Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā |
สมถกฺขนฺธกกถาวณฺณนา
Samathakkhandhakakathāvaṇṇanā
๒๗๖๐. อิทานิ สมถวินิจฺฉยํ ทเสฺสตุํ เยสุ อธิกรเณสุ สเนฺตสุ สมเถหิ ภวิตพฺพํ, ตานิ ตาว ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘วิวาทาธารตา’’ติอาทิฯ วิวาทาธารตาติ วิวาทาธิกรณํฯ อาปตฺตาธารตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อาธารตาติ อธิกรณปริยาโยฯ อาธารียติ อภิภุยฺยติ วูปสมฺมติ สมเถหีติ อาธาโร, วิวาโท จ โส อาธาโร จาติ วิวาทาธาโร, โส เอว วิวาทาธารตาฯ เอวมาธาราธิกรณ-สทฺทานํ วิวาทาทิสเทฺทหิ สห กมฺมธารยสมาโส ทฎฺฐโพฺพฯ อธิกรียติ อภิภุยฺยติ วูปสมฺมติ สมเถหีติ อธิกรณนฺติ วิวาทาทิจตุพฺพิธเมว ปาฬิยํ ทสฺสิตํฯ อยมโตฺถ ‘‘เอเตสํ ตุ จตุนฺนมฺปิ, สมตฺตา สมถา มตา’’ติ วกฺขมาเนน วิญฺญายติฯ
2760. Idāni samathavinicchayaṃ dassetuṃ yesu adhikaraṇesu santesu samathehi bhavitabbaṃ, tāni tāva dassento āha ‘‘vivādādhāratā’’tiādi. Vivādādhāratāti vivādādhikaraṇaṃ. Āpattādhāratāti etthāpi eseva nayo. Ādhāratāti adhikaraṇapariyāyo. Ādhārīyati abhibhuyyati vūpasammati samathehīti ādhāro, vivādo ca so ādhāro cāti vivādādhāro, so eva vivādādhāratā. Evamādhārādhikaraṇa-saddānaṃ vivādādisaddehi saha kammadhārayasamāso daṭṭhabbo. Adhikarīyati abhibhuyyati vūpasammati samathehīti adhikaraṇanti vivādādicatubbidhameva pāḷiyaṃ dassitaṃ. Ayamattho ‘‘etesaṃ tu catunnampi, samattā samathā matā’’ti vakkhamānena viññāyati.
๒๗๖๑. เอตานิ จตฺตาริ อธิกรณานิ จ ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขู วิวทนฺติ ‘ธโมฺม’ติ วา ‘อธโมฺม’ติ วา’’ติ (จูฬว. ๒๑๕) อฎฺฐารส เภทการกวตฺถูนิ จ มเหสินา วุตฺตานิฯ ตตฺถ เตสุ จตูสุ อธิกรเณสุ วิวาโท อธิกรณสงฺขาโต เอตานิ อฎฺฐารส เภทกรวตฺถูนิ นิสฺสิโต นิสฺสาย ปวโตฺตติ โยชนาฯ
2761.Etāni cattāri adhikaraṇāni ca ‘‘idha pana, bhikkhave, bhikkhū vivadanti ‘dhammo’ti vā ‘adhammo’ti vā’’ti (cūḷava. 215) aṭṭhārasa bhedakārakavatthūni ca mahesinā vuttāni. Tattha tesu catūsu adhikaraṇesu vivādo adhikaraṇasaṅkhāto etāni aṭṭhārasa bhedakaravatthūni nissito nissāya pavattoti yojanā.
๒๗๖๒. วิปตฺติโย จตโสฺสวาติ ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภิกฺขุํ อนุวทนฺติ สีลวิปตฺติยา วา อาจารวิปตฺติยา วา ทิฎฺฐิวิปตฺติยา วา อาชีววิปตฺติยา วา’’ติ (จูฬว. ๒๑๕) วุตฺตา จตโสฺส วิปตฺติโยฯ ทิฎฺฐาทีนํ อนุคนฺตฺวา สีลวิปตฺติอาทีหิ วทนํ โจทนา อนุวาโทฯ อุปาคโตติ นิสฺสิโต, อนุวาโท จตโสฺส วิปตฺติโย นิสฺสาย ปวโตฺตติ อโตฺถฯ ‘‘ตตฺถา’’ติ ปฐมเมว นิทฺธารณสฺส วุตฺตตฺตา อิธ ปุนวจเน ปโยชนํ น ทิสฺสติ, ‘‘สมฺภวา’’ติ วจนสฺสาปิ น โกจิ อตฺถวิเสโส ทิสฺสติฯ ตสฺมา ‘‘อาปตฺตาธารตา ตตฺถ, สตฺตอาปตฺติสมฺภวา’’ติ ปาโฐ น ยุชฺชติ, ‘‘อาปตฺตาธารตา นาม, สตฺต อาปตฺติโย มตา’’ติ ปาโฐ ยุตฺตตโร, อาปตฺตาธารตา นาม อาปตฺตาธิกรณํ นาม สตฺต อาปตฺติโย มตา สตฺต อาปตฺติโยว อธิเปฺปตาติ อโตฺถฯ
2762.Vipattiyo catassovāti ‘‘idha pana, bhikkhave, bhikkhū bhikkhuṃ anuvadanti sīlavipattiyā vā ācāravipattiyā vā diṭṭhivipattiyā vā ājīvavipattiyā vā’’ti (cūḷava. 215) vuttā catasso vipattiyo. Diṭṭhādīnaṃ anugantvā sīlavipattiādīhi vadanaṃ codanā anuvādo. Upāgatoti nissito, anuvādo catasso vipattiyo nissāya pavattoti attho. ‘‘Tatthā’’ti paṭhamameva niddhāraṇassa vuttattā idha punavacane payojanaṃ na dissati, ‘‘sambhavā’’ti vacanassāpi na koci atthaviseso dissati. Tasmā ‘‘āpattādhāratā tattha, sattaāpattisambhavā’’ti pāṭho na yujjati, ‘‘āpattādhāratā nāma, satta āpattiyo matā’’ti pāṭho yuttataro, āpattādhāratā nāma āpattādhikaraṇaṃ nāma satta āpattiyo matā satta āpattiyova adhippetāti attho.
๒๗๖๓. สงฺฆกิจฺจานิ นิสฺสายาติ อปโลกนกมฺมาทีนิ จตฺตาริ สงฺฆกมฺมานิ อุปาทาย กิจฺจาธิกรณาภิธานํ สิยา, กิจฺจาธิกรณํ นาม จตฺตาริ สงฺฆกมฺมานีติ อโตฺถฯ เอเตสํ ตุ จตุนฺนมฺปีติ เอเตสํ ปน จตุนฺนมฺปิ อธิกรณานํฯ สมตฺตาติ วูปสมเหตุตฺตาฯ สมถา มตาติ สมฺมุขาวินยาทโย สตฺต อธิกรณสมถาติ อธิเปฺปตาฯ อธิกรณานิ สเมนฺติ, สมฺมนฺติ วา เอเตหีติ ‘‘สมถา’’ติ วุจฺจนฺตีติ ‘‘สมตฺตา สมถา มตา’’ติ อิมินา สมถ-สทฺทสฺส อนฺวตฺถํ ทีเปติฯ
2763.Saṅghakiccāni nissāyāti apalokanakammādīni cattāri saṅghakammāni upādāya kiccādhikaraṇābhidhānaṃ siyā, kiccādhikaraṇaṃ nāma cattāri saṅghakammānīti attho. Etesaṃ tu catunnampīti etesaṃ pana catunnampi adhikaraṇānaṃ. Samattāti vūpasamahetuttā. Samathā matāti sammukhāvinayādayo satta adhikaraṇasamathāti adhippetā. Adhikaraṇāni samenti, sammanti vā etehīti ‘‘samathā’’ti vuccantīti ‘‘samattā samathā matā’’ti iminā samatha-saddassa anvatthaṃ dīpeti.
๒๗๖๔-๕. เต สรูปโต ทเสฺสตุมาห ‘‘สมฺมุขา’’ติอาทิฯ ‘‘วินโย’’ติ อิทํ สมฺมุขาทิปเทหิ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพํ ‘‘สมฺมุขาวินโย สติวินโย อมูฬฺหวินโย’’ติฯ ‘‘ปฎิญฺญาวินโย’’ติ จ ปฎิญฺญาตกรณํ วุตฺตํฯ สตฺตโม วินโยติ สมโถ อธิเปฺปโตฯ ติณวตฺถารโกติ อิเม สตฺต สมถา พุเทฺธนาทิจฺจพนฺธุนา วุตฺตาติ โยชนาฯ
2764-5. Te sarūpato dassetumāha ‘‘sammukhā’’tiādi. ‘‘Vinayo’’ti idaṃ sammukhādipadehi paccekaṃ yojetabbaṃ ‘‘sammukhāvinayo sativinayo amūḷhavinayo’’ti. ‘‘Paṭiññāvinayo’’ti ca paṭiññātakaraṇaṃ vuttaṃ. Sattamo vinayoti samatho adhippeto. Tiṇavatthārakoti ime satta samathā buddhenādiccabandhunā vuttāti yojanā.
๒๗๖๖. จตูสุ อธิกรเณสุ ยํ อธิกรณํ ยตฺตเกหิ สมเถหิ สมฺมติ, เต สงฺคเหตฺวา ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘วิวาโท’’ติอาทิฯ
2766. Catūsu adhikaraṇesu yaṃ adhikaraṇaṃ yattakehi samathehi sammati, te saṅgahetvā dassento āha ‘‘vivādo’’tiādi.
๒๗๖๗-๙. ‘‘วิวาโท’’ติอาทินา อุทฺทิฎฺฐมตฺถํ นิทฺทิสโนฺต อาห ‘‘ฉเฎฺฐนา’’ติอาทิฯ เอตฺถ เอเตสุ จตูสุ อธิกรเณสุ, สมเถสุ จ กิํ เกน สมฺมตีติ เจ? วิวาโท วิวาทาธิกรณํ ฉเฎฺฐน เยภุยฺยสิกาย, ปฐเมน สมเถน สมฺมุขาวินเยน จาติ ทฺวีหิ สมเถหิ สมฺมติฯ ยสฺสา กิริยาย ธมฺมวาทิโน พหุตรา, เอสา เยภุยฺยสิกาฯ ‘‘สงฺฆสมฺมุขตา, ธมฺมสมฺมุขตา, วินยสมฺมุขตา, ปุคฺคลสมฺมุขตา’’ติ (จูฬว. ๒๒๙, ๒๓๔, ๒๓๖, ๒๓๗, ๒๔๒) วุตฺตานํ สงฺฆาทีนํ จตุนฺนํ สนฺนิธาเนน วา คณปุคฺคเลหิ สมิยมานํ วิวาทาธิกรณํ สงฺฆสมฺมุขตํ วินา อิตเรหิ ตีหิ วา สมฺมตีติ วุตฺตํ โหติฯ
2767-9. ‘‘Vivādo’’tiādinā uddiṭṭhamatthaṃ niddisanto āha ‘‘chaṭṭhenā’’tiādi. Ettha etesu catūsu adhikaraṇesu, samathesu ca kiṃ kena sammatīti ce? Vivādo vivādādhikaraṇaṃ chaṭṭhena yebhuyyasikāya, paṭhamena samathena sammukhāvinayena cāti dvīhi samathehi sammati. Yassā kiriyāya dhammavādino bahutarā, esā yebhuyyasikā. ‘‘Saṅghasammukhatā, dhammasammukhatā, vinayasammukhatā, puggalasammukhatā’’ti (cūḷava. 229, 234, 236, 237, 242) vuttānaṃ saṅghādīnaṃ catunnaṃ sannidhānena vā gaṇapuggalehi samiyamānaṃ vivādādhikaraṇaṃ saṅghasammukhataṃ vinā itarehi tīhi vā sammatīti vuttaṃ hoti.
เอตฺถ จ การกสงฺฆสฺส สงฺฆสามคฺคิวเสน สมฺมุขีภาโว สงฺฆสมฺมุขตา, สเมตพฺพสฺส วตฺถุโน ภูตตา ธมฺมสมฺมุขตา, ยถา ตํ สเมตพฺพํ, ตเถวสฺส สมนํ วินยสมฺมุขตา, โย จ วิวทติ, เยน จ วิวทติ, เตสํ อุภินฺนํ อตฺถปจฺจตฺถิกานํ สมฺมุขีภาโว ปุคฺคลสมฺมุขตาฯ
Ettha ca kārakasaṅghassa saṅghasāmaggivasena sammukhībhāvo saṅghasammukhatā, sametabbassa vatthuno bhūtatā dhammasammukhatā, yathā taṃ sametabbaṃ, tathevassa samanaṃ vinayasammukhatā, yo ca vivadati, yena ca vivadati, tesaṃ ubhinnaṃ atthapaccatthikānaṃ sammukhībhāvo puggalasammukhatā.
‘‘อนุวาโท จตูหิปี’’ติ อุทฺทิฎฺฐํ นิทฺทิสโนฺต อาห ‘‘สมฺมุขา’’ติอาทิฯ อนุปุเพฺพนาติ อนุปฎิปาฎิยาฯ สมฺมุขาวินยาทีหิ ตีหิปีติ สมฺมุขาวินยสติวินยอมูฬฺหวินเยหิ ตีหิปิฯ ตเถวาติ ยถา ตีหิ, ตถา ปญฺจเมน ตสฺสปาปิยสิกาสมเถนาปิ อนุวาโท สมฺมติ, ปเคว จตูหีติ อโตฺถฯ
‘‘Anuvādo catūhipī’’ti uddiṭṭhaṃ niddisanto āha ‘‘sammukhā’’tiādi. Anupubbenāti anupaṭipāṭiyā. Sammukhāvinayādīhi tīhipīti sammukhāvinayasativinayaamūḷhavinayehi tīhipi. Tathevāti yathā tīhi, tathā pañcamena tassapāpiyasikāsamathenāpi anuvādo sammati, pageva catūhīti attho.
โย ปาปุสฺสนฺนตาย ปาปิโย ปุคฺคโล, ตสฺส กตฺตพฺพโต ‘‘ตสฺสปาปิยสิกา’’ติ กมฺมํ วุจฺจติฯ อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส วิย สติเวปุลฺลปฺปตฺตสฺส ขีณาสวสฺส กตา อมูลิกา สีลวิปตฺติโจทนา สมฺมุขาวินเยน, ญตฺติจตุตฺถาย กมฺมวาจาย ทิเนฺนน สติวินเยน จ สมฺมติฯ อุมฺมตฺตกสฺส ภิกฺขุโน กตา อาปตฺติโจทนา สมฺมุขาวินเยน จ ตเถว ทิเนฺนน อมูฬฺหวินเยน จ สมฺมติฯ สงฺฆมเชฺฌ อาปตฺติยา โจทิยมานสฺส อวชานิตฺวา ปฎิชานนาทิํ กโรนฺตสฺส ปาปภิกฺขุโน พหุลาปตฺติโจทนา สมฺมุขาวินเยน เจว ตเถว ปกเตน ตสฺสปาปิยสิกากเมฺมน จ วูปสมฺมตีติ วุตฺตํ โหติฯ
Yo pāpussannatāya pāpiyo puggalo, tassa kattabbato ‘‘tassapāpiyasikā’’ti kammaṃ vuccati. Āyasmato dabbassa mallaputtassa viya sativepullappattassa khīṇāsavassa katā amūlikā sīlavipatticodanā sammukhāvinayena, ñatticatutthāya kammavācāya dinnena sativinayena ca sammati. Ummattakassa bhikkhuno katā āpatticodanā sammukhāvinayena ca tatheva dinnena amūḷhavinayena ca sammati. Saṅghamajjhe āpattiyā codiyamānassa avajānitvā paṭijānanādiṃ karontassa pāpabhikkhuno bahulāpatticodanā sammukhāvinayena ceva tatheva pakatena tassapāpiyasikākammena ca vūpasammatīti vuttaṃ hoti.
‘‘อาปตฺติ ปน ตีเหวา’’ติ อุเทฺทสสฺส นิเทฺทสมาห ‘‘สมฺมุเขนา’’ติอาทิฯ สมฺมุเขน สมฺมุขาวินเยน, ปฎิญฺญาย ปฎิญฺญาตกรเณน, ติณวตฺถารเกน วา อิเมหิ ตีหิ เอว สมเถหิ สา อาปตฺติ อาปตฺตาธิกรณํ อุปสมํ ยาตีติ โยชนาฯ เอตฺถ ปฎิญฺญาตกรณํ นาม อาปตฺติํ ปฎิคฺคณฺหเนฺตน ‘‘ปสฺสสี’’ติ วุเตฺต อาปตฺติํ เทเสเนฺตน ‘‘อาม ปสฺสามี’’ติ สมฺปฎิจฺฉนํฯ ติณวตฺถารกํ ปน สยเมว วกฺขติฯ
‘‘Āpatti pana tīhevā’’ti uddesassa niddesamāha ‘‘sammukhenā’’tiādi. Sammukhena sammukhāvinayena, paṭiññāya paṭiññātakaraṇena, tiṇavatthārakena vā imehi tīhi eva samathehi sā āpatti āpattādhikaraṇaṃ upasamaṃ yātīti yojanā. Ettha paṭiññātakaraṇaṃ nāma āpattiṃ paṭiggaṇhantena ‘‘passasī’’ti vutte āpattiṃ desentena ‘‘āma passāmī’’ti sampaṭicchanaṃ. Tiṇavatthārakaṃ pana sayameva vakkhati.
ตีเหว สมเถหีติ เอตฺถ ครุกาปตฺติ สมฺมุขาวินเยน, ปฎิญฺญาตกรเณน จาติ ทฺวีหิ, ลหุกาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวา สเงฺฆ วา คเณ วา ปุคฺคเล วา เทสนาย สมฺมุขาวินเยน เจว ปฎิญฺญาตกรเณน จ, โกสมฺพกานํ วิคฺคหสทิสํ มหาวิคฺคหํ กโรเนฺตหิ อาปนฺนา อเนกวิธา อาปตฺติโย สเจ โหนฺติ, ตาสุ วกฺขมานสรูปํ ถุลฺลวชฺชาทิํ ฐเปตฺวา อวเสสา สพฺพา อาปตฺติโย สมฺมุขาวินเยน, ติณวตฺถารเกน จ สมฺมนฺตีติ อโตฺถฯ
Tīheva samathehīti ettha garukāpatti sammukhāvinayena, paṭiññātakaraṇena cāti dvīhi, lahukāpattiṃ āpajjitvā saṅghe vā gaṇe vā puggale vā desanāya sammukhāvinayena ceva paṭiññātakaraṇena ca, kosambakānaṃ viggahasadisaṃ mahāviggahaṃ karontehi āpannā anekavidhā āpattiyo sace honti, tāsu vakkhamānasarūpaṃ thullavajjādiṃ ṭhapetvā avasesā sabbā āpattiyo sammukhāvinayena, tiṇavatthārakena ca sammantīti attho.
กิจฺจํ กิจฺจาธิกรณํ เอเกน สมฺมุขาวินเยเนว สมฺมตีติ โยชนาฯ
Kiccaṃ kiccādhikaraṇaṃ ekena sammukhāvinayeneva sammatīti yojanā.
๒๗๗๐. เยภุยฺยสิกกเมฺมติ เอตฺถ นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมํฯ สลากํ คาหเยติ วินิจฺฉยการเก สเงฺฆ ธมฺมวาทีนํ พหุตฺตํ วา อปฺปตรตฺตํ วา ชานิตุํ วกฺขมาเนน นเยน สลากํ คาหาเปยฺยฯ พุโธติ ‘‘น ฉนฺทาคติํ คจฺฉติ…เป.… คหิตาคหิตญฺจ ชานาตี’’ติ วุตฺตํ ปญฺจหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตํ ปุคฺคลํ ทเสฺสติฯ ‘‘คูเฬฺหนา’’ติอาทินา สลากคฺคาหปฺปกาโร ทสฺสิโตฯ กณฺณชเปฺปนาติ เอตฺถ กเณฺณ ชโปฺป ยสฺมิํ สลากคฺคาหปโยเคติ วิคฺคโหฯ เอตฺถ คูฬฺหสลากคฺคาโห นาม ธมฺมวาทิสลากา จ อธมฺมวาทิสลากา จ วิสุํ วิสุํ จีวรกเณฺณ ปกฺขิปิตฺวา ปุคฺคลานํ สนฺติกํ วิสุํ วิสุํ อุปสงฺกมิตฺวา สลากา วิสุํ วิสุํ ทเสฺสตฺวา ‘‘อิโต ตว รุจฺจนกํ คณฺหาหี’’ติ รโห ฐตฺวา คาหาปนํฯ วิวฎกํ นาม ธมฺมวาทีนํ พหุภาวํ ญตฺวา สเพฺพสุ ชานเนฺตสุ ปุคฺคลานํ สนฺติกํ คาหาปนํฯ กณฺณชปฺปนํ นาม เอวเมว กณฺณมูเล รโห ฐตฺวา คาหาปนํฯ
2770.Yebhuyyasikakammeti ettha nimittatthe bhummaṃ. Salākaṃ gāhayeti vinicchayakārake saṅghe dhammavādīnaṃ bahuttaṃ vā appatarattaṃ vā jānituṃ vakkhamānena nayena salākaṃ gāhāpeyya. Budhoti ‘‘na chandāgatiṃ gacchati…pe… gahitāgahitañca jānātī’’ti vuttaṃ pañcahi aṅgehi samannāgataṃ puggalaṃ dasseti. ‘‘Gūḷhenā’’tiādinā salākaggāhappakāro dassito. Kaṇṇajappenāti ettha kaṇṇe jappo yasmiṃ salākaggāhapayogeti viggaho. Ettha gūḷhasalākaggāho nāma dhammavādisalākā ca adhammavādisalākā ca visuṃ visuṃ cīvarakaṇṇe pakkhipitvā puggalānaṃ santikaṃ visuṃ visuṃ upasaṅkamitvā salākā visuṃ visuṃ dassetvā ‘‘ito tava ruccanakaṃ gaṇhāhī’’ti raho ṭhatvā gāhāpanaṃ. Vivaṭakaṃ nāma dhammavādīnaṃ bahubhāvaṃ ñatvā sabbesu jānantesu puggalānaṃ santikaṃ gāhāpanaṃ. Kaṇṇajappanaṃ nāma evameva kaṇṇamūle raho ṭhatvā gāhāpanaṃ.
๒๗๗๑. อลชฺชุสฺสเทติ เอตฺถ ‘‘สเงฺฆ’’ติ เสโสฯ ลชฺชิสุ พาเลสูติ เอตฺถาปิ ‘‘อุสฺสเทสู’’ติ วตฺตพฺพํฯ
2771.Alajjussadeti ettha ‘‘saṅghe’’ti seso. Lajjisu bālesūti etthāpi ‘‘ussadesū’’ti vattabbaṃ.
๒๗๗๒. สเกน กมฺมุนาเยวาติ อตฺตโน ยํ กิจฺจํ, เตเนวาติฯ
2772.Sakena kammunāyevāti attano yaṃ kiccaṃ, tenevāti.
๒๗๗๓-๕. ‘‘อาปชฺชตี’’ติอาทิ ‘‘อลชฺชี, ลชฺชี, พาโล’’ติ ชานนสฺส เหตุภูตกมฺมทสฺสนํฯ ทุจฺจินฺติโตติ อภิชฺฌาทิติวิธมโนทุจฺจริตวเสน ทุฎฺฐุ จิเนฺตโนฺตฯ ทุพฺภาสีติ มุสาวาทาทิจตุพฺพิธวจีทุจฺจริตวเสน วจีทฺวาเร ปญฺญตฺตานํ สิกฺขาปทานํ วีติกฺกมวเสน ทุฎฺฐุ ภาสนสีโลฯ ทุกฺกฎการิโกติ ปาณาติปาตาทิติวิธกายทุจฺจริตวเสน กายทฺวาเร ปญฺญตฺตสิกฺขาปทานํ วีติกฺกมวเสน กุจฺฉิตกมฺมสฺส กรณสีโลฯ อิติ ลกฺขเณเนวาติ ยถาวุตฺตํ อลชฺชีลชฺชีพาลลกฺขณํ นิคเมติฯ
2773-5.‘‘Āpajjatī’’tiādi ‘‘alajjī, lajjī, bālo’’ti jānanassa hetubhūtakammadassanaṃ. Duccintitoti abhijjhāditividhamanoduccaritavasena duṭṭhu cintento. Dubbhāsīti musāvādādicatubbidhavacīduccaritavasena vacīdvāre paññattānaṃ sikkhāpadānaṃ vītikkamavasena duṭṭhu bhāsanasīlo. Dukkaṭakārikoti pāṇātipātāditividhakāyaduccaritavasena kāyadvāre paññattasikkhāpadānaṃ vītikkamavasena kucchitakammassa karaṇasīlo. Iti lakkhaṇenevāti yathāvuttaṃ alajjīlajjībālalakkhaṇaṃ nigameti.
๒๗๗๖. ‘‘เยภุยฺยสิกา’’ติอาทิคาถาหิ นิทฺทิฎฺฐเมว อตฺถํ นิคเมตุมาห ‘‘ติธา’’ติอาทิฯ ติธาสลากคาเหนาติ ติวิธสฺส สลากคาหสฺส อญฺญตเรนฯ พหุกา ธมฺมวาทิโน ยทิ สิยุนฺติ โยชนาฯ กาตพฺพนฺติ เอตฺถ ‘‘วิวาทาธิกรณวูปสมน’’นฺติ เสโสฯ
2776. ‘‘Yebhuyyasikā’’tiādigāthāhi niddiṭṭhameva atthaṃ nigametumāha ‘‘tidhā’’tiādi. Tidhāsalākagāhenāti tividhassa salākagāhassa aññatarena. Bahukā dhammavādino yadi siyunti yojanā. Kātabbanti ettha ‘‘vivādādhikaraṇavūpasamana’’nti seso.
๒๗๗๗. โย ปุคฺคโล อลชฺชี จ โหติ สานุวาโท จ กมฺมโต กายกมฺมโต, วจีกมฺมโต จ อสุจิ จ สมฺพุทฺธชิคุจฺฉนีโยติ อโตฺถฯ โส เอวํวิโธ ปาปปุคฺคโล ตสฺส ปาปิยสิกกมฺมสฺส โยโค โหตีติ สมฺพโนฺธฯ สานุวาโทติ เอตฺถ อนุวาโท นาม โจทนา, สห อนุวาเทน วตฺตตีติ สานุวาโท, ปาปครหิตปุคฺคเลหิ กาตพฺพโจทนาย อนุรูโปติ อโตฺถฯ
2777. Yo puggalo alajjī ca hoti sānuvādo ca kammato kāyakammato, vacīkammato ca asuci ca sambuddhajigucchanīyoti attho. So evaṃvidho pāpapuggalo tassa pāpiyasikakammassa yogo hotīti sambandho. Sānuvādoti ettha anuvādo nāma codanā, saha anuvādena vattatīti sānuvādo, pāpagarahitapuggalehi kātabbacodanāya anurūpoti attho.
๒๗๗๘-๙. ภณฺฑเนติ กลหสฺส ปุพฺพภาเคฯ กลเหติ กายวจีทฺวารปฺปวเตฺต หตฺถปรามสาทิเก กลเห จฯ วิวาทมฺหิ อนปฺปเกติ พหุวิเธ วิวาเท ชาเตฯ พหุอสฺสามเณ จิเณฺณติ สมณานํ อนนุจฺฉวิเก นานปฺปกาเร กายิกวาจสิกวีติกฺกเม จ กเตฯ อนเคฺคติ อนเนฺตฯ ภสฺสเกติ กุจฺฉิเต อมนาปวจเน จิเณฺณติ โยชนา, ภาสิเตติ อโตฺถฯ คเวสนฺตนฺติ คเวสิยมานํ, อาปตฺตาธิกรณนฺติ เสโสฯ วาฬนฺติ จณฺฑํฯ กกฺขฬนฺติ อาสชฺชํฯ กาตพฺพนฺติ วูปสเมตพฺพํฯ
2778-9.Bhaṇḍaneti kalahassa pubbabhāge. Kalaheti kāyavacīdvārappavatte hatthaparāmasādike kalahe ca. Vivādamhi anappaketi bahuvidhe vivāde jāte. Bahuassāmaṇe ciṇṇeti samaṇānaṃ ananucchavike nānappakāre kāyikavācasikavītikkame ca kate. Anaggeti anante. Bhassaketi kucchite amanāpavacane ciṇṇeti yojanā, bhāsiteti attho. Gavesantanti gavesiyamānaṃ, āpattādhikaraṇanti seso. Vāḷanti caṇḍaṃ. Kakkhaḷanti āsajjaṃ. Kātabbanti vūpasametabbaṃ.
๒๗๘๐-๒. ยถา จ วูปสมฺมติ, ตถา ติณวตฺถารเก สุโทฺธ โหตีติ สมฺพโนฺธฯ
2780-2. Yathā ca vūpasammati, tathā tiṇavatthārake suddho hotīti sambandho.
ถุลฺลวชฺชนฺติ ปาราชิกเญฺจว สงฺฆาทิเสสญฺจฯ คิหีหิ ปฎิสํยุตนฺติ คิหีนํ ชาติอาทีหิ ปาฬิยา อาคเตหิ ทสหิ อโกฺกสวตฺถูหิ, อฎฺฐกถาคเตหิ จ ตทเญฺญหิ อโกฺกสวตฺถูหิ ขุํสนวมฺภนปจฺจยา จ ธมฺมิกปฎิสฺสวสฺส อสจฺจาปนปจฺจยา จ อาปนฺนาปตฺติํฯ เอสา เอว หิ อาปตฺติ คิหิปฎิสํยุตฺตา นาม ปริวาเร ‘‘อตฺถิ คิหิปฎิสํยุตฺตา, อตฺถิ นคิหิปฎิสํยุตฺตา’’ติ ทุกํ นิกฺขิปิตฺวา ‘‘คิหิปฎิสํยุตฺตาติ สุธมฺมเตฺถรสฺส อาปตฺติ, ยา จ ธมฺมิกสฺส ปฎิสฺสวสฺส อสจฺจาปเน อาปตฺติฯ อวเสสา นคิหิปฎิสํยุตฺตา’’ติ (ปริ. อฎฺฐ. ๓๒๑) วจนโตฯ
Thullavajjanti pārājikañceva saṅghādisesañca. Gihīhi paṭisaṃyutanti gihīnaṃ jātiādīhi pāḷiyā āgatehi dasahi akkosavatthūhi, aṭṭhakathāgatehi ca tadaññehi akkosavatthūhi khuṃsanavambhanapaccayā ca dhammikapaṭissavassa asaccāpanapaccayā ca āpannāpattiṃ. Esā eva hi āpatti gihipaṭisaṃyuttā nāma parivāre ‘‘atthi gihipaṭisaṃyuttā, atthi nagihipaṭisaṃyuttā’’ti dukaṃ nikkhipitvā ‘‘gihipaṭisaṃyuttāti sudhammattherassa āpatti, yā ca dhammikassa paṭissavassa asaccāpane āpatti. Avasesā nagihipaṭisaṃyuttā’’ti (pari. aṭṭha. 321) vacanato.
สุธมฺมเตฺถรสฺส อาปตฺตีติ จ เตน จิตฺตสฺส คหปติโน ชาติํ ปฎิจฺจ ขุํสนวมฺภนปจฺจยา อาปนฺนา โอมสวาทสิกฺขาปทวิภาคคตา ทุกฺกฎาปตฺติ คเหตพฺพาฯ อิทญฺจ อุปลกฺขณมตฺตํ, ตสฺมา อิตเรหิปิ อโกฺกสวตฺถูหิ คิหิํ ขุํเสนฺตานํ วเมฺภนฺตานํ อิตเรสํ ภิกฺขูนํ สา อาปตฺติ คิหิปฎิสํยุตฺตาวาติ เวทิตพฺพํฯ ตถา อาปนฺนํ อาปตฺติํ เทสาเปเนฺตน ทสฺสนูปจารํ อวิชหาเปตฺวา สวนูปจารํ ชหาเปตฺวา เอกํเส อุตฺตราสงฺคํ การาเปตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทาเปตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคณฺหาเปตฺวา สา อาปตฺติ เทสาเปตพฺพาฯ
Sudhammattherassa āpattīti ca tena cittassa gahapatino jātiṃ paṭicca khuṃsanavambhanapaccayā āpannā omasavādasikkhāpadavibhāgagatā dukkaṭāpatti gahetabbā. Idañca upalakkhaṇamattaṃ, tasmā itarehipi akkosavatthūhi gihiṃ khuṃsentānaṃ vambhentānaṃ itaresaṃ bhikkhūnaṃ sā āpatti gihipaṭisaṃyuttāvāti veditabbaṃ. Tathā āpannaṃ āpattiṃ desāpentena dassanūpacāraṃ avijahāpetvā savanūpacāraṃ jahāpetvā ekaṃse uttarāsaṅgaṃ kārāpetvā ukkuṭikaṃ nisīdāpetvā añjaliṃ paggaṇhāpetvā sā āpatti desāpetabbā.
ทิฎฺฐาวิกมฺมิกนฺติ ทิฎฺฐาวิกเมฺม นิยุโตฺต ทิฎฺฐาวิกมฺมิโก, ตํ, อฎฺฐกถายํ ‘‘เย ปน ‘น เมตํ ขมตี’ติ อญฺญมญฺญํ ทิฎฺฐาวิกมฺมํ กโรนฺตี’’ติ (จูฬว. อฎฺฐ. ๒๑๔) เย ปุคฺคลา ทสฺสิตา, เตสมญฺญตรเสฺสว คหณํฯ
Diṭṭhāvikammikanti diṭṭhāvikamme niyutto diṭṭhāvikammiko, taṃ, aṭṭhakathāyaṃ ‘‘ye pana ‘na metaṃ khamatī’ti aññamaññaṃ diṭṭhāvikammaṃ karontī’’ti (cūḷava. aṭṭha. 214) ye puggalā dassitā, tesamaññatarasseva gahaṇaṃ.
โยติ ภณฺฑนการเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ มหนฺตํ วิคฺคหํ กตฺวา สมฺพหุลา อาปตฺติโย อาปโนฺน โย ภิกฺขุฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ติณวตฺถารกสมถการเก ภิกฺขุสมูเหฯ น โหตีติ ฉนฺทํ ทตฺวา ตํ ภิกฺขุปริสํ อนาคตตฺตา น สํวิชฺชติฯ ตญฺจ ฐเปตฺวาติ โยชนาฯ
Yoti bhaṇḍanakārakehi bhikkhūhi saddhiṃ mahantaṃ viggahaṃ katvā sambahulā āpattiyo āpanno yo bhikkhu. Tatthāti tasmiṃ tiṇavatthārakasamathakārake bhikkhusamūhe. Na hotīti chandaṃ datvā taṃ bhikkhuparisaṃ anāgatattā na saṃvijjati. Tañca ṭhapetvāti yojanā.
ติณวตฺถารเก กเต สติ ยาว อุปสมฺปทมาฬโต ปภุติ อาปนฺนาย เสสาย อาปตฺติยา นิราปตฺติ หุตฺวา สุโทฺธ โหติ สโงฺฆติ โยชนาฯ
Tiṇavatthārake kate sati yāva upasampadamāḷato pabhuti āpannāya sesāya āpattiyā nirāpatti hutvā suddho hoti saṅghoti yojanā.
สมถกฺขนฺธกกถาวณฺณนาฯ
Samathakkhandhakakathāvaṇṇanā.