Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๘. สมณมุณฺฑิกาปุตฺตสุตฺตวณฺณนา
8. Samaṇamuṇḍikāputtasuttavaṇṇanā
๒๖๐. อุคฺคหิตุนฺติ สิกฺขิตุํฯ อุคฺคาเหตุนฺติ สิกฺขาเปตุํ, ปาฐโต อตฺตนา ยถาอุคฺคหิตมตฺถํ ตพฺพิภาวนตฺถาย อุจฺจารณวเสน ปเรสํ คาเหตุนฺติ อโตฺถฯ สมยนฺติ ทิฎฺฐิํฯ สา หิ สํโยชนภาวโต สเมติ สมฺพนฺธา เอติ ปวตฺตติ, ทฬฺหคฺคหณภาวโต วา สํยุตฺตา อยนฺติ ปวตฺตนฺติ สตฺตา ยถาภินิเวสํ เอเตนาติ สมโยติ วุจฺจติฯ ทิฎฺฐิสํโยชเนน หิ สตฺตา อติวิย พชฺฌนฺตีติฯ สูริยสฺส อุคฺคมนโต อตฺถงฺคมา อยํ เอตฺตโก กาโล รตฺตนฺธการวิธมนโต ทิวา นาม, ตสฺส ปน มชฺฌิมปหารสญฺญิโต กาโล สมุชฺชลิตปภาเตชทหนภาเวน ทิวา นามฯ เตนาห ‘‘ทิวสสฺสปิ ทิวาภูเต’’ติฯ ปฎิสํหริตฺวาติ นิวเตฺตตฺวาฯ เอวํ จิตฺตสฺส ปฎิสํหรณํ นาม โคจรเกฺขเตฺต ฐปนนฺติ อาห ‘‘ฌานรติเสวนวเสน เอกีภาวํ คโต’’ติฯ เอเตน กายวิเวกปุพฺพกํ จิตฺตวิเวกมาหฯ สีลาทิคุณวิเสสโยคโต มนสา สมฺภาวนียา, เต ปน ยสฺมา อตฺตโน สีลาทิคุเณหิ วิญฺญูนํ มนาปา โหนฺติ (กิเลสอนิคฺคหสฺส ปญฺจปสาทายตฺตตฺตา,) ตสฺมา อาห ‘‘มนวฑฺฒนกาน’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ อุนฺนมตีติ อุทคฺคํ โหติฯ วฑฺฒตีติ สทฺธาวเสน วฑฺฒติฯ เตนาห ภควา – ‘‘อนุสฺสรณมฺปหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหูปการํ วทามี’’ติ (อิติวุ. ๑๐๔; สํ. นิ. ๕.๑๘๔)ฯ
260.Uggahitunti sikkhituṃ. Uggāhetunti sikkhāpetuṃ, pāṭhato attanā yathāuggahitamatthaṃ tabbibhāvanatthāya uccāraṇavasena paresaṃ gāhetunti attho. Samayanti diṭṭhiṃ. Sā hi saṃyojanabhāvato sameti sambandhā eti pavattati, daḷhaggahaṇabhāvato vā saṃyuttā ayanti pavattanti sattā yathābhinivesaṃ etenāti samayoti vuccati. Diṭṭhisaṃyojanena hi sattā ativiya bajjhantīti. Sūriyassa uggamanato atthaṅgamā ayaṃ ettako kālo rattandhakāravidhamanato divā nāma, tassa pana majjhimapahārasaññito kālo samujjalitapabhātejadahanabhāvena divā nāma. Tenāha ‘‘divasassapi divābhūte’’ti. Paṭisaṃharitvāti nivattetvā. Evaṃ cittassa paṭisaṃharaṇaṃ nāma gocarakkhette ṭhapananti āha ‘‘jhānaratisevanavasena ekībhāvaṃ gato’’ti. Etena kāyavivekapubbakaṃ cittavivekamāha. Sīlādiguṇavisesayogato manasā sambhāvanīyā, te pana yasmā attano sīlādiguṇehi viññūnaṃ manāpā honti (kilesaaniggahassa pañcapasādāyattattā,) tasmā āha ‘‘manavaḍḍhanakāna’’ntiādi. Tattha unnamatīti udaggaṃ hoti. Vaḍḍhatīti saddhāvasena vaḍḍhati. Tenāha bhagavā – ‘‘anussaraṇampahaṃ, bhikkhave, tesaṃ bhikkhūnaṃ bahūpakāraṃ vadāmī’’ti (itivu. 104; saṃ. ni. 5.184).
๒๖๑. ปญฺญเปมีติ ปชานนภาเวน ญาเปมิ ตถา ววตฺถเปมิฯ เตนาห ‘‘ทเสฺสมิ ฐเปมี’’ติฯ ปริปุณฺณกุสลนฺติ สพฺพโส ปุณฺณกุสลธมฺมํ, อุตฺตมกุสลนฺติ อุตฺตมภาวํ เสฎฺฐภาวํ ปตฺตกุสลธมฺมํฯ อโยชฺฌนฺติ วาทยุเทฺธน อโยธนียํ, วาทยุทฺธํ โหตุ, เตน ปราชโย น โหตีติ ทเสฺสติ, เตนาห ‘‘วาทยุเทฺธนา’’ติอาทิฯ สํวรปฺปหานนฺติ ปญฺจสุ สํวเรสุ เยน เกนจิ สํวเรน สํวรลกฺขณํ ปหานํฯ ปฎิเสวนปฺปหานํ วาติ วา-สเทฺทน ปริวชฺชนปฺปหานาทิํ สงฺคณฺหาติฯ เสสปเทสูติ ‘‘น ภาสตี’’ติอาทีสุ ปเทสุฯ เอเสว นโยติ อิมินา ‘‘อภาสนมตฺตเมว วทตี’’ติ เอวมาทิํ อติทิสติฯ
261.Paññapemīti pajānanabhāvena ñāpemi tathā vavatthapemi. Tenāha ‘‘dassemi ṭhapemī’’ti. Paripuṇṇakusalanti sabbaso puṇṇakusaladhammaṃ, uttamakusalanti uttamabhāvaṃ seṭṭhabhāvaṃ pattakusaladhammaṃ. Ayojjhanti vādayuddhena ayodhanīyaṃ, vādayuddhaṃ hotu, tena parājayo na hotīti dasseti, tenāha ‘‘vādayuddhenā’’tiādi. Saṃvarappahānanti pañcasu saṃvaresu yena kenaci saṃvarena saṃvaralakkhaṇaṃ pahānaṃ. Paṭisevanappahānaṃ vāti vā-saddena parivajjanappahānādiṃ saṅgaṇhāti. Sesapadesūti ‘‘na bhāsatī’’tiādīsu padesu. Eseva nayoti iminā ‘‘abhāsanamattameva vadatī’’ti evamādiṃ atidisati.
นาภินนฺทีติ น สมฺปฎิจฺฉิฯ สาสเน ติณฺณํ ทุจฺจริตานํ มิจฺฉาชีวสฺส วิวชฺชนํ วณฺณียติ, อยญฺจ เอวํ กเถติ, ตสฺมา สาสนสฺส อนุโลมํ วิย วทติ, วทโนฺต จ สมฺมาสมฺพุเทฺธ ธเมฺม จสฺส อปฺปสาทํ น ทเสฺสติ, ตสฺมา ปสนฺนการมฺปิ วทตีติ มญฺญมาโน ตสฺส วาทํ น ปฎิเสเธติฯ
Nābhinandīti na sampaṭicchi. Sāsane tiṇṇaṃ duccaritānaṃ micchājīvassa vivajjanaṃ vaṇṇīyati, ayañca evaṃ katheti, tasmā sāsanassa anulomaṃ viya vadati, vadanto ca sammāsambuddhe dhamme cassa appasādaṃ na dasseti, tasmā pasannakārampi vadatīti maññamāno tassa vādaṃ na paṭisedheti.
๒๖๒. ยถา ตสฺส วจนํ, เอวํ สเนฺตติ ยถา ตสฺส ปริพฺพาชกสฺส วจนํ, เอวํ สมณภาเว สเนฺต ลพฺภมาเนฯ มยํ ปน เอวํ น วทามาติ เอเตน สมณภาโว นาม เอวํ น โหตีติ ทเสฺสติฯ โย หิ ธโมฺม ยาทิโส, ตเถว ตํ พุทฺธา ทีเปนฺติฯ วิเสสญาณํ น โหตีติ กายวิเสสวิสยญาณํ ตสฺส ตทา นตฺถิ, ยโต ปรกาเย อุปกฺกมํ กเรยฺยาติ ทเสฺสติ, ตสฺส ปน ตตฺถ วิเสสญาณมฺปิ นเตฺถวาติฯ ยสฺมา กายปฎิพทฺธํ กายกมฺมํ, ตสฺมา ตํ นิวเตฺตโนฺต อาห ‘‘อญฺญตฺร ผนฺทิตมตฺตา’’ติฯ กิเลสสหคตจิเตฺตเนวาติ ทุกฺขสมฺผสฺสสฺส อสหนนิมิเตฺตน โทมนสฺสสหคตจิเตฺตเนวฯ ทุติยวาเรปิ เอเสว นโยฯ ชิฆจฺฉาปิปาสทุกฺขสฺส อสหนนิมิเตฺตน โทมนเสฺสเนวฯ วิกูชิตมตฺตาติ เอตฺถ วิรูปํ กูชิตํ วิกูชิตํ ปุเพฺพนิวาสสนฺนิสฺสยํ อุปยํ, ตํ ปเนตฺถ โรทนหสนสมุฎฺฐาปกจิตฺตสหคตนฺติ โทสสหคตํ โลภสหคตญฺจาติ ทฎฺฐพฺพํฯ จิตฺตนฺติ กุสลจิตฺตํฯ อกุสลจิตฺตํ ปน อตีตารมฺมณํ ปวตฺตตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ สริตฺวาติ ยาว น สติสณฺฐาปนา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, ตาว สุปินเนฺต อนุภูตํ วิย ทุกฺขํ สริตฺวา โรทนฺติฯ หสนฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อยญฺจ นโย เย ลทฺธสุขารมฺมณา หุตฺวา คหิตปฎิสนฺธิกา มาตุกุจฺฉิโตปิ สุเขเนว นิกฺขมนฺติ, เตสํ วเสน วุโตฺตติ ทฎฺฐโพฺพฯ ปายนฺติยาติ อตฺตโน ชนปทเทสรูเปน ปายนฺติยาฯ อยมฺปีติ อาชีโวปิ มาตุ อญฺญวิหิตกาเล จ โลกสฺสาทวเสน กิเลสสหคตจิเตฺตเนว โหติฯ
262.Yathātassa vacanaṃ, evaṃ santeti yathā tassa paribbājakassa vacanaṃ, evaṃ samaṇabhāve sante labbhamāne. Mayaṃ pana evaṃ na vadāmāti etena samaṇabhāvo nāma evaṃ na hotīti dasseti. Yo hi dhammo yādiso, tatheva taṃ buddhā dīpenti. Visesañāṇaṃ na hotīti kāyavisesavisayañāṇaṃ tassa tadā natthi, yato parakāye upakkamaṃ kareyyāti dasseti, tassa pana tattha visesañāṇampi natthevāti. Yasmā kāyapaṭibaddhaṃ kāyakammaṃ, tasmā taṃ nivattento āha ‘‘aññatra phanditamattā’’ti. Kilesasahagatacittenevāti dukkhasamphassassa asahananimittena domanassasahagatacitteneva. Dutiyavārepi eseva nayo. Jighacchāpipāsadukkhassa asahananimittena domanasseneva. Vikūjitamattāti ettha virūpaṃ kūjitaṃ vikūjitaṃ pubbenivāsasannissayaṃ upayaṃ, taṃ panettha rodanahasanasamuṭṭhāpakacittasahagatanti dosasahagataṃ lobhasahagatañcāti daṭṭhabbaṃ. Cittanti kusalacittaṃ. Akusalacittaṃ pana atītārammaṇaṃ pavattatīti vattabbameva natthi. Saritvāti yāva na satisaṇṭhāpanā dhammā uppajjanti, tāva supinante anubhūtaṃ viya dukkhaṃ saritvā rodanti. Hasantīti etthāpi eseva nayo. Ayañca nayo ye laddhasukhārammaṇā hutvā gahitapaṭisandhikā mātukucchitopi sukheneva nikkhamanti, tesaṃ vasena vuttoti daṭṭhabbo. Pāyantiyāti attano janapadadesarūpena pāyantiyā. Ayampīti ājīvopi mātu aññavihitakāle ca lokassādavasena kilesasahagatacitteneva hoti.
๒๖๓. สมธิคยฺหาติ สมฺมา อธิคตภาเวน คเหตฺวา อภิภวิตฺวา วิเสเสตฺวา วิสิโฎฺฐ หุตฺวาฯ ขีณาสวํ สนฺธายาติ พฺยติเรกวเสน ขีณาสวํ สนฺธายฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – ขีณาสวมฺปิ โสตาปนฺนกุสลํ ปญฺญเปติ เสกฺขภูมิยํ ฐิตตฺตาฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ
263.Samadhigayhāti sammā adhigatabhāvena gahetvā abhibhavitvā visesetvā visiṭṭho hutvā. Khīṇāsavaṃ sandhāyāti byatirekavasena khīṇāsavaṃ sandhāya. Ayañhettha attho – khīṇāsavampi sotāpannakusalaṃ paññapeti sekkhabhūmiyaṃ ṭhitattā. Sesapadesupi eseva nayo.
ตีณิ ปทานิ นิสฺสายาติ น กาเยน ปาปกํ กมฺมํ กโรติ, น ปาปกํ วาจํ ภาสติ, น ปาปกํ อาชีวํ อาชีวตีติ อิมานิ ตีณิ ปทานิ นิสฺสาย กุสลสีลมูลกา จ อกุสลสีลมูลกา จาติ เทฺว ปฐมจตุกฺกา ฐปิตาฯ เอกํ ปทํ นิสฺสายาติ น ปาปกํ สงฺกปฺปํ สงฺกเปฺปตีติ อิมํ เอกปทํ นิสฺสาย กุสลสงฺกปฺปมูลกา อกุสลสงฺกปฺปมูลกา จาติ อิเม เทฺว ปจฺฉิมจตุกฺกา ฐปิตาฯ
Tīṇi padāni nissāyāti na kāyena pāpakaṃ kammaṃ karoti, na pāpakaṃ vācaṃ bhāsati, na pāpakaṃ ājīvaṃ ājīvatīti imāni tīṇi padāni nissāya kusalasīlamūlakā ca akusalasīlamūlakā cāti dve paṭhamacatukkā ṭhapitā. Ekaṃ padaṃ nissāyāti na pāpakaṃ saṅkappaṃ saṅkappetīti imaṃ ekapadaṃ nissāya kusalasaṅkappamūlakā akusalasaṅkappamūlakā cāti ime dve pacchimacatukkā ṭhapitā.
๒๖๔. วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคตจิตฺตทฺวยมฺปิ วฎฺฎติ พลวตา โมเหน สมนฺนาคตตฺตาฯ ตถา หิ ตานิ ‘‘โมมูหจิตฺตานี’’ติ วุจฺจนฺติฯ
264.Vicikicchuddhaccasahagatacittadvayampi vaṭṭati balavatā mohena samannāgatattā. Tathā hi tāni ‘‘momūhacittānī’’ti vuccanti.
กุหินฺติ กิํนิมิตฺตํฯ กตรํฐานํ ปาปุณิตฺวาติ กิํ การณํ อาคมฺมฯ เอเตฺถเตติ เอตฺถาติ กายวจีมโนสุจริตภาวนาสาชีวนิปฺผตฺติยํ ฯ สา ปน เหฎฺฐิมโกฎิยา โสตาปตฺติผเลน ทีเปตพฺพาติ อาห ‘‘โสตาปตฺติผเล ภุมฺม’’นฺติฯ ยสฺมา อาชีวฎฺฐมกํ อวสิฎฺฐญฺจ สีลํ ปาติโมกฺขสํวรสีลสฺส จ ปาริสุทฺธิปาติโมกฺขาธิคเมน โสตาปตฺติผลปฺปตฺติยา สิโทฺธ โหตีติ อาห – ‘‘ปาติโมกฺข…เป.… นิรุชฺฌตี’’ติฯ ‘‘สุขสีโล ทุกฺขสีโล’’ติอาทีสุ วิย ปกติอตฺถสีลสทฺทํ คเหตฺวา วุตฺตํ ‘‘อกุสลสีล’’นฺติอาทิฯ
Kuhinti kiṃnimittaṃ. Kataraṃṭhānaṃ pāpuṇitvāti kiṃ kāraṇaṃ āgamma. Ettheteti etthāti kāyavacīmanosucaritabhāvanāsājīvanipphattiyaṃ . Sā pana heṭṭhimakoṭiyā sotāpattiphalena dīpetabbāti āha ‘‘sotāpattiphale bhumma’’nti. Yasmā ājīvaṭṭhamakaṃ avasiṭṭhañca sīlaṃ pātimokkhasaṃvarasīlassa ca pārisuddhipātimokkhādhigamena sotāpattiphalappattiyā siddho hotīti āha – ‘‘pātimokkha…pe… nirujjhatī’’ti. ‘‘Sukhasīlo dukkhasīlo’’tiādīsu viya pakatiatthasīlasaddaṃ gahetvā vuttaṃ ‘‘akusalasīla’’ntiādi.
๒๖๕. กามาวจรกุสลจิตฺตเมว วุตฺตํ สมฺปตฺตสมาทานวิรติปุพฺพกสฺส สีลสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ เตนาห – ‘‘เอเตน หิ กุสลสีลํ สมุฎฺฐาตี’’ติฯ
265.Kāmāvacarakusalacittameva vuttaṃ sampattasamādānaviratipubbakassa sīlassa adhippetattā. Tenāha – ‘‘etena hi kusalasīlaṃ samuṭṭhātī’’ti.
สีลวาติ เอตฺถ วา-สโทฺท ปาสํสโตฺถว เวทิตโพฺพติ อาห ‘‘สีลสมฺปโนฺน โหตี’’ติฯ โย สีลมเตฺต ปติฎฺฐิโต, น สมาธิปญฺญาสุ, โส สีลมยธมฺมปูริตตาย สีลมโยฯ เตนาห ‘‘อลเมตฺตาวตา’’ติอาทิฯ ยตฺถาติ ยสฺสํ เจโตวิมุตฺติยํ ปญฺญาวิมุตฺติยญฺจฯ ตทุภยญฺจ ยสฺมา อรหตฺตผเล สงฺคหิตํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อรหตฺตผเล ภุมฺม’’นฺติฯ อเสสํ นิรุชฺฌติ สุขวิปากภาวสฺส สพฺพโส ปฎิปฺปสฺสมฺภนโตฯ
Sīlavāti ettha vā-saddo pāsaṃsatthova veditabboti āha ‘‘sīlasampanno hotī’’ti. Yo sīlamatte patiṭṭhito, na samādhipaññāsu, so sīlamayadhammapūritatāya sīlamayo. Tenāha ‘‘alamettāvatā’’tiādi. Yatthāti yassaṃ cetovimuttiyaṃ paññāvimuttiyañca. Tadubhayañca yasmā arahattaphale saṅgahitaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘arahattaphale bhumma’’nti. Asesaṃ nirujjhati sukhavipākabhāvassa sabbaso paṭippassambhanato.
๒๖๖. กามปฎิสํยุตฺตา สญฺญา กามสญฺญาฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ อิตรา เทฺวติ พฺยาปาทวิหิํสาสญฺญาฯ
266. Kāmapaṭisaṃyuttā saññā kāmasaññā. Sesesupi eseva nayo. Itarā dveti byāpādavihiṃsāsaññā.
อนาคามิผลปฐมชฺฌานนฺติ อนาคามิผลสหคตํ ปฐมชฺฌานํฯ เอตฺถาติ ยถาวุเตฺต ปฐมชฺฌาเนฯ เอตฺถ จ อุชุวิปจฺจนีเกน ปฎิปกฺขปฺปหานํ สาติสยนฺติ ปฐมชฺฌานคฺคหณํฯ เตนาห ‘‘อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’’ติฯ เนกฺขมฺมสญฺญานํ กามาวจรจิตฺตสหคตตา ตสฺส สีลสฺส สมุฎฺฐานตา จ สมฺปยุตฺตนเยน เวทิตพฺพาฯ
Anāgāmiphalapaṭhamajjhānanti anāgāmiphalasahagataṃ paṭhamajjhānaṃ. Etthāti yathāvutte paṭhamajjhāne. Ettha ca ujuvipaccanīkena paṭipakkhappahānaṃ sātisayanti paṭhamajjhānaggahaṇaṃ. Tenāha ‘‘aparisesā nirujjhantī’’ti. Nekkhammasaññānaṃ kāmāvacaracittasahagatatā tassa sīlassa samuṭṭhānatā ca sampayuttanayena veditabbā.
๒๖๗. กุสลสงฺกปฺปนิโรธทุติยชฺฌานิกอรหตฺตผลอกุสลสงฺกปฺปนิโรธ- ปฐมชฺฌานิกอนาคามิผลคฺคหเณน สมโณ ทสฺสิโตฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
267. Kusalasaṅkappanirodhadutiyajjhānikaarahattaphalaakusalasaṅkappanirodha- paṭhamajjhānikaanāgāmiphalaggahaṇena samaṇo dassito. Sesaṃ suviññeyyameva.
สมณมุณฺฑิกาปุตฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Samaṇamuṇḍikāputtasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๘. สมณมุณฺฑิกสุตฺตํ • 8. Samaṇamuṇḍikasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. สมณมุณฺฑิกสุตฺตวณฺณนา • 8. Samaṇamuṇḍikasuttavaṇṇanā