Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๔. สมถสุตฺตํ
4. Samathasuttaṃ
๕๔. ‘‘โน เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปรจิตฺตปริยายกุสโล โหติ, อถ ‘สจิตฺตปริยายกุสโล ภวิสฺสามี’ติ – เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ
54. ‘‘No ce, bhikkhave, bhikkhu paracittapariyāyakusalo hoti, atha ‘sacittapariyāyakusalo bhavissāmī’ti – evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabbaṃ.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สจิตฺตปริยายกุสโล โหติ? เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก อาทาเส วา ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อเจฺฉ วา อุทปเตฺต สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน สเจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, ตเสฺสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมติฯ โน เจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, เตเนวตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกโปฺป – ‘ลาภา วต เม, ปริสุทฺธํ วต เม’ติฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปจฺจเวกฺขณา พหุการา โหติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ – ‘ลาภี นุ โขมฺหิ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส, น นุ โขมฺหิ ลาภี อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส, ลาภี นุ โขมฺหิ อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนาย, น นุ โขมฺหิ ลาภี อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนายา’ติฯ
‘‘Kathañca, bhikkhave, bhikkhu sacittapariyāyakusalo hoti? Seyyathāpi, bhikkhave, itthī vā puriso vā daharo yuvā maṇḍanakajātiko ādāse vā parisuddhe pariyodāte acche vā udapatte sakaṃ mukhanimittaṃ paccavekkhamāno sace tattha passati rajaṃ vā aṅgaṇaṃ vā, tasseva rajassa vā aṅgaṇassa vā pahānāya vāyamati. No ce tattha passati rajaṃ vā aṅgaṇaṃ vā, tenevattamano hoti paripuṇṇasaṅkappo – ‘lābhā vata me, parisuddhaṃ vata me’ti. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhuno paccavekkhaṇā bahukārā hoti kusalesu dhammesu – ‘lābhī nu khomhi ajjhattaṃ cetosamathassa, na nu khomhi lābhī ajjhattaṃ cetosamathassa, lābhī nu khomhi adhipaññādhammavipassanāya, na nu khomhi lābhī adhipaññādhammavipassanāyā’ti.
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘ลาภีมฺหิ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส, น ลาภี อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนายา’ติ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อชฺฌตฺตํ เจโตสมเถ ปติฎฺฐาย อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนาย โยโค กรณีโยฯ โส อปเรน สมเยน ลาภี เจว โหติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส ลาภี จ อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนายฯ
‘‘Sace, bhikkhave, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘lābhīmhi ajjhattaṃ cetosamathassa, na lābhī adhipaññādhammavipassanāyā’ti, tena, bhikkhave, bhikkhunā ajjhattaṃ cetosamathe patiṭṭhāya adhipaññādhammavipassanāya yogo karaṇīyo. So aparena samayena lābhī ceva hoti ajjhattaṃ cetosamathassa lābhī ca adhipaññādhammavipassanāya.
‘‘สเจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘ลาภีมฺหิ อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนาย, น ลาภี อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺสา’ติ, เตน, ภิกฺขเว , ภิกฺขุนา อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนาย ปติฎฺฐาย อชฺฌตฺตํ เจโตสมเถ โยโค กรณีโยฯ โส อปเรน สมเยน ลาภี เจว โหติ อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนาย ลาภี จ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺสฯ
‘‘Sace pana, bhikkhave, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘lābhīmhi adhipaññādhammavipassanāya, na lābhī ajjhattaṃ cetosamathassā’ti, tena, bhikkhave , bhikkhunā adhipaññādhammavipassanāya patiṭṭhāya ajjhattaṃ cetosamathe yogo karaṇīyo. So aparena samayena lābhī ceva hoti adhipaññādhammavipassanāya lābhī ca ajjhattaṃ cetosamathassa.
‘‘สเจ, ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘น ลาภี อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส, น ลาภี อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนายา’ติ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํเยว กุสลานํ ธมฺมานํ ปฎิลาภาย อธิมโตฺต ฉโนฺท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุโสฺสฬฺหี จ อปฺปฎิวานี จ สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ กรณียํฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อาทิตฺตเจโล วา อาทิตฺตสีโส วาฯ ตเสฺสว เจลสฺส วา สีสสฺส วา นิพฺพาปนาย อธิมตฺตํ ฉนฺทญฺจ วายามญฺจ อุสฺสาหญฺจ อุโสฺสฬฺหิญฺจ อปฺปฎิวานิญฺจ สติญฺจ สมฺปชญฺญญฺจ กเรยฺยฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, เตน ภิกฺขุนา เตสํเยว กุสลานํ ธมฺมานํ ปฎิลาภาย อธิมโตฺต ฉโนฺท จ วายาโม จ อุสฺสาโห จ อุโสฺสฬฺหี จ อปฺปฎิวานี จ สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ กรณียํฯ โส อปเรน สมเยน ลาภี เจว โหติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส ลาภี จ อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนายฯ
‘‘Sace, pana, bhikkhave, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘na lābhī ajjhattaṃ cetosamathassa, na lābhī adhipaññādhammavipassanāyā’ti, tena, bhikkhave, bhikkhunā tesaṃyeva kusalānaṃ dhammānaṃ paṭilābhāya adhimatto chando ca vāyāmo ca ussāho ca ussoḷhī ca appaṭivānī ca sati ca sampajaññañca karaṇīyaṃ. Seyyathāpi, bhikkhave, ādittacelo vā ādittasīso vā. Tasseva celassa vā sīsassa vā nibbāpanāya adhimattaṃ chandañca vāyāmañca ussāhañca ussoḷhiñca appaṭivāniñca satiñca sampajaññañca kareyya. Evamevaṃ kho, bhikkhave, tena bhikkhunā tesaṃyeva kusalānaṃ dhammānaṃ paṭilābhāya adhimatto chando ca vāyāmo ca ussāho ca ussoḷhī ca appaṭivānī ca sati ca sampajaññañca karaṇīyaṃ. So aparena samayena lābhī ceva hoti ajjhattaṃ cetosamathassa lābhī ca adhipaññādhammavipassanāya.
‘‘สเจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘ลาภีมฺหิ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถสฺส, ลาภี อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนายา’ติ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสุเยว กุสเลสุ ธเมฺมสุ ปติฎฺฐาย อุตฺตริ อาสวานํ ขยาย โยโค กรณีโยฯ
‘‘Sace pana, bhikkhave, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘lābhīmhi ajjhattaṃ cetosamathassa, lābhī adhipaññādhammavipassanāyā’ti, tena, bhikkhave, bhikkhunā tesuyeva kusalesu dhammesu patiṭṭhāya uttari āsavānaṃ khayāya yogo karaṇīyo.
‘‘จีวรมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิฯ ปิณฺฑปาตมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิฯ เสนาสนมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิฯ คามนิคมมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิฯ ชนปทปเทสมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิฯ ปุคฺคลมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปิฯ
‘‘Cīvarampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampi. Piṇḍapātampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampi. Senāsanampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampi. Gāmanigamampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampi. Janapadapadesampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampi. Puggalampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampi.
‘‘‘จีวรมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา จีวรํ – ‘อิทํ โข เม จีวรํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูปํ จีวรํ น เสวิตพฺพํฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา จีวรํ – ‘อิทํ โข เม จีวรํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูปํ จีวรํ เสวิตพฺพํฯ ‘จีวรมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘‘Cīvarampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampī’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā cīvaraṃ – ‘idaṃ kho me cīvaraṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti, evarūpaṃ cīvaraṃ na sevitabbaṃ. Tattha yaṃ jaññā cīvaraṃ – ‘idaṃ kho me cīvaraṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpaṃ cīvaraṃ sevitabbaṃ. ‘Cīvarampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampī’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘‘ปิณฺฑปาตมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา ปิณฺฑปาตํ – ‘อิมํ โข เม ปิณฺฑปาตํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูโป ปิณฺฑปาโต น เสวิตโพฺพฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา ปิณฺฑปาตํ – ‘อิมํ โข เม ปิณฺฑปาตํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูโป ปิณฺฑปาโต เสวิตโพฺพฯ ‘ปิณฺฑปาตมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘‘Piṇḍapātampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampī’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā piṇḍapātaṃ – ‘imaṃ kho me piṇḍapātaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti, evarūpo piṇḍapāto na sevitabbo. Tattha yaṃ jaññā piṇḍapātaṃ – ‘imaṃ kho me piṇḍapātaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpo piṇḍapāto sevitabbo. ‘Piṇḍapātampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampī’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘‘เสนาสนมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา เสนาสนํ – ‘อิทํ โข เม เสนาสนํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูปํ เสนาสนํ น เสวิตพฺพํฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา เสนาสนํ – ‘อิทํ โข เม เสนาสนํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูปํ เสนาสนํ เสวิตพฺพํฯ ‘เสนาสนมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘‘Senāsanampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampī’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā senāsanaṃ – ‘idaṃ kho me senāsanaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti, evarūpaṃ senāsanaṃ na sevitabbaṃ. Tattha yaṃ jaññā senāsanaṃ – ‘idaṃ kho me senāsanaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpaṃ senāsanaṃ sevitabbaṃ. ‘Senāsanampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampī’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘‘คามนิคมมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา คามนิคมํ – ‘อิมํ โข เม คามนิคมํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ , เอวรูโป คามนิคโม น เสวิตโพฺพฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา คามนิคมํ – ‘อิมํ โข เม คามนิคมํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูโป คามนิคโม เสวิตโพฺพ ฯ ‘คามนิคมมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘‘Gāmanigamampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampī’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā gāmanigamaṃ – ‘imaṃ kho me gāmanigamaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti , evarūpo gāmanigamo na sevitabbo. Tattha yaṃ jaññā gāmanigamaṃ – ‘imaṃ kho me gāmanigamaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpo gāmanigamo sevitabbo . ‘Gāmanigamampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampī’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘‘ชนปทปเทสมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา ชนปทปเทสํ – ‘อิมํ โข เม ชนปทปเทสํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูโป ชนปทปเทโส น เสวิตโพฺพฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา ชนปทปเทสํ – ‘อิมํ โข เม ชนปทปเทสํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูโป ชนปทปเทโส เสวิตโพฺพฯ ‘ชนปทปเทสมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘‘Janapadapadesampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampī’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā janapadapadesaṃ – ‘imaṃ kho me janapadapadesaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti, evarūpo janapadapadeso na sevitabbo. Tattha yaṃ jaññā janapadapadesaṃ – ‘imaṃ kho me janapadapadesaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpo janapadapadeso sevitabbo. ‘Janapadapadesampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampī’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘‘ปุคฺคลมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺถ ยํ ชญฺญา ปุคฺคลํ – ‘อิมํ โข เม ปุคฺคลํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวรูโป ปุคฺคโล น เสวิตโพฺพฯ ตตฺถ ยํ ชญฺญา ปุคฺคลํ – ‘อิมํ โข เม ปุคฺคลํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวรูโป ปุคฺคโล เสวิตโพฺพ ฯ ‘ปุคฺคลมฺปาหํ, ภิกฺขเว, ทุวิเธน วทามิ – เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติฯ จตุตฺถํฯ
‘‘‘Puggalampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampī’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tattha yaṃ jaññā puggalaṃ – ‘imaṃ kho me puggalaṃ sevato akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyantī’ti, evarūpo puggalo na sevitabbo. Tattha yaṃ jaññā puggalaṃ – ‘imaṃ kho me puggalaṃ sevato akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhantī’ti, evarūpo puggalo sevitabbo . ‘Puggalampāhaṃ, bhikkhave, duvidhena vadāmi – sevitabbampi asevitabbampī’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vutta’’nti. Catutthaṃ.
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑-๔. สจิตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-4. Sacittasuttādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๑๐. สจิตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-10. Sacittasuttādivaṇṇanā