Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā

    ๓. สมาธิภาวนามยญาณนิเทฺทสวณฺณนา

    3. Samādhibhāvanāmayañāṇaniddesavaṇṇanā

    ๔๓. สมาธิภาวนามยญาณนิเทฺทเส อาทิโต ตาว เอกกโต ปฎฺฐาย ยาว ทสกา สมาธิปฺปเภทํ ทเสฺสโนฺต เอโก สมาธีติอาทิมาหฯ ตตฺถ จิตฺตสฺส เอกคฺคตาติ นานารมฺมณวิเกฺขปาภาวโต เอกํ อารมฺมณํ อคฺคํ อุตฺตมํ อสฺสาติ เอกโคฺค, เอกคฺคสฺส ภาโว เอกคฺคตาฯ สา ปน เอกคฺคตา จิตฺตสฺส, น สตฺตสฺสาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘จิตฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ ทุเก โลกิโยติ โลโก วุจฺจติ ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐน วฎฺฎํ, ตสฺมิํ ปริยาปนฺนภาเวน โลเก นิยุโตฺตติ โลกิโยฯ โลกุตฺตโรติ อุตฺติโณฺณติ อุตฺตโร, โลเก อปริยาปนฺนภาเวน โลกโต อุตฺตโรติ โลกุตฺตโรฯ ติเก สวิตโกฺก จ โส สวิจาโร จาติ สวิตกฺกสวิจาโรฯ เอวํ อวิตกฺกอวิจาโรฯ วิตกฺกวิจาเรสุ วิจาโรว มตฺตา ปมาณํ เอตสฺสาติ วิจารมโตฺต, วิจารโต อุตฺถริ วิตเกฺกน สทฺธิํ สมฺปโยคํ น คจฺฉตีติ อโตฺถฯ อวิตโกฺก จ โส วิจารมโตฺต จาติ อวิตกฺกวิจารมโตฺตฯ ตีสุปิ วิเจฺฉทํ กตฺวาปิ ปฐนฺติฯ จตุกฺกปญฺจกา วุตฺตตฺถา ฯ ฉเกฺก ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต สติเยว อนุสฺสติ, ปวตฺติตพฺพฎฺฐานมฺหิเยว วา ปวตฺตตฺตา สทฺธาปพฺพชิตสฺส กุลปุตฺตสฺส อนุรูปา สตีติปิ อนุสฺสติ, พุทฺธํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ พอุทฺธานุสฺสติฯ อรหตาทิพุทฺธคุณารมฺมณาย สติยา เอตํ อธิวจนํฯ ตสฺสา พุทฺธานุสฺสติยา วเสน จิตฺตสฺส เอกคฺคตาเยว อุทฺธจฺจสงฺขาตสฺส วิเกฺขปสฺส ปฎิปกฺขภาวโต น วิเกฺขโปติ อวิเกฺขโปฯ ธมฺมํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ ธมฺมานุสฺสติฯ สฺวากฺขาตตาทิธมฺมคุณารมฺมณาย สติยา เอตํ อธิวจนํฯ สงฺฆํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ สงฺฆานุสฺสติฯ สุปฺปฎิปนฺนตาทิสงฺฆคุณารมฺมณาย สติยา เอตํ อธิวจนํ ฯ สีลํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ สีลานุสฺสติฯ อตฺตโน อขณฺฑตาทิสีลคุณารมฺมณาย สติยา เอตํ อธิวจนํฯ จาคํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ จาคานุสฺสติฯ อตฺตโน มุตฺตจาคตาทิจาคคุณารมฺมณาย สติยา เอตํ อธิวจนํฯ เทวตา อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ เทวตานุสฺสติฯ เทวตา สกฺขิฎฺฐาเน ฐเปตฺวา อตฺตโน สทฺธาทิคุณารมฺมณาย สติยา เอตํ อธิวจนํฯ

    43. Samādhibhāvanāmayañāṇaniddese ādito tāva ekakato paṭṭhāya yāva dasakā samādhippabhedaṃ dassento eko samādhītiādimāha. Tattha cittassa ekaggatāti nānārammaṇavikkhepābhāvato ekaṃ ārammaṇaṃ aggaṃ uttamaṃ assāti ekaggo, ekaggassa bhāvo ekaggatā. Sā pana ekaggatā cittassa, na sattassāti dassanatthaṃ ‘‘cittassā’’ti vuttaṃ. Duke lokiyoti loko vuccati lujjanapalujjanaṭṭhena vaṭṭaṃ, tasmiṃ pariyāpannabhāvena loke niyuttoti lokiyo. Lokuttaroti uttiṇṇoti uttaro, loke apariyāpannabhāvena lokato uttaroti lokuttaro. Tike savitakko ca so savicāro cāti savitakkasavicāro. Evaṃ avitakkaavicāro. Vitakkavicāresu vicārova mattā pamāṇaṃ etassāti vicāramatto, vicārato utthari vitakkena saddhiṃ sampayogaṃ na gacchatīti attho. Avitakko ca so vicāramatto cāti avitakkavicāramatto. Tīsupi vicchedaṃ katvāpi paṭhanti. Catukkapañcakā vuttatthā . Chakke punappunaṃ uppajjanato satiyeva anussati, pavattitabbaṭṭhānamhiyeva vā pavattattā saddhāpabbajitassa kulaputtassa anurūpā satītipi anussati, buddhaṃ ārabbha uppannā anussati bauddhānussati. Arahatādibuddhaguṇārammaṇāya satiyā etaṃ adhivacanaṃ. Tassā buddhānussatiyā vasena cittassa ekaggatāyeva uddhaccasaṅkhātassa vikkhepassa paṭipakkhabhāvato na vikkhepoti avikkhepo. Dhammaṃ ārabbha uppannā anussati dhammānussati. Svākkhātatādidhammaguṇārammaṇāya satiyā etaṃ adhivacanaṃ. Saṅghaṃ ārabbha uppannā anussati saṅghānussati. Suppaṭipannatādisaṅghaguṇārammaṇāya satiyā etaṃ adhivacanaṃ . Sīlaṃ ārabbha uppannā anussati sīlānussati. Attano akhaṇḍatādisīlaguṇārammaṇāya satiyā etaṃ adhivacanaṃ. Cāgaṃ ārabbha uppannā anussati cāgānussati. Attano muttacāgatādicāgaguṇārammaṇāya satiyā etaṃ adhivacanaṃ. Devatā ārabbha uppannā anussati devatānussati. Devatā sakkhiṭṭhāne ṭhapetvā attano saddhādiguṇārammaṇāya satiyā etaṃ adhivacanaṃ.

    สตฺตเก สมาธิกุสลตาติ เอกวิธาทิเภเทน อเนกเภเท สมาธิมฺหิ ‘‘อยเมวํวิโธ สมาธิ, อยเมวํวิโธ สมาธี’’ติ เฉกภาโวฯ สมาธิปริเจฺฉทกปญฺญาเยตํ อธิวจนํฯ สมาธิอุปฺปาทนวิธาเนปิ เฉกภาโว สมาธิกุสลตาฯ

    Sattake samādhikusalatāti ekavidhādibhedena anekabhede samādhimhi ‘‘ayamevaṃvidho samādhi, ayamevaṃvidho samādhī’’ti chekabhāvo. Samādhiparicchedakapaññāyetaṃ adhivacanaṃ. Samādhiuppādanavidhānepi chekabhāvo samādhikusalatā.

    สมาธิสฺส สมาปตฺติกุสลตาติ อุปฺปาทิตสฺส สมาธิสฺส สมาปชฺชเน เฉกภาโวฯ เอเตน สมาปชฺชนวสิตา วุตฺตา โหติฯ

    Samādhissa samāpattikusalatāti uppāditassa samādhissa samāpajjane chekabhāvo. Etena samāpajjanavasitā vuttā hoti.

    สมาธิสฺส ฐิติกุสลตาติ สมาปนฺนสฺส สมาธิสฺส สนฺตติวเสน ยถารุจิ ฐปเน เฉกภาโวฯ เอเตน อธิฎฺฐานวสิตา วุตฺตา โหติฯ อถ วา นิมิตฺตคฺคหเณน จสฺส ปุน เต อากาเร สมฺปาทยโต อปฺปนามตฺตเมว อิชฺฌติ, น จิรฎฺฐานํฯ จิรฎฺฐานํ ปน สมาธิปริปนฺถานํ ธมฺมานํ สุวิโสธิตตฺตา โหติฯ โย หิ ภิกฺขุ กามาทีนวปจฺจเวกฺขณาทีหิ กามจฺฉนฺทํ น สุฎฺฐุ วิกฺขเมฺภตฺวา, กายปสฺสทฺธิวเสน กายทุฎฺฐุลฺลํ น สุปฺปฎิปฺปสฺสทฺธํ กตฺวา, อารมฺภธาตุมนสิการาทิวเสน ถินมิทฺธํ น สุฎฺฐุ ปฎิวิโนเทตฺวา, สมถนิมิตฺตมนสิการาทิวเสน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ น สุฎฺฐุ สมูหตํ กตฺวา, อเญฺญปิ สมาธิปริปเนฺถ ธเมฺม น สุฎฺฐุ วิโสเธตฺวา ฌานํ สมาปชฺชติ, โส อวิโสธิตํ อาสยํ ปวิฎฺฐภมโร วิย, อสุทฺธํ อุยฺยานํ ปวิฎฺฐราชา วิย จ ขิปฺปเมว นิกฺขมติฯ โย ปน สมาธิปริปเนฺถ ธเมฺม สุฎฺฐุ วิโสเธตฺวา ฌานํ สมาปชฺชติ, โส สุวิโสธิตํ อาสยํ ปวิฎฺฐภมโร วิย, สุปริสุทฺธํ อุยฺยานํ ปวิฎฺฐราชา วิย จ สกลมฺปิ ทิวสภาคํ อโนฺตสมาปตฺติยํเยว โหติฯ เตนาหุ โปราณา –

    Samādhissa ṭhitikusalatāti samāpannassa samādhissa santativasena yathāruci ṭhapane chekabhāvo. Etena adhiṭṭhānavasitā vuttā hoti. Atha vā nimittaggahaṇena cassa puna te ākāre sampādayato appanāmattameva ijjhati, na ciraṭṭhānaṃ. Ciraṭṭhānaṃ pana samādhiparipanthānaṃ dhammānaṃ suvisodhitattā hoti. Yo hi bhikkhu kāmādīnavapaccavekkhaṇādīhi kāmacchandaṃ na suṭṭhu vikkhambhetvā, kāyapassaddhivasena kāyaduṭṭhullaṃ na suppaṭippassaddhaṃ katvā, ārambhadhātumanasikārādivasena thinamiddhaṃ na suṭṭhu paṭivinodetvā, samathanimittamanasikārādivasena uddhaccakukkuccaṃ na suṭṭhu samūhataṃ katvā, aññepi samādhiparipanthe dhamme na suṭṭhu visodhetvā jhānaṃ samāpajjati, so avisodhitaṃ āsayaṃ paviṭṭhabhamaro viya, asuddhaṃ uyyānaṃ paviṭṭharājā viya ca khippameva nikkhamati. Yo pana samādhiparipanthe dhamme suṭṭhu visodhetvā jhānaṃ samāpajjati, so suvisodhitaṃ āsayaṃ paviṭṭhabhamaro viya, suparisuddhaṃ uyyānaṃ paviṭṭharājā viya ca sakalampi divasabhāgaṃ antosamāpattiyaṃyeva hoti. Tenāhu porāṇā –

    ‘‘กาเมสุ ฉนฺทํ ปฎิฆํ วิโนทเย, อุทฺธจฺจถีนํ วิจิกิจฺฉปญฺจมํ;

    ‘‘Kāmesu chandaṃ paṭighaṃ vinodaye, uddhaccathīnaṃ vicikicchapañcamaṃ;

    วิเวกปาโมชฺชกเรน เจตสา, ราชาว สุทฺธนฺตคโต ตหิํ รเม’’ติ ฯ

    Vivekapāmojjakarena cetasā, rājāva suddhantagato tahiṃ rame’’ti .

    ตสฺมา ‘‘จิรฎฺฐิติกาเมน ปาริปนฺถิกธเมฺม โสเธตฺวา ฌานํ สมาปชฺชิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ตํ วิธิํ สมฺปาเทตฺวา สมาธิสฺส จิรฎฺฐิติกรเณ เฉกภาโวติ วุตฺตํ โหติฯ

    Tasmā ‘‘ciraṭṭhitikāmena pāripanthikadhamme sodhetvā jhānaṃ samāpajjitabba’’nti vuttattā taṃ vidhiṃ sampādetvā samādhissa ciraṭṭhitikaraṇe chekabhāvoti vuttaṃ hoti.

    สมาธิสฺส วุฎฺฐานกุสลตาติ สนฺตติวเสน ยถารุจิ ปวตฺตสฺส สมาธิสฺส ยถาปริจฺฉินฺนกาเลเยว วุฎฺฐาเนน สมาธิสฺส วุฎฺฐาเน เฉกภาโวฯ ‘‘ยสฺส หิ ธมฺมํ ปุริโส วิชญฺญา’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๐.๑๕๒) วิย นิสฺสกฺกเตฺถ วา สามิวจนํ กตนฺติ เวทิตพฺพนฺติฯ เอเตน วุฎฺฐานวสิตา วุตฺตา โหติฯ

    Samādhissa vuṭṭhānakusalatāti santativasena yathāruci pavattassa samādhissa yathāparicchinnakāleyeva vuṭṭhānena samādhissa vuṭṭhāne chekabhāvo. ‘‘Yassa hi dhammaṃ puriso vijaññā’’tiādīsu (jā. 1.10.152) viya nissakkatthe vā sāmivacanaṃ katanti veditabbanti. Etena vuṭṭhānavasitā vuttā hoti.

    สมาธิสฺส กลฺลตากุสลตาติ อคิลานภาโว อโรคภาโว กลฺลตาฯ คิลาโน หิ อกลฺลโกติ วุจฺจติฯ วินเยปิ วุตฺตํ ‘‘นาหํ, ภเนฺต, อกลฺลโก’’ติ (ปารา. ๑๕๑)ฯ อนงฺคณสุตฺตวตฺถสุเตฺตสุ (ม. นิ. ๑.๕๗ อาทโย, ๗๐ อาทโย) วุตฺตานํ ฌานปฎิลาภปจฺจนีกานํ ปาปกานํ อิจฺฉาวจรานํ อภาเวน จ อภิชฺฌาทีนํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสานํ วิคเมน จ สมาธิสฺส อคิลานภาวกรเณ เฉกภาโว สมาธิสฺส กลฺลตากุสลตา, กิเลสเคลญฺญรหิตภาเว กุสลตาติ วุตฺตํ โหติฯ อถ วา กลฺลตาติ กมฺมญฺญตา กมฺมญฺญตาปริยายตฺตา กลฺลวจนสฺสฯ ‘‘ยา จิตฺตสฺส อกลฺลตา อกมฺมญฺญตา’’ติ (ธ. ส. ๑๑๖๒) หิ วุตฺตํ ‘‘กลฺลจิตฺตํ มุทุจิตฺตํ วินีวรณจิตฺต’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๙๘; ม. นิ. ๒.๓๙๕; มหาว. ๒๖) จฯ เอตฺถ กลฺลสโทฺท กมฺมญฺญโตฺถฯ ตสฺมา กสิณานุโลมโต กสิณปฎิโลมโต กสิณานุโลมปฎิโลมโต ฌานานุโลมโต ฌานปฎิโลมโต ฌานานุโลมปฎิโลมโต ฌานุกฺกนฺติกโต กสิณุกฺกนฺติกโต ฌานกสิณุกฺกนฺติกโต องฺคสงฺกนฺติโต อารมฺมณสงฺกนฺติโต องฺคารมฺมณสงฺกนฺติโต องฺคววตฺถานโต อารมฺมณววตฺถานโตติ อิเมหิ จุทฺทสหิ อากาเรหิ, องฺคารมฺมณววตฺถานโตติ อิมินา สห ปญฺจทสหิ วา อากาเรหิ จิตฺตปริทมเนน สมาธิสฺส กมฺมญฺญภาวกรเณ กุสลภาโวติ วุตฺตํ โหติฯ

    Samādhissa kallatākusalatāti agilānabhāvo arogabhāvo kallatā. Gilāno hi akallakoti vuccati. Vinayepi vuttaṃ ‘‘nāhaṃ, bhante, akallako’’ti (pārā. 151). Anaṅgaṇasuttavatthasuttesu (ma. ni. 1.57 ādayo, 70 ādayo) vuttānaṃ jhānapaṭilābhapaccanīkānaṃ pāpakānaṃ icchāvacarānaṃ abhāvena ca abhijjhādīnaṃ cittassa upakkilesānaṃ vigamena ca samādhissa agilānabhāvakaraṇe chekabhāvo samādhissa kallatākusalatā, kilesagelaññarahitabhāve kusalatāti vuttaṃ hoti. Atha vā kallatāti kammaññatā kammaññatāpariyāyattā kallavacanassa. ‘‘Yā cittassa akallatā akammaññatā’’ti (dha. sa. 1162) hi vuttaṃ ‘‘kallacittaṃ muducittaṃ vinīvaraṇacitta’’nti (dī. ni. 1.298; ma. ni. 2.395; mahāva. 26) ca. Ettha kallasaddo kammaññattho. Tasmā kasiṇānulomato kasiṇapaṭilomato kasiṇānulomapaṭilomato jhānānulomato jhānapaṭilomato jhānānulomapaṭilomato jhānukkantikato kasiṇukkantikato jhānakasiṇukkantikato aṅgasaṅkantito ārammaṇasaṅkantito aṅgārammaṇasaṅkantito aṅgavavatthānato ārammaṇavavatthānatoti imehi cuddasahi ākārehi, aṅgārammaṇavavatthānatoti iminā saha pañcadasahi vā ākārehi cittaparidamanena samādhissa kammaññabhāvakaraṇe kusalabhāvoti vuttaṃ hoti.

    สมาธิสฺส โคจรกุสลตาติ สมาธิสฺส โคจเรสุ กสิณาทีสุ อารมฺมเณสุ ตํ ตํ ฌานํ สมาปชฺชิตุกามตาย ยถารุจิ อาวชฺชนกรณวเสน เตสุ อารมฺมเณสุ เฉกภาโวฯ เอเตน กสิณาวชฺชนวเสน อาวชฺชนวสิตา วุตฺตา โหติฯ อถ วา ตสฺมิํ ตสฺมิํ ทิสาภาเค กสิณผรณวเสน เอวํ ผุฎฺฐสฺส กสิณสฺส จิรฎฺฐานวเสน จ สมาธิสฺส โคจเรสุ เฉกภาโวฯ

    Samādhissa gocarakusalatāti samādhissa gocaresu kasiṇādīsu ārammaṇesu taṃ taṃ jhānaṃ samāpajjitukāmatāya yathāruci āvajjanakaraṇavasena tesu ārammaṇesu chekabhāvo. Etena kasiṇāvajjanavasena āvajjanavasitā vuttā hoti. Atha vā tasmiṃ tasmiṃ disābhāge kasiṇapharaṇavasena evaṃ phuṭṭhassa kasiṇassa ciraṭṭhānavasena ca samādhissa gocaresu chekabhāvo.

    สมาธิสฺส อภินีหารกุสลตาติ เอกตฺตนเยน เหฎฺฐาเหฎฺฐาสมาธิํ อุปรูปริสมาธิภาวูปนยเนน อภินีหรเณ อภินินฺนามเน เฉกภาโวฯ อุปจารชฺฌานญฺหิ วสิปฺปตฺตํ ปฐมชฺฌานตฺถาย วิปสฺสนตฺถาย วา อภินีหรติ, เอวํ ปฐมชฺฌานาทีนิ ทุติยชฺฌานาทิอตฺถาย วิปสฺสนตฺถาย วา, จตุตฺถชฺฌานํ อรูปสมาปตฺตตฺถาย อภิญฺญตฺถาย วิปสฺสนตฺถาย วา, อากาสานญฺจายตนาทโย วิญฺญาณญฺจายตนาทิอตฺถาย วิปสฺสนตฺถาย วา อภินีหรตีติ เอวํ สมาธิสฺส ตตฺถ ตตฺถ อภินีหารกุสลตาฯ ยสฺมา ปน กุสลตา นาม ปญฺญา, สา สมาธิ น โหติ, ตสฺมา สมาธิปริณายกปญฺญาวเสน สตฺตวิโธ สมาธิ วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ

    Samādhissa abhinīhārakusalatāti ekattanayena heṭṭhāheṭṭhāsamādhiṃ uparūparisamādhibhāvūpanayanena abhinīharaṇe abhininnāmane chekabhāvo. Upacārajjhānañhi vasippattaṃ paṭhamajjhānatthāya vipassanatthāya vā abhinīharati, evaṃ paṭhamajjhānādīni dutiyajjhānādiatthāya vipassanatthāya vā, catutthajjhānaṃ arūpasamāpattatthāya abhiññatthāya vipassanatthāya vā, ākāsānañcāyatanādayo viññāṇañcāyatanādiatthāya vipassanatthāya vā abhinīharatīti evaṃ samādhissa tattha tattha abhinīhārakusalatā. Yasmā pana kusalatā nāma paññā, sā samādhi na hoti, tasmā samādhipariṇāyakapaññāvasena sattavidho samādhi vuttoti veditabbo.

    เกจิ ปน อาจริยา ‘‘สมาธิกุสลตาติ เยน มนสิกาเรน จิตฺตํ น วิกฺขิปติ, ตตฺถ กุสลตาฯ สมาปตฺติกุสลตาติ เยน มนสิกาเรน สมาปชฺชนฺตสฺส ฌานงฺคานิ ปาตุภวนฺติ, ตตฺถ กุสลตาฯ ฐิติกุสลตาติ เยน มนสิกาเรน อปฺปิโต สมาธิ น วิกฺขิปติ, ตตฺถ กุสลตาฯ วุฎฺฐานกุสลตาติ นีวรณวุฎฺฐานํ ชานาติ ปฐมชฺฌาเน, องฺควุฎฺฐานํ ชานาติ ตีสุ ฌาเนสุ, อารมฺมณวุฎฺฐานํ ชานาติ อรูปสมาปตฺตีสุ, วิเกฺขปวุฎฺฐานํ ชานาติ วิสยาธิมเตฺตสุ, สจฺฉนฺทวุฎฺฐานํ ชานาติ ปริยนฺตกาเล จ อวสานกรณียกาเล จฯ กลฺลตากุสลตาติ จิตฺตผาสุตาย สรีรผาสุตาย อาหารผาสุตาย เสนาสนผาสุตาย ปุคฺคลผาสุตาย จ สมาธิสฺส กลฺลตา โหตีติ ชานาติฯ โคจรกุสลตาติ อารมฺมณสฺส ปริเจฺฉทํ กาตุํ ชานาติ, ทิสาผรณํ กาตุํ ชานาติ, วเฑฺฒตุํ ชานาติฯ อภินีหารกุสลตาติ ตตฺถ ตตฺถ สมฺมา มนสิกาเรน จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ, อุปจาเร วสิปฺปเตฺต ปฐมชฺฌาเน อภินีหรติ, เอวํ อุปรูปริฌาเนสุ อภิญฺญาสุ อรูปสมาปตฺตีสุ วิปสฺสนาสุ จ อภินีหรติฯ เอวํ ตตฺถ ตตฺถ อภินีหารกุสลตา’’ติ เอวเมเตสํ ปทานํ อตฺถํ วณฺณยนฺติฯ

    Keci pana ācariyā ‘‘samādhikusalatāti yena manasikārena cittaṃ na vikkhipati, tattha kusalatā. Samāpattikusalatāti yena manasikārena samāpajjantassa jhānaṅgāni pātubhavanti, tattha kusalatā. Ṭhitikusalatāti yena manasikārena appito samādhi na vikkhipati, tattha kusalatā. Vuṭṭhānakusalatāti nīvaraṇavuṭṭhānaṃ jānāti paṭhamajjhāne, aṅgavuṭṭhānaṃ jānāti tīsu jhānesu, ārammaṇavuṭṭhānaṃ jānāti arūpasamāpattīsu, vikkhepavuṭṭhānaṃ jānāti visayādhimattesu, sacchandavuṭṭhānaṃ jānāti pariyantakāle ca avasānakaraṇīyakāle ca. Kallatākusalatāti cittaphāsutāya sarīraphāsutāya āhāraphāsutāya senāsanaphāsutāya puggalaphāsutāya ca samādhissa kallatā hotīti jānāti. Gocarakusalatāti ārammaṇassa paricchedaṃ kātuṃ jānāti, disāpharaṇaṃ kātuṃ jānāti, vaḍḍhetuṃ jānāti. Abhinīhārakusalatāti tattha tattha sammā manasikārena cittaṃ abhinīharati abhininnāmeti, upacāre vasippatte paṭhamajjhāne abhinīharati, evaṃ uparūparijhānesu abhiññāsu arūpasamāpattīsu vipassanāsu ca abhinīharati. Evaṃ tattha tattha abhinīhārakusalatā’’ti evametesaṃ padānaṃ atthaṃ vaṇṇayanti.

    อฎฺฐกํ วุตฺตตฺถเมวฯ นวเก รูปาวจโรติ ‘‘กตเม ธมฺมา รูปาวจรา? เหฎฺฐโต พฺรหฺมปาริสชฺชํ ปริยนฺตํ กริตฺวา อุปริโต อกนิเฎฺฐ เทเว อโนฺตกริตฺวา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๒๘๙) นเยน วุเตฺตสุ รูปาวจรธเมฺมสุ ปริยาปโนฺนฯ ตตฺรายํ วจนโตฺถ – รูปกฺขนฺธสงฺขาตํ รูปํ เอตฺถ อวจรติ, น กาโมติ รูปาวจโรฯ รูปกฺขโนฺธปิ หิ รูปนฺติ วุจฺจติ ‘‘รูปกฺขโนฺธ รูป’’นฺติอาทีสุ (ยม. ๑.ขนฺธยมก.๒) วิยฯ โส ปน พฺรหฺมปาริสชฺชพฺรหฺมปุโรหิตมหาพฺรหฺมานํ ปริตฺตาภอปฺปมาณาภอาภสฺสรานํ ปริตฺตสุภอปฺปมาณสุภสุภกิณฺหานํ อสญฺญสตฺตเวหปฺผลานํ อวิหาตปฺปสุทสฺสสุทสฺสีอกนิฎฺฐานญฺจ วเสน โสฬสวิโธ ปเทโสฯ โส รูปาวจรสงฺขาโต ปเทโส อุตฺตรปทโลปํ กตฺวา ‘‘รูป’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมิํ รูเป อวจรตีติ รูปาวจโรฯ รูปภโว วา รูปํ, ตสฺมิํ อวจรตีติ รูปาวจรํฯ กิญฺจาปิ หิ เอโส สมาธิ กามภเวปิ อวจรติ, ยถา ปน สงฺคาเม อวจรณโต สงฺคามาวจโรติ ลทฺธนาโม นาโค นคเร จรโนฺตปิ สงฺคามาวจโรติ วุจฺจติ, ถลจรา ชลจรา จ ปาณิโน อถเล อชเล จ ฐิตาปิ ถลจรา ชลจราติ วุจฺจนฺติ, เอวมยํ อญฺญตฺถ อวจรโนฺตปิ รูปาวจโรติ วุโตฺตฯ อปิจ รูปภวสงฺขาเต รูเป ปฎิสนฺธิํ อวจาเรตีติปิ รูปาวจโรฯ หีโนติ ลามโกฯ หีนุตฺตมานํ มเชฺฌ ภโว มโชฺฌฯ มชฺฌิโมติปิ ปาโฐ, โสเยวโตฺถฯ ปธานภาวํ นีโต ปณีโต, อุตฺตโมติ อโตฺถฯ เอเต ปน อายูหนวเสน เวทิตพฺพาฯ ยสฺส หิ อายูหนกฺขเณ ฉโนฺท วา หีโน โหติ วีริยํ วา จิตฺตํ วา วีมํสา วา, โส หีโน นามฯ ยสฺส เต ธมฺมา มชฺฌิมา, โส มชฺฌิโมฯ ยสฺส ปณีตา, โส ปณีโตฯ อุปฺปาทิตมโตฺต วา หีโน, นาติสุภาวิโต มชฺฌิโม, อติสุภาวิโต วสิปฺปโตฺต ปณีโตฯ อรูปาวจโร รูปาวจเร วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตโพฺพฯ

    Aṭṭhakaṃ vuttatthameva. Navake rūpāvacaroti ‘‘katame dhammā rūpāvacarā? Heṭṭhato brahmapārisajjaṃ pariyantaṃ karitvā uparito akaniṭṭhe deve antokaritvā’’tiādinā (dha. sa. 1289) nayena vuttesu rūpāvacaradhammesu pariyāpanno. Tatrāyaṃ vacanattho – rūpakkhandhasaṅkhātaṃ rūpaṃ ettha avacarati, na kāmoti rūpāvacaro. Rūpakkhandhopi hi rūpanti vuccati ‘‘rūpakkhandho rūpa’’ntiādīsu (yama. 1.khandhayamaka.2) viya. So pana brahmapārisajjabrahmapurohitamahābrahmānaṃ parittābhaappamāṇābhaābhassarānaṃ parittasubhaappamāṇasubhasubhakiṇhānaṃ asaññasattavehapphalānaṃ avihātappasudassasudassīakaniṭṭhānañca vasena soḷasavidho padeso. So rūpāvacarasaṅkhāto padeso uttarapadalopaṃ katvā ‘‘rūpa’’nti vuccati, tasmiṃ rūpe avacaratīti rūpāvacaro. Rūpabhavo vā rūpaṃ, tasmiṃ avacaratīti rūpāvacaraṃ. Kiñcāpi hi eso samādhi kāmabhavepi avacarati, yathā pana saṅgāme avacaraṇato saṅgāmāvacaroti laddhanāmo nāgo nagare carantopi saṅgāmāvacaroti vuccati, thalacarā jalacarā ca pāṇino athale ajale ca ṭhitāpi thalacarā jalacarāti vuccanti, evamayaṃ aññattha avacarantopi rūpāvacaroti vutto. Apica rūpabhavasaṅkhāte rūpe paṭisandhiṃ avacāretītipi rūpāvacaro. Hīnoti lāmako. Hīnuttamānaṃ majjhe bhavo majjho. Majjhimotipi pāṭho, soyevattho. Padhānabhāvaṃ nīto paṇīto, uttamoti attho. Ete pana āyūhanavasena veditabbā. Yassa hi āyūhanakkhaṇe chando vā hīno hoti vīriyaṃ vā cittaṃ vā vīmaṃsā vā, so hīno nāma. Yassa te dhammā majjhimā, so majjhimo. Yassa paṇītā, so paṇīto. Uppāditamatto vā hīno, nātisubhāvito majjhimo, atisubhāvito vasippatto paṇīto. Arūpāvacaro rūpāvacare vuttanayānusārena veditabbo.

    สุญฺญโต สมาธีติอาทีสุ ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา’’ติ วิปสฺสนาปฎิปาฎิยา วิปสฺสนฺตสฺส อนตฺตานุปสฺสนาย มคฺควุฎฺฐาเน ชาเต ยสฺมา สา วิปสฺสนา อตฺตวิรหิเตสุ สงฺขาเรสุ สุญฺญโต ปวตฺตา, ตสฺมา สุญฺญตา นาม โหติฯ ตาย สิโทฺธ อริยมคฺคสมาธิ สุญฺญโต สมาธิ นาม โหติ, สุญฺญตวเสน ปวตฺตสมาธีติ อโตฺถฯ วิปสฺสนาย ปวตฺตากาเรน หิ โส ปวตฺตติฯ อนิจฺจานุปสฺสนาย มคฺควุฎฺฐาเน ชาเต ยสฺมา สา วิปสฺสนา นิจฺจนิมิตฺตปฎิปกฺขวเสน ปวตฺตา, ตสฺมา อนิมิตฺตา นาม โหติฯ ตาย สิโทฺธ อริยมคฺคสมาธิ อนิมิโตฺต สมาธิ นาม โหติ, นิจฺจนิมิตฺตวิรหิโต สมาธีติ อโตฺถฯ วิปสฺสนาย ปวตฺตากาเรน หิ โส ปวตฺตติฯ ทุกฺขานุปสฺสนาย มคฺควุฎฺฐาเน ชาเต ยสฺมา สา วิปสฺสนา ปณิธิปฎิปกฺขวเสน ปวตฺตา, ตสฺมา อปฺปณิหิตา นาม โหติฯ ตาย สิโทฺธ อริยมคฺคสมาธิ อปฺปณิหิโต สมาธิ นาม โหติ, ปณิธิวิรหิโต สมาธีติ อโตฺถฯ วิปสฺสนาย ปวตฺตากาเรน หิ โส ปวตฺตติฯ ตาทิสา เอว ตโย ผลสมาธโยปิ เอเตหิเยว ตีหิ สมาธีหิ คหิตา โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ โลกุตฺตรสมาธีนํ ปน ปณีตตฺตา หีนาทิเภโท น อุทฺธโฎฯ

    Suññato samādhītiādīsu ‘‘sabbe saṅkhārā aniccā dukkhā anattā’’ti vipassanāpaṭipāṭiyā vipassantassa anattānupassanāya maggavuṭṭhāne jāte yasmā sā vipassanā attavirahitesu saṅkhāresu suññato pavattā, tasmā suññatā nāma hoti. Tāya siddho ariyamaggasamādhi suññato samādhi nāma hoti, suññatavasena pavattasamādhīti attho. Vipassanāya pavattākārena hi so pavattati. Aniccānupassanāya maggavuṭṭhāne jāte yasmā sā vipassanā niccanimittapaṭipakkhavasena pavattā, tasmā animittā nāma hoti. Tāya siddho ariyamaggasamādhi animitto samādhi nāma hoti, niccanimittavirahito samādhīti attho. Vipassanāya pavattākārena hi so pavattati. Dukkhānupassanāya maggavuṭṭhāne jāte yasmā sā vipassanā paṇidhipaṭipakkhavasena pavattā, tasmā appaṇihitā nāma hoti. Tāya siddho ariyamaggasamādhi appaṇihito samādhi nāma hoti, paṇidhivirahito samādhīti attho. Vipassanāya pavattākārena hi so pavattati. Tādisā eva tayo phalasamādhayopi etehiyeva tīhi samādhīhi gahitā hontīti veditabbā. Lokuttarasamādhīnaṃ pana paṇītattā hīnādibhedo na uddhaṭo.

    ทสเก อุทฺธุมาตกสญฺญาวเสนาติอาทีสุ ภสฺตา วิย วายุนา อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานา ยถานุกฺกมํ สมุคฺคเตน สูนภาเวน อุทฺธุมาตตฺตา อุทฺธุมาตํ, อุทฺธุมาตเมว อุทฺธุมาตกํ, ปฎิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ อุทฺธุมาตนฺติ อุทฺธุมาตกํฯ ตถารูปสฺส ฉวสรีรเสฺสตํ อธิวจนํฯ วินีลํ วุจฺจติ วิปริภินฺนวณฺณํ, วินีลเมว วินีลกํ, ปฎิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วินีลนฺติ วินีลกํฯ มํสุสฺสทฎฺฐาเนสุ รตฺตวณฺณสฺส, ปุพฺพสนฺนิจยฎฺฐาเนสุ เสตวณฺณสฺส, เยภุเยฺยน จ นีลวณฺณสฺส นีลฎฺฐาเน นีลสาฎกปารุตเสฺสว ฉวสรีรเสฺสตํ อธิวจนํฯ ปริภินฺนฎฺฐาเนสุ วิสฺสนฺทมานปุพฺพํ วิปุพฺพํ, วิปุพฺพเมว วิปุพฺพกํ, ปฎิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วิปุพฺพนฺติ วิปุพฺพกํฯ ตถารูปสฺส ฉวสรีรเสฺสตํ อธิวจนํฯ วิจฺฉิทฺทํ วุจฺจติ ทฺวิธา ฉินฺทเนน อปธาริตํ, วิจฺฉิทฺทเมว วิจฺฉิทฺทกํ, ปฎิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วิจฺฉิทฺทนฺติ วิจฺฉิทฺทกํฯ เวมเชฺฌ ฉินฺนสฺส ฉวสรีรเสฺสตํ อธิวจนํฯ อิโต จ เอโตฺต จ วิวิธากาเรน โสณสิงฺคาลาทีหิ ขายิตนฺติ วิกฺขายิตํ, วิขายิตนฺติ วตฺตเพฺพ วิกฺขายิตนฺติ วุตฺตํฯ วิกฺขายิตเมว วิกฺขายิตกํ, ปฎิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วิกฺขายิตนฺติ วิกฺขายิตกํฯ ตถารูปสฺส ฉวสรีรเสฺสตํ อธิวจนํฯ วิวิธํ ขิตฺตํ วิกฺขิตฺตํ, วิกฺขิตฺตเมว วิกฺขิตฺตกํ, ปฎิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วิกฺขิตฺตนฺติ วิกฺขิตฺตกํฯ อเญฺญน หตฺถํ อเญฺญน ปาทํ อเญฺญน สีสนฺติ เอวํ ตโต ตโต ขิตฺตสฺส ฉวสรีรเสฺสตํ อธิวจนํฯ หตญฺจ ตํ ปุริมนเยเนว วิกฺขิตฺตกญฺจาติ หตวิกฺขิตฺตกํฯ กากปทากาเรน องฺคปจฺจเงฺคสุ สเตฺถน หนิตฺวา วุตฺตนเยน วิกฺขิตฺตสฺส ฉวสรีรเสฺสตํ อธิวจนํฯ โลหิตํ กิรติ วิกฺขิปติ อิโต จิโต จ ปคฺฆรตีติ โลหิตกํฯ ปคฺฆริตโลหิตมกฺขิตสฺส ฉวสรีรเสฺสตํ อธิวจนํฯ ปุฬวา วุจฺจนฺติ กิมโย, ปุฬเว กิรตีติ ปุฬวกํฯ กิมิปริปุณฺณสฺส ฉวสรีรเสฺสตํ อธิวจนํฯ อฎฺฐิเยว อฎฺฐิกํ, ปฎิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ อฎฺฐีติ อฎฺฐิกํฯ อฎฺฐิสงฺขลิกายปิ เอกฎฺฐิกสฺสปิ เอตํ อธิวจนํฯ อิมานิ จ ปน อุทฺธุมาตกาทีนิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนนิมิตฺตานมฺปิ นิมิเตฺตสุ ปฎิลทฺธชฺฌานานมฺปิ เอตาเนว นามานิฯ อิธ ปน อุทฺธุมาตกนิมิเตฺต ปฎิกูลาการคาหิกา อปฺปนาวเสน อุปฺปนฺนา สญฺญา อุทฺธุมาตกสญฺญา, ตสฺสา อุทฺธุมาตกสญฺญาย วเสน อุทฺธุมาตกสญฺญาวเสนฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ ปญฺจปญฺญาส สมาธีติ เอกกาทิวเสน วุตฺตาฯ

    Dasake uddhumātakasaññāvasenātiādīsu bhastā viya vāyunā uddhaṃ jīvitapariyādānā yathānukkamaṃ samuggatena sūnabhāvena uddhumātattā uddhumātaṃ, uddhumātameva uddhumātakaṃ, paṭikūlattā vā kucchitaṃ uddhumātanti uddhumātakaṃ. Tathārūpassa chavasarīrassetaṃ adhivacanaṃ. Vinīlaṃ vuccati viparibhinnavaṇṇaṃ, vinīlameva vinīlakaṃ, paṭikūlattā vā kucchitaṃ vinīlanti vinīlakaṃ. Maṃsussadaṭṭhānesu rattavaṇṇassa, pubbasannicayaṭṭhānesu setavaṇṇassa, yebhuyyena ca nīlavaṇṇassa nīlaṭṭhāne nīlasāṭakapārutasseva chavasarīrassetaṃ adhivacanaṃ. Paribhinnaṭṭhānesu vissandamānapubbaṃ vipubbaṃ, vipubbameva vipubbakaṃ, paṭikūlattā vā kucchitaṃ vipubbanti vipubbakaṃ. Tathārūpassa chavasarīrassetaṃ adhivacanaṃ. Vicchiddaṃ vuccati dvidhā chindanena apadhāritaṃ, vicchiddameva vicchiddakaṃ, paṭikūlattā vā kucchitaṃ vicchiddanti vicchiddakaṃ. Vemajjhe chinnassa chavasarīrassetaṃ adhivacanaṃ. Ito ca etto ca vividhākārena soṇasiṅgālādīhi khāyitanti vikkhāyitaṃ, vikhāyitanti vattabbe vikkhāyitanti vuttaṃ. Vikkhāyitameva vikkhāyitakaṃ, paṭikūlattā vā kucchitaṃ vikkhāyitanti vikkhāyitakaṃ. Tathārūpassa chavasarīrassetaṃ adhivacanaṃ. Vividhaṃ khittaṃ vikkhittaṃ, vikkhittameva vikkhittakaṃ, paṭikūlattā vā kucchitaṃ vikkhittanti vikkhittakaṃ. Aññena hatthaṃ aññena pādaṃ aññena sīsanti evaṃ tato tato khittassa chavasarīrassetaṃ adhivacanaṃ. Hatañca taṃ purimanayeneva vikkhittakañcāti hatavikkhittakaṃ. Kākapadākārena aṅgapaccaṅgesu satthena hanitvā vuttanayena vikkhittassa chavasarīrassetaṃ adhivacanaṃ. Lohitaṃ kirati vikkhipati ito cito ca paggharatīti lohitakaṃ. Paggharitalohitamakkhitassa chavasarīrassetaṃ adhivacanaṃ. Puḷavā vuccanti kimayo, puḷave kiratīti puḷavakaṃ. Kimiparipuṇṇassa chavasarīrassetaṃ adhivacanaṃ. Aṭṭhiyeva aṭṭhikaṃ, paṭikūlattā vā kucchitaṃ aṭṭhīti aṭṭhikaṃ. Aṭṭhisaṅkhalikāyapi ekaṭṭhikassapi etaṃ adhivacanaṃ. Imāni ca pana uddhumātakādīni nissāya uppannanimittānampi nimittesu paṭiladdhajjhānānampi etāneva nāmāni. Idha pana uddhumātakanimitte paṭikūlākāragāhikā appanāvasena uppannā saññā uddhumātakasaññā, tassā uddhumātakasaññāya vasena uddhumātakasaññāvasena. Sesesupi eseva nayo. Pañcapaññāsa samādhīti ekakādivasena vuttā.

    ๔๔. เอวํ เอกกาทิวเสน สมาธิปฺปเภทํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อเญฺญนปิ ปริยาเยน สมาธิํ ทเสฺสตุกาโม อปิจาติ อญฺญํ ปริยายารมฺภํ ทเสฺสตฺวา ปญฺจวีสตีติอาทิมาหฯ ตตฺถ สมาธิสฺส สมาธิฎฺฐาติ สมาธิสฺส สมาธิภาเว สภาวา, เยหิ สภาเวหิ โส สมาธิ โหติ, เต ตสฺมิํ อตฺถา นามฯ ปริคฺคหเฎฺฐน สมาธีติ สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ ปริคฺคหิตตฺตา ตสฺมา ปริคฺคหิตสภาเวน สมาธิฯ ตาเนว จ อินฺทฺริยานิ อญฺญมญฺญปริวารานิ โหนฺติ, ภาวนาปาริปูริยา ปริปุณฺณานิ จ โหนฺติฯ ตสฺมา ปริวารเฎฺฐน ปริปูรเฎฺฐน สมาธิฯ เตสํเยว สมาธิวเสน เอการมฺมณมเปกฺขิตฺวา เอกคฺคเฎฺฐน, นานารมฺมณวิเกฺขปาภาวมเปกฺขิตฺวา อวิเกฺขปเฎฺฐน, โลกุตฺตรเสฺสว มหตา วีริยพลปคฺคเหน ปตฺตพฺพตฺตา โลกุตฺตรมคฺคเสฺสว จ ปริหานิวเสน วิสาราภาวโต เหฎฺฐา คหิตปคฺคหฎฺฐอวิสารฎฺฐา อิธ น คหิตาติ เวทิตพฺพาฯ กิเลสกาลุสฺสิยสฺสาภาเวน อนาวิลเฎฺฐน สมาธิฯ อวิกมฺปตฺตา อนิญฺชนเฎฺฐน สมาธิฯ วิกฺขมฺภนวเสน สมุเจฺฉทวเสน วา กิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา อารมฺมเณ จ อธิมุตฺตตฺตา วิมุตฺตเฎฺฐน สมาธิ

    44. Evaṃ ekakādivasena samādhippabhedaṃ dassetvā idāni aññenapi pariyāyena samādhiṃ dassetukāmo apicāti aññaṃ pariyāyārambhaṃ dassetvā pañcavīsatītiādimāha. Tattha samādhissa samādhiṭṭhāti samādhissa samādhibhāve sabhāvā, yehi sabhāvehi so samādhi hoti, te tasmiṃ atthā nāma. Pariggahaṭṭhena samādhīti saddhādīhi indriyehi pariggahitattā tasmā pariggahitasabhāvena samādhi. Tāneva ca indriyāni aññamaññaparivārāni honti, bhāvanāpāripūriyā paripuṇṇāni ca honti. Tasmā parivāraṭṭhena paripūraṭṭhena samādhi. Tesaṃyeva samādhivasena ekārammaṇamapekkhitvā ekaggaṭṭhena, nānārammaṇavikkhepābhāvamapekkhitvā avikkhepaṭṭhena, lokuttarasseva mahatā vīriyabalapaggahena pattabbattā lokuttaramaggasseva ca parihānivasena visārābhāvato heṭṭhā gahitapaggahaṭṭhaavisāraṭṭhā idha na gahitāti veditabbā. Kilesakālussiyassābhāvena anāvilaṭṭhena samādhi. Avikampattā aniñjanaṭṭhena samādhi. Vikkhambhanavasena samucchedavasena vā kilesehi vimuttattā ārammaṇe ca adhimuttattā vimuttaṭṭhena samādhi.

    เอกตฺตุปฎฺฐานวเสน จิตฺตสฺส ฐิตตฺตาติ สมาธิโยเคเนว เอการมฺมเณ ภุสํ ปติฎฺฐานวเสน จิตฺตสฺส อารมฺมเณ นิจฺจลภาเวน ปติฎฺฐิตตฺตาฯ อฎฺฐสุ ยุคเลสุ เอสติ เนสติ, อาทิยติ นาทิยติ, ปฎิปชฺชติ น ปฎิปชฺชตีติ อิมานิ ตีณิ ยุคลานิ อปฺปนาวีถิโต ปุพฺพภาเค อุปจารสฺส มุทุมชฺฌาธิมตฺตตาวเสน วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ, ฌายติ ฌาเปตีติ อิทํ อปฺปนาวีถิยํ อุปจารวเสน เวทิตพฺพํฯ เอสิตตฺตา เนสิตตฺตา, อาทินฺนตฺตา อนาทินฺนตฺตา, ปฎิปนฺนตฺตา นปฺปฎิปนฺนตฺตา, ฌาตตฺตา น ฌาปิตตฺตาติ อิมานิ จตฺตาริ ยุคลานิ อปฺปนาวเสน วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิฯ

    Ekattupaṭṭhānavasenacittassa ṭhitattāti samādhiyogeneva ekārammaṇe bhusaṃ patiṭṭhānavasena cittassa ārammaṇe niccalabhāvena patiṭṭhitattā. Aṭṭhasu yugalesu esati nesati, ādiyati nādiyati, paṭipajjati na paṭipajjatīti imāni tīṇi yugalāni appanāvīthito pubbabhāge upacārassa mudumajjhādhimattatāvasena vuttānīti veditabbāni, jhāyati jhāpetīti idaṃ appanāvīthiyaṃ upacāravasena veditabbaṃ. Esitattā nesitattā, ādinnattā anādinnattā, paṭipannattā nappaṭipannattā, jhātattā na jhāpitattāti imāni cattāri yugalāni appanāvasena vuttānīti veditabbāni.

    ตตฺถ สมํ เอสตีติ สมาธีติอาทีสุ สมนฺติ อปฺปนํฯ สา หิ ปจฺจนีกธเมฺม สเมติ นาเสตีติ สมา, ปจฺจนีกวิสมาภาวโต วา สมภูตาติ สมาฯ ตํ สมํ เอสติ อชฺฌาสยวเสน คเวสติฯ อิติสโทฺท การณโตฺถ, ยสฺมา สมํ เอสติ, ตสฺมา สมาธีติ อโตฺถฯ วิสมํ เนสตีติ ตํ ตํ ฌานปจฺจนีกสงฺขาตํ วิสมํ น เอสติฯ มุทุภูโต หิ ปุพฺพภาคสมาธิ อาทิภูตตฺตา สมํ เอสติ, วิสมํ เนสติ นามฯ มชฺฌิมภูโต ถิรภูตตฺตา สมํ อาทิยติ, วิสมํ นาทิยติ นามฯ อธิมตฺตภูโต อปฺปนาวีถิยา อาสนฺนภูตตฺตา สมํ ปฎิปชฺชติ, วิสมํ นปฺปฎิปชฺชติ นามฯ สมํ ฌายตีติ ภาวนปุํสกวจนํ, สมํ หุตฺวา ฌายติ, สเมน วา อากาเรน ฌายตีติ อโตฺถฯ อปฺปนาวีถิยญฺหิ สมาธิ ปจฺจนีกธมฺมวิคเมน สนฺตตฺตา, สนฺตาย อปฺปนาย อนุกูลภาเวน จ ฐิตตฺตา สเมนากาเรน ปวตฺตติฯ ฌายตีติ จ ปชฺชลตีติ อโตฺถ ‘‘เอเต มณฺฑลมาเฬ ทีปา ฌายนฺติ (ที. นิ. ๑.๑๕๙) สพฺพรตฺติํ, สพฺพรตฺติโย จ เตลปฺปทีโป ฌายติ, เตลปฺปทีโป เจตฺถ ฌาเยยฺยา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๕๕-๒๕๖) วิยฯ สมํ ชายตีติปิ ปาโฐ , สเมนากาเรน อุปฺปชฺชตีติ อโตฺถฯ ฌายติ ฌาเปตีติ ยุคลตฺตา ปน ปุริมปาโฐว สุนฺทรตโรฯ ฌาเปตีติ จ ทหตีติ อโตฺถฯ โส หิ สมาธิปจฺจนีกธเมฺม ทูรตรกรเณน ทหติ นามฯ เอสนาเนสนาทีนํ ปน อปฺปนาย สิทฺธตฺตา ‘‘เอสิตตฺตา เนสิตตฺตา’’ติอาทีหิ อปฺปนาสมาธิ วุโตฺตฯ สมํ ฌาตตฺตาติ สมํ ชลิตตฺตาฯ สมํ ชาตตฺตาติปิ ปาโฐฯ อิติ อิเมสํ อฎฺฐนฺนํ ยุคลานํ วเสน โสฬส, ปุริมา จ นวาติ อิเม ปญฺจวีสติ สมาธิสฺส สมาธิฎฺฐาฯ

    Tattha samaṃ esatīti samādhītiādīsu samanti appanaṃ. Sā hi paccanīkadhamme sameti nāsetīti samā, paccanīkavisamābhāvato vā samabhūtāti samā. Taṃ samaṃ esati ajjhāsayavasena gavesati. Itisaddo kāraṇattho, yasmā samaṃ esati, tasmā samādhīti attho. Visamaṃ nesatīti taṃ taṃ jhānapaccanīkasaṅkhātaṃ visamaṃ na esati. Mudubhūto hi pubbabhāgasamādhi ādibhūtattā samaṃ esati, visamaṃ nesati nāma. Majjhimabhūto thirabhūtattā samaṃ ādiyati, visamaṃ nādiyati nāma. Adhimattabhūto appanāvīthiyā āsannabhūtattā samaṃ paṭipajjati, visamaṃ nappaṭipajjati nāma. Samaṃ jhāyatīti bhāvanapuṃsakavacanaṃ, samaṃ hutvā jhāyati, samena vā ākārena jhāyatīti attho. Appanāvīthiyañhi samādhi paccanīkadhammavigamena santattā, santāya appanāya anukūlabhāvena ca ṭhitattā samenākārena pavattati. Jhāyatīti ca pajjalatīti attho ‘‘ete maṇḍalamāḷe dīpā jhāyanti (dī. ni. 1.159) sabbarattiṃ, sabbarattiyo ca telappadīpo jhāyati, telappadīpo cettha jhāyeyyā’’tiādīsu (saṃ. ni. 4.255-256) viya. Samaṃ jāyatītipi pāṭho , samenākārena uppajjatīti attho. Jhāyati jhāpetīti yugalattā pana purimapāṭhova sundarataro. Jhāpetīti ca dahatīti attho. So hi samādhipaccanīkadhamme dūratarakaraṇena dahati nāma. Esanānesanādīnaṃ pana appanāya siddhattā ‘‘esitattā nesitattā’’tiādīhi appanāsamādhi vutto. Samaṃ jhātattāti samaṃ jalitattā. Samaṃ jātattātipi pāṭho. Iti imesaṃ aṭṭhannaṃ yugalānaṃ vasena soḷasa, purimā ca navāti ime pañcavīsati samādhissa samādhiṭṭhā.

    สโม จ หิโต จ สุโข จาติ สมาธีติ อิทํ ปน ปญฺจวีสติยา อากาเรหิ สาธิตสฺส สมาธิสฺส อตฺถสาธนตฺถํ วุตฺตํฯ ตตฺถ สโมติ สมสทฺทสฺส, สํสทฺทสฺส วา อโตฺถฯ โส หิ ปจฺจนีกโกฺขภวิสมวิรหิตตฺตา สโมฯ หิโตติ อาธิสทฺทสฺส อโตฺถ, อารมฺมเณ อาหิโต นิจฺจลภาวกรเณน ปติฎฺฐาปิโตติ อธิปฺปาโยฯ อุภเยน สโม จ อาหิโต จาติ สมาธีติ วุตฺตํ โหติฯ สุโขติ สนฺตเฎฺฐน สุโขฯ ‘‘ยายํ, ภเนฺต, อทุกฺขมสุขา เวทนา, สนฺตสฺมิํ เอสา ปณีเต สุเข วุตฺตา ภควตา’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๘) จ ‘‘อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิเจฺจว ภาสิตา’’ติ จ วุตฺตตฺตา เตน สนฺตเตฺถน สุขสเทฺทน อุเปกฺขาสหคตสมาธิปิ คหิโต โหติฯ อนิยาเมน หิ สพฺพสมาธโย อิธ วุจฺจนฺติฯ เตน จ สุขสเทฺทน อาหิตภาวสฺส การณํ วุตฺตํ โหติฯ ยสฺมา สโนฺต, ตสฺมา เอการมฺมเณ อาหิโตติ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพติฯ

    Samoca hito ca sukho cāti samādhīti idaṃ pana pañcavīsatiyā ākārehi sādhitassa samādhissa atthasādhanatthaṃ vuttaṃ. Tattha samoti samasaddassa, saṃsaddassa vā attho. So hi paccanīkakkhobhavisamavirahitattā samo. Hitoti ādhisaddassa attho, ārammaṇe āhito niccalabhāvakaraṇena patiṭṭhāpitoti adhippāyo. Ubhayena samo ca āhito cāti samādhīti vuttaṃ hoti. Sukhoti santaṭṭhena sukho. ‘‘Yāyaṃ, bhante, adukkhamasukhā vedanā, santasmiṃ esā paṇīte sukhe vuttā bhagavatā’’ti (ma. ni. 2.88) ca ‘‘upekkhā pana santattā, sukhamicceva bhāsitā’’ti ca vuttattā tena santatthena sukhasaddena upekkhāsahagatasamādhipi gahito hoti. Aniyāmena hi sabbasamādhayo idha vuccanti. Tena ca sukhasaddena āhitabhāvassa kāraṇaṃ vuttaṃ hoti. Yasmā santo, tasmā ekārammaṇe āhitoti adhippāyo veditabboti.

    สมาธิภาวนามยญาณนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Samādhibhāvanāmayañāṇaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๓. สมาธิภาวนามยญาณนิเทฺทโส • 3. Samādhibhāvanāmayañāṇaniddeso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact