาสเน หิ อกตฺตพฺพกรณมฺปิ ปมาโทติฯ วิปตฺติกาเลติ สตฺตอสปฺปายาทิวิปตฺติยุตฺตกาเลฯ ยถาวุตฺตา ปญฺจ ปริยายา อเญฺญปิ สเพฺพ สาสนคุณา อิเธว สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ อาห ‘‘ฌายถ, มา ปมาทตฺถาติ ตุมฺหากํ อนุสาสนี’’ติฯ
88.Evanti desitākāraparāmasanaṃ. Tassāti sallekhassa. ‘‘Atthi khvesa brāhmaṇa, pariyāyo’’tiādīsu (a. ni. 8.11; pārā. 3-10) viya pariyāya-saddo kāraṇatthoti āha ‘‘sallekhakāraṇa’’nti. Tesaṃ vasenāti sallekhānaṃ vasena. Mettāya upasaṃharaṇavasena hitaṃ esantena. Karuṇāya vasena anukampamānena. Pariggahetvāti parito gahetvā, paritvāti attho. Pariccāti parito itvā, samantato pharitvā icceva attho. Mā pamajjitthāti ‘‘jhāyathā’’ti vuttasamathavipassanānaṃ aññāṇena, aññena vā kenaci pamādakāraṇena mā pamādaṃ āpajjittha. Niyyānikasāsane hi akattabbakaraṇampi pamādoti. Vipattikāleti sattaasappāyādivipattiyuttakāle. Yathāvuttā pañca pariyāyā aññepi sabbe sāsanaguṇā idheva saṅgahaṃ gacchantīti āha ‘‘jhāyatha, mā pamādatthāti tumhākaṃ anusāsanī’’ti.
สเลฺลขสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Sallekhasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๘. สเลฺลขสุตฺตํ • 8. Sallekhasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. สเลฺลขสุตฺตวณฺณนา • 8. Sallekhasuttavaṇṇanā