Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๔. สมจิตฺตวโคฺค
4. Samacittavaggo
๓๓. ‘‘อสปฺปุริสภูมิญฺจ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ สปฺปุริสภูมิญฺจฯ ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถฯ ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
33. ‘‘Asappurisabhūmiñca vo, bhikkhave, desessāmi sappurisabhūmiñca. Taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha. Bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสภูมิ? อสปฺปุริโส, ภิกฺขเว, อกตญฺญู โหติ อกตเวทีฯ อสพฺภิ เหตํ, ภิกฺขเว, อุปญฺญาตํ ยทิทํ อกตญฺญุตา อกตเวทิตาฯ เกวลา เอสา, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสภูมิ ยทิทํ อกตญฺญุตา อกตเวทิตาฯ สปฺปุริโส จ โข, ภิกฺขเว, กตญฺญู โหติ กตเวทีฯ สพฺภิ เหตํ, ภิกฺขเว, อุปญฺญาตํ ยทิทํ กตญฺญุตา กตเวทิตาฯ เกวลา เอสา, ภิกฺขเว, สปฺปุริสภูมิ ยทิทํ กตญฺญุตา กตเวทิตา’’ติฯ
‘‘Katamā ca, bhikkhave, asappurisabhūmi? Asappuriso, bhikkhave, akataññū hoti akatavedī. Asabbhi hetaṃ, bhikkhave, upaññātaṃ yadidaṃ akataññutā akataveditā. Kevalā esā, bhikkhave, asappurisabhūmi yadidaṃ akataññutā akataveditā. Sappuriso ca kho, bhikkhave, kataññū hoti katavedī. Sabbhi hetaṃ, bhikkhave, upaññātaṃ yadidaṃ kataññutā kataveditā. Kevalā esā, bhikkhave, sappurisabhūmi yadidaṃ kataññutā kataveditā’’ti.
๓๔. ‘‘ทฺวินฺนาหํ, ภิกฺขเว, น สุปฺปติการํ วทามิฯ กตเมสํ ทฺวินฺนํ? มาตุ จ ปิตุ จฯ เอเกน, ภิกฺขเว, อํเสน มาตรํ ปริหเรยฺย , เอเกน อํเสน ปิตรํ ปริหเรยฺย วสฺสสตายุโก วสฺสสตชีวี โส จ เนสํ อุจฺฉาทนปริมทฺทนนฺหาปนสมฺพาหเนนฯ เต จ ตเตฺถว มุตฺตกรีสํ จเชยฺยุํฯ น เตฺวว, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ กตํ วา โหติ ปฎิกตํ วาฯ อิมิสฺสา จ, ภิกฺขเว, มหาปถวิยา ปหูตรตฺตรตนาย 1 มาตาปิตโร อิสฺสราธิปเจฺจ รเชฺช ปติฎฺฐาเปยฺย, น เตฺวว, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ กตํ วา โหติ ปฎิกตํ วาฯ ตํ กิสฺส เหตุ? พหุการา 2, ภิกฺขเว, มาตาปิตโร ปุตฺตานํ อาปาทกา โปสกา อิมสฺส โลกสฺส ทเสฺสตาโรฯ โย จ โข, ภิกฺขเว, มาตาปิตโร อสฺสเทฺธ สทฺธาสมฺปทาย สมาทเปติ นิเวเสติ ปติฎฺฐาเปติ, ทุสฺสีเล สีลสมฺปทาย สมาทเปติ นิเวเสติ ปติฎฺฐาเปติ, มจฺฉรี จาคสมฺปทาย สมาทเปติ นิเวเสติ ปติฎฺฐาเปติ, ทุปฺปเญฺญ ปญฺญาสมฺปทาย สมาทเปติ นิเวเสติ ปติฎฺฐาเปติ, เอตฺตาวตา โข, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ กตญฺจ โหติ ปฎิกตญฺจา’’ติ 3ฯ
34. ‘‘Dvinnāhaṃ, bhikkhave, na suppatikāraṃ vadāmi. Katamesaṃ dvinnaṃ? Mātu ca pitu ca. Ekena, bhikkhave, aṃsena mātaraṃ parihareyya , ekena aṃsena pitaraṃ parihareyya vassasatāyuko vassasatajīvī so ca nesaṃ ucchādanaparimaddananhāpanasambāhanena. Te ca tattheva muttakarīsaṃ cajeyyuṃ. Na tveva, bhikkhave, mātāpitūnaṃ kataṃ vā hoti paṭikataṃ vā. Imissā ca, bhikkhave, mahāpathaviyā pahūtarattaratanāya 4 mātāpitaro issarādhipacce rajje patiṭṭhāpeyya, na tveva, bhikkhave, mātāpitūnaṃ kataṃ vā hoti paṭikataṃ vā. Taṃ kissa hetu? Bahukārā 5, bhikkhave, mātāpitaro puttānaṃ āpādakā posakā imassa lokassa dassetāro. Yo ca kho, bhikkhave, mātāpitaro assaddhe saddhāsampadāya samādapeti niveseti patiṭṭhāpeti, dussīle sīlasampadāya samādapeti niveseti patiṭṭhāpeti, maccharī cāgasampadāya samādapeti niveseti patiṭṭhāpeti, duppaññe paññāsampadāya samādapeti niveseti patiṭṭhāpeti, ettāvatā kho, bhikkhave, mātāpitūnaṃ katañca hoti paṭikatañcā’’ti 6.
๓๕. อถ โข อญฺญตโร พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ…เป.… เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โส พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิํวาที ภวํ โคตโม กิมกฺขายี’’ติ? ‘‘กิริยวาที จาหํ, พฺราหฺมณ, อกิริยวาที จา’’ติฯ ‘‘ยถากถํ ปน ภวํ โคตโม กิริยวาที จ อกิริยวาที จา’’ติ?
35. Atha kho aññataro brāhmaṇo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ…pe… ekamantaṃ nisinno kho so brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kiṃvādī bhavaṃ gotamo kimakkhāyī’’ti? ‘‘Kiriyavādī cāhaṃ, brāhmaṇa, akiriyavādī cā’’ti. ‘‘Yathākathaṃ pana bhavaṃ gotamo kiriyavādī ca akiriyavādī cā’’ti?
‘‘อกิริยํ โข อหํ, พฺราหฺมณ, วทามิ กายทุจฺจริตสฺส วจีทุจฺจริตสฺส มโนทุจฺจริตสฺส, อเนกวิหิตานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อกิริยํ วทามิฯ กิริยญฺจ โข อหํ, พฺราหฺมณ, วทามิ กายสุจริตสฺส วจีสุจริตสฺส มโนสุจริตสฺส, อเนกวิหิตานํ กุสลานํ ธมฺมานํ กิริยํ วทามิฯ เอวํ โข อหํ, พฺราหฺมณ, กิริยวาที จ อกิริยวาที จา’’ติฯ
‘‘Akiriyaṃ kho ahaṃ, brāhmaṇa, vadāmi kāyaduccaritassa vacīduccaritassa manoduccaritassa, anekavihitānaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ akiriyaṃ vadāmi. Kiriyañca kho ahaṃ, brāhmaṇa, vadāmi kāyasucaritassa vacīsucaritassa manosucaritassa, anekavihitānaṃ kusalānaṃ dhammānaṃ kiriyaṃ vadāmi. Evaṃ kho ahaṃ, brāhmaṇa, kiriyavādī ca akiriyavādī cā’’ti.
‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป.… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ
‘‘Abhikkantaṃ, bho gotama…pe… upāsakaṃ maṃ bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.
๓๖. อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กติ นุ โข, ภเนฺต, โลเก ทกฺขิเณยฺยา, กตฺถ จ ทานํ ทาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘เทฺว โข, คหปติ, โลเก ทกฺขิเณยฺยา – เสโข จ อเสโข จฯ อิเม โข, คหปติ, เทฺว โลเก ทกฺขิเณยฺยา, เอตฺถ จ ทานํ ทาตพฺพ’’นฺติฯ
36. Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati yena bhagavā tenupasaṅkami ; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho anāthapiṇḍiko gahapati bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kati nu kho, bhante, loke dakkhiṇeyyā, kattha ca dānaṃ dātabba’’nti? ‘‘Dve kho, gahapati, loke dakkhiṇeyyā – sekho ca asekho ca. Ime kho, gahapati, dve loke dakkhiṇeyyā, ettha ca dānaṃ dātabba’’nti.
อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน 7 สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
Idamavoca bhagavā. Idaṃ vatvāna 8 sugato athāparaṃ etadavoca satthā –
‘‘เสโข อเสโข จ อิมสฺมิํ โลเก,
‘‘Sekho asekho ca imasmiṃ loke,
อาหุเนยฺยา ยชมานานํ โหนฺติ;
Āhuneyyā yajamānānaṃ honti;
เขตฺตํ ตํ ยชมานานํ, เอตฺถ ทินฺนํ มหปฺผล’’นฺติฯ
Khettaṃ taṃ yajamānānaṃ, ettha dinnaṃ mahapphala’’nti.
๓๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สาริปุโตฺต สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเทฯ ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อาวุโส ภิกฺขเว’’ติฯ ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา สาริปุโตฺต เอตทโวจ – ‘‘อชฺฌตฺตสํโยชนญฺจ, อาวุโส, ปุคฺคลํ เทเสสฺสามิ พหิทฺธาสํโยชนญฺจฯ ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา สาริปุโตฺต เอตทโวจ –
37. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena āyasmā sāriputto sāvatthiyaṃ viharati pubbārāme migāramātupāsāde. Tatra kho āyasmā sāriputto bhikkhū āmantesi – ‘‘āvuso bhikkhave’’ti. ‘‘Āvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato sāriputtassa paccassosuṃ. Āyasmā sāriputto etadavoca – ‘‘ajjhattasaṃyojanañca, āvuso, puggalaṃ desessāmi bahiddhāsaṃyojanañca. Taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato sāriputtassa paccassosuṃ. Āyasmā sāriputto etadavoca –
‘‘กตโม จาวุโส, อชฺฌตฺตสํโยชโน ปุคฺคโล? อิธาวุโส, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปโนฺน , อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อญฺญตรํ เทวนิกายํ อุปปชฺชติฯ โส ตโต จุโต อาคามี โหติ, อาคนฺตา อิตฺถตฺตํฯ อยํ วุจฺจติ, อาวุโส, อชฺฌตฺตสํโยชโน ปุคฺคโล อาคามี โหติ, อาคนฺตา อิตฺถตฺตํฯ
‘‘Katamo cāvuso, ajjhattasaṃyojano puggalo? Idhāvuso, bhikkhu sīlavā hoti, pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharati ācāragocarasampanno , aṇumattesu vajjesu bhayadassāvī, samādāya sikkhati sikkhāpadesu. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā aññataraṃ devanikāyaṃ upapajjati. So tato cuto āgāmī hoti, āgantā itthattaṃ. Ayaṃ vuccati, āvuso, ajjhattasaṃyojano puggalo āgāmī hoti, āgantā itthattaṃ.
‘‘กตโม จาวุโส, พหิทฺธาสํโยชโน ปุคฺคโล? อิธาวุโส, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปโนฺน, อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ โส อญฺญตรํ สนฺตํ เจโตวิมุตฺติํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อญฺญตรํ เทวนิกายํ อุปปชฺชติฯ โส ตโต จุโต อนาคามี โหติ, อนาคนฺตา อิตฺถตฺตํฯ อยํ วุจฺจตาวุโส, พหิทฺธาสํโยชโน ปุคฺคโล อนาคามี โหติ, อนาคนฺตา อิตฺถตฺตํฯ
‘‘Katamo cāvuso, bahiddhāsaṃyojano puggalo? Idhāvuso, bhikkhu sīlavā hoti, pātimokkhasaṃvarasaṃvuto viharati ācāragocarasampanno, aṇumattesu vajjesu bhayadassāvī, samādāya sikkhati sikkhāpadesu. So aññataraṃ santaṃ cetovimuttiṃ upasampajja viharati. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā aññataraṃ devanikāyaṃ upapajjati. So tato cuto anāgāmī hoti, anāgantā itthattaṃ. Ayaṃ vuccatāvuso, bahiddhāsaṃyojano puggalo anāgāmī hoti, anāgantā itthattaṃ.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สีลวา โหติ…เป.… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ โส กามานํเยว นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฎิปโนฺน โหติฯ โส ภวานํเยว นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฎิปโนฺน โหติฯ โส ตณฺหากฺขยาย ปฎิปโนฺน โหติฯ โส โลภกฺขยาย ปฎิปโนฺน โหติฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อญฺญตรํ เทวนิกายํ อุปปชฺชติฯ โส ตโต จุโต อนาคามี โหติ, อนาคนฺตา อิตฺถตฺตํฯ อยํ วุจฺจตาวุโส, พหิทฺธาสํโยชโน ปุคฺคโล อนาคามี โหติ, อนาคนฺตา อิตฺถตฺต’’นฺติฯ
‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu sīlavā hoti…pe… samādāya sikkhati sikkhāpadesu. So kāmānaṃyeva nibbidāya virāgāya nirodhāya paṭipanno hoti. So bhavānaṃyeva nibbidāya virāgāya nirodhāya paṭipanno hoti. So taṇhākkhayāya paṭipanno hoti. So lobhakkhayāya paṭipanno hoti. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā aññataraṃ devanikāyaṃ upapajjati. So tato cuto anāgāmī hoti, anāgantā itthattaṃ. Ayaṃ vuccatāvuso, bahiddhāsaṃyojano puggalo anāgāmī hoti, anāgantā itthatta’’nti.
อถ โข สมฺพหุลา สมจิตฺตา เทวตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข ตา เทวตา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘เอโส, ภเนฺต, อายสฺมา สาริปุโตฺต ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท ภิกฺขูนํ อชฺฌตฺตสํโยชนญฺจ ปุคฺคลํ เทเสติ พหิทฺธาสํโยชนญฺจฯ หฎฺฐา, ภเนฺต, ปริสาฯ สาธุ, ภเนฺต, ภควา เยนายสฺมา สาริปุโตฺต เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข ภควา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ 11 วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย , เอวเมวํ – เชตวเน อนฺตรหิโต ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สมฺมุเข ปาตุรโหสิฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญเตฺต อาสเนฯ อายสฺมาปิ โข สาริปุโตฺต ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ภควา เอตทโวจ –
Atha kho sambahulā samacittā devatā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Ekamantaṃ ṭhitā kho tā devatā bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘eso, bhante, āyasmā sāriputto pubbārāme migāramātupāsāde bhikkhūnaṃ ajjhattasaṃyojanañca puggalaṃ deseti bahiddhāsaṃyojanañca. Haṭṭhā, bhante, parisā. Sādhu, bhante, bhagavā yenāyasmā sāriputto tenupasaṅkamatu anukampaṃ upādāyā’’ti. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena. Atha kho bhagavā – seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ 12 vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya , evamevaṃ – jetavane antarahito pubbārāme migāramātupāsāde āyasmato sāriputtassa sammukhe pāturahosi. Nisīdi bhagavā paññatte āsane. Āyasmāpi kho sāriputto bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho āyasmantaṃ sāriputtaṃ bhagavā etadavoca –
‘‘อิธ, สาริปุตฺต, สมฺพหุลา สมจิตฺตา เทวตา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข, สาริปุตฺต, ตา เทวตา มํ เอตทโวจุํ – ‘เอโส, ภเนฺต, อายสฺมา สาริปุโตฺต ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท ภิกฺขูนํ อชฺฌตฺตสํโยชนญฺจ ปุคฺคลํ เทเสติ พหิทฺธาสํโยชนญฺจฯ หฎฺฐา, ภเนฺต, ปริสาฯ สาธุ, ภเนฺต, ภควา เยน อายสฺมา สาริปุโตฺต เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’ติฯ ตา โข ปน, สาริปุตฺต, เทวตา ทสปิ หุตฺวา วีสมฺปิ หุตฺวา ติํสมฺปิ หุตฺวา จตฺตาลีสมฺปิ หุตฺวา ปญฺญาสมฺปิ หุตฺวา สฎฺฐิปิ หุตฺวา อารคฺคโกฎินิตุทนมเตฺตปิ ติฎฺฐนฺติ, น จ อญฺญมญฺญํ พฺยาพาเธนฺติ 13ฯ สิยา โข ปน 14, สาริปุตฺต, เอวมสฺส – ‘ตตฺถ นูน ตาสํ เทวตานํ ตถา จิตฺตํ ภาวิตํ เยน ตา เทวตา ทสปิ หุตฺวา วีสมฺปิ หุตฺวา ติํสมฺปิ หุตฺวา จตฺตาลีสมฺปิ หุตฺวา ปญฺญาสมฺปิ หุตฺวา สฎฺฐิปิ หุตฺวา อารคฺคโกฎินิตุทนมเตฺตปิ ติฎฺฐนฺติ น จ อญฺญมญฺญํ พฺยาพาเธนฺตี’ติฯ น โข ปเนตํ, สาริปุตฺต, เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ อิเธว โข, สาริปุตฺต, ตาสํ เทวตานํ ตถา จิตฺตํ ภาวิตํ, เยน ตา เทวตา ทสปิ หุตฺวา…เป.… น จ อญฺญมญฺญํ พฺยาพาเธนฺติฯ ตสฺมาติห, สาริปุตฺต, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘สนฺตินฺทฺริยา ภวิสฺสาม สนฺตมานสา’ติฯ เอวญฺหิ โว, สาริปุตฺต, สิกฺขิตพฺพํฯ ‘สนฺตินฺทฺริยานญฺหิ โว, สาริปุตฺต, สนฺตมานสานํ สนฺตํเยว กายกมฺมํ ภวิสฺสติ สนฺตํ วจีกมฺมํ สนฺตํ มโนกมฺมํฯ สนฺตํเยว อุปหารํ อุปหริสฺสาม สพฺรหฺมจารีสู’ติฯ ‘เอวญฺหิ โว, สาริปุตฺต, สิกฺขิตพฺพํฯ อนสฺสุํ โข, สาริปุตฺต, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เย อิมํ ธมฺมปริยายํ นาโสฺสสุ’’’นฺติฯ
‘‘Idha, sāriputta, sambahulā samacittā devatā yenāhaṃ tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Ekamantaṃ ṭhitā kho, sāriputta, tā devatā maṃ etadavocuṃ – ‘eso, bhante, āyasmā sāriputto pubbārāme migāramātupāsāde bhikkhūnaṃ ajjhattasaṃyojanañca puggalaṃ deseti bahiddhāsaṃyojanañca. Haṭṭhā, bhante, parisā. Sādhu, bhante, bhagavā yena āyasmā sāriputto tenupasaṅkamatu anukampaṃ upādāyā’ti. Tā kho pana, sāriputta, devatā dasapi hutvā vīsampi hutvā tiṃsampi hutvā cattālīsampi hutvā paññāsampi hutvā saṭṭhipi hutvā āraggakoṭinitudanamattepi tiṭṭhanti, na ca aññamaññaṃ byābādhenti 15. Siyā kho pana 16, sāriputta, evamassa – ‘tattha nūna tāsaṃ devatānaṃ tathā cittaṃ bhāvitaṃ yena tā devatā dasapi hutvā vīsampi hutvā tiṃsampi hutvā cattālīsampi hutvā paññāsampi hutvā saṭṭhipi hutvā āraggakoṭinitudanamattepi tiṭṭhanti na ca aññamaññaṃ byābādhentī’ti. Na kho panetaṃ, sāriputta, evaṃ daṭṭhabbaṃ. Idheva kho, sāriputta, tāsaṃ devatānaṃ tathā cittaṃ bhāvitaṃ, yena tā devatā dasapi hutvā…pe… na ca aññamaññaṃ byābādhenti. Tasmātiha, sāriputta, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘santindriyā bhavissāma santamānasā’ti. Evañhi vo, sāriputta, sikkhitabbaṃ. ‘Santindriyānañhi vo, sāriputta, santamānasānaṃ santaṃyeva kāyakammaṃ bhavissati santaṃ vacīkammaṃ santaṃ manokammaṃ. Santaṃyeva upahāraṃ upaharissāma sabrahmacārīsū’ti. ‘Evañhi vo, sāriputta, sikkhitabbaṃ. Anassuṃ kho, sāriputta, aññatitthiyā paribbājakā ye imaṃ dhammapariyāyaṃ nāssosu’’’nti.
๓๘. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา มหากจฺจาโน วรณายํ วิหรติ ภทฺทสาริตีเร 17ฯ อถ โข อารามทโณฺฑ พฺราหฺมโณ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา มหากจฺจาเนน สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อารามทโณฺฑ พฺราหฺมโณ อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, โภ กจฺจาน, เหตุ โก ปจฺจโย เยน ขตฺติยาปิ ขตฺติเยหิ วิวทนฺติ, พฺราหฺมณาปิ พฺราหฺมเณหิ วิวทนฺติ, คหปติกาปิ คหปติเกหิ วิวทนฺตี’’ติ? ‘‘กามราคาภินิเวสวินิพนฺธ 18 ปลิเคธปริยุฎฺฐานโชฺฌสานเหตุ โข, พฺราหฺมณ, ขตฺติยาปิ ขตฺติเยหิ วิวทนฺติ, พฺราหฺมณาปิ พฺราหฺมเณหิ วิวทนฺติ, คหปติกาปิ คหปติเกหิ วิวทนฺตี’’ติฯ
38. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ āyasmā mahākaccāno varaṇāyaṃ viharati bhaddasāritīre 19. Atha kho ārāmadaṇḍo brāhmaṇo yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmatā mahākaccānena saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho ārāmadaṇḍo brāhmaṇo āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etadavoca – ‘‘ko nu kho, bho kaccāna, hetu ko paccayo yena khattiyāpi khattiyehi vivadanti, brāhmaṇāpi brāhmaṇehi vivadanti, gahapatikāpi gahapatikehi vivadantī’’ti? ‘‘Kāmarāgābhinivesavinibandha 20 paligedhapariyuṭṭhānajjhosānahetu kho, brāhmaṇa, khattiyāpi khattiyehi vivadanti, brāhmaṇāpi brāhmaṇehi vivadanti, gahapatikāpi gahapatikehi vivadantī’’ti.
‘‘โก ปน, โภ กจฺจาน, เหตุ โก ปจฺจโย เยน สมณาปิ สมเณหิ วิวทนฺตี’’ติ? ‘‘ทิฎฺฐิราคาภินิเวสวินิพนฺธปลิเคธปริยุฎฺฐานโชฺฌสานเหตุ โข, พฺราหฺมณ, สมณาปิ สมเณหิ วิวทนฺตี’’ติฯ
‘‘Ko pana, bho kaccāna, hetu ko paccayo yena samaṇāpi samaṇehi vivadantī’’ti? ‘‘Diṭṭhirāgābhinivesavinibandhapaligedhapariyuṭṭhānajjhosānahetu kho, brāhmaṇa, samaṇāpi samaṇehi vivadantī’’ti.
‘‘อตฺถิ ปน, โภ กจฺจาน, โกจิ โลกสฺมิํ โย อิมเญฺจว กามราคาภินิเวสวินิพนฺธปลิเคธปริยุฎฺฐานโชฺฌสานํ สมติกฺกโนฺต, อิมญฺจ ทิฎฺฐิราคาภินิเวสวินิพนฺธปลิเคธปริยุฎฺฐานโชฺฌสานํ สมติกฺกโนฺต’’ติ? ‘‘อตฺถิ, พฺราหฺมณ, โลกสฺมิํ โย อิมเญฺจว กามราคาภินิเวสวินิพนฺธปลิเคธปริยุฎฺฐานโชฺฌสานํ สมติกฺกโนฺต, อิมญฺจ ทิฎฺฐิราคาภินิเวสวินิพนฺธปลิเคธปริยุฎฺฐานโชฺฌสานํ สมติกฺกโนฺต’’ติฯ
‘‘Atthi pana, bho kaccāna, koci lokasmiṃ yo imañceva kāmarāgābhinivesavinibandhapaligedhapariyuṭṭhānajjhosānaṃ samatikkanto, imañca diṭṭhirāgābhinivesavinibandhapaligedhapariyuṭṭhānajjhosānaṃ samatikkanto’’ti? ‘‘Atthi, brāhmaṇa, lokasmiṃ yo imañceva kāmarāgābhinivesavinibandhapaligedhapariyuṭṭhānajjhosānaṃ samatikkanto, imañca diṭṭhirāgābhinivesavinibandhapaligedhapariyuṭṭhānajjhosānaṃ samatikkanto’’ti.
‘‘โก ปน โส, โภ กจฺจาน, โลกสฺมิํ โย อิมเญฺจว กาคราคาภินิเวสวินิพนฺธปลิเคธปริยุฎฺฐานโชฺฌสานํ สมติกฺกโนฺต, อิมญฺจ ทิฎฺฐิราคาภินิเวสวินิพนฺธปลิเคธปริยุฎฺฐานโชฺฌสานํ สมติกฺกโนฺต’’ติ? ‘‘อตฺถิ, พฺราหฺมณ, ปุรตฺถิเมสุ ชนปเทสุ สาวตฺถี นาม นครํฯ ตตฺถ โส ภควา เอตรหิ วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธฯ โส หิ, พฺราหฺมณ, ภควา อิมเญฺจว กามราคาภินิเวสวินิพนฺธปลิเคธปริยุฎฺฐานโชฺฌสานํ สมติกฺกโนฺต , อิมญฺจ ทิฎฺฐิราคาภินิเวสวินิพนฺธปลิเคธปริยุฎฺฐานโชฺฌสานํ สมติกฺกโนฺต’’ติฯ
‘‘Ko pana so, bho kaccāna, lokasmiṃ yo imañceva kāgarāgābhinivesavinibandhapaligedhapariyuṭṭhānajjhosānaṃ samatikkanto, imañca diṭṭhirāgābhinivesavinibandhapaligedhapariyuṭṭhānajjhosānaṃ samatikkanto’’ti? ‘‘Atthi, brāhmaṇa, puratthimesu janapadesu sāvatthī nāma nagaraṃ. Tattha so bhagavā etarahi viharati arahaṃ sammāsambuddho. So hi, brāhmaṇa, bhagavā imañceva kāmarāgābhinivesavinibandhapaligedhapariyuṭṭhānajjhosānaṃ samatikkanto , imañca diṭṭhirāgābhinivesavinibandhapaligedhapariyuṭṭhānajjhosānaṃ samatikkanto’’ti.
เอวํ วุเตฺต อารามทโณฺฑ พฺราหฺมโณ อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ทกฺขิณํ ชาณุมณฺฑลํ ปถวิยํ นิหนฺตฺวา เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ –
Evaṃ vutte ārāmadaṇḍo brāhmaṇo uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā dakkhiṇaṃ jāṇumaṇḍalaṃ pathaviyaṃ nihantvā yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā tikkhattuṃ udānaṃ udānesi –
‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ โย หิ โส ภควา อิมเญฺจว กามราคาภินิเวสวินิพนฺธปลิเคธปริยุฎฺฐานโชฺฌสานํ สมติกฺกโนฺต, อิมญฺจ ทิฎฺฐิราคาภินิเวสวินิพนฺธปลิเคธปริยุฎฺฐานโชฺฌสานํ สมติกฺกโนฺต’’ติฯ
‘‘Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa, namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa, namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa. Yo hi so bhagavā imañceva kāmarāgābhinivesavinibandhapaligedhapariyuṭṭhānajjhosānaṃ samatikkanto, imañca diṭṭhirāgābhinivesavinibandhapaligedhapariyuṭṭhānajjhosānaṃ samatikkanto’’ti.
‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ กจฺจาน, อภิกฺกนฺตํ, โภ กจฺจาน! เสยฺยถาปิ, โภ กจฺจาน, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย – ‘จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ, เอวเมวํ โภตา กจฺจาเนน อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, โภ กจฺจาน, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ ภวํ กจฺจาโน ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ
‘‘Abhikkantaṃ, bho kaccāna, abhikkantaṃ, bho kaccāna! Seyyathāpi, bho kaccāna, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya – ‘cakkhumanto rūpāni dakkhantī’ti, evamevaṃ bhotā kaccānena anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ, bho kaccāna, taṃ bhavantaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsakaṃ maṃ bhavaṃ kaccāno dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.
๓๙. เอกํ สมยํ อายสฺมา มหากจฺจาโน มธุรายํ วิหรติ คุนฺทาวเนฯ อถ โข กนฺทรายโน 21 พฺราหฺมโณ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา มหากจฺจาเนน สทฺธิํ…เป.… เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข กนฺทรายโน พฺราหฺมโณ อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, โภ กจฺจาน, ‘น สมโณ กจฺจาโน พฺราหฺมเณ ชิเณฺณ วุเทฺธ มหลฺลเก อทฺธคเต วโยอนุปฺปเตฺต อภิวาเทติ วา ปจฺจุเฎฺฐติ วา อาสเนน วา นิมเนฺตตี’ติฯ ตยิทํ, โภ กจฺจาน, ตเถว? น หิ ภวํ กจฺจาโน พฺราหฺมเณ ชิเณฺณ วุเทฺธ มหลฺลเก อทฺธคเต วโยอนุปฺปเตฺต อภิวาเทติ วา ปจฺจุเฎฺฐติ วา อาสเนน วา นิมเนฺตติฯ ตยิทํ, โภ กจฺจาน, น สมฺปนฺนเมวา’’ติฯ
39. Ekaṃ samayaṃ āyasmā mahākaccāno madhurāyaṃ viharati gundāvane. Atha kho kandarāyano 22 brāhmaṇo yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmatā mahākaccānena saddhiṃ…pe… ekamantaṃ nisinno kho kandarāyano brāhmaṇo āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bho kaccāna, ‘na samaṇo kaccāno brāhmaṇe jiṇṇe vuddhe mahallake addhagate vayoanuppatte abhivādeti vā paccuṭṭheti vā āsanena vā nimantetī’ti. Tayidaṃ, bho kaccāna, tatheva? Na hi bhavaṃ kaccāno brāhmaṇe jiṇṇe vuddhe mahallake addhagate vayoanuppatte abhivādeti vā paccuṭṭheti vā āsanena vā nimanteti. Tayidaṃ, bho kaccāna, na sampannamevā’’ti.
‘‘อตฺถิ, พฺราหฺมณ, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน วุทฺธภูมิ จ อกฺขาตา ทหรภูมิ จฯ วุโทฺธ เจปิ, พฺราหฺมณ, โหติ อาสีติโก วา นาวุติโก วา วสฺสสติโก วา ชาติยา, โส จ กาเม ปริภุญฺชติ กามมชฺฌาวสติ กามปริฬาเหน ปริฑยฺหติ กามวิตเกฺกหิ ขชฺชติ กามปริเยสนาย อุสฺสุโกฯ อถ โข โส พาโล น เถโรเตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉติฯ ทหโร เจปิ, พฺราหฺมณ, โหติ ยุวา สุสุกาฬเกโส ภเทฺรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปฐเมน วยสา ฯ โส จ น กาเม ปริภุญฺชติ น กามมชฺฌาวสติ, น กามปริฬาเหน ปริฑยฺหติ, น กามวิตเกฺกหิ ขชฺชติ, น กามปริเยสนาย อุสฺสุโกฯ อถ โข โส ปณฺฑิโต เถโรเตฺวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติฯ
‘‘Atthi, brāhmaṇa, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena vuddhabhūmi ca akkhātā daharabhūmi ca. Vuddho cepi, brāhmaṇa, hoti āsītiko vā nāvutiko vā vassasatiko vā jātiyā, so ca kāme paribhuñjati kāmamajjhāvasati kāmapariḷāhena pariḍayhati kāmavitakkehi khajjati kāmapariyesanāya ussuko. Atha kho so bālo na therotveva saṅkhyaṃ gacchati. Daharo cepi, brāhmaṇa, hoti yuvā susukāḷakeso bhadrena yobbanena samannāgato paṭhamena vayasā . So ca na kāme paribhuñjati na kāmamajjhāvasati, na kāmapariḷāhena pariḍayhati, na kāmavitakkehi khajjati, na kāmapariyesanāya ussuko. Atha kho so paṇḍito therotveva saṅkhyaṃ gacchatī’’ti.
เอวํ วุเตฺต กนฺทรายโน พฺราหฺมโณ อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ทหรานํ สตํ 23 ภิกฺขูนํ ปาเท สิรสา วนฺทติ – ‘‘วุทฺธา ภวโนฺต, วุทฺธภูมิยํ ฐิตาฯ ทหรา มยํ, ทหรภูมิยํ ฐิตา’’ติฯ
Evaṃ vutte kandarāyano brāhmaṇo uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā daharānaṃ sataṃ 24 bhikkhūnaṃ pāde sirasā vandati – ‘‘vuddhā bhavanto, vuddhabhūmiyaṃ ṭhitā. Daharā mayaṃ, daharabhūmiyaṃ ṭhitā’’ti.
‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ กจฺจาน…เป.… อุปาสกํ มํ ภวํ กจฺจาโน ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ
‘‘Abhikkantaṃ, bho kaccāna…pe… upāsakaṃ maṃ bhavaṃ kaccāno dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.
๔๐. ‘‘ยสฺมิํ, ภิกฺขเว, สมเย โจรา พลวโนฺต โหนฺติ, ราชาโน ตสฺมิํ สมเย ทุพฺพลา โหนฺติฯ ตสฺมิํ, ภิกฺขเว, สมเย รโญฺญ น ผาสุ โหติ อติยาตุํ วา นิยฺยาตุํ วา ปจฺจนฺติเม วา ชนปเท อนุสญฺญาตุํฯ พฺราหฺมณคหปติกานมฺปิ ตสฺมิํ สมเย น ผาสุ โหติ อติยาตุํ วา นิยฺยาตุํ วา พาหิรานิ วา กมฺมนฺตานิ ปฎิเวกฺขิตุํฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยสฺมิํ สมเย ปาปภิกฺขู พลวโนฺต โหนฺติ, เปสลา ภิกฺขู ตสฺมิํ สมเย ทุพฺพลา โหนฺติฯ ตสฺมิํ, ภิกฺขเว, สมเย เปสลา ภิกฺขู ตุณฺหีภูตา ตุณฺหีภูตาว สงฺฆมเชฺฌ สงฺกสายนฺติ 25 ปจฺจนฺติเม วา ชนปเท อจฺฉนฺติ 26ฯ ตยิทํ, ภิกฺขเว, โหติ พหุชนาหิตาย พหุชนาสุขาย, พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํฯ
40. ‘‘Yasmiṃ, bhikkhave, samaye corā balavanto honti, rājāno tasmiṃ samaye dubbalā honti. Tasmiṃ, bhikkhave, samaye rañño na phāsu hoti atiyātuṃ vā niyyātuṃ vā paccantime vā janapade anusaññātuṃ. Brāhmaṇagahapatikānampi tasmiṃ samaye na phāsu hoti atiyātuṃ vā niyyātuṃ vā bāhirāni vā kammantāni paṭivekkhituṃ. Evamevaṃ kho, bhikkhave, yasmiṃ samaye pāpabhikkhū balavanto honti, pesalā bhikkhū tasmiṃ samaye dubbalā honti. Tasmiṃ, bhikkhave, samaye pesalā bhikkhū tuṇhībhūtā tuṇhībhūtāva saṅghamajjhe saṅkasāyanti 27 paccantime vā janapade acchanti 28. Tayidaṃ, bhikkhave, hoti bahujanāhitāya bahujanāsukhāya, bahuno janassa anatthāya ahitāya dukkhāya devamanussānaṃ.
‘‘ยสฺมิํ , ภิกฺขเว, สมเย ราชาโน พลวโนฺต โหนฺติ, โจรา ตสฺมิํ สมเย ทุพฺพลา โหนฺติฯ ตสฺมิํ, ภิกฺขเว, สมเย รโญฺญ ผาสุ โหติ อติยาตุํ วา นิยฺยาตุํ วา ปจฺจนฺติเม วา ชนปเท อนุสญฺญาตุํฯ พฺราหฺมณคหปติกานมฺปิ ตสฺมิํ สมเย ผาสุ โหติ อติยาตุํ วา นิยฺยาตุํ วา พาหิรานิ วา กมฺมนฺตานิ ปฎิเวกฺขิตุํฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยสฺมิํ สมเย เปสลา ภิกฺขู พลวโนฺต โหนฺติ, ปาปภิกฺขู ตสฺมิํ สมเย ทุพฺพลา โหนฺติฯ ตสฺมิํ, ภิกฺขเว, สมเย ปาปภิกฺขู ตุณฺหีภูตา ตุณฺหีภูตาว สงฺฆมเชฺฌ สงฺกสายนฺติ, เยน วา ปน เตน ปกฺกมนฺติ 29ฯ ตยิทํ, ภิกฺขเว, โหติ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย, พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’’นฺติฯ
‘‘Yasmiṃ , bhikkhave, samaye rājāno balavanto honti, corā tasmiṃ samaye dubbalā honti. Tasmiṃ, bhikkhave, samaye rañño phāsu hoti atiyātuṃ vā niyyātuṃ vā paccantime vā janapade anusaññātuṃ. Brāhmaṇagahapatikānampi tasmiṃ samaye phāsu hoti atiyātuṃ vā niyyātuṃ vā bāhirāni vā kammantāni paṭivekkhituṃ. Evamevaṃ kho, bhikkhave, yasmiṃ samaye pesalā bhikkhū balavanto honti, pāpabhikkhū tasmiṃ samaye dubbalā honti. Tasmiṃ, bhikkhave, samaye pāpabhikkhū tuṇhībhūtā tuṇhībhūtāva saṅghamajjhe saṅkasāyanti, yena vā pana tena pakkamanti 30. Tayidaṃ, bhikkhave, hoti bahujanahitāya bahujanasukhāya, bahuno janassa atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’’nti.
๔๑. ‘‘ทฺวินฺนาหํ , ภิกฺขเว, มิจฺฉาปฎิปตฺติํ น วเณฺณมิ, คิหิสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วาฯ คิหี วา, ภิกฺขเว, ปพฺพชิโต วา มิจฺฉาปฎิปโนฺน มิจฺฉาปฎิปตฺตาธิกรณเหตุ น อาราธโก โหติ ญายํ ธมฺมํ กุสลํฯ
41. ‘‘Dvinnāhaṃ , bhikkhave, micchāpaṭipattiṃ na vaṇṇemi, gihissa vā pabbajitassa vā. Gihī vā, bhikkhave, pabbajito vā micchāpaṭipanno micchāpaṭipattādhikaraṇahetu na ārādhako hoti ñāyaṃ dhammaṃ kusalaṃ.
‘‘ทฺวินฺนาหํ, ภิกฺขเว, สมฺมาปฎิปตฺติํ วเณฺณมิ, คิหิสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วาฯ คิหี วา, ภิกฺขเว, ปพฺพชิโต วา สมฺมาปฎิปโนฺน สมฺมาปฎิปตฺตาธิกรณเหตุ อาราธโก โหติ ญายํ ธมฺมํ กุสล’’นฺติฯ
‘‘Dvinnāhaṃ, bhikkhave, sammāpaṭipattiṃ vaṇṇemi, gihissa vā pabbajitassa vā. Gihī vā, bhikkhave, pabbajito vā sammāpaṭipanno sammāpaṭipattādhikaraṇahetu ārādhako hoti ñāyaṃ dhammaṃ kusala’’nti.
๔๒. ‘‘เย เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ทุคฺคหิเตหิ สุตฺตเนฺตหิ พฺยญฺชนปฺปติรูปเกหิ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ ปฎิวาหนฺติ เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู พหุชนาหิตาย ปฎิปนฺนา พหุชนาสุขาย, พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํฯ พหุญฺจ เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อปุญฺญํ ปสวนฺติ, เต จิมํ สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปนฺติฯ
42. ‘‘Ye te, bhikkhave, bhikkhū duggahitehi suttantehi byañjanappatirūpakehi atthañca dhammañca paṭivāhanti te, bhikkhave, bhikkhū bahujanāhitāya paṭipannā bahujanāsukhāya, bahuno janassa anatthāya ahitāya dukkhāya devamanussānaṃ. Bahuñca te, bhikkhave, bhikkhū apuññaṃ pasavanti, te cimaṃ saddhammaṃ antaradhāpenti.
‘‘เย เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู สุคฺคหิเตหิ สุตฺตเนฺตหิ พฺยญฺชนปฺปติรูปเกหิ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ อนุโลเมนฺติ เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู พหุชนหิตาย ปฎิปนฺนา พหุชนสุขาย, พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํฯ พหุญฺจ เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ปุญฺญํ ปสวนฺติ, เต จิมํ สทฺธมฺมํ ฐเปนฺตี’’ติฯ
‘‘Ye te, bhikkhave, bhikkhū suggahitehi suttantehi byañjanappatirūpakehi atthañca dhammañca anulomenti te, bhikkhave, bhikkhū bahujanahitāya paṭipannā bahujanasukhāya, bahuno janassa atthāya hitāya sukhāya devamanussānaṃ. Bahuñca te, bhikkhave, bhikkhū puññaṃ pasavanti, te cimaṃ saddhammaṃ ṭhapentī’’ti.
สมจิตฺตวโคฺค จตุโตฺถฯ
Samacittavaggo catuttho.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๔. สมจิตฺตวคฺควณฺณนา • 4. Samacittavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๔. สมจิตฺตวคฺควณฺณนา • 4. Samacittavaggavaṇṇanā