Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๔. สามคามสุตฺตํ
4. Sāmagāmasuttaṃ
๔๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สเกฺกสุ วิหรติ สามคาเมฯ เตน โข ปน สมเยน นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต 1 ปาวายํ อธุนากาลงฺกโต 2 โหติฯ ตสฺส กาลงฺกิริยาย ภินฺนา นิคณฺฐา เทฺวธิกชาตา 3 ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ – ‘‘น ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานาสิ, อหํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานามิฯ กิํ ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานิสฺสสิ! มิจฺฉาปฎิปโนฺน ตฺวมสิ, อหมสฺมิ สมฺมาปฎิปโนฺนฯ สหิตํ เม, อสหิตํ เตฯ ปุเรวจนียํ ปจฺฉา อวจ , ปจฺฉาวจนียํ ปุเร อวจฯ อธิจิณฺณํ 4 เต วิปราวตฺตํฯ อาโรปิโต เต วาโทฯ นิคฺคหิโตสิ, จร วาทปฺปโมกฺขาย; นิเพฺพเฐหิ วา สเจ ปโหสี’’ติฯ วโธเยว โข 5 มเญฺญ นิคเณฺฐสุ นาฎปุตฺติเยสุ วตฺตติฯ เยปิ นิคณฺฐสฺส นาฎปุตฺตสฺส สาวกา คิหี โอทาตวสนา เตปิ นิคเณฺฐสุ นาฎปุตฺติเยสุ นิพฺพินฺนรูปา 6 วิรตฺตรูปา ปฎิวานรูปา ยถา ตํ ทุรกฺขาเต ธมฺมวินเย ทุปฺปเวทิเต อนิยฺยานิเก อนุปสมสํวตฺตนิเก อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิเต ภินฺนถูเป อปฺปฎิสรเณฯ
41. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sakkesu viharati sāmagāme. Tena kho pana samayena nigaṇṭho nāṭaputto 7 pāvāyaṃ adhunākālaṅkato 8 hoti. Tassa kālaṅkiriyāya bhinnā nigaṇṭhā dvedhikajātā 9 bhaṇḍanajātā kalahajātā vivādāpannā aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudantā viharanti – ‘‘na tvaṃ imaṃ dhammavinayaṃ ājānāsi, ahaṃ imaṃ dhammavinayaṃ ājānāmi. Kiṃ tvaṃ imaṃ dhammavinayaṃ ājānissasi! Micchāpaṭipanno tvamasi, ahamasmi sammāpaṭipanno. Sahitaṃ me, asahitaṃ te. Purevacanīyaṃ pacchā avaca , pacchāvacanīyaṃ pure avaca. Adhiciṇṇaṃ 10 te viparāvattaṃ. Āropito te vādo. Niggahitosi, cara vādappamokkhāya; nibbeṭhehi vā sace pahosī’’ti. Vadhoyeva kho 11 maññe nigaṇṭhesu nāṭaputtiyesu vattati. Yepi nigaṇṭhassa nāṭaputtassa sāvakā gihī odātavasanā tepi nigaṇṭhesu nāṭaputtiyesu nibbinnarūpā 12 virattarūpā paṭivānarūpā yathā taṃ durakkhāte dhammavinaye duppavedite aniyyānike anupasamasaṃvattanike asammāsambuddhappavedite bhinnathūpe appaṭisaraṇe.
๔๒. อถ โข จุโนฺท สมณุเทฺทโส ปาวายํ วสฺสํวุโฎฺฐ 13 เยน สามคาโม เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข จุโนฺท สมณุเทฺทโส อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘นิคโณฺฐ, ภเนฺต, นาฎปุโตฺต ปาวายํ อธุนากาลงฺกโตฯ ตสฺส กาลงฺกิริยาย ภินฺนา นิคณฺฐา เทฺวธิกชาตา…เป.… ภินฺนถูเป อปฺปฎิสรเณ’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา อานโนฺท จุนฺทํ สมณุเทฺทสํ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ โข อิทํ, อาวุโส จุนฺท, กถาปาภตํ ภควนฺตํ ทสฺสนายฯ อายาม, อาวุโส จุนฺท, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิสฺสาม; อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข จุโนฺท สมณุเทฺทโส อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ
42. Atha kho cundo samaṇuddeso pāvāyaṃ vassaṃvuṭṭho 14 yena sāmagāmo yenāyasmā ānando tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho cundo samaṇuddeso āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘nigaṇṭho, bhante, nāṭaputto pāvāyaṃ adhunākālaṅkato. Tassa kālaṅkiriyāya bhinnā nigaṇṭhā dvedhikajātā…pe… bhinnathūpe appaṭisaraṇe’’ti. Evaṃ vutte, āyasmā ānando cundaṃ samaṇuddesaṃ etadavoca – ‘‘atthi kho idaṃ, āvuso cunda, kathāpābhataṃ bhagavantaṃ dassanāya. Āyāma, āvuso cunda, yena bhagavā tenupasaṅkamissāma; upasaṅkamitvā etamatthaṃ bhagavato ārocessāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho cundo samaṇuddeso āyasmato ānandassa paccassosi.
อถ โข อายสฺมา จ อานโนฺท จุโนฺท จ สมณุเทฺทโส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ภเนฺต, จุโนฺท สมณุเทฺทโส เอวมาห – ‘นิคโณฺฐ , ภเนฺต, นาฎปุโตฺต ปาวายํ อธุนากาลงฺกโตฯ ตสฺส กาลงฺกิริยาย ภินฺนา นิคณฺฐา เทฺวธิกชาตา…เป.… ภินฺนถูเป อปฺปฎิสรเณ’ติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, เอวํ โหติ – ‘มาเหว ภควโต อจฺจเยน สเงฺฆ วิวาโท อุปฺปชฺชิ; สฺวาสฺส 15 วิวาโท พหุชนาหิตาย พหุชนาสุขาย พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสาน’’’นฺติฯ
Atha kho āyasmā ca ānando cundo ca samaṇuddeso yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ayaṃ, bhante, cundo samaṇuddeso evamāha – ‘nigaṇṭho , bhante, nāṭaputto pāvāyaṃ adhunākālaṅkato. Tassa kālaṅkiriyāya bhinnā nigaṇṭhā dvedhikajātā…pe… bhinnathūpe appaṭisaraṇe’ti. Tassa mayhaṃ, bhante, evaṃ hoti – ‘māheva bhagavato accayena saṅghe vivādo uppajji; svāssa 16 vivādo bahujanāhitāya bahujanāsukhāya bahuno janassa anatthāya ahitāya dukkhāya devamanussāna’’’nti.
๔๓. ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อานนฺท, เย โว มยา ธมฺมา อภิญฺญา เทสิตา, เสยฺยถิทํ – จตฺตาโร สติปฎฺฐานา จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ปญฺจินฺทฺริยานิ ปญฺจ พลานิ สตฺต โพชฺฌงฺคา อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, ปสฺสสิ โน ตฺวํ, อานนฺท, อิเมสุ ธเมฺมสุ เทฺวปิ ภิกฺขู นานาวาเท’’ติ? ‘‘เย เม, ภเนฺต, ธมฺมา ภควตา อภิญฺญา เทสิตา, เสยฺยถิทํ – จตฺตาโร สติปฎฺฐานา จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ปญฺจินฺทฺริยานิ ปญฺจ พลานิ สตฺต โพชฺฌงฺคา อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, นาหํ ปสฺสามิ อิเมสุ ธเมฺมสุ เทฺวปิ ภิกฺขู นานาวาเทฯ เย จ โข 17, ภเนฺต, ปุคฺคลา ภควนฺตํ ปติสฺสยมานรูปา วิหรนฺติ เตปิ ภควโต อจฺจเยน สเงฺฆ วิวาทํ ชเนยฺยุํ อชฺฌาชีเว วา อธิปาติโมเกฺข วาฯ สฺวาสฺส 18 วิวาโท พหุชนาหิตาย พหุชนาสุขาย พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสาน’’นฺติฯ อปฺปมตฺตโก โส, อานนฺท, วิวาโท ยทิทํ – อชฺฌาชีเว วา อธิปาติโมเกฺข วาฯ มเคฺค วา หิ, อานนฺท, ปฎิปทาย วา สเงฺฆ วิวาโท อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปเชฺชยฺย; สฺวาสฺส วิวาโท พหุชนาหิตาย พหุชนาสุขาย พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํฯ
43. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, ānanda, ye vo mayā dhammā abhiññā desitā, seyyathidaṃ – cattāro satipaṭṭhānā cattāro sammappadhānā cattāro iddhipādā pañcindriyāni pañca balāni satta bojjhaṅgā ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, passasi no tvaṃ, ānanda, imesu dhammesu dvepi bhikkhū nānāvāde’’ti? ‘‘Ye me, bhante, dhammā bhagavatā abhiññā desitā, seyyathidaṃ – cattāro satipaṭṭhānā cattāro sammappadhānā cattāro iddhipādā pañcindriyāni pañca balāni satta bojjhaṅgā ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, nāhaṃ passāmi imesu dhammesu dvepi bhikkhū nānāvāde. Ye ca kho 19, bhante, puggalā bhagavantaṃ patissayamānarūpā viharanti tepi bhagavato accayena saṅghe vivādaṃ janeyyuṃ ajjhājīve vā adhipātimokkhe vā. Svāssa 20 vivādo bahujanāhitāya bahujanāsukhāya bahuno janassa anatthāya ahitāya dukkhāya devamanussāna’’nti. Appamattako so, ānanda, vivādo yadidaṃ – ajjhājīve vā adhipātimokkhe vā. Magge vā hi, ānanda, paṭipadāya vā saṅghe vivādo uppajjamāno uppajjeyya; svāssa vivādo bahujanāhitāya bahujanāsukhāya bahuno janassa anatthāya ahitāya dukkhāya devamanussānaṃ.
๔๔. ‘‘ฉยิมานิ, อานนฺท, วิวาทมูลานิฯ กตมานิ ฉ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ โกธโน โหติ อุปนาหีฯ โย โส, อานนฺท, ภิกฺขุ โกธโน โหติ อุปนาหี โส สตฺถริปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธเมฺมปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สเงฺฆปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สิกฺขายปิ น ปริปูรการี โหติฯ โย โส, อานนฺท, ภิกฺขุ สตฺถริ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธเมฺม… สเงฺฆ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สิกฺขาย น ปริปูรการี โหติ, โส สเงฺฆ วิวาทํ ชเนติ; โย โหติ วิวาโท พหุชนาหิตาย พหุชนาสุขาย, พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํฯ เอวรูปเญฺจ ตุเมฺห, อานนฺท, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา สมนุปเสฺสยฺยาถ, ตตฺร ตุเมฺห, อานนฺท, ตเสฺสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานาย วายเมยฺยาถฯ เอวรูปเญฺจ ตุเมฺห, อานนฺท, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา น สมนุปเสฺสยฺยาถฯ ตตฺร ตุเมฺห, อานนฺท, ตเสฺสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายติํ อนวสฺสวาย ปฎิปเชฺชยฺยาถฯ เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานํ โหติ, เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายติํ อนวสฺสโว โหติฯ
44. ‘‘Chayimāni, ānanda, vivādamūlāni. Katamāni cha? Idhānanda, bhikkhu kodhano hoti upanāhī. Yo so, ānanda, bhikkhu kodhano hoti upanāhī so sattharipi agāravo viharati appatisso, dhammepi agāravo viharati appatisso, saṅghepi agāravo viharati appatisso, sikkhāyapi na paripūrakārī hoti. Yo so, ānanda, bhikkhu satthari agāravo viharati appatisso, dhamme… saṅghe agāravo viharati appatisso, sikkhāya na paripūrakārī hoti, so saṅghe vivādaṃ janeti; yo hoti vivādo bahujanāhitāya bahujanāsukhāya, bahuno janassa anatthāya ahitāya dukkhāya devamanussānaṃ. Evarūpañce tumhe, ānanda, vivādamūlaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā samanupasseyyātha, tatra tumhe, ānanda, tasseva pāpakassa vivādamūlassa pahānāya vāyameyyātha. Evarūpañce tumhe, ānanda, vivādamūlaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā na samanupasseyyātha. Tatra tumhe, ānanda, tasseva pāpakassa vivādamūlassa āyatiṃ anavassavāya paṭipajjeyyātha. Evametassa pāpakassa vivādamūlassa pahānaṃ hoti, evametassa pāpakassa vivādamūlassa āyatiṃ anavassavo hoti.
๔๕. ‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ มกฺขี โหติ ปฬาสี…เป.… อิสฺสุกี โหติ มจฺฉรี…เป.… สโฐ โหติ มายาวี…เป.… ปาปิโจฺฉ โหติ มิจฺฉาทิฎฺฐิ 21 …เป.… สนฺทิฎฺฐิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคีฯ โย โส, อานนฺท, ภิกฺขุ สนฺทิฎฺฐิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคี โส สตฺถริปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธเมฺมปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สเงฺฆปิ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, สิกฺขายปิ น ปริปูรการี โหติฯ โย โส, อานนฺท, ภิกฺขุ สตฺถริ อคารโว วิหรติ อปฺปติโสฺส, ธเมฺม… สเงฺฆ… สิกฺขาย น ปริปูรการี โหติ โส สเงฺฆ วิวาทํ ชเนติ; โย โหติ วิวาโท พหุชนาหิตาย พหุชนาสุขาย, พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํฯ เอวรูปเญฺจ ตุเมฺห, อานนฺท, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา สมนุปเสฺสยฺยาถฯ ตตฺร ตุเมฺห, อานนฺท, ตเสฺสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานาย วายเมยฺยาถฯ เอวรูปเญฺจ ตุเมฺห, อานนฺท, วิวาทมูลํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา น สมนุปเสฺสยฺยาถ, ตตฺร ตุเมฺห, อานนฺท, ตเสฺสว ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายติํ อนวสฺสวาย ปฎิปเชฺชยฺยาถฯ เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส ปหานํ โหติ , เอวเมตสฺส ปาปกสฺส วิวาทมูลสฺส อายติํ อนวสฺสโว โหติฯ อิมานิ โข, อานนฺท, ฉ วิวาทมูลานิฯ
45. ‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhu makkhī hoti paḷāsī…pe… issukī hoti maccharī…pe… saṭho hoti māyāvī…pe… pāpiccho hoti micchādiṭṭhi 22 …pe… sandiṭṭhiparāmāsī hoti ādhānaggāhī duppaṭinissaggī. Yo so, ānanda, bhikkhu sandiṭṭhiparāmāsī hoti ādhānaggāhī duppaṭinissaggī so sattharipi agāravo viharati appatisso, dhammepi agāravo viharati appatisso, saṅghepi agāravo viharati appatisso, sikkhāyapi na paripūrakārī hoti. Yo so, ānanda, bhikkhu satthari agāravo viharati appatisso, dhamme… saṅghe… sikkhāya na paripūrakārī hoti so saṅghe vivādaṃ janeti; yo hoti vivādo bahujanāhitāya bahujanāsukhāya, bahuno janassa anatthāya ahitāya dukkhāya devamanussānaṃ. Evarūpañce tumhe, ānanda, vivādamūlaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā samanupasseyyātha. Tatra tumhe, ānanda, tasseva pāpakassa vivādamūlassa pahānāya vāyameyyātha. Evarūpañce tumhe, ānanda, vivādamūlaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā na samanupasseyyātha, tatra tumhe, ānanda, tasseva pāpakassa vivādamūlassa āyatiṃ anavassavāya paṭipajjeyyātha. Evametassa pāpakassa vivādamūlassa pahānaṃ hoti , evametassa pāpakassa vivādamūlassa āyatiṃ anavassavo hoti. Imāni kho, ānanda, cha vivādamūlāni.
๔๖. ‘‘จตฺตาริมานิ , อานนฺท, อธิกรณานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? วิวาทาธิกรณํ, อนุวาทาธิกรณํ, อาปตฺตาธิกรณํ, กิจฺจาธิกรณํ – อิมานิ โข, อานนฺท, จตฺตาริ อธิกรณานิฯ สตฺต โข ปนิเม, อานนฺท, อธิกรณสมถา – อุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อธิกรณานํ สมถาย วูปสมาย สมฺมุขาวินโย ทาตโพฺพ, สติวินโย ทาตโพฺพ, อมูฬฺหวินโย ทาตโพฺพ, ปฎิญฺญาย กาเรตพฺพํ, เยภุยฺยสิกา, ตสฺสปาปิยสิกา, ติณวตฺถารโกฯ
46. ‘‘Cattārimāni , ānanda, adhikaraṇāni. Katamāni cattāri? Vivādādhikaraṇaṃ, anuvādādhikaraṇaṃ, āpattādhikaraṇaṃ, kiccādhikaraṇaṃ – imāni kho, ānanda, cattāri adhikaraṇāni. Satta kho panime, ānanda, adhikaraṇasamathā – uppannuppannānaṃ adhikaraṇānaṃ samathāya vūpasamāya sammukhāvinayo dātabbo, sativinayo dātabbo, amūḷhavinayo dātabbo, paṭiññāya kāretabbaṃ, yebhuyyasikā, tassapāpiyasikā, tiṇavatthārako.
๔๗. ‘‘กถญฺจานนฺท, สมฺมุขาวินโย โหติ? อิธานนฺท, ภิกฺขู วิวทนฺติ ธโมฺมติ วา อธโมฺมติ วา วินโยติ วา อวินโยติ วาฯ เตหานนฺท, ภิกฺขูหิ สเพฺพเหว สมเคฺคหิ สนฺนิปติตพฺพํฯ สนฺนิปติตฺวา ธมฺมเนตฺติ สมนุมชฺชิตพฺพา ฯ ธมฺมเนตฺติํ สมนุมชฺชิตฺวา ยถา ตตฺถ สเมติ ตถา ตํ อธิกรณํ วูปสเมตพฺพํฯ เอวํ โข, อานนฺท, สมฺมุขาวินโย โหติ; เอวญฺจ ปนิเธกจฺจานํ อธิกรณานํ วูปสโม โหติ ยทิทํ – สมฺมุขาวินเยนฯ
47. ‘‘Kathañcānanda, sammukhāvinayo hoti? Idhānanda, bhikkhū vivadanti dhammoti vā adhammoti vā vinayoti vā avinayoti vā. Tehānanda, bhikkhūhi sabbeheva samaggehi sannipatitabbaṃ. Sannipatitvā dhammanetti samanumajjitabbā . Dhammanettiṃ samanumajjitvā yathā tattha sameti tathā taṃ adhikaraṇaṃ vūpasametabbaṃ. Evaṃ kho, ānanda, sammukhāvinayo hoti; evañca panidhekaccānaṃ adhikaraṇānaṃ vūpasamo hoti yadidaṃ – sammukhāvinayena.
๔๘. ‘‘กถญฺจานนฺท, เยภุยฺยสิกา โหติ? เต เจ, อานนฺท, ภิกฺขู น สโกฺกนฺติ ตํ อธิกรณํ ตสฺมิํ อาวาเส วูปสเมตุํฯ เตหานนฺท, ภิกฺขูหิ ยสฺมิํ อาวาเส พหุตรา ภิกฺขู โส อาวาโส คนฺตโพฺพฯ ตตฺถ สเพฺพเหว สมเคฺคหิ สนฺนิปติตพฺพํฯ สนฺนิปติตฺวา ธมฺมเนตฺติ สมนุมชฺชิตพฺพาฯ ธมฺมเนตฺติํ สมนุมชฺชิตฺวา ยถา ตตฺถ สเมติ ตถา ตํ อธิกรณํ วูปสเมตพฺพํฯ เอวํ โข, อานนฺท, เยภุยฺยสิกา โหติ, เอวญฺจ ปนิเธกจฺจานํ อธิกรณานํ วูปสโม โหติ ยทิทํ – เยภุยฺยสิกายฯ
48. ‘‘Kathañcānanda, yebhuyyasikā hoti? Te ce, ānanda, bhikkhū na sakkonti taṃ adhikaraṇaṃ tasmiṃ āvāse vūpasametuṃ. Tehānanda, bhikkhūhi yasmiṃ āvāse bahutarā bhikkhū so āvāso gantabbo. Tattha sabbeheva samaggehi sannipatitabbaṃ. Sannipatitvā dhammanetti samanumajjitabbā. Dhammanettiṃ samanumajjitvā yathā tattha sameti tathā taṃ adhikaraṇaṃ vūpasametabbaṃ. Evaṃ kho, ānanda, yebhuyyasikā hoti, evañca panidhekaccānaṃ adhikaraṇānaṃ vūpasamo hoti yadidaṃ – yebhuyyasikāya.
๔๙. ‘‘กถญฺจานนฺท, สติวินโย โหติ? อิธานนฺท, ภิกฺขู ภิกฺขุํ เอวรูปาย ครุกาย อาปตฺติยา โจเทนฺติ ปาราชิเกน วา ปาราชิกสามเนฺตน วา – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ 23 ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติ? โส เอวมาห – ‘น โข อหํ, อาวุโส, สรามิ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติฯ ตสฺส โข 24, อานนฺท, ภิกฺขุโน สติวินโย ทาตโพฺพฯ เอวํ โข, อานนฺท, สติวินโย โหติ, เอวญฺจ ปนิเธกจฺจานํ อธิกรณานํ วูปสโม โหติ ยทิทํ – สติวินเยนฯ
49. ‘‘Kathañcānanda, sativinayo hoti? Idhānanda, bhikkhū bhikkhuṃ evarūpāya garukāya āpattiyā codenti pārājikena vā pārājikasāmantena vā – ‘saratāyasmā evarūpiṃ 25 garukaṃ āpattiṃ āpajjitā pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti? So evamāha – ‘na kho ahaṃ, āvuso, sarāmi evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti. Tassa kho 26, ānanda, bhikkhuno sativinayo dātabbo. Evaṃ kho, ānanda, sativinayo hoti, evañca panidhekaccānaṃ adhikaraṇānaṃ vūpasamo hoti yadidaṃ – sativinayena.
๕๐. ‘‘กถญฺจานนฺท , อมูฬฺหวินโย โหติ? อิธานนฺท, ภิกฺขู ภิกฺขุํ เอวรูปาย ครุกาย อาปตฺติยา โจเทนฺติ ปาราชิเกน วา ปาราชิกสามเนฺตน วา – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติ? (โส เอวมาห – ‘น โข อหํ, อาวุโส, สรามิ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติฯ ตเมนํ โส นิเพฺพเฐนฺตํ อติเวเฐติ – ‘อิงฺฆายสฺมา สาธุกเมว ชานาหิ ยทิ สรสิ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติฯ) 27 โส เอวมาห – ‘อหํ โข, อาวุโส, อุมฺมาทํ ปาปุณิํ เจตโส วิปริยาสํฯ เตน เม อุมฺมตฺตเกน พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํ 28ฯ นาหํ ตํ สรามิฯ มูเฬฺหน เม เอตํ กต’นฺติฯ ตสฺส โข 29, อานนฺท, ภิกฺขุโน อมูฬฺหวินโย ทาตโพฺพฯ เอวํ โข, อานนฺท , อมูฬฺหวินโย โหติ, เอวญฺจ ปนิเธกจฺจานํ อธิกรณานํ วูปสโม โหติ ยทิทํ – อมูฬฺหวินเยนฯ
50. ‘‘Kathañcānanda , amūḷhavinayo hoti? Idhānanda, bhikkhū bhikkhuṃ evarūpāya garukāya āpattiyā codenti pārājikena vā pārājikasāmantena vā – ‘saratāyasmā evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti? (So evamāha – ‘na kho ahaṃ, āvuso, sarāmi evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti. Tamenaṃ so nibbeṭhentaṃ ativeṭheti – ‘iṅghāyasmā sādhukameva jānāhi yadi sarasi evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti.) 30 So evamāha – ‘ahaṃ kho, āvuso, ummādaṃ pāpuṇiṃ cetaso vipariyāsaṃ. Tena me ummattakena bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ 31. Nāhaṃ taṃ sarāmi. Mūḷhena me etaṃ kata’nti. Tassa kho 32, ānanda, bhikkhuno amūḷhavinayo dātabbo. Evaṃ kho, ānanda , amūḷhavinayo hoti, evañca panidhekaccānaṃ adhikaraṇānaṃ vūpasamo hoti yadidaṃ – amūḷhavinayena.
๕๑. ‘‘กถญฺจานนฺท, ปฎิญฺญาตกรณํ โหติ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ โจทิโต วา อโจทิโต วา อาปตฺติํ สรติ, วิวรติ อุตฺตานีกโรติ 33ฯ เตน, อานนฺท, ภิกฺขุนา วุฑฺฒตรํ ภิกฺขุํ 34 อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘อหํ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนามํ อาปตฺติํ อาปโนฺน, ตํ ปฎิเทเสมี’ติฯ โส เอวมาห – ‘ปสฺสสี’ติ? ‘อาม ปสฺสามี’ติฯ ‘อายติํ สํวเรยฺยาสี’ติฯ (‘สํวริสฺสามี’ติฯ) 35 เอวํ โข, อานนฺท, ปฎิญฺญาตกรณํ โหติ, เอวญฺจ ปนิเธกจฺจานํ อธิกรณานํ วูปสโม โหติ ยทิทํ – ปฎิญฺญาตกรเณนฯ
51. ‘‘Kathañcānanda, paṭiññātakaraṇaṃ hoti? Idhānanda, bhikkhu codito vā acodito vā āpattiṃ sarati, vivarati uttānīkaroti 36. Tena, ānanda, bhikkhunā vuḍḍhataraṃ bhikkhuṃ 37 upasaṅkamitvā ekaṃsaṃ cīvaraṃ katvā pāde vanditvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā evamassa vacanīyo – ‘ahaṃ, bhante, itthannāmaṃ āpattiṃ āpanno, taṃ paṭidesemī’ti. So evamāha – ‘passasī’ti? ‘Āma passāmī’ti. ‘Āyatiṃ saṃvareyyāsī’ti. (‘Saṃvarissāmī’ti.) 38 Evaṃ kho, ānanda, paṭiññātakaraṇaṃ hoti, evañca panidhekaccānaṃ adhikaraṇānaṃ vūpasamo hoti yadidaṃ – paṭiññātakaraṇena.
๕๒. ‘‘กถญฺจานนฺท , ตสฺสปาปิยสิกา โหติ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ ภิกฺขุํ เอวรูปาย ครุกาย อาปตฺติยา โจเทติ ปาราชิเกน วา ปาราชิกสามเนฺตน วา – ‘สรตายสฺมา เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติ? โส เอวมาห – ‘น โข อหํ, อาวุโส, สรามิ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติฯ ตเมนํ โส นิเพฺพเฐนฺตํ อติเวเฐติ – ‘อิงฺฆายสฺมา สาธุกเมว ชานาหิ ยทิ สรสิ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติฯ โส เอวมาห – ‘น โข อหํ, อาวุโส, สรามิ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา; สรามิ จ โข อหํ, อาวุโส, เอวรูปิํ อปฺปมตฺติกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา’ติฯ ตเมนํ โส นิเพฺพเฐนฺตํ อติเวเฐติ – ‘อิงฺฆายสฺมา สาธุกเมว ชานาหิ ยทิ สรสิ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติ? โส เอวมาห – ‘อิมญฺหิ นามาหํ, อาวุโส, อปฺปมตฺติกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา อปุโฎฺฐ ปฎิชานิสฺสามิฯ กิํ ปนาหํ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา ปุโฎฺฐ นปฎิชานิสฺสามี’ติ? โส เอวมาห – ‘อิมญฺหิ นาม ตฺวํ, อาวุโส , อปฺปมตฺติกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา อปุโฎฺฐ นปฎิชานิสฺสสิ, กิํ ปน ตฺวํ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา ปุโฎฺฐ 39 ปฎิชานิสฺสสิ? อิงฺฆายสฺมา สาธุกเมว ชานาหิ ยทิ สรสิ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติฯ โส เอวมาห – ‘สรามิ โข อหํ, อาวุโส, เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วาฯ ทวา เม เอตํ วุตฺตํ, รวา เม เอตํ วุตฺตํ – นาหํ ตํ สรามิ เอวรูปิํ ครุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชิตา ปาราชิกํ วา ปาราชิกสามนฺตํ วา’ติฯ เอวํ โข, อานนฺท, ตสฺสปาปิยสิกา โหติ, เอวญฺจ ปนิเธกจฺจานํ อธิกรณานํ วูปสโม โหติ ยทิทํ – ตสฺสปาปิยสิกายฯ
52. ‘‘Kathañcānanda , tassapāpiyasikā hoti? Idhānanda, bhikkhu bhikkhuṃ evarūpāya garukāya āpattiyā codeti pārājikena vā pārājikasāmantena vā – ‘saratāyasmā evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti? So evamāha – ‘na kho ahaṃ, āvuso, sarāmi evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti. Tamenaṃ so nibbeṭhentaṃ ativeṭheti – ‘iṅghāyasmā sādhukameva jānāhi yadi sarasi evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti. So evamāha – ‘na kho ahaṃ, āvuso, sarāmi evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā; sarāmi ca kho ahaṃ, āvuso, evarūpiṃ appamattikaṃ āpattiṃ āpajjitā’ti. Tamenaṃ so nibbeṭhentaṃ ativeṭheti – ‘iṅghāyasmā sādhukameva jānāhi yadi sarasi evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti? So evamāha – ‘imañhi nāmāhaṃ, āvuso, appamattikaṃ āpattiṃ āpajjitvā apuṭṭho paṭijānissāmi. Kiṃ panāhaṃ evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitvā pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā puṭṭho napaṭijānissāmī’ti? So evamāha – ‘imañhi nāma tvaṃ, āvuso , appamattikaṃ āpattiṃ āpajjitvā apuṭṭho napaṭijānissasi, kiṃ pana tvaṃ evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitvā pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā puṭṭho 40 paṭijānissasi? Iṅghāyasmā sādhukameva jānāhi yadi sarasi evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti. So evamāha – ‘sarāmi kho ahaṃ, āvuso, evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā. Davā me etaṃ vuttaṃ, ravā me etaṃ vuttaṃ – nāhaṃ taṃ sarāmi evarūpiṃ garukaṃ āpattiṃ āpajjitā pārājikaṃ vā pārājikasāmantaṃ vā’ti. Evaṃ kho, ānanda, tassapāpiyasikā hoti, evañca panidhekaccānaṃ adhikaraṇānaṃ vūpasamo hoti yadidaṃ – tassapāpiyasikāya.
๕๓. ‘‘กถญฺจานนฺท , ติณวตฺถารโก โหติ? อิธานนฺท, ภิกฺขูนํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ วิหรตํ พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ โหติ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ เตหานนฺท, ภิกฺขูหิ สเพฺพเหว สมเคฺคหิ สนฺนิปติตพฺพํฯ สนฺนิปติตฺวา เอกโตปกฺขิกานํ ภิกฺขูนํ พฺยเตฺตน 41 ภิกฺขุนา อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา อญฺชลิํ ปณาเมตฺวา สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
53. ‘‘Kathañcānanda , tiṇavatthārako hoti? Idhānanda, bhikkhūnaṃ bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānaṃ viharataṃ bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ hoti bhāsitaparikkantaṃ. Tehānanda, bhikkhūhi sabbeheva samaggehi sannipatitabbaṃ. Sannipatitvā ekatopakkhikānaṃ bhikkhūnaṃ byattena 42 bhikkhunā uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ cīvaraṃ katvā añjaliṃ paṇāmetvā saṅgho ñāpetabbo –
‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อิทํ อมฺหากํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ วิหรตํ พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํ ฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ ยา เจว อิเมสํ อายสฺมนฺตานํ อาปตฺติ ยา จ อตฺตโน อาปตฺติ, อิเมสเญฺจว อายสฺมนฺตานํ อตฺถาย อตฺตโน จ อตฺถาย, สงฺฆมเชฺฌ ติณวตฺถารเกน เทเสยฺยํ, ฐเปตฺวา ถุลฺลวชฺชํ ฐเปตฺวา คิหิปฎิสํยุตฺต’’’นฺติฯ
‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Idaṃ amhākaṃ bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānaṃ viharataṃ bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ . Yadi saṅghassa pattakallaṃ, ahaṃ yā ceva imesaṃ āyasmantānaṃ āpatti yā ca attano āpatti, imesañceva āyasmantānaṃ atthāya attano ca atthāya, saṅghamajjhe tiṇavatthārakena deseyyaṃ, ṭhapetvā thullavajjaṃ ṭhapetvā gihipaṭisaṃyutta’’’nti.
‘‘อถาปเรสํ เอกโตปกฺขิกานํ ภิกฺขูนํ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา อญฺชลิํ ปณาเมตฺวา สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
‘‘Athāparesaṃ ekatopakkhikānaṃ bhikkhūnaṃ byattena bhikkhunā uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ cīvaraṃ katvā añjaliṃ paṇāmetvā saṅgho ñāpetabbo –
‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อิทํ อมฺหากํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ วิหรตํ พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ ยา เจว อิเมสํ อายสฺมนฺตานํ อาปตฺติ ยา จ อตฺตโน อาปตฺติ, อิเมสเญฺจว อายสฺมนฺตานํ อตฺถาย อตฺตโน จ อตฺถาย, สงฺฆมเชฺฌ ติณวตฺถารเกน เทเสยฺยํ, ฐเปตฺวา ถุลฺลวชฺชํ ฐเปตฺวา คิหิปฎิสํยุตฺต’’’นฺติฯ
‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Idaṃ amhākaṃ bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānaṃ viharataṃ bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, ahaṃ yā ceva imesaṃ āyasmantānaṃ āpatti yā ca attano āpatti, imesañceva āyasmantānaṃ atthāya attano ca atthāya, saṅghamajjhe tiṇavatthārakena deseyyaṃ, ṭhapetvā thullavajjaṃ ṭhapetvā gihipaṭisaṃyutta’’’nti.
‘‘เอวํ โข, อานนฺท, ติณวตฺถารโก โหติ, เอวญฺจ ปนิเธกจฺจานํ อธิกรณานํ วูปสโม โหติ ยทิทํ – ติณวตฺถารเกนฯ
‘‘Evaṃ kho, ānanda, tiṇavatthārako hoti, evañca panidhekaccānaṃ adhikaraṇānaṃ vūpasamo hoti yadidaṃ – tiṇavatthārakena.
๕๔. ‘‘ฉยิเม , อานนฺท, ธมฺมา สารณียา ปิยกรณา ครุกรณา สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตนฺติฯ กตเม ฉ? อิธานนฺท, ภิกฺขุโน เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จฯ อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
54. ‘‘Chayime , ānanda, dhammā sāraṇīyā piyakaraṇā garukaraṇā saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattanti. Katame cha? Idhānanda, bhikkhuno mettaṃ kāyakammaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti sabrahmacārīsu āvi ceva raho ca. Ayampi dhammo sāraṇīyo piyakaraṇo garukaraṇo saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน เมตฺตํ วจีกมฺมํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จฯ อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhuno mettaṃ vacīkammaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti sabrahmacārīsu āvi ceva raho ca. Ayampi dhammo sāraṇīyo piyakaraṇo garukaraṇo saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จฯ อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhuno mettaṃ manokammaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti sabrahmacārīsu āvi ceva raho ca. Ayampi dhammo sāraṇīyo piyakaraṇo garukaraṇo saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ – เย เต ลาภา ธมฺมิกา ธมฺมลทฺธา อนฺตมโส ปตฺตปริยาปนฺนมตฺตมฺปิ ตถารูเปหิ ลาเภหิ – อปฎิวิภตฺตโภคี โหติ, สีลวเนฺตหิ สพฺรหฺมจารีหิ สาธารณโภคีฯ อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhu – ye te lābhā dhammikā dhammaladdhā antamaso pattapariyāpannamattampi tathārūpehi lābhehi – apaṭivibhattabhogī hoti, sīlavantehi sabrahmacārīhi sādhāraṇabhogī. Ayampi dhammo sāraṇīyo piyakaraṇo garukaraṇo saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ – ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิญฺญุปฺปสตฺถานิ อปรามฎฺฐานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ ตถารูเปสุ สีเลสุ – สีลสามญฺญคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จฯ อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhu – yāni tāni sīlāni akhaṇḍāni acchiddāni asabalāni akammāsāni bhujissāni viññuppasatthāni aparāmaṭṭhāni samādhisaṃvattanikāni tathārūpesu sīlesu – sīlasāmaññagato viharati sabrahmacārīhi āvi ceva raho ca. Ayampi dhammo sāraṇīyo piyakaraṇo garukaraṇo saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ – ยายํ ทิฎฺฐิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยา ตถารูปาย ทิฎฺฐิยา – ทิฎฺฐิสามญฺญคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จฯ อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ อิเม โข, อานนฺท, ฉ สารณียา ธมฺมา ปิยกรณา ครุกรณา สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตนฺติฯ
‘‘Puna caparaṃ, ānanda, bhikkhu – yāyaṃ diṭṭhi ariyā niyyānikā niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayā tathārūpāya diṭṭhiyā – diṭṭhisāmaññagato viharati sabrahmacārīhi āvi ceva raho ca. Ayampi dhammo sāraṇīyo piyakaraṇo garukaraṇo saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattati. Ime kho, ānanda, cha sāraṇīyā dhammā piyakaraṇā garukaraṇā saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattanti.
‘‘อิเม เจ ตุเมฺห, อานนฺท, ฉ สารณีเย ธเมฺม สมาทาย วเตฺตยฺยาถ, ปสฺสถ โน ตุเมฺห, อานนฺท, ตํ วจนปถํ อณุํ วา ถูลํ วา ยํ ตุเมฺห นาธิวาเสยฺยาถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท , อิเม ฉ สารณีเย ธเมฺม สมาทาย วตฺตถฯ ตํ โว ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ
‘‘Ime ce tumhe, ānanda, cha sāraṇīye dhamme samādāya vatteyyātha, passatha no tumhe, ānanda, taṃ vacanapathaṃ aṇuṃ vā thūlaṃ vā yaṃ tumhe nādhivāseyyāthā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Tasmātihānanda , ime cha sāraṇīye dhamme samādāya vattatha. Taṃ vo bhavissati dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamano āyasmā ānando bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.
สามคามสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ
Sāmagāmasuttaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. สามคามสุตฺตวณฺณนา • 4. Sāmagāmasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๔. สามคามสุตฺตวณฺณนา • 4. Sāmagāmasuttavaṇṇanā