Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๕๑๕] ๕. สมฺภวชาตกวณฺณนา

    [515] 5. Sambhavajātakavaṇṇanā

    รชฺชญฺจ ปฎิปนฺนาสฺมาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ปญฺญาปารมิํ อารพฺภ กเถสิฯ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ มหาอุมงฺคชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติฯ

    Rajjañcapaṭipannāsmāti idaṃ satthā jetavane viharanto paññāpāramiṃ ārabbha kathesi. Paccuppannavatthu mahāumaṅgajātake (jā. 2.22.590 ādayo) āvi bhavissati.

    อตีเต ปน กุรุรเฎฺฐ อินฺทปตฺถนคเร ธนญฺจยโกรโพฺย นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิฯ ตสฺส สุจิรโต นาม พฺราหฺมโณ ปุโรหิโต อตฺถธมฺมานุสาสโก อโหสิฯ ราชา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กโรโนฺต ธเมฺมน รชฺชมนุสาสิฯ โส เอกทิวสํ ธมฺมยาคํ นาม ปญฺหํ อภิสงฺขริตฺวา สุจิรตํ นาม พฺราหฺมณํ ปุโรหิตํ อาสเน นิสีทาเปตฺวา สกฺการํ กตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉโนฺต จตโสฺส คาถาโย อภาสิ –

    Atīte pana kururaṭṭhe indapatthanagare dhanañcayakorabyo nāma rājā rajjaṃ kāresi. Tassa sucirato nāma brāhmaṇo purohito atthadhammānusāsako ahosi. Rājā dānādīni puññāni karonto dhammena rajjamanusāsi. So ekadivasaṃ dhammayāgaṃ nāma pañhaṃ abhisaṅkharitvā sucirataṃ nāma brāhmaṇaṃ purohitaṃ āsane nisīdāpetvā sakkāraṃ katvā pañhaṃ pucchanto catasso gāthāyo abhāsi –

    ๑๓๘.

    138.

    ‘‘รชฺชญฺจ ปฎิปนฺนาสฺม, อาธิปจฺจํ สุจีรต;

    ‘‘Rajjañca paṭipannāsma, ādhipaccaṃ sucīrata;

    มหตฺตํ ปตฺตุมิจฺฉามิ, วิเชตุํ ปถวิํ อิมํฯ

    Mahattaṃ pattumicchāmi, vijetuṃ pathaviṃ imaṃ.

    ๑๓๙.

    139.

    ‘‘ธเมฺมน โน อธเมฺมน, อธโมฺม เม น รุจฺจติ;

    ‘‘Dhammena no adhammena, adhammo me na ruccati;

    กิโจฺจว ธโมฺม จริโต, รโญฺญ โหติ สุจีรตฯ

    Kiccova dhammo carito, rañño hoti sucīrata.

    ๑๔๐.

    140.

    ‘‘อิธ เจวานินฺทิตา เยน, เปจฺจ เยน อนินฺทิตา;

    ‘‘Idha cevāninditā yena, pecca yena aninditā;

    ยสํ เทวมนุเสฺสสุ, เยน ปโปฺปมุ พฺราหฺมณฯ

    Yasaṃ devamanussesu, yena pappomu brāhmaṇa.

    ๑๔๑.

    141.

    ‘‘โยหํ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ, กตฺตุมิจฺฉามิ พฺราหฺมณ;

    ‘‘Yohaṃ atthañca dhammañca, kattumicchāmi brāhmaṇa;

    ตํ ตฺวํ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ, พฺราหฺมณกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ

    Taṃ tvaṃ atthañca dhammañca, brāhmaṇakkhāhi pucchito’’ti.

    ตตฺถ รชฺชนฺติ, อาจริย, มยํ อิมสฺมิํ สตฺตโยชนิเก อินฺทปตฺถนคเร รชฺชญฺจ, ติโยชนสติเก กุรุรเฎฺฐ อิสฺสรภาวสงฺขาตํ อาธิปจฺจญฺจฯ ปฎิปนฺนาสฺมาติ อธิคตา ภวามฯ มหตฺตนฺติ อิทานิ มหนฺตภาวํฯ ปตฺตุมิจฺฉามิ วิเชตุนฺติ อิมํ ปถวิํ ธเมฺมน อภิภวิตุํ อโชฺฌตฺถริตุํ อิจฺฉามิฯ กิโจฺจวาติ อวเสสชเนหิ รโญฺญ จริโต ธโมฺม กิโจฺจ กรณียตโรฯ ราชานุวตฺตโก หิ โลโก, โส ตสฺมิํ ธมฺมิเก สโพฺพปิ ธมฺมิโก โหติฯ ตสฺมา เอส ธโมฺม นาม รโญฺญว กิโจฺจติฯ

    Tattha rajjanti, ācariya, mayaṃ imasmiṃ sattayojanike indapatthanagare rajjañca, tiyojanasatike kururaṭṭhe issarabhāvasaṅkhātaṃ ādhipaccañca. Paṭipannāsmāti adhigatā bhavāma. Mahattanti idāni mahantabhāvaṃ. Pattumicchāmi vijetunti imaṃ pathaviṃ dhammena abhibhavituṃ ajjhottharituṃ icchāmi. Kiccovāti avasesajanehi rañño carito dhammo kicco karaṇīyataro. Rājānuvattako hi loko, so tasmiṃ dhammike sabbopi dhammiko hoti. Tasmā esa dhammo nāma raññova kiccoti.

    อิธ เจวานินฺทิตาติ เยน มยํ อิธโลเก ปรโลเก จ อนินฺทิตาฯ เยน ปโปฺปมูติ เยน มยํ นิรยาทีสุ อนิพฺพตฺติตฺวา เทเวสุ จ มนุเสฺสสุ จ ยสํ อิสฺสริยํ โสภคฺคํ ปาปุเณยฺยาม, ตํ โน การณํ กเถหีติ ฯ โยหนฺติ, พฺราหฺมณ, โย อหํ ผลวิปากสงฺขาตํ อตฺถญฺจ ตสฺส อตฺถสฺส เหตุภูตํ ธมฺมญฺจ กตฺตุํ สมาทาย วตฺติตุํ อุปฺปาเทตุญฺจ อิจฺฉามิฯ ตํ ตฺวนฺติ ตสฺส มยฺหํ ตฺวํ สุเขเนว นิพฺพานคามิมคฺคํ อารุยฺห อปฎิสนฺธิกภาวํ ปเตฺถนฺตสฺส ตํ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ ปุจฺฉิโต อกฺขาหิ, ปากฎํ กตฺวา กเถหีติ พฺราหฺมณํ ธมฺมยาคปญฺหํ ปุจฺฉิฯ

    Idha cevāninditāti yena mayaṃ idhaloke paraloke ca aninditā. Yena pappomūti yena mayaṃ nirayādīsu anibbattitvā devesu ca manussesu ca yasaṃ issariyaṃ sobhaggaṃ pāpuṇeyyāma, taṃ no kāraṇaṃ kathehīti . Yohanti, brāhmaṇa, yo ahaṃ phalavipākasaṅkhātaṃ atthañca tassa atthassa hetubhūtaṃ dhammañca kattuṃ samādāya vattituṃ uppādetuñca icchāmi. Taṃ tvanti tassa mayhaṃ tvaṃ sukheneva nibbānagāmimaggaṃ āruyha apaṭisandhikabhāvaṃ patthentassa taṃ atthañca dhammañca pucchito akkhāhi, pākaṭaṃ katvā kathehīti brāhmaṇaṃ dhammayāgapañhaṃ pucchi.

    อยํ ปน ปโญฺห คมฺภีโร พุทฺธวิสโย, สพฺพญฺญุพุทฺธเมว ตํ ปุจฺฉิตุํ ยุตฺตํ, ตสฺมิํ อสติ สพฺพญฺญุตญฺญาณปริเยสกํ โพธิสตฺตนฺติฯ สุจิรโต ปน อตฺตโน อโพธิสตฺตตาย ปญฺหํ กเถตุํ นาสกฺขิ, อสโกฺกโนฺต จ ปณฺฑิตมานํ อกตฺวา อตฺตโน อสมตฺถภาวํ กเถโนฺต คาถมาห –

    Ayaṃ pana pañho gambhīro buddhavisayo, sabbaññubuddhameva taṃ pucchituṃ yuttaṃ, tasmiṃ asati sabbaññutaññāṇapariyesakaṃ bodhisattanti. Sucirato pana attano abodhisattatāya pañhaṃ kathetuṃ nāsakkhi, asakkonto ca paṇḍitamānaṃ akatvā attano asamatthabhāvaṃ kathento gāthamāha –

    ๑๔๒.

    142.

    ‘‘นาญฺญตฺร วิธุรา ราช, เอตทกฺขาตุมรหติ;

    ‘‘Nāññatra vidhurā rāja, etadakkhātumarahati;

    ยํ ตฺวํ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ, กตฺตุมิจฺฉสิ ขตฺติยา’’ติฯ

    Yaṃ tvaṃ atthañca dhammañca, kattumicchasi khattiyā’’ti.

    ตสฺสโตฺถ – อวิสโย เอส, มหาราช, ปโญฺห มาทิสานํฯ อหญฺหิ เนวสฺส อาทิํ, น ปริโยสานํ ปสฺสามิ, อนฺธการํ ปวิโฎฺฐ วิย โหมิฯ พาราณสิรโญฺญ ปน ปุโรหิโต วิธุโร นาม พฺราหฺมโณ อตฺถิ, โส เอตํ อาจิเกฺขยฺย, ตํ ฐเปตฺวา ยํ ตฺวํ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ กตฺตุมิจฺฉสิ, เอตํ อกฺขาตุํ น อโญฺญ อรหตีติฯ

    Tassattho – avisayo esa, mahārāja, pañho mādisānaṃ. Ahañhi nevassa ādiṃ, na pariyosānaṃ passāmi, andhakāraṃ paviṭṭho viya homi. Bārāṇasirañño pana purohito vidhuro nāma brāhmaṇo atthi, so etaṃ ācikkheyya, taṃ ṭhapetvā yaṃ tvaṃ atthañca dhammañca kattumicchasi, etaṃ akkhātuṃ na añño arahatīti.

    ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, ขิปฺปํ ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉาหี’’ติ ปณฺณาการํ ทตฺวา ตํ เปเสตุกาโม หุตฺวา คาถมาห –

    Rājā tassa vacanaṃ sutvā ‘‘tena hi, brāhmaṇa, khippaṃ tassa santikaṃ gacchāhī’’ti paṇṇākāraṃ datvā taṃ pesetukāmo hutvā gāthamāha –

    ๑๔๓.

    143.

    ‘‘เอหิ โข ปหิโต คจฺฉ, วิธุรสฺส อุปนฺติกํ;

    ‘‘Ehi kho pahito gaccha, vidhurassa upantikaṃ;

    นิกฺขญฺจิมํ สุวณฺณสฺส, หรํ คจฺฉ สุจีรต;

    Nikkhañcimaṃ suvaṇṇassa, haraṃ gaccha sucīrata;

    อภิหารํ อิมํ ทชฺชา, อตฺถธมฺมานุสิฎฺฐิยา’’ติฯ

    Abhihāraṃ imaṃ dajjā, atthadhammānusiṭṭhiyā’’ti.

    ตตฺถ อุปนฺติกนฺติ สนฺติกํฯ นิกฺขนฺติ ปญฺจสุวโณฺณ เอโก นิโกฺขฯ อยํ ปน รตฺตสุวณฺณสฺส นิกฺขสหสฺสํ ทตฺวา เอวมาหฯ อิมํ ทชฺชาติ เตน อิมสฺมิํ ธมฺมยาคปเญฺห กถิเต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสิฎฺฐิยา อภิหารปูชํ กโรโนฺต อิมํ นิกฺขสหสฺสํ ทเทยฺยาสีติฯ

    Tattha upantikanti santikaṃ. Nikkhanti pañcasuvaṇṇo eko nikkho. Ayaṃ pana rattasuvaṇṇassa nikkhasahassaṃ datvā evamāha. Imaṃ dajjāti tena imasmiṃ dhammayāgapañhe kathite tassa atthadhammānusiṭṭhiyā abhihārapūjaṃ karonto imaṃ nikkhasahassaṃ dadeyyāsīti.

    เอวญฺจ ปน วตฺวา ปญฺหวิสฺสชฺชนสฺส ลิขนตฺถาย สตสหสฺสคฺฆนกํ สุวณฺณปฎฺฎญฺจ คมนตฺถาย ยานํ, ปริวารตฺถาย พลกายํ, ตญฺจ ปณฺณาการํ ทตฺวา ตงฺขณเญฺญว อุโยฺยเชสิฯ โส ปน อินฺทปตฺถนครา นิกฺขมิตฺวา อุชุกเมว พาราณสิํ อคนฺตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ปณฺฑิตา วสนฺติ, สพฺพานิ ตานิ ฐานานิ อุปสงฺกมิตฺวา สกลชมฺพุทีเป ปญฺหสฺส วิสฺสเชฺชตารํ อลภิตฺวา อนุปุเพฺพน พาราณสิํ ปตฺวา เอกสฺมิํ ฐาเน นิวาสํ คเหตฺวา กติปเยหิ ชเนหิ สทฺธิํ ปาตราสภุญฺชนเวลาย วิธุรสฺส นิเวสนํ คนฺตฺวา อาคตภาวํ อาโรจาเปตฺวา เตน ปโกฺกสาปิโต ตํ สเก ฆเร ภุญฺชมานํ อทฺทสฯ ตมตฺถํ อาวิกโรโนฺต สตฺถา สตฺตมํ คาถมาห –

    Evañca pana vatvā pañhavissajjanassa likhanatthāya satasahassagghanakaṃ suvaṇṇapaṭṭañca gamanatthāya yānaṃ, parivāratthāya balakāyaṃ, tañca paṇṇākāraṃ datvā taṅkhaṇaññeva uyyojesi. So pana indapatthanagarā nikkhamitvā ujukameva bārāṇasiṃ agantvā yattha yattha paṇḍitā vasanti, sabbāni tāni ṭhānāni upasaṅkamitvā sakalajambudīpe pañhassa vissajjetāraṃ alabhitvā anupubbena bārāṇasiṃ patvā ekasmiṃ ṭhāne nivāsaṃ gahetvā katipayehi janehi saddhiṃ pātarāsabhuñjanavelāya vidhurassa nivesanaṃ gantvā āgatabhāvaṃ ārocāpetvā tena pakkosāpito taṃ sake ghare bhuñjamānaṃ addasa. Tamatthaṃ āvikaronto satthā sattamaṃ gāthamāha –

    ๑๔๔.

    144.

    ‘‘สฺวาธิปฺปาคา ภารทฺวาโช, วิธุรสฺส อุปนฺติกํ;

    ‘‘Svādhippāgā bhāradvājo, vidhurassa upantikaṃ;

    ตมทฺทส มหาพฺรหฺมา, อสมานํ สเก ฆเร’’ติฯ

    Tamaddasa mahābrahmā, asamānaṃ sake ghare’’ti.

    ตตฺถ สฺวาธิปฺปาคาติ โส ภารทฺวาชโคโตฺต สุจิรโต อธิปฺปาคา, คโตติ อโตฺถฯ มหาพฺรหฺมาติ มหาพฺราหฺมโณฯ อสมานนฺติ ภุญฺชมานํฯ

    Tattha svādhippāgāti so bhāradvājagotto sucirato adhippāgā, gatoti attho. Mahābrahmāti mahābrāhmaṇo. Asamānanti bhuñjamānaṃ.

    โส ปน ตสฺส พาลสหายโก เอกาจริยกุเล อุคฺคหิตสิโปฺป, ตสฺมา เตน สทฺธิํ เอกโต ภุญฺชิตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สุขนิสิโนฺน ‘‘สมฺม กิมตฺถํ อาคโตสี’’ติ ปุโฎฺฐ อาคมนการณํ อาจิกฺขโนฺต อฎฺฐมํ คาถมาห –

    So pana tassa bālasahāyako ekācariyakule uggahitasippo, tasmā tena saddhiṃ ekato bhuñjitvā bhattakiccapariyosāne sukhanisinno ‘‘samma kimatthaṃ āgatosī’’ti puṭṭho āgamanakāraṇaṃ ācikkhanto aṭṭhamaṃ gāthamāha –

    ๑๔๕.

    145.

    ‘‘รโญฺญหํ ปหิโต ทูโต, โกรพฺยสฺส ยสสฺสิโน;

    ‘‘Raññohaṃ pahito dūto, korabyassa yasassino;

    ‘อตฺถํ ธมฺมญฺจ ปุเจฺฉสิ’, อิจฺจพฺรวิ ยุธิฎฺฐิโล;

    ‘Atthaṃ dhammañca pucchesi’, iccabravi yudhiṭṭhilo;

    ตํ ตฺวํ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ, วิธุรกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ

    Taṃ tvaṃ atthañca dhammañca, vidhurakkhāhi pucchito’’ti.

    ตตฺถ รโญฺญหนฺติ อหํ รโญฺญ โกรพฺยสฺส ยสสฺสิโน ทูโตฯ ปหิโตติ เตน เปสิโต อิธาคมิํฯ ปุเจฺฉสีติ โส ยุธิฎฺฐิลโคโตฺต ธนญฺจยราชา มํ ธมฺมยาคปญฺหํ นาม ปุจฺฉิ, อหํ กเถตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘ตฺวํ สกฺขิสฺสสี’’ติ ญตฺวา ตสฺส อาโรเจสิํ, โส จ ปณฺณาการํ ทตฺวา ปญฺหปุจฺฉนตฺถาย มํ ตว สนฺติกํ เปเสโนฺต ‘‘วิธุรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อิมสฺส ปญฺหสฺส อตฺถญฺจ ปาฬิธมฺมญฺจ ปุเจฺฉยฺยาสี’’ติ อพฺรวิฯ ‘‘ตํ ตฺวํ อิทานิ มยา ปุจฺฉิโต อกฺขาหี’’ติฯ

    Tattha raññohanti ahaṃ rañño korabyassa yasassino dūto. Pahitoti tena pesito idhāgamiṃ. Pucchesīti so yudhiṭṭhilagotto dhanañcayarājā maṃ dhammayāgapañhaṃ nāma pucchi, ahaṃ kathetuṃ asakkonto ‘‘tvaṃ sakkhissasī’’ti ñatvā tassa ārocesiṃ, so ca paṇṇākāraṃ datvā pañhapucchanatthāya maṃ tava santikaṃ pesento ‘‘vidhurassa santikaṃ gantvā imassa pañhassa atthañca pāḷidhammañca puccheyyāsī’’ti abravi. ‘‘Taṃ tvaṃ idāni mayā pucchito akkhāhī’’ti.

    ตทา ปน โส พฺราหฺมโณ ‘‘มหาชนสฺส จิตฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ คงฺคํ ปิทหโนฺต วิย วินิจฺฉยํ วิจาเรติฯ ตสฺส ปญฺหวิสฺสชฺชเน โอกาโส นตฺถิฯ โส ตมตฺถํ อาจิกฺขโนฺต นวมํ คาถมาห –

    Tadā pana so brāhmaṇo ‘‘mahājanassa cittaṃ gaṇhissāmī’’ti gaṅgaṃ pidahanto viya vinicchayaṃ vicāreti. Tassa pañhavissajjane okāso natthi. So tamatthaṃ ācikkhanto navamaṃ gāthamāha –

    ๑๔๖.

    146.

    ‘‘คงฺคํ เม ปิทหิสฺสนฺติ, น ตํ สโกฺกมิ พฺราหฺมณ;

    ‘‘Gaṅgaṃ me pidahissanti, na taṃ sakkomi brāhmaṇa;

    อปิเธตุํ มหาสินฺธุํ, ตํ กถํ โส ภวิสฺสติ;

    Apidhetuṃ mahāsindhuṃ, taṃ kathaṃ so bhavissati;

    น เต สโกฺกมิ อกฺขาตุํ, อตฺถํ ธมฺมญฺจ ปุจฺฉิโต’’ติฯ

    Na te sakkomi akkhātuṃ, atthaṃ dhammañca pucchito’’ti.

    ตสฺสโตฺถ – พฺราหฺมณ, มยฺหํ ‘‘มหาชนสฺส นานาจิตฺตคติสงฺขาตํ คงฺคํ ปิทหิสฺส’’นฺติ พฺยาปาโร อุปฺปโนฺน, ตมหํ มหาสินฺธุํ อปิเธตุํ น สโกฺกมิ, ตสฺมา กถํ โส โอกาโส ภวิสฺสติ, ยสฺมา เต อหํ ปญฺหํ วิสฺสเชฺชยฺยํฯ อิติ จิเตฺตกคฺคตเญฺจว โอกาสญฺจ อลภโนฺต น เต สโกฺกมิ อกฺขาตุํ อตฺถํ ธมฺมญฺจ ปุจฺฉิโตติฯ

    Tassattho – brāhmaṇa, mayhaṃ ‘‘mahājanassa nānācittagatisaṅkhātaṃ gaṅgaṃ pidahissa’’nti byāpāro uppanno, tamahaṃ mahāsindhuṃ apidhetuṃ na sakkomi, tasmā kathaṃ so okāso bhavissati, yasmā te ahaṃ pañhaṃ vissajjeyyaṃ. Iti cittekaggatañceva okāsañca alabhanto na te sakkomi akkhātuṃ atthaṃ dhammañca pucchitoti.

    เอวญฺจ ปน วตฺวา ‘‘ปุโตฺต เม ปณฺฑิโต มยา ญาณวนฺตตโร, โส เต พฺยากริสฺสติ, ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉาหี’’ติ วตฺวา ทสมํ คาถมาห –

    Evañca pana vatvā ‘‘putto me paṇḍito mayā ñāṇavantataro, so te byākarissati, tassa santikaṃ gacchāhī’’ti vatvā dasamaṃ gāthamāha –

    ๑๔๗.

    147.

    ‘‘ภทฺรกาโร จ เม ปุโตฺต, โอรโส มม อตฺรโช;

    ‘‘Bhadrakāro ca me putto, oraso mama atrajo;

    ตํ ตฺวํ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ, คนฺตฺวา ปุจฺฉสฺสุ พฺราหฺมณา’’ติฯ

    Taṃ tvaṃ atthañca dhammañca, gantvā pucchassu brāhmaṇā’’ti.

    ตตฺถ โอรโสติ อุเร สํวโฑฺฒฯ อตฺรโชติ อตฺตนา ชาโตติฯ

    Tattha orasoti ure saṃvaḍḍho. Atrajoti attanā jātoti.

    ตํ สุตฺวา สุจิรโต วิธุรสฺส ฆรา นิกฺขมิตฺวา ภทฺรการสฺส ภุตฺตปาตราสสฺส อตฺตโน ปริสมเชฺฌ นิสินฺนกาเล นิเวสนํ อคมาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา เอกาทสมํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā sucirato vidhurassa gharā nikkhamitvā bhadrakārassa bhuttapātarāsassa attano parisamajjhe nisinnakāle nivesanaṃ agamāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā ekādasamaṃ gāthamāha –

    ๑๔๘.

    148.

    ‘‘สฺวาธิปฺปาคา ภารทฺวาโช, ภทฺรการสฺสุปนฺติกํ;

    ‘‘Svādhippāgā bhāradvājo, bhadrakārassupantikaṃ;

    ตมทฺทส มหาพฺรหฺมา, นิสินฺนํ สมฺหิ เวสฺมนี’’ติฯ

    Tamaddasa mahābrahmā, nisinnaṃ samhi vesmanī’’ti.

    ตตฺถ เวสฺมนีติ ฆเรฯ

    Tattha vesmanīti ghare.

    โส ตตฺถ คนฺตฺวา ภทฺรการมาณเวน กตาสนาภิหารสกฺกาโร นิสีทิตฺวา อาคมนการณํ ปุโฎฺฐ ทฺวาทสมํ คาถมาห –

    So tattha gantvā bhadrakāramāṇavena katāsanābhihārasakkāro nisīditvā āgamanakāraṇaṃ puṭṭho dvādasamaṃ gāthamāha –

    ๑๔๙.

    149.

    ‘‘รโญฺญหํ ปหิโต ทูโต, โกรพฺยสฺส ยสสฺสิโน;

    ‘‘Raññohaṃ pahito dūto, korabyassa yasassino;

    ‘อตฺถํ ธมฺมญฺจ ปุเจฺฉสิ’, อิจฺจพฺรวิ ยุธิฎฺฐิโล;

    ‘Atthaṃ dhammañca pucchesi’, iccabravi yudhiṭṭhilo;

    ตํ ตฺวํ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ, ภทฺรการ ปพฺรูหิ เม’’ติฯ

    Taṃ tvaṃ atthañca dhammañca, bhadrakāra pabrūhi me’’ti.

    อถ นํ ภทฺรกาโร, ‘‘ตาต, อหํ อิเมสุ ทิวเสสุ ปรทาริกกเมฺม อภินิวิโฎฺฐ, จิตฺตํ เม พฺยากุลํ, เตน ตฺยาหํ วิสฺสเชฺชตุํ น สกฺขิสฺสามิ, มยฺหํ ปน กนิโฎฺฐ สญฺจยกุมาโร นาม มยา อติวิย ญาณวนฺตตโร, ตํ ปุจฺฉ, โส เต ปญฺหํ วิสฺสเชฺชสฺสตี’’ติ ตสฺส สนฺติกํ เปเสโนฺต เทฺว คาถา อภาสิ –

    Atha naṃ bhadrakāro, ‘‘tāta, ahaṃ imesu divasesu paradārikakamme abhiniviṭṭho, cittaṃ me byākulaṃ, tena tyāhaṃ vissajjetuṃ na sakkhissāmi, mayhaṃ pana kaniṭṭho sañcayakumāro nāma mayā ativiya ñāṇavantataro, taṃ puccha, so te pañhaṃ vissajjessatī’’ti tassa santikaṃ pesento dve gāthā abhāsi –

    ๑๕๐.

    150.

    ‘‘มํสกาชํ อวหาย, โคธํ อนุปตามหํ;

    ‘‘Maṃsakājaṃ avahāya, godhaṃ anupatāmahaṃ;

    น เต สโกฺกมิ อกฺขาตุํ, อตฺถํ ธมฺมญฺจ ปุจฺฉิโตฯ

    Na te sakkomi akkhātuṃ, atthaṃ dhammañca pucchito.

    ๑๕๑.

    151.

    ‘‘สญฺจโย นาม เม ภาตา, กนิโฎฺฐ เม สุจีรต;

    ‘‘Sañcayo nāma me bhātā, kaniṭṭho me sucīrata;

    ตํ ตฺวํ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ, คนฺตฺวา ปุจฺฉสฺสุ พฺราหฺมณา’’ติฯ

    Taṃ tvaṃ atthañca dhammañca, gantvā pucchassu brāhmaṇā’’ti.

    ตตฺถ มํสกาชนฺติ ยถา นาม ปุริโส ถูลมิคมํสํ กาเชนาทาย คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค โคธโปตกํ ทิสฺวา มํสกาชํ ฉเฑฺฑตฺวา ตํ อนุพเนฺธยฺย, เอวเมว อตฺตโน ฆเร วสวตฺตินิํ ภริยํ ฉเฑฺฑตฺวา ปรสฺส รกฺขิตโคปิตํ อิตฺถิํ อนุพนฺธโนฺต โหมีติ ทีเปโนฺต เอวมาหาติฯ

    Tattha maṃsakājanti yathā nāma puriso thūlamigamaṃsaṃ kājenādāya gacchanto antarāmagge godhapotakaṃ disvā maṃsakājaṃ chaḍḍetvā taṃ anubandheyya, evameva attano ghare vasavattiniṃ bhariyaṃ chaḍḍetvā parassa rakkhitagopitaṃ itthiṃ anubandhanto homīti dīpento evamāhāti.

    โส ตสฺมิํ ขเณ สญฺจยสฺส นิเวสนํ คนฺตฺวา เตน กตสกฺกาโร อาคมนการณํ ปุโฎฺฐ อาจิกฺขิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา เทฺว คาถา อภาสิ –

    So tasmiṃ khaṇe sañcayassa nivesanaṃ gantvā tena katasakkāro āgamanakāraṇaṃ puṭṭho ācikkhi. Tamatthaṃ pakāsento satthā dve gāthā abhāsi –

    ๑๕๒.

    152.

    ‘‘สฺวาธิปฺปาคา ภารทฺวาโช, สญฺจยสฺส อุปนฺติกํ;

    ‘‘Svādhippāgā bhāradvājo, sañcayassa upantikaṃ;

    ตมทฺทส มหาพฺรหฺมา, นิสินฺนํ สมฺหิ เวสฺมนิฯ

    Tamaddasa mahābrahmā, nisinnaṃ samhi vesmani.

    ๑๕๓.

    153.

    ‘‘รโญฺญหํ ปหิโต ทูโต, โกรพฺยสฺส ยสสฺสิโน;

    ‘‘Raññohaṃ pahito dūto, korabyassa yasassino;

    ‘อตฺถํ ธมฺมญฺจ ปุเจฺฉสิ’, อิจฺจพฺรวิ ยุธิฎฺฐิโล;

    ‘Atthaṃ dhammañca pucchesi’, iccabravi yudhiṭṭhilo;

    ตํ ตฺวํ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ, สญฺจยกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ

    Taṃ tvaṃ atthañca dhammañca, sañcayakkhāhi pucchito’’ti.

    สญฺจยกุมาโร ปน ตทา ปรทารเมว เสวติฯ อถสฺส โส ‘‘อหํ, ตาต, ปรทารํ เสวามิ, เสวโนฺต จ ปน คงฺคํ โอตริตฺวา ปรตีรํ คจฺฉามิ, ตํ มํ สายญฺจ ปาโต จ นทิํ ตรนฺตํ มจฺจุ คิลติ นาม, เตน จิตฺตํ เม พฺยากุลํ, น ตฺยาหํ อาจิกฺขิตุํ สกฺขิสฺสามิ, กนิโฎฺฐ ปน เม สมฺภวกุมาโร นาม อตฺถิ ชาติยา สตฺตวสฺสิโก, มยา สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณนาธิกญาณตโร, โส เต อาจิกฺขิสฺสติ, คจฺฉ ตํ ปุจฺฉาหี’’ติ อาหฯ อิมมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา เทฺว คาถา อภาสิ –

    Sañcayakumāro pana tadā paradārameva sevati. Athassa so ‘‘ahaṃ, tāta, paradāraṃ sevāmi, sevanto ca pana gaṅgaṃ otaritvā paratīraṃ gacchāmi, taṃ maṃ sāyañca pāto ca nadiṃ tarantaṃ maccu gilati nāma, tena cittaṃ me byākulaṃ, na tyāhaṃ ācikkhituṃ sakkhissāmi, kaniṭṭho pana me sambhavakumāro nāma atthi jātiyā sattavassiko, mayā sataguṇena sahassaguṇena satasahassaguṇenādhikañāṇataro, so te ācikkhissati, gaccha taṃ pucchāhī’’ti āha. Imamatthaṃ pakāsento satthā dve gāthā abhāsi –

    ๑๕๔.

    154.

    ‘‘สทา มํ คิลเต มจฺจุ, สายํ ปาโต สุจีรต;

    ‘‘Sadā maṃ gilate maccu, sāyaṃ pāto sucīrata;

    น เต สโกฺกมิ อกฺขาตุํ, อตฺถํ ธมฺมญฺจ ปุจฺฉิโตฯ

    Na te sakkomi akkhātuṃ, atthaṃ dhammañca pucchito.

    ๑๕๕.

    155.

    ‘‘สมฺภโว นาม เม ภาตา, กนิโฎฺฐ เม สุจีรต;

    ‘‘Sambhavo nāma me bhātā, kaniṭṭho me sucīrata;

    ตํ ตฺวํ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ, คนฺตฺวา ปุจฺฉสฺสุ พฺราหฺมณา’’ติฯ

    Taṃ tvaṃ atthañca dhammañca, gantvā pucchassu brāhmaṇā’’ti.

    ตํ สุตฺวา สุจิรโต ‘‘อยํ ปโญฺห อิมสฺมิํ โลเก อพฺภุโต ภวิสฺสติ, อิมํ ปญฺหํ วิสฺสเชฺชตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิ มเญฺญ’’ติ จิเนฺตตฺวา เทฺว คาถา อภาสิ –

    Taṃ sutvā sucirato ‘‘ayaṃ pañho imasmiṃ loke abbhuto bhavissati, imaṃ pañhaṃ vissajjetuṃ samattho nāma natthi maññe’’ti cintetvā dve gāthā abhāsi –

    ๑๕๖.

    156.

    ‘‘อพฺภุโต วต โภ ธโมฺม, นายํ อสฺมาก รุจฺจติ;

    ‘‘Abbhuto vata bho dhammo, nāyaṃ asmāka ruccati;

    ตโย ชนา ปิตาปุตฺตา, เต สุ ปญฺญาย โน วิทูฯ

    Tayo janā pitāputtā, te su paññāya no vidū.

    ๑๕๗.

    157.

    ‘‘น ตํ สโกฺกถ อกฺขาตุํ, อตฺถํ ธมฺมญฺจ ปุจฺฉิตา;

    ‘‘Na taṃ sakkotha akkhātuṃ, atthaṃ dhammañca pucchitā;

    กถํ นุ ทหโร ชญฺญา, อตฺถํ ธมฺมญฺจ ปุจฺฉิโต’’ติฯ

    Kathaṃ nu daharo jaññā, atthaṃ dhammañca pucchito’’ti.

    ตตฺถ นายนฺติ อยํ ปญฺหธโมฺม อพฺภุโต, อิมํ กเถตุํ สมเตฺถน นาม น ภวิตพฺพํ, ตสฺมา ยํ ตฺวํ ‘‘กุมาโร กเถสฺสตี’’ติ วทติ, นายํ อสฺมากํ รุจฺจติฯ เต สูติ เอตฺถ สุ-กาโร นิปาตมตฺตํฯ ปิตาติ วิธุโร ปณฺฑิโต, ปุตฺตา ภทฺรกาโร สญฺจโย จาติ เตปิ ตโย ปิตาปุตฺตา ปญฺญาย อิมํ ธมฺมํ โน วิทู, น วิชานนฺติ, อโญฺญ โก ชานิสฺสตีติ อโตฺถฯ น ตนฺติ ตุเมฺห ตโย ชนา ปุจฺฉิตา เอตํ อกฺขาตุํ น สโกฺกถ, ทหโร สตฺตวสฺสิโก กุมาโร ปุจฺฉิโต กถํ นุ ชญฺญา, เกน การเณน ชานิตุํ สกฺขิสฺสตีติ อโตฺถฯ

    Tattha nāyanti ayaṃ pañhadhammo abbhuto, imaṃ kathetuṃ samatthena nāma na bhavitabbaṃ, tasmā yaṃ tvaṃ ‘‘kumāro kathessatī’’ti vadati, nāyaṃ asmākaṃ ruccati. Te sūti ettha su-kāro nipātamattaṃ. Pitāti vidhuro paṇḍito, puttā bhadrakāro sañcayo cāti tepi tayo pitāputtā paññāya imaṃ dhammaṃ no vidū, na vijānanti, añño ko jānissatīti attho. Na tanti tumhe tayo janā pucchitā etaṃ akkhātuṃ na sakkotha, daharo sattavassiko kumāro pucchito kathaṃ nu jaññā, kena kāraṇena jānituṃ sakkhissatīti attho.

    ตํ สุตฺวา สญฺจยกุมาโร, ‘‘ตาต, สมฺภวกุมารํ ‘ทหโร’ติ มา อุญฺญาสิ, สเจปิ ปญฺหวิสฺสชฺชเนนาตฺถิโก, คจฺฉ นํ ปุจฺฉา’’ติ อตฺถทีปนาหิ อุปมาหิ กุมารสฺส วณฺณํ ปกาเสโนฺต ทฺวาทส คาถา อภาสิ –

    Taṃ sutvā sañcayakumāro, ‘‘tāta, sambhavakumāraṃ ‘daharo’ti mā uññāsi, sacepi pañhavissajjanenātthiko, gaccha naṃ pucchā’’ti atthadīpanāhi upamāhi kumārassa vaṇṇaṃ pakāsento dvādasa gāthā abhāsi –

    ๑๕๘.

    158.

    ‘‘มา นํ ทหโรติ อุญฺญาสิ, อปุจฺฉิตฺวาน สมฺภวํ;

    ‘‘Mā naṃ daharoti uññāsi, apucchitvāna sambhavaṃ;

    ปุจฺฉิตฺวา สมฺภวํ ชญฺญา, อตฺถํ ธมฺมญฺจ พฺราหฺมณฯ

    Pucchitvā sambhavaṃ jaññā, atthaṃ dhammañca brāhmaṇa.

    ๑๕๙.

    159.

    ‘‘ยถาปิ จโนฺท วิมโล, คจฺฉํ อากาสธาตุยา;

    ‘‘Yathāpi cando vimalo, gacchaṃ ākāsadhātuyā;

    สเพฺพ ตาราคเณ โลเก, อาภาย อติโรจติฯ

    Sabbe tārāgaṇe loke, ābhāya atirocati.

    ๑๖๐.

    160.

    ‘‘เอวมฺปิ ทหรูเปโต, ปญฺญาโยเคน สมฺภโว;

    ‘‘Evampi daharūpeto, paññāyogena sambhavo;

    มา นํ ทหโรติ อุญฺญาสิ, อปุจฺฉิตฺวาน สมฺภวํ;

    Mā naṃ daharoti uññāsi, apucchitvāna sambhavaṃ;

    ปุจฺฉิตฺวา สมฺภวํ ชญฺญา, อตฺถํ ธมฺมญฺจ พฺราหฺมณฯ

    Pucchitvā sambhavaṃ jaññā, atthaṃ dhammañca brāhmaṇa.

    ๑๖๑.

    161.

    ‘‘ยถาปิ รมฺมโก มาโส, คิมฺหานํ โหติ พฺราหฺมณ;

    ‘‘Yathāpi rammako māso, gimhānaṃ hoti brāhmaṇa;

    อเตวเญฺญหิ มาเสหิ, ทุมปุเปฺผหิ โสภติฯ

    Atevaññehi māsehi, dumapupphehi sobhati.

    ๑๖๒.

    162.

    ‘‘เอวมฺปิ ทหรูเปโต, ปญฺญาโยเคน สมฺภโว;

    ‘‘Evampi daharūpeto, paññāyogena sambhavo;

    มา นํ ทหโรติ อุญฺญาสิ, อปุจฺฉิตฺวาน สมฺภวํ;

    Mā naṃ daharoti uññāsi, apucchitvāna sambhavaṃ;

    ปุจฺฉิตฺวา สมฺภวํ ชญฺญา, อตฺถํ ธมฺมญฺจ พฺราหฺมณฯ

    Pucchitvā sambhavaṃ jaññā, atthaṃ dhammañca brāhmaṇa.

    ๑๖๓.

    163.

    ‘‘ยถาปิ หิมวา พฺรเหฺม, ปพฺพโต คนฺธมาทโน;

    ‘‘Yathāpi himavā brahme, pabbato gandhamādano;

    นานารุเกฺขหิ สญฺฉโนฺน, มหาภูตคณาลโย;

    Nānārukkhehi sañchanno, mahābhūtagaṇālayo;

    โอสเธหิ จ ทิเพฺพหิ, ทิสา ภาติ ปวาติ จฯ

    Osadhehi ca dibbehi, disā bhāti pavāti ca.

    ๑๖๔.

    164.

    ‘‘เอวมฺปิ ทหรูเปโต, ปญฺญาโยเคน สมฺภโว;

    ‘‘Evampi daharūpeto, paññāyogena sambhavo;

    มา นํ ทหโรติ อุญฺญาสิ, อปุจฺฉิตฺวาน สมฺภวํ;

    Mā naṃ daharoti uññāsi, apucchitvāna sambhavaṃ;

    ปุจฺฉิตฺวา สมฺภวํ ชญฺญา, อตฺถํ ธมฺมญฺจ พฺราหฺมณฯ

    Pucchitvā sambhavaṃ jaññā, atthaṃ dhammañca brāhmaṇa.

    ๑๖๕.

    165.

    ‘‘ยถาปิ ปาวโก พฺรเหฺม, อจฺจิมาลี ยสสฺสิมา;

    ‘‘Yathāpi pāvako brahme, accimālī yasassimā;

    ชลมาโน วเน คเจฺฉ, อนโล กณฺหวตฺตนีฯ

    Jalamāno vane gacche, analo kaṇhavattanī.

    ๑๖๖.

    166.

    ‘‘ฆตาสโน ธูมเกตุ, อุตฺตมาเหวนนฺทโห;

    ‘‘Ghatāsano dhūmaketu, uttamāhevanandaho;

    นิสีเถ ปพฺพตคฺคสฺมิํ, ปหูเตโธ วิโรจติฯ

    Nisīthe pabbataggasmiṃ, pahūtedho virocati.

    ๑๖๗.

    167.

    ‘‘เอวมฺปิ ทหรูเปโต, ปญฺญาโยเคน สมฺภโว;

    ‘‘Evampi daharūpeto, paññāyogena sambhavo;

    มา นํ ทหโรติ อุญฺญาสิ, อปุจฺฉิตฺวาน สมฺภวํ;

    Mā naṃ daharoti uññāsi, apucchitvāna sambhavaṃ;

    ปุจฺฉิตฺวา สมฺภวํ ชญฺญา, อตฺถํ ธมฺมญฺจ พฺราหฺมณฯ

    Pucchitvā sambhavaṃ jaññā, atthaṃ dhammañca brāhmaṇa.

    ๑๖๘.

    168.

    ‘‘ชเวน ภทฺรํ ชานนฺติ, พลิพทฺทญฺจ วาหิเย;

    ‘‘Javena bhadraṃ jānanti, balibaddañca vāhiye;

    โทเหน เธนุํ ชานนฺติ, ภาสมานญฺจ ปณฺฑิตํฯ

    Dohena dhenuṃ jānanti, bhāsamānañca paṇḍitaṃ.

    ๑๖๙.

    169.

    ‘‘เอวมฺปิ ทหรูเปโต, ปญฺญาโยเคน สมฺภโว;

    ‘‘Evampi daharūpeto, paññāyogena sambhavo;

    มา นํ ทหโรติ อุญฺญาสิ, อปุจฺฉิตฺวาน สมฺภวํ;

    Mā naṃ daharoti uññāsi, apucchitvāna sambhavaṃ;

    ปุจฺฉิตฺวา สมฺภวํ ชญฺญา, อตฺถํ ธมฺมญฺจ พฺราหฺมณา’’ติฯ

    Pucchitvā sambhavaṃ jaññā, atthaṃ dhammañca brāhmaṇā’’ti.

    ตตฺถ ชญฺญาติ ชานิสฺสสิฯ จโนฺทติ ปุณฺณจโนฺทฯ วิมโลติ อพฺภาทิมลวิรหิโตฯ เอวมฺปิ ทหรูเปโตติ เอวํ สมฺภวกุมาโร ทหรภาเวน อุเปโตปิ ปญฺญาโยเคน สกลชมฺพุทีปตเล อวเสเส ปณฺฑิเต อติกฺกมิตฺวา วิโรจติฯ รมฺมโกติ จิตฺตมาโสฯ อเตวเญฺญหีติ อติวิย อเญฺญหิ เอกาทสหิ มาเสหิฯ เอวนฺติ เอวํ สมฺภโวปิ ปญฺญาโยเคน โสภติฯ หิมวาติ หิมปาตสมเย หิมยุโตฺตติ หิมวา, คิมฺหกาเล หิมํ วมตีติ หิมวาฯ สมฺปตฺตํ ชนํ คเนฺธน มทยตีติ คนฺธมาทโนฯ มหาภูตคณาลโยติ เทวคณานํ นิวาโสฯ ทิสา ภาตีติ สพฺพทิสา เอโกภาสา วิย กโรติฯ ปวาตีติ คเนฺธน สพฺพทิสา วายติฯ เอวนฺติ เอวํ สมฺภโวปิ ปญฺญาโยเคน สพฺพทิสา ภาติ เจว ปวาติ จฯ

    Tattha jaññāti jānissasi. Candoti puṇṇacando. Vimaloti abbhādimalavirahito. Evampi daharūpetoti evaṃ sambhavakumāro daharabhāvena upetopi paññāyogena sakalajambudīpatale avasese paṇḍite atikkamitvā virocati. Rammakoti cittamāso. Atevaññehīti ativiya aññehi ekādasahi māsehi. Evanti evaṃ sambhavopi paññāyogena sobhati. Himavāti himapātasamaye himayuttoti himavā, gimhakāle himaṃ vamatīti himavā. Sampattaṃ janaṃ gandhena madayatīti gandhamādano. Mahābhūtagaṇālayoti devagaṇānaṃ nivāso. Disā bhātīti sabbadisā ekobhāsā viya karoti. Pavātīti gandhena sabbadisā vāyati. Evanti evaṃ sambhavopi paññāyogena sabbadisā bhāti ceva pavāti ca.

    ยสสฺสิมาติ เตชสมฺปตฺติยา ยสสฺสิมาฯ อจฺจิมาลีติ อจฺจีหิ ยุโตฺตฯ ชลมาโน วเน คเจฺฉติ คจฺฉสงฺขาเต มหาวเน ชลโนฺต จรติฯ อนโลติ อติโตฺตฯ คตมคฺคสฺส กณฺหภาเวน กณฺหวตฺตนีฯ ยเญฺญ อาหุติวเสน อาหุตํ ฆตํ อสฺนาตีติ ฆตาสโนฯ ธูโม เกตุกิจฺจํ อสฺส สาเธตีติ ธูมเกตุฯ อุตฺตมาเหวนนฺทโหติ อเหวนํ วุจฺจติ วนสโณฺฑ, อุตฺตมํ วนสณฺฑํ ทหตีติ อโตฺถฯ นิสีเถติ รตฺติภาเคฯ ปพฺพตคฺคสฺมินฺติ ปพฺพตสิขเรฯ ปหูเตโธติ ปหูตอินฺธโนฯ วิโรจตีติ สพฺพทิสาสุ โอภาสติฯ เอวนฺติ เอวํ มม กนิโฎฺฐ สมฺภวกุมาโร ทหโรปิ ปญฺญาโยเคน วิโรจติฯ ภทฺรนฺติ ภทฺรํ อสฺสาชานียํ ชวสมฺปตฺติยา ชานนฺติ, น สรีเรนฯ วาหิเยติ วหิตพฺพภาเร สติ ภารวหตาย ‘‘อหํ อุตฺตโม’’ติ พลิพทฺทํ ชานนฺติฯ โทเหนาติ โทหสมฺปตฺติยา เธนุํ ‘‘สุขีรา’’ติ ชานนฺติฯ ภาสมานนฺติ เอตฺถ ‘‘นาภาสมานํ ชานนฺติ, มิสฺสํ พาเลหิ ปณฺฑิต’’นฺติ สุตฺตํ (สํ. นิ. ๒.๒๔๑) อาหริตพฺพํฯ

    Yasassimāti tejasampattiyā yasassimā. Accimālīti accīhi yutto. Jalamāno vane gaccheti gacchasaṅkhāte mahāvane jalanto carati. Analoti atitto. Gatamaggassa kaṇhabhāvena kaṇhavattanī. Yaññe āhutivasena āhutaṃ ghataṃ asnātīti ghatāsano. Dhūmo ketukiccaṃ assa sādhetīti dhūmaketu. Uttamāhevanandahoti ahevanaṃ vuccati vanasaṇḍo, uttamaṃ vanasaṇḍaṃ dahatīti attho. Nisītheti rattibhāge. Pabbataggasminti pabbatasikhare. Pahūtedhoti pahūtaindhano. Virocatīti sabbadisāsu obhāsati. Evanti evaṃ mama kaniṭṭho sambhavakumāro daharopi paññāyogena virocati. Bhadranti bhadraṃ assājānīyaṃ javasampattiyā jānanti, na sarīrena. Vāhiyeti vahitabbabhāre sati bhāravahatāya ‘‘ahaṃ uttamo’’ti balibaddaṃ jānanti. Dohenāti dohasampattiyā dhenuṃ ‘‘sukhīrā’’ti jānanti. Bhāsamānanti ettha ‘‘nābhāsamānaṃ jānanti, missaṃ bālehi paṇḍita’’nti suttaṃ (saṃ. ni. 2.241) āharitabbaṃ.

    สุจิรโต เอวํ ตสฺมิํ สมฺภวํ วเณฺณเนฺต ‘‘ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ ‘‘กหํ ปน เต กุมาร กนิโฎฺฐ’’ติ ปุจฺฉิฯ อถสฺส โส สีหปญฺชรํ วิวริตฺวา หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘โย เอส ปาสาททฺวาเร อนฺตรวีถิยา กุมารเกหิ สทฺธิํ สุวณฺณวโณฺณ กีฬติ, อยํ มม กนิโฎฺฐ, อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ปุจฺฉ, พุทฺธลีฬาย เต ปญฺหํ กเถสฺสตี’’ติ อาหฯ สุจิรโต ตสฺส วจนํ สุตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห กุมารสฺส สนฺติกํ อคมาสิฯ กาย เวลายาติ? กุมารสฺส นิวตฺถสาฎกํ โมเจตฺวา ขเนฺธ ขิปิตฺวา อุโภหิ หเตฺถหิ ปํสุํ คเหตฺวา ฐิตเวลายฯ ตมตฺถํ อาวิกโรโนฺต สตฺถา คาถมาห –

    Sucirato evaṃ tasmiṃ sambhavaṃ vaṇṇente ‘‘pañhaṃ pucchitvā jānissāmī’’ti ‘‘kahaṃ pana te kumāra kaniṭṭho’’ti pucchi. Athassa so sīhapañjaraṃ vivaritvā hatthaṃ pasāretvā ‘‘yo esa pāsādadvāre antaravīthiyā kumārakehi saddhiṃ suvaṇṇavaṇṇo kīḷati, ayaṃ mama kaniṭṭho, upasaṅkamitvā taṃ puccha, buddhalīḷāya te pañhaṃ kathessatī’’ti āha. Sucirato tassa vacanaṃ sutvā pāsādā oruyha kumārassa santikaṃ agamāsi. Kāya velāyāti? Kumārassa nivatthasāṭakaṃ mocetvā khandhe khipitvā ubhohi hatthehi paṃsuṃ gahetvā ṭhitavelāya. Tamatthaṃ āvikaronto satthā gāthamāha –

    ๑๗๐.

    170.

    ‘‘สฺวาธิปฺปาคา ภารทฺวาโช, สมฺภวสฺส อุปนฺติกํ;

    ‘‘Svādhippāgā bhāradvājo, sambhavassa upantikaṃ;

    ตมทฺทส มหาพฺรหฺมา, กีฬมานํ พหีปุเร’’ติฯ

    Tamaddasa mahābrahmā, kīḷamānaṃ bahīpure’’ti.

    ตตฺถ พหีปุเรติ พหินิเวสเนฯ

    Tattha bahīpureti bahinivesane.

    มหาสโตฺตปิ พฺราหฺมณํ อาคนฺตฺวา ปุรโต ฐิตํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, เกนเตฺถนาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ตาต, กุมาร อหํ ชมฺพุทีปตเล อาหิณฺฑโนฺต มยา ปุจฺฉิตํ ปญฺหํ กเถตุํ สมตฺถํ อลภิตฺวา ตว สนฺติกํ อาคโตมฺหี’’ติ วุเตฺต ‘‘สกลชมฺพุทีเป กิร อวินิจฺฉิโต ปโญฺห มม สนฺติกํ อาคโต, อหํ ญาเณน มหลฺลโก’’ติ หิโรตฺตปฺปํ ปฎิลภิตฺวา หตฺถคตํ ปํสุํ ฉเฑฺฑตฺวา ขนฺธโต สาฎกํ อาทาย นิวาเสตฺวา ‘‘ปุจฺฉ, พฺราหฺมณ, พุทฺธลีฬาย เต กเถสฺสามี’’ติ สพฺพญฺญุปวารณํ ปวาเรสิฯ ตโต พฺราหฺมโณ –

    Mahāsattopi brāhmaṇaṃ āgantvā purato ṭhitaṃ disvā ‘‘tāta, kenatthenāgatosī’’ti pucchitvā, ‘‘tāta, kumāra ahaṃ jambudīpatale āhiṇḍanto mayā pucchitaṃ pañhaṃ kathetuṃ samatthaṃ alabhitvā tava santikaṃ āgatomhī’’ti vutte ‘‘sakalajambudīpe kira avinicchito pañho mama santikaṃ āgato, ahaṃ ñāṇena mahallako’’ti hirottappaṃ paṭilabhitvā hatthagataṃ paṃsuṃ chaḍḍetvā khandhato sāṭakaṃ ādāya nivāsetvā ‘‘puccha, brāhmaṇa, buddhalīḷāya te kathessāmī’’ti sabbaññupavāraṇaṃ pavāresi. Tato brāhmaṇo –

    ๑๗๑.

    171.

    ‘‘รโญฺญหํ ปหิโต ทูโต, โกรพฺยสฺส ยสสฺสิโน;

    ‘‘Raññohaṃ pahito dūto, korabyassa yasassino;

    ‘อตฺถํ ธมฺมญฺจ ปุเจฺฉสิ’, อิจฺจพฺรวิ ยุธิฎฺฐิโล;

    ‘Atthaṃ dhammañca pucchesi’, iccabravi yudhiṭṭhilo;

    ตํ ตฺวํ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ, สมฺภวกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ –

    Taṃ tvaṃ atthañca dhammañca, sambhavakkhāhi pucchito’’ti. –

    คาถาย ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ

    Gāthāya pañhaṃ pucchi.

    ตสฺส อโตฺถ สมฺภวปณฺฑิตสฺส คคนมเชฺฌ ปุณฺณจโนฺท วิย ปากโฎ อโหสิฯ

    Tassa attho sambhavapaṇḍitassa gaganamajjhe puṇṇacando viya pākaṭo ahosi.

    อถ นํ ‘‘เตน หิ สุโณหี’’ติ วตฺวา ธมฺมยาคปญฺหํ วิสฺสเชฺชโนฺต คาถมาห –

    Atha naṃ ‘‘tena hi suṇohī’’ti vatvā dhammayāgapañhaṃ vissajjento gāthamāha –

    ๑๗๒.

    172.

    ‘‘ตคฺฆ เต อหมกฺขิสฺสํ, ยถาปิ กุสโล ตถา;

    ‘‘Taggha te ahamakkhissaṃ, yathāpi kusalo tathā;

    ราชา จ โข ตํ ชานาติ, ยทิ กาหติ วา น วา’’ติฯ

    Rājā ca kho taṃ jānāti, yadi kāhati vā na vā’’ti.

    ตสฺส อนฺตรวีถิยํ ฐตฺวา มธุรสฺสเรน ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส สโทฺท ทฺวาทสโยชนิกํ สกลพาราณสินครํ อวตฺถริฯ อถ ราชา จ อุปราชาทโย จ สเพฺพ สนฺนิปติํสุฯ มหาสโตฺต มหาชนสฺส มเชฺฌ ธมฺมเทสนํ ปฎฺฐเปสิฯ

    Tassa antaravīthiyaṃ ṭhatvā madhurassarena dhammaṃ desentassa saddo dvādasayojanikaṃ sakalabārāṇasinagaraṃ avatthari. Atha rājā ca uparājādayo ca sabbe sannipatiṃsu. Mahāsatto mahājanassa majjhe dhammadesanaṃ paṭṭhapesi.

    ตตฺถ ตคฺฆาติ เอกํสวจนํฯ ยถาปิ กุสโลติ ยถา อติกุสโล สพฺพญฺญุพุโทฺธ อาจิกฺขติ, ตถา เต เอกํเสเนว อหมกฺขิสฺสนฺติ อโตฺถฯ ราชา จ โข ตนฺติ อหํ ตํ ปญฺหํ ยถา ตุมฺหากํ ราชา ชานิตุํ สโกฺกติ, ตถา กเถสฺสามิฯ ตโต อุตฺตริ ราชา เอว ตํ ชานาติ, ยทิ กริสฺสติ วา น วา กริสฺสติ, กโรนฺตสฺส วา อกโรนฺตสฺส วา ตเสฺสเวตํ ภวิสฺสติ, มยฺหํ ปน โทโส นตฺถีติ ทีเปติฯ

    Tattha tagghāti ekaṃsavacanaṃ. Yathāpi kusaloti yathā atikusalo sabbaññubuddho ācikkhati, tathā te ekaṃseneva ahamakkhissanti attho. Rājā ca kho tanti ahaṃ taṃ pañhaṃ yathā tumhākaṃ rājā jānituṃ sakkoti, tathā kathessāmi. Tato uttari rājā eva taṃ jānāti, yadi karissati vā na vā karissati, karontassa vā akarontassa vā tassevetaṃ bhavissati, mayhaṃ pana doso natthīti dīpeti.

    เอวํ อิมาย คาถาย ปญฺหกถนํ ปฎิชานิตฺวา อิทานิ ธมฺมยาคปญฺหํ กเถโนฺต อาห –

    Evaṃ imāya gāthāya pañhakathanaṃ paṭijānitvā idāni dhammayāgapañhaṃ kathento āha –

    ๑๗๓.

    173.

    ‘‘อชฺช สุเวติ สํเสยฺย, รญฺญา ปุโฎฺฐ สุจีรต;

    ‘‘Ajja suveti saṃseyya, raññā puṭṭho sucīrata;

    มา กตฺวา อวสี ราชา, อเตฺถ ชาเต ยุธิฎฺฐิโลฯ

    Mā katvā avasī rājā, atthe jāte yudhiṭṭhilo.

    ๑๗๔.

    174.

    ‘‘อชฺฌตฺตเญฺญว สํเสยฺย, รญฺญา ปุโฎฺฐ สุจีรต;

    ‘‘Ajjhattaññeva saṃseyya, raññā puṭṭho sucīrata;

    กุมฺมคฺคํ น นิเวเสยฺย, ยถา มูโฬฺห อเจตโสฯ

    Kummaggaṃ na niveseyya, yathā mūḷho acetaso.

    ๑๗๕.

    175.

    ‘‘อตฺตานํ นาติวเตฺตยฺย, อธมฺมํ น สมาจเร;

    ‘‘Attānaṃ nātivatteyya, adhammaṃ na samācare;

    อติเตฺถ นปฺปตาเรยฺย, อนเตฺถ น ยุโต สิยาฯ

    Atitthe nappatāreyya, anatthe na yuto siyā.

    ๑๗๖.

    176.

    ‘‘โย จ เอตานิ ฐานานิ, กตฺตุํ ชานาติ ขตฺติโย;

    ‘‘Yo ca etāni ṭhānāni, kattuṃ jānāti khattiyo;

    สทา โส วฑฺฒเต ราชา, สุกฺกปเกฺขว จนฺทิมาฯ

    Sadā so vaḍḍhate rājā, sukkapakkheva candimā.

    ๑๗๗.

    177.

    ‘‘ญาตีนญฺจ ปิโย โหติ, มิเตฺตสุ จ วิโรจติ;

    ‘‘Ñātīnañca piyo hoti, mittesu ca virocati;

    กายสฺส เภทา สปฺปโญฺญ, สคฺคํ โส อุปปชฺชตี’’ติฯ

    Kāyassa bhedā sappañño, saggaṃ so upapajjatī’’ti.

    ตตฺถ สํเสยฺยาติ กเถยฺยฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต, สุจิรต สเจ ตุมฺหากํ รญฺญา ‘‘อชฺช ทานํ เทม, สีลํ รกฺขาม, อุโปสถกมฺมํ กโรมา’’ติ โกจิ ปุโฎฺฐ, ‘‘มหาราช, อชฺช ตาว ปาณํ หนาม, กาเม ปริภุญฺชาม, สุรํ ปิวาม, กุสลํ ปน กริสฺสาม สุเว’’ติ รโญฺญ กเถยฺย, ตสฺส อติมหนฺตสฺสปิ อมจฺจสฺส วจนํ กตฺวา ตุมฺหากํ ราชา ยุธิฎฺฐิลโคโตฺต ตถารูเป อเตฺถ ชาเต ตํ ทิวสํ ปมาเทน วีตินาเมโนฺต มา อวสิ, ตสฺส วจนํ อกตฺวา อุปฺปนฺนํ กุสลจิตฺตํ อปริหาเปตฺวา กุสลปฎิสํยุตฺตํ กมฺมํ กโรตุเยว, อิทมสฺส กเถยฺยาสีติฯ เอวํ มหาสโตฺต อิมาย คาถาย –

    Tattha saṃseyyāti katheyya. Idaṃ vuttaṃ hoti – tāta, sucirata sace tumhākaṃ raññā ‘‘ajja dānaṃ dema, sīlaṃ rakkhāma, uposathakammaṃ karomā’’ti koci puṭṭho, ‘‘mahārāja, ajja tāva pāṇaṃ hanāma, kāme paribhuñjāma, suraṃ pivāma, kusalaṃ pana karissāma suve’’ti rañño katheyya, tassa atimahantassapi amaccassa vacanaṃ katvā tumhākaṃ rājā yudhiṭṭhilagotto tathārūpe atthe jāte taṃ divasaṃ pamādena vītināmento mā avasi, tassa vacanaṃ akatvā uppannaṃ kusalacittaṃ aparihāpetvā kusalapaṭisaṃyuttaṃ kammaṃ karotuyeva, idamassa katheyyāsīti. Evaṃ mahāsatto imāya gāthāya –

    ‘‘อเชฺชว กิจฺจมาตปฺปํ, โก ชญฺญา มรณํ สุเว’’ติฯ (ม. นิ. ๓.๒๗๒) –

    ‘‘Ajjeva kiccamātappaṃ, ko jaññā maraṇaṃ suve’’ti. (ma. ni. 3.272) –

    ภเทฺทกรตฺตสุตฺตเญฺจว,

    Bhaddekarattasuttañceva,

    ‘‘อปฺปมาโท อมตปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปท’’นฺติฯ (ธ. ป. ๒๑) –

    ‘‘Appamādo amatapadaṃ, pamādo maccuno pada’’nti. (dha. pa. 21) –

    อปฺปมาโทวาทญฺจ กเถสิฯ

    Appamādovādañca kathesi.

    อชฺฌตฺตเญฺญวาติ , ตาต, สุจิรต สมฺภวปณฺฑิโต ตยา ธมฺมยาคปเญฺห ปุจฺฉิเต กิํ กเถสีติ รญฺญา ปุโฎฺฐ สมาโน ตุมฺหากํ รโญฺญ อชฺฌตฺตเญฺญว สํเสยฺย, นิยกชฺฌตฺตสงฺขาตํ ขนฺธปญฺจกํ หุตฺวา อภาวโต อนิจฺจนฺติ กเถยฺยาสิฯ เอตฺตาวตา มหาสโตฺต –

    Ajjhattaññevāti , tāta, sucirata sambhavapaṇḍito tayā dhammayāgapañhe pucchite kiṃ kathesīti raññā puṭṭho samāno tumhākaṃ rañño ajjhattaññeva saṃseyya, niyakajjhattasaṅkhātaṃ khandhapañcakaṃ hutvā abhāvato aniccanti katheyyāsi. Ettāvatā mahāsatto –

    ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจาติ, ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ’’ฯ (ธ. ป. ๒๗๗) –

    ‘‘Sabbe saṅkhārā aniccāti, yadā paññāya passati’’. (dha. pa. 277) –

    ‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน’’ติฯ (ที. นิ. ๒.๒๒๑) –

    ‘‘Aniccā vata saṅkhārā, uppādavayadhammino’’ti. (dī. ni. 2.221) –

    เอวํ วิภาวิตํ อนิจฺจตํ กเถสีติฯ

    Evaṃ vibhāvitaṃ aniccataṃ kathesīti.

    กุมฺมคฺคนฺติ, พฺราหฺมณ, ยถา มูโฬฺห อเจตโน อนฺธพาลปุถุชฺชโน ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคตสงฺขาตํ กุมฺมคฺคํ เสวติ, เอวํ ตว ราชา ตํ กุมฺมคฺคํ น เสเวยฺย, นิยฺยานิกํ ทสกุสลกมฺมปถมคฺคเมว เสวตุ, เอวมสฺส วเทยฺยาสีติฯ

    Kummagganti, brāhmaṇa, yathā mūḷho acetano andhabālaputhujjano dvāsaṭṭhidiṭṭhigatasaṅkhātaṃ kummaggaṃ sevati, evaṃ tava rājā taṃ kummaggaṃ na seveyya, niyyānikaṃ dasakusalakammapathamaggameva sevatu, evamassa vadeyyāsīti.

    อตฺตานนฺติ อิมํ สุคติยํ ฐิตํ อตฺตภาวํ นาติวเตฺตยฺย, เยน กเมฺมน ติโสฺส กุสลสมฺปตฺติโย สพฺพกามสเคฺค อติกฺกมิตฺวา อปาเย นิพฺพตฺตนฺติ, ตํ กมฺมํ น กเรยฺยาติ อโตฺถฯ อธมฺมนฺติ ติวิธทุจฺจริตสงฺขาตํ อธมฺมํ น สมาจเรยฺยฯ อติเตฺถติ ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิสงฺขาเต อติเตฺถ นปฺปตาเรยฺย น โอตาเรยฺยฯ ‘‘น ตาเรยฺยา’’ติปิ ปาโฐ, อตฺตโน ทิฎฺฐานุคติมาปชฺชนฺตํ ชนํ น โอตาเรยฺยฯ อนเตฺถติ อการเณฯ น ยุโตติ ยุตฺตปยุโตฺต น สิยาฯ พฺราหฺมณ, ยทิ เต ราชา ธมฺมยาคปเญฺห วตฺติตุกาโม, ‘‘อิมสฺมิํ โอวาเท วตฺตตู’’ติ ตสฺส กเถยฺยาสีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ

    Attānanti imaṃ sugatiyaṃ ṭhitaṃ attabhāvaṃ nātivatteyya, yena kammena tisso kusalasampattiyo sabbakāmasagge atikkamitvā apāye nibbattanti, taṃ kammaṃ na kareyyāti attho. Adhammanti tividhaduccaritasaṅkhātaṃ adhammaṃ na samācareyya. Atittheti dvāsaṭṭhidiṭṭhisaṅkhāte atitthe nappatāreyya na otāreyya. ‘‘Na tāreyyā’’tipi pāṭho, attano diṭṭhānugatimāpajjantaṃ janaṃ na otāreyya. Anattheti akāraṇe. Na yutoti yuttapayutto na siyā. Brāhmaṇa, yadi te rājā dhammayāgapañhe vattitukāmo, ‘‘imasmiṃ ovāde vattatū’’ti tassa katheyyāsīti ayamettha adhippāyo.

    สทาติ สตตํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘โย ขตฺติโย เอตานิ การณานิ กาตุํ ชานาติ, โส ราชา สุกฺกปเกฺข จโนฺท วิย สทา วฑฺฒตี’’ติ ฯ วิโรจตีติ มิตฺตามจฺจานํ มเชฺฌ อตฺตโน สีลาจารญาณาทีหิ คุเณหิ โสภติ วิโรจตีติฯ

    Sadāti satataṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘yo khattiyo etāni kāraṇāni kātuṃ jānāti, so rājā sukkapakkhe cando viya sadā vaḍḍhatī’’ti . Virocatīti mittāmaccānaṃ majjhe attano sīlācārañāṇādīhi guṇehi sobhati virocatīti.

    เอวํ มหาสโตฺต คคนตเล จนฺทํ อุฎฺฐาเปโนฺต วิย พุทฺธลีฬาย พฺราหฺมณสฺส ปญฺหํ กเถสิฯ มหาชโน นทโนฺต เสเลโนฺต อโปฺผเฎโนฺต สาธุการสหสฺสานิ อทาสิ, เจลุเกฺขเป จ องฺคุลิโผเฎ จ ปวเตฺตสิ, หตฺถปิฬนฺธนาทีนิ ขิปิฯ เอวํ ขิตฺตธนํ โกฎิมตฺตํ อโหสิฯ ราชาปิสฺส ตุโฎฺฐ มหนฺตํ ยสํ อทาสิฯ สุจิรโตปิ นิกฺขสหเสฺสน ปูชํ กตฺวา สุวณฺณปเฎฺฎ ชาติหิงฺคุลเกน ปญฺหวิสฺสชฺชนํ ลิขิตฺวา อินฺทปตฺถนครํ คนฺตฺวา รโญฺญ ธมฺมยาคปญฺหํ กเถสิฯ ราชา ตสฺมิํ ธเมฺม วตฺติตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิฯ

    Evaṃ mahāsatto gaganatale candaṃ uṭṭhāpento viya buddhalīḷāya brāhmaṇassa pañhaṃ kathesi. Mahājano nadanto selento apphoṭento sādhukārasahassāni adāsi, celukkhepe ca aṅguliphoṭe ca pavattesi, hatthapiḷandhanādīni khipi. Evaṃ khittadhanaṃ koṭimattaṃ ahosi. Rājāpissa tuṭṭho mahantaṃ yasaṃ adāsi. Suciratopi nikkhasahassena pūjaṃ katvā suvaṇṇapaṭṭe jātihiṅgulakena pañhavissajjanaṃ likhitvā indapatthanagaraṃ gantvā rañño dhammayāgapañhaṃ kathesi. Rājā tasmiṃ dhamme vattitvā saggapuraṃ pūresi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ ตถาคโต มหาปโญฺญเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา ธนญฺจยราชา อานโนฺท อโหสิ, สุจิรโต อนุรุโทฺธ, วิธุโร กสฺสโป, ภทฺรกาโร โมคฺคลฺลาโน, สญฺจยมาณโว สาริปุโตฺต, สมฺภวปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi tathāgato mahāpaññoyevā’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi ‘‘tadā dhanañcayarājā ānando ahosi, sucirato anuruddho, vidhuro kassapo, bhadrakāro moggallāno, sañcayamāṇavo sāriputto, sambhavapaṇḍito pana ahameva ahosi’’nti.

    สมฺภวชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ

    Sambhavajātakavaṇṇanā pañcamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๑๕. สมฺภวชาตกํ • 515. Sambhavajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact