Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๘. สมณมุณฺฑิกสุตฺตวณฺณนา
8. Samaṇamuṇḍikasuttavaṇṇanā
๒๖๐. เอวํ เม สุตนฺติ สมณมุณฺฑิกสุตฺตํฯ ตตฺถ อุคฺคาหมาโนติ ตสฺส ปริพฺพาชกสฺส นามํฯ สุมโนติ ปกตินามํฯ กิญฺจิ กิญฺจิ ปน อุคฺคหิตุํ อุคฺคาเหตุํ สมตฺถตาย อุคฺคาหมาโนติ นํ สญฺชานนฺติฯ สมยํ ปวทนฺติ เอตฺถาติ สมยปฺปวาทกํฯ ตสฺมิํ กิร ฐาเน จงฺกีตารุกฺขโปกฺขรสาติปฺปภุตโย พฺราหฺมณา นิคณฺฐาเจลกปริพฺพาชกาทโย จ ปพฺพชิตา สนฺนิปติตฺวา อตฺตโน อตฺตโน สมยํ ปวทนฺติ กเถนฺติ ทีเปนฺติ, ตสฺมา โส อาราโม สมยปฺปวาทโกติ วุจฺจติฯ เสฺวว ตินฺทุกาจีรสงฺขาตาย ติมฺพรูสกรุกฺขปนฺติยา ปริกฺขิตฺตตฺตา ตินฺทุกาจีรํฯ ยสฺมา ปเนตฺถ ปฐมํ เอกา สาลา อโหสิ, ปจฺฉา มหาปุญฺญํ โปฎฺฐปาทปริพฺพาชกํ นิสฺสาย พหู สาลา กตา, ตสฺมา ตเมว เอกํ สาลํ อุปาทาย ลทฺธนามวเสน เอกสาลโกติ วุจฺจติฯ มลฺลิกาย ปน ปเสนทิรโญฺญ เทวิยา อุยฺยานภูโต โส ปุปฺผผลสญฺฉโนฺน อาราโมติ กตฺวา มลฺลิกาย อาราโมติ สงฺขํ คโตฯ ตสฺมิํ สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเมฯ ปฎิวสตีติ วาสผาสุตาย วสติฯ ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสสฺส ทิวา นาม มชฺฌนฺหาติกฺกโม, ตสฺมิํ ทิวสสฺสปิ ทิวาภูเต อติกฺกนฺตมเตฺต มชฺฌนฺหิเก นิกฺขมีติ อโตฺถฯ ปฎิสลฺลีโนติ ตโต ตโต รูปาทิโคจรโต จิตฺตํ ปฎิสํหริตฺวา ลีโน, ฌานรติเสวนวเสน เอกีภาวํ คโตฯ มโนภาวนียานนฺติ มนวฑฺฒนกานํ, เย อาวชฺชโต มนสิกโรโต จิตฺตํ วินีวรณํ โหติ อุนฺนมติ วฑฺฒติฯ ยาวตาติ ยตฺตกาฯ อยํ เตสํ อญฺญตโรติ อยํ เตสํ อพฺภนฺตโร เอโก สาวโกฯ อเปฺปว นามาติ ตสฺส อุปสงฺกมนํ ปตฺถยมาโน อาหฯ ปตฺถนาการณํ ปน สนฺทกสุเตฺต วุตฺตเมวฯ
260.Evaṃme sutanti samaṇamuṇḍikasuttaṃ. Tattha uggāhamānoti tassa paribbājakassa nāmaṃ. Sumanoti pakatināmaṃ. Kiñci kiñci pana uggahituṃ uggāhetuṃ samatthatāya uggāhamānoti naṃ sañjānanti. Samayaṃ pavadanti etthāti samayappavādakaṃ. Tasmiṃ kira ṭhāne caṅkītārukkhapokkharasātippabhutayo brāhmaṇā nigaṇṭhācelakaparibbājakādayo ca pabbajitā sannipatitvā attano attano samayaṃ pavadanti kathenti dīpenti, tasmā so ārāmo samayappavādakoti vuccati. Sveva tindukācīrasaṅkhātāya timbarūsakarukkhapantiyā parikkhittattā tindukācīraṃ. Yasmā panettha paṭhamaṃ ekā sālā ahosi, pacchā mahāpuññaṃ poṭṭhapādaparibbājakaṃ nissāya bahū sālā katā, tasmā tameva ekaṃ sālaṃ upādāya laddhanāmavasena ekasālakoti vuccati. Mallikāya pana pasenadirañño deviyā uyyānabhūto so pupphaphalasañchanno ārāmoti katvā mallikāya ārāmoti saṅkhaṃ gato. Tasmiṃ samayappavādake tindukācīre ekasālake mallikāya ārāme. Paṭivasatīti vāsaphāsutāya vasati. Divā divassāti divasassa divā nāma majjhanhātikkamo, tasmiṃ divasassapi divābhūte atikkantamatte majjhanhike nikkhamīti attho. Paṭisallīnoti tato tato rūpādigocarato cittaṃ paṭisaṃharitvā līno, jhānaratisevanavasena ekībhāvaṃ gato. Manobhāvanīyānanti manavaḍḍhanakānaṃ, ye āvajjato manasikaroto cittaṃ vinīvaraṇaṃ hoti unnamati vaḍḍhati. Yāvatāti yattakā. Ayaṃ tesaṃ aññataroti ayaṃ tesaṃ abbhantaro eko sāvako. Appeva nāmāti tassa upasaṅkamanaṃ patthayamāno āha. Patthanākāraṇaṃ pana sandakasutte vuttameva.
๒๖๑. เอตทโวจาติ ทนฺทปโญฺญ อยํ คหปติ, ธมฺมกถาย นํ สงฺคณฺหิตฺวา อตฺตโน สาวกํ กริสฺสามีติ มญฺญมาโน เอตํ ‘‘จตูหิ โข’’ติอาทิวจนํ อโวจฯ ตตฺถ ปเญฺญฺปมีติ ทเสฺสมิ ฐเปมิฯ สมฺปนฺนกุสลนฺติ ปริปุณฺณกุสลํฯ ปรมกุสลนฺติ อุตฺตมกุสลํฯ อโยชฺฌนฺติ วาทยุเทฺธน ยุชฺฌิตฺวา จาเลตุํ อสกฺกุเณยฺยํ อจลํ นิกฺกมฺปํ ถิรํฯ น กโรตีติ อกรณมตฺตเมว วทติ, เอตฺถ ปน สํวรปฺปหานํ วา ปฎิเสวนปฺปหานํ วา น วทติฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ
261.Etadavocāti dandapañño ayaṃ gahapati, dhammakathāya naṃ saṅgaṇhitvā attano sāvakaṃ karissāmīti maññamāno etaṃ ‘‘catūhi kho’’tiādivacanaṃ avoca. Tattha paññpemīti dassemi ṭhapemi. Sampannakusalanti paripuṇṇakusalaṃ. Paramakusalanti uttamakusalaṃ. Ayojjhanti vādayuddhena yujjhitvā cāletuṃ asakkuṇeyyaṃ acalaṃ nikkampaṃ thiraṃ. Na karotīti akaraṇamattameva vadati, ettha pana saṃvarappahānaṃ vā paṭisevanappahānaṃ vā na vadati. Sesapadesupi eseva nayo.
เนว อภินนฺทีติ ติตฺถิยา นาม ชานิตฺวาปิ อชานิตฺวาปิ ยํ วา ตํ วา วทนฺตีติ มญฺญมาโน นาภินนฺทิฯ น ปฎิโกฺกสีติ สาสนสฺส อนุโลมํ วิย ปสนฺนาการํ วิย วทตีติ มญฺญมาโน น ปฎิเสเธติฯ
Neva abhinandīti titthiyā nāma jānitvāpi ajānitvāpi yaṃ vā taṃ vā vadantīti maññamāno nābhinandi. Na paṭikkosīti sāsanassa anulomaṃ viya pasannākāraṃ viya vadatīti maññamāno na paṭisedheti.
๒๖๒. ยถา อุคฺคาหมานสฺสาติ ยถา ตสฺส วจนํ, เอวํ สเนฺต อุตฺตานเสยฺยโก กุมาโร อโยชฺฌสมโณ ถิรสมโณ ภวิสฺสติ, มยํ ปน เอวํ น วทามาติ ทีเปติฯ กาโยติปิ น โหตีติ สกกาโย ปรกาโยติปิ วิเสสญาณํ น โหติฯ อญฺญตฺร ผนฺทิตมตฺตาติ ปจฺจตฺถรเณ วลิสมฺผเสฺสน วา มงฺคุลทเฎฺฐน วา กายผนฺทนมตฺตํ นาม โหติฯ ตํ ฐเปตฺวา อญฺญํ กาเยน กรณกมฺมํ นาม นตฺถิฯ ตมฺปิ จ กิเลสสหคตจิเตฺตเนว โหติฯ วาจาติปิ น โหตีติ มิจฺฉาวาจา สมฺมาวาจาติปิ นานตฺตํ น โหติฯ โรทิตมตฺตาติ ชิฆจฺฉาปิปาสาปเรตสฺส ปน โรทิตมตฺตํ โหติฯ ตมฺปิ กิเลสสหคตจิเตฺตเนวฯ สงฺกโปฺปติ มิจฺฉาสงฺกโปฺป สมฺมาสงฺกโปฺปติปิ นานตฺตํ น โหติฯ วิกูชิตมตฺตาติ วิกูชิตมตฺตํ โรทนหสิตมตฺตํ โหติฯ ทหรกุมารกานญฺหิ จิตฺตํ อตีตารมฺมณํ ปวตฺตติ, นิรยโต อาคตา นิรยทุกฺขํ สริตฺวา โรทนฺติ, เทวโลกโต อาคตา หสนฺติ, ตมฺปิ กิเลสสหคตจิเตฺตเนว โหติฯ อาชีโวติ มิจฺฉาชีโว สมฺมาชีโวติปิ นานตฺตํ น โหติฯ อญฺญตฺร มาตุถญฺญาติ ถญฺญโจรทารกา นาม โหนฺติ, มาตริ ขีรํ ปายนฺติยา อปิวิตฺวา อญฺญวิหิตกาเล ปิฎฺฐิปเสฺสน อาคนฺตฺวา ถญฺญํ ปิวนฺติฯ เอตฺตกํ มุญฺจิตฺวา อโญฺญ มิจฺฉาชีโว นตฺถิฯ อยมฺปิ กิเลสสหคตจิเตฺตเนว โหตีติ ทเสฺสติฯ
262.Yathā uggāhamānassāti yathā tassa vacanaṃ, evaṃ sante uttānaseyyako kumāro ayojjhasamaṇo thirasamaṇo bhavissati, mayaṃ pana evaṃ na vadāmāti dīpeti. Kāyotipi na hotīti sakakāyo parakāyotipi visesañāṇaṃ na hoti. Aññatraphanditamattāti paccattharaṇe valisamphassena vā maṅguladaṭṭhena vā kāyaphandanamattaṃ nāma hoti. Taṃ ṭhapetvā aññaṃ kāyena karaṇakammaṃ nāma natthi. Tampi ca kilesasahagatacitteneva hoti. Vācātipi na hotīti micchāvācā sammāvācātipi nānattaṃ na hoti. Roditamattāti jighacchāpipāsāparetassa pana roditamattaṃ hoti. Tampi kilesasahagatacitteneva. Saṅkappoti micchāsaṅkappo sammāsaṅkappotipi nānattaṃ na hoti. Vikūjitamattāti vikūjitamattaṃ rodanahasitamattaṃ hoti. Daharakumārakānañhi cittaṃ atītārammaṇaṃ pavattati, nirayato āgatā nirayadukkhaṃ saritvā rodanti, devalokato āgatā hasanti, tampi kilesasahagatacitteneva hoti. Ājīvoti micchājīvo sammājīvotipi nānattaṃ na hoti. Aññatra mātuthaññāti thaññacoradārakā nāma honti, mātari khīraṃ pāyantiyā apivitvā aññavihitakāle piṭṭhipassena āgantvā thaññaṃ pivanti. Ettakaṃ muñcitvā añño micchājīvo natthi. Ayampi kilesasahagatacitteneva hotīti dasseti.
๒๖๓. เอวํ ปริพฺพาชกวาทํ ปฎิกฺขิปิตฺวา อิทานิ สยํ เสกฺขภูมิยํ มาติกํ ฐเปโนฺต จตูหิ โข อหนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ สมธิคยฺห ติฎฺฐตีติ วิเสเสตฺวา ติฎฺฐติฯ น กาเยน ปาป กมฺมนฺติอาทีสุ น เกวลํ อกรณมตฺตเมว, ภควา ปน เอตฺถ สํวรปฺปหานปฎิสงฺขา ปญฺญเปติฯ ตํ สนฺธาเยวมาหฯ น เจว สมฺปนฺนกุสลนฺติอาทิ ปน ขีณาสวํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
263. Evaṃ paribbājakavādaṃ paṭikkhipitvā idāni sayaṃ sekkhabhūmiyaṃ mātikaṃ ṭhapento catūhi kho ahantiādimāha. Tattha samadhigayha tiṭṭhatīti visesetvā tiṭṭhati. Nakāyena pāpa kammantiādīsu na kevalaṃ akaraṇamattameva, bhagavā pana ettha saṃvarappahānapaṭisaṅkhā paññapeti. Taṃ sandhāyevamāha. Na ceva sampannakusalantiādi pana khīṇāsavaṃ sandhāya vuttaṃ.
อิทานิ อเสกฺขภูมิยํ มาติกํ ฐเปโนฺต ทสหิ โข อหนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตีณิ ปทานิ นิสฺสาย เทฺว ปฐมจตุกฺกา ฐปิตา, เอกํ ปทํ นิสฺสาย เทฺว ปจฺฉิมจตุกฺกาฯ อยํ เสกฺขภูมิยํ มาติกาฯ
Idāni asekkhabhūmiyaṃ mātikaṃ ṭhapento dasahi kho ahantiādimāha. Tattha tīṇi padāni nissāya dve paṭhamacatukkā ṭhapitā, ekaṃ padaṃ nissāya dve pacchimacatukkā. Ayaṃ sekkhabhūmiyaṃ mātikā.
๒๖๔. อิทานิ ตํ วิภชโนฺต กตเม จ ถปติ อกุสลสีลาติอาทิมาหฯ ตตฺถ สราคนฺติ อฎฺฐวิธํ โลภสหคตจิตฺตํฯ สโทสนฺติ ปฎิฆสมฺปยุตฺตจิตฺตทฺวยํฯ สโมหนฺติ วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคตจิตฺตทฺวยมฺปิ วฎฺฎติ, สพฺพากุสลจิตฺตานิปิฯ โมโห สพฺพากุสเล อุปฺปชฺชตีติ หิ วุตฺตํฯ อิโตสมุฎฺฐานาติ อิโต สราคาทิจิตฺตโต สมุฎฺฐานํ อุปฺปตฺติ เอเตสนฺติ อิโตสมุฎฺฐานาฯ
264. Idāni taṃ vibhajanto katame ca thapati akusalasīlātiādimāha. Tattha sarāganti aṭṭhavidhaṃ lobhasahagatacittaṃ. Sadosanti paṭighasampayuttacittadvayaṃ. Samohanti vicikicchuddhaccasahagatacittadvayampi vaṭṭati, sabbākusalacittānipi. Moho sabbākusale uppajjatīti hi vuttaṃ. Itosamuṭṭhānāti ito sarāgādicittato samuṭṭhānaṃ uppatti etesanti itosamuṭṭhānā.
กุหินฺติ กตรํ ฐานํ ปาปุณิตฺวา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติฯ เอเตฺถเตติ โสตาปตฺติผเล ภุมฺมํฯ ปาติโมกฺขสํวรสีลญฺหิ โสตาปตฺติผเล ปริปุณฺณํ โหติ, ตํ ฐานํ ปตฺวา อกุสลสีลํ อเสสํ นิรุชฺฌติฯ อกุสลสีลนฺติ จ ทุสฺสีลเสฺสตํ อธิวจนนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Kuhinti kataraṃ ṭhānaṃ pāpuṇitvā aparisesā nirujjhanti. Ettheteti sotāpattiphale bhummaṃ. Pātimokkhasaṃvarasīlañhi sotāpattiphale paripuṇṇaṃ hoti, taṃ ṭhānaṃ patvā akusalasīlaṃ asesaṃ nirujjhati. Akusalasīlanti ca dussīlassetaṃ adhivacananti veditabbaṃ.
อกุสลานํ สีลานํ นิโรธาย ปฎิปโนฺนติ เอตฺถ ยาว โสตาปตฺติมคฺคา นิโรธาย ปฎิปโนฺน นาม โหติ, ผลปเตฺต ปน เต นิโรธิตา นาม โหนฺติฯ
Akusalānaṃ sīlānaṃ nirodhāya paṭipannoti ettha yāva sotāpattimaggā nirodhāya paṭipanno nāma hoti, phalapatte pana te nirodhitā nāma honti.
๒๖๕. วีตราคนฺติอาทีหิ อฎฺฐวิธํ กามาวจรกุสลจิตฺตเมว วุตฺตํฯ เอเตน หิ กุสลสีลํ สมุฎฺฐาติฯ
265.Vītarāgantiādīhi aṭṭhavidhaṃ kāmāvacarakusalacittameva vuttaṃ. Etena hi kusalasīlaṃ samuṭṭhāti.
สีลวา โหตีติ สีลสมฺปโนฺน โหติ คุณสมฺปโนฺน จฯ โน จ สีลมโยติ อลเมตฺตาวตา, นตฺถิ อิโต กิญฺจิ อุตฺตริ กรณียนฺติ เอวํ สีลมโย น โหติฯ ยตฺถสฺส เตติ อรหตฺตผเล ภุมฺมํฯ อรหตฺตผลญฺหิ ปตฺวา อกุสลสีลํ อเสสํ นิรุชฺฌติฯ
Sīlavā hotīti sīlasampanno hoti guṇasampanno ca. No ca sīlamayoti alamettāvatā, natthi ito kiñci uttari karaṇīyanti evaṃ sīlamayo na hoti. Yatthassa teti arahattaphale bhummaṃ. Arahattaphalañhi patvā akusalasīlaṃ asesaṃ nirujjhati.
นิโรธาย ปฎิปโนฺนติ เอตฺถ ยาว อรหตฺตมคฺคา นิโรธาย ปฎิปโนฺน นาม โหติ, ผลปเตฺต ปน เต นิโรธิตา นาม โหนฺติฯ
Nirodhāya paṭipannoti ettha yāva arahattamaggā nirodhāya paṭipanno nāma hoti, phalapatte pana te nirodhitā nāma honti.
๒๖๖. กามสญฺญาทีสุ กามสญฺญา อฎฺฐโลภสหคตจิตฺตสหชาตา, อิตรา เทฺว โทมนสฺสสหคตจิตฺตทฺวเยน สหชาตาฯ
266.Kāmasaññādīsu kāmasaññā aṭṭhalobhasahagatacittasahajātā, itarā dve domanassasahagatacittadvayena sahajātā.
ปฐมํ ฌานนฺติ อนาคามิผลปฐมชฺฌานํฯ เอเตฺถเตติ อนาคามิผเล ภุมฺมํฯ อนาคามิผลญฺหิ ปตฺวา อกุสลสงฺกปฺปา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติฯ
Paṭhamaṃjhānanti anāgāmiphalapaṭhamajjhānaṃ. Ettheteti anāgāmiphale bhummaṃ. Anāgāmiphalañhi patvā akusalasaṅkappā aparisesā nirujjhanti.
นิโรธาย ปฎิปโนฺนติ เอตฺถ ยาว อนาคามิมคฺคา นิโรธาย ปฎิปโนฺน นาม โหติ, ผลปเตฺต ปน เต นิโรธิตา นาม โหนฺติฯ เนกฺขมฺมสญฺญาทโย หิ ติโสฺสปิ อฎฺฐกามาวจรกุสลสหชาตสญฺญาวฯ
Nirodhāya paṭipannoti ettha yāva anāgāmimaggā nirodhāya paṭipanno nāma hoti, phalapatte pana te nirodhitā nāma honti. Nekkhammasaññādayo hi tissopi aṭṭhakāmāvacarakusalasahajātasaññāva.
๒๖๗. เอเตฺถเตติ อรหตฺตผเล ภุมฺมํฯ ทุติยชฺฌานิกํ อรหตฺตผลญฺหิ ปาปุณิตฺวา กุสลสงฺกปฺปา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติฯ นิโรธาย ปฎิปโนฺนติ เอตฺถ ยาว อรหตฺตมคฺคา นิโรธาย ปฎิปโนฺน นาม โหติ, ผลปเตฺต ปน เต นิโรธิตา นาม โหนฺติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
267.Ettheteti arahattaphale bhummaṃ. Dutiyajjhānikaṃ arahattaphalañhi pāpuṇitvā kusalasaṅkappā aparisesā nirujjhanti. Nirodhāya paṭipannoti ettha yāva arahattamaggā nirodhāya paṭipanno nāma hoti, phalapatte pana te nirodhitā nāma honti. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
สมณมุณฺฑิกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Samaṇamuṇḍikasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๘. สมณมุณฺฑิกสุตฺตํ • 8. Samaṇamuṇḍikasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๘. สมณมุณฺฑิกาปุตฺตสุตฺตวณฺณนา • 8. Samaṇamuṇḍikāputtasuttavaṇṇanā