Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๑๐-๑๑. สมณสุตฺตาทิวณฺณนา
10-11. Samaṇasuttādivaṇṇanā
๒๔๑-๒. ทสเม เสสปเทสุปีติ ‘‘อิธ ทุติโย สมโณ’’ติอาทีสุ เสสปเทสุปิฯ ยถา หิ ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๒๖; ม. นิ. ๑.๒๗๑, ๒๘๗, ๒๙๗; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓) เอตฺถ กโต นิยโม ‘‘วิวิจฺจ อกุสเลหี’’ติ เอตฺถาปิ กโตเยว โหติ สาวธารณอตฺถสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา, เอวมิธาปีติฯ เตนาห ‘‘ทุติยาทโยปิ หี’’ติอาทิฯ สามญฺญผลาธิคมวเสน นิปฺปริยายโต สมณภาโวติ เตสํ วเสเนตฺถ จตฺตาโร สมณา เทสิตาฯ อิมสฺมิญฺหิ ฐาเน จตฺตาโร ผลฎฺฐกสมณาว อธิเปฺปตา สมิตปาปสมณคฺคหณโตฯ กสฺมา ปเนตฺถ มหาปรินิพฺพาเน วิย มคฺคฎฺฐา ตทตฺถาย ปฎิปนฺนาปิ น คหิตาติ? เวเนยฺยชฺฌาสยโตฯ ตตฺถ หิ มคฺคาธิคมตฺถาย วิปสฺสนาปิ อิโต พหิทฺธา นตฺถิ, กุโต มคฺคผลานีติ ทเสฺสเนฺตน ภควตา ‘‘ญายสฺส ธมฺมสฺส ปเทสวตฺตี, อิโต พหิทฺธา สมโณปิ นตฺถี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔) วุตฺตํฯ อิธ ปน นิฎฺฐานปฺปตฺตเมว ตํตํสมณภาวํ คณฺหเนฺตน ผลฎฺฐกสมณาว คหิตา, มคฺคฎฺฐโต ผลโฎฺฐ สวิเสสํ ทกฺขิเณโยฺยติฯ สฺวายมโตฺถ ทฺวีสุ สุเตฺตสุ เทสนาเภเทเนว วิญฺญายตีติฯ ริตฺตาติ วิวิตฺตาฯ ตุจฺฉาติ นิสฺสารา ปฎิปนฺนกสาราภาวโตฯ
241-2. Dasame sesapadesupīti ‘‘idha dutiyo samaṇo’’tiādīsu sesapadesupi. Yathā hi ‘‘vivicceva kāmehī’’ti (dī. ni. 1.226; ma. ni. 1.271, 287, 297; saṃ. ni. 2.152; a. ni. 4.123) ettha kato niyamo ‘‘vivicca akusalehī’’ti etthāpi katoyeva hoti sāvadhāraṇaatthassa icchitabbattā, evamidhāpīti. Tenāha ‘‘dutiyādayopi hī’’tiādi. Sāmaññaphalādhigamavasena nippariyāyato samaṇabhāvoti tesaṃ vasenettha cattāro samaṇā desitā. Imasmiñhi ṭhāne cattāro phalaṭṭhakasamaṇāva adhippetā samitapāpasamaṇaggahaṇato. Kasmā panettha mahāparinibbāne viya maggaṭṭhā tadatthāya paṭipannāpi na gahitāti? Veneyyajjhāsayato. Tattha hi maggādhigamatthāya vipassanāpi ito bahiddhā natthi, kuto maggaphalānīti dassentena bhagavatā ‘‘ñāyassa dhammassa padesavattī, ito bahiddhā samaṇopi natthī’’ti (dī. ni. 2.214) vuttaṃ. Idha pana niṭṭhānappattameva taṃtaṃsamaṇabhāvaṃ gaṇhantena phalaṭṭhakasamaṇāva gahitā, maggaṭṭhato phalaṭṭho savisesaṃ dakkhiṇeyyoti. Svāyamattho dvīsu suttesu desanābhedeneva viññāyatīti. Rittāti vivittā. Tucchāti nissārā paṭipannakasārābhāvato.
ปวทนฺติ เอเตหีติ ปวาทาฯ ทิฎฺฐิคติกานํ นานาทิฎฺฐิทีปกสมยาติ อาห ‘‘จตฺตาโร สสฺสตวาทา’’ติอาทิฯ ตตฺถ จตฺตาโร สสฺสตวาทาติ ลาภิวเสน ตโย, ตกฺกิวเสน เอโกติ เอวํ จตฺตาโร สสฺสตวาทาฯ ปุเพฺพนิวาสญาณลาภี ติตฺถิโย มนฺทปโญฺญ อเนกชาติสตสหสฺสมตฺตํ อนุสฺสรติ, มชฺฌปโญฺญ ทส สํวฎฺฎวิวฎฺฎกปฺปานิ, ติกฺขปโญฺญ จตฺตาลีส สํวฎฺฎวิวฎฺฎกปฺปานิ, น ตโต ปรํฯ โส เอวํ อนุสฺสรโนฺต ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ อภิวทติ, ตกฺกี ปน ตกฺกปริยาหตํ วีมํสานุจริตํ สยํปฎิภานํ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ อภิวทติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ลาภิวเสน ตโย, ตกฺกิวเสน เอโกติ เอวํ จตฺตาโร สสฺสตวาทา’’ติฯ
Pavadanti etehīti pavādā. Diṭṭhigatikānaṃ nānādiṭṭhidīpakasamayāti āha ‘‘cattāro sassatavādā’’tiādi. Tattha cattāro sassatavādāti lābhivasena tayo, takkivasena ekoti evaṃ cattāro sassatavādā. Pubbenivāsañāṇalābhī titthiyo mandapañño anekajātisatasahassamattaṃ anussarati, majjhapañño dasa saṃvaṭṭavivaṭṭakappāni, tikkhapañño cattālīsa saṃvaṭṭavivaṭṭakappāni, na tato paraṃ. So evaṃ anussaranto ‘‘sassato attā ca loko cā’’ti abhivadati, takkī pana takkapariyāhataṃ vīmaṃsānucaritaṃ sayaṃpaṭibhānaṃ ‘‘sassato attā ca loko cā’’ti abhivadati. Tena vuttaṃ ‘‘lābhivasena tayo, takkivasena ekoti evaṃ cattāro sassatavādā’’ti.
สเตฺตสุ สงฺขาเรสุ จ เอกจฺจํ สสฺสตนฺติ ปวโตฺต วาโท เอกจฺจสสฺสตวาโทฯ โส ปน พฺรหฺมกายิกขิฑฺฑาปโทสิกมโนปโทสิกตฺตภาวโต จวิตฺวา อิธาคตานํ ตกฺกิโน จ อุปฺปชฺชนวเสน จตุพฺพิโธติ อาห ‘‘จตฺตาโร เอกจฺจสสฺสตวาทา’’ติฯ
Sattesu saṅkhāresu ca ekaccaṃ sassatanti pavatto vādo ekaccasassatavādo. So pana brahmakāyikakhiḍḍāpadosikamanopadosikattabhāvato cavitvā idhāgatānaṃ takkino ca uppajjanavasena catubbidhoti āha ‘‘cattāro ekaccasassatavādā’’ti.
จตฺตาโร อนฺตานนฺติกาติ เอตฺถ อมติ คจฺฉติ เอตฺถ โวสานนฺติ อโนฺต, มริยาทาฯ ตปฺปฎิเสเธน อนโนฺตฯ อโนฺต จ อนโนฺต จ อนฺตานโนฺต สามญฺญนิเทฺทเสน, เอกเสเสน วา ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; อุทา. ๑) วิยฯ อนฺตานนฺตสหจริโต วาโท อนฺตานโนฺต ยถา ‘‘กุนฺตา จรนฺตี’’ติฯ อนฺตานนฺตสนฺนิสฺสโย วา ยถา ‘‘มญฺจา โฆสนฺตี’’ติฯ โส เอเตสํ อตฺถีติ อนฺตานนฺติกาฯ ‘‘อนฺตวา อตฺตา จ โลโก จ, อนนฺตวา อตฺตา จ โลโก จ, อนฺตวา จ อนนฺตวา จ อตฺตา จ โลโก จ, เนวนฺตวา นานนฺตวา’’ติ เอวํ ปวตฺตวาทา จตฺตาโรฯ อวฑฺฒิตกสิณสฺส ตํ กสิณํ อตฺตาติ จ โลโกติ จ คณฺหนฺตสฺส วเสน ปฐโม วุโตฺต, ทุติโย วฑฺฒิตกสิณสฺส วเสน วุโตฺต, ตติโย ติริยํ วเฑฺฒตฺวา อุทฺธมโธ อวฑฺฒิตกสิณสฺส, จตุโตฺถ ตกฺกิวเสน วุโตฺตฯ เอตฺถ จ ยุตฺตํ ตาว ปุริมานํ ติณฺณํ วาทานํ อนฺตญฺจ อนนฺตญฺจ อนฺตานนฺตญฺจ อารพฺภ ปวตฺตวาทตฺตา อนฺตานนฺติกตฺตํ, ปจฺฉิมสฺส ปน ตทุภยนิเสธนวเสน ปวตฺตวาทตฺตา กถมนฺตานนฺติกตฺตนฺติ? ตทุภยปฺปฎิเสธนวเสน ปวตฺตวาทตฺตา เอวฯ อนฺตานนฺติกปฺปฎิเสธวาโทปิ หิ อนฺตานนฺตวิสโย เอว ตํ อารพฺภ ปวตฺตตฺตาฯ
Cattāro antānantikāti ettha amati gacchati ettha vosānanti anto, mariyādā. Tappaṭisedhena ananto. Anto ca ananto ca antānanto sāmaññaniddesena, ekasesena vā ‘‘nāmarūpapaccayā saḷāyatana’’ntiādīsu (ma. ni. 3.126; udā. 1) viya. Antānantasahacarito vādo antānanto yathā ‘‘kuntā carantī’’ti. Antānantasannissayo vā yathā ‘‘mañcā ghosantī’’ti. So etesaṃ atthīti antānantikā. ‘‘Antavā attā ca loko ca, anantavā attā ca loko ca, antavā ca anantavā ca attā ca loko ca, nevantavā nānantavā’’ti evaṃ pavattavādā cattāro. Avaḍḍhitakasiṇassa taṃ kasiṇaṃ attāti ca lokoti ca gaṇhantassa vasena paṭhamo vutto, dutiyo vaḍḍhitakasiṇassa vasena vutto, tatiyo tiriyaṃ vaḍḍhetvā uddhamadho avaḍḍhitakasiṇassa, catuttho takkivasena vutto. Ettha ca yuttaṃ tāva purimānaṃ tiṇṇaṃ vādānaṃ antañca anantañca antānantañca ārabbha pavattavādattā antānantikattaṃ, pacchimassa pana tadubhayanisedhanavasena pavattavādattā kathamantānantikattanti? Tadubhayappaṭisedhanavasena pavattavādattā eva. Antānantikappaṭisedhavādopi hi antānantavisayo eva taṃ ārabbha pavattattā.
น มรตีติ อมราฯ กา สา? ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๖๒) นเยน ปริยนฺตรหิตา ทิฎฺฐิคติกสฺส ทิฎฺฐิ เจว วาจา จฯ วิวิโธ เขโปติ วิเกฺขโป, อมราย ทิฎฺฐิยา, วาจาย วา วิเกฺขโปติ อมราวิเกฺขโป, โส เอตสฺส อตฺถีติ อมราวิเกฺขปิโกฯ อถ วา อมรา นาม มจฺฉชาติ, สา อุมฺมุชฺชนาทิวเสน อุทเก สนฺธาวมานา คาหํ น คจฺฉติ, เอวเมวํ อยมฺปิ วาโท อิโต จิโต จ สนฺธาวติ, คาหํ น อุปคจฺฉตีติ อมราวิเกฺขโปติ วุจฺจติ, โส เอเตสํ อตฺถีติ อมราวิเกฺขปิกาฯ สฺวายํ วาโท มุสาวาทานุโยคฉนฺทราคภยโมหภาวเหตุกตาย จตุธา ปวโตฺตติ อาห ‘‘จตฺตาโร อมราวิเกฺขปิกา’’ติฯ
Na maratīti amarā. Kā sā? ‘‘Evantipi me no’’tiādinā (dī. ni. 1.62) nayena pariyantarahitā diṭṭhigatikassa diṭṭhi ceva vācā ca. Vividho khepoti vikkhepo, amarāya diṭṭhiyā, vācāya vā vikkhepoti amarāvikkhepo, so etassa atthīti amarāvikkhepiko. Atha vā amarā nāma macchajāti, sā ummujjanādivasena udake sandhāvamānā gāhaṃ na gacchati, evamevaṃ ayampi vādo ito cito ca sandhāvati, gāhaṃ na upagacchatīti amarāvikkhepoti vuccati, so etesaṃ atthīti amarāvikkhepikā. Svāyaṃ vādo musāvādānuyogachandarāgabhayamohabhāvahetukatāya catudhā pavattoti āha ‘‘cattāro amarāvikkhepikā’’ti.
อธิจฺจ ยถิจฺฉกํ ยํ กิญฺจิ การณํ กสฺสจิ พุทฺธิปุพฺพํ วา วินา สมุปฺปโนฺนติ อตฺตโลกสญฺญิตานํ ขนฺธานํ อธิจฺจ ปวตฺติอาการารมฺมณํ ทสฺสนํ ตทาการสนฺนิสฺสเยน ปวตฺติโต ตทาการสหจริตตาย จ ‘‘อธิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ วุจฺจติ ยถา ‘‘มญฺจา โฆสนฺติ’’, ‘‘กุนฺตา จรนฺตี’’ติ จฯ ตํ เอเตสํ อตฺถีติ อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกาฯ ลาภิวเสน ตกฺกิวเสน จ ‘‘เทฺว อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา’’ติ วุตฺตํฯ
Adhicca yathicchakaṃ yaṃ kiñci kāraṇaṃ kassaci buddhipubbaṃ vā vinā samuppannoti attalokasaññitānaṃ khandhānaṃ adhicca pavattiākārārammaṇaṃ dassanaṃ tadākārasannissayena pavattito tadākārasahacaritatāya ca ‘‘adhiccasamuppanna’’nti vuccati yathā ‘‘mañcā ghosanti’’, ‘‘kuntā carantī’’ti ca. Taṃ etesaṃ atthīti adhiccasamuppannikā. Lābhivasena takkivasena ca ‘‘dve adhiccasamuppannikā’’ti vuttaṃ.
สญฺญีติ ปวโตฺต วาโท สญฺญิวาโท, โส เอเตสํ อตฺถีติ สญฺญิวาทาฯ รูปิจตุกฺกํ เอกนฺตสุขจตุกฺกนฺติ อิเมสํ จตุนฺนํ จตุกฺกานํ วเสน โสฬส สญฺญิวาทาฯ อิเมสุเยว ปุริมานํ ทฺวินฺนํ จตุกฺกานํ วเสน อฎฺฐ สญฺญิวาทา, อฎฺฐ เนวสญฺญินาสญฺญิวาทา เวทิตพฺพาฯ เกวลญฺหิ ตตฺถ ‘‘สญฺญี อตฺตา’’ติ คณฺหนฺตานํ ตา ทิฎฺฐิโย, อิธ อสญฺญีติ จ เนวสญฺญีนาสญฺญีติ จฯ
Saññīti pavatto vādo saññivādo, so etesaṃ atthīti saññivādā. Rūpicatukkaṃ ekantasukhacatukkanti imesaṃ catunnaṃ catukkānaṃ vasena soḷasa saññivādā. Imesuyeva purimānaṃ dvinnaṃ catukkānaṃ vasena aṭṭha saññivādā, aṭṭha nevasaññināsaññivādā veditabbā. Kevalañhi tattha ‘‘saññī attā’’ti gaṇhantānaṃ tā diṭṭhiyo, idha asaññīti ca nevasaññīnāsaññīti ca.
สตฺต อุเจฺฉทวาทาติ มนุสฺสตฺตภาเว กามาวจรเทวตฺตภาเว รูปาวจรตฺตภาเว จตุพฺพิธารูปตฺตภาเว จ ฐตฺวา สตฺตสฺส อุเจฺฉทปญฺญาปนวเสน สตฺต อุเจฺฉทวาทาฯ
Satta ucchedavādāti manussattabhāve kāmāvacaradevattabhāve rūpāvacarattabhāve catubbidhārūpattabhāve ca ṭhatvā sattassa ucchedapaññāpanavasena satta ucchedavādā.
ปญฺจ ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาทาติ ปญฺจกามคุณอุปโภควเสน จตุพฺพิธรูปชฺฌานสุขปริโภควเสน จ ทิฎฺฐธเมฺม นิพฺพูติปญฺญาปนวาทาฯ ทิฎฺฐธโมฺมติ ปจฺจกฺขธโมฺม วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ ปฎิลทฺธตฺตภาวเสฺสตํ อธิวจนํฯ ทิฎฺฐธเมฺม นิพฺพานํ ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานํ, อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว ทุกฺขวูปสมนฺติ อโตฺถฯ ตํ วทนฺตีติ ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาทาฯ
Pañca diṭṭhadhammanibbānavādāti pañcakāmaguṇaupabhogavasena catubbidharūpajjhānasukhaparibhogavasena ca diṭṭhadhamme nibbūtipaññāpanavādā. Diṭṭhadhammoti paccakkhadhammo vuccati, tattha tattha paṭiladdhattabhāvassetaṃ adhivacanaṃ. Diṭṭhadhamme nibbānaṃ diṭṭhadhammanibbānaṃ, imasmiṃyeva attabhāve dukkhavūpasamanti attho. Taṃ vadantīti diṭṭhadhammanibbānavādā.
ญายติ กมติ ปฎิวิชฺฌตีติ ญาโย, โส เอว นิพฺพานสมฺปาปกเหตุตาย ธโมฺมติ อาห ‘‘ญายสฺส ธมฺมสฺสา’’ติฯ อิโต พหิทฺธา สมโณปิ นตฺถีติอาทีสุ กสฺมา ปเนเต อญฺญตฺถ นตฺถีติ? อเกฺขตฺตตายฯ ยถา หิ น อารเคฺค สาสโป ติฎฺฐติ, น อุทกปิเฎฺฐ อคฺคิ ชลติ, น ปิฎฺฐิปาสาเณ พีชานิ วิรุหนฺติ, เอวเมวํ พาหิเรสุ ติตฺถายตเนสุ น อิเม สมณา อุปฺปชฺชนฺติ, อิมสฺมิํเยว สาสเน อุปฺปชฺชนฺติฯ กสฺมา? สุเกฺขตฺตตายฯ สา ปน เนสํ อเกฺขตฺตตา สุเกฺขตฺตตา จ อริยมคฺคสฺส อภาวโต ภาวโต จ เวทิตพฺพาฯ เตนาห ภควา –
Ñāyati kamati paṭivijjhatīti ñāyo, so eva nibbānasampāpakahetutāya dhammoti āha ‘‘ñāyassa dhammassā’’ti. Ito bahiddhā samaṇopi natthītiādīsu kasmā panete aññattha natthīti? Akkhettatāya. Yathā hi na āragge sāsapo tiṭṭhati, na udakapiṭṭhe aggi jalati, na piṭṭhipāsāṇe bījāni viruhanti, evamevaṃ bāhiresu titthāyatanesu na ime samaṇā uppajjanti, imasmiṃyeva sāsane uppajjanti. Kasmā? Sukkhettatāya. Sā pana nesaṃ akkhettatā sukkhettatā ca ariyamaggassa abhāvato bhāvato ca veditabbā. Tenāha bhagavā –
‘‘ยสฺมิํ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค น อุปลพฺภติ, สมโณปิ ตตฺถ น อุปลพฺภติ, ทุติโยปิ ตตฺถ สมโณ น อุปลพฺภติ, ตติโยปิ ตตฺถ สมโณ น อุปลพฺภติ, จตุโตฺถปิ ตตฺถ สมโณ น อุปลพฺภติฯ ยสฺมิญฺจ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค อุปลพฺภติ, สมโณปิ ตตฺถ อุปลพฺภติ, ทุติโยปิ ตตฺถ… ตติโยปิ ตตฺถ… จตุโตฺถปิ ตตฺถ สมโณ อุปลพฺภติฯ อิมสฺมิํ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค อุปลพฺภติฯ อิเธว, สุภทฺท, สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ, อิธ ตติโย สมโณ, อิธ จตุโตฺถ สมโณ, สุญฺญา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อเญฺญหี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔)ฯ
‘‘Yasmiṃ kho, subhadda, dhammavinaye ariyo aṭṭhaṅgiko maggo na upalabbhati, samaṇopi tattha na upalabbhati, dutiyopi tattha samaṇo na upalabbhati, tatiyopi tattha samaṇo na upalabbhati, catutthopi tattha samaṇo na upalabbhati. Yasmiñca kho, subhadda, dhammavinaye ariyo aṭṭhaṅgiko maggo upalabbhati, samaṇopi tattha upalabbhati, dutiyopi tattha… tatiyopi tattha… catutthopi tattha samaṇo upalabbhati. Imasmiṃ kho, subhadda, dhammavinaye ariyo aṭṭhaṅgiko maggo upalabbhati. Idheva, subhadda, samaṇo, idha dutiyo samaṇo, idha tatiyo samaṇo, idha catuttho samaṇo, suññā parappavādā samaṇebhi aññehī’’ti (dī. ni. 2.214).
อริยมคฺคสฺส จ อภาโว ภาโว จ สุปริสุทฺธสฺส สีลสฺส สุปริสุทฺธาย สมถวิปสฺสนาภาวนาย อภาวโต ภาวโต จ เวทิตโพฺพฯ ตทุภยญฺจ ทุรกฺขาตสฺวากฺขาตภาวเหตุกํ ฯ โส จ อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตตฺตาฯ ยสฺมา ติตฺถายตนํ อเกฺขตฺตํ, สาสนํ เขตฺตํ, ตสฺมา ยถา สุรตฺตหตฺถปาโท ภาสุรเกสรภาโร สีโห มิคราชา น สุสาเน วา สงฺการกูเฎ วา ปฎิวสติ, ติโยชนสหสฺสวิตฺถตํ ปน หิมวนฺตํ อโชฺฌคาเหตฺวา มณิคุหายเมว วสติ, ยถา จ ฉทฺทโนฺต นาคราชา น โคจริยหตฺถิกุลาทีสุ นวสุ กุเลสุ อุปฺปชฺชติ, ยถา จ วลาหโก อสฺสราชา น คทฺรภกุเล วา โฆฎกกุเล วา อุปฺปชฺชติ, สินฺธุตีเร ปน สินฺธวกุเลเยว อุปฺปชฺชติ, ยถา จ สพฺพกามททํ มโนหรํ มณิรตนํ น สงฺการกูเฎ วา ปํสุปพฺพตาทีสุ วา อุปฺปชฺชติ, วิปุลปพฺพตพฺภนฺตเรเยว อุปฺปชฺชติ, ยถา จ ติมิรปิงฺคโล มจฺฉราชา น ขุทฺทกโปกฺขรณีสุ อุปฺปชฺชติ, จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีเร มหาสมุเทฺทเยว อุปฺปชฺชติ, ยถา จ ทิยฑฺฒโยชนสติโก สุปณฺณราชา น คามทฺวาเร เอรณฺฑวนาทีสุ ปฎิวสติ, มหาสมุทฺทํ ปน อโชฺฌคาเหตฺวา สิมฺพลิทหวเนเยว ปฎิวสติ, ยถา จ ธตรโฎฺฐ สุวณฺณหํโส น คามทฺวาเร อาวาฎกาทีสุ ปฎิวสติ, นวุติหํสสหสฺสปริวาโร ปน หุตฺวา จิตฺตกูเฎเยว ปฎิวสติ, ยถา จ จตุทฺทีปิสฺสโร จกฺกวตฺติราชา น นีจกุเล อุปฺปชฺชติ, อสมฺภินฺนชาติยขตฺติยกุเลเยว ปน อุปฺปชฺชติ, เอวเมวํ อิเมสุ สมเณสุ เอกสมโณปิ น อญฺญตฺถ ติตฺถายตเน อุปฺปชฺชติ, อริยมคฺคปริกฺขเต ปน พุทฺธสาสเนเยว อุปฺปชฺชติฯ เตนาห ภควา – ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ…เป.… สุญฺญา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อเญฺญหี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙-๑๔๐; อ. นิ. ๔.๒๔๑)ฯ เอกาทสเม นตฺถิ วตฺตพฺพํฯ
Ariyamaggassa ca abhāvo bhāvo ca suparisuddhassa sīlassa suparisuddhāya samathavipassanābhāvanāya abhāvato bhāvato ca veditabbo. Tadubhayañca durakkhātasvākkhātabhāvahetukaṃ . So ca asammāsambuddhappaveditattā. Yasmā titthāyatanaṃ akkhettaṃ, sāsanaṃ khettaṃ, tasmā yathā surattahatthapādo bhāsurakesarabhāro sīho migarājā na susāne vā saṅkārakūṭe vā paṭivasati, tiyojanasahassavitthataṃ pana himavantaṃ ajjhogāhetvā maṇiguhāyameva vasati, yathā ca chaddanto nāgarājā na gocariyahatthikulādīsu navasu kulesu uppajjati, yathā ca valāhako assarājā na gadrabhakule vā ghoṭakakule vā uppajjati, sindhutīre pana sindhavakuleyeva uppajjati, yathā ca sabbakāmadadaṃ manoharaṃ maṇiratanaṃ na saṅkārakūṭe vā paṃsupabbatādīsu vā uppajjati, vipulapabbatabbhantareyeva uppajjati, yathā ca timirapiṅgalo maccharājā na khuddakapokkharaṇīsu uppajjati, caturāsītiyojanasahassagambhīre mahāsamuddeyeva uppajjati, yathā ca diyaḍḍhayojanasatiko supaṇṇarājā na gāmadvāre eraṇḍavanādīsu paṭivasati, mahāsamuddaṃ pana ajjhogāhetvā simbalidahavaneyeva paṭivasati, yathā ca dhataraṭṭho suvaṇṇahaṃso na gāmadvāre āvāṭakādīsu paṭivasati, navutihaṃsasahassaparivāro pana hutvā cittakūṭeyeva paṭivasati, yathā ca catuddīpissaro cakkavattirājā na nīcakule uppajjati, asambhinnajātiyakhattiyakuleyeva pana uppajjati, evamevaṃ imesu samaṇesu ekasamaṇopi na aññattha titthāyatane uppajjati, ariyamaggaparikkhate pana buddhasāsaneyeva uppajjati. Tenāha bhagavā – ‘‘idheva, bhikkhave, samaṇo…pe… suññā parappavādā samaṇebhi aññehī’’ti (ma. ni. 1.139-140; a. ni. 4.241). Ekādasame natthi vattabbaṃ.
สมณสุตฺตาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Samaṇasuttādivaṇṇanā niṭṭhitā.
กมฺมวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kammavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya
๑๐. สมณสุตฺตํ • 10. Samaṇasuttaṃ
๑๑. สปฺปุริสานิสํสสุตฺตํ • 11. Sappurisānisaṃsasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. สมณสุตฺตวณฺณนา • 10. Samaṇasuttavaṇṇanā