Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๔. สามคามสุตฺตวณฺณนา
4. Sāmagāmasuttavaṇṇanā
๔๑. เทฺวธิกชาตาติ ชาตเทฺวธิกา สญฺชาตเภทาฯ เทฺวชฺฌชาตาติ ทุวิธภาวํ ปตฺตาฯ ภณฺฑนฺติ ปริภาสนฺติ เอเตนาติ ภณฺฑนํ, วิรุทฺธจิตฺตตาฯ ตนฺติ ภณฺฑนํฯ ธมฺมวินยนฺติ ปาวจนํฯ วิตุชฺชนฺตา มุขสตฺตีหิฯ สหิตํ เมติ มยฺหํ วจนํ สหิตํ สิลิฎฺฐํ ปุพฺพาปรสมฺพนฺธํ อตฺถยุตฺตํฯ เตนาห ‘‘อตฺถสํหิต’’นฺติฯ อธิจิณฺณนฺติ อาจิณฺณํฯ วิปราวตฺตนฺติ วิโรธทสฺสนวเสน ปราวตฺติตํ, ปราวตฺตํ ทูสิตนฺติ อโตฺถฯ เตนาห – ‘‘จิรกาลวเสน…เป.… นิวตฺต’’นฺติฯ ปริเยสมาโน จร, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา สิกฺขาหีติ อโตฺถฯ สเจ สโกฺกสิ, อิทานิเมว มยา เวฐิตโทสํ นิเพฺพเฐหิฯ มรณเมวาติ อญฺญมญฺญฆาตวเสน มรณเมวฯ
41.Dvedhikajātāti jātadvedhikā sañjātabhedā. Dvejjhajātāti duvidhabhāvaṃ pattā. Bhaṇḍanti paribhāsanti etenāti bhaṇḍanaṃ, viruddhacittatā. Tanti bhaṇḍanaṃ. Dhammavinayanti pāvacanaṃ. Vitujjantā mukhasattīhi. Sahitaṃ meti mayhaṃ vacanaṃ sahitaṃ siliṭṭhaṃ pubbāparasambandhaṃ atthayuttaṃ. Tenāha ‘‘atthasaṃhita’’nti. Adhiciṇṇanti āciṇṇaṃ. Viparāvattanti virodhadassanavasena parāvattitaṃ, parāvattaṃ dūsitanti attho. Tenāha – ‘‘cirakālavasena…pe… nivatta’’nti. Pariyesamāno cara, tattha tattha gantvā sikkhāhīti attho. Sace sakkosi, idānimeva mayā veṭhitadosaṃ nibbeṭhehi. Maraṇamevāti aññamaññaghātavasena maraṇameva.
นาฎปุตฺตสฺส อิเมติ นาฎปุตฺติยาฯ เต ปน ตสฺส สิสฺสาติ อาห ‘‘อเนฺตวาสิเกสู’’ติฯ ปุริมปฎิปตฺติโต ปฎินิวตฺตนํ ปฎิวานํ, ตํ รูปํ สภาโว เอเตสนฺติ ปฎิวานรูปาฯ เตนาห ‘‘นิวตฺตนสภาวา’’ติฯ กถนํ อตฺถสฺส อาจิกฺขนํฯ ปเวทนํ ตสฺส เหตุทาหรณานิ อาหริตฺวา โพธนํฯ น อุปสมาย สํวตฺตตีติ อนุปสมสํวตฺตนํ, ตเทว อนุปสมสํวตฺตนิกํ, ตสฺมิํฯ สมุสฺสิตํ หุตฺวา ปติฎฺฐาเหตุภาวโต ถูปํ ปติฎฺฐาติ อาห – ‘‘ภินฺนถูเปติ ภินฺนปติเฎฺฐ’’ติฯ ถูโปติ วา ธมฺมสฺส นิยฺยานภาโว เวทิตโพฺพ, อญฺญธเมฺม อภิภุยฺย สมุสฺสิตเฎฺฐนฯ โส นิคณฺฐสฺส สมเย เกหิจิ อภินฺนสมฺมโตปิ ภิโนฺน วินโฎฺฐเยว สเพฺพน สพฺพํ อภาวโตติ ภินฺนถูโปฯ โส เอว นิยฺยานภาโว วฎฺฎทุกฺขโต มุจฺจิตุกามานํ ปฎิสรณํ, ตํ เอตฺถ นตฺถีติ อปฺปฎิสรโณ, ตสฺมิํ ภินฺนถูเป อปฺปฎิสรเณติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Nāṭaputtassa imeti nāṭaputtiyā. Te pana tassa sissāti āha ‘‘antevāsikesū’’ti. Purimapaṭipattito paṭinivattanaṃ paṭivānaṃ, taṃ rūpaṃ sabhāvo etesanti paṭivānarūpā. Tenāha ‘‘nivattanasabhāvā’’ti. Kathanaṃ atthassa ācikkhanaṃ. Pavedanaṃ tassa hetudāharaṇāni āharitvā bodhanaṃ. Na upasamāya saṃvattatīti anupasamasaṃvattanaṃ, tadeva anupasamasaṃvattanikaṃ, tasmiṃ. Samussitaṃ hutvā patiṭṭhāhetubhāvato thūpaṃ patiṭṭhāti āha – ‘‘bhinnathūpeti bhinnapatiṭṭhe’’ti. Thūpoti vā dhammassa niyyānabhāvo veditabbo, aññadhamme abhibhuyya samussitaṭṭhena. So nigaṇṭhassa samaye kehici abhinnasammatopi bhinno vinaṭṭhoyeva sabbena sabbaṃ abhāvatoti bhinnathūpo. So eva niyyānabhāvo vaṭṭadukkhato muccitukāmānaṃ paṭisaraṇaṃ, taṃ ettha natthīti appaṭisaraṇo, tasmiṃ bhinnathūpe appaṭisaraṇeti evamettha attho veditabbo.
อาจริยปฺปมาณนฺติ อาจริยมุฎฺฐิ หุตฺวา ปมาณภูตํฯ นานานีหาเรนาติ นานากาเรนฯ ‘‘วิวาโท น อุปฺปชฺชี’’ติ วตฺวา ตสฺส อนุปฺปตฺติการณํ ทเสฺสโนฺต, ‘‘สตฺถา หิ…เป.… อวิวาทการณํ กตฺวาว ปรินิพฺพายี’’ติ วตฺวา ตํ วิวริตุํ ‘‘ภควตา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปติฎฺฐา จ อวสฺสโย จ, ‘‘อยํ ธโมฺม อยํ วินโย อิทํ สตฺถุสาสน’’นฺติ วินิจฺฉยเน มหาปเทสา, ปญฺหพฺยากรณานิ จ, ยสฺมา เตสุ ปติฎฺฐาย เต อวสฺสาย ธมฺมวินยธรา จ นิจฺฉยํ คจฺฉนฺติฯ ตถา หิ สุตฺตนฺตมหาปเทสโต วินเย เกนจิ ปุจฺฉิโต อโตฺถ จตุนฺนํ ปญฺหพฺยากรณานํ วเสน สุวินิจฺฉิตรูโป, ตสฺมา ธมฺมวินโย อิธ สตฺถุ กิจฺจํ กาตุํ สโกฺกตีติ อาห – ‘‘เตเนวา’’ติอาทิ, ตสฺมา อุฬาราย เทสนาย ภาชนนฺติ อธิปฺปาโยฯ
Ācariyappamāṇanti ācariyamuṭṭhi hutvā pamāṇabhūtaṃ. Nānānīhārenāti nānākārena. ‘‘Vivādo na uppajjī’’ti vatvā tassa anuppattikāraṇaṃ dassento, ‘‘satthā hi…pe… avivādakāraṇaṃ katvāva parinibbāyī’’ti vatvā taṃ vivarituṃ ‘‘bhagavatā hī’’tiādi vuttaṃ. Patiṭṭhā ca avassayo ca, ‘‘ayaṃ dhammo ayaṃ vinayo idaṃ satthusāsana’’nti vinicchayane mahāpadesā, pañhabyākaraṇāni ca, yasmā tesu patiṭṭhāya te avassāya dhammavinayadharā ca nicchayaṃ gacchanti. Tathā hi suttantamahāpadesato vinaye kenaci pucchito attho catunnaṃ pañhabyākaraṇānaṃ vasena suvinicchitarūpo, tasmā dhammavinayo idha satthu kiccaṃ kātuṃ sakkotīti āha – ‘‘tenevā’’tiādi, tasmā uḷārāya desanāya bhājananti adhippāyo.
๔๒. ปฎิปวิฎฺฐํ กตฺวา อาหริตพฺพโต, สจฺจํ การิตพฺพโต ปาภตํ มูลนฺติ อาห – ‘‘กถาปาภต’’นฺติ, ธมฺมกถาย มูลการณนฺติ อโตฺถฯ เยสํ วเสน วิวาโท อุปฺปโนฺน, เตเยว อธมฺมวาทิโน, เตสํ ตาว โส อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตตุ, ตโต อเญฺญสํ เทวมนุสฺสานํ กถนฺติ, โจทนา ปรมฺปราย สํกิเลสวตฺถุภาวโตติ ปริหาโรฯ เตนาห – ‘‘โกสมฺพกกฺขนฺธเก วิยา’’ติอาทิฯ
42. Paṭipaviṭṭhaṃ katvā āharitabbato, saccaṃ kāritabbato pābhataṃ mūlanti āha – ‘‘kathāpābhata’’nti, dhammakathāya mūlakāraṇanti attho. Yesaṃ vasena vivādo uppanno, teyeva adhammavādino, tesaṃ tāva so ahitāya dukkhāya saṃvattatu, tato aññesaṃ devamanussānaṃ kathanti, codanā paramparāya saṃkilesavatthubhāvatoti parihāro. Tenāha – ‘‘kosambakakkhandhake viyā’’tiādi.
๔๓. อภิญฺญา เทสิตาติ อภิวิสิฎฺฐาย ปญฺญาย ชานิตฺวา โพธิตาฯ ปติสฺสยมานรูปาติ อปทิสฺส ปติสฺสยมานา ครุกวเสน นิสฺสยมานสภาวาฯ เตนาห – ‘‘อุปนิสฺสาย วิหรนฺตี’’ติ, ครุตรํ นิสฺสยํ กตฺวา วิหรนฺตีติ อโตฺถฯ ปริวาเร ปญฺญตฺตานีติ, ‘‘อาชีวเหตุ อาชีวการณา’’ติ, เอวํ นิทฺธาเรตฺวา ปริวารปาฬิยํ (ปริ. ๓๓๖) อาสงฺกรวเสน ฐปิตานิฯ ‘‘เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ (ปารา. ๓๙, ๔๒, ๔๓) วิภงฺคปาฐวเสเนว หิ ตานิ ภควตา ปญฺญตฺตานิฯ ตานิ ฐเปตฺวา เสสานิ สพฺพสิกฺขาปทานิ อธิปาติโมกฺขํ นามาติ, อิทํ โคพลีพทฺทญาเยน วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํ เตสมฺปิ อธิปาติโมกฺขภาวโตฯ
43.Abhiññā desitāti abhivisiṭṭhāya paññāya jānitvā bodhitā. Patissayamānarūpāti apadissa patissayamānā garukavasena nissayamānasabhāvā. Tenāha – ‘‘upanissāya viharantī’’ti, garutaraṃ nissayaṃ katvā viharantīti attho. Parivāre paññattānīti, ‘‘ājīvahetu ājīvakāraṇā’’ti, evaṃ niddhāretvā parivārapāḷiyaṃ (pari. 336) āsaṅkaravasena ṭhapitāni. ‘‘Evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyā’’ti (pārā. 39, 42, 43) vibhaṅgapāṭhavaseneva hi tāni bhagavatā paññattāni. Tāni ṭhapetvā sesāni sabbasikkhāpadāni adhipātimokkhaṃ nāmāti, idaṃ gobalībaddañāyena vuttanti daṭṭhabbaṃ tesampi adhipātimokkhabhāvato.
ตตฺรายํ นโยติ ตสฺมิํ สุปฺปชหนาย อปฺปมตฺตกภาเว อยํ วกฺขมาโนฯ ตานีติ ปณีตโภชนานิฯ โย โกจีติ ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วาฯ ทุกฺกฎวตฺถุกนฺติ ยํ กิญฺจิ ทุกฺกฎาปตฺติวตฺถุกํฯ เตนาติ สุปฺปชหนภาเวน มูลาปตฺติวีติกฺกมสฺส อณุมตฺตตายฯ
Tatrāyaṃ nayoti tasmiṃ suppajahanāya appamattakabhāve ayaṃ vakkhamāno. Tānīti paṇītabhojanāni. Yo kocīti bhikkhu vā bhikkhunī vā. Dukkaṭavatthukanti yaṃ kiñci dukkaṭāpattivatthukaṃ. Tenāti suppajahanabhāvena mūlāpattivītikkamassa aṇumattatāya.
ปุพฺพภาคมคฺคนฺติ โลกิยมคฺคํฯ ตตฺราติ ตสฺมิํ ปุพฺพภาคมคฺคํ นิสฺสาย วิวาทุปฺปาเทฯ โอภาสญาณนฺติ โอภาสสฺส อุปฺปตฺติเหตุภูตํ ญาณํฯ ตตฺถ ปน โส มคฺคสญฺญิภาเวน มโคฺค จ จตุพฺพิโธติ สุตตฺตา, ‘‘ปฎฺฐมมโคฺค นามา’’ติอาทิมาหฯ เอวนฺติ เอวํ อสนฺทิทฺธํ อปริสงฺกิตํ ปริจฺจตฺตํ กตฺวา กมฺมฎฺฐานํ กเถตุํ น สโกฺกติฯ
Pubbabhāgamagganti lokiyamaggaṃ. Tatrāti tasmiṃ pubbabhāgamaggaṃ nissāya vivāduppāde. Obhāsañāṇanti obhāsassa uppattihetubhūtaṃ ñāṇaṃ. Tattha pana so maggasaññibhāvena maggo ca catubbidhoti sutattā, ‘‘paṭṭhamamaggo nāmā’’tiādimāha. Evanti evaṃ asandiddhaṃ aparisaṅkitaṃ pariccattaṃ katvā kammaṭṭhānaṃ kathetuṃ na sakkoti.
เจติยํ น ทิฎฺฐนฺติ ตสฺส กตํ ถูปํ วทติฯ นินฺทิเย ปุถุชฺชนภาเว ฐิตํ ปาสํสํ อริยภาวํ อาโรเปตฺวา ตํ มิจฺฉาลทฺธิํ อภินิวิสฺส ปคฺคยฺห โวหรณโต สโคฺคปิ มโคฺคปิ วาริโตเยวาติฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Cetiyaṃ na diṭṭhanti tassa kataṃ thūpaṃ vadati. Nindiye puthujjanabhāve ṭhitaṃ pāsaṃsaṃ ariyabhāvaṃ āropetvā taṃ micchāladdhiṃ abhinivissa paggayha voharaṇato saggopi maggopi vāritoyevāti. Vuttañhetaṃ –
‘‘โย นินฺทิยํ ปสํสติ, ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโย;
‘‘Yo nindiyaṃ pasaṃsati, taṃ vā nindati yo pasaṃsiyo;
วิจินาติ มุเขน โส กลิํ, กลินา เตน สุขํ น วินฺทตี’’ติฯ (สุ. นิ. ๖๖๓; สํ. นิ. ๑.๑๘๐-๑๘๑; อ. นิ. ๔.๓; เนตฺติ. ๙๒);
Vicināti mukhena so kaliṃ, kalinā tena sukhaṃ na vindatī’’ti. (su. ni. 663; saṃ. ni. 1.180-181; a. ni. 4.3; netti. 92);
‘‘ขเณเนว อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สมตฺถกมฺมฎฺฐานกถํ อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ หิ อิมินา ตตฺถ โกหญฺญมฺปิ ทิสฺสติ; อิตเรสุ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ อุปฺปาเฎตฺวาติ อุทฺธริตฺวาฯ ‘‘อถ เต ภิกฺขู’’ติอาทิ เสสํ นามฯ ‘‘อมตํ เต ปริภุญฺชนฺติ, เย กายคตาสติํ ปริภุญฺชนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๖๐๐) วจนํ ทุคฺคหิตํ คณฺหาเปตฺวา, ‘‘เอตฺตาวตา โว อมตํ ปริภุตฺตํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ อาหฯ
‘‘Khaṇeneva arahattaṃ pāpuṇituṃ samatthakammaṭṭhānakathaṃ ācikkhissāmī’’ti hi iminā tattha kohaññampi dissati; itaresu pana vattabbameva natthi. Uppāṭetvāti uddharitvā. ‘‘Atha te bhikkhū’’tiādi sesaṃ nāma. ‘‘Amataṃ te paribhuñjanti, ye kāyagatāsatiṃ paribhuñjantī’’ti (a. ni. 1.600) vacanaṃ duggahitaṃ gaṇhāpetvā, ‘‘ettāvatā vo amataṃ paribhuttaṃ nāma bhavissatī’’ti āha.
๔๔. เอวนฺติ อาการลกฺขณเมตํ, น อาการนิยมนํฯ เตน อิมินาว การเณน จ โย วิวาโท อุปฺปเชฺชยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ ครุสฺมิํ ครูติ ปวตฺตํ จิตฺตํ ครุวิสยตฺตา ตํสหจริตตฺตา ครุ, ตสฺส ภาโว คารวํ, ครุกรณํ, ตํ เอตฺถ นตฺถีติ อคารโวฯ เตนาห ‘‘คารววิรหิโต’’ติฯ ครุสฺส คารววเสน ปติสฺสยนํ ปติโสฺสติ วุจฺจติ นีจวุตฺติตา, ตปฺปฎิปกฺขโต อปฺปติโสฺสติ อาห – ‘‘อปฺปติสฺสโย อนีจวุตฺตี’’ติฯ เอตฺถ ยถายํ ปุคฺคโล สตฺถริ อคารโว นาม โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ, ‘‘เอตฺถ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตีสุกาเลสุ อุปฎฺฐานํ น ยาตีติอาทิ สมุทายกิตฺตนอนวเสสทสฺสนํ, อวยวโต ปน อคารวสิทฺธิ ยถา ตํ สามญฺญโต สิกฺขาปทสมาทานํ ตพฺพิเสโส เภโทฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ
44.Evanti ākāralakkhaṇametaṃ, na ākāraniyamanaṃ. Tena imināva kāraṇena ca yo vivādo uppajjeyyāti vuttaṃ hoti. Garusmiṃ garūti pavattaṃ cittaṃ garuvisayattā taṃsahacaritattā garu, tassa bhāvo gāravaṃ, garukaraṇaṃ, taṃ ettha natthīti agāravo. Tenāha ‘‘gāravavirahito’’ti. Garussa gāravavasena patissayanaṃ patissoti vuccati nīcavuttitā, tappaṭipakkhato appatissoti āha – ‘‘appatissayo anīcavuttī’’ti. Ettha yathāyaṃ puggalo satthari agāravo nāma hoti, taṃ dassetuṃ, ‘‘ettha panā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tīsukālesu upaṭṭhānaṃ na yātītiādi samudāyakittanaanavasesadassanaṃ, avayavato pana agāravasiddhi yathā taṃ sāmaññato sikkhāpadasamādānaṃ tabbiseso bhedo. Esa nayo sesesupi.
สกฺกจฺจํ น คจฺฉตีติ อาทรวเสน น คจฺฉติฯ สเงฺฆ กโตเยว โหติ สงฺฆปริยาปนฺนตฺตา ตสฺส, ยถา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนํ เอเกน ภิกฺขุนา ปฎิคฺคหิตํ สงฺฆสฺส ทินฺนเมว โหติฯ อปริปูรยมาโนว สิกฺขาย อคารโวฯ เตนาห ภควา – ‘‘สิกฺขาย น ปริปูรการี’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๓๕)ฯ อตฺตโน ปริสาย อุปฺปนฺนํ วิวาทมูลํ วิเสสโต อตฺตนา วูปสเมตพฺพโต อตฺตโน จ อนตฺถาวหโต ‘‘อชฺฌตฺต’’เนฺตฺวว วุตฺตํฯ เอส นโย พหิทฺธาติ เอตฺถาปิฯ
Sakkaccaṃ na gacchatīti ādaravasena na gacchati. Saṅghe katoyeva hoti saṅghapariyāpannattā tassa, yathā saṅghaṃ uddissa dinnaṃ ekena bhikkhunā paṭiggahitaṃ saṅghassa dinnameva hoti. Aparipūrayamānova sikkhāya agāravo. Tenāha bhagavā – ‘‘sikkhāya na paripūrakārī’’ti (ma. ni. 2.135). Attano parisāya uppannaṃ vivādamūlaṃ visesato attanā vūpasametabbato attano ca anatthāvahato ‘‘ajjhatta’’ntveva vuttaṃ. Esa nayo bahiddhāti etthāpi.
๔๖. ฉฐานานีติ ฉมูลานิฯ ยถา สมนวเสน สมถานํ วิวาทาทีสุ อธิกตฺตุภาโว, เอวํ วิวาทาทีนํ เตหิ อธิกตฺตพฺพตาปีติ อาห – ‘‘วูปสมนตฺถาย…เป.… อธิกรณานี’’ติฯ เตน อธิกรณสทฺทสฺส กมฺมตฺถตํ อาหฯ สมถา วา สมนวเสน อธิกรียนฺติ เอตฺถาติ อธิกรณานิ, วิวาทาทโยฯ
46.Chaṭhānānīti chamūlāni. Yathā samanavasena samathānaṃ vivādādīsu adhikattubhāvo, evaṃ vivādādīnaṃ tehi adhikattabbatāpīti āha – ‘‘vūpasamanatthāya…pe… adhikaraṇānī’’ti. Tena adhikaraṇasaddassa kammatthataṃ āha. Samathā vā samanavasena adhikarīyanti etthāti adhikaraṇāni, vivādādayo.
วิวาโท อุปฺปนฺนมโตฺตว หุตฺวา ปรโต กกฺขฬตฺถาย สํวตฺตนโต ยํ วตฺถุํ นิสฺสาย ปฐมํ อุปฺปโนฺน วิวาทานุสาเรน มูลกํ วิย อนุพนฺธโรโค ตเมว ตทญฺญํ วา วตฺถุํ กตฺวา ปวฑฺฒโนฺต วิวาทาธิกรณํ ปตฺวา อุปริ วฑฺฒติ นาม, อนุวาทาปตฺติกิจฺจาธิกรณํ ปตฺวา วิวาทสฺส จ วฑฺฒนํ ปากฎเมวฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘จตฺตาริ อธิกรณานิ ปตฺวา อุปริ วฑฺฒโนฺต โส วิวาโท’’ติฯ อุปฺปนฺนานํ อุปฺปนฺนานนฺติ (ที. นิ. ฎี. ๓.๓๓๑) อุฎฺฐิตานํ อุฎฺฐิตานํฯ สมถตฺถนฺติ สมนตฺถํฯ
Vivādo uppannamattova hutvā parato kakkhaḷatthāya saṃvattanato yaṃ vatthuṃ nissāya paṭhamaṃ uppanno vivādānusārena mūlakaṃ viya anubandharogo tameva tadaññaṃ vā vatthuṃ katvā pavaḍḍhanto vivādādhikaraṇaṃ patvā upari vaḍḍhati nāma, anuvādāpattikiccādhikaraṇaṃ patvā vivādassa ca vaḍḍhanaṃ pākaṭameva. Tena vuttaṃ – ‘‘cattāri adhikaraṇāni patvā upari vaḍḍhanto so vivādo’’ti. Uppannānaṃ uppannānanti (dī. ni. ṭī. 3.331) uṭṭhitānaṃ uṭṭhitānaṃ. Samathatthanti samanatthaṃ.
อฎฺฐารสหิ วตฺถูหีติ ลกฺขณวจนเมตํ ยถา ‘‘ยทิ เม พฺยาธี ทาเหยฺยุํฯ ทาตพฺพมิทโมสธ’’นฺติ (สํ. นิ. ฎี. ๒.๓.๓๙-๔๒; กงฺขา. อภิ. ฎี. อธิกรณสมถวณฺณนา), ตสฺมา เตสุ อญฺญตเรน วิวทนฺตา, ‘‘อฎฺฐารสหิ วตฺถูหิ วิวทนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติฯ อุปวทนาติ อโกฺกโสฯ โจทนาติ อนุโยโคฯ
Aṭṭhārasahi vatthūhīti lakkhaṇavacanametaṃ yathā ‘‘yadi me byādhī dāheyyuṃ. Dātabbamidamosadha’’nti (saṃ. ni. ṭī. 2.3.39-42; kaṅkhā. abhi. ṭī. adhikaraṇasamathavaṇṇanā), tasmā tesu aññatarena vivadantā, ‘‘aṭṭhārasahi vatthūhi vivadantī’’ti vuccanti. Upavadanāti akkoso. Codanāti anuyogo.
อธิกรณสฺส สมฺมุขาว วินยนโต สมฺมุขาวินโยฯ สนฺนิปติตปริสาย ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยตาย เยภุยฺยสิกกมฺมสฺส กรณํ เยภุยฺยสิกาฯ การกสงฺฆสฺส สามคฺคิวเสน สมฺมุขีภาโว, น ยถา ตถา การกปุคฺคลานํ สมฺมุขตามตฺตํฯ ภูตตาติ ตจฺฉตาฯ สจฺจปริยาโย หิ อิธ ธมฺม-สโทฺท ‘‘ธมฺมวาที’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๙) วิยฯ วิเนติ เอเตนาติ วินโย, ตสฺส ตสฺส อธิกรณสฺส วูปสมาย ภควตา วุตฺตวิธิ, ตสฺส วินยสฺส สมฺมุขตา วินยสมฺมุขตาฯ วิวาทวตฺถุสงฺขาเต อเตฺถ ปจฺจตฺถิกา อตฺถปจฺจตฺถิกา, เตสํ อตฺถปจฺจตฺถิกานํฯ สงฺฆสมฺมุขตา ปริหายติ สมฺมตปุคฺคเลเหว วูปสมนโตฯ
Adhikaraṇassa sammukhāva vinayanato sammukhāvinayo. Sannipatitaparisāya dhammavādīnaṃ yebhuyyatāya yebhuyyasikakammassa karaṇaṃ yebhuyyasikā. Kārakasaṅghassa sāmaggivasena sammukhībhāvo, na yathā tathā kārakapuggalānaṃ sammukhatāmattaṃ. Bhūtatāti tacchatā. Saccapariyāyo hi idha dhamma-saddo ‘‘dhammavādī’’tiādīsu (dī. ni. 1.9) viya. Vineti etenāti vinayo, tassa tassa adhikaraṇassa vūpasamāya bhagavatā vuttavidhi, tassa vinayassa sammukhatā vinayasammukhatā. Vivādavatthusaṅkhāte atthe paccatthikā atthapaccatthikā, tesaṃ atthapaccatthikānaṃ. Saṅghasammukhatā parihāyati sammatapuggaleheva vūpasamanato.
นนฺติ วิวาทาธิกรณํฯ ‘‘น ฉนฺทาคติํ คจฺฉตี’’ติอาทินา (ปริ. ๓๘๓) วุตฺตํ ปญฺจงฺคสมนฺนาคตํฯ คุฬฺหกาทีสุ อลชฺชุสฺสนฺนาย ปริสาย คุฬฺหโก สลากคฺคาโห กาตโพฺพ; ลชฺชุสฺสนฺนาย วิวฎโก, พาลุสฺสนฺนาย สกณฺณชปฺปโกฯ ยสฺสา กิริยาย ธมฺมวาทิโน พหุตรา, สา เยภุยฺยสิกาติ อาห – ‘‘ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยตายา’’ติอาทิฯ
Nanti vivādādhikaraṇaṃ. ‘‘Na chandāgatiṃ gacchatī’’tiādinā (pari. 383) vuttaṃ pañcaṅgasamannāgataṃ. Guḷhakādīsu alajjussannāya parisāya guḷhako salākaggāho kātabbo; lajjussannāya vivaṭako, bālussannāya sakaṇṇajappako. Yassā kiriyāya dhammavādino bahutarā, sā yebhuyyasikāti āha – ‘‘dhammavādīnaṃ yebhuyyatāyā’’tiādi.
เอวํ วินิจฺฉิตนฺติ อาปตฺติํ ทเสฺสตฺวา โรปนวเสน วินิจฺฉิตํ, ปฎิกมฺมํ ปน อาปตฺตาธิกรณสมเถ ปรโต อาคมิสฺสติฯ น สมณสารุปฺปํ อสฺสามณกํ, สมเณหิ อกาตพฺพํ, ตสฺมิํฯ อชฺฌาจาเร วีติกฺกเมสติฯ ปฎิจรโตติ ปฎิจฺฉาเทนฺตสฺสฯ ปาปุสฺสนฺนตาย ปาปิโย, ปุคฺคโล, ตสฺส กาตพฺพกมฺมํ ตสฺสปาปิยสิกํฯ
Evaṃ vinicchitanti āpattiṃ dassetvā ropanavasena vinicchitaṃ, paṭikammaṃ pana āpattādhikaraṇasamathe parato āgamissati. Na samaṇasāruppaṃ assāmaṇakaṃ, samaṇehi akātabbaṃ, tasmiṃ. Ajjhācāre vītikkamesati. Paṭicaratoti paṭicchādentassa. Pāpussannatāya pāpiyo, puggalo, tassa kātabbakammaṃ tassapāpiyasikaṃ.
สมฺมุขาวินเยเนว วูปสโม นตฺถิ ปฎิญฺญาย, ตถารูปาย ขนฺติยา วา วินา อวูปสมนโต ฯ เอตฺถาติ อาปตฺติเทสนายํฯ ปฎิญฺญาเต อาปนฺนภาวาทิเก กรณกิริยา, ‘‘อายติํ สํวเรยฺยาสี’’ติ, ปริวาสทานาทิวเสน จ ปวตฺตํ วจีกมฺมํ ปฎิญฺญาตกรณํฯ
Sammukhāvinayeneva vūpasamo natthi paṭiññāya, tathārūpāya khantiyā vā vinā avūpasamanato . Etthāti āpattidesanāyaṃ. Paṭiññāte āpannabhāvādike karaṇakiriyā, ‘‘āyatiṃ saṃvareyyāsī’’ti, parivāsadānādivasena ca pavattaṃ vacīkammaṃ paṭiññātakaraṇaṃ.
ยถานุรูปนฺติ ‘‘ทฺวีหิ จตูหิ ติหิ เอเกนา’’ติ เอวํ วุตฺตนเยน ยถานุรูปํฯ เอตฺถาติ อิมสฺมิํ สุเตฺต, เอตสฺมิํ วา สมถวิจาเรฯ วินิจฺฉยนโยติ วินิจฺฉเย นยมตฺตํฯ เตนาห ‘‘วิตฺถาโร ปนา’’ติอาทิฯ
Yathānurūpanti ‘‘dvīhi catūhi tihi ekenā’’ti evaṃ vuttanayena yathānurūpaṃ. Etthāti imasmiṃ sutte, etasmiṃ vā samathavicāre. Vinicchayanayoti vinicchaye nayamattaṃ. Tenāha ‘‘vitthāro panā’’tiādi.
๔๗. สเงฺขปโตว วุโตฺต, น สมถกฺขนฺธเก วิย วิตฺถารโตฯ ตถาติ อิมินา ‘‘ธมฺมา’’ติ ปทํ อากฑฺฒติ, เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ, เอวมาทินา อิมินา ปกาเรนาติ วาติ วุตฺตํ โหติฯ โพธิปกฺขิยธมฺมานํ เอกนฺตานวชฺชภาวโต นตฺถิ อธมฺมภาโว, ภควโต เทสิตาการํ หาเปตฺวา วเฑฺฒตฺวา วา กถนํ ยถาธมฺมํ อกตนฺติ กตฺวา อธมฺมภาโวติ ทเสฺสโนฺต อาห – ‘‘ตโย สติปฎฺฐานา’’ติอาทิฯ
47.Saṅkhepatova vutto, na samathakkhandhake viya vitthārato. Tathāti iminā ‘‘dhammā’’ti padaṃ ākaḍḍhati, ettha iti-saddo ādiattho, evamādinā iminā pakārenāti vāti vuttaṃ hoti. Bodhipakkhiyadhammānaṃ ekantānavajjabhāvato natthi adhammabhāvo, bhagavato desitākāraṃ hāpetvā vaḍḍhetvā vā kathanaṃ yathādhammaṃ akatanti katvā adhammabhāvoti dassento āha – ‘‘tayo satipaṭṭhānā’’tiādi.
นิยฺยานิกนฺติ สปาฎิหีรํ อปฺปฎิวานํ หุตฺวา ปวตฺตติฯ ตเถวาติ อิมินา ‘‘เอวํ อมฺหาก’’นฺติอาทินา วุตฺตมตฺถํ อากฑฺฒติฯ ภูเตน…เป.… กาตพฺพกมฺมํ ธโมฺม นาม ยถาธมฺมํ กรณโต, วุตฺตวิปริยายโต อิโต ปรํ อธโมฺมฯ อยํ วินโย นาม ราคาทีนํ สํวรณโต ปหานโต ปฎิสงฺขานโต จฯ อยํ อวินโย นาม ราคาทีนํ อวินยนโตฯ อยํ วินโย นาม ยถาวินยกรณโต, วุตฺตวิปริยาเยน อิตโร อวินโยฯ วตฺถุสมฺปตฺติอาทินา เอว สเพฺพสํ วินยกมฺมานํ อกุปฺปตาติ อาห – ‘‘วตฺถุสมฺปตฺติ…เป.… อยํ วินโย นามา’’ติ, ตปฺปฎิปกฺขโต อวินโย เวทิตโพฺพฯ เตนาห ‘‘วตฺถุวิปตฺตี’’ติอาทิฯ
Niyyānikanti sapāṭihīraṃ appaṭivānaṃ hutvā pavattati. Tathevāti iminā ‘‘evaṃ amhāka’’ntiādinā vuttamatthaṃ ākaḍḍhati. Bhūtena…pe… kātabbakammaṃ dhammo nāma yathādhammaṃ karaṇato, vuttavipariyāyato ito paraṃ adhammo. Ayaṃ vinayo nāma rāgādīnaṃ saṃvaraṇato pahānato paṭisaṅkhānato ca. Ayaṃ avinayo nāma rāgādīnaṃ avinayanato. Ayaṃ vinayo nāma yathāvinayakaraṇato, vuttavipariyāyena itaro avinayo. Vatthusampattiādinā eva sabbesaṃ vinayakammānaṃ akuppatāti āha – ‘‘vatthusampatti…pe… ayaṃ vinayo nāmā’’ti, tappaṭipakkhato avinayo veditabbo. Tenāha ‘‘vatthuvipattī’’tiādi.
สมฺมาปฎิปตฺติยา นยนเฎฺฐน ยถาวุโตฺต ธโมฺม เอว เนตฺติ, ตโต เอว สตฺตสฺส วิย รชฺชุ อสิถิลปวตฺติเหตุตาย ธมฺมรชฺชูติ อโตฺถ วุโตฺตฯ สุตฺตนฺตปริยาเยน ตาว ทส กุสลกมฺมปถา ธโมฺมติ เอวํ วุตฺตาฯ สา เอว วา โหตุ ธมฺมเนตฺติ, โย อิธ อิมิสฺสา วณฺณนาย, ‘‘ฉตฺติํส โพธิปกฺขิยธมฺมา’’ติอาทินา ธเมฺมน จ วินเยน จ วุโตฺต, โส เอว วา ธมฺมเนตฺติ โหตูติ อาเนตฺวา โยชนาฯ ตาย ธมฺมเนตฺติยา สเมติ ตาย ยถาวุตฺตาย ธมฺมเนตฺติยา สํสนฺทติ, เอกลกฺขณเมว โหตีติ อโตฺถฯ เอวํ วิวาทวตฺถุภูโต ธโมฺม เจ ‘‘ธโมฺม’’ติ, อธโมฺม เจ ‘‘อธโมฺม’’ติ, วินโย เจ ‘‘วินโย’’ติ, อวินโย เจ ‘‘อวินโย’’ติ นิจฺฉินเนฺตน เอกจฺจานํ วิวาทาธิกรณเมว ทสฺสิตํ ตสฺส วูปสมธมฺมานํ อปริโยสาปิตตฺตาฯ
Sammāpaṭipattiyā nayanaṭṭhena yathāvutto dhammo eva netti, tato eva sattassa viya rajju asithilapavattihetutāya dhammarajjūti attho vutto. Suttantapariyāyena tāva dasa kusalakammapathā dhammoti evaṃ vuttā. Sā eva vā hotu dhammanetti, yo idha imissā vaṇṇanāya, ‘‘chattiṃsa bodhipakkhiyadhammā’’tiādinā dhammena ca vinayena ca vutto, so eva vā dhammanetti hotūti ānetvā yojanā. Tāya dhammanettiyā sameti tāya yathāvuttāya dhammanettiyā saṃsandati, ekalakkhaṇameva hotīti attho. Evaṃ vivādavatthubhūto dhammo ce ‘‘dhammo’’ti, adhammo ce ‘‘adhammo’’ti, vinayo ce ‘‘vinayo’’ti, avinayo ce ‘‘avinayo’’ti nicchinantena ekaccānaṃ vivādādhikaraṇameva dassitaṃ tassa vūpasamadhammānaṃ apariyosāpitattā.
๔๘. ตํ ปเนตนฺติ วิวาทาธิกรณํ ปจฺจามสติฯ วาเร อตฺถสํวณฺณนาวเสน ปเตฺตปิฯ ทฺวีหีติ ยสฺมิํ อาวาเส วิวาทาธิกรณํ อุปฺปนฺนํ, ตตฺถ วาสีหิ ทฺวีหิปิ ภิกฺขูหิ อติเรกตราฯ
48.Taṃ panetanti vivādādhikaraṇaṃ paccāmasati. Vāre atthasaṃvaṇṇanāvasena pattepi. Dvīhīti yasmiṃ āvāse vivādādhikaraṇaṃ uppannaṃ, tattha vāsīhi dvīhipi bhikkhūhi atirekatarā.
๔๙. ขนฺธสามนฺตนฺติ อาปตฺติกฺขนฺธภาเวน สมีปํฯ อาปตฺติสามนฺตํ นาม ปุพฺพภาคา อาปชฺชิตพฺพอาปตฺติฯ เมถุนราควเสน กายสํสเคฺค ทุกฺกฎสฺส วตฺถูติ อาห – ‘‘ปฐมปาราชิกสฺส ปุพฺพภาเค ทุกฺกฎ’’นฺติฯ เสสานํ ติณฺณํ ปาราชิกานํ ปุพฺพภาเค ถุลฺลจฺจยเมวฯ
49.Khandhasāmantanti āpattikkhandhabhāvena samīpaṃ. Āpattisāmantaṃ nāma pubbabhāgā āpajjitabbaāpatti. Methunarāgavasena kāyasaṃsagge dukkaṭassa vatthūti āha – ‘‘paṭhamapārājikassa pubbabhāge dukkaṭa’’nti. Sesānaṃ tiṇṇaṃ pārājikānaṃ pubbabhāge thullaccayameva.
๕๐. ปริกฺกมิตฺวา อุปกฺกมิตฺวาฯ อาปตฺตาธิกรณํ ทสฺสิตํ ตเตฺถว วิเสสโต ปฎิญฺญาย กาเรตพฺพตาย อิจฺฉิตพฺพตฺตาฯ
50.Parikkamitvā upakkamitvā. Āpattādhikaraṇaṃ dassitaṃ tattheva visesato paṭiññāya kāretabbatāya icchitabbattā.
๕๒. กมฺมสฺส วตฺถุ ทสฺสิตํ น สมโถติ อธิปฺปาโยฯ นนุ จายํ สมถาธิกาโรติ? สจฺจํ, สมถสฺส ปน การเณ ทสฺสิเต สมโถ ทสฺสิโตว โหตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘เอวรูปสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
52.Kammassa vatthu dassitaṃ na samathoti adhippāyo. Nanu cāyaṃ samathādhikāroti? Saccaṃ, samathassa pana kāraṇe dassite samatho dassitova hotīti dassetuṃ ‘‘evarūpassa hī’’tiādi vuttaṃ.
๕๓. อิทํ กมฺมนฺติ ‘‘อิทํ อมฺหากํ ภณฺฑนชาตาน’’นฺติอาทินา วุตฺตกมฺมํฯ ติณวตฺถารกสทิสตฺตาติ ตํสทิสตาย ตโพฺพหาโรติ ทเสฺสติ ยถา – ‘‘เอส พฺรหฺมทโตฺต’’ติฯ อาการมตฺตเมว ติณวตฺถารกกมฺมํ นาม, น ปน ตสฺส สพฺพโส กรณวิธานํฯ เตนาห ‘‘ขนฺธเก’’ติอาทิฯ คิหีนํ หีเนน ขุํสนวมฺภนํ ยถา ‘‘ติลสํคุฬิกา นตฺถี’’ติฯ ธมฺมิกปฎิสฺสเวสุ วิสํวาทนวเสน อาปนฺนา อาปตฺติฯ อสฺสาติ กิจฺจาธิกรณสฺสฯ สมฺมุขาวินเยเนว วูปสโม สงฺฆสมฺมุขตาทินาว วูปสมนโตฯ
53.Idaṃ kammanti ‘‘idaṃ amhākaṃ bhaṇḍanajātāna’’ntiādinā vuttakammaṃ. Tiṇavatthārakasadisattāti taṃsadisatāya tabbohāroti dasseti yathā – ‘‘esa brahmadatto’’ti. Ākāramattameva tiṇavatthārakakammaṃ nāma, na pana tassa sabbaso karaṇavidhānaṃ. Tenāha ‘‘khandhake’’tiādi. Gihīnaṃ hīnena khuṃsanavambhanaṃ yathā ‘‘tilasaṃguḷikā natthī’’ti. Dhammikapaṭissavesu visaṃvādanavasena āpannā āpatti. Assāti kiccādhikaraṇassa. Sammukhāvinayeneva vūpasamo saṅghasammukhatādināva vūpasamanato.
๕๔. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยวจนโต โกสมฺพิยสุเตฺต (ม. นิ. ๑.๔๙๒) โสตาปตฺติมคฺคสมฺมาทิฎฺฐิ กถิตา, อิธ ปน ‘‘ทิฎฺฐิสามญฺญคโต วิหรติ’’เจฺจว วุตฺตตฺตา, ‘‘อิมสฺมิํ สุเตฺต โสตาปตฺติผลสมฺมาทิฎฺฐิ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํฯ ปาปกมฺมสฺส อปฺปตา มหนฺตตา สาวชฺชภาวสฺส มุทุติกฺขภาเวน เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘อณุนฺติ อปฺปสาวชฺชํฯ ถูลนฺติ มหาสาวชฺช’’นฺติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
54. Sotāpattiphalasacchikiriyavacanato kosambiyasutte (ma. ni. 1.492) sotāpattimaggasammādiṭṭhi kathitā, idha pana ‘‘diṭṭhisāmaññagato viharati’’cceva vuttattā, ‘‘imasmiṃ sutte sotāpattiphalasammādiṭṭhi vuttāti veditabbā’’ti vuttaṃ. Pāpakammassa appatā mahantatā sāvajjabhāvassa mudutikkhabhāvena veditabbāti āha ‘‘aṇunti appasāvajjaṃ. Thūlanti mahāsāvajja’’nti. Sesaṃ suviññeyyameva.
สามคามสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Sāmagāmasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๔. สามคามสุตฺตํ • 4. Sāmagāmasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. สามคามสุตฺตวณฺณนา • 4. Sāmagāmasuttavaṇṇanā