Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
(๑๕) ๕. สมาปตฺติวคฺควณฺณนา
(15) 5. Samāpattivaggavaṇṇanā
๑๖๔. ปญฺจมสฺส ปฐเม ‘‘อิโต ปุเพฺพ ปริกมฺมํ ปวตฺตํ, อิโต ปรํ ภวงฺคํ มเชฺฌ สมาปตฺตี’’ติ เอวํ สห ปริกเมฺมน อปฺปนาปริเจฺฉทปฺปชานนา ปญฺญา สมาปตฺติกุสลตาฯ วุฎฺฐาเน กุสลภาโว วุฎฺฐานกุสลตาฯ ปเคว วุฎฺฐานปริเจฺฉทกญาณนฺติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
164. Pañcamassa paṭhame ‘‘ito pubbe parikammaṃ pavattaṃ, ito paraṃ bhavaṅgaṃ majjhe samāpattī’’ti evaṃ saha parikammena appanāparicchedappajānanā paññā samāpattikusalatā. Vuṭṭhāne kusalabhāvo vuṭṭhānakusalatā. Pageva vuṭṭhānaparicchedakañāṇanti evamettha attho daṭṭhabbo.
๑๖๕. ทุติเย อุชุโน ภาโว อชฺชวํ, อชิมฺหตา อกุฎิลตา อวงฺกตาติ อโตฺถฯ อภิธเมฺมปิ (ธ. ส. ๑๓๔๖) วุตฺตํ – ‘‘ตตฺถ กตโม อชฺชโว? ยา อชฺชวตา อชิมฺหตา อกุฎิลตา อวงฺกตา, อยํ วุจฺจติ อชฺชโว’’ติฯ อนชฺชวญฺจ อชฺชวปฺปฎิเกฺขเปน เวทิตพฺพํฯ โคมุตฺตวงฺกตา, จนฺทเลขาวงฺกตา, นงฺคลโกฎิวงฺกตาติ หิ ตโย อนชฺชวาฯ เอกโจฺจ หิ ภิกฺขุ ปฐมวเย มชฺฌิม-ปจฺฉิมวเย จ เอกวีสติยา อเนสนาสุ ฉสุ จ อโคจเรสุ จรติ, อยํ โคมุตฺตวงฺกตา นาม, อาทิโต ปฎฺฐาย ยาว ปริโยสานา ปฎิปตฺติยา วงฺกภาวโตฯ เอโก ปฐมวเย ปจฺฉิมวเย จ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปูเรติ, ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม โหติ, มชฺฌิมวเย ปุริมสทิโส, อยํ จนฺทเลขาวงฺกตา นาม, ปฎิปตฺติยา มชฺฌฎฺฐาเน วงฺกภาวาปตฺติโตฯ เอโก ปฐมวเยปิ มชฺฌิมวเยปิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปูเรติ, ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม โหติ, ปจฺฉิมวเย ปุริมสทิโส, อยํ นงฺคลโกฎิวงฺกตา นาม, ปริโยสาเน วงฺกภาวาปตฺติโตฯ เอโก สพฺพเมฺปตํ วงฺกตํ ปหาย ตีสุ วเยสุ เปสโล ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม โหติ, ตสฺส โย โส อุชุภาโว, อิทํ อชฺชวํ นาม, สพฺพตฺถ อุชุภาวสิทฺธิโตฯ
165. Dutiye ujuno bhāvo ajjavaṃ, ajimhatā akuṭilatā avaṅkatāti attho. Abhidhammepi (dha. sa. 1346) vuttaṃ – ‘‘tattha katamo ajjavo? Yā ajjavatā ajimhatā akuṭilatā avaṅkatā, ayaṃ vuccati ajjavo’’ti. Anajjavañca ajjavappaṭikkhepena veditabbaṃ. Gomuttavaṅkatā, candalekhāvaṅkatā, naṅgalakoṭivaṅkatāti hi tayo anajjavā. Ekacco hi bhikkhu paṭhamavaye majjhima-pacchimavaye ca ekavīsatiyā anesanāsu chasu ca agocaresu carati, ayaṃ gomuttavaṅkatā nāma, ādito paṭṭhāya yāva pariyosānā paṭipattiyā vaṅkabhāvato. Eko paṭhamavaye pacchimavaye ca catupārisuddhisīlaṃ pūreti, lajjī kukkuccako sikkhākāmo hoti, majjhimavaye purimasadiso, ayaṃ candalekhāvaṅkatā nāma, paṭipattiyā majjhaṭṭhāne vaṅkabhāvāpattito. Eko paṭhamavayepi majjhimavayepi catupārisuddhisīlaṃ pūreti, lajjī kukkuccako sikkhākāmo hoti, pacchimavaye purimasadiso, ayaṃ naṅgalakoṭivaṅkatā nāma, pariyosāne vaṅkabhāvāpattito. Eko sabbampetaṃ vaṅkataṃ pahāya tīsu vayesu pesalo lajjī kukkuccako sikkhākāmo hoti, tassa yo so ujubhāvo, idaṃ ajjavaṃ nāma, sabbattha ujubhāvasiddhito.
มทฺทวนฺติ เอตฺถ ‘‘ลชฺชว’’นฺติปิ ปฐนฺติฯ เอวํ ปเนตฺถ อโตฺถ – ‘‘ตตฺถ กตโม ลชฺชโว? โย หิรียติ หิรียิตเพฺพน หิรียติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา, อยํ วุจฺจติ ลชฺชโว’’ติ เอวํ วุโตฺต ลชฺชิภาโว ลชฺชวํ นามฯ อิทํ ปเนตฺถ นิพฺพจนํ – ลชฺชตีติ ลโชฺช, หิริมา, ตสฺส ภาโว ลชฺชวํ, หิรีติ อโตฺถฯ ลชฺชา เอตสฺส อตฺถีติ ลชฺชี ยถา ‘‘มาลี มายี’’ติ, ตสฺส ภาโว ลชฺชิภาโว, สา เอว ลชฺชาฯ
Maddavanti ettha ‘‘lajjava’’ntipi paṭhanti. Evaṃ panettha attho – ‘‘tattha katamo lajjavo? Yo hirīyati hirīyitabbena hirīyati pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ samāpattiyā, ayaṃ vuccati lajjavo’’ti evaṃ vutto lajjibhāvo lajjavaṃ nāma. Idaṃ panettha nibbacanaṃ – lajjatīti lajjo, hirimā, tassa bhāvo lajjavaṃ, hirīti attho. Lajjā etassa atthīti lajjī yathā ‘‘mālī māyī’’ti, tassa bhāvo lajjibhāvo, sā eva lajjā.
๑๖๖. ตติเย อธิวาสนขนฺตีติ เอตฺถ อธิวาสนํ วุจฺจติ ขมนํฯ ตญฺหิ ปเรสํ ทุกฺกฎํ ทุรุตฺตญฺจ ปฎิวิโรธากรเณน อตฺตโน อุปริ อาโรเปตฺวา วาสนโต ‘‘อธิวาสน’’นฺติ วุจฺจติฯ อธิวาสนลกฺขณา ขนฺติ อธิวาสนขนฺติฯ สุจิสีลตา โสรจฺจํฯ สา หิ โสภนกมฺมรตตาฯ สุฎฺฐุ วา ปาปโต โอรตภาโว วิรตตาติ อาห ‘‘สุรตภาโว’’ติฯ เตเนว อภิธเมฺมปิ (ธ. ส. ๑๓๔๙) –
166. Tatiye adhivāsanakhantīti ettha adhivāsanaṃ vuccati khamanaṃ. Tañhi paresaṃ dukkaṭaṃ duruttañca paṭivirodhākaraṇena attano upari āropetvā vāsanato ‘‘adhivāsana’’nti vuccati. Adhivāsanalakkhaṇā khanti adhivāsanakhanti. Sucisīlatā soraccaṃ. Sā hi sobhanakammaratatā. Suṭṭhu vā pāpato oratabhāvo viratatāti āha ‘‘suratabhāvo’’ti. Teneva abhidhammepi (dha. sa. 1349) –
‘‘ตตฺถ กตมํ โสรจฺจํ? โย กายิโก อวีติกฺกโม วาจสิโก อวีติกฺกโม กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, อิทํ วุจฺจติ โสรจฺจํ, สโพฺพปิ สีลสํวโร โสรจฺจ’’นฺติ – อาคโตฯ
‘‘Tattha katamaṃ soraccaṃ? Yo kāyiko avītikkamo vācasiko avītikkamo kāyikavācasiko avītikkamo, idaṃ vuccati soraccaṃ, sabbopi sīlasaṃvaro soracca’’nti – āgato.
๑๖๗. จตุเตฺถ สขิโล วุจฺจติ สณฺหวาโจ, ตสฺส ภาโว สาขลฺยํ, สณฺหวาจตาฯ เตนาห ‘‘สณฺหวาจาวเสน สโมฺมทมานภาโว’’ติฯ สณฺหวาจาวเสน หิ สโมฺมทมานสฺส ปุคฺคลสฺส ภาโว นาม สณฺหวาจตาฯ เตเนว อภิธเมฺม (ธ. ส. ๑๓๕๐) –
167. Catutthe sakhilo vuccati saṇhavāco, tassa bhāvo sākhalyaṃ, saṇhavācatā. Tenāha ‘‘saṇhavācāvasena sammodamānabhāvo’’ti. Saṇhavācāvasena hi sammodamānassa puggalassa bhāvo nāma saṇhavācatā. Teneva abhidhamme (dha. sa. 1350) –
‘‘ตตฺถ กตมํ สาขลฺยํ? ยา สา วาจา อณฺฑกา กกฺกสา ปรกฎุกา ปราภิสชฺชนี โกธสามนฺตา อสมาธิสํวตฺตนิกา, ตถารูปิํ วาจํ ปหาย ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา, ตถารูปิํ วาจํ ภาสิตา โหติ, ยา ตตฺถ สณฺหวาจตา สขิลวาจตา อผรุสวาจตา, อิทํ วุจฺจติ สาขลฺย’’นฺติ วุตฺตํฯ
‘‘Tattha katamaṃ sākhalyaṃ? Yā sā vācā aṇḍakā kakkasā parakaṭukā parābhisajjanī kodhasāmantā asamādhisaṃvattanikā, tathārūpiṃ vācaṃ pahāya yā sā vācā nelā kaṇṇasukhā pemanīyā hadayaṅgamā porī bahujanakantā bahujanamanāpā, tathārūpiṃ vācaṃ bhāsitā hoti, yā tattha saṇhavācatā sakhilavācatā apharusavācatā, idaṃ vuccati sākhalya’’nti vuttaṃ.
ตตฺถ อณฺฑกาติ สโทเส สวเณ รุเกฺข นิยฺยาสปิโณฺฑ, อหิจฺฉตฺตาทีนิ วา อุฎฺฐิตานิ อณฺฑกานีติ วทนฺติ, เผคฺคุรุกฺขสฺส ปน กุถิตสฺส อณฺฑานิ วิย อุฎฺฐิตา จุณฺณปิณฺฑิโย วา คณฺฐิโย วา อณฺฑกาฯ อิธ ปน พฺยาปชฺชนกกฺกสาทิสภาวโต กณฺฎกปฺปฎิภาเคน วาจา อณฺฑกาติ วุตฺตาฯ ปทุมนาฬํ วิย โสตํ ฆํสยมานา ปวิสนฺตี กกฺกสา ทฎฺฐพฺพาฯ โกเธน นิพฺพตฺตา ตสฺส ปริวารภูตา โกธสามนฺตาฯ ปุเร สํวทฺธนารี โปรีฯ สา วิย สุกุมารา มุทุกา วาจา โปรี วิยาติ โปรีฯ สณฺหวาจตาติอาทินา ตํ วาจํ ปวตฺตมานํ ทเสฺสติฯ
Tattha aṇḍakāti sadose savaṇe rukkhe niyyāsapiṇḍo, ahicchattādīni vā uṭṭhitāni aṇḍakānīti vadanti, pheggurukkhassa pana kuthitassa aṇḍāni viya uṭṭhitā cuṇṇapiṇḍiyo vā gaṇṭhiyo vā aṇḍakā. Idha pana byāpajjanakakkasādisabhāvato kaṇṭakappaṭibhāgena vācā aṇḍakāti vuttā. Padumanāḷaṃ viya sotaṃ ghaṃsayamānā pavisantī kakkasā daṭṭhabbā. Kodhena nibbattā tassa parivārabhūtā kodhasāmantā. Pure saṃvaddhanārī porī. Sā viya sukumārā mudukā vācā porī viyāti porī. Saṇhavācatātiādinā taṃ vācaṃ pavattamānaṃ dasseti.
๑๖๘. ปญฺจเม ‘‘อวิหิํสาติ กรุณาปุพฺพภาโค’’ติ เอตฺตกเมว อิธ วุตฺตํ, ทีฆนิกายฎฺฐกถาย สงฺคีติสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๓๐๔) ปน ‘‘อวิหิํสาติ กรุณาปิ กรุณาปุพฺพภาโคปี’’ติ วุตฺตํฯ อภิธเมฺมปิ (วิภ. ๑๘๒) ‘‘ตตฺถ กตมา อวิหิํสา? ยา สเตฺตสุ กรุณา กรุณายนา กรุณายิตตฺตํ กรุณาเจโตวิมุตฺติ, อยํ วุจฺจติ อวิหิํสา’’ติ อาคตํฯ เอตฺถาปิ หิ ยา กาจิ กรุณา ‘‘กรุณา’’ติ วุตฺตา, กรุณาเจโตวิมุตฺติ ปน อปฺปนาปฺปตฺตาวฯ
168. Pañcame ‘‘avihiṃsāti karuṇāpubbabhāgo’’ti ettakameva idha vuttaṃ, dīghanikāyaṭṭhakathāya saṅgītisuttavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 3.304) pana ‘‘avihiṃsāti karuṇāpi karuṇāpubbabhāgopī’’ti vuttaṃ. Abhidhammepi (vibha. 182) ‘‘tattha katamā avihiṃsā? Yā sattesu karuṇā karuṇāyanā karuṇāyitattaṃ karuṇācetovimutti, ayaṃ vuccati avihiṃsā’’ti āgataṃ. Etthāpi hi yā kāci karuṇā ‘‘karuṇā’’ti vuttā, karuṇācetovimutti pana appanāppattāva.
สุจิสทฺทโต ภาเว ยการํ อิการสฺส จ อุการาเทสํ กตฺวา อยํ นิเทฺทโสติ อาห ‘‘โสจพฺยํ สุจิภาโว’’ติฯ เอตฺถ จ โสจพฺยนฺติ สีลวเสน สุจิภาโวติ วุตฺตํฯ ทีฆนิกายฎฺฐกถาย สงฺคีติสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๓๐๔) ปน ‘‘โสเจยฺยนฺติ เมตฺตาย จ เมตฺตาปุพฺพภาคสฺส จ วเสน สุจิภาโว’’ติ วุตฺตํฯ เตเนว อภิธเมฺมปิ ‘‘ตตฺถ กตมํ โสจพฺยํ? ยา สเตฺตสุ เมตฺติ เมตฺตายนา เมตฺตายิตตฺตํ เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ, อิทํ วุจฺจติ โสจพฺย’’นฺติ นิเทฺทโส กโตฯ เอตฺถาปิ หิ ‘‘เมตฺตี’’ติอาทินา ยา กาจิ เมตฺตา วุตฺตา, เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ ปน อปฺปนาปฺปตฺตาวฯ
Sucisaddato bhāve yakāraṃ ikārassa ca ukārādesaṃ katvā ayaṃ niddesoti āha ‘‘socabyaṃ sucibhāvo’’ti. Ettha ca socabyanti sīlavasena sucibhāvoti vuttaṃ. Dīghanikāyaṭṭhakathāya saṅgītisuttavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 3.304) pana ‘‘soceyyanti mettāya ca mettāpubbabhāgassa ca vasena sucibhāvo’’ti vuttaṃ. Teneva abhidhammepi ‘‘tattha katamaṃ socabyaṃ? Yā sattesu metti mettāyanā mettāyitattaṃ mettācetovimutti, idaṃ vuccati socabya’’nti niddeso kato. Etthāpi hi ‘‘mettī’’tiādinā yā kāci mettā vuttā, mettācetovimutti pana appanāppattāva.
๑๖๙-๑๗๑. ฉฎฺฐสตฺตมอฎฺฐมานิ เหฎฺฐา วุตฺตนยาเนวฯ
169-171. Chaṭṭhasattamaaṭṭhamāni heṭṭhā vuttanayāneva.
๑๗๒. นวเม กามํ สมฺปยุตฺตธเมฺมสุ ถิรภาโวปิ พลโฎฺฐ เอว, ปฎิปเกฺขหิ ปน อกมฺปนียตํ สาติสยํ พลโฎฺฐติ วุตฺตํ ‘‘มุฎฺฐสฺสเจฺจ อกมฺปเนนา’’ติอาทิฯ
172. Navame kāmaṃ sampayuttadhammesu thirabhāvopi balaṭṭho eva, paṭipakkhehi pana akampanīyataṃ sātisayaṃ balaṭṭhoti vuttaṃ ‘‘muṭṭhassacce akampanenā’’tiādi.
๑๗๓. ทสเม ปจฺจนีกธมฺมสมนโต สมโถ, สมาธีติ อาห ‘‘สมโถติ จิเตฺตกคฺคตา’’ติฯ อนิจฺจาทินา วิวิเธนากาเรน ทสฺสนโต ปสฺสนโต วิปสฺสนา, ปญฺญาติ อาห ‘‘สงฺขารปริคฺคาหกญาณ’’นฺติฯ
173. Dasame paccanīkadhammasamanato samatho, samādhīti āha ‘‘samathoti cittekaggatā’’ti. Aniccādinā vividhenākārena dassanato passanato vipassanā, paññāti āha ‘‘saṅkhārapariggāhakañāṇa’’nti.
๑๗๔. เอกาทสเม ทุสฺสีลฺยนฺติ สมาทินฺนสฺส สีลสฺส เภทกโร วีติกฺกโมฯ ทิฎฺฐิวิปตฺตีติ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตาย สมฺมาทิฎฺฐิยา ทูสิกา มิจฺฉาทิฎฺฐีติ อาห ‘‘ทิฎฺฐิวิปตฺตีติ มิจฺฉาทิฎฺฐี’’ติฯ
174. Ekādasame dussīlyanti samādinnassa sīlassa bhedakaro vītikkamo. Diṭṭhivipattīti ‘‘atthi dinna’’ntiādinayappavattāya sammādiṭṭhiyā dūsikā micchādiṭṭhīti āha ‘‘diṭṭhivipattīti micchādiṭṭhī’’ti.
๑๗๕. ทฺวาทสเม สีลสมฺปทาติ สพฺพภาคโต ตสฺส อนูนตาปตฺติ ปริปุณฺณภาโว สีลสมฺปทาฯ ปริปูรณโตฺถ เหตฺถ สมฺปทาสโทฺทฯ เตเนวาห ‘‘ปริปุณฺณสีลตา’’ติฯ ทิฎฺฐิสมฺปทาติ อตฺถิกทิฎฺฐิอาทิสมฺมาทิฎฺฐิปาริปูริภาเวน ปวตฺตํ ญาณํฯ ตญฺจ กมฺมสฺสกตาสมฺมาทิฎฺฐิอาทิวเสน ปญฺจวิธํ โหตีติ อาห ‘‘เตน กมฺมสฺสกตา’’ติฯ
175. Dvādasame sīlasampadāti sabbabhāgato tassa anūnatāpatti paripuṇṇabhāvo sīlasampadā. Paripūraṇattho hettha sampadāsaddo. Tenevāha ‘‘paripuṇṇasīlatā’’ti. Diṭṭhisampadāti atthikadiṭṭhiādisammādiṭṭhipāripūribhāvena pavattaṃ ñāṇaṃ. Tañca kammassakatāsammādiṭṭhiādivasena pañcavidhaṃ hotīti āha ‘‘tena kammassakatā’’ti.
๑๗๖. เตรสเม สีลวิสุทฺธีติ วิสุทฺธิํ ปาเปตุํ สมตฺถํ สีลํ, จิตฺตวิสุทฺธิอาทิอุปริวิสุทฺธิยา ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํ วิสุทฺธสีลนฺติ วุตฺตํ โหติฯ สุวิสุทฺธเมว หิ สีลํ ตสฺสา ปทฎฺฐานํ โหติฯ เตนาห ‘‘สีลวิสุทฺธีหิ วิสุทฺธิสมฺปาปกํ สีล’’นฺติฯ เอตฺถาปิ วิสุทฺธิสมฺปาปกนฺติ จิตฺตวิสุทฺธิอาทิอุปริวิสุทฺธิยา สมฺปาปกนฺติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อภิธเมฺม (ธ. ส. ๑๓๗๒) ปนายํ ‘‘ตตฺถ กตมา สีลวิสุทฺธิ? กายิโก อวีติกฺกโม วาจสิโก อวีติกฺกโม กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, อยํ วุจฺจติ สีลวิสุทฺธี’’ติ เอวํ วิภตฺตาฯ
176. Terasame sīlavisuddhīti visuddhiṃ pāpetuṃ samatthaṃ sīlaṃ, cittavisuddhiādiuparivisuddhiyā paccayo bhavituṃ samatthaṃ visuddhasīlanti vuttaṃ hoti. Suvisuddhameva hi sīlaṃ tassā padaṭṭhānaṃ hoti. Tenāha ‘‘sīlavisuddhīhi visuddhisampāpakaṃ sīla’’nti. Etthāpi visuddhisampāpakanti cittavisuddhiādiuparivisuddhiyā sampāpakanti attho daṭṭhabbo. Abhidhamme (dha. sa. 1372) panāyaṃ ‘‘tattha katamā sīlavisuddhi? Kāyiko avītikkamo vācasiko avītikkamo kāyikavācasiko avītikkamo, ayaṃ vuccati sīlavisuddhī’’ti evaṃ vibhattā.
ทิฎฺฐิวิสุทฺธีติ วิสุทฺธิํ ปาเปตุํ สมตฺถํ ทสฺสนญาณํ ทสฺสนวิสุทฺธิ, ปรมตฺถวิสุทฺธิํ นิพฺพานญฺจ ปาเปตุํ อุปเนตุํ สมตฺถํ กมฺมสฺสกตญาณาทิ สมฺมาทสฺสนนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘วิสุทฺธิสมฺปาปิกา…เป.… ปญฺจวิธาปิ วา สมฺมาทิฎฺฐี’’ติฯ เอตฺถาปิ วิสุทฺธิสมฺปาปิกาติ ญาณทสฺสนวิสุทฺธิยา ทสฺสนนิพฺพานสงฺขาตาย ปรมตฺถวิสุทฺธิยา จ สมฺปาปิกาติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อภิธเมฺม (ธ. ส. ๑๓๗๓) ปนายํ ‘‘ตตฺถ กตมา ทิฎฺฐิวิสุทฺธิ? กมฺมสฺสกตญาณํ, สจฺจานุโลมิกํ ญาณํ, มคฺคสฺส มคฺคสมงฺคิสฺส ญาณํ, ผลสมงฺคิสฺส ญาณ’’นฺติ เอวํ วุตฺตํฯ
Diṭṭhivisuddhīti visuddhiṃ pāpetuṃ samatthaṃ dassanañāṇaṃ dassanavisuddhi, paramatthavisuddhiṃ nibbānañca pāpetuṃ upanetuṃ samatthaṃ kammassakatañāṇādi sammādassananti attho. Tenāha ‘‘visuddhisampāpikā…pe… pañcavidhāpi vā sammādiṭṭhī’’ti. Etthāpi visuddhisampāpikāti ñāṇadassanavisuddhiyā dassananibbānasaṅkhātāya paramatthavisuddhiyā ca sampāpikāti evamattho daṭṭhabbo. Abhidhamme (dha. sa. 1373) panāyaṃ ‘‘tattha katamā diṭṭhivisuddhi? Kammassakatañāṇaṃ, saccānulomikaṃ ñāṇaṃ, maggassa maggasamaṅgissa ñāṇaṃ, phalasamaṅgissa ñāṇa’’nti evaṃ vuttaṃ.
เอตฺถ จ อิทํ อกุสลกมฺมํ โน สกํ, อิทํ ปน กมฺมํ สกนฺติ เอวํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ กมฺมสฺสกตชานนญาณํ กมฺมสฺสกตญาณํฯ ติวิธทุจฺจริตญฺหิ อตฺตนา กตมฺปิ ปเรน กตมฺปิ โน สกกมฺมํ นาม โหติ อตฺถภญฺชนโต, สุจริตํ สกกมฺมํ นาม อตฺถชนนโตฯ วิปสฺสนาญาณํ ปน วจีสจฺจญฺจ อนุโลเมติ, ปรมตฺถสจฺจญฺจ น วิโลเมตีติ สจฺจานุโลมิกญาณนฺติ วุตฺตํฯ วิปสฺสนาญาณญฺหิ ลกฺขณานิ ปฎิวิชฺฌนตฺถํ อารมฺภกาเล ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ ปวตฺตํ วจีสจฺจญฺจ อนุโลเมติ, ตเถว ปฎิวิชฺฌนโต ปรมตฺถสจฺจํ นิพฺพานญฺจ น วิโลเมติ น วิราเธติ เอกเนฺตเนว สมฺปาปนโตฯ
Ettha ca idaṃ akusalakammaṃ no sakaṃ, idaṃ pana kammaṃ sakanti evaṃ byatirekato anvayato ca kammassakatajānanañāṇaṃ kammassakatañāṇaṃ. Tividhaduccaritañhi attanā katampi parena katampi no sakakammaṃ nāma hoti atthabhañjanato, sucaritaṃ sakakammaṃ nāma atthajananato. Vipassanāñāṇaṃ pana vacīsaccañca anulometi, paramatthasaccañca na vilometīti saccānulomikañāṇanti vuttaṃ. Vipassanāñāṇañhi lakkhaṇāni paṭivijjhanatthaṃ ārambhakāle ‘‘aniccaṃ dukkhaṃ anattā’’ti pavattaṃ vacīsaccañca anulometi, tatheva paṭivijjhanato paramatthasaccaṃ nibbānañca na vilometi na virādheti ekanteneva sampāpanato.
๑๗๗. จุทฺทสเม ทิฎฺฐิวิสุทฺธีติ ปฐมมคฺคสมฺมาทิฎฺฐิ วุตฺตาฯ ยถาทิฎฺฐิสฺส จ ปธานนฺติ ตํสมฺปยุตฺตเมว วีริยํฯ เตเนว ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๓๐๔) ‘‘ทิฎฺฐิวิสุทฺธีติ ญาณทสฺสนํ กถิตํฯ ยถาทิฎฺฐิสฺส จ ปธานนฺติ ตํสมฺปยุตฺตเมว วีริย’’นฺติ วุตฺตํฯ เอตฺถ หิ ญาณทสฺสนนฺติ ญาณภูตํ ทสฺสนํฯ เตน ทสฺสนมคฺคํ วทติฯ ตํสมฺปยุตฺตเมว วีริยนฺติ ปฐมมคฺคสมฺปยุตฺตวีริยมาหฯ อปิจ ทิฎฺฐิวิสุทฺธีติ สพฺพาปิ มคฺคสมฺมาทิฎฺฐิฯ ยถาทิฎฺฐิสฺส จ ปธานนฺติ ตํสมฺปยุตฺตเมว วีริยํฯ เตเนว ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ ‘‘อปิจ ปุริมปเทน จตุมคฺคญาณํ, ปจฺฉิมปเทน ตํสมฺปยุตฺตํ วีริย’’นฺติ วุตฺตํฯ
177. Cuddasame diṭṭhivisuddhīti paṭhamamaggasammādiṭṭhi vuttā. Yathādiṭṭhissa ca padhānanti taṃsampayuttameva vīriyaṃ. Teneva dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 3.304) ‘‘diṭṭhivisuddhīti ñāṇadassanaṃ kathitaṃ. Yathādiṭṭhissa ca padhānanti taṃsampayuttameva vīriya’’nti vuttaṃ. Ettha hi ñāṇadassananti ñāṇabhūtaṃ dassanaṃ. Tena dassanamaggaṃ vadati. Taṃsampayuttameva vīriyanti paṭhamamaggasampayuttavīriyamāha. Apica diṭṭhivisuddhīti sabbāpi maggasammādiṭṭhi. Yathādiṭṭhissa ca padhānanti taṃsampayuttameva vīriyaṃ. Teneva dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ ‘‘apica purimapadena catumaggañāṇaṃ, pacchimapadena taṃsampayuttaṃ vīriya’’nti vuttaṃ.
อถ วา ทิฎฺฐีวิสุทฺธีติ กมฺมสฺสกตญาณาทิสงฺขาตา สพฺพาปิ สมฺมาทิฎฺฐิ วุตฺตาฯ ยถาทิฎฺฐิสฺส จ ปธานนฺติ โย เจตสิโก วีริยารโมฺภ…เป.… สมฺมาวายาโมติฯ อยเมว ปาฬิยา สเมติฯ อภิธเมฺม หิ ‘‘ทิฎฺฐิวิสุทฺธิ โข ปนาติ ยา ปญฺญา ปชานนา…เป.… อโมโห ธมฺมวิจโย สมฺมาทิฎฺฐิฯ ยถาทิฎฺฐิสฺส จ ปธานนฺติ โย เจตสิโก วีริยารโมฺภ…เป.… สมฺมาวายาโม’’ติ เอวมยํ ทุโก วิภโตฺตฯ เตเนว อภิธมฺมฎฺฐกถายํ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๑๓๗๔) ‘‘ยา ปญฺญา ปชานนาติอาทีหิ เหฎฺฐา วุตฺตานิ กมฺมสฺสกตญาณาทีเนว จตฺตาริ ญาณานิ วิภตฺตานิฯ ‘โย เจตสิโก วีริยารโมฺภ’ติอาทีหิ ปเทหิ นิทฺทิฎฺฐํ วีริยํ คหิตํ ปญฺญาย โลกิยฎฺฐาเน โลกิยํ, โลกุตฺตรฎฺฐาเน โลกุตฺตร’’นฺติ วุตฺตํฯ
Atha vā diṭṭhīvisuddhīti kammassakatañāṇādisaṅkhātā sabbāpi sammādiṭṭhi vuttā. Yathādiṭṭhissa ca padhānanti yo cetasiko vīriyārambho…pe… sammāvāyāmoti. Ayameva pāḷiyā sameti. Abhidhamme hi ‘‘diṭṭhivisuddhi kho panāti yā paññā pajānanā…pe… amoho dhammavicayo sammādiṭṭhi. Yathādiṭṭhissa ca padhānanti yo cetasiko vīriyārambho…pe… sammāvāyāmo’’ti evamayaṃ duko vibhatto. Teneva abhidhammaṭṭhakathāyaṃ (dha. sa. aṭṭha. 1374) ‘‘yā paññā pajānanātiādīhi heṭṭhā vuttāni kammassakatañāṇādīneva cattāri ñāṇāni vibhattāni. ‘Yo cetasiko vīriyārambho’tiādīhi padehi niddiṭṭhaṃ vīriyaṃ gahitaṃ paññāya lokiyaṭṭhāne lokiyaṃ, lokuttaraṭṭhāne lokuttara’’nti vuttaṃ.
อิธาปิ วิสุทฺธิสมฺปาปิกา จตุมคฺคสมฺมาทิฎฺฐิ, ปญฺจวิธาปิ วา สมฺมาทิฎฺฐิ ทิฎฺฐิวิสุทฺธีติ อธิปฺปาเยน ‘‘ทิฎฺฐิวิสุทฺธีติ วิสุทฺธิสมฺปาปิกา สมฺมาทิฎฺฐิเยวา’’ติ วุตฺตํฯ เหฎฺฐิมมคฺคสมฺปยุตฺตํ วีริยนฺติ อิทํ ปน ‘‘ยถาทิฎฺฐิสฺส จ ปธานนฺติ ปฐมมคฺคสมฺปยุตฺตํ วีริยนฺติ วุตฺต’’นฺติ อธิปฺปาเยน วทติฯ เอตฺถ จ ตํตํภาณกานํ มตเภเทนายํ วณฺณนาเภโทติ น อฎฺฐกถาวจนานํ อญฺญมญฺญวิโรโธ สงฺกิตโพฺพฯ อถ ยถาทิฎฺฐิสฺส จ ปธานนฺติ เหฎฺฐิมมคฺคสมฺปยุตฺตเมว วีริยํ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตญฺหิ ตสฺสา ทิฎฺฐิยา อนุรูปตฺตา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ตสฺสา ทิฎฺฐิยาติ เหฎฺฐิมมคฺคสมฺปยุตฺตาย ทิฎฺฐิยาฯ ยถาทิฎฺฐิสฺสาติ อนุรูปทิฎฺฐิสฺส กลฺยาณทิฎฺฐิสฺส นิพฺพตฺติตปฺปการทิฎฺฐิสฺส วา นิพฺพเตฺตตพฺพปธานานุรูปทิฎฺฐิสฺส ยถาทิฎฺฐิปฺปวตฺตกิริยสฺส วาติ เอวเมฺปตฺถ อตฺถํ สํวณฺณยนฺติฯ
Idhāpi visuddhisampāpikā catumaggasammādiṭṭhi, pañcavidhāpi vā sammādiṭṭhi diṭṭhivisuddhīti adhippāyena ‘‘diṭṭhivisuddhīti visuddhisampāpikā sammādiṭṭhiyevā’’ti vuttaṃ. Heṭṭhimamaggasampayuttaṃ vīriyanti idaṃ pana ‘‘yathādiṭṭhissa ca padhānanti paṭhamamaggasampayuttaṃ vīriyanti vutta’’nti adhippāyena vadati. Ettha ca taṃtaṃbhāṇakānaṃ matabhedenāyaṃ vaṇṇanābhedoti na aṭṭhakathāvacanānaṃ aññamaññavirodho saṅkitabbo. Atha yathādiṭṭhissa ca padhānanti heṭṭhimamaggasampayuttameva vīriyaṃ kasmā vuttanti āha ‘‘tañhi tassā diṭṭhiyā anurūpattā’’tiādi. Tattha tassā diṭṭhiyāti heṭṭhimamaggasampayuttāya diṭṭhiyā. Yathādiṭṭhissāti anurūpadiṭṭhissa kalyāṇadiṭṭhissa nibbattitappakāradiṭṭhissa vā nibbattetabbapadhānānurūpadiṭṭhissa yathādiṭṭhippavattakiriyassa vāti evampettha atthaṃ saṃvaṇṇayanti.
๑๗๘. ปนฺนรสเม สมตฺตํ ตุสฺสนํ ติตฺติ สนฺตุฎฺฐิ, นตฺถิ เอตสฺส สนฺตุฎฺฐีติ อสนฺตุฎฺฐิ, อสนฺตุฎฺฐิสฺส ภาโว อสนฺตุฎฺฐิตาฯ ยา กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย อสนฺตุฎฺฐสฺส ภิโยฺยกมฺยตา, ตสฺสา เอตํ อธิวจนํฯ ตาย หิ สมงฺคิภูโต ปุคฺคโล สีลํ ปูเรตฺวา ฌานํ อุปฺปาเทติ, ฌานํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ อารภติ, อารทฺธวิปสฺสโก อรหตฺตํ อคฺคเหตฺวา อนฺตรา โวสานํ นาปชฺชติ, ‘‘อลเมตฺตาวตา กตเมตฺตาวตา’’ติ สโงฺกจํ น ปาปุณาติฯ เตนาห ‘‘อญฺญตฺร อรหตฺตมคฺคา กุสเลสุ ธเมฺมสุ อสนฺตุฎฺฐิภาโว’’ติฯ ตตฺร อญฺญตฺร อรหตฺตมคฺคาติ อรหตฺตมคฺคสมฺปตฺตํ วินาติ อโตฺถฯ ‘‘อปฺปฎิวานิตา จ ปธานสฺมิ’’นฺติ อิทํ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมวาติ น วิภตฺตํฯ
178. Pannarasame samattaṃ tussanaṃ titti santuṭṭhi, natthi etassa santuṭṭhīti asantuṭṭhi, asantuṭṭhissa bhāvo asantuṭṭhitā. Yā kusalānaṃ dhammānaṃ bhāvanāya asantuṭṭhassa bhiyyokamyatā, tassā etaṃ adhivacanaṃ. Tāya hi samaṅgibhūto puggalo sīlaṃ pūretvā jhānaṃ uppādeti, jhānaṃ labhitvā vipassanaṃ ārabhati, āraddhavipassako arahattaṃ aggahetvā antarā vosānaṃ nāpajjati, ‘‘alamettāvatā katamettāvatā’’ti saṅkocaṃ na pāpuṇāti. Tenāha ‘‘aññatra arahattamaggā kusalesu dhammesu asantuṭṭhibhāvo’’ti. Tatra aññatra arahattamaggāti arahattamaggasampattaṃ vināti attho. ‘‘Appaṭivānitā ca padhānasmi’’nti idaṃ heṭṭhā vuttanayattā uttānatthamevāti na vibhattaṃ.
๑๗๙. โสฬสเม มุฎฺฐา นฎฺฐา สติ เอตสฺสาติ มุฎฺฐสฺสติ, ตสฺส ภาโว มุฎฺฐสฺสจฺจนฺติ อาห ‘‘มุฎฺฐสฺสจฺจนฺติ มุฎฺฐสฺสติภาโว’’ติฯ มุฎฺฐสฺสติภาโวติ จ สติปฺปฎิปโกฺข ธโมฺม, น สติยา อภาวมตฺตํฯ อสมฺปชญฺญนฺติ ‘‘ตตฺถ กตมํ อสมฺปชญฺญํ? ยํ อญฺญาณํ อทสฺสนํ…เป.… อวิชฺชาลงฺฆี โมโห อกุสลมูล’’นฺติ (ธ. ส. ๑๓๕๗) เอวํ วุตฺตา อวิชฺชาเยวฯ ตถา หิ วิชฺชาปฎิปโกฺข อวิชฺชา วิชฺชาย ปหาตพฺพโต, เอวํ สมฺปชญฺญปฺปฎิปโกฺข อสมฺปชญฺญํ ฯ ยสฺมา ปน สมฺปชญฺญปฺปฎิปเกฺข สติ ตสฺส วเสน ญาณสฺส อภาโว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อญฺญาณภาโว’’ติฯ
179. Soḷasame muṭṭhā naṭṭhā sati etassāti muṭṭhassati, tassa bhāvo muṭṭhassaccanti āha ‘‘muṭṭhassaccanti muṭṭhassatibhāvo’’ti. Muṭṭhassatibhāvoti ca satippaṭipakkho dhammo, na satiyā abhāvamattaṃ. Asampajaññanti ‘‘tattha katamaṃ asampajaññaṃ? Yaṃ aññāṇaṃ adassanaṃ…pe… avijjālaṅghī moho akusalamūla’’nti (dha. sa. 1357) evaṃ vuttā avijjāyeva. Tathā hi vijjāpaṭipakkho avijjā vijjāya pahātabbato, evaṃ sampajaññappaṭipakkho asampajaññaṃ . Yasmā pana sampajaññappaṭipakkhe sati tassa vasena ñāṇassa abhāvo hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘aññāṇabhāvo’’ti.
๑๘๐. สตฺตรสเม อปิลาปนลกฺขณา สตีติ อุทเก ลาพุ วิย เยน จิตฺตํ อารมฺมเณ ปิลวิตฺวา วิย ติฎฺฐติ, น โอคาหติ, ตํ ปิลาปนํฯ น ปิลาปนํ อปิลาปนํ, ตํ ลกฺขณํ สภาโว เอติสฺสาติ อปิลาปนลกฺขณาฯ
180. Sattarasame apilāpanalakkhaṇā satīti udake lābu viya yena cittaṃ ārammaṇe pilavitvā viya tiṭṭhati, na ogāhati, taṃ pilāpanaṃ. Na pilāpanaṃ apilāpanaṃ, taṃ lakkhaṇaṃ sabhāvo etissāti apilāpanalakkhaṇā.
สมาปตฺติวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Samāpattivaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
ตติยปณฺณาสกํ นิฎฺฐิตํฯ
Tatiyapaṇṇāsakaṃ niṭṭhitaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / (๑๕) ๕. สมาปตฺติวโคฺค • (15) 5. Samāpattivaggo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / (๑๕) ๕. สมาปตฺติวคฺควณฺณนา • (15) 5. Samāpattivaggavaṇṇanā