Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī |
๑๖. สมาโรปนหารวิภงฺควิภาวนา
16. Samāropanahāravibhaṅgavibhāvanā
๕๐. เยน เยน สํวณฺณนาวิเสสภูเตน ปริกฺขารหารวิภเงฺคน สุตฺตตฺถานํ เหตุปจฺจโย วิภโตฺต, โส…เป.… วิภโงฺค ปริปุโณฺณ, ‘‘กตโม สมาโรปนหารวิภโงฺค’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตโม สมาโรปโน หาโร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เตสุ นิทฺทิเฎฺฐสุ โสฬสสุ เทสนาหาราทีสุ กตโม สํวณฺณนาวิเสโส สมาโรปโน หาโร สมาโรปนหารวิภโงฺค นามาติ ปุจฺฉติฯ ‘‘เย ธมฺมา ยํมูลา’’ติอาทินิเทฺทสสฺส อิทานิ มยา วุจฺจมาโน ‘‘เอกสฺมิํ ปทฎฺฐาเน ยตฺตกานิ ปทฎฺฐานานิ โอตรนฺตี’’ติอาทิโก วิตฺถารสํวณฺณนาวิเสโส สมาโรปนหารวิภโงฺค นามฯ
50. Yena yena saṃvaṇṇanāvisesabhūtena parikkhārahāravibhaṅgena suttatthānaṃ hetupaccayo vibhatto, so…pe… vibhaṅgo paripuṇṇo, ‘‘katamo samāropanahāravibhaṅgo’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamo samāropano hāro’’tiādi vuttaṃ. Tattha tesu niddiṭṭhesu soḷasasu desanāhārādīsu katamo saṃvaṇṇanāviseso samāropano hāro samāropanahāravibhaṅgo nāmāti pucchati. ‘‘Ye dhammā yaṃmūlā’’tiādiniddesassa idāni mayā vuccamāno ‘‘ekasmiṃ padaṭṭhāne yattakāni padaṭṭhānāni otarantī’’tiādiko vitthārasaṃvaṇṇanāviseso samāropanahāravibhaṅgo nāma.
‘‘กิตฺตเก ปทฎฺฐาเน สุเตฺต วุเตฺต กิตฺตกานิ ปทฎฺฐานานิ สมาโรปยิตพฺพานี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘เอกสฺมิํ ปทฎฺฐาเน’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอกสฺมิํ ปทฎฺฐาเน สุเตฺต วุเตฺต สติ อวุตฺตานิ ยตฺตกานิ ปทฎฺฐานานิ โอตรนฺติ สโมสรนฺติ, สพฺพานิ ตานิ อวุตฺตานิ ปทฎฺฐานานิ สุเตฺต วุตฺตานิ วิย นิทฺธารณวเสน อาเนตฺวา เทสนาย อาโรปยิตพฺพานิฯ ‘‘กานิ วิย สมาโรปยิตพฺพานี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ยถา อาวเฎฺฎ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อาวเฎฺฎ หาเร เอกสฺมิํ ปทฎฺฐาเน สุเตฺต วุเตฺต สติ สุเตฺต อวุตฺตานิ พหุกานิ ปทฎฺฐานานิ โอตรนฺติ, ตานิ พหุกานิ ปทฎฺฐานานิ ปริเยสิตพฺพานิ ยถา, เอวํ สมาโรปเน หาเรปิ พหุกานิ ปทฎฺฐานานิ เทสนาย สมาโรปยิตพฺพานีติ อโตฺถฯ
‘‘Kittake padaṭṭhāne sutte vutte kittakāni padaṭṭhānāni samāropayitabbānī’’ti pucchitabbattā ‘‘ekasmiṃ padaṭṭhāne’’tiādi vuttaṃ. Ekasmiṃ padaṭṭhāne sutte vutte sati avuttāni yattakāni padaṭṭhānāni otaranti samosaranti, sabbāni tāni avuttāni padaṭṭhānāni sutte vuttāni viya niddhāraṇavasena ānetvā desanāya āropayitabbāni. ‘‘Kāni viya samāropayitabbānī’’ti vattabbattā ‘‘yathā āvaṭṭe’’tiādi vuttaṃ. Āvaṭṭe hāre ekasmiṃ padaṭṭhāne sutte vutte sati sutte avuttāni bahukāni padaṭṭhānāni otaranti, tāni bahukāni padaṭṭhānāni pariyesitabbāni yathā, evaṃ samāropane hārepi bahukāni padaṭṭhānāni desanāya samāropayitabbānīti attho.
‘‘เกวลํ ปน ปทฎฺฐานวเสเนว สมาโรปนา กาตพฺพา กิํ, อุทาหุ อญฺญวเสนาปิ สมาโรปนา กาตพฺพา กิ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา อญฺญวเสนาปิ สมาโรปนา กาตพฺพา; ตสฺมา สมาโรปนา จตุพฺพิธา กาตพฺพาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถ สมาโรปนา จตุพฺพิธา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตาสุ สมาโรปยิตพฺพสมาโรปนาสุ ปทฎฺฐานํ ปทฎฺฐานสมาโรปนา, เววจนํ เววจนสมาโรปนา, ภาวนา ภาวนาสมาโรปนา, ปหานํ ปหานสมาโรปนา, อิติ อิมินา ปเภเทน สมาโรปนา จตุพฺพิธา กาตพฺพาฯ
‘‘Kevalaṃ pana padaṭṭhānavaseneva samāropanā kātabbā kiṃ, udāhu aññavasenāpi samāropanā kātabbā ki’’nti vattabbattā aññavasenāpi samāropanā kātabbā; tasmā samāropanā catubbidhā kātabbāti dassento ‘‘tattha samāropanā catubbidhā’’tiādimāha. Tattha tatthāti tāsu samāropayitabbasamāropanāsu padaṭṭhānaṃ padaṭṭhānasamāropanā, vevacanaṃ vevacanasamāropanā, bhāvanā bhāvanāsamāropanā, pahānaṃ pahānasamāropanā, iti iminā pabhedena samāropanā catubbidhā kātabbā.
‘‘ตาสุ จตุพฺพิธาสุ สมาโรปนาสุ กตมา ปทฎฺฐานสมาโรปนา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ตถา ปุจฺฉิตฺวา ปทฎฺฐานสมาโรปนํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ กตมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สุเตฺต วุเตฺตน ปทฎฺฐาเนน สุเตฺต อวุตฺตานํ ปทฎฺฐานานํ สมาโรปนา กตมาติ ปุจฺฉติฯ
‘‘Tāsu catubbidhāsu samāropanāsu katamā padaṭṭhānasamāropanā’’ti pucchitabbattā tathā pucchitvā padaṭṭhānasamāropanaṃ dassetuṃ ‘‘tatthakatamā’’tiādi vuttaṃ. Sutte vuttena padaṭṭhānena sutte avuttānaṃ padaṭṭhānānaṃ samāropanā katamāti pucchati.
สพฺพปาปสฺส อกุสลสฺส ยํ อกรณํ อกรณเหตุ สาสนํ อตฺถิ, เอตํ สาสนํ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท โหติ, อถ วา อกรณํ อกรณตฺถาย ยํ สาสนํ อตฺถิ, เอตํ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท โหติ, น ยสฺส กสฺสจิ สาสนนฺติ อโตฺถฯ อกรณนฺติ หิ สมฺปทานเตฺถ ปวตฺตํ ปจฺจตฺตวจนํ ยถา ‘‘กิสฺส อตฺถาย กิมตฺถ’’นฺติฯ กุสลสฺส สมฺปทา สมฺปทาย ยํ สาสนํ อตฺถิ, เอตํ พุทฺธานํ สาสนํฯ สจิตฺตปริโยทาปนํ สจิตฺตปริโยทาปนตฺถํ ยํ สาสนํ อตฺถิ, เอตํ พุทฺธานํ สาสนํ โหติฯ
Sabbapāpassa akusalassa yaṃ akaraṇaṃ akaraṇahetu sāsanaṃ atthi, etaṃ sāsanaṃ buddhānaṃ sāsanaṃ ovādo hoti, atha vā akaraṇaṃ akaraṇatthāya yaṃ sāsanaṃ atthi, etaṃ buddhānaṃ sāsanaṃ ovādo hoti, na yassa kassaci sāsananti attho. Akaraṇanti hi sampadānatthe pavattaṃ paccattavacanaṃ yathā ‘‘kissa atthāya kimattha’’nti. Kusalassa sampadā sampadāya yaṃ sāsanaṃ atthi, etaṃ buddhānaṃ sāsanaṃ. Sacittapariyodāpanaṃ sacittapariyodāpanatthaṃ yaṃ sāsanaṃ atthi, etaṃ buddhānaṃ sāsanaṃ hoti.
อิติ เอวํปกาเรน วุตฺตสฺส ตสฺส สาสนสฺส กิํ ปทฎฺฐานนฺติ วิเสสสฺส วิเสสปทฎฺฐานํ ปุน ปุจฺฉติฯ อิทํ สุจริตตฺตยํ สาสนสฺส โอวาทสฺส ปทฎฺฐานํ สุจริตตฺตเยน เหตุนา สาสนตฺตาติ ทฎฺฐพฺพํ ยถา ‘‘อเนฺนน วสตี’’ติอาทิฯ ‘‘สุจริตตฺตเย ปทฎฺฐาเน วุเตฺต กตมํ ปทฎฺฐานํ สมาโรปยิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ ยํ กายิกญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิทํ ขนฺธตฺตยํ สาสนสฺส ปทฎฺฐานํ สมาโรปยิตพฺพํ, ‘‘ขนฺธตฺตเย ปทฎฺฐาเน สมาโรปยิเต กตมํ สมาโรปยิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ สีลกฺขโนฺธ จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิทํ สมถวิปสฺสนาทฺวยํ สาสนสฺส ปทฎฺฐานํ สมาโรปยิตพฺพํฯ ‘‘สมถวิปสฺสนาทฺวเย ปทฎฺฐาเน สมาโรปยิเต กตมํ ปทฎฺฐานํ สมาโรปยิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ สมถสฺส ผล’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อิทํ ผลทฺวยํ สาสนสฺส ปทฎฺฐานํ สมาโรปยิตพฺพํฯ
Iti evaṃpakārena vuttassa tassa sāsanassa kiṃ padaṭṭhānanti visesassa visesapadaṭṭhānaṃ puna pucchati. Idaṃ sucaritattayaṃ sāsanassa ovādassa padaṭṭhānaṃ sucaritattayena hetunā sāsanattāti daṭṭhabbaṃ yathā ‘‘annena vasatī’’tiādi. ‘‘Sucaritattaye padaṭṭhāne vutte katamaṃ padaṭṭhānaṃ samāropayitabba’’nti pucchitabbattā ‘‘tattha yaṃ kāyikañcā’’tiādi vuttaṃ. Idaṃ khandhattayaṃ sāsanassa padaṭṭhānaṃ samāropayitabbaṃ, ‘‘khandhattaye padaṭṭhāne samāropayite katamaṃ samāropayitabba’’nti pucchitabbattā ‘‘tattha sīlakkhandho cā’’tiādi vuttaṃ. Idaṃ samathavipassanādvayaṃ sāsanassa padaṭṭhānaṃ samāropayitabbaṃ. ‘‘Samathavipassanādvaye padaṭṭhāne samāropayite katamaṃ padaṭṭhānaṃ samāropayitabba’’nti pucchitabbattā ‘‘tattha samathassa phala’’ntiādi vuttaṃ. Idaṃ phaladvayaṃ sāsanassa padaṭṭhānaṃ samāropayitabbaṃ.
สาสนสฺส ปทฎฺฐานานิ สมาโรปยิตพฺพานีติ อาจริเยน นิทฺธาเรตฺวา วิภตฺตานิ, อเมฺหหิ จ ญาตานิ, ‘‘อิทานิ กตมสฺส กตมํ ปทฎฺฐานํ สมาโรปยิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘วนํ วนถสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิทํ กามคุณปญฺจกํ วนํ ตณฺหาภูตสฺส วนถสฺส ปทฎฺฐานํ ตณฺหาวตฺถุภาวโต, ‘‘อิตฺถี’’ติ วา ‘‘ปุริโส’’ติ วา นิมิตฺตคฺคาหสงฺขาตํ อิทํ วนํ ‘‘อโห จกฺขุ, อโห โสตํ, อโห ฆานํ, อโห ชิวฺหา, อโห กาโย’’ติ เตสํ เตสํ องฺคปจฺจงฺคานํ อนุพฺยญฺชนคฺคาหสงฺขาตสฺส วนถสฺส ปทฎฺฐานํ สมาโรปยิตพฺพํฯ อปริญฺญาตํ ทฺวาทสายตนสงฺขาตํ อิทํ วนํ สํโยชนสงฺขาตสฺส วนถสฺส ปทฎฺฐานํ สมาโรปยิตพฺพํ, อายตนํ ปฎิจฺจ สํโยชนุปฺปชฺชนโต อนุสยสงฺขาตํ อิทํ วนํ ปริยุฎฺฐานสงฺขาตสฺส วนถสฺส ปทฎฺฐานํ สมาโรปยิตพฺพํฯ ‘‘ปญฺจกามคุณาทีนํ วนภาโว จ ตณฺหาทีนํ วนถภาโว จ เกน อเมฺหหิ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตนาห ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตน ปญฺจกามคุณาทีนํ วนภาเวน จ ตณฺหาทีนํ วนถภาเวน จ ภควา ‘‘เฉตฺวา วนญฺจ วนถญฺจา’’ติ ยํ วจนํ อาห, เตน ภควโต วจเนน วจนานุสาเรน สทฺทหิตโพฺพติฯ อยนฺติ อยํ ‘‘เอกสฺมิํ ปทฎฺฐาเน’’ติอาทิสํวณฺณนาฯ ปทฎฺฐาเนนาติ เอเกเกน ปทฎฺฐาเนนฯ สมาโรปนาติ ตทญฺญปทฎฺฐานานํ สมาโรปนา ฯ สมาโรเปนฺติ สมาโรปยิตพฺพานิ เอตาย สํวณฺณนายาติ สมาโรปนาติ วิคฺคโหติฯ (๑)
Sāsanassa padaṭṭhānāni samāropayitabbānīti ācariyena niddhāretvā vibhattāni, amhehi ca ñātāni, ‘‘idāni katamassa katamaṃ padaṭṭhānaṃ samāropayitabba’’nti pucchitabbattā ‘‘vanaṃ vanathassā’’tiādi vuttaṃ. Idaṃ kāmaguṇapañcakaṃ vanaṃ taṇhābhūtassa vanathassa padaṭṭhānaṃ taṇhāvatthubhāvato, ‘‘itthī’’ti vā ‘‘puriso’’ti vā nimittaggāhasaṅkhātaṃ idaṃ vanaṃ ‘‘aho cakkhu, aho sotaṃ, aho ghānaṃ, aho jivhā, aho kāyo’’ti tesaṃ tesaṃ aṅgapaccaṅgānaṃ anubyañjanaggāhasaṅkhātassa vanathassa padaṭṭhānaṃ samāropayitabbaṃ. Apariññātaṃ dvādasāyatanasaṅkhātaṃ idaṃ vanaṃ saṃyojanasaṅkhātassa vanathassa padaṭṭhānaṃ samāropayitabbaṃ, āyatanaṃ paṭicca saṃyojanuppajjanato anusayasaṅkhātaṃ idaṃ vanaṃ pariyuṭṭhānasaṅkhātassa vanathassa padaṭṭhānaṃ samāropayitabbaṃ. ‘‘Pañcakāmaguṇādīnaṃ vanabhāvo ca taṇhādīnaṃ vanathabhāvo ca kena amhehi saddahitabbo’’ti vattabbattā ‘‘tenāha bhagavā’’tiādi vuttaṃ. Tena pañcakāmaguṇādīnaṃ vanabhāvena ca taṇhādīnaṃ vanathabhāvena ca bhagavā ‘‘chetvā vanañca vanathañcā’’ti yaṃ vacanaṃ āha, tena bhagavato vacanena vacanānusārena saddahitabboti. Ayanti ayaṃ ‘‘ekasmiṃ padaṭṭhāne’’tiādisaṃvaṇṇanā. Padaṭṭhānenāti ekekena padaṭṭhānena. Samāropanāti tadaññapadaṭṭhānānaṃ samāropanā . Samāropenti samāropayitabbāni etāya saṃvaṇṇanāyāti samāropanāti viggahoti. (1)
๕๑. ปทฎฺฐาเนน สมาโรปนา อาจริเยน นิทฺทิฎฺฐา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘กตมา เววจเนน สมาโรปนา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตมา เววจเนนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ ตาสุ จตูสุ ปทฎฺฐานสมาโรปนาทีสุ สมาโรปนาสุ เววจเนน เอเกเกน โรตทญฺญเววจนานํ สมาโรปนา กตมาติ ปุจฺฉติฯ ‘‘ราควิราคา’’ติ จ ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ จ ‘‘เสกฺขผล’’นฺติ จ อิทํ วจนตฺตยํ อนาคามิผลตฺถตฺตา อนาคามิผลสฺส เววจนํฯ ‘‘อวิชฺชาวิราคา’’ติ จ ‘‘ปญฺญาวิมุตฺตี’’ติ จ ‘‘อเสกฺขผล’’นฺติ จ อิทํ วจนตฺตยํ อรหตฺตผลตฺถตฺตา อรหตฺตผลสฺส เววจนํฯ อิมินา นเยน เสเสสุ โยชนา กาตพฺพาฯ (๒)
51. Padaṭṭhānena samāropanā ācariyena niddiṭṭhā, amhehi ca ñātā, ‘‘katamā vevacanena samāropanā’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamā vevacanenā’’tiādi vuttaṃ. Tatthāti tāsu catūsu padaṭṭhānasamāropanādīsu samāropanāsu vevacanena ekekena rotadaññavevacanānaṃ samāropanā katamāti pucchati. ‘‘Rāgavirāgā’’ti ca ‘‘cetovimuttī’’ti ca ‘‘sekkhaphala’’nti ca idaṃ vacanattayaṃ anāgāmiphalatthattā anāgāmiphalassa vevacanaṃ. ‘‘Avijjāvirāgā’’ti ca ‘‘paññāvimuttī’’ti ca ‘‘asekkhaphala’’nti ca idaṃ vacanattayaṃ arahattaphalatthattā arahattaphalassa vevacanaṃ. Iminā nayena sesesu yojanā kātabbā. (2)
เววจเนน สมาโรปนา อาจริเยน นิทฺทิฎฺฐา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘กตมา ภาวนาย สมาโรปนา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตมา ภาวนายา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ ตาสุ จตูสุ ปทฎฺฐานสมาโรปนาทีสุ กตมาย เทสิตาย ภาวนาย กตเมสานํ อเทสิตานํ ภาวนาโรปนา กตมาติ ปุจฺฉติฯ ยถา เยน ปกาเรน ยํ ภาวนํ ภควา ‘‘ตสฺมาติห, ตฺวํ ภิกฺขุ, กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ, อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺส’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙, ๓๗๑, ๓๙๕, ๔๑๕) อาห, ตถา เตน ปกาเรน ตาย ภาวนาย ตทญฺญภาวนาปิ สมาโรปยิตพฺพาติ อโตฺถฯ
Vevacanena samāropanā ācariyena niddiṭṭhā, amhehi ca ñātā, ‘‘katamā bhāvanāya samāropanā’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamā bhāvanāyā’’tiādi vuttaṃ. Tatthāti tāsu catūsu padaṭṭhānasamāropanādīsu katamāya desitāya bhāvanāya katamesānaṃ adesitānaṃ bhāvanāropanā katamāti pucchati. Yathā yena pakārena yaṃ bhāvanaṃ bhagavā ‘‘tasmātiha, tvaṃ bhikkhu, kāye kāyānupassī viharati, ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassa’’nti (saṃ. ni. 5.369, 371, 395, 415) āha, tathā tena pakārena tāya bhāvanāya tadaññabhāvanāpi samāropayitabbāti attho.
‘‘ตสฺมาติหา’’ติอาทิปาเฐ ‘‘กิํ ภาวนํ ภควา อาหา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อาตาปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘อาตาปี’’ติ วจเนน วีริยินฺทฺริยํ ภควา อาหฯ ‘‘สมฺปชาโน’’ติ วจเนน ปญฺญินฺทฺริยํ ภควา อาหฯ ‘‘สติมา’’ติ วจเนน สตินฺทฺริยํ อาหฯ ‘‘วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺส’’นฺติ วจเนน สมาธินฺทฺริยํ อาหฯ ‘‘เอวํ วุเตฺต กตมา ภาวนา สมาโรปยิตพฺพา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘เอวํ กาเย กายานุปสฺสิโน วิหรโต จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ เอวํ วุตฺตาย วีริยินฺทฺริยาทิภาวนาย จตฺตาโร สติปฎฺฐานา สมาโรปยิตพฺพาติ อโตฺถฯ เกน การเณน ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺตีติ ปุจฺฉติฯ จตุนฺนํ อินฺทฺริยานํ อินฺทฺริยภาเวน, ภาเวตพฺพภาเวน วา เอกลกฺขณตฺตา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺตีติ วิสฺสเชฺชติฯ ‘‘เตสุ สมาโรปิเตสุ กตเม สมาโรปยิตพฺพา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘จตูสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ ภาวิยมาเนสุ สมาโรปยิตเพฺพสุ จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺตีติ สมาโรปยิตพฺพาติ อโตฺถฯ เสเสสุปิ เอวเมว สมาโรปยิตพฺพาฯ
‘‘Tasmātihā’’tiādipāṭhe ‘‘kiṃ bhāvanaṃ bhagavā āhā’’ti pucchitabbattā ‘‘ātāpī’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Ātāpī’’ti vacanena vīriyindriyaṃ bhagavā āha. ‘‘Sampajāno’’ti vacanena paññindriyaṃ bhagavā āha. ‘‘Satimā’’ti vacanena satindriyaṃ āha. ‘‘Vineyya loke abhijjhādomanassa’’nti vacanena samādhindriyaṃ āha. ‘‘Evaṃ vutte katamā bhāvanā samāropayitabbā’’ti pucchitabbattā ‘‘evaṃ kāye kāyānupassino viharato cattāro satipaṭṭhānā bhāvanāpāripūriṃ gacchantī’’ti vuttaṃ. Evaṃ vuttāya vīriyindriyādibhāvanāya cattāro satipaṭṭhānā samāropayitabbāti attho. Kena kāraṇena bhāvanāpāripūriṃ gacchantīti pucchati. Catunnaṃ indriyānaṃ indriyabhāvena, bhāvetabbabhāvena vā ekalakkhaṇattā bhāvanāpāripūriṃ gacchantīti vissajjeti. ‘‘Tesu samāropitesu katame samāropayitabbā’’ti pucchitabbattā ‘‘catūsū’’tiādi vuttaṃ. Catūsu satipaṭṭhānesu bhāviyamānesu samāropayitabbesu cattāro sammappadhānā bhāvanāpāripūriṃ gacchantīti samāropayitabbāti attho. Sesesupi evameva samāropayitabbā.
ภาวนาย สมาโรปนา อาจริเยน วิภตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘กตมา ปหาเนน สมาโรปนา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ ตาสุ จตูสุ ปทฎฺฐานสมาโรปนาทีสุ กตเมน เทสิเตน ปหาเนน กตเมสํ อเทสิตานํ ปหานานํ กตมา สมาโรปนาติ ปุจฺฉติฯ ‘‘กาเย กายานุปสฺสี วิหรโนฺต อสุเภ ‘สุภ’นฺติ วิปลฺลาสํ ปชหตี’’ติ เทสิเตน ‘‘สุภ’’นฺติ วิปลฺลาสปฺปหาเนน กพฬีการาหารปริญฺญาย ปริพนฺธกิเลสกามุปาทานปฺปหานาทโยปิ สมาโรปยิตพฺพาฯ
Bhāvanāya samāropanā ācariyena vibhattā, amhehi ca ñātā, ‘‘katamā pahānena samāropanā’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamā’’tiādi vuttaṃ. Tatthāti tāsu catūsu padaṭṭhānasamāropanādīsu katamena desitena pahānena katamesaṃ adesitānaṃ pahānānaṃ katamā samāropanāti pucchati. ‘‘Kāye kāyānupassī viharanto asubhe ‘subha’nti vipallāsaṃ pajahatī’’ti desitena ‘‘subha’’nti vipallāsappahānena kabaḷīkārāhārapariññāya paribandhakilesakāmupādānappahānādayopi samāropayitabbā.
‘‘เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรโนฺต ทุเกฺข ‘สุข’นฺติ วิปลฺลาสํ ปชหตี’’ติ เทสิเตน ‘‘สุข’’นฺติ วิปลฺลาสปฺปหาเนน ผสฺสาหารปริญฺญาย ปริพนฺธกิเลสภวุปาทานปฺปหานาทโยปิ สมาโรปยิตพฺพาฯ
‘‘Vedanāsu vedanānupassī viharanto dukkhe ‘sukha’nti vipallāsaṃ pajahatī’’ti desitena ‘‘sukha’’nti vipallāsappahānena phassāhārapariññāya paribandhakilesabhavupādānappahānādayopi samāropayitabbā.
‘‘จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี วิหรโนฺต อนิเจฺจ ‘นิจฺจ’นฺติ วิปลฺลาสํ ปชหตี’’ติ เทสิเตน ‘‘นิจฺจ’’นฺติ วิปลฺลาสปฺปหาเนน วิญฺญาณาหารปริญฺญาย ปริพนฺธกิเลสทิฎฺฐุปาทานปฺปหานาทโยปิ สมาโรปยิตพฺพาฯ
‘‘Citte cittānupassī viharanto anicce ‘nicca’nti vipallāsaṃ pajahatī’’ti desitena ‘‘nicca’’nti vipallāsappahānena viññāṇāhārapariññāya paribandhakilesadiṭṭhupādānappahānādayopi samāropayitabbā.
‘‘ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรโนฺต อนตฺตนิ ‘อตฺตา’ติ วิปลฺลาสํ ปชหตี’’ติ เทสิเตน ‘‘อตฺตา’’ติ วิปลฺลาสปฺปหาเนน มโนสเญฺจตนาหารปริญฺญาย? มโนสเญฺจตนาหารปริญฺญาย ปริพนฺธกิเลสอตฺตวาทุปาทานปฺปหานาทโยปิ สมาโรปยิตพฺพาติ อธิปฺปาโยฯ (๔)
‘‘Dhammesudhammānupassī viharanto anattani ‘attā’ti vipallāsaṃ pajahatī’’ti desitena ‘‘attā’’ti vipallāsappahānena manosañcetanāhārapariññāya? Manosañcetanāhārapariññāya paribandhakilesaattavādupādānappahānādayopi samāropayitabbāti adhippāyo. (4)
ปหานหาโร ปน ลกฺขณหารวิภงฺควณฺณนายํ วุโตฺตเยวาติ อิธ น วทามฯ
Pahānahāro pana lakkhaṇahāravibhaṅgavaṇṇanāyaṃ vuttoyevāti idha na vadāma.
‘‘สุเตฺต เทสิเตน เอเกเกน ปทฎฺฐานาทิเกน อเทสิตานํ ปทฎฺฐานาทีนํ สมาโรปนภาโว เกน อเมฺหหิ วิชานิตโพฺพ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตนาห อายสฺมา’’ติอาทิมาหฯ เตน ตถา สมาโรปนภาเวน อายสฺมา มหากจฺจาโน –
‘‘Sutte desitena ekekena padaṭṭhānādikena adesitānaṃ padaṭṭhānādīnaṃ samāropanabhāvo kena amhehi vijānitabbo saddahitabbo’’ti vattabbattā ‘‘tenāha āyasmā’’tiādimāha. Tena tathā samāropanabhāvena āyasmā mahākaccāno –
‘‘เย ธมฺมา ยํมูลา, เย เจกตฺถา ปกาสิตา มุนินา;
‘‘Ye dhammā yaṃmūlā, ye cekatthā pakāsitā muninā;
เต สมาโรปยิตพฺพา, เอส สมาโรปโน หาโร’’ติ –
Te samāropayitabbā, esa samāropano hāro’’ti –
ยํ วจนํ อาห, เตน วจเนน วจนานุสาเรน ตถา สมาโรปนภาโว ตุเมฺหหิ วิชานิตโพฺพ สทฺทหิตโพฺพติ วุตฺตํ โหติฯ
Yaṃ vacanaṃ āha, tena vacanena vacanānusārena tathā samāropanabhāvo tumhehi vijānitabbo saddahitabboti vuttaṃ hoti.
‘‘กิํ ปน เอตฺตาวตา สมาโรปโน หาโร ปริปุโณฺณ, อโญฺญ นิยุโตฺต นตฺถี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘นิยุโตฺต สมาโรปโน หาโร’’ติ วุตฺตํฯ สุเตฺต เทสิเตน นเยน ปทฎฺฐานาทิเกน อเทสิตานิ ปทฎฺฐานานิ สมาโรปยิตพฺพานิ ภวนฺติ, เตน เตน ปทฎฺฐานาทิเกน อเทสิตานํ ปทฎฺฐานาทีนํ สมาโรปโน หาโร นิยุโตฺต นิทฺธาเรตฺวา ยุญฺชิตโพฺพติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
‘‘Kiṃ pana ettāvatā samāropano hāro paripuṇṇo, añño niyutto natthī’’ti vattabbattā ‘‘niyutto samāropano hāro’’ti vuttaṃ. Sutte desitena nayena padaṭṭhānādikena adesitāni padaṭṭhānāni samāropayitabbāni bhavanti, tena tena padaṭṭhānādikena adesitānaṃ padaṭṭhānādīnaṃ samāropano hāro niyutto niddhāretvā yuñjitabboti attho daṭṭhabbo.
อิติ สมาโรปนหารวิภเงฺค สตฺติพลานุรูปา รจิตา
Iti samāropanahāravibhaṅge sattibalānurūpā racitā
วิภาวนา นิฎฺฐิตาฯ
Vibhāvanā niṭṭhitā.
ปณฺฑิเตหิ ปน อฎฺฐกถาฎีกานุสาเรน คมฺภีรโตฺถ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา คเหตโพฺพฯ
Paṇḍitehi pana aṭṭhakathāṭīkānusārena gambhīrattho vitthārato vibhajitvā gahetabbo.
อิเม ยถาวุตฺตา โสฬส สํวณฺณนาวิเสสา สํวเณฺณตพฺพเตฺถสุ อญฺญาณสํสยานํ หรณโต อปนยนโต หารา นามาติฯ
Ime yathāvuttā soḷasa saṃvaṇṇanāvisesā saṃvaṇṇetabbatthesu aññāṇasaṃsayānaṃ haraṇato apanayanato hārā nāmāti.
นิฎฺฐิตา หารวิภงฺควารวิภาวนาฯ
Niṭṭhitā hāravibhaṅgavāravibhāvanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๑๖. สมาโรปนหารวิภโงฺค • 16. Samāropanahāravibhaṅgo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๑๖. สมาโรปนหารวิภงฺควณฺณนา • 16. Samāropanahāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๑๖. สมาโรปนหารวิภงฺควณฺณนา • 16. Samāropanahāravibhaṅgavaṇṇanā