Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā

    ๑๖. สมาโรปนหารวิภงฺควณฺณนา

    16. Samāropanahāravibhaṅgavaṇṇanā

    ๕๐. ตตฺถ กตโม สมาโรปโน หาโรติ สมาโรปนหารวิภโงฺคฯ ตตฺถ เอกสฺมิํ ปทฎฺฐาเนติ ยสฺมิํ กิสฺมิญฺจิ เอกสฺมิํ การณภูเต ธเมฺม สุเตฺตน คหิเตฯ ยตฺตกานิ ปทฎฺฐานานิ โอตรนฺตีติ ยตฺตกานิ อเญฺญสํ การณภูตานิ ตสฺมิํ ธเมฺม สโมสรนฺติฯ สพฺพานิ ตานิ สมาโรปยิตพฺพานีติ สพฺพานิ ตานิ ปทฎฺฐานานิ ปทฎฺฐานภูตา ธมฺมา สมฺมา นิทฺธารณวเสน อาเนตฺวา เทสนาย อาโรเปตพฺพา, เทสนารุเฬฺห วิย กตฺวา กเถตพฺพาติ อโตฺถฯ ยถา อาวเฎฺฎ หาเร ‘‘เอกมฺหิ ปทฎฺฐาเน, ปริเยสติ เสสกํ ปทฎฺฐาน’’นฺติ (เนตฺติ. ๔ นิเทฺทสวาร) วจนโต อเนเกสํ ปทฎฺฐานานํ ปริเยสนา วุตฺตา, เอวมิธาปิ พหูนํ ปทฎฺฐานานํ สมาโรปนา กาตพฺพาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา อาวเฎฺฎ หาเร’’ติ อาหฯ น เกวลํ ปทฎฺฐานวเสเนว สมาโรปนา, อถ โข เววจนภาวนาปหานวเสนปิ สมาโรปนา กาตพฺพาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถ สมาโรปนา จตุพฺพิธา’’ติอาทิมาหฯ

    50.Tatthakatamo samāropano hāroti samāropanahāravibhaṅgo. Tattha ekasmiṃ padaṭṭhāneti yasmiṃ kismiñci ekasmiṃ kāraṇabhūte dhamme suttena gahite. Yattakāni padaṭṭhānāni otarantīti yattakāni aññesaṃ kāraṇabhūtāni tasmiṃ dhamme samosaranti. Sabbāni tāni samāropayitabbānīti sabbāni tāni padaṭṭhānāni padaṭṭhānabhūtā dhammā sammā niddhāraṇavasena ānetvā desanāya āropetabbā, desanāruḷhe viya katvā kathetabbāti attho. Yathā āvaṭṭe hāre ‘‘ekamhi padaṭṭhāne, pariyesati sesakaṃ padaṭṭhāna’’nti (netti. 4 niddesavāra) vacanato anekesaṃ padaṭṭhānānaṃ pariyesanā vuttā, evamidhāpi bahūnaṃ padaṭṭhānānaṃ samāropanā kātabbāti dassento ‘‘yathā āvaṭṭe hāre’’ti āha. Na kevalaṃ padaṭṭhānavaseneva samāropanā, atha kho vevacanabhāvanāpahānavasenapi samāropanā kātabbāti dassento ‘‘tattha samāropanā catubbidhā’’tiādimāha.

    กสฺมา ปเนตฺถ ปทฎฺฐานเววจนานิ คหิตานิ, นนุ ปทฎฺฐานเววจนหาเร เอว อยมโตฺถ วิภาวิโตติ? สจฺจเมตํ, อิธ ปน ปทฎฺฐานเววจนคฺคหณํ ภาวนาปหานานํ อธิฎฺฐานวิสยทสฺสนตฺถเญฺจว เตสํ อธิวจนวิภาคทสฺสนตฺถญฺจฯ เอวญฺหิ ภาวนาปหานานิ สุวิเญฺญยฺยานิ โหนฺติ สุกรานิ จ ปญฺญาเปตุํฯ อิทํ ปทฎฺฐานนฺติ อิทํ ติวิธํ สุจริตํ พุทฺธานํ สาสนสฺส โอวาทสฺส วิสยาธิฎฺฐานภาวโต ปทฎฺฐานํฯ ตตฺถ ‘‘กายิก’’นฺติอาทินา ตีหิ สุจริเตหิ สีลาทโย ตโย ขเนฺธ สมถวิปสฺสนา ตติยจตุตฺถผลานิ จ นิทฺธาเรตฺวา ทเสฺสติ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ วนียตีติ วนํ, วนติ, วนุเต อิติ วา วนํฯ ตตฺถ ยสฺมา ปญฺจ กามคุณา กามตณฺหาย, นิมิตฺตคฺคาโห อนุพฺยญฺชนคฺคาหสฺส, อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ ตปฺปฎิพนฺธฉนฺทราคาทีนํ, อนุสยา จ ปริยุฎฺฐานานํ การณานิ โหนฺติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปญฺจ กามคุณา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Kasmā panettha padaṭṭhānavevacanāni gahitāni, nanu padaṭṭhānavevacanahāre eva ayamattho vibhāvitoti? Saccametaṃ, idha pana padaṭṭhānavevacanaggahaṇaṃ bhāvanāpahānānaṃ adhiṭṭhānavisayadassanatthañceva tesaṃ adhivacanavibhāgadassanatthañca. Evañhi bhāvanāpahānāni suviññeyyāni honti sukarāni ca paññāpetuṃ. Idaṃ padaṭṭhānanti idaṃ tividhaṃ sucaritaṃ buddhānaṃ sāsanassa ovādassa visayādhiṭṭhānabhāvato padaṭṭhānaṃ. Tattha ‘‘kāyika’’ntiādinā tīhi sucaritehi sīlādayo tayo khandhe samathavipassanā tatiyacatutthaphalāni ca niddhāretvā dasseti, taṃ suviññeyyameva. Vanīyatīti vanaṃ, vanati, vanute iti vā vanaṃ. Tattha yasmā pañca kāmaguṇā kāmataṇhāya, nimittaggāho anubyañjanaggāhassa, ajjhattikabāhirāni āyatanāni tappaṭibandhachandarāgādīnaṃ, anusayā ca pariyuṭṭhānānaṃ kāraṇāni honti, tasmā tamatthaṃ dassetuṃ ‘‘pañca kāmaguṇā’’tiādi vuttaṃ.

    ๕๑. อยํ เววจเนน สมาโรปนาติ โย ‘‘ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ เสกฺขผลํ, อนาคามิผลํ, กามธาตุสมติกฺกมน’’นฺติ เอเตหิ ปริยายวจเนหิ ตติยผลสฺส นิเทฺทโส, ตถา โย ‘‘อวิชฺชาวิราคา ปญฺญาวิมุตฺติ อเสกฺขผลํ, อคฺคผลํ อรหตฺตํ, เตธาตุกสมติกฺกมน’’นฺติ เอเตหิ ปริยายวจเนหิ จตุตฺถผลสฺส นิเทฺทโส, โย จ ‘‘ปญฺญินฺทฺริย’’นฺติอาทีหิ ปริยายวจเนหิ ปญฺญาย นิเทฺทโส, อยํ เววจเนหิ จ สมาโรปนาฯ

    51.Ayaṃ vevacanena samāropanāti yo ‘‘rāgavirāgā cetovimutti sekkhaphalaṃ, anāgāmiphalaṃ, kāmadhātusamatikkamana’’nti etehi pariyāyavacanehi tatiyaphalassa niddeso, tathā yo ‘‘avijjāvirāgā paññāvimutti asekkhaphalaṃ, aggaphalaṃ arahattaṃ, tedhātukasamatikkamana’’nti etehi pariyāyavacanehi catutthaphalassa niddeso, yo ca ‘‘paññindriya’’ntiādīhi pariyāyavacanehi paññāya niddeso, ayaṃ vevacanehi ca samāropanā.

    ตสฺมาติห ตฺวํ, ภิกฺขุ, กาเย กายานุปสฺสี วิหราหีติอาทิ ลกฺขณหารวิภงฺควณฺณนายํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ เกวลํ ตตฺถ เอกลกฺขณตฺตา อวุตฺตานมฺปิ วุตฺตภาวทสฺสนวเสเนว อาคตํ, อิธ ภาวนาสมาโรปนวเสนาติ อยเมว วิเสโสฯ กายานุปสฺสนา วิเสสโต อสุภานุปสฺสนา เอว กามราคตเทกฎฺฐกิเลสานํ เอกนฺตปฎิปกฺขาติ อสุภสญฺญา กพฬีการาหารปริญฺญาย ปริพนฺธกิเลสา กามุปาทานํ กามโยโค อภิชฺฌากายคโนฺถ กามาสโว กาโมโฆ ราคสลฺลํ รูปธมฺมปริญฺญาย ปฎิปกฺขกิเลสา รูปธเมฺมสุ ราโค ฉนฺทาคติคมนนฺติ เอเตสํ ปาปธมฺมานํ ปหานาย สํวตฺตตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘กาเย กายานุปสฺสี วิหรโนฺต’’ติอาทินาฯ

    Tasmātiha tvaṃ, bhikkhu, kāye kāyānupassī viharāhītiādi lakkhaṇahāravibhaṅgavaṇṇanāyaṃ vuttanayena veditabbaṃ. Kevalaṃ tattha ekalakkhaṇattā avuttānampi vuttabhāvadassanavaseneva āgataṃ, idha bhāvanāsamāropanavasenāti ayameva viseso. Kāyānupassanā visesato asubhānupassanā eva kāmarāgatadekaṭṭhakilesānaṃ ekantapaṭipakkhāti asubhasaññā kabaḷīkārāhārapariññāya paribandhakilesā kāmupādānaṃ kāmayogo abhijjhākāyagantho kāmāsavo kāmogho rāgasallaṃ rūpadhammapariññāya paṭipakkhakilesā rūpadhammesu rāgo chandāgatigamananti etesaṃ pāpadhammānaṃ pahānāya saṃvattatīti imamatthaṃ dasseti ‘‘kāye kāyānupassī viharanto’’tiādinā.

    ตถา เวทนานุปสฺสนา วิเสสโต ทุกฺขานุปสฺสนาติ, สา –

    Tathā vedanānupassanā visesato dukkhānupassanāti, sā –

    ‘‘โย สุขํ ทุกฺขโต อทฺท, ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโต;

    ‘‘Yo sukhaṃ dukkhato adda, dukkhamaddakkhi sallato;

    อทุกฺขมสุขํ สนฺตํ, อทกฺขิ นํ อนิจฺจโต’’ติฯ (สํ. นิ. ๔.๒๕๓; อิติวุ. ๕๓) –

    Adukkhamasukhaṃ santaṃ, adakkhi naṃ aniccato’’ti. (saṃ. ni. 4.253; itivu. 53) –

    อาทิวจนโต สพฺพํ เวทนํ ‘‘ทุกฺข’’นฺติ ปสฺสนฺตี สุขสญฺญาย เวทนาเหตุปริญฺญาย ปริพนฺธกิเลสานํ โคสีลาทีหิ ภวสุทฺธิ โหตีติ เวทนาสฺสาเทน ปวตฺตสฺส ภวุปาทานสงฺขาตสฺส สีลพฺพตุปาทานสฺส เวทนาวเสน ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทินยปฺปวตฺตสฺส (ที. นิ. ๓.๓๔๐; อ. นิ. ๙.๒๙; ๑๐.๗๙; ธ. ส. ๑๒๓๗; วิภ. ๙๐๙, ๙๖๐) พฺยาปาทกายคนฺถสฺส โทสสลฺลสฺส เวทนาสฺสาทวเสเนว ปวตฺตสฺส ภวโยคภวาภวภโวฆสงฺขาตสฺส ภวราคสฺส ภวปริญฺญาย ปริพนฺธกกิเลสานํ เวทนาวิสยสฺส ราคสฺส โทสาคติคมนสฺส จ ปหานาย สํวตฺตตีติ เอตมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี’’ติอาทินาฯ

    Ādivacanato sabbaṃ vedanaṃ ‘‘dukkha’’nti passantī sukhasaññāya vedanāhetupariññāya paribandhakilesānaṃ gosīlādīhi bhavasuddhi hotīti vedanāssādena pavattassa bhavupādānasaṅkhātassa sīlabbatupādānassa vedanāvasena ‘‘anatthaṃ me acarī’’tiādinayappavattassa (dī. ni. 3.340; a. ni. 9.29; 10.79; dha. sa. 1237; vibha. 909, 960) byāpādakāyaganthassa dosasallassa vedanāssādavaseneva pavattassa bhavayogabhavābhavabhavoghasaṅkhātassa bhavarāgassa bhavapariññāya paribandhakakilesānaṃ vedanāvisayassa rāgassa dosāgatigamanassa ca pahānāya saṃvattatīti etamatthaṃ dasseti ‘‘vedanāsu vedanānupassī’’tiādinā.

    ตถา จิตฺตานุปสฺสนา วิเสสโต อนิจฺจานุปสฺสนาติ, สา จิตฺตํ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ ปสฺสนฺตี ตตฺถ เยภุเยฺยน สตฺตา นิจฺจสญฺญิโนติ นิจฺจสญฺญาย วิญฺญาณาหารปริญฺญาย ปริพนฺธกิเลสานํ นิจฺจาภินิเวสปฎิปกฺขโต เอว ทิฎฺฐุปาทานํ ทิฎฺฐิโยคสีลพฺพตปรามาสกายคนฺถทิฎฺฐาสวทิโฎฺฐฆสงฺขาตาย ทิฎฺฐิยา นิจฺจสญฺญานิมิตฺตสฺส ‘‘เสโยฺยหมสฺมี’’ติอาทินยปฺปวตฺตสฺส (ธ. ส. ๑๒๓๙; วิภ. ๘๓๒, ๘๖๖, ๙๖๒) มานสลฺลสฺส สญฺญาปริญฺญาย ปฎิปกฺขกิเลสานํ สญฺญาย ราคสฺส ทิฎฺฐาภินิเวสสฺส อปฺปหีนตฺตา อุปฺปชฺชนกสฺส ภยาคติคมนสฺส จ ปหานาย สํวตฺตตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี’’ติอาทินาฯ

    Tathā cittānupassanā visesato aniccānupassanāti, sā cittaṃ ‘‘anicca’’nti passantī tattha yebhuyyena sattā niccasaññinoti niccasaññāya viññāṇāhārapariññāya paribandhakilesānaṃ niccābhinivesapaṭipakkhato eva diṭṭhupādānaṃ diṭṭhiyogasīlabbataparāmāsakāyaganthadiṭṭhāsavadiṭṭhoghasaṅkhātāya diṭṭhiyā niccasaññānimittassa ‘‘seyyohamasmī’’tiādinayappavattassa (dha. sa. 1239; vibha. 832, 866, 962) mānasallassa saññāpariññāya paṭipakkhakilesānaṃ saññāya rāgassa diṭṭhābhinivesassa appahīnattā uppajjanakassa bhayāgatigamanassa ca pahānāya saṃvattatīti imamatthaṃ dasseti ‘‘citte cittānupassī’’tiādinā.

    ตถา ธมฺมานุปสฺสนา วิเสสโต อนตฺตสญฺญาติ, สา สงฺขาเรสุ อตฺตสญฺญาย มโนสเญฺจตนาหารปริญฺญาย ปฎิปกฺขกิเลสานํ สกฺกายทิฎฺฐิยา ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗, ๒๐๒-๒๐๓; ๓.๒๗) ปวตฺตสฺส มิจฺฉาภินิเวสสฺส มิจฺฉาภินิเวสเหตุกาย อวิชฺชาโยคอวิชฺชาสวอวิโชฺชฆโมหสลฺลสงฺขาตาย อวิชฺชาย สงฺขารปริญฺญาย ปริพนฺธกิเลสานํ สงฺขาเรสุ ราคสฺส โมหาคติคมนสฺส จ ปหานาย สํวตฺตตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรโนฺต’’ติอาทินาฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ

    Tathā dhammānupassanā visesato anattasaññāti, sā saṅkhāresu attasaññāya manosañcetanāhārapariññāya paṭipakkhakilesānaṃ sakkāyadiṭṭhiyā ‘‘idameva sacca’’nti (ma. ni. 2.187, 202-203; 3.27) pavattassa micchābhinivesassa micchābhinivesahetukāya avijjāyogaavijjāsavaavijjoghamohasallasaṅkhātāya avijjāya saṅkhārapariññāya paribandhakilesānaṃ saṅkhāresu rāgassa mohāgatigamanassa ca pahānāya saṃvattatīti imamatthaṃ dasseti ‘‘dhammesu dhammānupassī viharanto’’tiādinā. Sesaṃ uttānameva.

    สมาโรปนหารวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Samāropanahāravibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิตา จ หารวิภงฺควณฺณนาฯ

    Niṭṭhitā ca hāravibhaṅgavaṇṇanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๑๖. สมาโรปนหารวิภโงฺค • 16. Samāropanahāravibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๑๖. สมาโรปนหารวิภงฺควณฺณนา • 16. Samāropanahāravibhaṅgavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๑๖. สมาโรปนหารวิภงฺควิภาวนา • 16. Samāropanahāravibhaṅgavibhāvanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact