Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๔. สมจิตฺตวคฺควณฺณนา

    4. Samacittavaggavaṇṇanā

    ๓๓. จตุตฺถสฺส ปฐเม อสปฺปุริสภูมีติ อสปฺปุริสานํ ปติฎฺฐานฎฺฐานํฯ สปฺปุริสภูมิยมฺปิ เอเสว นโยฯ อกตญฺญูติ กตํ น ชานาติฯ อกตเวทีติ กตํ ปากฎํ กตฺวา น ชานาติฯ อุปญฺญาตนฺติ วณฺณิตํ โถมิตํ ปสตฺถํฯ ยทิทนฺติ ยา อยํฯ อกตญฺญุตา อกตเวทิตาติ ปเรน กตสฺส อุปการสฺส อชานนเญฺจว ปากฎํ กตฺวา อชานนญฺจฯ เกวลาติ สกลาฯ สุกฺกปเกฺขปิ วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    33. Catutthassa paṭhame asappurisabhūmīti asappurisānaṃ patiṭṭhānaṭṭhānaṃ. Sappurisabhūmiyampi eseva nayo. Akataññūti kataṃ na jānāti. Akatavedīti kataṃ pākaṭaṃ katvā na jānāti. Upaññātanti vaṇṇitaṃ thomitaṃ pasatthaṃ. Yadidanti yā ayaṃ. Akataññutā akataveditāti parena katassa upakārassa ajānanañceva pākaṭaṃ katvā ajānanañca. Kevalāti sakalā. Sukkapakkhepi vuttanayeneva attho veditabbo.

    ๓๔. ทุติเย มาตุ จ ปิตุ จาติ ชนกมาตุ จ ชนกปิตุ จฯ เอเกน, ภิกฺขเว, อํเสน มาตรํ ปริหเรยฺยาติ เอกสฺมิํ อํสกูเฎ ฐเปตฺวา มาตรํ ปฎิชเคฺคยฺยฯ เอเกน อํเสน ปิตรํ ปริหเรยฺยาติ เอกสฺมิํ อํสกูเฎ ฐเปตฺวา ปิตรํ ปฎิชเคฺคยฺยฯ วสฺสสตายุโก วสฺสสตชีวีติ วสฺสสตายุกกาเล ชาโต สกลํ วสฺสสตํ ชีวโนฺตฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ ปุโตฺต นาม ‘‘มาตาปิตูนํ ปฎิกริสฺสามี’’ติ อุฎฺฐาย สมุฎฺฐาย ทกฺขิเณ อํสกูเฎ มาตรํ, วาเม ปิตรํ ฐเปตฺวา วสฺสสตายุโก สกลมฺปิ วสฺสสตํ ชีวมาโน ปริหเรยฺยฯ โส จ เนสํ อุจฺฉาทนปริมทฺทนนฺหาปนสมฺพาหเนนาติ โส จ ปุโตฺต เนสํ มาตาปิตูนํ อํสกูเฎสุ ฐิตานํเยว ทุคฺคนฺธปฎิวิโนทนตฺถํ สุคนฺธกรเณน อุจฺฉาทเนน, ปริสฺสมวิโนทนตฺถํ หตฺถปริมทฺทเนน, สีตุณฺหกาเล จ อุโณฺหทกสีโตทกนฺหาปเนน, หตฺถปาทาทีนํ อากฑฺฒนปริกฑฺฒนสงฺขาเตน สมฺพาหเนน อุปฎฺฐานํ กเรยฺยฯ เต จ ตเตฺถวาติ เต จ มาตาปิตโร ตเตฺถว ตสฺส อํสกูเฎสุ นิสินฺนาว มุตฺตกรีสํ จเชยฺยุํฯ นเตฺวว , ภิกฺขเวติ, ภิกฺขเว, เอวมฺปิ นเตฺวว มาตาปิตูนํ กตํ วา โหติ ปฎิกตํ วาฯ

    34. Dutiye mātu ca pitu cāti janakamātu ca janakapitu ca. Ekena, bhikkhave, aṃsena mātaraṃ parihareyyāti ekasmiṃ aṃsakūṭe ṭhapetvā mātaraṃ paṭijaggeyya. Ekena aṃsena pitaraṃ parihareyyāti ekasmiṃ aṃsakūṭe ṭhapetvā pitaraṃ paṭijaggeyya. Vassasatāyuko vassasatajīvīti vassasatāyukakāle jāto sakalaṃ vassasataṃ jīvanto. Idaṃ vuttaṃ hoti – sace putto nāma ‘‘mātāpitūnaṃ paṭikarissāmī’’ti uṭṭhāya samuṭṭhāya dakkhiṇe aṃsakūṭe mātaraṃ, vāme pitaraṃ ṭhapetvā vassasatāyuko sakalampi vassasataṃ jīvamāno parihareyya. So ca nesaṃ ucchādanaparimaddananhāpanasambāhanenāti so ca putto nesaṃ mātāpitūnaṃ aṃsakūṭesu ṭhitānaṃyeva duggandhapaṭivinodanatthaṃ sugandhakaraṇena ucchādanena, parissamavinodanatthaṃ hatthaparimaddanena, sītuṇhakāle ca uṇhodakasītodakanhāpanena, hatthapādādīnaṃ ākaḍḍhanaparikaḍḍhanasaṅkhātena sambāhanena upaṭṭhānaṃ kareyya. Te ca tatthevāti te ca mātāpitaro tattheva tassa aṃsakūṭesu nisinnāva muttakarīsaṃ cajeyyuṃ. Natveva,bhikkhaveti, bhikkhave, evampi natveva mātāpitūnaṃ kataṃ vā hoti paṭikataṃ vā.

    อิสฺสราธิปเจฺจ รเชฺชติ จกฺกวตฺติรชฺชํ สนฺธาเยวมาหฯ อาปาทกาติ วฑฺฒกา อนุปาลกาฯ ปุตฺตา หิ มาตาปิตูหิ วฑฺฒิตา เจว อนุปาลิตา จฯ โปสกาติ หตฺถปาเท วเฑฺฒตฺวา หทยโลหิตํ ปาเยตฺวา โปสกาฯ ปุตฺตา หิ มาตาปิตูหิ ปุฎฺฐา ภตา อนฺนปานาทีหิ ปฎิชคฺคิตาฯ อิมสฺส โลกสฺส ทเสฺสตาโรติ สเจ หิ มาตาปิตโร ชาตทิวเสเยว ปุตฺตํ ปาเท คเหตฺวา อรเญฺญ วา นทิยํ วา ปปาเต วา ขิเปยฺยุํ, อิมสฺมิํ โลเก อิฎฺฐานิฎฺฐารมฺมณํ น ปเสฺสยฺยฯ เอวํ อกตฺวา อาปาทิตตฺตา โปสิตตฺตา เอส อิมสฺมิํ โลเก อิฎฺฐานิฎฺฐารมฺมณํ มาตาปิตโร นิสฺสาย ปสฺสตีติ ตฺยาสฺส อิมสฺส โลกสฺส ทเสฺสตาโร นาม โหนฺติฯ สมาทเปตีติ คณฺหาเปติฯ อิมสฺมิํ สุเตฺต สทฺธาสีลจาคปญฺญา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา กถิตาฯ ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตเตฺถรสทิโสว ภิกฺขุ เตสุ ปติฎฺฐาเปติ นามาติ เวทิตโพฺพฯ

    Issarādhipacce rajjeti cakkavattirajjaṃ sandhāyevamāha. Āpādakāti vaḍḍhakā anupālakā. Puttā hi mātāpitūhi vaḍḍhitā ceva anupālitā ca. Posakāti hatthapāde vaḍḍhetvā hadayalohitaṃ pāyetvā posakā. Puttā hi mātāpitūhi puṭṭhā bhatā annapānādīhi paṭijaggitā. Imassa lokassa dassetāroti sace hi mātāpitaro jātadivaseyeva puttaṃ pāde gahetvā araññe vā nadiyaṃ vā papāte vā khipeyyuṃ, imasmiṃ loke iṭṭhāniṭṭhārammaṇaṃ na passeyya. Evaṃ akatvā āpāditattā positattā esa imasmiṃ loke iṭṭhāniṭṭhārammaṇaṃ mātāpitaro nissāya passatīti tyāssa imassa lokassa dassetāro nāma honti. Samādapetīti gaṇhāpeti. Imasmiṃ sutte saddhāsīlacāgapaññā lokiyalokuttaramissakā kathitā. Dhammasenāpatisāriputtattherasadisova bhikkhu tesu patiṭṭhāpeti nāmāti veditabbo.

    ๓๕. ตติเย เตนุปสงฺกมีติ โส หิ พฺราหฺมโณ ‘‘สมโณ กิร โคตโม กถิตํ วิสฺสเชฺชติ, ปุจฺฉายสฺส วิรชฺฌนํ นาม นตฺถิฯ อหมสฺส วิรชฺฌนปญฺหํ อภิสงฺขริสฺสามี’’ติ ปณีตโภชนํ ภุญฺชิตฺวา คพฺภทฺวารํ ปิทหิตฺวา นิสิโนฺน จิเนฺตตุํ อารภิฯ อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิมสฺมิํ ฐาเน อุจฺจาสทฺทมหาสโทฺท วตฺตติ, จิตฺตํ น เอกคฺคํ โหติ, ภูมิฆรํ กาเรสฺสามี’’ติ ภูมิฆรํ กาเรตฺวา ตตฺถ ปวิสิตฺวา – ‘‘เอวํ ปุโฎฺฐ เอวํ กเถสฺสติ, เอวํ ปุโฎฺฐ เอวํ กเถสฺสตี’’ติ เอกํ คณฺหิตฺวา เอกํ วิสฺสเชฺชโนฺต สกลทิวสํ กิญฺจิ ปสฺสิตุํ นาสกฺขิฯ ตสฺส อิมินาว นีหาเรน จตฺตาโร มาสา วีติวตฺตาฯ โส จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อุภโตโกฎิกํ ปญฺหํ นาม อทฺทสฯ เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อหํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘กิํวาที ภว’นฺติ ปุจฺฉิสฺสามิฯ สเจ ‘กิริยวาทิมฺหี’ติ วกฺขติ, ‘สพฺพากุสลานํ นาม ตุเมฺห กิริยํ วเทถา’ติ นํ นิคฺคณฺหิสฺสามิฯ สเจ ‘อกิริยวาทิมฺหี’ติ วกฺขติ, ‘กุสลธมฺมานํ นาม ตุเมฺห อกิริยํ วเทถา’ติ นํ นิคฺคณฺหิสฺสามิฯ อิทญฺหิ อุภโตโกฎิกํ ปญฺหํ ปุโฎฺฐ เนว อุคฺคิลิตุํ สกฺขิสฺสติ น นิคฺคิลิตุํฯ เอวํ มม ชโย ภวิสฺสติ, สมณสฺส โคตมสฺส ปราชโย’’ติ อุฎฺฐาย อโปฺผเฎตฺวา ภูมิฆรา นิกฺขมฺม ‘‘เอวรูปํ ปญฺหํ ปุจฺฉเนฺตน น เอกเกน คนฺตุํ วฎฺฎตี’’ติ นคเร โฆสนํ กาเรตฺวา สกลนาคเรหิ ปริวุโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิฯ กิํวาทีติ กิํลทฺธิโกฯ กิมกฺขายีติ กิํ นาม สาวกานํ ปฎิปทํ อกฺขายีติ ปุจฺฉิฯ อถสฺส ภควา จตูหิ มาเสหิ ปญฺหํ อภิสงฺขริตฺวา ‘‘ทิโฎฺฐ เม สมณสฺส โคตมสฺส ปราชยปโญฺห’’ติ มานํ ปคฺคยฺห อาคตภาวํ ญตฺวา เอกปเทเนว ตํ ปญฺหํ ภินฺทโนฺต กิริยวาที จาหํ, พฺราหฺมณาติอาทิมาหฯ อถ พฺราหฺมโณ อตฺตโน มานํ อปเนตฺวา ภควนฺตํ อายาจโนฺต ยถากถํ ปนาติอาทิมาหฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    35. Tatiye tenupasaṅkamīti so hi brāhmaṇo ‘‘samaṇo kira gotamo kathitaṃ vissajjeti, pucchāyassa virajjhanaṃ nāma natthi. Ahamassa virajjhanapañhaṃ abhisaṅkharissāmī’’ti paṇītabhojanaṃ bhuñjitvā gabbhadvāraṃ pidahitvā nisinno cintetuṃ ārabhi. Athassa etadahosi – ‘‘imasmiṃ ṭhāne uccāsaddamahāsaddo vattati, cittaṃ na ekaggaṃ hoti, bhūmigharaṃ kāressāmī’’ti bhūmigharaṃ kāretvā tattha pavisitvā – ‘‘evaṃ puṭṭho evaṃ kathessati, evaṃ puṭṭho evaṃ kathessatī’’ti ekaṃ gaṇhitvā ekaṃ vissajjento sakaladivasaṃ kiñci passituṃ nāsakkhi. Tassa imināva nīhārena cattāro māsā vītivattā. So catunnaṃ māsānaṃ accayena ubhatokoṭikaṃ pañhaṃ nāma addasa. Evaṃ kirassa ahosi – ‘‘ahaṃ samaṇaṃ gotamaṃ upasaṅkamitvā ‘kiṃvādī bhava’nti pucchissāmi. Sace ‘kiriyavādimhī’ti vakkhati, ‘sabbākusalānaṃ nāma tumhe kiriyaṃ vadethā’ti naṃ niggaṇhissāmi. Sace ‘akiriyavādimhī’ti vakkhati, ‘kusaladhammānaṃ nāma tumhe akiriyaṃ vadethā’ti naṃ niggaṇhissāmi. Idañhi ubhatokoṭikaṃ pañhaṃ puṭṭho neva uggilituṃ sakkhissati na niggilituṃ. Evaṃ mama jayo bhavissati, samaṇassa gotamassa parājayo’’ti uṭṭhāya apphoṭetvā bhūmigharā nikkhamma ‘‘evarūpaṃ pañhaṃ pucchantena na ekakena gantuṃ vaṭṭatī’’ti nagare ghosanaṃ kāretvā sakalanāgarehi parivuto yena bhagavā tenupasaṅkami. Kiṃvādīti kiṃladdhiko. Kimakkhāyīti kiṃ nāma sāvakānaṃ paṭipadaṃ akkhāyīti pucchi. Athassa bhagavā catūhi māsehi pañhaṃ abhisaṅkharitvā ‘‘diṭṭho me samaṇassa gotamassa parājayapañho’’ti mānaṃ paggayha āgatabhāvaṃ ñatvā ekapadeneva taṃ pañhaṃ bhindanto kiriyavādī cāhaṃ, brāhmaṇātiādimāha. Atha brāhmaṇo attano mānaṃ apanetvā bhagavantaṃ āyācanto yathākathaṃ panātiādimāha. Sesamettha uttānatthamevāti.

    ๓๖. จตุเตฺถ ทกฺขิเณยฺยาติ ทกฺขิณา วุจฺจติ ทานํ, ตสฺส ปฎิคฺคหณยุตฺตา กติ ปุคฺคลาติ ปุจฺฉติฯ เสโขติ อิมินา สตฺต เสเกฺข ทเสฺสติฯ เอตฺถ จ สีลวนฺตปุถุชฺชโนปิ โสตาปเนฺนเนว สงฺคหิโตฯ อาหุเนยฺยา ยชมานานํ โหนฺตีติ ทานํ ททนฺตานํ อาหุนสฺส อรหา ทานปฎิคฺคาหกา นาม โหนฺตีติ อโตฺถฯ เขตฺตนฺติ วตฺถุ ปติฎฺฐา, ปุญฺญสฺส วิรุหนฎฺฐานนฺติ อโตฺถฯ

    36. Catutthe dakkhiṇeyyāti dakkhiṇā vuccati dānaṃ, tassa paṭiggahaṇayuttā kati puggalāti pucchati. Sekhoti iminā satta sekkhe dasseti. Ettha ca sīlavantaputhujjanopi sotāpanneneva saṅgahito. Āhuneyyā yajamānānaṃ hontīti dānaṃ dadantānaṃ āhunassa arahā dānapaṭiggāhakā nāma hontīti attho. Khettanti vatthu patiṭṭhā, puññassa viruhanaṭṭhānanti attho.

    ๓๗. ปญฺจเม ปุพฺพาราเมติ สาวตฺถิโต ปุรตฺถิมทิสาภาเค อาราเมฯ มิคารมาตุปาสาเทติ วิสาขาย อุปาสิกาย ปาสาเทฯ สา หิ มิคารเสฎฺฐินา มาตุฎฺฐาเน ฐปิตตฺตาปิ, สพฺพเชฎฺฐกสฺส ปุตฺตสฺส อยฺยกเสฎฺฐิโนว สมานนามกตฺตาปิ มิคารมาตาติ วุจฺจติฯ ตาย การิโต สหสฺสคโพฺภ ปาสาโท มิคารมาตุปาสาโท นามฯ เถโร ตสฺมิํ วิหรติฯ ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุโตฺตติ ตสฺมิํ ปาสาเท วิหรโนฺต ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตเตฺถโรฯ

    37. Pañcame pubbārāmeti sāvatthito puratthimadisābhāge ārāme. Migāramātupāsādeti visākhāya upāsikāya pāsāde. Sā hi migāraseṭṭhinā mātuṭṭhāne ṭhapitattāpi, sabbajeṭṭhakassa puttassa ayyakaseṭṭhinova samānanāmakattāpi migāramātāti vuccati. Tāya kārito sahassagabbho pāsādo migāramātupāsādo nāma. Thero tasmiṃ viharati. Tatra kho āyasmā sāriputtoti tasmiṃ pāsāde viharanto dhammasenāpatisāriputtatthero.

    ภิกฺขู อามเนฺตสีติ กสฺมิํ กาเล อามเนฺตสิ? กานิจิ หิ สุตฺตานิ ปุเรภเตฺต ภาสิตานิ อตฺถิ, กานิจิ ปจฺฉาภเตฺต, กานิจิ ปุริมยาเม, กานิจิ มชฺฌิมยาเม, กานิจิ ปจฺฉิมยาเมฯ อิทํ ปน สมจิตฺตปฎิปทาสุตฺตํ ปจฺฉาภเตฺต ภาสิตํฯ ตสฺมา สายนฺหสมเย อามเนฺตสิฯ

    Bhikkhū āmantesīti kasmiṃ kāle āmantesi? Kānici hi suttāni purebhatte bhāsitāni atthi, kānici pacchābhatte, kānici purimayāme, kānici majjhimayāme, kānici pacchimayāme. Idaṃ pana samacittapaṭipadāsuttaṃ pacchābhatte bhāsitaṃ. Tasmā sāyanhasamaye āmantesi.

    น เกวลํ เจตํ เถเรเนว ภาสิตํ, ตถาคเตนาปิ ภาสิตํฯ กตฺถ นิสีทิตฺวาติ? วิสาขาย รตนปาสาเท นิสีทิตฺวาฯ ตถาคโต หิ ปฐมโพธิยํ วีสติ วสฺสานิ อนิพทฺธวาโส หุตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ผาสุกํ โหติ, ตตฺถ ตเตฺถว คนฺตฺวา วสิฯ ปฐมํ อโนฺตวสฺสญฺหิ อิสิปตเน ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตตฺวา อฎฺฐารส มหาพฺรหฺมโกฎิโย อมตปานํ ปาเยตฺวา พาราณสิํ อุปนิสฺสาย อิสิปตเน วสิฯ ทุติยํ อโนฺตวสฺสํ ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน, ตติยจตุตฺถานิปิ ตเตฺถว, ปญฺจมํ อโนฺตวสฺสํ เวสาลิํ อุปนิสฺสาย มหาวเน กูฎาคารสาลายํ, ฉฎฺฐํ อโนฺตวสฺสํ มกุลปพฺพเต, สตฺตมํ ตาวติํสภวเน, อฎฺฐมํ ภเคฺค สุสุมารคิรํ นิสฺสาย เภสกฬาวเน, นวมํ โกสมฺพิยํ, ทสมํ ปาลิเลยฺยเก วนสเณฺฑ, เอกาทสมํ นาลายํ พฺราหฺมณคาเม, ทฺวาทสมํ เวรญฺชายํ, เตรสมํ จาลิยปพฺพเต, จุทฺทสมํ เชตวเน, ปญฺจทสมํ กปิลวตฺถุสฺมิํ, โสฬสมํ อาฬวกํ ทเมตฺวา จตุราสีติปาณสหสฺสานิ อมตปานํ ปาเยตฺวา อาฬวิยํ, สตฺตรสมํ ราชคเหเยว, อฎฺฐารสมํ จาลิยปพฺพเตเยว, ตถา เอกูนวีสติมํ, วีสติมํ ปน อโนฺตวสฺสํ ราชคหํเยว อุปนิสฺสาย วสิฯ เอวํ วีสติ วสฺสานิ อนิพทฺธวาโส หุตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ผาสุกํ โหติ, ตตฺถ ตเตฺถว วสิฯ

    Na kevalaṃ cetaṃ thereneva bhāsitaṃ, tathāgatenāpi bhāsitaṃ. Kattha nisīditvāti? Visākhāya ratanapāsāde nisīditvā. Tathāgato hi paṭhamabodhiyaṃ vīsati vassāni anibaddhavāso hutvā yattha yattha phāsukaṃ hoti, tattha tattheva gantvā vasi. Paṭhamaṃ antovassañhi isipatane dhammacakkaṃ pavattetvā aṭṭhārasa mahābrahmakoṭiyo amatapānaṃ pāyetvā bārāṇasiṃ upanissāya isipatane vasi. Dutiyaṃ antovassaṃ rājagahaṃ upanissāya veḷuvane, tatiyacatutthānipi tattheva, pañcamaṃ antovassaṃ vesāliṃ upanissāya mahāvane kūṭāgārasālāyaṃ, chaṭṭhaṃ antovassaṃ makulapabbate, sattamaṃ tāvatiṃsabhavane, aṭṭhamaṃ bhagge susumāragiraṃ nissāya bhesakaḷāvane, navamaṃ kosambiyaṃ, dasamaṃ pālileyyake vanasaṇḍe, ekādasamaṃ nālāyaṃ brāhmaṇagāme, dvādasamaṃ verañjāyaṃ, terasamaṃ cāliyapabbate, cuddasamaṃ jetavane, pañcadasamaṃ kapilavatthusmiṃ, soḷasamaṃ āḷavakaṃ dametvā caturāsītipāṇasahassāni amatapānaṃ pāyetvā āḷaviyaṃ, sattarasamaṃ rājagaheyeva, aṭṭhārasamaṃ cāliyapabbateyeva, tathā ekūnavīsatimaṃ, vīsatimaṃ pana antovassaṃ rājagahaṃyeva upanissāya vasi. Evaṃ vīsati vassāni anibaddhavāso hutvā yattha yattha phāsukaṃ hoti, tattha tattheva vasi.

    ตโต ปฎฺฐาย ปน เทฺว เสนาสนานิ ธุวปริโภคานิ อกาสิฯ กตรานิ เทฺว? เชตวนญฺจ ปุพฺพารามญฺจฯ กสฺมา? ทฺวินฺนํ กุลานํ คุณมหนฺตตายฯ อนาถปิณฺฑิกสฺส หิ วิสาขาย จ คุณํ สนฺธาย คุณํ ปฎิจฺจ สตฺถา ตานิ เสนาสนานิ ธุวปริโภเคน ปริภุญฺชิฯ อุตุวสฺสํ จาริกํ จริตฺวาปิ หิ อโนฺตวเสฺส ทฺวีสุเยว เสนาสเนสุ วสติฯ เอวํ วสโนฺต ปน เชตวเน รตฺติํ วสิตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ทกฺขิณทฺวาเรน สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ปุพฺพาราเม ทิวาวิหารํ กโรติฯ ปุพฺพาราเม รตฺติํ วสิตฺวา ปุนทิวเส ปาจีนทฺวาเรน สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา ทกฺขิณทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา เชตวเน ทิวาวิหารํ กโรติฯ ตสฺมิํ ปน ทิวเส สมฺมาสมฺพุโทฺธ เชตวเนเยว วสิฯ ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺตสฺส จสฺส ปญฺจวิธกิจฺจํ อวิชหิตเมว โหติฯ ตํ เหฎฺฐา วิตฺถาริตเมวฯ เตสุ กิเจฺจสุ ปจฺฉิมยามกิจฺจกาเล ภควา โลกํ โอโลเกโนฺต สาวตฺถิวาสีนญฺจ สมนฺตา จ สาวตฺถิยา คาวุตอฑฺฒโยชนโยชนปรเม ฐาเน อปริมาณานํ สตฺตานํ อภิสมยภาวํ อทฺทสฯ

    Tato paṭṭhāya pana dve senāsanāni dhuvaparibhogāni akāsi. Katarāni dve? Jetavanañca pubbārāmañca. Kasmā? Dvinnaṃ kulānaṃ guṇamahantatāya. Anāthapiṇḍikassa hi visākhāya ca guṇaṃ sandhāya guṇaṃ paṭicca satthā tāni senāsanāni dhuvaparibhogena paribhuñji. Utuvassaṃ cārikaṃ caritvāpi hi antovasse dvīsuyeva senāsanesu vasati. Evaṃ vasanto pana jetavane rattiṃ vasitvā punadivase bhikkhusaṅghaparivuto dakkhiṇadvārena sāvatthiṃ piṇḍāya pavisitvā pācīnadvārena nikkhamitvā pubbārāme divāvihāraṃ karoti. Pubbārāme rattiṃ vasitvā punadivase pācīnadvārena sāvatthiṃ piṇḍāya pavisitvā dakkhiṇadvārena nikkhamitvā jetavane divāvihāraṃ karoti. Tasmiṃ pana divase sammāsambuddho jetavaneyeva vasi. Yattha katthaci vasantassa cassa pañcavidhakiccaṃ avijahitameva hoti. Taṃ heṭṭhā vitthāritameva. Tesu kiccesu pacchimayāmakiccakāle bhagavā lokaṃ olokento sāvatthivāsīnañca samantā ca sāvatthiyā gāvutaaḍḍhayojanayojanaparame ṭhāne aparimāṇānaṃ sattānaṃ abhisamayabhāvaṃ addasa.

    ตโต ‘‘กสฺมิํ นุ โข กาเล อภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ โอโลเกโนฺต ‘‘สายนฺหสมเย’’ติ ทิสฺวา ‘‘มยิ นุ โข กเถเนฺต อภิสมโย ภวิสฺสติ, สาวเก กเถเนฺต ภวิสฺสตี’’ติ ‘‘สาริปุตฺตเตฺถเร กเถเนฺต ภวิสฺสตี’’ติ อทฺทสฯ ตโต ‘‘กตฺถ นิสีทิตฺวา กเถเนฺต ภวิสฺสตี’’ติ โอโลเกโนฺต ‘‘วิสาขาย รตนปาสาเท นิสีทิตฺวา’’ติ ทิสฺวา ‘‘พุทฺธานํ นาม ตโย สาวกสนฺนิปาตา โหนฺติ, อคฺคสาวกานํ เอโกฯ เตสุ อชฺช ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตเตฺถรสฺส สาวกสนฺนิปาโต ภวิสฺสตี’’ติ อทฺทสฯ ทิสฺวา ปาโตว สรีรปฎิชคฺคนํ กตฺวา นิวตฺถนิวาสโน สุคตจีวรํ ปารุปิตฺวา เสลมยปตฺตํ อาทาย ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ทกฺขิณทฺวาเรน นครํ ปวิสิตฺวา ปิณฺฑาย จรโนฺต ภิกฺขุสงฺฆสฺส สุลภปิณฺฑปาตํ กตฺวา วาตปฺปหตา วิย นาวา ปฎินิวตฺติตฺวา ทกฺขิณทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา พหิทฺวาเร อฎฺฐาสิฯ ตโต อสีติ มหาสาวกา ภิกฺขุนิปริสา อุปาสกปริสา อุปาสิกาปริสาติ จตโสฺส ปริสา สตฺถารํ ปริวารยิํสุฯ

    Tato ‘‘kasmiṃ nu kho kāle abhisamayo bhavissatī’’ti olokento ‘‘sāyanhasamaye’’ti disvā ‘‘mayi nu kho kathente abhisamayo bhavissati, sāvake kathente bhavissatī’’ti ‘‘sāriputtatthere kathente bhavissatī’’ti addasa. Tato ‘‘kattha nisīditvā kathente bhavissatī’’ti olokento ‘‘visākhāya ratanapāsāde nisīditvā’’ti disvā ‘‘buddhānaṃ nāma tayo sāvakasannipātā honti, aggasāvakānaṃ eko. Tesu ajja dhammasenāpatisāriputtattherassa sāvakasannipāto bhavissatī’’ti addasa. Disvā pātova sarīrapaṭijagganaṃ katvā nivatthanivāsano sugatacīvaraṃ pārupitvā selamayapattaṃ ādāya bhikkhusaṅghaparivuto dakkhiṇadvārena nagaraṃ pavisitvā piṇḍāya caranto bhikkhusaṅghassa sulabhapiṇḍapātaṃ katvā vātappahatā viya nāvā paṭinivattitvā dakkhiṇadvārena nikkhamitvā bahidvāre aṭṭhāsi. Tato asīti mahāsāvakā bhikkhuniparisā upāsakaparisā upāsikāparisāti catasso parisā satthāraṃ parivārayiṃsu.

    สตฺถา สาริปุตฺตเตฺถรํ อามเนฺตสิ – ‘‘สาริปุตฺต, ตยา ปุพฺพารามํ คนฺตุํ วฎฺฎติ, ตว จ ปริสํ คเหตฺวา คจฺฉาหี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ เถโร อตฺตโน ปริวาเรหิ ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ ปริวุโต ปุพฺพารามํ อคมาสิฯ เอเตเนว นิยาเมน อสีติ มหาสาวเก ปุพฺพารามเมว เปเสตฺวา สยํ เอเกน อานนฺทเตฺถเรเนว สทฺธิํ เชตวนํ อคมาสิฯ อานนฺทเตฺถโรปิ วิหาเร สตฺถุ วตฺตํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ปุพฺพารามํ คจฺฉามิ, ภเนฺต’’ติ อาหฯ เอวํ กโรหิ อานนฺทาติฯ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ตเตฺถว อคมาสิฯ สตฺถา เอกโกว เชตวเน โอหีโนฯ

    Satthā sāriputtattheraṃ āmantesi – ‘‘sāriputta, tayā pubbārāmaṃ gantuṃ vaṭṭati, tava ca parisaṃ gahetvā gacchāhī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante’’ti thero attano parivārehi pañcahi bhikkhusatehi parivuto pubbārāmaṃ agamāsi. Eteneva niyāmena asīti mahāsāvake pubbārāmameva pesetvā sayaṃ ekena ānandatthereneva saddhiṃ jetavanaṃ agamāsi. Ānandattheropi vihāre satthu vattaṃ katvā vanditvā ‘‘pubbārāmaṃ gacchāmi, bhante’’ti āha. Evaṃ karohi ānandāti. Satthāraṃ vanditvā tattheva agamāsi. Satthā ekakova jetavane ohīno.

    ตํ ทิวสญฺหิ จตโสฺส ปริสา เถรเสฺสว ธมฺมกถํ โสตุกามา อเหสุํฯ โกสลมหาราชาปิ พลกาเยน ปริวุโต ปุพฺพารามเมว คโตฯ ตถา ปญฺจสตอุปาสกปริวาโร อนาถปิณฺฑิโกฯ วิสาขา ปน มหาอุปาสิกา ทฺวีหิ ชงฺฆสหเสฺสหิ ปริวุโต อคมาสิฯ สตฺตปณฺณาสาย กุลสตสหสฺสานํ วสนฎฺฐาเน สาวตฺถินคเร เคหปาลกทารเก ฐเปตฺวา เสสชโน คนฺธจุณฺณมาลาทีนิ คเหตฺวา ปุพฺพารามเมว อคมาสิฯ จตูสุ ทฺวารคาเมสุ คาวุตอฑฺฒโยชนโยชนปรมฎฺฐาเน สเพฺพเยว มนุสฺสา คนฺธจุณฺณมาลาทิหตฺถา ปุพฺพารามเมว อคมํสุฯ สกลวิหาโร มิสฺสกปุเปฺผหิ อภิกิโณฺณ วิย อโหสิฯ

    Taṃ divasañhi catasso parisā therasseva dhammakathaṃ sotukāmā ahesuṃ. Kosalamahārājāpi balakāyena parivuto pubbārāmameva gato. Tathā pañcasataupāsakaparivāro anāthapiṇḍiko. Visākhā pana mahāupāsikā dvīhi jaṅghasahassehi parivuto agamāsi. Sattapaṇṇāsāya kulasatasahassānaṃ vasanaṭṭhāne sāvatthinagare gehapālakadārake ṭhapetvā sesajano gandhacuṇṇamālādīni gahetvā pubbārāmameva agamāsi. Catūsu dvāragāmesu gāvutaaḍḍhayojanayojanaparamaṭṭhāne sabbeyeva manussā gandhacuṇṇamālādihatthā pubbārāmameva agamaṃsu. Sakalavihāro missakapupphehi abhikiṇṇo viya ahosi.

    ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตเตฺถโรปิ โข วิหารํ คนฺตฺวา วิหารปริเวเณ องฺคณฎฺฐาเน อฎฺฐาสิฯ ภิกฺขู เถรสฺส อาสนํ ปญฺญาปยิํสุฯ เถโร ตตฺถ นิสีทิตฺวา อุปฎฺฐากเตฺถเรน วเตฺต กเต ภิกฺขุสงฺฆสฺส โอวาทํ กตฺวา คนฺธกุฎิํ ปวิสิตฺวา สมาปตฺติํ อเปฺปตฺวา นิสีทิฯ โส ปริจฺฉินฺนกาลวเสน สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย อจิรวติํ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตฺวา ปฎิปฺปสฺสทฺธทรโถ โอติณฺณติเตฺถเนว อุตฺตริตฺวา นิวตฺถนิวาสโน สงฺฆาฎิํ ปารุปิตฺวา อฎฺฐาสิฯ ภิกฺขุสโงฺฆปิ สมฺมุขสมฺมุขฎฺฐาเนน โอตริตฺวา สรีเร รโชชลฺลํ ปวาเหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เถรํ ปริวารยิํสุฯ อโนฺตวิหาเรปิ เถรสฺส ธมฺมาสนํ ปญฺญาปยิํสุฯ จตโสฺสปิ ปริสา อตฺตโน อตฺตโน โอกาสํ ญตฺวา มคฺคํ ฐเปตฺวา นิสีทิํสุฯ สาริปุตฺตเตฺถโรปิ ปญฺจภิกฺขุสตปริวาโร ธมฺมสภํ อาคนฺตฺวา สีหมตฺถกปฺปติฎฺฐิเต สมุสฺสิตเสตจฺฉเตฺต รตนปลฺลเงฺก จิตฺตพีชนิํ คเหตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิฯ นิสีทิตฺวา ปริสํ โอโลเกตฺวา – ‘‘มหตี วตายํ ปริสา, อิมิสฺสา น อปฺปมตฺติกา ปริตฺตกธมฺมเทสนา อนุจฺฉวิกา, กตรธมฺมเทสนา นุ โข อนุจฺฉวิกา ภวิสฺสตี’’ติ ตีณิ ปิฎกานิ อาวชฺชมาโน อิมํ สํโยชนปริยาย ธมฺมเทสนํ อทฺทสฯ

    Dhammasenāpatisāriputtattheropi kho vihāraṃ gantvā vihārapariveṇe aṅgaṇaṭṭhāne aṭṭhāsi. Bhikkhū therassa āsanaṃ paññāpayiṃsu. Thero tattha nisīditvā upaṭṭhākattherena vatte kate bhikkhusaṅghassa ovādaṃ katvā gandhakuṭiṃ pavisitvā samāpattiṃ appetvā nisīdi. So paricchinnakālavasena samāpattito vuṭṭhāya aciravatiṃ gantvā rajojallaṃ pavāhetvā paṭippassaddhadaratho otiṇṇatittheneva uttaritvā nivatthanivāsano saṅghāṭiṃ pārupitvā aṭṭhāsi. Bhikkhusaṅghopi sammukhasammukhaṭṭhānena otaritvā sarīre rajojallaṃ pavāhetvā paccuttaritvā theraṃ parivārayiṃsu. Antovihārepi therassa dhammāsanaṃ paññāpayiṃsu. Catassopi parisā attano attano okāsaṃ ñatvā maggaṃ ṭhapetvā nisīdiṃsu. Sāriputtattheropi pañcabhikkhusataparivāro dhammasabhaṃ āgantvā sīhamatthakappatiṭṭhite samussitasetacchatte ratanapallaṅke cittabījaniṃ gahetvā puratthābhimukho nisīdi. Nisīditvā parisaṃ oloketvā – ‘‘mahatī vatāyaṃ parisā, imissā na appamattikā parittakadhammadesanā anucchavikā, kataradhammadesanā nu kho anucchavikā bhavissatī’’ti tīṇi piṭakāni āvajjamāno imaṃ saṃyojanapariyāya dhammadesanaṃ addasa.

    เอวํ เทสนํ สลฺลเกฺขตฺวา ตํ เทเสตุกาโม ภิกฺขู อามเนฺตสิ อาวุโส, ภิกฺขเวติฯ อาวุโสติ หิ อวตฺวา, ภิกฺขเวติ วจนํ พุทฺธาลาโป นาม โหติ, อยํ ปนายสฺมา ‘‘ทสพเลน สมานํ อาลปนํ น กริสฺสามี’’ติ สตฺถุ คารววเสน สาวกาลาปํ กโรโนฺต, ‘‘อาวุโส ภิกฺขเว’’ติ อาหฯ เอตทโวจาติ เอตํ ‘‘อชฺฌตฺตสํโยชนญฺจ, อาวุโส, ปุคฺคลํ เทเสสฺสามิ พหิทฺธาสํโยชนญฺจา’’ติ ธมฺมเทสนาปทํ อโวจฯ

    Evaṃ desanaṃ sallakkhetvā taṃ desetukāmo bhikkhū āmantesi āvuso, bhikkhaveti. Āvusoti hi avatvā, bhikkhaveti vacanaṃ buddhālāpo nāma hoti, ayaṃ panāyasmā ‘‘dasabalena samānaṃ ālapanaṃ na karissāmī’’ti satthu gāravavasena sāvakālāpaṃ karonto, ‘‘āvuso bhikkhave’’ti āha. Etadavocāti etaṃ ‘‘ajjhattasaṃyojanañca, āvuso, puggalaṃ desessāmi bahiddhāsaṃyojanañcā’’ti dhammadesanāpadaṃ avoca.

    ตสฺมิํ ปน รตนปาสาเท อธิวโตฺถ เอโก โสตาปโนฺน เทวปุโตฺต อตฺถิ, โส พุเทฺธหิ วา สาวเกหิ วา เทสนาย อารทฺธมตฺตายเยว ชานาติ – ‘‘อยํ เทสนา อุตฺตานิกา ภวิสฺสติ, อยํ คมฺภีราฯ อยํ ฌานนิสฺสิตา ภวิสฺสติ, อยํ วิปสฺสนานิสฺสิตาฯ อยํ มคฺคนิสฺสิตา อยํ ผลนิสฺสิตา, อยํ นิพฺพานนิสฺสิตา’’ติฯ โส ตสฺมิมฺปิ ทิวเส เถเรน เทสนาย อารทฺธมตฺตาย เอวํ อญฺญาสิ – ‘‘เยน นีหาเรน มยฺหํ อเยฺยน ธมฺมเสนาปตินา สาริปุตฺตเตฺถเรน เทสนา อารทฺธา, อยํ เทสนา วิปสฺสนาคาฬฺหา ภวิสฺสติ, ฉหิ มุเขหิ วิปสฺสนํ กเถสฺสติฯ เทสนาปริโยสาเน โกฎิสตสหสฺสเทวตา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ, โสตาปนฺนาทีนํ ปน เทวมนุสฺสานํ ปริเจฺฉโท น ภวิสฺสติฯ เทสนาย อนุจฺฉวิกํ กตฺวา มยฺหํ อยฺยสฺส สาธุการํ ทสฺสามี’’ติ เทวานุภาเวน มหนฺตํ สทฺทํ กตฺวา – ‘‘สาธุ สาธุ อยฺยา’’ติ อาหฯ

    Tasmiṃ pana ratanapāsāde adhivattho eko sotāpanno devaputto atthi, so buddhehi vā sāvakehi vā desanāya āraddhamattāyayeva jānāti – ‘‘ayaṃ desanā uttānikā bhavissati, ayaṃ gambhīrā. Ayaṃ jhānanissitā bhavissati, ayaṃ vipassanānissitā. Ayaṃ magganissitā ayaṃ phalanissitā, ayaṃ nibbānanissitā’’ti. So tasmimpi divase therena desanāya āraddhamattāya evaṃ aññāsi – ‘‘yena nīhārena mayhaṃ ayyena dhammasenāpatinā sāriputtattherena desanā āraddhā, ayaṃ desanā vipassanāgāḷhā bhavissati, chahi mukhehi vipassanaṃ kathessati. Desanāpariyosāne koṭisatasahassadevatā arahattaṃ pāpuṇissanti, sotāpannādīnaṃ pana devamanussānaṃ paricchedo na bhavissati. Desanāya anucchavikaṃ katvā mayhaṃ ayyassa sādhukāraṃ dassāmī’’ti devānubhāvena mahantaṃ saddaṃ katvā – ‘‘sādhu sādhu ayyā’’ti āha.

    เทวราเชน สาธุกาเร ทิเนฺน ปริวารกปาสาทสหเสฺส อธิวตฺถา เทวตา สพฺพาว สาธุการํ อทํสุฯ ตาสํ สาธุการสเทฺทน สพฺพา ปุพฺพาราเม วสนเทวตา, ตาสํ สเทฺทน คาวุตมเตฺต เทวตา, ตโต อฑฺฒโยชเน โยชเนติ เอเตนุปาเยน เอกจกฺกวาเฬ, ทฺวีสุ จกฺกวาเฬสุ, ตีสุ จกฺกวาเฬสูติ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวตา สาธุการมทํสุฯ ตาสํ สาธุการสเทฺทน ปถวิฎฺฐกนาคา จ อากาสฎฺฐกเทวตา จฯ ตโต อพฺภวลาหกา, อุณฺหวลาหกา, สีตวลาหกา, วสฺสวลาหกา, จาตุมหาราชิกา จตฺตาโร มหาราชาโน, ตาวติํสา เทวตา, สโกฺก เทวราชา, ยามา เทวตา, สุยาโม เทวราชา , ตุสิตา เทวตา, สนฺตุสิโต เทวราชา, นิมฺมานรตี เทวตา, สุนิมฺมิโต เทวราชา, วสวตฺตี เทวตา, วสวตฺตี เทวราชา, พฺรหฺมปาริสชฺชา, พฺรหฺมปุโรหิตา, มหาพฺรหฺมาโน, ปริตฺตาภา, อปฺปมาณาภา, อาภสฺสรา, ปริตฺตสุภา, อปฺปมาณสุภา, สุภกิณฺหา, เวหปฺผลา, อวิหา, อตปฺปา, สุทสฺสา, สุทสฺสี, อกนิฎฺฐา เทวตาติ อสเญฺญ จ อรูปาวจรสเตฺต จ ฐเปตฺวา โสตายตนปวตฺติฎฺฐาเน สพฺพา เทวตา สาธุการมทํสุฯ

    Devarājena sādhukāre dinne parivārakapāsādasahasse adhivatthā devatā sabbāva sādhukāraṃ adaṃsu. Tāsaṃ sādhukārasaddena sabbā pubbārāme vasanadevatā, tāsaṃ saddena gāvutamatte devatā, tato aḍḍhayojane yojaneti etenupāyena ekacakkavāḷe, dvīsu cakkavāḷesu, tīsu cakkavāḷesūti dasasahassacakkavāḷesu devatā sādhukāramadaṃsu. Tāsaṃ sādhukārasaddena pathaviṭṭhakanāgā ca ākāsaṭṭhakadevatā ca. Tato abbhavalāhakā, uṇhavalāhakā, sītavalāhakā, vassavalāhakā, cātumahārājikā cattāro mahārājāno, tāvatiṃsā devatā, sakko devarājā, yāmā devatā, suyāmo devarājā , tusitā devatā, santusito devarājā, nimmānaratī devatā, sunimmito devarājā, vasavattī devatā, vasavattī devarājā, brahmapārisajjā, brahmapurohitā, mahābrahmāno, parittābhā, appamāṇābhā, ābhassarā, parittasubhā, appamāṇasubhā, subhakiṇhā, vehapphalā, avihā, atappā, sudassā, sudassī, akaniṭṭhā devatāti asaññe ca arūpāvacarasatte ca ṭhapetvā sotāyatanapavattiṭṭhāne sabbā devatā sādhukāramadaṃsu.

    ตโต ขีณาสวมหาพฺรหฺมาโน – ‘‘มหา วตายํ สาธุการสโทฺท, ปถวิตลโต ปฎฺฐาย ยาว อกนิฎฺฐโลกํ อาคโต, กิมตฺถํ นุ โข เอโส’’ติ อาวเชฺชโนฺต ‘‘ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตเตฺถโร ปุพฺพาราเม วิสาขาย รตนปาสาเท นิสีทิตฺวา สํโยชนปริยายธมฺมเทสนมารภิ, อเมฺหหิปิ ตตฺถ กายสกฺขีหิ ภวิตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตตฺถ อคมํสุฯ ปุพฺพาราโม เทวตาหิ ปริปุโณฺณ, สมนฺตา ปุพฺพารามสฺส คาวุตํ อฑฺฒโยชนํ, โยชนนฺติ สกลจกฺกวาฬํ เหฎฺฐา ปถวิตเลน ติริยํ จกฺกวาฬปริยเนฺตน ปริจฺฉินฺนํ ทสหิ จกฺกวาฬสหเสฺสหิ สนฺนิปติตาหิ เทวตาหิ นิรนฺตรมโหสิ, อารคฺคนิตุทนมเตฺต ฐาเน อุปริมโกฎิยา สฎฺฐิ เทวตา สุขุมตฺตภาเว มาเปตฺวา อฎฺฐํสุฯ

    Tato khīṇāsavamahābrahmāno – ‘‘mahā vatāyaṃ sādhukārasaddo, pathavitalato paṭṭhāya yāva akaniṭṭhalokaṃ āgato, kimatthaṃ nu kho eso’’ti āvajjento ‘‘dhammasenāpatisāriputtatthero pubbārāme visākhāya ratanapāsāde nisīditvā saṃyojanapariyāyadhammadesanamārabhi, amhehipi tattha kāyasakkhīhi bhavituṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā tattha agamaṃsu. Pubbārāmo devatāhi paripuṇṇo, samantā pubbārāmassa gāvutaṃ aḍḍhayojanaṃ, yojananti sakalacakkavāḷaṃ heṭṭhā pathavitalena tiriyaṃ cakkavāḷapariyantena paricchinnaṃ dasahi cakkavāḷasahassehi sannipatitāhi devatāhi nirantaramahosi, āragganitudanamatte ṭhāne uparimakoṭiyā saṭṭhi devatā sukhumattabhāve māpetvā aṭṭhaṃsu.

    อถายสฺมา สาริปุโตฺต ‘‘มหนฺตํ วติทํ หลาหลํ, กิํ นุ โข เอต’’นฺติ อาวเชฺชโนฺต ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ ฐิตานํ เทวตานํ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติตภาวํ อทฺทสฯ อถ ยสฺมา พุทฺธานํ อธิฎฺฐานกิจฺจํ นตฺถิ, ปริสปริมาเณเนว ปสฺสนฺติ เจว สทฺทญฺจ สาเวนฺติฯ สาวกานํ ปน อธิฎฺฐานํ วฎฺฎติฯ ตสฺมา เถโร สมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย มหคฺคตจิเตฺตน อธิฎฺฐาสิ – ‘‘จกฺกวาฬปริยนฺตา ปริสา สพฺพาปิ มํ ปสฺสตุ, ธมฺมญฺจ เม เทเสนฺตสฺส สทฺทํ สุณาตู’’ติฯ อธิฎฺฐิตกาลโต ปฎฺฐาย ทกฺขิณชาณุปเสฺส จ จกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยญฺจ นิสีทิตฺวา ‘‘ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตเตฺถโร นาม กีทิโส ทีโฆ รโสฺส สาโม โอทาโต’’ติ วตฺตพฺพการณํ นาโหสิ, สเพฺพสมฺปิ สพฺพทิสาสุ นิสินฺนานํ อภิมุเขเยว ปญฺญายิตฺถ, นภมเชฺฌ ฐิตจโนฺท วิย อโหสิฯ ธมฺมํ เทเสนฺตสฺสาปิสฺส ทกฺขิณชาณุปเสฺส จ จกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยญฺจ นิสินฺนา สเพฺพ เอกกํเสเนว สทฺทํ สุณิํสุฯ

    Athāyasmā sāriputto ‘‘mahantaṃ vatidaṃ halāhalaṃ, kiṃ nu kho eta’’nti āvajjento dasasahassacakkavāḷe ṭhitānaṃ devatānaṃ ekacakkavāḷe sannipatitabhāvaṃ addasa. Atha yasmā buddhānaṃ adhiṭṭhānakiccaṃ natthi, parisaparimāṇeneva passanti ceva saddañca sāventi. Sāvakānaṃ pana adhiṭṭhānaṃ vaṭṭati. Tasmā thero samāpattiṃ samāpajjitvā samāpattito vuṭṭhāya mahaggatacittena adhiṭṭhāsi – ‘‘cakkavāḷapariyantā parisā sabbāpi maṃ passatu, dhammañca me desentassa saddaṃ suṇātū’’ti. Adhiṭṭhitakālato paṭṭhāya dakkhiṇajāṇupasse ca cakkavāḷamukhavaṭṭiyañca nisīditvā ‘‘dhammasenāpatisāriputtatthero nāma kīdiso dīgho rasso sāmo odāto’’ti vattabbakāraṇaṃ nāhosi, sabbesampi sabbadisāsu nisinnānaṃ abhimukheyeva paññāyittha, nabhamajjhe ṭhitacando viya ahosi. Dhammaṃ desentassāpissa dakkhiṇajāṇupasse ca cakkavāḷamukhavaṭṭiyañca nisinnā sabbe ekakaṃseneva saddaṃ suṇiṃsu.

    เอวํ อธิฎฺฐหิตฺวา เถโร อชฺฌตฺตสํโยชนญฺจ, อาวุโสติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อารภิฯ ตตฺถ อชฺฌตฺตนฺติ กามภโวฯ พหิทฺธาติ รูปารูปภโวฯ กิญฺจาปิ หิ สตฺตา กามภเว อปฺปํ กาลํ วสนฺติ กปฺปสฺส จตุตฺถเมว โกฎฺฐาสํ, อิตเรสุ ตีสุ โกฎฺฐาเสสุ กามภโว สุโญฺญ โหติ ตุโจฺฉ, รูปภเว พหุํ กาลํ วสนฺติ, ตถาปิ เตสํ ยสฺมา กามภเว จุติปฎิสนฺธิโย พหุกา โหนฺติ, อปฺปกา รูปารูปภเวสุฯ ยตฺถ จ จุติปฎิสนฺธิโย พหุกา, ตตฺถ อาลโยปิ ปตฺถนาปิ อภิลาโสปิ พหุ โหติฯ ยตฺถ อปฺปา, ตตฺถ อโปฺปฯ ตสฺมา กามภโว อชฺฌตฺตํ นาม ชาตํ, รูปารูปภวา พหิทฺธา นามฯ อิติ อชฺฌตฺตสงฺขาเต กามภเว ฉนฺทราโค อชฺฌตฺตสํโยชนํ นาม, พหิทฺธาสงฺขาเตสุ รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค พหิทฺธาสํโยชนํ นามฯ โอรมฺภาคิยานิ วา ปญฺจ สํโยชนานิ อชฺฌตฺตสํโยชนํ นาม, อุทฺธมฺภาคิยานิ ปญฺจ พหิทฺธาสํโยชนํ นามฯ ตตฺรายํ วจนโตฺถ – โอรํ วุจฺจติ กามธาตุ, ตตฺถ อุปปตฺตินิปฺผาทนโต ตํ โอรํ ภชนฺตีติ โอรมฺภาคิยานิ ฯ อุทฺธํ วุจฺจติ รูปารูปธาตุ, ตตฺถ อุปปตฺตินิปฺผาทนโต ตํ อุทฺธํ ภชนฺตีติ อุทฺธมฺภาคิยานิฯ

    Evaṃ adhiṭṭhahitvā thero ajjhattasaṃyojanañca, āvusoti imaṃ dhammadesanaṃ ārabhi. Tattha ajjhattanti kāmabhavo. Bahiddhāti rūpārūpabhavo. Kiñcāpi hi sattā kāmabhave appaṃ kālaṃ vasanti kappassa catutthameva koṭṭhāsaṃ, itaresu tīsu koṭṭhāsesu kāmabhavo suñño hoti tuccho, rūpabhave bahuṃ kālaṃ vasanti, tathāpi tesaṃ yasmā kāmabhave cutipaṭisandhiyo bahukā honti, appakā rūpārūpabhavesu. Yattha ca cutipaṭisandhiyo bahukā, tattha ālayopi patthanāpi abhilāsopi bahu hoti. Yattha appā, tattha appo. Tasmā kāmabhavo ajjhattaṃ nāma jātaṃ, rūpārūpabhavā bahiddhā nāma. Iti ajjhattasaṅkhāte kāmabhave chandarāgo ajjhattasaṃyojanaṃ nāma, bahiddhāsaṅkhātesu rūpārūpabhavesu chandarāgo bahiddhāsaṃyojanaṃ nāma. Orambhāgiyāni vā pañca saṃyojanāni ajjhattasaṃyojanaṃ nāma, uddhambhāgiyāni pañca bahiddhāsaṃyojanaṃ nāma. Tatrāyaṃ vacanattho – oraṃ vuccati kāmadhātu, tattha upapattinipphādanato taṃ oraṃ bhajantīti orambhāgiyāni . Uddhaṃ vuccati rūpārūpadhātu, tattha upapattinipphādanato taṃ uddhaṃ bhajantīti uddhambhāgiyāni.

    เอวํ วุตฺตปฺปเภเทน อชฺฌตฺตสํโยชเนน สํยุโตฺต ปุคฺคโล อชฺฌตฺตสํโยชโน, พหิทฺธาสํโยชเนน สํยุโตฺต ปุคฺคโล พหิทฺธาสํโยชโนฯ อุภยมฺปิ เจตํ น โลกิยสฺส วฎฺฎนิสฺสิตมหาชนสฺส นามํฯ เยสํ ปน ภโว เทฺวธา ปริจฺฉิโนฺน, เตสํ โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามีนํ อริยสาวกานํ เอตํ นามํฯ ยถา หิ มหาอรเญฺญ ขทิรวนสาลวนาทีนิ ถโมฺภ ตุลาสงฺฆาโฎติ นามํ น ลภนฺติ, ขทิรวนํ สาลวนนฺติ นามเมว ลภนฺติฯ ยทา ปน ตโต รุกฺขา ติณฺหาย กุฐาริยา ฉินฺทิตฺวา ถมฺภาทิสณฺฐาเนน ตจฺฉิตา โหนฺติ, ตทา ถโมฺภ ตุลาสงฺฆาโฎติ นามํ ลภนฺติฯ เอวเมวํ อปริจฺฉินฺนภโว พหลกิเลโส ปุถุชฺชโน เอตํ นามํ น ลภติ, ภวํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา กิเลเส ตนุเก กตฺวา ฐิตา โสตาปนฺนาทโยว ลภนฺติฯ

    Evaṃ vuttappabhedena ajjhattasaṃyojanena saṃyutto puggalo ajjhattasaṃyojano, bahiddhāsaṃyojanena saṃyutto puggalo bahiddhāsaṃyojano. Ubhayampi cetaṃ na lokiyassa vaṭṭanissitamahājanassa nāmaṃ. Yesaṃ pana bhavo dvedhā paricchinno, tesaṃ sotāpannasakadāgāmianāgāmīnaṃ ariyasāvakānaṃ etaṃ nāmaṃ. Yathā hi mahāaraññe khadiravanasālavanādīni thambho tulāsaṅghāṭoti nāmaṃ na labhanti, khadiravanaṃ sālavananti nāmameva labhanti. Yadā pana tato rukkhā tiṇhāya kuṭhāriyā chinditvā thambhādisaṇṭhānena tacchitā honti, tadā thambho tulāsaṅghāṭoti nāmaṃ labhanti. Evamevaṃ aparicchinnabhavo bahalakileso puthujjano etaṃ nāmaṃ na labhati, bhavaṃ paricchinditvā kilese tanuke katvā ṭhitā sotāpannādayova labhanti.

    อิมสฺส จ ปนตฺถสฺส วิภาวนตฺถํ อิทํ วจฺฉกสาโลปมํ เวทิตพฺพํฯ วจฺฉกสาลํ หิ กตฺวา อโนฺต ขาณุเก โกเฎฺฎตฺวา วจฺฉเก โยเตฺตหิ พนฺธิตฺวา เตสุ อุปนิพนฺธนฺติ, โยเตฺตสุ อปฺปโหเนฺตสุ กเณฺณสุปิ คเหตฺวา ตตฺถ วจฺฉเก ปเวเสนฺติ, อโนฺตสาลาย โอกาเส อปฺปโหเนฺต พหิ ขาณุเก โกเฎฺฎตฺวาปิ เอวเมว กโรนฺติฯ ตตฺถ โกจิ อโนฺตพโทฺธ วจฺฉโก พหินิปโนฺน โหติ, โกจิ พหิพโทฺธ อโนฺตนิปโนฺน, โกจิ อโนฺตพโทฺธ อโนฺตว นิปโนฺน, โกจิ พหิพโทฺธ พหิเยว นิปโนฺนฯ โกจิ อโนฺตปิ อพโทฺธว จรติ, พหิปิ อพโทฺธวฯ ตตฺถ อโนฺตพทฺธสฺส พหินิปนฺนสฺส พนฺธนํ ทีฆํ โหติฯ โส หิ อุณฺหาทิปีฬิโต นิกฺขมิตฺวา พหิ วจฺฉกานํ อพฺภนฺตเร นิปชฺชติฯ พหิพเทฺธ อโนฺตนิปเนฺนปิ เอเสว นโยฯ โย ปน อโนฺตพโทฺธ อโนฺตนิปโนฺน, ตสฺส พนฺธนํ รสฺสํ โหติฯ พหิพเทฺธ พหินิปเนฺนปิ เอเสว นโยฯ อุโภปิ หิ เต ทิวสมฺปิ ขาณุกํ อนุปริคนฺตฺวา ตเตฺถว สยนฺติฯ โย ปน อโนฺต อพโทฺธ ตเตฺถว วจฺฉกานํ อนฺตเร วิจรติฯ อยํ สีลวา วจฺฉโก กเณฺณ คเหตฺวา วจฺฉกานํ อนฺตเร วิสฺสโฎฺฐ ทิวสมฺปิ อญฺญตฺถ อคนฺตฺวา ตเตฺถว จรติฯ พหิ อพเทฺธ ตเตฺถว วิจรเนฺตปิ เอเสว นโยฯ

    Imassa ca panatthassa vibhāvanatthaṃ idaṃ vacchakasālopamaṃ veditabbaṃ. Vacchakasālaṃ hi katvā anto khāṇuke koṭṭetvā vacchake yottehi bandhitvā tesu upanibandhanti, yottesu appahontesu kaṇṇesupi gahetvā tattha vacchake pavesenti, antosālāya okāse appahonte bahi khāṇuke koṭṭetvāpi evameva karonti. Tattha koci antobaddho vacchako bahinipanno hoti, koci bahibaddho antonipanno, koci antobaddho antova nipanno, koci bahibaddho bahiyeva nipanno. Koci antopi abaddhova carati, bahipi abaddhova. Tattha antobaddhassa bahinipannassa bandhanaṃ dīghaṃ hoti. So hi uṇhādipīḷito nikkhamitvā bahi vacchakānaṃ abbhantare nipajjati. Bahibaddhe antonipannepi eseva nayo. Yo pana antobaddho antonipanno, tassa bandhanaṃ rassaṃ hoti. Bahibaddhe bahinipannepi eseva nayo. Ubhopi hi te divasampi khāṇukaṃ anuparigantvā tattheva sayanti. Yo pana anto abaddho tattheva vacchakānaṃ antare vicarati. Ayaṃ sīlavā vacchako kaṇṇe gahetvā vacchakānaṃ antare vissaṭṭho divasampi aññattha agantvā tattheva carati. Bahi abaddhe tattheva vicarantepi eseva nayo.

    ตตฺถ วจฺฉกสาลา วิย ตโย ภวา เวทิตพฺพาฯ วจฺฉกสาลายํ ขาณุกา วิย อวิชฺชาขาณุโกฯ วจฺฉกพนฺธนโยตฺตํ วิย ทส สํโยชนานิฯ วจฺฉกา วิย ตีสุ ภเวสุ นิพฺพตฺตสตฺตา ฯ อโนฺตพโทฺธ พหิสยิตวจฺฉโก วิย รูปารูปภเวสุ โสตาปนฺนสกทาคามิโนฯ เต หิ กิญฺจาปิ ตเตฺถว วสนฺติ, สํโยชนํ ปน เตสํ กามาวจรูปนิพทฺธเมวฯ เกนเฎฺฐน? อปฺปหีนเฎฺฐนฯ รูปารูปภเวสุ ปุถุชฺชโนปิ เอเตเหว สงฺคหิโตฯ โสปิ หิ กิญฺจาปิ ตตฺถ วสติ, สํโยชนํ ปนสฺส กามาวจรูปนิพทฺธเมวฯ พหิพโทฺธ อโนฺตสยิตวจฺฉโก วิย กามาวจเร อนาคามีฯ โส หิ กิญฺจาปิ กามาวจเร วสติ, สํโยชนํ ปนสฺส รูปารูปภวูปนิพทฺธเมวฯ อโนฺตพโทฺธ อโนฺตนิปโนฺน วิย กามาวจเร โสตาปนฺนสกทาคามิโนฯ เต หิ สยมฺปิ กามาวจเร วสนฺติ, สํโยชนมฺปิ เตสํ กามาวจรูปนิพทฺธเมวฯ พหิพโทฺธ พหินิปโนฺน วิย รูปารูปภเวสุ อนาคามีฯ โส หิ สยมฺปิ ตตฺถ วสติ, สํโยชนมฺปิสฺส รูปารูปภวูปนิพทฺธเมวฯ อโนฺตอพโทฺธ อโนฺตวิจรณวจฺฉโก วิย กามาวจเร ขีณาสโวฯ พหิอพโทฺธ พหิวิจรณวจฺฉโก วิย รูปารูปภเว ขีณาสโวฯ สํโยชเนสุ ปน สกฺกายทิฎฺฐิ วิจิกิจฺฉา สีลพฺพตปรามาโสติ อิมานิ ตีณิ คจฺฉนฺตํ นิวาเรนฺติ, คตํ ปฎิอาเนนฺติฯ กามจฺฉโนฺท พฺยาปาโทติ อิมานิ ปน เทฺว สํโยชนานิ สมาปตฺติยา วา อวิกฺขเมฺภตฺวา มเคฺคน วา อสมุจฺฉินฺทิตฺวา รูปารูปภเว นิพฺพตฺติตุํ น สโกฺกติฯ

    Tattha vacchakasālā viya tayo bhavā veditabbā. Vacchakasālāyaṃ khāṇukā viya avijjākhāṇuko. Vacchakabandhanayottaṃ viya dasa saṃyojanāni. Vacchakā viya tīsu bhavesu nibbattasattā . Antobaddho bahisayitavacchako viya rūpārūpabhavesu sotāpannasakadāgāmino. Te hi kiñcāpi tattheva vasanti, saṃyojanaṃ pana tesaṃ kāmāvacarūpanibaddhameva. Kenaṭṭhena? Appahīnaṭṭhena. Rūpārūpabhavesu puthujjanopi eteheva saṅgahito. Sopi hi kiñcāpi tattha vasati, saṃyojanaṃ panassa kāmāvacarūpanibaddhameva. Bahibaddho antosayitavacchako viya kāmāvacare anāgāmī. So hi kiñcāpi kāmāvacare vasati, saṃyojanaṃ panassa rūpārūpabhavūpanibaddhameva. Antobaddho antonipanno viya kāmāvacare sotāpannasakadāgāmino. Te hi sayampi kāmāvacare vasanti, saṃyojanampi tesaṃ kāmāvacarūpanibaddhameva. Bahibaddho bahinipanno viya rūpārūpabhavesu anāgāmī. So hi sayampi tattha vasati, saṃyojanampissa rūpārūpabhavūpanibaddhameva. Antoabaddho antovicaraṇavacchako viya kāmāvacare khīṇāsavo. Bahiabaddho bahivicaraṇavacchako viya rūpārūpabhave khīṇāsavo. Saṃyojanesu pana sakkāyadiṭṭhi vicikicchā sīlabbataparāmāsoti imāni tīṇi gacchantaṃ nivārenti, gataṃ paṭiānenti. Kāmacchando byāpādoti imāni pana dve saṃyojanāni samāpattiyā vā avikkhambhetvā maggena vā asamucchinditvā rūpārūpabhave nibbattituṃ na sakkoti.

    กตโม จาวุโสติ อิทํ เถโร ยถา นาม ปุริโส เทฺว รตนเปฬา ปเสฺส ฐเปตฺวา สมฺปตฺตปริสาย เทฺว หเตฺถ ปูเรตฺวา สตฺตวิธํ รตนํ ภาเชตฺวา ทเทยฺย, เอวํ ปฐมํ รตนเปฬํ ทตฺวา ทุติยมฺปิ ตเถว ทเทยฺยฯ เอวเมวํ ‘‘อชฺฌตฺตสํโยชนญฺจ, อาวุโส, ปุคฺคลํ เทเสสฺสามิ พหิทฺธาสํโยชนญฺจา’’ติ อิมานิ เทฺว ปทานิ มาติกาวเสน ฐเปตฺวา อิทานิ อฎฺฐวิธาย ปริสาย ภาเชตฺวา ทเสฺสตุํ วิตฺถารกถํ อารภิฯ

    Katamo cāvusoti idaṃ thero yathā nāma puriso dve ratanapeḷā passe ṭhapetvā sampattaparisāya dve hatthe pūretvā sattavidhaṃ ratanaṃ bhājetvā dadeyya, evaṃ paṭhamaṃ ratanapeḷaṃ datvā dutiyampi tatheva dadeyya. Evamevaṃ ‘‘ajjhattasaṃyojanañca, āvuso, puggalaṃ desessāmi bahiddhāsaṃyojanañcā’’ti imāni dve padāni mātikāvasena ṭhapetvā idāni aṭṭhavidhāya parisāya bhājetvā dassetuṃ vitthārakathaṃ ārabhi.

    ตตฺถ อิธาติ อิมสฺมิํ สาสเนฯ สีลวา โหตีติ จตุปาริสุทฺธิสีเลหิ สีลสมฺปโนฺน โหติฯ อิติ เถโร เอตฺตาวตา จ กิร จตุปาริสุทฺธิสีลํ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติ อิมินา ตตฺถ เชฎฺฐกสีลํ วิตฺถาเรตฺวา ทเสฺสสีติ ทีปวิหารวาสี สุมฺมเตฺถโร อาหฯ อเนฺตวาสิโก ปนสฺส ติปิฎกจูฬนาคเตฺถโร อาห – ‘‘อุภยตฺถาปิ ปาติโมกฺขสํวโรว วุโตฺตฯ ปาติโมกฺขสํวโรเยว หิ สีลํ, อิตรานิ ปน ตีณิ สีลนฺติ วุตฺตฎฺฐานํ นาม อตฺถี’’ติ อนนุชานโนฺต อุตฺตริ อาห – อินฺทฺริยสํวโร นาม ฉทฺวารรกฺขามตฺตกเมว, อาชีวปาริสุทฺธิ ธเมฺมน สเมน ปจฺจยุปฺปตฺติมตฺตกํ, ปจฺจยสนฺนิสฺสิตํ ปฎิลทฺธปจฺจเย ‘‘อิทมตฺถ’’นฺติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุญฺชนมตฺตกํ, นิปฺปริยาเยน ปน ปาติโมกฺขสํวโรว สีลํ ฯ ยสฺส โส ภิโนฺน, อยํ ฉินฺนสีโส วิย ปุริโส หตฺถปาเท เสสานิ รกฺขิสฺสตีติ น วตฺตโพฺพฯ ยสฺส ปน โส อโรโค, อยํ อจฺฉินฺนสีโส วิย ปุริโส ชีวิตํ เสสานิ ปุน ปากติกานิ กตฺวา รกฺขิตุํ สโกฺกติฯ ตสฺมา สีลวาติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรํ อุทฺทิสิตฺวา ตํ วิตฺถาเรโนฺต ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติอาทิมาหาติฯ

    Tattha idhāti imasmiṃ sāsane. Sīlavāhotīti catupārisuddhisīlehi sīlasampanno hoti. Iti thero ettāvatā ca kira catupārisuddhisīlaṃ uddisitvā ‘‘pātimokkhasaṃvarasaṃvuto’’ti iminā tattha jeṭṭhakasīlaṃ vitthāretvā dassesīti dīpavihāravāsī summatthero āha. Antevāsiko panassa tipiṭakacūḷanāgatthero āha – ‘‘ubhayatthāpi pātimokkhasaṃvarova vutto. Pātimokkhasaṃvaroyeva hi sīlaṃ, itarāni pana tīṇi sīlanti vuttaṭṭhānaṃ nāma atthī’’ti ananujānanto uttari āha – indriyasaṃvaro nāma chadvārarakkhāmattakameva, ājīvapārisuddhi dhammena samena paccayuppattimattakaṃ, paccayasannissitaṃ paṭiladdhapaccaye ‘‘idamattha’’nti paccavekkhitvā paribhuñjanamattakaṃ, nippariyāyena pana pātimokkhasaṃvarova sīlaṃ . Yassa so bhinno, ayaṃ chinnasīso viya puriso hatthapāde sesāni rakkhissatīti na vattabbo. Yassa pana so arogo, ayaṃ acchinnasīso viya puriso jīvitaṃ sesāni puna pākatikāni katvā rakkhituṃ sakkoti. Tasmā sīlavāti iminā pātimokkhasaṃvaraṃ uddisitvā taṃ vitthārento ‘‘pātimokkhasaṃvarasaṃvuto’’tiādimāhāti.

    ตตฺถ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ ปาติโมกฺขสํวเรน สมนฺนาคโตฯ อาจารโคจรสมฺปโนฺนติ อาจาเรน จ โคจเรน จ สมฺปโนฺนฯ อณุมเตฺตสูติ อปฺปมตฺตเกสุฯ วเชฺชสูติ อกุสลธเมฺมสุฯ ภยทสฺสาวีติ ภยทสฺสีฯ สมาทายาติ สมฺมา อาทิยิตฺวาฯ สิกฺขติ สิกฺขาปเทสูติ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ สมาทิยิตฺวา สิกฺขติฯ อปิจ สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสูติ ยํกิญฺจิ สิกฺขาปเทสุ สิกฺขาโกฎฺฐาเสสุ สิกฺขิตพฺพํ กายิกํ วา วาจสิกํ วา, ตํ สพฺพํ สมฺมา อาทาย สิกฺขติฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถารโต ปน สพฺพาเนตานิ ปาติโมกฺขสํวราทีนิ ปทานิ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔ อาทโย) วุตฺตานิ, จตุปาริสุทฺธิสีลญฺจ สพฺพากาเรน วิภชิตฺวา ทสฺสิตํฯ อญฺญตรํ เทวนิกายนฺติ ฉสุ กามาวจรเทวฆฎาสุ อญฺญตรํ เทวฆฎํฯ อาคามี โหตีติ เหฎฺฐา อาคามี โหติฯ อาคนฺตา อิตฺถตฺตนฺติ อิตฺถตฺตํ มานุสกปญฺจกฺขนฺธภาวเมว อาคนฺตา โหติฯ ตตฺรูปปตฺติโก วา อุปรูปปตฺติโก วา น โหติ, ปุน เหฎฺฐาคามีเยว โหตีติ ทเสฺสติฯ อิมินา อเงฺคน สุกฺขวิปสฺสกสฺส ธาตุกมฺมฎฺฐานิกภิกฺขุโน เหฎฺฐิมํ มคฺคทฺวยเญฺจว ผลทฺวยญฺจ กถิตํฯ

    Tattha pātimokkhasaṃvarasaṃvutoti pātimokkhasaṃvarena samannāgato. Ācāragocarasampannoti ācārena ca gocarena ca sampanno. Aṇumattesūti appamattakesu. Vajjesūti akusaladhammesu. Bhayadassāvīti bhayadassī. Samādāyāti sammā ādiyitvā. Sikkhati sikkhāpadesūti taṃ taṃ sikkhāpadaṃ samādiyitvā sikkhati. Apica samādāya sikkhati sikkhāpadesūti yaṃkiñci sikkhāpadesu sikkhākoṭṭhāsesu sikkhitabbaṃ kāyikaṃ vā vācasikaṃ vā, taṃ sabbaṃ sammā ādāya sikkhati. Ayamettha saṅkhepo, vitthārato pana sabbānetāni pātimokkhasaṃvarādīni padāni visuddhimagge (visuddhi. 1.14 ādayo) vuttāni, catupārisuddhisīlañca sabbākārena vibhajitvā dassitaṃ. Aññataraṃ devanikāyanti chasu kāmāvacaradevaghaṭāsu aññataraṃ devaghaṭaṃ. Āgāmī hotīti heṭṭhā āgāmī hoti. Āgantā itthattanti itthattaṃ mānusakapañcakkhandhabhāvameva āgantā hoti. Tatrūpapattiko vā uparūpapattiko vā na hoti, puna heṭṭhāgāmīyeva hotīti dasseti. Iminā aṅgena sukkhavipassakassa dhātukammaṭṭhānikabhikkhuno heṭṭhimaṃ maggadvayañceva phaladvayañca kathitaṃ.

    อญฺญตรํ สนฺตํ เจโตวิมุตฺตินฺติ อฎฺฐสุ สมาปตฺตีสุ อญฺญตรํ จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติํฯ สา หิ ปจฺจนีกกิเลสานํ สนฺตตฺตา สนฺตา, เตเหว จ กิเลเสหิ เจตโส วิมุตฺตตฺตา เจโตวิมุตฺตีติ วุจฺจติฯ อญฺญตรํ เทวนิกายนฺติ ปญฺจสุ สุทฺธาวาสเทวนิกาเยสุ อญฺญตรํฯ อนาคนฺตา อิตฺถตฺตนฺติ ปุน อิมํ ปญฺจกฺขนฺธภาวํ อนาคนฺตา, เหฎฺฐูปปตฺติโก น โหติ, อุปรูปปตฺติโก วา โหติ ตเตฺถว วา ปรินิพฺพายีติ ทเสฺสติฯ อิมินา อเงฺคน สมาธิกมฺมิกสฺส ภิกฺขุโน ตโย มคฺคา ตีณิ จ ผลานิ กถิตานิฯ

    Aññataraṃ santaṃ cetovimuttinti aṭṭhasu samāpattīsu aññataraṃ catutthajjhānasamāpattiṃ. Sā hi paccanīkakilesānaṃ santattā santā, teheva ca kilesehi cetaso vimuttattā cetovimuttīti vuccati. Aññataraṃ devanikāyanti pañcasu suddhāvāsadevanikāyesu aññataraṃ. Anāgantā itthattanti puna imaṃ pañcakkhandhabhāvaṃ anāgantā, heṭṭhūpapattiko na hoti, uparūpapattiko vā hoti tattheva vā parinibbāyīti dasseti. Iminā aṅgena samādhikammikassa bhikkhuno tayo maggā tīṇi ca phalāni kathitāni.

    กามานํเยว นิพฺพิทายาติ ทุวิธานมฺปิ กามานํ นิพฺพินฺทนตฺถาย อุกฺกณฺฐนตฺถายฯ วิราคายาติ วิรชฺชนตฺถายฯ นิโรธายาติ อปฺปวตฺติกรณตฺถายฯ ปฎิปโนฺน โหตีติ ปฎิปตฺติํ ปฎิปโนฺน โหติฯ เอตฺตาวตา โสตาปนฺนสฺส จ สกทาคามิโน จ ปญฺจกามคุณิกราคกฺขยตฺถาย อนาคามิมคฺควิปสฺสนา กถิตา โหติฯ ภวานํเยวาติ ติณฺณํ ภวานํฯ อิมินา อนาคามิโน ภวราคกฺขยตฺถาย อรหตฺตมคฺควิปสฺสนา กถิตา โหติฯ ตณฺหากฺขยาย ปฎิปโนฺน โหตีติ อิมินาปิ โสตาปนฺนสกทาคามีนํเยว ปญฺจกามคุณิกตณฺหากฺขยกรณตฺถํ อนาคามิมคฺควิปสฺสนา กถิตาฯ โส โลภกฺขยายาติ อิมินาปิ อนาคามิโน ภวโลภกฺขยตฺถาย อรหตฺตมคฺควิปสฺสนาว กถิตาฯ อญฺญตรํ เทวนิกายนฺติ สุทฺธาวาเสเสฺวว อญฺญตรํ เทวนิกายํฯ อนาคนฺตา อิตฺถตฺตนฺติ อิมํ ขนฺธปญฺจกภาวํ อนาคนฺตา, เหฎฺฐูปปตฺติโก น โหติ, อุปรูปปตฺติโก วา โหติ, ตเตฺถว วา ปรินิพฺพายติฯ

    Kāmānaṃyeva nibbidāyāti duvidhānampi kāmānaṃ nibbindanatthāya ukkaṇṭhanatthāya. Virāgāyāti virajjanatthāya. Nirodhāyāti appavattikaraṇatthāya. Paṭipanno hotīti paṭipattiṃ paṭipanno hoti. Ettāvatā sotāpannassa ca sakadāgāmino ca pañcakāmaguṇikarāgakkhayatthāya anāgāmimaggavipassanā kathitā hoti. Bhavānaṃyevāti tiṇṇaṃ bhavānaṃ. Iminā anāgāmino bhavarāgakkhayatthāya arahattamaggavipassanā kathitā hoti. Taṇhākkhayāya paṭipanno hotīti imināpi sotāpannasakadāgāmīnaṃyeva pañcakāmaguṇikataṇhākkhayakaraṇatthaṃ anāgāmimaggavipassanā kathitā. So lobhakkhayāyāti imināpi anāgāmino bhavalobhakkhayatthāya arahattamaggavipassanāva kathitā. Aññataraṃ devanikāyanti suddhāvāsesveva aññataraṃ devanikāyaṃ. Anāgantā itthattanti imaṃ khandhapañcakabhāvaṃ anāgantā, heṭṭhūpapattiko na hoti, uparūpapattiko vā hoti, tattheva vā parinibbāyati.

    อิติ ปฐเมน อเงฺคน สุกฺขวิปสฺสกสฺส ธาตุกมฺมฎฺฐานิกภิกฺขุโน เหฎฺฐิมานิ เทฺว มคฺคผลานิ กถิตานิ, ทุติเยน สมาธิกมฺมิกสฺส ตีณิ มคฺคผลานิ, ‘‘โส กามาน’’นฺติ อิมินา โสตาปนฺนสกทาคามีนํ ปญฺจกามคุณิกราคกฺขยาย อุปริ อนาคามิมคฺควิปสฺสนา, ‘‘โส ภวานํเยวา’’ติ อิมินา อนาคามิสฺส อุปริ อรหตฺตมคฺควิปสฺสนา, ‘‘โส ตณฺหากฺขยายา’’ติ อิมินา โสตาปนฺนสกทาคามีนํ ปญฺจกามคุณิกตณฺหากฺขยาย อุปริ อนาคามิมคฺควิปสฺสนา, ‘‘โส โลภกฺขยายา’’ติ อิมินา อนาคามิโน ภวโลภกฺขยาย อุปริ อรหตฺตมคฺควิปสฺสนา กถิตาติ เอวํ ฉหิ มุเขหิ วิปสฺสนํ กเถตฺวา เทสนํ ยถานุสนฺธิํ ปาเปสิฯ เทสนาปริโยสาเน โกฎิสตสหสฺสเทวตา อรหตฺตํ ปาปุณิํสุ, โสตาปนฺนาทีนํ ปริเจฺฉโทว นาโหสิฯ ยถา จ อิมสฺมิํ สมาคเม, เอวํ มหาสมยสุเตฺต มงฺคลสุเตฺต จ จูฬราหุโลวาทสุเตฺต จ โกฎิสตสหสฺสเทวตา อรหตฺตํ ปาปุณิํสุ, โสตาปนฺนาทีนํ เทวมนุสฺสานํ ปริเจฺฉโท นาโหสิฯ

    Iti paṭhamena aṅgena sukkhavipassakassa dhātukammaṭṭhānikabhikkhuno heṭṭhimāni dve maggaphalāni kathitāni, dutiyena samādhikammikassa tīṇi maggaphalāni, ‘‘so kāmāna’’nti iminā sotāpannasakadāgāmīnaṃ pañcakāmaguṇikarāgakkhayāya upari anāgāmimaggavipassanā, ‘‘so bhavānaṃyevā’’ti iminā anāgāmissa upari arahattamaggavipassanā, ‘‘so taṇhākkhayāyā’’ti iminā sotāpannasakadāgāmīnaṃ pañcakāmaguṇikataṇhākkhayāya upari anāgāmimaggavipassanā, ‘‘so lobhakkhayāyā’’ti iminā anāgāmino bhavalobhakkhayāya upari arahattamaggavipassanā kathitāti evaṃ chahi mukhehi vipassanaṃ kathetvā desanaṃ yathānusandhiṃ pāpesi. Desanāpariyosāne koṭisatasahassadevatā arahattaṃ pāpuṇiṃsu, sotāpannādīnaṃ paricchedova nāhosi. Yathā ca imasmiṃ samāgame, evaṃ mahāsamayasutte maṅgalasutte ca cūḷarāhulovādasutte ca koṭisatasahassadevatā arahattaṃ pāpuṇiṃsu, sotāpannādīnaṃ devamanussānaṃ paricchedo nāhosi.

    สมจิตฺตา เทวตาติ จิตฺตสฺส สุขุมภาวสมตาย สมจิตฺตาฯ สพฺพาปิ หิ ตา อตฺตโน อตฺตภาเว สุขุเม จิตฺตสริกฺขเก กตฺวา มาเปสุํฯ เตน สมจิตฺตา นาม ชาตาฯ อปเรนปิ การเณน สมจิตฺตา – ‘‘เถเรน สมาปตฺติ ตาว กถิตา, สมาปตฺติถาโม ปน น กถิโตฯ มยํ ทสพลํ ปโกฺกสิตฺวา สมาปตฺติยา ถามํ กถาเปสฺสามา’’ติ สพฺพาปิ เอกจิตฺตา อเหสุนฺติปิ สมจิตฺตาฯ อปรมฺปิ การณํ – ‘‘เถเรน เอเกน ปริยาเยน สมาปตฺติปิ สมาปตฺติถาโมปิ กถิโต, โก นุ โข อิมํ สมาคมํ สมฺปโตฺต, โก น สมฺปโตฺต’’ติ โอโลกยมานา ตถาคตสฺส อสมฺปตฺตภาวํ ทิสฺวา ‘‘มยํ ตถาคตํ ปโกฺกสิตฺวา ปริสํ ปริปุณฺณํ กริสฺสามา’’ติ สพฺพาปิ เอกจิตฺตา อเหสุนฺติปิ สมจิตฺตาฯ อปรมฺปิ การณํ – อนาคเต โกจิเทว ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา เทโว วา มนุโสฺส วา ‘‘อยํ เทสนา สาวกภาสิตา’’ติ อคารวํ กเรยฺย, สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปโกฺกสิตฺวา อิมํ เทสนํ สพฺพญฺญุภาสิตํ กริสฺสามฯ เอวํ อนาคเต ครุภาวนียา ภวิสฺสตีติ สพฺพาว เอกจิตฺตา อเหสุนฺติปิ สมจิตฺตาฯ อปรมฺปิ การณํ – สพฺพาปิ หิ ตา เอกสมาปตฺติลาภินิโย วา อเหสุํ เอการมฺมณลาภินิโย วาติ เอวมฺปิ สมจิตฺตาฯ

    Samacittā devatāti cittassa sukhumabhāvasamatāya samacittā. Sabbāpi hi tā attano attabhāve sukhume cittasarikkhake katvā māpesuṃ. Tena samacittā nāma jātā. Aparenapi kāraṇena samacittā – ‘‘therena samāpatti tāva kathitā, samāpattithāmo pana na kathito. Mayaṃ dasabalaṃ pakkositvā samāpattiyā thāmaṃ kathāpessāmā’’ti sabbāpi ekacittā ahesuntipi samacittā. Aparampi kāraṇaṃ – ‘‘therena ekena pariyāyena samāpattipi samāpattithāmopi kathito, ko nu kho imaṃ samāgamaṃ sampatto, ko na sampatto’’ti olokayamānā tathāgatassa asampattabhāvaṃ disvā ‘‘mayaṃ tathāgataṃ pakkositvā parisaṃ paripuṇṇaṃ karissāmā’’ti sabbāpi ekacittā ahesuntipi samacittā. Aparampi kāraṇaṃ – anāgate kocideva bhikkhu vā bhikkhunī vā devo vā manusso vā ‘‘ayaṃ desanā sāvakabhāsitā’’ti agāravaṃ kareyya, sammāsambuddhaṃ pakkositvā imaṃ desanaṃ sabbaññubhāsitaṃ karissāma. Evaṃ anāgate garubhāvanīyā bhavissatīti sabbāva ekacittā ahesuntipi samacittā. Aparampi kāraṇaṃ – sabbāpi hi tā ekasamāpattilābhiniyo vā ahesuṃ ekārammaṇalābhiniyo vāti evampi samacittā.

    หฎฺฐาติ ตุฎฺฐปหฎฺฐา อาโมทิตา ปโมทิตาฯ สาธูติ อายาจนเตฺถ นิปาโตฯ อนุกมฺปํ อุปาทายาติ น เถรสฺส อนุกมฺปํ การุญฺญํ อนุทฺทยํ ปฎิจฺจ, น จ อิมสฺมิํ ฐาเน เถรสฺส อนุกมฺปิตพฺพกิจฺจํ อตฺถิฯ ยสฺมิํ หิ ทิวเส เถโร สูกรขตเลณทฺวาเร ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนากมฺมฎฺฐาเน (ม. นิ. ๒.๒๐๖) กถิยมาเน ตาลวณฺฎํ คเหตฺวา สตฺถารํ พีชมาโน ฐิโต ปรสฺส วฑฺฒิตโภชนํ ภุญฺชิตฺวา ขุทํ วิโนเทโนฺต วิย ปรสฺส สชฺชิตปสาธนํ สีเส ปฎิมุญฺจโนฺต วิย จ สาวกปารมิญาณสฺส นิปฺปเทสโต มตฺถกํ ปโตฺต, ตสฺมิํเยว ทิวเส ภควตา อนุกมฺปิโต นามฯ อวเสสานํ ปน ตํ ฐานํ สมฺปตฺตานํ เทวมนุสฺสานํ อนุกมฺปํ อุปาทาย คจฺฉตุ ภควาติ ภควนฺตํ ยาจิํสุฯ

    Haṭṭhāti tuṭṭhapahaṭṭhā āmoditā pamoditā. Sādhūti āyācanatthe nipāto. Anukampaṃ upādāyāti na therassa anukampaṃ kāruññaṃ anuddayaṃ paṭicca, na ca imasmiṃ ṭhāne therassa anukampitabbakiccaṃ atthi. Yasmiṃ hi divase thero sūkarakhataleṇadvāre bhāgineyyassa dīghanakhaparibbājakassa vedanākammaṭṭhāne (ma. ni. 2.206) kathiyamāne tālavaṇṭaṃ gahetvā satthāraṃ bījamāno ṭhito parassa vaḍḍhitabhojanaṃ bhuñjitvā khudaṃ vinodento viya parassa sajjitapasādhanaṃ sīse paṭimuñcanto viya ca sāvakapāramiñāṇassa nippadesato matthakaṃ patto, tasmiṃyeva divase bhagavatā anukampito nāma. Avasesānaṃ pana taṃ ṭhānaṃ sampattānaṃ devamanussānaṃ anukampaṃ upādāya gacchatu bhagavāti bhagavantaṃ yāciṃsu.

    พลวา ปุริโสติ ทุพฺพโล หิ ขิปฺปํ สมิญฺชนปสารณํ กาตุํ น สโกฺกติ, พลวาว สโกฺกติฯ เตเนตํ วุตฺตํฯ สมฺมุเข ปาตุรโหสีติ สมฺมุขฎฺฐาเน ปุรโตเยว ปากโฎ อโหสิฯ ภควา เอตทโวจาติ เอตํ ‘‘อิธ สาริปุตฺตา’’ติอาทินา นเยน อตฺตโน อาคมนการณํ อโวจฯ เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สเจ โกจิ พาโล อกตญฺญู ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อุปาสโก วา อุปาสิกา วา เอวํ จิเนฺตยฺย – ‘สาริปุตฺตเตฺถโร มหนฺตํ ปริสํ อลตฺถ, สมฺมาสมฺพุโทฺธ เอตฺตกํ อธิวาเสตุํ อสโกฺกโนฺต อุสูยาย ปริสํ อุฎฺฐาเปตุํ อาคโต’ติฯ โส อิมํ มยิ มโนปโทสํ กตฺวา อปาเย นิพฺพเตฺตยฺยา’’ติฯ อถตฺตโน อาคมนการณํ กเถโนฺต เอตํ ‘‘อิธ สาริปุตฺตา’’ติอาทิวจนํ อโวจฯ

    Balavā purisoti dubbalo hi khippaṃ samiñjanapasāraṇaṃ kātuṃ na sakkoti, balavāva sakkoti. Tenetaṃ vuttaṃ. Sammukhe pāturahosīti sammukhaṭṭhāne puratoyeva pākaṭo ahosi. Bhagavā etadavocāti etaṃ ‘‘idha sāriputtā’’tiādinā nayena attano āgamanakāraṇaṃ avoca. Evaṃ kirassa ahosi – ‘‘sace koci bālo akataññū bhikkhu vā bhikkhunī vā upāsako vā upāsikā vā evaṃ cinteyya – ‘sāriputtatthero mahantaṃ parisaṃ alattha, sammāsambuddho ettakaṃ adhivāsetuṃ asakkonto usūyāya parisaṃ uṭṭhāpetuṃ āgato’ti. So imaṃ mayi manopadosaṃ katvā apāye nibbatteyyā’’ti. Athattano āgamanakāraṇaṃ kathento etaṃ ‘‘idha sāriputtā’’tiādivacanaṃ avoca.

    เอวํ อตฺตโน อาคมนการณํ กเถตฺวา อิทานิ สมาปตฺติยา ถามํ กเถตุํ ตา โข ปน, สาริปุตฺต, เทวตา ทสปิ หุตฺวาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยสวเสน วา อตฺถํ อาหริตุํ วฎฺฎติ สมาปตฺติวเสน วาฯ ยสวเสน ตาว มเหสกฺขา เทวตา ทส ทส เอกฎฺฐาเน อฎฺฐํสุ, ตาหิ อเปฺปสกฺขตรา วีสติ วีสติ เอกฎฺฐาเน อฎฺฐํสุ, ตาหิ อเปฺปสกฺขตรา…เป.… สฎฺฐิ สฎฺฐิ เอกฎฺฐาเน อฎฺฐํสุฯ สมาปตฺติวเสน ปน ยาหิ ปณีตา สมาปตฺติ ภาวิตา, ตา สฎฺฐิ สฎฺฐิ เอกฎฺฐาเน อฎฺฐํสุฯ ยาหิ ตโต หีนตรา, ตา ปญฺญาส ปญฺญาส…เป.… ยาหิ ตโต หีนตรา สมาปตฺติ ภาวิตา…เป.… ตา ทส ทส เอกฎฺฐาเน อฎฺฐํสุฯ ยาหิ วา หีนา ภาวิตา, ตา ทส ทส เอกฎฺฐาเน อฎฺฐํสุฯ ยาหิ ตโต ปณีตตรา ภาวิตา, ตา วีสติ วีสติฯ ยาหิ ตโต ปณีตตรา…เป.… ตา สฎฺฐิ สฎฺฐิ เอกฎฺฐาเน อฎฺฐํสุฯ

    Evaṃ attano āgamanakāraṇaṃ kathetvā idāni samāpattiyā thāmaṃ kathetuṃ tā kho pana, sāriputta, devatā dasapi hutvātiādimāha. Tattha yasavasena vā atthaṃ āharituṃ vaṭṭati samāpattivasena vā. Yasavasena tāva mahesakkhā devatā dasa dasa ekaṭṭhāne aṭṭhaṃsu, tāhi appesakkhatarā vīsati vīsati ekaṭṭhāne aṭṭhaṃsu, tāhi appesakkhatarā…pe… saṭṭhi saṭṭhi ekaṭṭhāne aṭṭhaṃsu. Samāpattivasena pana yāhi paṇītā samāpatti bhāvitā, tā saṭṭhi saṭṭhi ekaṭṭhāne aṭṭhaṃsu. Yāhi tato hīnatarā, tā paññāsa paññāsa…pe… yāhi tato hīnatarā samāpatti bhāvitā…pe… tā dasa dasa ekaṭṭhāne aṭṭhaṃsu. Yāhi vā hīnā bhāvitā, tā dasa dasa ekaṭṭhāne aṭṭhaṃsu. Yāhi tato paṇītatarā bhāvitā, tā vīsati vīsati. Yāhi tato paṇītatarā…pe… tā saṭṭhi saṭṭhi ekaṭṭhāne aṭṭhaṃsu.

    อารคฺคโกฎินิตุทนมเตฺตติ อารคฺคโกฎิยา ปตนมเตฺต โอกาเสฯ จ อญฺญมญฺญํ พฺยาพาเธนฺตีติ เอวํ สมฺพาเธ ฐาเน ติฎฺฐนฺติโยปิ อญฺญมญฺญํ น พฺยาพาเธนฺติ น ฆเฎฺฎนฺติ, อสมฺปีฬา อสมฺพาธาว อเหสุํฯ ‘‘ตว หโตฺถ มํ พาธติ, ตว ปาโท มํ พาธติ, ตฺวํ มํ มทฺทนฺตี ฐิตา’’ติ วตฺตพฺพการณํ นาโหสิฯ ตตฺถ นูนาติ ตสฺมิํ ภเว นูนฯ ตถาจิตฺตํ ภาวิตนฺติ เตนากาเรน จิตฺตํ ภาวิตํฯ เยน ตา เทวตาติ เยน ตถาภาวิเตน จิเตฺตน ตา เทวตา ทสปิ หุตฺวา…เป.… ติฎฺฐนฺติ, น จ อญฺญมญฺญํ พฺยาพาเธนฺตีติฯ อิเธว โขติ สาสเน วา มนุสฺสโลเก วา ภุมฺมํ, อิมสฺมิํเยว สาสเน อิมสฺมิํเยว มนุสฺสโลเกติ อโตฺถฯ ตาสญฺหิ เทวตานํ อิมสฺมิํเยว มนุสฺสโลเก อิมสฺมิํเยว จ สาสเน ตํ จิตฺตํ ภาวิตํ, เยน ตา สเนฺต รูปภเว นิพฺพตฺตา, ตโต จ ปน อาคนฺตฺวา เอวํ สุขุเม อตฺตภาเว มาเปตฺวา ฐิตาฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ กสฺสปทสพลสฺส สาสเน ตีณิ มคฺคผลานิ นิพฺพเตฺตตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตเทวตาปิ อตฺถิ, สพฺพพุทฺธานํ ปน เอกาว อนุสาสนี เอกํ สาสนนฺติ กตฺวา ‘‘อิเธว โข, สาริปุตฺตา’’ติ อญฺญพุทฺธานํ สาสนมฺปิ อิมเมว สาสนํ กโรโนฺต อาหฯ เอตฺตาวตา ตถาคเตน สมาปตฺติยา ถาโม กถิโตฯ

    Āraggakoṭinitudanamatteti āraggakoṭiyā patanamatte okāse. Naca aññamaññaṃ byābādhentīti evaṃ sambādhe ṭhāne tiṭṭhantiyopi aññamaññaṃ na byābādhenti na ghaṭṭenti, asampīḷā asambādhāva ahesuṃ. ‘‘Tava hattho maṃ bādhati, tava pādo maṃ bādhati, tvaṃ maṃ maddantī ṭhitā’’ti vattabbakāraṇaṃ nāhosi. Tattha nūnāti tasmiṃ bhave nūna. Tathācittaṃ bhāvitanti tenākārena cittaṃ bhāvitaṃ. Yena tā devatāti yena tathābhāvitena cittena tā devatā dasapi hutvā…pe… tiṭṭhanti, na ca aññamaññaṃ byābādhentīti. Idheva khoti sāsane vā manussaloke vā bhummaṃ, imasmiṃyeva sāsane imasmiṃyeva manussaloketi attho. Tāsañhi devatānaṃ imasmiṃyeva manussaloke imasmiṃyeva ca sāsane taṃ cittaṃ bhāvitaṃ, yena tā sante rūpabhave nibbattā, tato ca pana āgantvā evaṃ sukhume attabhāve māpetvā ṭhitā. Tattha kiñcāpi kassapadasabalassa sāsane tīṇi maggaphalāni nibbattetvā brahmaloke nibbattadevatāpi atthi, sabbabuddhānaṃ pana ekāva anusāsanī ekaṃ sāsananti katvā ‘‘idheva kho, sāriputtā’’ti aññabuddhānaṃ sāsanampi imameva sāsanaṃ karonto āha. Ettāvatā tathāgatena samāpattiyā thāmo kathito.

    อิทานิ สาริปุตฺตเตฺถรํ อารพฺภ ตนฺติวเสน อนุสาสนิํ กเถโนฺต ตสฺมาติห, สาริปุตฺตาติ อาหฯ ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา ตา เทวตา อิเธว สนฺตํ สมาปตฺติํ นิพฺพเตฺตตฺวา สเนฺต ภเว นิพฺพตฺตา, ตสฺมาฯ สนฺตินฺทฺริยาติ ปญฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ สนฺตตาย นิพฺพุตตาย ปณีตตาย สนฺตินฺทฺริยาฯ สนฺตมานสาติ มานสสฺส สนฺตตาย นิพฺพุตตาย ปณีตตาย สนฺตมานสาฯ สนฺตํเยว อุปหารํ อุปหริสฺสามาติ กายจิตฺตูปหารํ สนฺตํ นิพฺพุตํ ปณีตํเยว อุปหริสฺสามฯ สพฺรหฺมจารีสูติ สมานํ เอกุเทฺทสตาทิํ พฺรหฺมํ จรเนฺตสุ สหธมฺมิเกสุฯ เอวญฺหิ โว, สาริปุตฺต, สิกฺขิตพฺพนฺติ อิมินา เอตฺตเกน วาเรน ภควา เทสนํ สพฺพญฺญุภาสิตํ อกาสิฯ อนสฺสุนฺติ นฎฺฐา วินฎฺฐาฯ เย อิมํ ธมฺมปริยายํ นาโสฺสสุนฺติ เย อตฺตโน ปาปิกํ ตุจฺฉํ นิรตฺถกํ ทิฎฺฐิํ นิสฺสาย อิมํ เอวรูปํ ธมฺมเทสนํ โสตุํ น ลภิํสูติ ยถานุสนฺธินา เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ

    Idāni sāriputtattheraṃ ārabbha tantivasena anusāsaniṃ kathento tasmātiha, sāriputtāti āha. Tattha tasmāti yasmā tā devatā idheva santaṃ samāpattiṃ nibbattetvā sante bhave nibbattā, tasmā. Santindriyāti pañcannaṃ indriyānaṃ santatāya nibbutatāya paṇītatāya santindriyā. Santamānasāti mānasassa santatāya nibbutatāya paṇītatāya santamānasā. Santaṃyeva upahāraṃ upaharissāmāti kāyacittūpahāraṃ santaṃ nibbutaṃ paṇītaṃyeva upaharissāma. Sabrahmacārīsūti samānaṃ ekuddesatādiṃ brahmaṃ carantesu sahadhammikesu. Evañhi vo, sāriputta, sikkhitabbanti iminā ettakena vārena bhagavā desanaṃ sabbaññubhāsitaṃ akāsi. Anassunti naṭṭhā vinaṭṭhā. Ye imaṃ dhammapariyāyaṃ nāssosunti ye attano pāpikaṃ tucchaṃ niratthakaṃ diṭṭhiṃ nissāya imaṃ evarūpaṃ dhammadesanaṃ sotuṃ na labhiṃsūti yathānusandhinā desanaṃ niṭṭhāpesi.

    ๓๘. ฉเฎฺฐ วรณายํ วิหรตีติ วรณา นาม เอกํ นครํ, ตํ อุปนิสฺสาย วิหรติฯ กามราคาภินิเวสวินิพนฺธปลิเคธปริยุฎฺฐานโชฺฌสานเหตูติ กามราคาภินิเวสเหตุ, กามราควินิพนฺธเหตุ, กามราคปลิเคธเหตุ, กามราคปริยุฎฺฐานเหตุ, กามราคอโชฺฌสานเหตูติ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยฺวายํ ปญฺจ กามคุเณ นิสฺสาย อุปฺปชฺชติ กามราโค, ตสฺสาภินิเวสาทิเหตุฯ กามราเคน อภินิวิฎฺฐตฺตา วินิพทฺธตฺตา ตสฺมิํเยว จ กามราเค มหาปเงฺก วิย ปลิเคธตฺตา อนุปวิฎฺฐตฺตา เตเนว จ กามราเคน ปริยุฎฺฐิตตฺตา คหิตตฺตา กามราเคเนว จ อโชฺฌสิตตฺตา คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐเปตฺวา คหิตตฺตาติฯ ทิฎฺฐิราคาทิปเทสุปิ เอเสว นโยฯ ทิฎฺฐิราโคติ ปเนตฺถ ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิโย นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกราโค เวทิตโพฺพฯ ปุรตฺถิเมสุ ชนปเทสูติ เถรสฺส วสนฎฺฐานโต สาวตฺถิชนปโท ปุรตฺถิมทิสาภาเค โหติ, เถโร จ นิสีทโนฺตปิ ตโตมุโขว นิสิโนฺน, ตสฺมา เอวมาหฯ อุทานํ อุทาเนสีติ อุทาหารํ อุทาหริฯ ยถา หิ ยํ เตลํ มานํ คเหตุํ น สโกฺกติ, วิสฺสนฺทิตฺวา คจฺฉติ, ตํ อวเสสโกติ วุจฺจติฯ ยญฺจ ชลํ ตฬากํ คเหตุํ น สโกฺกติ, อโชฺฌตฺถริตฺวา คจฺฉติ , ตํ โอโฆติ วุจฺจติ, เอวเมวํ ยํ ปีติวจนํ หทยํ คเหตุํ น สโกฺกติ, อธิกํ หุตฺวา อโนฺต อสณฺฐหิตฺวา พหิ นิกฺขมติ, ตํ อุทานนฺติ วุจฺจติ, เอวรูปํ ปีติมยวจนํ นิจฺฉาเรสีติ อโตฺถฯ

    38. Chaṭṭhe varaṇāyaṃ viharatīti varaṇā nāma ekaṃ nagaraṃ, taṃ upanissāya viharati. Kāmarāgābhinivesavinibandhapaligedhapariyuṭṭhānajjhosānahetūti kāmarāgābhinivesahetu, kāmarāgavinibandhahetu, kāmarāgapaligedhahetu, kāmarāgapariyuṭṭhānahetu, kāmarāgaajjhosānahetūti attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – yvāyaṃ pañca kāmaguṇe nissāya uppajjati kāmarāgo, tassābhinivesādihetu. Kāmarāgena abhiniviṭṭhattā vinibaddhattā tasmiṃyeva ca kāmarāge mahāpaṅke viya paligedhattā anupaviṭṭhattā teneva ca kāmarāgena pariyuṭṭhitattā gahitattā kāmarāgeneva ca ajjhositattā gilitvā pariniṭṭhapetvā gahitattāti. Diṭṭhirāgādipadesupi eseva nayo. Diṭṭhirāgoti panettha dvāsaṭṭhi diṭṭhiyo nissāya uppajjanakarāgo veditabbo. Puratthimesu janapadesūti therassa vasanaṭṭhānato sāvatthijanapado puratthimadisābhāge hoti, thero ca nisīdantopi tatomukhova nisinno, tasmā evamāha. Udānaṃ udānesīti udāhāraṃ udāhari. Yathā hi yaṃ telaṃ mānaṃ gahetuṃ na sakkoti, vissanditvā gacchati, taṃ avasesakoti vuccati. Yañca jalaṃ taḷākaṃ gahetuṃ na sakkoti, ajjhottharitvā gacchati , taṃ oghoti vuccati, evamevaṃ yaṃ pītivacanaṃ hadayaṃ gahetuṃ na sakkoti, adhikaṃ hutvā anto asaṇṭhahitvā bahi nikkhamati, taṃ udānanti vuccati, evarūpaṃ pītimayavacanaṃ nicchāresīti attho.

    ๓๙. สตฺตเม คุนฺทาวเนติ เอวํ นามเก วเนฯ อุปสงฺกมีติ ‘‘มหากจฺจานเตฺถโร กิร นาม อตฺตโน ปิตุมตฺตมฺปิ อยฺยกมตฺตมฺปิ ทิสฺวา เนว อภิวาเทติ น ปจฺจุเฎฺฐติ น อาสเนน นิมเนฺตตี’’ติ สุตฺวา ‘‘น สกฺกา เอตฺตเกน นิฎฺฐํ คนฺตุํ, อุปสงฺกมิตฺวา นํ ปริคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ ภุตฺตปาตราโส เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมิฯ ชิเณฺณติ ชราชิเณฺณฯ วุเทฺธติ วโยวุเทฺธฯ มหลฺลเกติ ชาติมหลฺลเกฯ อทฺธคเตติ ทีฆกาลทฺธานํ อติกฺกเนฺตฯ วโยอนุปฺปเตฺตติ ปจฺฉิมวยํ อนุปฺปเตฺตฯ ตยิทํ, โภ กจฺจาน, ตเถวาติ, โภ กจฺจาน, ยํ ตํ อเมฺหหิ เกวลํ สุตเมว, ตํ อิมินา ทิเฎฺฐน สเมติฯ ตสฺมา ตํ ตเถว, น อญฺญถาฯ น หิ ภวํ กจฺจาโน พฺราหฺมเณติ อิทํ อตฺตานํ สนฺธาย วทติฯ อยํ กิรสฺส อธิปฺปาโย – อเมฺห เอวํ มหลฺลเก ทิสฺวา โภโต กจฺจานสฺส อภิวาทนมตฺตมฺปิ ปจฺจุฎฺฐานมตฺตมฺปิ อาสเนน นิมนฺตนมตฺตมฺปิ นตฺถีติฯ น สมฺปนฺนเมวาติ น ยุตฺตเมว น อนุจฺฉวิกเมวฯ

    39. Sattame gundāvaneti evaṃ nāmake vane. Upasaṅkamīti ‘‘mahākaccānatthero kira nāma attano pitumattampi ayyakamattampi disvā neva abhivādeti na paccuṭṭheti na āsanena nimantetī’’ti sutvā ‘‘na sakkā ettakena niṭṭhaṃ gantuṃ, upasaṅkamitvā naṃ pariggaṇhissāmī’’ti bhuttapātarāso yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkami. Jiṇṇeti jarājiṇṇe. Vuddheti vayovuddhe. Mahallaketi jātimahallake. Addhagateti dīghakāladdhānaṃ atikkante. Vayoanuppatteti pacchimavayaṃ anuppatte. Tayidaṃ, bho kaccāna, tathevāti, bho kaccāna, yaṃ taṃ amhehi kevalaṃ sutameva, taṃ iminā diṭṭhena sameti. Tasmā taṃ tatheva, na aññathā. Na hi bhavaṃ kaccāno brāhmaṇeti idaṃ attānaṃ sandhāya vadati. Ayaṃ kirassa adhippāyo – amhe evaṃ mahallake disvā bhoto kaccānassa abhivādanamattampi paccuṭṭhānamattampi āsanena nimantanamattampi natthīti. Na sampannamevāti na yuttameva na anucchavikameva.

    เถโร พฺราหฺมณสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ เนว วุเทฺธ ชานาติ น ทหเร, อาจิกฺขิสฺสามิสฺส วุเทฺธ จ ทหเร จา’’ติ เทสนํ วเฑฺฒโนฺต อตฺถิ พฺราหฺมณาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ชานตาติ สพฺพํ เนยฺยํ ชานเนฺตนฯ ปสฺสตาติ ตเทว หเตฺถ ฐปิตํ อามลกํ วิย ปสฺสเนฺตนฯ วุทฺธภูมีติ เยน การเณน วุโทฺธ นาม โหติ, ตํ การณํฯ ทหรภูมีติ เยน การเณน ทหโร นาม โหติ, ตํ การณํฯ อาสีติโกติ อสีติวสฺสวโยฯ นาวุติโกติ นวุติวสฺสวโยฯ กาเม ปริภุญฺชตีติ วตฺถุกาเม กิเลสกาเมติ ทุวิเธปิ กาเม กมนวเสน ปริภุญฺชติฯ กามมชฺฌาวสตีติ ทุวิเธปิ กาเม ฆเร ฆรสฺสามิโก วิย วสติ อธิวสติฯ กามปริเยสนาย อุสฺสุโกติ ทุวิธานมฺปิ กามานํ ปริเยสนตฺถํ อุสฺสุกฺกมาปโนฺนฯ พาโล น เถโรเตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉตีติ โส น เถโร พาโล มโนฺทเตฺวว คณนํ คจฺฉติฯ วุตฺตํ เหตํ –

    Thero brāhmaṇassa vacanaṃ sutvā ‘‘ayaṃ brāhmaṇo neva vuddhe jānāti na dahare, ācikkhissāmissa vuddhe ca dahare cā’’ti desanaṃ vaḍḍhento atthi brāhmaṇātiādimāha. Tattha jānatāti sabbaṃ neyyaṃ jānantena. Passatāti tadeva hatthe ṭhapitaṃ āmalakaṃ viya passantena. Vuddhabhūmīti yena kāraṇena vuddho nāma hoti, taṃ kāraṇaṃ. Daharabhūmīti yena kāraṇena daharo nāma hoti, taṃ kāraṇaṃ. Āsītikoti asītivassavayo. Nāvutikoti navutivassavayo. Kāme paribhuñjatīti vatthukāme kilesakāmeti duvidhepi kāme kamanavasena paribhuñjati. Kāmamajjhāvasatīti duvidhepi kāme ghare gharassāmiko viya vasati adhivasati. Kāmapariyesanāya ussukoti duvidhānampi kāmānaṃ pariyesanatthaṃ ussukkamāpanno. Bālo na therotveva saṅkhyaṃ gacchatīti so na thero bālo mandotveva gaṇanaṃ gacchati. Vuttaṃ hetaṃ –

    ‘‘น เตน เถโร โส โหติ, เยนสฺส ปลิตํ สิโร;

    ‘‘Na tena thero so hoti, yenassa palitaṃ siro;

    ปริปโกฺก วโย ตสฺส, โมฆชิโณฺณติ วุจฺจตี’’ติฯ (ธ. ป. ๒๖๐);

    Paripakko vayo tassa, moghajiṇṇoti vuccatī’’ti. (dha. pa. 260);

    ทหโรติ ตรุโณฯ ยุวาติ โยพฺพเนน สมนฺนาคโตฯ สุสุกาฬเกโสติ สุฎฺฐุ กาฬเกโสฯ ภเทฺรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโตติ เยน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ยุวา, ตํ โยพฺพนํ ภทฺรํ ลทฺธกนฺติ ทเสฺสติฯ ปฐเมน วยสาติ ปฐมวโย นาม เตตฺติํส วสฺสานิ, เตน สมนฺนาคโตติ อโตฺถฯ ปณฺฑิโต เถโรเตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉตีติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล ปณฺฑิโตติ จ เถโรติ จ คณนํ คจฺฉติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    Daharoti taruṇo. Yuvāti yobbanena samannāgato. Susukāḷakesoti suṭṭhu kāḷakeso. Bhadrena yobbanena samannāgatoti yena yobbanena samannāgato yuvā, taṃ yobbanaṃ bhadraṃ laddhakanti dasseti. Paṭhamena vayasāti paṭhamavayo nāma tettiṃsa vassāni, tena samannāgatoti attho. Paṇḍito therotveva saṅkhyaṃ gacchatīti so evarūpo puggalo paṇḍitoti ca theroti ca gaṇanaṃ gacchati. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธโมฺม จ, อหิํสา สํยโม ทโม;

    ‘‘Yamhi saccañca dhammo ca, ahiṃsā saṃyamo damo;

    ส เว วนฺตมโล ธีโร, เถโร อิติ ปวุจฺจตี’’ติฯ (ธ. ป. ๒๖๑);

    Sa ve vantamalo dhīro, thero iti pavuccatī’’ti. (dha. pa. 261);

    ๔๐. อฎฺฐเม โจรา พลวโนฺต โหนฺตีติ ปกฺขสมฺปนฺนา, ปริวารสมฺปนฺนา, ธนสมฺปนฺนา, นิวาสฎฺฐานสมฺปนฺนา, วาหนสมฺปนฺนา จ โหนฺติฯ ราชาโน ตสฺมิํ สมเย ทุพฺพลา โหนฺตีติ ตสฺมิํ สมเย ราชาโน ตาสํ สมฺปตฺตีนํ อภาเวน ทุพฺพลา โหนฺติฯ อติยาตุนฺติ พหิทฺธา ชนปทจาริกํ จริตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ อโนฺตนครํ ปวิสิตุํฯ นิยฺยาตุนฺติ ‘‘โจรา ชนปทํ วิลุมฺปนฺติ มทฺทนฺติ, เต นิเสเธสฺสามา’’ติ ปฐมยาเม วา มชฺฌิมยาเม วา ปจฺฉิมยาเม วา นิกฺขมิตุํ ผาสุกํ น โหติฯ ตโต อุฎฺฐาย โจรา มนุเสฺส โปเถตฺวา อจฺฉินฺทิตฺวา คจฺฉนฺติฯ ปจฺจนฺติเม วา ชนปเท อนุสญฺญาตุนฺติ คามํ วาสกรณตฺถาย เสตุํ อตฺถรณตฺถาย โปกฺขรณิํ ขณาปนตฺถาย สาลาทีนํ กรณตฺถาย ปจฺจนฺติเม ชนปเท อนุสญฺญาตุมฺปิ น สุขํ โหติฯ พฺราหฺมณคหปติกานนฺติ อโนฺตนครวาสีนํ พฺราหฺมณคหปติกานํฯ พาหิรานิ วา กมฺมนฺตานีติ พหิคาเม อาราเม เขตฺตกมฺมนฺตานิฯ ปาปภิกฺขู พลวโนฺต โหนฺตีติ ปกฺขุตฺตรา ยสุตฺตรา ปุญฺญวโนฺต พหุเกหิ อุปฎฺฐาเกหิ จ อุปฎฺฐากีหิ จ สมนฺนาคตา ราชราชมหามตฺตสนฺนิสฺสิตาฯ เปสลา ภิกฺขู ตสฺมิํ สมเย ทุพฺพลา โหนฺตีติ ตสฺมิํ สมเย ปิยสีลา ภิกฺขู ตาสํ สมฺปตฺตีนํ อภาเวน ทุพฺพลา โหนฺติฯ ตุณฺหีภูตา ตุณฺหีภูตาว สงฺฆมเชฺฌ สงฺกสายนฺตีติ นิสฺสทฺทา หุตฺวา สงฺฆมเชฺฌ นิสินฺนา กิญฺจิ เอกวจนมฺปิ มุขํ อุกฺขิปิตฺวา กเถตุํ อสโกฺกนฺตา ปชฺฌายนฺตา วิย นิสีทนฺติฯ ตยิทนฺติ ตเทตํ การณํฯ สุกฺกปโกฺข วุตฺตวิปลฺลาเสน เวทิตโพฺพฯ

    40. Aṭṭhame corā balavanto hontīti pakkhasampannā, parivārasampannā, dhanasampannā, nivāsaṭṭhānasampannā, vāhanasampannā ca honti. Rājāno tasmiṃ samaye dubbalā hontīti tasmiṃ samaye rājāno tāsaṃ sampattīnaṃ abhāvena dubbalā honti. Atiyātunti bahiddhā janapadacārikaṃ caritvā icchiticchitakkhaṇe antonagaraṃ pavisituṃ. Niyyātunti ‘‘corā janapadaṃ vilumpanti maddanti, te nisedhessāmā’’ti paṭhamayāme vā majjhimayāme vā pacchimayāme vā nikkhamituṃ phāsukaṃ na hoti. Tato uṭṭhāya corā manusse pothetvā acchinditvā gacchanti. Paccantime vā janapade anusaññātunti gāmaṃ vāsakaraṇatthāya setuṃ attharaṇatthāya pokkharaṇiṃ khaṇāpanatthāya sālādīnaṃ karaṇatthāya paccantime janapade anusaññātumpi na sukhaṃ hoti. Brāhmaṇagahapatikānanti antonagaravāsīnaṃ brāhmaṇagahapatikānaṃ. Bāhirāni vā kammantānīti bahigāme ārāme khettakammantāni. Pāpabhikkhū balavanto hontīti pakkhuttarā yasuttarā puññavanto bahukehi upaṭṭhākehi ca upaṭṭhākīhi ca samannāgatā rājarājamahāmattasannissitā. Pesalā bhikkhū tasmiṃ samaye dubbalā hontīti tasmiṃ samaye piyasīlā bhikkhū tāsaṃ sampattīnaṃ abhāvena dubbalā honti. Tuṇhībhūtā tuṇhībhūtāva saṅghamajjhe saṅkasāyantīti nissaddā hutvā saṅghamajjhe nisinnā kiñci ekavacanampi mukhaṃ ukkhipitvā kathetuṃ asakkontā pajjhāyantā viya nisīdanti. Tayidanti tadetaṃ kāraṇaṃ. Sukkapakkho vuttavipallāsena veditabbo.

    ๔๑. นวเม มิจฺฉาปฎิปตฺตาธิกรณเหตูติ มิจฺฉาปฎิปตฺติยา การณเหตุ ปฎิปชฺชนเหตูติ อโตฺถฯ ญายํ ธมฺมํ กุสลนฺติ สหวิปสฺสนกํ มคฺคํฯ เอวรูโป หิ สหวิปสฺสนกํ มคฺคํ อาราเธตุํ สมฺปาเทตุํ ปูเรตุํ น สโกฺกติฯ สุกฺกปโกฺข วุตฺตวิปลฺลาเสน เวทิตโพฺพฯ อิมสฺมิํ สุเตฺต สห วิปสฺสนาย มโคฺค กถิโตฯ

    41. Navame micchāpaṭipattādhikaraṇahetūti micchāpaṭipattiyā kāraṇahetu paṭipajjanahetūti attho. Ñāyaṃ dhammaṃ kusalanti sahavipassanakaṃ maggaṃ. Evarūpo hi sahavipassanakaṃ maggaṃ ārādhetuṃ sampādetuṃ pūretuṃ na sakkoti. Sukkapakkho vuttavipallāsena veditabbo. Imasmiṃ sutte saha vipassanāya maggo kathito.

    ๔๒. ทสเม ทุคฺคหิเตหีติ อุปฺปฎิปาฎิยา คหิเตหิฯ พฺยญฺชนปฺปติรูปเกหีติ พฺยญฺชนโส ปติรูปเกหิ อกฺขรจิตฺรตาย ลทฺธเกหิฯ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ ปฎิพาหนฺตีติ สุคฺคหิตสุตฺตนฺตานํ อตฺถญฺจ ปาฬิญฺจ ปฎิพาหนฺติ, อตฺตโน ทุคฺคหิตสุตฺตนฺตานํเยว อตฺถญฺจ ปาฬิญฺจ อุตฺตริตรํ กตฺวา ทเสฺสนฺติฯ สุกฺกปโกฺข วุตฺตวิปลฺลาเสน เวทิตโพฺพฯ อิมสฺมิํ สุเตฺต สาสนสฺส วุทฺธิ จ ปริหานิ จ กถิตาติฯ

    42. Dasame duggahitehīti uppaṭipāṭiyā gahitehi. Byañjanappatirūpakehīti byañjanaso patirūpakehi akkharacitratāya laddhakehi. Atthañca dhammañca paṭibāhantīti suggahitasuttantānaṃ atthañca pāḷiñca paṭibāhanti, attano duggahitasuttantānaṃyeva atthañca pāḷiñca uttaritaraṃ katvā dassenti. Sukkapakkho vuttavipallāsena veditabbo. Imasmiṃ sutte sāsanassa vuddhi ca parihāni ca kathitāti.

    สมจิตฺตวโคฺค จตุโตฺถฯ

    Samacittavaggo catuttho.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๔. สมจิตฺตวโคฺค • 4. Samacittavaggo

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๔. สมจิตฺตวคฺควณฺณนา • 4. Samacittavaggavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact