Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๗. สมยสุตฺตวณฺณนา
7. Samayasuttavaṇṇanā
๓๗. อุทานํ ปฎิจฺจาติ อุกฺกากรญฺญา ชาติสเมฺภทปริหารนิมิตฺตํ อตฺตโน วํสปริสุทฺธํ นิสฺสาย วุตฺตํ ปีติอุทาหารํ ปฎิจฺจ โคตฺตวเสน ‘‘สกฺกา’’ติ ลทฺธนามานํฯ ยทิ เอโกปิ ชนปโท, กถํ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘รุฬฺหีสเทฺทนา’’ติฯ อกฺขรจินฺติกา หิ อีทิเสสุ ฐาเนสุ ยุเตฺต วิย สลิงฺควจนานิ อิจฺฉนฺติ, อยเมตฺถ รุฬฺหี ยถา ‘‘อวนฺตี กุรู’’ติ, ตพฺพิเสสเน ปน ชนปทสเทฺท ชาติสทฺทตาย เอกวจนเมวฯ อโรปิเมติ เกนจิ น โรปิเมฯ
37.Udānaṃpaṭiccāti ukkākaraññā jātisambhedaparihāranimittaṃ attano vaṃsaparisuddhaṃ nissāya vuttaṃ pītiudāhāraṃ paṭicca gottavasena ‘‘sakkā’’ti laddhanāmānaṃ. Yadi ekopi janapado, kathaṃ bahuvacananti āha ‘‘ruḷhīsaddenā’’ti. Akkharacintikā hi īdisesu ṭhānesu yutte viya saliṅgavacanāni icchanti, ayamettha ruḷhī yathā ‘‘avantī kurū’’ti, tabbisesane pana janapadasadde jātisaddatāya ekavacanameva. Aropimeti kenaci na ropime.
อาวรเณนาติ เสตุนาฯ พนฺธาเปตฺวาติ ปณฺฑุปลาสปาสาณมตฺติกขณฺฑาทีหิ อาลิํ ถิรํ การาเปตฺวาฯ สสฺสานิ กาเรนฺตีติ เชฎฺฐมาเส กิร ฆมฺมสฺส พลวภาเวน หิมวเนฺต หิมํ วิลียิตฺวา สนฺทิตฺวา อนุกฺกเมน โรหิณิํ นทิํ ปวิสติ, ตํ พนฺธิตฺวา สสฺสานิ กาเรนฺติฯ ‘‘ชาติํ ฆเฎฺฎตฺวา กลหํ วฑฺฒยิํสู’’ติ สเงฺขเปน วุตฺตมตฺถํ ปากฎตรํ กาตุํ ‘‘โกลิยกมฺมกรา วทนฺตี’’ติ อาหฯ นิยุตฺตอมจฺจานนฺติ ตสฺมิํ สสฺสปริปาลนกเมฺม นิโยชิตมหามตฺตานํฯ
Āvaraṇenāti setunā. Bandhāpetvāti paṇḍupalāsapāsāṇamattikakhaṇḍādīhi āliṃ thiraṃ kārāpetvā. Sassāni kārentīti jeṭṭhamāse kira ghammassa balavabhāvena himavante himaṃ vilīyitvā sanditvā anukkamena rohiṇiṃ nadiṃ pavisati, taṃ bandhitvā sassāni kārenti. ‘‘Jātiṃghaṭṭetvā kalahaṃ vaḍḍhayiṃsū’’ti saṅkhepena vuttamatthaṃ pākaṭataraṃ kātuṃ ‘‘koliyakammakarā vadantī’’ti āha. Niyuttaamaccānanti tasmiṃ sassaparipālanakamme niyojitamahāmattānaṃ.
ตีณิ ชาตกานีติ ‘‘กุฐาริหโตฺถ ปุริโส’’ติอาทินา ผนฺทนชาตกํ (ชา. ๑.๑๓.๑๔ อาทโย) ‘‘ทุทฺทุภายติ ภทฺทเนฺต’’ติอาทินา ทุทฺทุภชาตกํ, (ชา. ๑.๔.๘๕ อาทโย) ‘‘วนฺทามิ ตํ กุญฺชรา’’ติอาทินา ลฎุกิกชาตกนฺติ (ชา. ๑.๕.๓๙ อาทโย) อิมานิ ตีณิ ชาตกานิฯ เทฺว ชาตกานีติ –
Tīṇi jātakānīti ‘‘kuṭhārihattho puriso’’tiādinā phandanajātakaṃ (jā. 1.13.14 ādayo) ‘‘duddubhāyati bhaddante’’tiādinā duddubhajātakaṃ, (jā. 1.4.85 ādayo) ‘‘vandāmi taṃ kuñjarā’’tiādinā laṭukikajātakanti (jā. 1.5.39 ādayo) imāni tīṇi jātakāni. Dve jātakānīti –
‘‘สาธุ สมฺพหุลา ญาตี, อปิ รุกฺขา อรญฺญชา;
‘‘Sādhu sambahulā ñātī, api rukkhā araññajā;
วาโต วหติ เอกฎฺฐํ, พฺรหนฺตมฺปิ วนปฺปติ’’นฺติฯ –
Vāto vahati ekaṭṭhaṃ, brahantampi vanappati’’nti. –
อาทินา รุกฺขธมฺมชาตกํ (ชา. ๑.๑.๗๔)ฯ
Ādinā rukkhadhammajātakaṃ (jā. 1.1.74).
‘‘สโมฺมทมานา คจฺฉนฺติ, ชาลมาทาย ปกฺขิโน;
‘‘Sammodamānā gacchanti, jālamādāya pakkhino;
ยทา เต วิวทิสฺสนฺติ, ตทา เอหินฺติ เม วส’’นฺติฯ (ชา. ๑.๑.๓๓) –
Yadā te vivadissanti, tadā ehinti me vasa’’nti. (jā. 1.1.33) –
อาทินา สโมฺมทมานชาตกนฺติ อิมานิ เทฺว ชาตกานิฯ
Ādinā sammodamānajātakanti imāni dve jātakāni.
‘‘อตฺตทณฺฑา ภยํ ชาตํ, ชนํ ปสฺสถ เมธคํ;
‘‘Attadaṇḍā bhayaṃ jātaṃ, janaṃ passatha medhagaṃ;
สํเวคํ กิตฺตยิสฺสามิ, ยถา สํวิชิตํ มยา’’ติฯ (สุ. นิ. ๙๔๑) –
Saṃvegaṃ kittayissāmi, yathā saṃvijitaṃ mayā’’ti. (su. ni. 941) –
อาทินา อตฺตทณฺฑสุตฺตํฯ
Ādinā attadaṇḍasuttaṃ.
เตนาติ ภควตาฯ กลหกรณภาโวติ กลหกรณสฺส อตฺถิภาโวฯ มหาปถวิยา มหเคฺฆ ขตฺติเย กสฺมา นาเสถาติ ทเสฺสตฺวา กลหํ วูปสเมตุกาโม ภควา ปถวิํ นิทสฺสนภาเวน คณฺหีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปถวี นาม กิํ อคฺฆตี’’ติอาทิมาหฯ อฎฺฐาเนติ อการเณฯ เวรํ กตฺวาติ วิโรธํ อุปฺปาเทตฺวาฯ ตํตํปโลภนกิริยาย ปรกฺกมนฺติโย ‘‘อุกฺกณฺฐนฺตู’’ติ สาสนํ เปเสนฺติฯ กุณาลทเหติ กุณาลทหตีเร ปติฎฺฐายฯ ปุจฺฉิตํ กเถสิ อนุกฺกเมน กุณาลสกุณราชสฺส ปุจฺฉาปสเงฺคน กุณาลชาตกํ (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) กเถสฺสามีติฯ อนภิรติํ วิโนเทสิ อิตฺถีนํ โทสทสฺสนมุเขน กามานํ อาทีนโวการสํกิเลสวิภาวนวเสนฯ ปุริสปุริเสหีติ โกสชฺชํ วิทฺธํเสตฺวา ปุริสถามพฺรูหเนน อุตฺตมปุริเสหิ โน ภวิตุํ วฎฺฎตีติ อุปฺปนฺนจิตฺตา ฯ อวิสฺสฎฺฐสมณกมฺมนฺตา อปริจฺจตฺตกมฺมฎฺฐานาภิโยคาติ อโตฺถฯ นิสีทิตุํ วฎฺฎตีติ ภควา จิเนฺตสีติ โยชนาฯ
Tenāti bhagavatā. Kalahakaraṇabhāvoti kalahakaraṇassa atthibhāvo. Mahāpathaviyā mahagghe khattiye kasmā nāsethāti dassetvā kalahaṃ vūpasametukāmo bhagavā pathaviṃ nidassanabhāvena gaṇhīti dassento ‘‘pathavī nāma kiṃ agghatī’’tiādimāha. Aṭṭhāneti akāraṇe. Veraṃ katvāti virodhaṃ uppādetvā. Taṃtaṃpalobhanakiriyāya parakkamantiyo ‘‘ukkaṇṭhantū’’ti sāsanaṃ pesenti. Kuṇāladaheti kuṇāladahatīre patiṭṭhāya. Pucchitaṃ kathesi anukkamena kuṇālasakuṇarājassa pucchāpasaṅgena kuṇālajātakaṃ (jā. 2.21.kuṇālajātaka) kathessāmīti. Anabhiratiṃ vinodesi itthīnaṃ dosadassanamukhena kāmānaṃ ādīnavokārasaṃkilesavibhāvanavasena. Purisapurisehīti kosajjaṃ viddhaṃsetvā purisathāmabrūhanena uttamapurisehi no bhavituṃ vaṭṭatīti uppannacittā . Avissaṭṭhasamaṇakammantā apariccattakammaṭṭhānābhiyogāti attho. Nisīdituṃ vaṭṭatīti bhagavā cintesīti yojanā.
ปทุมินิยนฺติ ปทุมวเนฯ วิกสิํสุ คุณคณวิโพเธนฯ อยํ อิมสฺส…เป.… น กเถสีติ อิมินา สเพฺพปิ เต ภิกฺขู ตาวเทว ปฎิปาฎิยา อาคตตฺตา อญฺญมญฺญสฺส ลชฺชมานา อตฺตนา ปฎิลทฺธวิเสสํ ภควโต นาโรเจสุนฺติ ทเสฺสติฯ ขีณาสวานนฺติอาทินา ตตฺถ การณมาหฯ
Paduminiyanti padumavane. Vikasiṃsu guṇagaṇavibodhena. Ayaṃimassa…pe… na kathesīti iminā sabbepi te bhikkhū tāvadeva paṭipāṭiyā āgatattā aññamaññassa lajjamānā attanā paṭiladdhavisesaṃ bhagavato nārocesunti dasseti. Khīṇāsavānantiādinā tattha kāraṇamāha.
โอสฎมเตฺตติ ภควโต สนฺติกํ อุปคตมเตฺตฯ อริยมณฺฑเลติ อริยปุคฺคลสมูเหฯ ปาจีนยุคนฺธรปริเกฺขปโตติ ยุคนฺธรปพฺพตสฺส ปาจีนปริเกฺขปโต, น พาหิรเกหิ วุจฺจมานอุทยปพฺพตโตฯ รามเณยฺยกทสฺสนตฺถนฺติ พุทฺธุปฺปาทปฎิมณฺฑิตตฺตา วิเสสโต รมณียสฺส โลกสฺส รมณียภาวทสฺสนตฺถํฯ อุลฺลงฺฆิตฺวาติ อุฎฺฐหิตฺวาฯ เอวรูเป ขเณ ลเย มุหุเตฺตติ ยถาวุเตฺต จนฺทมณฺฑลสฺส อุฎฺฐิตกฺขเณ อุฎฺฐิตเวลายํ อุฎฺฐิตมุหุเตฺตติ อุปรูปริกาลสฺส วฑฺฒิตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ
Osaṭamatteti bhagavato santikaṃ upagatamatte. Ariyamaṇḍaleti ariyapuggalasamūhe. Pācīnayugandharaparikkhepatoti yugandharapabbatassa pācīnaparikkhepato, na bāhirakehi vuccamānaudayapabbatato. Rāmaṇeyyakadassanatthanti buddhuppādapaṭimaṇḍitattā visesato ramaṇīyassa lokassa ramaṇīyabhāvadassanatthaṃ. Ullaṅghitvāti uṭṭhahitvā. Evarūpe khaṇe laye muhutteti yathāvutte candamaṇḍalassa uṭṭhitakkhaṇe uṭṭhitavelāyaṃ uṭṭhitamuhutteti uparūparikālassa vaḍḍhitabhāvadassanatthaṃ vuttaṃ.
เตสํ ภิกฺขูนํ ชาติอาทิวเสน ภควโต อนุรูปปริวารภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาหฯ มหาสมฺมตสฺส วํเส อุปฺปโนฺนติอาทิ กุลวํสสุทฺธิทสฺสนํฯ ขตฺติยคเพฺภ ชาโตติ อิทํ สติปิ ชาติวิสุทฺธิยํ มาตาปิตูนํ วเสน อวิสุทฺธตา สิยาติ เตสมฺปิ ‘‘อวิสุทฺธตา นตฺถิ อิเมส’’นฺติ วิสุทฺธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ สติปิ จ คพฺภวิสุทฺธิยํ กตโทเสน มิสฺสกตฺตา อรชฺชารหตาปิ สิยาติ ‘‘ตมฺปิ นตฺถิ อิเมส’’นฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ราชปพฺพชิตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Tesaṃ bhikkhūnaṃ jātiādivasena bhagavato anurūpaparivārabhāvaṃ dassento ‘‘tatthā’’tiādimāha. Mahāsammatassa vaṃse uppannotiādi kulavaṃsasuddhidassanaṃ. Khattiyagabbhe jātoti idaṃ satipi jātivisuddhiyaṃ mātāpitūnaṃ vasena avisuddhatā siyāti tesampi ‘‘avisuddhatā natthi imesa’’nti visuddhidassanatthaṃ vuttaṃ. Satipi ca gabbhavisuddhiyaṃ katadosena missakattā arajjārahatāpi siyāti ‘‘tampi natthi imesa’’nti dassanatthaṃ ‘‘rājapabbajitā’’tiādi vuttaṃ.
สามนฺตาติ สมีเปฯ จลิํสูติ อุฎฺฐหิํสุฯ โกสมตฺตํ ฐานํ สทฺทนฺตรํ, ‘‘สทฺทสวนฎฺฐานเมว สทฺทนฺตร’’นฺติ อปเรฯ ติกฺขตฺตุํ เตสฎฺฐิยา นครสหเสฺสสูติ ชมฺพุทีเป กิร อาทิโต มหนฺตานิ เตสฎฺฐิ นครสหสฺสานิ อุปฺปนฺนานิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํฯ ตํ สนฺธายาห ‘‘ติกฺขตฺตุํ เตสฎฺฐิยา นครสหเสฺสสู’’ติฯ ตานิ ปน สมฺปิเณฺฑตฺวา สตสหสฺสโต ปรํ นวสหสฺสาธิกานิ อสีติสหสฺสานิฯ นวนวุติยา โทณมุขสตสหเสฺสสูติ นวสตสหสฺสาธิเกสุ นวุติสตสหเสฺสสุ โทณมุเขสุฯ โทณมุขนฺติ จ มหานครสฺส อายุปฺปตฺติฎฺฐานภูตํ ปาทนครํ วุจฺจติฯ ฉนวุติยา ปฎฺฎนโกฎิสตสหเสฺสสูติ ฉโกฎิสตสหสฺสอธิเกสุ นวุติโกฎิสตสหสฺสปฎฺฎเนสุฯ ตมฺพปณฺณิทีปาทิฉปณฺณาสาย รตนากเรสุฯ เอวํ ปน นคร-โทณมุขปฎฺฎน-รตนากราทิภาเวน กถนํ ตํตํอธิวตฺถาย วสนฺตีนํ ตาสํ เทวตานํ พหุภาวทสฺสนตฺถํฯ ยทิ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวตา สนฺนิปติตาฯ อถ กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘ทสหิ จ โลกธาตูหี’’ติ? วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ทสสหสฺส…เป.… อธิเปฺปต’’นฺติฯ เตน สหสฺสิโลกธาตุ อิธ ‘‘เอกา โลกธาตู’’ติ เวทิตพฺพาฯ
Sāmantāti samīpe. Caliṃsūti uṭṭhahiṃsu. Kosamattaṃ ṭhānaṃ saddantaraṃ, ‘‘saddasavanaṭṭhānameva saddantara’’nti apare. Tikkhattuṃ tesaṭṭhiyā nagarasahassesūti jambudīpe kira ādito mahantāni tesaṭṭhi nagarasahassāni uppannāni, tathā dutiyaṃ, tathā tatiyaṃ. Taṃ sandhāyāha ‘‘tikkhattuṃ tesaṭṭhiyā nagarasahassesū’’ti. Tāni pana sampiṇḍetvā satasahassato paraṃ navasahassādhikāni asītisahassāni. Navanavutiyā doṇamukhasatasahassesūti navasatasahassādhikesu navutisatasahassesu doṇamukhesu. Doṇamukhanti ca mahānagarassa āyuppattiṭṭhānabhūtaṃ pādanagaraṃ vuccati. Chanavutiyā paṭṭanakoṭisatasahassesūti chakoṭisatasahassaadhikesu navutikoṭisatasahassapaṭṭanesu. Tambapaṇṇidīpādichapaṇṇāsāya ratanākaresu. Evaṃ pana nagara-doṇamukhapaṭṭana-ratanākarādibhāvena kathanaṃ taṃtaṃadhivatthāya vasantīnaṃ tāsaṃ devatānaṃ bahubhāvadassanatthaṃ. Yadi dasasahassacakkavāḷesu devatā sannipatitā. Atha kasmā pāḷiyaṃ ‘‘dasahi ca lokadhātūhī’’ti? Vuttanti āha ‘‘dasasahassa…pe… adhippeta’’nti. Tena sahassilokadhātu idha ‘‘ekā lokadhātū’’ti veditabbā.
โลหปาสาเทติ สพฺพปฐมกเต โลหปาสาเทฯ พฺรหฺมโลเกติ เหฎฺฐิเม พฺรหฺมโลเกฯ ยทิ ตา เทวตา เอวํ นิรนฺตรา หุตฺวา สนฺนิปติตา, ปจฺฉา อาคตานํ โอกาโส เอว น ภเวยฺยาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ยถา โข ปนา’’ติอาทิฯ
Lohapāsādeti sabbapaṭhamakate lohapāsāde. Brahmaloketi heṭṭhime brahmaloke. Yadi tā devatā evaṃ nirantarā hutvā sannipatitā, pacchā āgatānaṃ okāso eva na bhaveyyāti codanaṃ sandhāyāha ‘‘yathā kho panā’’tiādi.
สุทฺธาวาสกาเย อุปฺปนฺนา สุทฺธาวาสกายิกาฯ ตาสํ ปน ยสฺมา สุทฺธาวาสภูมิ นิวาสฎฺฐานํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สุทฺธาวาสวาสีน’’นฺติฯ อาวาสาติ อาวาสฎฺฐานภูตาฯ เทวตา ปน โอรมฺภาคิยานํ อิตเรสญฺจ สํโยชนานํ สมุจฺฉินฺนเฎฺฐน สุโทฺธ อาวาโส วิหาโร เอเตสนฺติ สุทฺธาวาสาฯ มหาสมาคมํ ญตฺวาติ มหาสมาคมํ คตาติ ญตฺวาฯ
Suddhāvāsakāye uppannā suddhāvāsakāyikā. Tāsaṃ pana yasmā suddhāvāsabhūmi nivāsaṭṭhānaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘suddhāvāsavāsīna’’nti. Āvāsāti āvāsaṭṭhānabhūtā. Devatā pana orambhāgiyānaṃ itaresañca saṃyojanānaṃ samucchinnaṭṭhena suddho āvāso vihāro etesanti suddhāvāsā. Mahāsamāgamaṃ ñatvāti mahāsamāgamaṃ gatāti ñatvā.
ปุรตฺถิมจกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยํ โอตริ อญฺญตฺถ โอกาสํ อลภมาโนฯ เอวํ เสสาปิฯ มณิวมฺมนฺติ อินฺทนีลมณิมยํ กวจํฯ พุทฺธานํ อภิมุขภาโค พุทฺธวีถิ, สา ยาว จกฺกวาฬา อุตฺตริตุํ น สกฺกาฯ มหติยา พุทฺธวีถิยาวาติ พุทฺธานํ สนฺติกํ อุปสงฺกมเนฺตหิ เตหิ เทวพฺรเหฺมหิ วลญฺชิตพุทฺธวีถิยาวฯ
Puratthimacakkavāḷamukhavaṭṭiyaṃ otari aññattha okāsaṃ alabhamāno. Evaṃ sesāpi. Maṇivammanti indanīlamaṇimayaṃ kavacaṃ. Buddhānaṃ abhimukhabhāgo buddhavīthi, sā yāva cakkavāḷā uttarituṃ na sakkā. Mahatiyā buddhavīthiyāvāti buddhānaṃ santikaṃ upasaṅkamantehi tehi devabrahmehi valañjitabuddhavīthiyāva.
สมิติ สงฺคติ สนฺนิปาโต สมโย, มหโนฺต สมโย มหาสมโยติ อาห ‘‘มหาสมูโห’’ติฯ ปวทฺธํ วนํ ปวนนฺติ อาห ‘‘วนสโณฺฑ’’ติฯ เทวฆฎาติ เทวสมูหาฯ สมาทหํสูติ สมาหิตํ โลกุตฺตรสมาธิํ สุฎฺฐุ อปฺปิตํ อกํสุฯ ตถา สมาหิตํ ปน สมาธินา นิโยชิตํ นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สมาธินา โยเชสุ’’นฺติฯ สเพฺพสํ โคมุตฺตวงฺกาทีนํ ทูรสมุสฺสาริตตฺตา อตฺตโน…เป.… อกริํสุฯ วินยติ อเสฺส เอเตหีติ เนตฺตานิ, โยตฺตานิฯ อวีถิปฎิปนฺนานํ อสฺสานํ วีถิปฎิปาทนํ รสฺมิคฺคหเณน โหตีติ ‘‘โยตฺตานิ คเหตฺวา อโจเทโนฺต’’ติ วตฺวา ตํ ปน อโจทนํ อวารณเมวาติ อาห ‘‘อโจเทโนฺต อวาเรโนฺต’’ติฯ
Samiti saṅgati sannipāto samayo, mahanto samayo mahāsamayoti āha ‘‘mahāsamūho’’ti. Pavaddhaṃ vanaṃ pavananti āha ‘‘vanasaṇḍo’’ti. Devaghaṭāti devasamūhā. Samādahaṃsūti samāhitaṃ lokuttarasamādhiṃ suṭṭhu appitaṃ akaṃsu. Tathā samāhitaṃ pana samādhinā niyojitaṃ nāma hotīti vuttaṃ ‘‘samādhinā yojesu’’nti. Sabbesaṃ gomuttavaṅkādīnaṃ dūrasamussāritattā attano…pe… akariṃsu. Vinayati asse etehīti nettāni, yottāni. Avīthipaṭipannānaṃ assānaṃ vīthipaṭipādanaṃ rasmiggahaṇena hotīti ‘‘yottāni gahetvā acodento’’ti vatvā taṃ pana acodanaṃ avāraṇamevāti āha ‘‘acodento avārento’’ti.
ยถา ขีลํ ภิตฺติยํ, ภูมิยํ วา อาโกฎิตํ ทุนฺนีหรณํ, ยถา จ ปลิฆํ นครปฺปเวสนิวารณํ, ยถา จ อินฺทขีลํ คมฺภีรเนมิ สุนิขาตํ ทุนฺนีหรณํ, เอวํ ราคาทโย สตฺตสนฺตานโต ทุนฺนีหรณา นิพฺพานนครปฺปเวสนิวารณา จาติ เต ‘‘ขีลํ ปลิฆํ อินฺทขีล’’นฺติ จ วุตฺตาฯ อูหจฺจาติ อุทฺธริตฺวาฯ ตณฺหาเอชาย อภาเวน อเนชาฯ ปรมสนฺตุฎฺฐภาเวน จาตุทฺทิสตฺตา อปฺปฎิหตจาริกํ จรนฺติฯ พุทฺธจกฺขุ-ธมฺมจกฺขุ-ทิพฺพจกฺขุ-สมนฺตจกฺขุ-ปกติจกฺขูนํ วเสน ปญฺจหิ จกฺขูหิฯ สุทนฺตา กุโตติ อาห ‘‘จกฺขุโตปี’’ติฯ ฉนฺทาทีหีติ ฉนฺทาทีนํ วเสน น คจฺฉนฺติ น วตฺตนฺติฯ น อาคจฺฉนฺติ อนุปฺปาทนโตฯ อาคุนฺติ อปราธํฯ
Yathā khīlaṃ bhittiyaṃ, bhūmiyaṃ vā ākoṭitaṃ dunnīharaṇaṃ, yathā ca palighaṃ nagarappavesanivāraṇaṃ, yathā ca indakhīlaṃ gambhīranemi sunikhātaṃ dunnīharaṇaṃ, evaṃ rāgādayo sattasantānato dunnīharaṇā nibbānanagarappavesanivāraṇā cāti te ‘‘khīlaṃ palighaṃ indakhīla’’nti ca vuttā. Ūhaccāti uddharitvā. Taṇhāejāya abhāvena anejā. Paramasantuṭṭhabhāvena cātuddisattā appaṭihatacārikaṃ caranti. Buddhacakkhu-dhammacakkhu-dibbacakkhu-samantacakkhu-pakaticakkhūnaṃ vasena pañcahi cakkhūhi. Sudantā kutoti āha ‘‘cakkhutopī’’ti. Chandādīhīti chandādīnaṃ vasena na gacchanti na vattanti. Na āgacchanti anuppādanato. Āgunti aparādhaṃ.
สพฺพสํโยคาติ วิภตฺติโลเปน นิเทฺทโส, สเพฺพ สํโยเคติ อโตฺถฯ วิสชฺชาติ วิสชฺชิตฺวาฯ เอวมฺปีติ อิมายปิ คาถาย วเสน ‘‘อาคุํ น กโรตี’’ติ ปเทฯ
Sabbasaṃyogāti vibhattilopena niddeso, sabbe saṃyogeti attho. Visajjāti visajjitvā. Evampīti imāyapi gāthāya vasena ‘‘āguṃ na karotī’’ti pade.
คตาเสติ คตา เอวฯ น คมิสฺสนฺติ ปรินิฎฺฐิตสรณคมนตฺตาฯ โลกุตฺตรสรณคมนเญฺหตฺถ อธิเปฺปตํฯ เตนาห ‘‘นิเพฺพมติกสรณคมเนน คตา’’ติฯ เต หิ นิยเมน อปายํ น คมิสฺสนฺติ, เทวกายญฺจ ปริปูเรสฺสนฺติฯ เย ปน โลกิเยน สรณคมเนน พุทฺธํ สรณํ คตา, น เต คมิสฺสนฺติ อปายํ, สติ จ ปจฺจยนฺตรสมวาเย ปหาย มานุสํ เทหํ เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตีติฯ เตนาห โส พฺรหฺมา ‘‘เย เกจิ พุทฺธํ…เป.… ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติฯ
Gatāseti gatā eva. Na gamissanti pariniṭṭhitasaraṇagamanattā. Lokuttarasaraṇagamanañhettha adhippetaṃ. Tenāha ‘‘nibbematikasaraṇagamanena gatā’’ti. Te hi niyamena apāyaṃ na gamissanti, devakāyañca paripūressanti. Ye pana lokiyena saraṇagamanena buddhaṃ saraṇaṃ gatā, na te gamissanti apāyaṃ, sati ca paccayantarasamavāye pahāya mānusaṃ dehaṃ devakāyaṃ paripūressantīti. Tenāha so brahmā ‘‘ye keci buddhaṃ…pe… paripūressantī’’ti.
สมยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Samayasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๗. สมยสุตฺตํ • 7. Samayasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. สมยสุตฺตวณฺณนา • 7. Samayasuttavaṇṇanā