Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๔. สมจิตฺตวคฺควณฺณนา

    4. Samacittavaggavaṇṇanā

    ๓๓. จตุตฺถสฺส ปฐเม ภวนฺติ เอตฺถ ปติฎฺฐหนฺตีติ ภูมิ, อสปฺปุริสานํ ภูมิ อสปฺปุริสภูมิฯ สปฺปุริสภูมิยมฺปิ เอเสว นโยฯ กตํ น ชานาตีติ อกตญฺญู, อสมตฺถสมาโสยํ คมกตฺตา ‘‘อสูริยปสฺสา’’ติอาทีสุ วิยฯ เตนาห ‘‘กตํ น ชานาตี’’ติฯ อกตเวทีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ปากฎํ กตฺวา น ชานาตีติ ‘‘อิทญฺจิทญฺจ มยฺหํ อิมินา กต’’นฺติ สงฺฆมชฺฌคณมชฺฌาทีสุ ปากฎํ กตฺวา น ชานาติ, น ปกาเสตีติ วุตฺตํ โหติฯ อุปญฺญาตนฺติ โถมนาวเสน อุปคนฺตฺวา ญาตํฯ เตนาห ‘‘วณฺณิต’’นฺติอาทิฯ

    33. Catutthassa paṭhame bhavanti ettha patiṭṭhahantīti bhūmi, asappurisānaṃ bhūmi asappurisabhūmi. Sappurisabhūmiyampi eseva nayo. Kataṃ na jānātīti akataññū, asamatthasamāsoyaṃ gamakattā ‘‘asūriyapassā’’tiādīsu viya. Tenāha ‘‘kataṃ na jānātī’’ti. Akatavedīti etthāpi eseva nayo. Pākaṭaṃ katvā na jānātīti ‘‘idañcidañca mayhaṃ iminā kata’’nti saṅghamajjhagaṇamajjhādīsu pākaṭaṃ katvā na jānāti, na pakāsetīti vuttaṃ hoti. Upaññātanti thomanāvasena upagantvā ñātaṃ. Tenāha ‘‘vaṇṇita’’ntiādi.

    ๓๔. ทุติเย วสฺสสตปริมาณมายุ อสฺสาติ วสฺสสตายุโก, วสฺสสตายุกตญฺจ วสฺสสตายุกกาเล ชาตเสฺสว โหติ, นาญฺญสฺสาติ อาห ‘‘วสฺสสตายุกกาเล ชาโต’’ติฯ วสฺสสตํ ชีวติ สีเลนาติ วสฺสสตชีวีฯ วสฺสสตนฺติ จ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํฯ เตนาห ‘‘สกลํ วสฺสสตํ ชีวโนฺต’’ติฯ มาตาปิตูนํ มาตาว พหูปการตราติ ตสฺสาเยว ปธานภาเวน ปฎิกาตพฺพตฺตา ทกฺขิณํ อํสกูฎํ วทนฺติฯ หทยโลหิตํ ปาเยตฺวาติ ขีรํ สนฺธาย วทติฯ โลหิตญฺหิ ขีรภาเวน ปริณามํ คจฺฉติฯ ตฺยาสฺสาติ เต อสฺสฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ

    34. Dutiye vassasataparimāṇamāyu assāti vassasatāyuko, vassasatāyukatañca vassasatāyukakāle jātasseva hoti, nāññassāti āha ‘‘vassasatāyukakāle jāto’’ti. Vassasataṃ jīvati sīlenāti vassasatajīvī. Vassasatanti ca accantasaṃyoge upayogavacanaṃ. Tenāha ‘‘sakalaṃ vassasataṃ jīvanto’’ti. Mātāpitūnaṃ mātāva bahūpakāratarāti tassāyeva padhānabhāvena paṭikātabbattā dakkhiṇaṃ aṃsakūṭaṃ vadanti. Hadayalohitaṃ pāyetvāti khīraṃ sandhāya vadati. Lohitañhi khīrabhāvena pariṇāmaṃ gacchati. Tyāssāti te assa. Sesamettha uttānameva.

    ๓๕. ตติเย เตนุปสงฺกมีติ เอตฺถ เยนาธิปฺปาเยน โส พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ, ตํ ปากฎํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘โส หิ พฺราหฺมโณ’’ติอาทิมาหฯ วิรชฺฌนปญฺหนฺติ ยํ ปญฺหํ ปุโฎฺฐ วิรชฺฌิตฺวา กเถสิ, อวิปรีตํ กตฺวา สมฺปาเทตุํ น สโกฺกติ, ตาทิสํ ปญฺหนฺติ อโตฺถฯ อุภโตโกฎิกํ ปญฺหนฺติ อุโภหิ โกฎีหิ ยุตฺตํ ปญฺหํฯ ‘‘กิํวาที ภวํ โคตโม’’ติ หิ ปุโฎฺฐ ‘‘กิริยวาทิมฺหี’’ติ วา วเทยฺย ‘‘อกิริยวาทิมฺหี’’ติ วา, ตสฺมา อิมสฺส ปญฺหสฺส วิสฺสชฺชเน ‘‘กิริยวาทิมฺหี’’ติ เอกา โกฎิ, ‘‘อกิริยวาทิมฺหี’’ติ ทุติยาติ โกฎิทฺวยยุโตฺต อยํ ปโญฺหฯ อุคฺคิลิตุนฺติ เทฺว โกฎิโย โมเจตฺวา กเถตุํ อสโกฺกโนฺต พหิ นีหริตุํ อตฺถโต อปเนตุํ น สกฺขิสฺสติฯ เทฺว โกฎิโย โมเจโนฺต หิ ตํ พหิ นีหรติ นามฯ นิคฺคิลิตุนฺติ ปุจฺฉาย โทสํ ทตฺวา หาเรตุํ อสโกฺกโนฺต ปเวเสตุํ น สกฺขิสฺสติฯ ตตฺถ โทสํ ทตฺวา หาเรโนฺต หิ คิลิตฺวา วิย อทสฺสนํ คเมโนฺต ปเวเสติ นามฯ กิํลทฺธิโกติ กิํทฺทิฎฺฐิโกฯ วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, ทิฎฺฐิฯ โก วาโท เอตสฺสาติ กิํวาทีฯ กิมกฺขายีติ กิมภิธายี, กีทิสี ธมฺมกถาฯ เตนาห ‘‘กิํ นาม…เป.… ปุจฺฉตี’’ติฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ

    35. Tatiye tenupasaṅkamīti ettha yenādhippāyena so brāhmaṇo bhagavantaṃ upasaṅkami, taṃ pākaṭaṃ katvā dassetuṃ ‘‘so hi brāhmaṇo’’tiādimāha. Virajjhanapañhanti yaṃ pañhaṃ puṭṭho virajjhitvā kathesi, aviparītaṃ katvā sampādetuṃ na sakkoti, tādisaṃ pañhanti attho. Ubhatokoṭikaṃ pañhanti ubhohi koṭīhi yuttaṃ pañhaṃ. ‘‘Kiṃvādī bhavaṃ gotamo’’ti hi puṭṭho ‘‘kiriyavādimhī’’ti vā vadeyya ‘‘akiriyavādimhī’’ti vā, tasmā imassa pañhassa vissajjane ‘‘kiriyavādimhī’’ti ekā koṭi, ‘‘akiriyavādimhī’’ti dutiyāti koṭidvayayutto ayaṃ pañho. Uggilitunti dve koṭiyo mocetvā kathetuṃ asakkonto bahi nīharituṃ atthato apanetuṃ na sakkhissati. Dve koṭiyo mocento hi taṃ bahi nīharati nāma. Niggilitunti pucchāya dosaṃ datvā hāretuṃ asakkonto pavesetuṃ na sakkhissati. Tattha dosaṃ datvā hārento hi gilitvā viya adassanaṃ gamento paveseti nāma. Kiṃladdhikoti kiṃddiṭṭhiko. Vadanti etenāti vādo, diṭṭhi. Ko vādo etassāti kiṃvādī. Kimakkhāyīti kimabhidhāyī, kīdisī dhammakathā. Tenāha ‘‘kiṃ nāma…pe… pucchatī’’ti. Sesamettha uttānameva.

    ๓๖. จตุเตฺถ ทกฺขิณํ อรหนฺตีติ ทกฺขิเณยฺยาฯ อาหุนํ วุจฺจติ ทานํ, ตํ อรหนฺตีติ อาหุเนยฺยา

    36. Catutthe dakkhiṇaṃ arahantīti dakkhiṇeyyā. Āhunaṃ vuccati dānaṃ, taṃ arahantīti āhuneyyā.

    ๓๗. ปญฺจเม กถมยํ มิคารมาตา นาม ชาตาติ อาห ‘‘สา หี’’ติอาทิฯ สพฺพเชฎฺฐกสฺส ปุตฺตสฺสาติ อตฺตโน ปุเตฺตสุ สพฺพปฐมํ ชาตสฺส ปุตฺตสฺสฯ อยฺยกเสฎฺฐิโนว สมานนามกตฺตาติ มิคารเสฎฺฐินา เอว สทิสนามกตฺตาฯ ตสฺสา กิร สพฺพเชฎฺฐสฺส ปุตฺตสฺส นามคฺคหณทิวเส อยฺยกสฺส มิคารเสฎฺฐิเสฺสว นามํ อกํสุฯ อนิพทฺธวาโส หุตฺวาติ เอกสฺมิํเยว วิหาเร นิพทฺธวาโส อหุตฺวาฯ ธุวปริโภคานีติ นิยตปริโภคานิฯ นนุ ภควา กทาจิ จาริกมฺปิ ปกฺกมติ, กถํ ตานิ เสนาสนานิ ธุวปริโภเคน ปริภุญฺชีติ อาห ‘‘อุตุวสฺสํ จาริกํ จริตฺวาปี’’ติอาทิฯ ตตฺถ อุตุวสฺสนฺติ เหมนฺตคิเมฺห สนฺธาย วทติฯ มคฺคํ ฐเปตฺวาติ เถรสฺส อาคมนมคฺคํ ฐเปตฺวาฯ อุณฺหวลาหกาติ อุณฺหอุตุโน ปจฺจยภูตเมฆมาลาสมุฎฺฐาปกา เทวปุตฺตาฯ เตสํ กิร ตถาจิตฺตุปฺปาทสมกาลเมว ยถิจฺฉิตํ ฐานํ อุณฺหํ ผรมานา, วลาหกมาลา นาติพหลา อิโต จิโต นภํ ฉาเทนฺตี วิธาวติฯ เอส นโย สีตวลาหกวสฺสวลาหกาสุฯ อพฺภวลาหกา ปน เทวตา สีตุณฺหวเสฺสหิ วินา เกวลํ อพฺภปฎลเสฺสว สมุฎฺฐาปกา เวทิตพฺพาฯ เกวลํ วา วาตเสฺสว, เตเนว เทวตา วาตวลาหกาฯ

    37. Pañcame kathamayaṃ migāramātā nāma jātāti āha ‘‘sā hī’’tiādi. Sabbajeṭṭhakassa puttassāti attano puttesu sabbapaṭhamaṃ jātassa puttassa. Ayyakaseṭṭhinova samānanāmakattāti migāraseṭṭhinā eva sadisanāmakattā. Tassā kira sabbajeṭṭhassa puttassa nāmaggahaṇadivase ayyakassa migāraseṭṭhisseva nāmaṃ akaṃsu. Anibaddhavāso hutvāti ekasmiṃyeva vihāre nibaddhavāso ahutvā. Dhuvaparibhogānīti niyataparibhogāni. Nanu bhagavā kadāci cārikampi pakkamati, kathaṃ tāni senāsanāni dhuvaparibhogena paribhuñjīti āha ‘‘utuvassaṃ cārikaṃ caritvāpī’’tiādi. Tattha utuvassanti hemantagimhe sandhāya vadati. Maggaṃ ṭhapetvāti therassa āgamanamaggaṃ ṭhapetvā. Uṇhavalāhakāti uṇhautuno paccayabhūtameghamālāsamuṭṭhāpakā devaputtā. Tesaṃ kira tathācittuppādasamakālameva yathicchitaṃ ṭhānaṃ uṇhaṃ pharamānā, valāhakamālā nātibahalā ito cito nabhaṃ chādentī vidhāvati. Esa nayo sītavalāhakavassavalāhakāsu. Abbhavalāhakā pana devatā sītuṇhavassehi vinā kevalaṃ abbhapaṭalasseva samuṭṭhāpakā veditabbā. Kevalaṃ vā vātasseva, teneva devatā vātavalāhakā.

    เอตฺถ จ ยํ วสฺสาเน จ สิสิเร จ อพฺภํ อุปฺปชฺชติ, ตํ อุตุสมุฎฺฐานํ ปากติกเมวฯ ยํ ปน อพฺภมฺหิเยว อติอพฺภํ สตฺตาหมฺปิ จนฺทสูริเย ฉาเทตฺวา เอกนฺธการํ กโรติ, ยญฺจ จิตฺตเวสาขมาเสสุ อพฺภํ, ตํ เทวตานุภาเวน อุปฺปนฺนํ อพฺภนฺติ เวทิตพฺพํฯ โย จ ตสฺมิํ ตสฺมิํ อุตุมฺหิ อุตฺตรทกฺขิณาทิปกติวาโต โหติ, อยํ อุตุสมุฎฺฐาโนฯ วาเตปิ วนรุกฺขกฺขนฺธาทิปฺปทาลโน อติวาโต นาม อตฺถิฯ อยเญฺจว, โย จ อโญฺญปิ อกาลวาโต, อยญฺจ เทวตานุภาเวน นิพฺพโตฺตฯ ยํ คิมฺหาเน อุณฺหํ, ตํ อุตุสมุฎฺฐานิกํ ปากติเมวฯ ยํ ปน อุเณฺหปิ อติอุณฺหํ สีตกาเล จ อุปฺปนฺนํ อุณฺหํ, ตํ เทวตานุภาเวน นิพฺพตฺตํฯ ยํ วสฺสาเน จ เหมเนฺต จ สีตํ โหติ, ตํ อุตุสมุฎฺฐานเมวฯ ยํ ปน สีเตปิ อติสีตํ, คิเมฺห จ อุปฺปนฺนํ สีตํ, ตํ เทวตานุภาเวน นิพฺพตฺตํฯ ยํ วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส วสฺสํ, ตํ อุตุสมุฎฺฐานเมว, ยํ ปน วเสฺสเยว อติวสฺสํ, ยญฺจ จิตฺตเวสาขมาเสสุ วสฺสํ, ตํ เทวตานุภาเวน นิพฺพตฺตํฯ

    Ettha ca yaṃ vassāne ca sisire ca abbhaṃ uppajjati, taṃ utusamuṭṭhānaṃ pākatikameva. Yaṃ pana abbhamhiyeva atiabbhaṃ sattāhampi candasūriye chādetvā ekandhakāraṃ karoti, yañca cittavesākhamāsesu abbhaṃ, taṃ devatānubhāvena uppannaṃ abbhanti veditabbaṃ. Yo ca tasmiṃ tasmiṃ utumhi uttaradakkhiṇādipakativāto hoti, ayaṃ utusamuṭṭhāno. Vātepi vanarukkhakkhandhādippadālano ativāto nāma atthi. Ayañceva, yo ca aññopi akālavāto, ayañca devatānubhāvena nibbatto. Yaṃ gimhāne uṇhaṃ, taṃ utusamuṭṭhānikaṃ pākatimeva. Yaṃ pana uṇhepi atiuṇhaṃ sītakāle ca uppannaṃ uṇhaṃ, taṃ devatānubhāvena nibbattaṃ. Yaṃ vassāne ca hemante ca sītaṃ hoti, taṃ utusamuṭṭhānameva. Yaṃ pana sītepi atisītaṃ, gimhe ca uppannaṃ sītaṃ, taṃ devatānubhāvena nibbattaṃ. Yaṃ vassike cattāro māse vassaṃ, taṃ utusamuṭṭhānameva, yaṃ pana vasseyeva ativassaṃ, yañca cittavesākhamāsesu vassaṃ, taṃ devatānubhāvena nibbattaṃ.

    ตตฺริทํ วตฺถุ – เอโก กิร วสฺสวลาหกเทวปุโตฺต ตครกูฎวาสิขีณาสวเตฺถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฎฺฐาสิฯ เถโร – ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิฯ อหํ, ภเนฺต, วสฺสวลาหโก เทวปุโตฺตติ ฯ ตุมฺหากํ กิร จิเตฺตน เทโว วสฺสตีติ? อาม, ภเนฺตติฯ ปสฺสิตุกามา มยนฺติฯ เตมิสฺสถ, ภเนฺตติฯ เมฆสีสํ วา คชฺชิตํ วา น ปญฺญายติ, กถํ เตมิสฺสามาติ? ภเนฺต, อมฺหากํ จิเตฺตน เทโว วสฺสติ, ตุเมฺห ปณฺณสาลํ ปวิสถาติฯ สาธุ เทวปุตฺตาติ ปาเท โธวิตฺวา ปณฺณสาลํ ปาวิสิฯ เทวปุโตฺต ตสฺมิํ ปวิสเนฺตเยว เอกํ คีตํ คายิตฺวา หตฺถํ อุกฺขิปิ, สมนฺตา ติโยชนฎฺฐานํ เอกเมฆํ อโหสิฯ เถโร อฑฺฒติโนฺต ปณฺณสาลํ ปวิโฎฺฐติฯ

    Tatridaṃ vatthu – eko kira vassavalāhakadevaputto tagarakūṭavāsikhīṇāsavattherassa santikaṃ gantvā vanditvā aṭṭhāsi. Thero – ‘‘kosi tva’’nti pucchi. Ahaṃ, bhante, vassavalāhako devaputtoti . Tumhākaṃ kira cittena devo vassatīti? Āma, bhanteti. Passitukāmā mayanti. Temissatha, bhanteti. Meghasīsaṃ vā gajjitaṃ vā na paññāyati, kathaṃ temissāmāti? Bhante, amhākaṃ cittena devo vassati, tumhe paṇṇasālaṃ pavisathāti. Sādhu devaputtāti pāde dhovitvā paṇṇasālaṃ pāvisi. Devaputto tasmiṃ pavisanteyeva ekaṃ gītaṃ gāyitvā hatthaṃ ukkhipi, samantā tiyojanaṭṭhānaṃ ekameghaṃ ahosi. Thero aḍḍhatinto paṇṇasālaṃ paviṭṭhoti.

    กามํ เหฎฺฐา วุตฺตาปิ เทวตา จาตุมหาราชิกาว, ตา ปน เตน เตน วิเสเสน วตฺวา อิทานิ ตทเญฺญ ปฐมภูมิเก กามาวจรเทเว สามญฺญโต คณฺหโนฺต ‘‘จาตุมหาราชิกา’’ติ อาหฯ ธตรฎฺฐวิรูฬฺหกวิรูปกฺขกุเวรสงฺขาตา จตฺตาโร มหาราชาโน เอเตสนฺติ จาตุมหาราชิกา, เต สิเนรุสฺส ปพฺพตสฺส เวมเชฺฌ โหนฺติฯ เตสุ ปพฺพตฎฺฐกาปิ อตฺถิ อากาสฎฺฐกาปิฯ เตสํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ ปตฺตาฯ ขิฑฺฑาปโทสิกา มโนปโทสิกา จนฺทิมา เทวปุโตฺต สูริโย เทวปุโตฺตติ เอเต สเพฺพปิ จาตุมหาราชิกเทวโลกฎฺฐา เอวฯ

    Kāmaṃ heṭṭhā vuttāpi devatā cātumahārājikāva, tā pana tena tena visesena vatvā idāni tadaññe paṭhamabhūmike kāmāvacaradeve sāmaññato gaṇhanto ‘‘cātumahārājikā’’ti āha. Dhataraṭṭhavirūḷhakavirūpakkhakuverasaṅkhātā cattāro mahārājāno etesanti cātumahārājikā, te sinerussa pabbatassa vemajjhe honti. Tesu pabbataṭṭhakāpi atthi ākāsaṭṭhakāpi. Tesaṃ paramparā cakkavāḷapabbataṃ pattā. Khiḍḍāpadosikā manopadosikā candimā devaputto sūriyo devaputtoti ete sabbepi cātumahārājikadevalokaṭṭhā eva.

    ตาวติํสาติ ตาวติํสานํ เทวานํ นามํ, เตปิ อตฺถิ ปพฺพตฎฺฐกา, อตฺถิ อากาสฎฺฐกา, เตสํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ ปตฺตาฯ ตถา ยามาทีนํฯ เอกเทวโลเกปิ หิ เทวานํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ อปฺปตฺตา นาม นตฺถิฯ ตตฺถ มเฆน มาณเวน สทฺธิํ มจลคาเม กาลํ กตฺวา เตตฺติํส สหปุญฺญการิโน เอตฺถ นิพฺพตฺตาติ ตํ สหจาริตํ ฐานํ เตตฺติํสํ, ตเทว ตาวติํสํ, ตํ นิวาโส เอเตสนฺติ ตาวติํสาติ วทนฺติฯ ยสฺมา ปน เสสจกฺกวาเฬสุปิ ฉกามาวจรเทวโลกา อตฺถิฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘สหสฺสํ จาตุมหาราชิกานํ สหสฺสํ ตาวติํสาน’’นฺติ (อ. นิ. ๓.๘๑)ฯ ตสฺมา นามปณฺณตฺติเยเวสา ตสฺส เทวโลกสฺสาติ เวทิตพฺพาฯ ทุกฺขโต ยาตา อปยาตาติ ยามาฯ อตฺตโน สิริสมฺปตฺติยา ตุสํ อิตา คตาติ ตุสิตาฯ นิมฺมาเน รติ เอเตสนฺติ นิมฺมานรติโนวสวตฺตี เทวตาติ ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน เทวาฯ ปรนิมฺมิเตสุ โภเคสุ วสํ วเตฺตนฺตีติ ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน

    Tāvatiṃsāti tāvatiṃsānaṃ devānaṃ nāmaṃ, tepi atthi pabbataṭṭhakā, atthi ākāsaṭṭhakā, tesaṃ paramparā cakkavāḷapabbataṃ pattā. Tathā yāmādīnaṃ. Ekadevalokepi hi devānaṃ paramparā cakkavāḷapabbataṃ appattā nāma natthi. Tattha maghena māṇavena saddhiṃ macalagāme kālaṃ katvā tettiṃsa sahapuññakārino ettha nibbattāti taṃ sahacāritaṃ ṭhānaṃ tettiṃsaṃ, tadeva tāvatiṃsaṃ, taṃ nivāso etesanti tāvatiṃsāti vadanti. Yasmā pana sesacakkavāḷesupi chakāmāvacaradevalokā atthi. Vuttampi cetaṃ ‘‘sahassaṃ cātumahārājikānaṃ sahassaṃ tāvatiṃsāna’’nti (a. ni. 3.81). Tasmā nāmapaṇṇattiyevesā tassa devalokassāti veditabbā. Dukkhato yātā apayātāti yāmā. Attano sirisampattiyā tusaṃ itā gatāti tusitā. Nimmāne rati etesanti nimmānaratino. Vasavattī devatāti paranimmitavasavattino devā. Paranimmitesu bhogesu vasaṃ vattentīti paranimmitavasavattino.

    พฺรูหิโต ปริวุโทฺธ เตหิ เตหิ ฌานาทีหิ วิสิเฎฺฐหิ คุเณหีติ พฺรหฺมาฯ วณฺณวนฺตตาย เจว ทีฆายุกตาย จ พฺรหฺมปาริสชฺชาทีหิ มหโนฺต พฺรหฺมาติ มหาพฺรหฺมาฯ ตสฺส ปริสายํ ภวา ปริจาริกาติ พฺรหฺมปาริสชฺชาฯ ตเสฺสว ปุโรหิตฎฺฐาเน ฐิตาติ พฺรหฺมปุโรหิตาฯ อาภสฺสเรหิ ปริตฺตา อาภา เอเตสนฺติ ปริตฺตาภาฯ อปฺปมาณา อาภา เอเตสนฺติ อปฺปมาณาภาฯ ทีปิกาย อจฺจิ วิย เอเตสํ สรีรโต อาภา ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปตนฺตี วิย สรติ วิสฺสรตีติ อาภสฺสรา, ยถาวุตฺตปฺปภาย อาภาสนสีลา วา อาภสฺสราฯ สุภาติ โสภนา ปภาฯ สุภาติ หิ เอกคฺฆนา นิจฺจลา สรีราภา วุจฺจติ , สา ปริตฺตา สุภา เอเตสนฺติ ปริตฺตสุภาฯ อปฺปมาณา สุภา เอเตสนฺติ อปฺปมาณสุภาฯ สุเภน โอกิณฺณา วิกิณฺณา, สุเภน สรีรปฺปภาวเณฺณน เอกคฺฆนา สุวณฺณมญฺชูสาย ฐปิตสมฺปชฺชลิตกญฺจนปิณฺฑสสฺสิริกาติ สุภกิณฺณาฯ ตตฺถ โสภนาย ปภาย กิณฺณา สุภากิณฺณาติ วตฺตเพฺพ ภา-สทฺทสฺส รสฺสตฺตํ อนฺติม ณ-การสฺส ห-การญฺจ กตฺวา ‘‘สุภกิณฺหา’’ติ วุตฺตํฯ วิปุลผลา เวหปฺผลาฯ วิปุลผลาติ จ วิปุลสนฺตสุขวณฺณาทิผลาฯ อปฺปเกน กาเลน อตฺตโน ฐานํ น วิชหนฺตีติ อวิหาฯ เกนจิ น ตปนียาติ อตปฺปาฯ อกิเจฺฉน สุเขน ปสฺสิตพฺพา มนุญฺญรูปตายาติ สุทสฺสาฯ สุปริสุทฺธทสฺสนตาย สมฺมา ปสฺสนฺติ สีเลนาติ สุทสฺสีฯ อุกฺกฎฺฐสมฺปตฺตีหิ โยคโต นตฺถิ เอเตสํ กนิฎฺฐา สมฺปตฺตีติ อกนิฎฺฐา

    Brūhito parivuddho tehi tehi jhānādīhi visiṭṭhehi guṇehīti brahmā. Vaṇṇavantatāya ceva dīghāyukatāya ca brahmapārisajjādīhi mahanto brahmāti mahābrahmā. Tassa parisāyaṃ bhavā paricārikāti brahmapārisajjā. Tasseva purohitaṭṭhāne ṭhitāti brahmapurohitā. Ābhassarehi parittā ābhā etesanti parittābhā. Appamāṇā ābhā etesanti appamāṇābhā. Dīpikāya acci viya etesaṃ sarīrato ābhā chijjitvā chijjitvā patantī viya sarati vissaratīti ābhassarā, yathāvuttappabhāya ābhāsanasīlā vā ābhassarā. Subhāti sobhanā pabhā. Subhāti hi ekagghanā niccalā sarīrābhā vuccati , sā parittā subhā etesanti parittasubhā. Appamāṇā subhā etesanti appamāṇasubhā. Subhena okiṇṇā vikiṇṇā, subhena sarīrappabhāvaṇṇena ekagghanā suvaṇṇamañjūsāya ṭhapitasampajjalitakañcanapiṇḍasassirikāti subhakiṇṇā. Tattha sobhanāya pabhāya kiṇṇā subhākiṇṇāti vattabbe bhā-saddassa rassattaṃ antima ṇa-kārassa ha-kārañca katvā ‘‘subhakiṇhā’’ti vuttaṃ. Vipulaphalā vehapphalā. Vipulaphalāti ca vipulasantasukhavaṇṇādiphalā. Appakena kālena attano ṭhānaṃ na vijahantīti avihā. Kenaci na tapanīyāti atappā. Akicchena sukhena passitabbā manuññarūpatāyāti sudassā. Suparisuddhadassanatāya sammā passanti sīlenāti sudassī. Ukkaṭṭhasampattīhi yogato natthi etesaṃ kaniṭṭhā sampattīti akaniṭṭhā.

    กายสกฺขีหีติ นามกาเยน เทสนาย สมฺปฎิจฺฉนวเสน สกฺขิภูเตหิฯ หลาหลนฺติ โกลาหลํฯ มหคฺคตจิเตฺตนาติ จตุตฺถชฺฌานปาทเกน อภิญฺญาจิเตฺตนฯ

    Kāyasakkhīhīti nāmakāyena desanāya sampaṭicchanavasena sakkhibhūtehi. Halāhalanti kolāhalaṃ. Mahaggatacittenāti catutthajjhānapādakena abhiññācittena.

    นนุ จ ‘‘อชฺฌตฺตนฺติ กามภโว, พหิทฺธาติ รูปารูปภโว’’ติ จ อยุตฺตเมตํ? ยสฺมิญฺหิ ภเว สตฺตา พหุตรํ กาลํ วสนฺติ, โส เนสํ อชฺฌตฺตํฯ ยสฺมิญฺจ อปฺปตรํ กาลํ วสนฺติ, โส เนสํ พหิทฺธาติ วตฺตุํ ยุตฺตํฯ รูปารูปภเว จ สตฺตา จิรตรํ วสนฺติ, อปฺปตรํ กามภเว, ตสฺมา ‘‘อชฺฌตฺตนฺติ กามภโว, พหิทฺธาติ รูปารูปภโว’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘กิญฺจาปี’’ติอาทิฯ จตุตฺถเมว โกฎฺฐาสนฺติ วิวฎฺฎฎฺฐายิสงฺขาตํ จตุตฺถํ อสเงฺขฺยยฺยกปฺปํฯ อิตเรสูติ สํวฎฺฎสํวฎฺฎฎฺฐายิวิวฎฺฎสงฺขาเตสุ ตีสุ อสเงฺขฺยยฺยกเปฺปสุฯ อาลโยติ สโงฺคฯ ปตฺถนาติ ‘‘กถํ นาม ตตฺรูปปนฺนา ภวิสฺสามา’’ติ อภิปตฺถนาฯ อภิลาโสติ ตตฺรูปปชฺชิตุกามตาฯ ตสฺมาติอาทินา ยถาวุตฺตมตฺถํ นิคเมติฯ

    Nanu ca ‘‘ajjhattanti kāmabhavo, bahiddhāti rūpārūpabhavo’’ti ca ayuttametaṃ? Yasmiñhi bhave sattā bahutaraṃ kālaṃ vasanti, so nesaṃ ajjhattaṃ. Yasmiñca appataraṃ kālaṃ vasanti, so nesaṃ bahiddhāti vattuṃ yuttaṃ. Rūpārūpabhave ca sattā cirataraṃ vasanti, appataraṃ kāmabhave, tasmā ‘‘ajjhattanti kāmabhavo, bahiddhāti rūpārūpabhavo’’ti kasmā vuttanti āha ‘‘kiñcāpī’’tiādi. Catutthameva koṭṭhāsanti vivaṭṭaṭṭhāyisaṅkhātaṃ catutthaṃ asaṅkhyeyyakappaṃ. Itaresūti saṃvaṭṭasaṃvaṭṭaṭṭhāyivivaṭṭasaṅkhātesu tīsu asaṅkhyeyyakappesu. Ālayoti saṅgo. Patthanāti ‘‘kathaṃ nāma tatrūpapannā bhavissāmā’’ti abhipatthanā. Abhilāsoti tatrūpapajjitukāmatā. Tasmātiādinā yathāvuttamatthaṃ nigameti.

    เอตฺถายํ อธิปฺปาโย – กสฺสจิปิ กิเลสสฺส อวิกฺขมฺภิตตฺตา เกนจิปิ ปกาเรน วิกฺขมฺภนมเตฺตนปิ อวิมุโตฺต กามภโว อชฺฌตฺตคฺคหณสฺส อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตคฺคาหสฺส วิเสสปจฺจโยติ อชฺฌตฺตํ นามฯ ตตฺถ พนฺธนํ อชฺฌตฺตสํโยชนํ, เตน สํยุโตฺต อชฺฌตฺตสํโยชโนฯ ตพฺพิปริยายโต พหิทฺธาสํโยชโนติฯ

    Etthāyaṃ adhippāyo – kassacipi kilesassa avikkhambhitattā kenacipi pakārena vikkhambhanamattenapi avimutto kāmabhavo ajjhattaggahaṇassa attānaṃ adhikicca uddissa pavattaggāhassa visesapaccayoti ajjhattaṃ nāma. Tattha bandhanaṃ ajjhattasaṃyojanaṃ, tena saṃyutto ajjhattasaṃyojano. Tabbipariyāyato bahiddhāsaṃyojanoti.

    ฉนฺทราควเสเนว อชฺฌตฺตสํโยชนํ พหิทฺธาสํโยชนญฺจ ปุคฺคลํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ โอรมฺภาคิยอุทฺธมฺภาคิยสํโยชนวเสนปิ ทเสฺสตุํ ‘‘โอรมฺภาคิยานิ วา’’ติอาทิมาหฯ โอรํ วุจฺจติ กามธาตุ, ปฎิสนฺธิยา ปจฺจยภาเวน ตํ โอรํ ภชนฺตีติ โอรมฺภาคิยานิฯ ตตฺถ จ กมฺมุนา วิปากํ สเตฺตน จ ทุกฺขํ สํโยเชนฺตีติ สํโยชนานิ, สกฺกายทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสกามราคปฎิฆาฯ อุทฺธํ วุจฺจติ รูปารูปธาตุ, วุตฺตนเยเนตํ อุทฺธํ ภชนฺตีติ อุทฺธมฺภาคิยานิ, สํโยชนานิฯ รูปราคารูปราคมานุทฺธจฺจาวิชฺชาฯ อถ วา โอรมฺภาโค วุจฺจติ กามธาตุ รูปารูปภวโต เหฎฺฐาภูตตฺตา, ตตฺรูปปตฺติยา ปจฺจยภาวโต โอรมฺภาคสฺส หิตานีติ โอรมฺภาคิยานิ ยถา ‘‘วจฺฉาโยโค ทุหโก’’ติฯ อุทฺธมฺภาโค นาม มหคฺคตภาโว, ตสฺส หิตานิ อุทฺธมฺภาคิยานิฯ ปาเทสุ พทฺธปาสาโณ วิย ปโญฺจรมฺภาคิยสํโยชนานิ เหฎฺฐา อากฑฺฒมานาการานิ โหนฺติฯ หเตฺถหิ คหิตรุกฺขสาขา วิย ปญฺจุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ อุปริ อากฑฺฒมานาการานิฯ เยสญฺหิ สกฺกายทิฎฺฐิอาทีนิ อปฺปหีนานิ, เต ภวเคฺคปิ นิพฺพเตฺต เอตานิ อากฑฺฒิตฺวา กามภเวเยว ปาเตนฺติ, ตสฺมา เอตานิ ปญฺจ คจฺฉนฺตํ วาเรนฺติ, คตํ ปุน อาเนนฺติฯ รูปราคาทีนิ ปญฺจ คจฺฉนฺตํ น วาเรนฺติ, อาคนฺตุํ ปน น เทนฺติฯ

    Chandarāgavaseneva ajjhattasaṃyojanaṃ bahiddhāsaṃyojanañca puggalaṃ dassetvā idāni orambhāgiyauddhambhāgiyasaṃyojanavasenapi dassetuṃ ‘‘orambhāgiyāni vā’’tiādimāha. Oraṃ vuccati kāmadhātu, paṭisandhiyā paccayabhāvena taṃ oraṃ bhajantīti orambhāgiyāni. Tattha ca kammunā vipākaṃ sattena ca dukkhaṃ saṃyojentīti saṃyojanāni, sakkāyadiṭṭhivicikicchāsīlabbataparāmāsakāmarāgapaṭighā. Uddhaṃ vuccati rūpārūpadhātu, vuttanayenetaṃ uddhaṃ bhajantīti uddhambhāgiyāni, saṃyojanāni. Rūparāgārūparāgamānuddhaccāvijjā. Atha vā orambhāgo vuccati kāmadhātu rūpārūpabhavato heṭṭhābhūtattā, tatrūpapattiyā paccayabhāvato orambhāgassa hitānīti orambhāgiyāni yathā ‘‘vacchāyogo duhako’’ti. Uddhambhāgo nāma mahaggatabhāvo, tassa hitāni uddhambhāgiyāni. Pādesu baddhapāsāṇo viya pañcorambhāgiyasaṃyojanāni heṭṭhā ākaḍḍhamānākārāni honti. Hatthehi gahitarukkhasākhā viya pañcuddhambhāgiyasaṃyojanāni upari ākaḍḍhamānākārāni. Yesañhi sakkāyadiṭṭhiādīni appahīnāni, te bhavaggepi nibbatte etāni ākaḍḍhitvā kāmabhaveyeva pātenti, tasmā etāni pañca gacchantaṃ vārenti, gataṃ puna ānenti. Rūparāgādīni pañca gacchantaṃ na vārenti, āgantuṃ pana na denti.

    อสมุจฺฉิเนฺนสุ โอรมฺภาคิยสํโยชเนสุ ลทฺธปจฺจเยสุ อุทฺธมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ อคณนูปคานิ โหนฺตีติ ลพฺภมานานมฺปิ ปุถุชฺชนานํ วเสน อวิภชิตฺวา อริยานํ โยควเสน วิภชิตุกาโม ‘‘อุภยมฺปิ เจต’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ วฎฺฎนิสฺสิตมหาชนสฺสาติ ปุถุชฺชเน สนฺธาย วทติฯ เทฺวธา ปริจฺฉิโนฺนติ กามสุคติรูปารูปภววเสน ทฺวีหิ ปกาเรหิ ปริจฺฉิโนฺนฯ

    Asamucchinnesu orambhāgiyasaṃyojanesu laddhapaccayesu uddhambhāgiyāni saṃyojanāni agaṇanūpagāni hontīti labbhamānānampi puthujjanānaṃ vasena avibhajitvā ariyānaṃ yogavasena vibhajitukāmo ‘‘ubhayampi ceta’’ntiādimāha. Tattha vaṭṭanissitamahājanassāti puthujjane sandhāya vadati. Dvedhā paricchinnoti kāmasugatirūpārūpabhavavasena dvīhi pakārehi paricchinno.

    วจฺฉกสาโลปมํ อุตฺตานตฺถเมวฯ โอปมฺมสํสนฺทเน ปน กสฺสจิ กิเลสสฺส อวิกฺขมฺภิตตฺตา, กถญฺจิปิ อวิมุโตฺต กามภโว อชฺฌตฺตคฺคหณสฺส วิเสสปจฺจยตฺตา, อิเมสํ สตฺตานํ อพฺภนฺตรเฎฺฐน อโนฺต นามฯ รูปารูปภโว ตพฺพิปริยายโต พหิ นามฯ ตถา หิ ยสฺส โอรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ อปฺปหีนานิ, โส อชฺฌตฺตสํโยชโน วุโตฺตฯ ยสฺส ตานิ ปหีนานิ, โส พหิทฺธาสํโยชโนฯ ตสฺมา อโนฺต อสมุจฺฉินฺนพนฺธนตาย พหิ จ ปวตฺตมานภวงฺคสนฺตานตาย อโนฺตพโทฺธ พหิสยิโต นามฯ นิรนฺตรปฺปวตฺตภวงฺคสนฺตานวเสน หิ สยิตโวหาโรฯ กามํ เนสํ พหิพนฺธนมฺปิ อสมุจฺฉินฺนํ, อโนฺตพนฺธนสฺส ปน มูลตาย เอวํ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘สํโยชนํ ปน เตสํ กามาวจรูปนิพทฺธเมวา’’ติฯ อิมินา นเยน เสสตฺตเยปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Vacchakasālopamaṃ uttānatthameva. Opammasaṃsandane pana kassaci kilesassa avikkhambhitattā, kathañcipi avimutto kāmabhavo ajjhattaggahaṇassa visesapaccayattā, imesaṃ sattānaṃ abbhantaraṭṭhena anto nāma. Rūpārūpabhavo tabbipariyāyato bahi nāma. Tathā hi yassa orambhāgiyāni saṃyojanāni appahīnāni, so ajjhattasaṃyojano vutto. Yassa tāni pahīnāni, so bahiddhāsaṃyojano. Tasmā anto asamucchinnabandhanatāya bahi ca pavattamānabhavaṅgasantānatāya antobaddho bahisayito nāma. Nirantarappavattabhavaṅgasantānavasena hi sayitavohāro. Kāmaṃ nesaṃ bahibandhanampi asamucchinnaṃ, antobandhanassa pana mūlatāya evaṃ vuttaṃ. Tenāha ‘‘saṃyojanaṃ pana tesaṃ kāmāvacarūpanibaddhamevā’’ti. Iminā nayena sesattayepi attho veditabbo.

    เอตฺตาวตา จ กิราติ กิร-สโทฺท อรุจิสํสูจนโตฺถฯ เตเนตฺถ อาจริยวาทสฺส อตฺตโน อรุจฺจนภาวํ ทีเปติฯ ‘‘สีลวา’’ติ อนามฎฺฐวิเสสสามญฺญโต สีลสเงฺขเปน คหิตํ, ตญฺจ จตุพฺพิธนฺติ อาจริยเตฺถโร ‘‘จตุปาริสุทฺธิสีลํ อุทฺทิสิตฺวา’’ติ อาหฯ ตตฺถาติ จตุปาริสุทฺธิสีเลสุฯ เชฎฺฐกสีลนฺติ ปธานสีลํฯ อุภยตฺถาติ อุเทฺทสนิเทฺทเสสุ, นิเทฺทเส วิย อุเทฺทเสปิ ปาติโมกฺขสํวโรว เถเรน วุโตฺต ‘‘สีลวา’’ติ วุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ สีลคฺคหณญฺหิ ปาฬิยํ ปาติโมกฺขสํวรวเสเนว อาคตํฯ เตนาห ‘‘ปาติโมกฺขสํวโรเยวา’’ติอาทิฯ ตตฺถ อวธารเณน อิตเรสํ ติณฺณํ เอกเทเสน ปาติโมกฺขโนฺตคธภาวํ ทีเปติฯ ตถา หิ อโนโลกิโยโลกเน อาชีวเหตุ จ สิกฺขาปทวีติกฺกเม คิลานปจฺจยสฺส อปจฺจเวกฺขิตปริโภเค จ อาปตฺติ วิหิตาติฯ ตีณีติ อินฺทฺริยสํวรสีลาทีนิฯ สีลนฺติ วุตฺตฎฺฐานํ นาม อตฺถีติ สีลปริยาเยน เตสํ กตฺถจิ สุเตฺต คหิตฎฺฐานํ นาม กิํ อตฺถิ ยถา ‘‘ปาติโมกฺขสํวโร’’ติ? อาจริยสฺส สมฺมุขตาย อปฺปฎิกฺขิปโนฺต อุปจาเรน ปุจฺฉโนฺต วิย วทติฯ เตนาห ‘‘อนนุชานโนฺต’’ติฯ ฉทฺวารรกฺขามตฺตกเมวาติ ตสฺส สลฺลหุกภาวมาห จิตฺตาธิฎฺฐานภาวมเตฺตน ปฎิปากติกภาวาปตฺติโตฯ อิตรทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ปจฺจยุปฺปตฺติมตฺตกนฺติ ผเลน เหตุํ ทเสฺสติฯ อุปฺปาทนเหตุกา หิ ปจฺจยานํ อุปฺปตฺติฯ อิทมตฺถนฺติ อิทํ ปโยชนํ อิมสฺส ปจฺจยสฺส ปริภุญฺชเนติ อธิปฺปาโยฯ นิปฺปริยาเยนาติ อิมินา อินฺทฺริยสํวราทีนิ ตีณิ ปธานสฺส สีลสฺส ปริปาลนวเสน ปวตฺติยา ปริยายสีลานิ นามาติ ทเสฺสติฯ อิทานิ ปาติโมกฺขสํวรเสฺสว ปธานภาวํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ โส ปาติโมกฺขสํวโรฯ เสสานิ อินฺทฺริยสํวราทีนิฯ

    Ettāvatā ca kirāti kira-saddo arucisaṃsūcanattho. Tenettha ācariyavādassa attano aruccanabhāvaṃ dīpeti. ‘‘Sīlavā’’ti anāmaṭṭhavisesasāmaññato sīlasaṅkhepena gahitaṃ, tañca catubbidhanti ācariyatthero ‘‘catupārisuddhisīlaṃ uddisitvā’’ti āha. Tatthāti catupārisuddhisīlesu. Jeṭṭhakasīlanti padhānasīlaṃ. Ubhayatthāti uddesaniddesesu, niddese viya uddesepi pātimokkhasaṃvarova therena vutto ‘‘sīlavā’’ti vuttattāti adhippāyo. Sīlaggahaṇañhi pāḷiyaṃ pātimokkhasaṃvaravaseneva āgataṃ. Tenāha ‘‘pātimokkhasaṃvaroyevā’’tiādi. Tattha avadhāraṇena itaresaṃ tiṇṇaṃ ekadesena pātimokkhantogadhabhāvaṃ dīpeti. Tathā hi anolokiyolokane ājīvahetu ca sikkhāpadavītikkame gilānapaccayassa apaccavekkhitaparibhoge ca āpatti vihitāti. Tīṇīti indriyasaṃvarasīlādīni. Sīlanti vuttaṭṭhānaṃ nāma atthīti sīlapariyāyena tesaṃ katthaci sutte gahitaṭṭhānaṃ nāma kiṃ atthi yathā ‘‘pātimokkhasaṃvaro’’ti? Ācariyassa sammukhatāya appaṭikkhipanto upacārena pucchanto viya vadati. Tenāha ‘‘ananujānanto’’ti. Chadvārarakkhāmattakamevāti tassa sallahukabhāvamāha cittādhiṭṭhānabhāvamattena paṭipākatikabhāvāpattito. Itaradvayepi eseva nayo. Paccayuppattimattakanti phalena hetuṃ dasseti. Uppādanahetukā hi paccayānaṃ uppatti. Idamatthanti idaṃ payojanaṃ imassa paccayassa paribhuñjaneti adhippāyo. Nippariyāyenāti iminā indriyasaṃvarādīni tīṇi padhānassa sīlassa paripālanavasena pavattiyā pariyāyasīlāni nāmāti dasseti. Idāni pātimokkhasaṃvarasseva padhānabhāvaṃ byatirekato anvayato ca upamāya vibhāvetuṃ ‘‘yassā’’tiādimāha. Tattha so pātimokkhasaṃvaro. Sesāni indriyasaṃvarādīni.

    ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ โย หิ นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมเกฺขติ โมเจติ อาปายิกาทีหิ ทุเกฺขหีติ ปาติโมกฺขนฺติ ลทฺธนาเมน สิกฺขาปทสีเลน ปิหิตกายวจีทฺวาโรฯ โส ปน ยสฺมา เอวํภูโต เตน สมนฺนาคโต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปาตีโมกฺขสํวเรน สมนฺนาคโต’’ติฯ

    Pātimokkhasaṃvarasaṃvutoti yo hi naṃ pāti rakkhati, taṃ mokkheti moceti āpāyikādīhi dukkhehīti pātimokkhanti laddhanāmena sikkhāpadasīlena pihitakāyavacīdvāro. So pana yasmā evaṃbhūto tena samannāgato nāma hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘pātīmokkhasaṃvarena samannāgato’’ti.

    อปโร นโย – กิเลสานํ พลวภาวโต, ปาปกิริยาย จ สุกรภาวโต, ปุญฺญกิริยาย จ ทุกฺกรภาวโต พหุกฺขตฺตุํ อปาเยสุ ปตนสีโลติ ปาตี, ปุถุชฺชโนฯ อนิจฺจตาย วา ภวาทีสุ กมฺมเวคกฺขิโตฺต ฆฎิยนฺตํ วิย อนวฎฺฐาเนน ปริพฺภมนโต คมนโต คมนสีโลติ ปาตี, มรณวเสน ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย อตฺตภาวสฺส ปาตนสีโล วา ปาตี, สตฺตสนฺตาโน, จิตฺตเมว วาฯ ตํ ปาติํ สํสารทุกฺขโต โมเกฺขตีติ ปาติโมกฺขํฯ จิตฺตสฺส หิ วิโมเกฺขน สโตฺต วิมุโตฺตติ วุจฺจติฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘จิตฺตโวทานา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ, ‘‘อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’’นฺติ (มหาว. ๒๘) จฯ

    Aparo nayo – kilesānaṃ balavabhāvato, pāpakiriyāya ca sukarabhāvato, puññakiriyāya ca dukkarabhāvato bahukkhattuṃ apāyesu patanasīloti pātī, puthujjano. Aniccatāya vā bhavādīsu kammavegakkhitto ghaṭiyantaṃ viya anavaṭṭhānena paribbhamanato gamanato gamanasīloti pātī, maraṇavasena tamhi tamhi sattanikāye attabhāvassa pātanasīlo vā pātī, sattasantāno, cittameva vā. Taṃ pātiṃ saṃsāradukkhato mokkhetīti pātimokkhaṃ. Cittassa hi vimokkhena satto vimuttoti vuccati. Vuttañhi ‘‘cittavodānā visujjhantī’’ti, ‘‘anupādāya āsavehi cittaṃ vimutta’’nti (mahāva. 28) ca.

    อถ วา อวิชฺชาทินา เหตุนา สํสาเร ปตติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ ปาติ, ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรต’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔) หิ วุตฺตํ, ตสฺส ปาติโน สตฺตสฺส ตณฺหาทิสํกิเลสตฺตยโต โมโกฺข เอเตนาติ ปาติโมโกฺขฯ ‘‘กเณฺฐกาโฬ’’ติอาทีนํ วิยสฺส สมาสสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ

    Atha vā avijjādinā hetunā saṃsāre patati gacchati pavattatīti pāti, ‘‘avijjānīvaraṇānaṃ sattānaṃ taṇhāsaṃyojanānaṃ sandhāvataṃ saṃsarata’’nti (saṃ. ni. 2.124) hi vuttaṃ, tassa pātino sattassa taṇhādisaṃkilesattayato mokkho etenāti pātimokkho. ‘‘Kaṇṭhekāḷo’’tiādīnaṃ viyassa samāsasiddhi veditabbā.

    อถ วา ปาเตติ วินิปาเตติ ทุเกฺขติ ปาติ, จิตฺตํฯ วุตฺตญฺหิ –

    Atha vā pāteti vinipāteti dukkheti pāti, cittaṃ. Vuttañhi –

    ‘‘จิเตฺตน นียเต โลโก, จิเตฺตน ปริกสฺสตี’’ติ; (สํ. นิ. ๑.๖๒);

    ‘‘Cittena nīyate loko, cittena parikassatī’’ti; (Saṃ. ni. 1.62);

    ตสฺส ปาติโน โมโกฺข เอเตนาติ ปาติโมโกฺขฯ ปตติ วา เอเตน อปายทุเกฺข สํสารทุเกฺข จาติ ปาติ, ตณฺหาทิสํกิเลโสฯ วุตฺตญฺหิ –

    Tassa pātino mokkho etenāti pātimokkho. Patati vā etena apāyadukkhe saṃsāradukkhe cāti pāti, taṇhādisaṃkileso. Vuttañhi –

    ‘‘ตณฺหา ชเนหิ ปุริสํ, (สํ. นิ. ๑.๕๖-๕๗) ตณฺหาทุติโย ปุริโส’’ติ (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕; อ. นิ. ๔.๙) จ อาทิ;

    ‘‘Taṇhā janehi purisaṃ, (saṃ. ni. 1.56-57) taṇhādutiyo puriso’’ti (itivu. 15, 105; a. ni. 4.9) ca ādi;

    ตโต ปาติโต โมโกฺขติ ปาติโมโกฺข

    Tato pātito mokkhoti pātimokkho.

    อถ วา ปตติ เอตฺถาติ ปาติ, ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิฯ วุตฺตญฺหิ –

    Atha vā patati etthāti pāti, cha ajjhattikabāhirāni āyatanāni. Vuttañhi –

    ‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปโนฺน, ฉสุ กุพฺพติ สนฺถว’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๐; สุ. นิ. ๑๗๑);

    ‘‘Chasu loko samuppanno, chasu kubbati santhava’’nti (saṃ. ni. 1.70; su. ni. 171);

    ตโต ฉอชฺฌตฺติกพาหิรายตนสงฺขาตโต ปาติโต โมโกฺขติ ปาติโมโกฺข

    Tato chaajjhattikabāhirāyatanasaṅkhātato pātito mokkhoti pātimokkho.

    อถ วา ปาโต วินิปาโต อสฺส อตฺถีติ ปาตี, สํสาโรฯ ตโต โมโกฺขติ ปาติโมโกฺข

    Atha vā pāto vinipāto assa atthīti pātī, saṃsāro. Tato mokkhoti pātimokkho.

    อถ วา สพฺพโลกาธิปติภาวโต ธมฺมิสฺสโร ภควา ‘‘ปตี’’ติ วุจฺจติ, มุจฺจติ เอเตนาติ โมโกฺข, ปติโน โมโกฺข ปติโมโกฺข เตน ปญฺญตฺตตฺตาติ, ปติโมโกฺข เอว ปาติโมโกฺขฯ สพฺพคุณานํ วา มูลภาวโต อุตฺตมเฎฺฐน ปติ จ โส ยถาวุตฺตเฎฺฐน โมโกฺข จาติ ปติโมโกฺข, ปติโมโกฺข เอว ปาติโมโกฺขฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปาติโมกฺขนฺติ อาทิเมตํ มุขเมตํ ปมุขเมต’’นฺติ (มหาว. ๑๓๕) วิตฺถาโรฯ

    Atha vā sabbalokādhipatibhāvato dhammissaro bhagavā ‘‘patī’’ti vuccati, muccati etenāti mokkho, patino mokkho patimokkho tena paññattattāti, patimokkho eva pātimokkho. Sabbaguṇānaṃ vā mūlabhāvato uttamaṭṭhena pati ca so yathāvuttaṭṭhena mokkho cāti patimokkho, patimokkho eva pātimokkho. Tathā hi vuttaṃ ‘‘pātimokkhanti ādimetaṃ mukhametaṃ pamukhameta’’nti (mahāva. 135) vitthāro.

    อถ วา ป-อิติ ปกาเร, อตีติ อจฺจนฺตเตฺถ นิปาโต, ตสฺมา ปกาเรหิ อจฺจนฺตํ โมเกฺขตีติ ปาติโมโกฺขฯ อิทญฺหิ สีลํ สยํ ตทงฺควเสน, สมาธิสหิตํ ปญฺญาสหิตญฺจ วิกฺขมฺภนวเสน, สมุเจฺฉทวเสน จ อจฺจนฺตํ โมเกฺขติ โมเจตีติ ปาติโมโกฺขฯ ปติ ปติ โมโกฺขติ วา ปติโมโกฺข, ตมฺหา ตมฺหา วีติกฺกมโทสโต ปเจฺจกํ โมโกฺขติ อโตฺถฯ ปติโมโกฺข เอว ปาติโมโกฺขฯ โมโกฺข วา นิพฺพานํ, ตสฺส โมกฺขสฺส ปติพิมฺพภูโตติ ปติโมโกฺขฯ สีลสํวโร หิ สูริยสฺส อรุณุคฺคมนํ วิย นิพฺพานสฺส อุทยภูโต ตปฺปฎิภาโค วิย ยถารหํ กิเลสนิพฺพาปนโต ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขํเยว ปาติโมกฺขํ

    Atha vā pa-iti pakāre, atīti accantatthe nipāto, tasmā pakārehi accantaṃ mokkhetīti pātimokkho. Idañhi sīlaṃ sayaṃ tadaṅgavasena, samādhisahitaṃ paññāsahitañca vikkhambhanavasena, samucchedavasena ca accantaṃ mokkheti mocetīti pātimokkho. Pati pati mokkhoti vā patimokkho, tamhā tamhā vītikkamadosato paccekaṃ mokkhoti attho. Patimokkho eva pātimokkho. Mokkho vā nibbānaṃ, tassa mokkhassa patibimbabhūtoti patimokkho. Sīlasaṃvaro hi sūriyassa aruṇuggamanaṃ viya nibbānassa udayabhūto tappaṭibhāgo viya yathārahaṃ kilesanibbāpanato patimokkhaṃ, patimokkhaṃyeva pātimokkhaṃ.

    อถ วา โมกฺขํ ปติ วตฺตติ, โมกฺขาภิมุขนฺติ วา ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขเมว ปาติโมกฺขนฺติ เอวเมตฺถ ปาติโมกฺขสทฺทสฺส อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Atha vā mokkhaṃ pati vattati, mokkhābhimukhanti vā patimokkhaṃ, patimokkhameva pātimokkhanti evamettha pātimokkhasaddassa attho veditabbo.

    อาจารโคจรสมฺปโนฺนติ กายิกวาจสิกอวีติกฺกมสงฺขาเตน อาจาเรน, นเวสิยาทิโคจรตาทิสงฺขาเตน โคจเรน สมฺปโนฺน, สมฺปนฺนอาจารโคจโรติ อโตฺถฯ อปฺปมตฺตเกสูติ ปริตฺตเกสุ อนาปตฺติคมนีเยสุฯ ‘‘ทุกฺกฎทุพฺภาสิตมเตฺตสู’’ติ อปเรฯ วเชฺชสูติ คารเยฺหสุฯ เต ปน เอกนฺตโต อกุสลสภาวา โหนฺตีติ อาห ‘‘อกุสลธเมฺมสู’’ติฯ ภยทสฺสีติ ภยโต ทสฺสนสีโล, ปรมาณุมตฺตมฺปิ วชฺชํ สิเนรุปฺปมาณํ วิย กตฺวา ภายนสีโลฯ สมฺมา อาทิยิตฺวาติ สมฺมเทว สกฺกจฺจํ สพฺพโสว อาทิยิตฺวาฯ สิกฺขาปเทสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมนฺติ สมุทายโต อวยวนิทฺธารณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สิกฺขาปเทสุ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ สมาทิยิตฺวา สิกฺขตี’’ติ อตฺถมาห, สิกฺขาปทเมว หิ สมาทาตพฺพํ สิกฺขิตพฺพญฺจาติ อธิปฺปาโยฯ ยํ กิญฺจิ สิกฺขาปเทสูติ สิกฺขาโกฎฺฐาเสสุ มูลปญฺญตฺติอนุปญฺญตฺติสพฺพตฺถปญฺญตฺติปเทสปญฺญตฺติอาทิเภทํ ยํ กิญฺจิ สิกฺขิตพฺพํฯ ยํ ปฎิปชฺชิตพฺพํ ปูเรตพฺพํ สีลํ, ตํ ปน ทฺวารวเสน ทุวิธเมวาติ อาห ‘‘กายิกํ วา วาจสิกํ วา’’ติฯ อิมสฺมิํ อตฺถวิกเปฺป สิกฺขาปเทสูติ อาธาเร ภุมฺมํ สิกฺขาภาเคสุ กสฺสจิ วิสุํ อคฺคหณโตฯ เตนาห ‘‘ตํ สพฺพ’’นฺติฯ

    Ācāragocarasampannoti kāyikavācasikaavītikkamasaṅkhātena ācārena, navesiyādigocaratādisaṅkhātena gocarena sampanno, sampannaācāragocaroti attho. Appamattakesūti parittakesu anāpattigamanīyesu. ‘‘Dukkaṭadubbhāsitamattesū’’ti apare. Vajjesūti gārayhesu. Te pana ekantato akusalasabhāvā hontīti āha ‘‘akusaladhammesū’’ti. Bhayadassīti bhayato dassanasīlo, paramāṇumattampi vajjaṃ sineruppamāṇaṃ viya katvā bhāyanasīlo. Sammā ādiyitvāti sammadeva sakkaccaṃ sabbasova ādiyitvā. Sikkhāpadesūti niddhāraṇe bhummanti samudāyato avayavaniddhāraṇaṃ dassento ‘‘sikkhāpadesu taṃ taṃ sikkhāpadaṃ samādiyitvā sikkhatī’’ti atthamāha, sikkhāpadameva hi samādātabbaṃ sikkhitabbañcāti adhippāyo. Yaṃ kiñci sikkhāpadesūti sikkhākoṭṭhāsesu mūlapaññattianupaññattisabbatthapaññattipadesapaññattiādibhedaṃ yaṃ kiñci sikkhitabbaṃ. Yaṃ paṭipajjitabbaṃ pūretabbaṃ sīlaṃ, taṃ pana dvāravasena duvidhamevāti āha ‘‘kāyikaṃ vā vācasikaṃ vā’’ti. Imasmiṃ atthavikappe sikkhāpadesūti ādhāre bhummaṃ sikkhābhāgesu kassaci visuṃ aggahaṇato. Tenāha ‘‘taṃ sabba’’nti.

    อญฺญตรํ เทวฆฎนฺติ อญฺญตรํ เทวนิกายํฯ อาคามี โหตีติ ปฎิสนฺธิวเสน อาคมนสีโล โหติฯ อาคนฺตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อิมินา อเงฺคนาติ อิมินา การเณนฯ

    Aññataraṃ devaghaṭanti aññataraṃ devanikāyaṃ. Āgāmī hotīti paṭisandhivasena āgamanasīlo hoti. Āgantāti etthāpi eseva nayo. Iminā aṅgenāti iminā kāraṇena.

    สุกฺขวิปสฺสโก เยภุเยฺยน จตุธาตุววตฺถานมุเขน กมฺมฎฺฐานาภินิเวสี โหตีติ อาห ‘‘สุกฺขวิปสฺสกสฺส ธาตุกมฺมฎฺฐานิกภิกฺขุโน’’ติฯ วุตฺตเมวตฺถํ สมฺปิเณฺฑตฺวา นิคเมโนฺต ‘‘ปฐเมน อเงฺคนา’’ติอาทิมาหฯ

    Sukkhavipassako yebhuyyena catudhātuvavatthānamukhena kammaṭṭhānābhinivesī hotīti āha ‘‘sukkhavipassakassa dhātukammaṭṭhānikabhikkhuno’’ti. Vuttamevatthaṃ sampiṇḍetvā nigamento ‘‘paṭhamena aṅgenā’’tiādimāha.

    จิตฺตสฺส สุขุมภาโว อิธ สุขมตฺตภาวมาปเนฺนน ทฎฺฐโพฺพติ อาห ‘‘สพฺพาปิ หิ ตา’’ติอาทิฯ ตนฺติวเสนาติ เกวลํ ตนฺติฎฺฐปนวเสน, น ปน เถรสฺส กสฺสจิ มคฺคสฺส วา ผลสฺส วา อุปฺปาทนตฺถาย, นาปิ สมฺมาปฎิปตฺติยํ โยชนตฺถายาติ อธิปฺปาโยฯ

    Cittassa sukhumabhāvo idha sukhamattabhāvamāpannena daṭṭhabboti āha ‘‘sabbāpi hi tā’’tiādi. Tantivasenāti kevalaṃ tantiṭṭhapanavasena, na pana therassa kassaci maggassa vā phalassa vā uppādanatthāya, nāpi sammāpaṭipattiyaṃ yojanatthāyāti adhippāyo.

    ๓๘. ฉเฎฺฐ มหากจฺจาโนติ คิหิกาเล อุเชฺชนิรโญฺญ ปุโรหิตปุโตฺต อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก สุวณฺณวโณฺณ จฯ วรณา นาม รุโกฺข, ตสฺส อวิทูเร ภวตฺตา นครมฺปิ วรณสเทฺทน วุจฺจตีติ อาห ‘‘วรณา นาม เอกํ นคร’’นฺติฯ ทฺวนฺทปทสฺส ปเจฺจกํ อภิสมฺพโนฺธ โหตีติ เหตุสทฺทํ ปเจฺจกํ โยเชตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘กามราคาภินิเวสเหตู’’ติอาทิมาหฯ เหตุสเทฺทน สมฺพเนฺธ สติ โย อโตฺถ สมฺภวติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ กามราเคน อภินิวิฎฺฐตฺตาติ เอเตน กามราคาภินิเวสเหตูติ อิมสฺส อตฺถํ ทีเปติ, ตถา วินิพทฺธตฺตาติอาทีหิ กามราควินิพทฺธเหตูติอาทีนํฯ ตโต มุโขติ ตทภิมุโขฯ มานนฺติ อาฬฺหกาทิมานภณฺฑํฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ

    38. Chaṭṭhe mahākaccānoti gihikāle ujjenirañño purohitaputto abhirūpo dassanīyo pāsādiko suvaṇṇavaṇṇo ca. Varaṇā nāma rukkho, tassa avidūre bhavattā nagarampi varaṇasaddena vuccatīti āha ‘‘varaṇā nāma ekaṃ nagara’’nti. Dvandapadassa paccekaṃ abhisambandho hotīti hetusaddaṃ paccekaṃ yojetvā dassento ‘‘kāmarāgābhinivesahetū’’tiādimāha. Hetusaddena sambandhe sati yo attho sambhavati, taṃ dassetuṃ ‘‘idaṃ vuttaṃ hotī’’tiādimāha. Tattha kāmarāgena abhiniviṭṭhattāti etena kāmarāgābhinivesahetūti imassa atthaṃ dīpeti, tathā vinibaddhattātiādīhi kāmarāgavinibaddhahetūtiādīnaṃ. Tato mukhoti tadabhimukho. Mānanti āḷhakādimānabhaṇḍaṃ. Sesamettha uttānameva.

    ๓๙. สตฺตเม มธุรายนฺติ อุตฺตรมธุรายํฯ คุนฺทาวเนติ กณฺหคุนฺทาวเน, กาฬปิปฺปลิวเนติ อโตฺถฯ ชราชิเณฺณติ ชราย ชิเณฺณ, น พฺยาธิอาทีนํ วเสน ชิณฺณสทิเส นาปิ อกาลิเกน ชราย อภิภูเตฯ วโยวุเทฺธติ ชิณฺณตฺตา เอว จสฺส วโยวุทฺธิปฺปตฺติยา วุเทฺธน สีลาทิวุทฺธิยาฯ ชาติมหลฺลเกติ ชาติยา มหนฺตตาย จิรรตฺตตาย มหลฺลเก, น โภคปริวาราทีหีติ อโตฺถฯ อทฺธคเตติ เอตฺถ อทฺธ-สโทฺท ทีฆกาลวาจีติ อาห ‘‘ทีฆกาลทฺธานํ อติกฺกเนฺต’’ติฯ วโยติ ปุริมปทโลเปนายํ นิเทฺทโสติ อาห ‘‘ปจฺฉิมวย’’นฺติ, วสฺสสตสฺส ตติยโกฎฺฐาสสงฺขาตํ ปจฺฉิมวยํ อนุปฺปเตฺตติ อโตฺถฯ

    39. Sattame madhurāyanti uttaramadhurāyaṃ. Gundāvaneti kaṇhagundāvane, kāḷapippalivaneti attho. Jarājiṇṇeti jarāya jiṇṇe, na byādhiādīnaṃ vasena jiṇṇasadise nāpi akālikena jarāya abhibhūte. Vayovuddheti jiṇṇattā eva cassa vayovuddhippattiyā vuddhena sīlādivuddhiyā. Jātimahallaketi jātiyā mahantatāya cirarattatāya mahallake, na bhogaparivārādīhīti attho. Addhagateti ettha addha-saddo dīghakālavācīti āha ‘‘dīghakāladdhānaṃ atikkante’’ti. Vayoti purimapadalopenāyaṃ niddesoti āha ‘‘pacchimavaya’’nti, vassasatassa tatiyakoṭṭhāsasaṅkhātaṃ pacchimavayaṃ anuppatteti attho.

    ภวติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ภูมิ, การณนฺติ อาห ‘‘เยน การเณนา’’ติอาทิฯ ปริปโกฺกติ ปริณโต, วุทฺธิภาวํ ปโตฺตติ อโตฺถฯ โมฆชิโณฺณติ อโนฺต ถิรกรณานํ ธมฺมานํ อภาเวน ตุจฺฉชิโณฺณ นามฯ พาลทารโกปิ ทหโรติ วุจฺจตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘ยุวา’’ติ วุตฺตํฯ อติกฺกนฺตปฐมวยา เอว สตฺตา สภาเวน ปลิตสิรา โหนฺตีติ ปฐมวเย ฐิตภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘สุสุกาฬเกโส’’ติ วุตฺตํฯ ภเทฺรนาติ ลทฺธเกนฯ เอกโจฺจ หิ ทหโรปิ สมาโน กาโณ วา โหติ กุณิอาทีนํ วา อญฺญตโร, โส น ภเทฺรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต นาม โหติฯ โย ปน อภิรูโป โหติ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก สพฺพสมฺปตฺติสมฺปโนฺน ยํ ยเทว อลงฺการปริหารํ อิจฺฉติ, เตน เตน อลงฺกโต เทวปุโตฺต วิย จรติ, อยํ ภเทฺรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต นาม โหติฯ เตเนวาห ‘‘เยน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต’’ติอาทิฯ

    Bhavati ettha phalaṃ tadāyattavuttitāyāti bhūmi, kāraṇanti āha ‘‘yena kāraṇenā’’tiādi. Paripakkoti pariṇato, vuddhibhāvaṃ pattoti attho. Moghajiṇṇoti anto thirakaraṇānaṃ dhammānaṃ abhāvena tucchajiṇṇo nāma. Bāladārakopi daharoti vuccatīti tato visesanatthaṃ ‘‘yuvā’’ti vuttaṃ. Atikkantapaṭhamavayā eva sattā sabhāvena palitasirā hontīti paṭhamavaye ṭhitabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘susukāḷakeso’’ti vuttaṃ. Bhadrenāti laddhakena. Ekacco hi daharopi samāno kāṇo vā hoti kuṇiādīnaṃ vā aññataro, so na bhadrena yobbanena samannāgato nāma hoti. Yo pana abhirūpo hoti dassanīyo pāsādiko sabbasampattisampanno yaṃ yadeva alaṅkāraparihāraṃ icchati, tena tena alaṅkato devaputto viya carati, ayaṃ bhadrena yobbanena samannāgato nāma hoti. Tenevāha ‘‘yena yobbanena samannāgato’’tiādi.

    ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธโมฺม จาติ ยมฺหิ ปุคฺคเล โสฬสหากาเรหิ ปฎิวิทฺธตฺตา จตุพฺพิธํ สจฺจํ, ญาเณน สจฺฉิกตตฺตา นววิธโลกุตฺตรธโมฺม จ อตฺถิฯ อหิํสาติ เทสนามตฺตเมตํ, ยมฺหิ ปน จตุพฺพิธาปิ อปฺปมญฺญาภาวนา อตฺถีติ อโตฺถฯ สํยโม ทโมติ สีลเญฺจว อินฺทฺริยสํวโร จฯ วนฺตมโลติ มคฺคญาเณน นีหฎมโลฯ ธีโรติ ธิติสมฺปโนฺนฯ เถโรติ โส อิเมหิ ถิรภาวการเณหิ สมนฺนาคตตฺตา เถโรติ ปวุจฺจตีติ อโตฺถฯ

    Yamhisaccañca dhammo cāti yamhi puggale soḷasahākārehi paṭividdhattā catubbidhaṃ saccaṃ, ñāṇena sacchikatattā navavidhalokuttaradhammo ca atthi. Ahiṃsāti desanāmattametaṃ, yamhi pana catubbidhāpi appamaññābhāvanā atthīti attho. Saṃyamo damoti sīlañceva indriyasaṃvaro ca. Vantamaloti maggañāṇena nīhaṭamalo. Dhīroti dhitisampanno. Theroti so imehi thirabhāvakāraṇehi samannāgatattā theroti pavuccatīti attho.

    ๔๐. อฎฺฐเม ‘‘โจรา พลวโนฺต โหนฺตี’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา เยหิ การเณหิ เต พลวโนฺต โหนฺติ, เตสํ สพฺภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปกฺขสมฺปนฺนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ นิวาสฎฺฐานสมฺปนฺนตา คิริทุคฺคาทิสพฺภาวโตฯ อติยาตุนฺติ อโนฺต ยาตุํ, คนฺตุํ ปวิสิตุนฺติ อโตฺถฯ ตํ ปน อโนฺตปวิสนํ เกนจิ การเณน พหิคตสฺส โหตีติ อาห ‘‘พหิทฺธา ชนปทจาริกํ จริตฺวา’’ติอาทิฯ นิยฺยาตุนฺติ พหิ นิกฺขมิตุํฯ ตญฺจ พหินิกฺขมนํ พหิทฺธากรณีเย สติ สมฺภวตีติ อาห ‘‘โจรา ชนปทํ วิลุมฺปนฺตี’’ติอาทิฯ อนุสญฺญาตุนฺติ อนุสญฺจริตุํฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ

    40. Aṭṭhame ‘‘corā balavanto hontī’’ti padaṃ uddharitvā yehi kāraṇehi te balavanto honti, tesaṃ sabbhāvaṃ dassento ‘‘pakkhasampannā’’tiādimāha. Tattha nivāsaṭṭhānasampannatā giriduggādisabbhāvato. Atiyātunti anto yātuṃ, gantuṃ pavisitunti attho. Taṃ pana antopavisanaṃ kenaci kāraṇena bahigatassa hotīti āha ‘‘bahiddhā janapadacārikaṃ caritvā’’tiādi. Niyyātunti bahi nikkhamituṃ. Tañca bahinikkhamanaṃ bahiddhākaraṇīye sati sambhavatīti āha ‘‘corā janapadaṃ vilumpantī’’tiādi. Anusaññātunti anusañcarituṃ. Sesamettha uttānameva.

    ๔๑. นวเม มิจฺฉาปฎิปตฺตาธิกรณเหตูติ เอตฺถ อธิ-สโทฺท อนตฺถโกติ อาห ‘‘มิจฺฉาปฎิปตฺติยา กรณเหตู’’ติฯ น อาราธโกติ น สมฺปาทโก น ปริปูรโกฯ ญายติ ปฎิวิชฺฌนวเสน นิพฺพานํ คจฺฉตีติ ญาโย, โส เอว ตํสมงฺคินํ วฎฺฎทุกฺขปาตโต ธารณเฎฺฐน ธโมฺมติ ญาโย ธโมฺม, อริยมโคฺคฯ โส ปเนตฺถ สห วิปสฺสนาย อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘สหวิปสฺสนกํ มคฺค’’นฺติฯ อาราธนํ นาม สํสิทฺธิ, สา ปน ยสฺมา สมฺปาทเนน ปริปูรเณน อิจฺฉิตา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สมฺปาเทตุํ ปูเรตุ’’นฺติฯ

    41. Navame micchāpaṭipattādhikaraṇahetūti ettha adhi-saddo anatthakoti āha ‘‘micchāpaṭipattiyā karaṇahetū’’ti. Na ārādhakoti na sampādako na paripūrako. Ñāyati paṭivijjhanavasena nibbānaṃ gacchatīti ñāyo, so eva taṃsamaṅginaṃ vaṭṭadukkhapātato dhāraṇaṭṭhena dhammoti ñāyo dhammo, ariyamaggo. So panettha saha vipassanāya adhippetoti āha ‘‘sahavipassanakaṃ magga’’nti. Ārādhanaṃ nāma saṃsiddhi, sā pana yasmā sampādanena paripūraṇena icchitā, tasmā vuttaṃ ‘‘sampādetuṃ pūretu’’nti.

    ๔๒. ทสเม ทุคฺคหิเตหีติ อตฺถโต พฺยญฺชนโต จ ทุฎฺฐุ คหิเตหิ, อูนาธิกวิปรีตปทปจฺจาภฎฺฐาทิวเสน วิโลเมตฺวา คหิเตหีติ อโตฺถฯ อุปฺปฎิปาฎิยา คหิเตหีติ อิทํ ปน นิทสฺสนมตฺตํ ทุคฺคหสฺส อูนาธิกาทิวเสนปิ สมฺภวโตฯ เตเนวาห ‘‘อตฺตโน ทุคฺคหิตสุตฺตนฺตานํเยว อตฺถญฺจ ปาฬิญฺจ อุตฺตริตรํ กตฺวา ทเสฺสนฺตี’’ติฯ

    42. Dasame duggahitehīti atthato byañjanato ca duṭṭhu gahitehi, ūnādhikaviparītapadapaccābhaṭṭhādivasena vilometvā gahitehīti attho. Uppaṭipāṭiyā gahitehīti idaṃ pana nidassanamattaṃ duggahassa ūnādhikādivasenapi sambhavato. Tenevāha ‘‘attano duggahitasuttantānaṃyeva atthañca pāḷiñca uttaritaraṃ katvā dassentī’’ti.

    สมจิตฺตวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Samacittavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๔. สมจิตฺตวโคฺค • 4. Samacittavaggo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๔. สมจิตฺตวคฺควณฺณนา • 4. Samacittavaggavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact