Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๑๖๗] ๗. สมิทฺธิชาตกวณฺณนา

    [167] 7. Samiddhijātakavaṇṇanā

    อภุตฺวา ภิกฺขสิ ภิกฺขูติ อิทํ สตฺถา ราชคหํ อุปนิสฺสาย ตโปทาราเม วิหรโนฺต สมิทฺธิเถรํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกทิวสญฺหิ อายสฺมา สมิทฺธิ สพฺพรตฺติํ ปธานํ ปทหิตฺวา อรุณุคฺคมนเวลาย นฺหตฺวา สุวณฺณวณฺณํ อตฺตภาวํ สุกฺขาปยมาโน อนฺตรวาสกํ นิวาเสตฺวา อุตฺตราสงฺคํ หเตฺถน คเหตฺวา อฎฺฐาสิ สุปริกมฺมกตา วิย สุวณฺณปฎิมาฯ อตฺตภาวสมิทฺธิยาเยว หิสฺส ‘‘สมิทฺธี’’ติ นามํ อโหสิฯ อถสฺส สรีรโสภคฺคํ ทิสฺวา เอกา เทวธีตา ปฎิพทฺธจิตฺตา เถรํ เอวมาห – ‘‘ตฺวํ โขสิ, ภิกฺขุ, ทหโร ยุวา สุสุ กาฬเกโส ภเทฺรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก, เอวรูปสฺส ตว กาเม อปริภุญฺชิตฺวา โก อโตฺถ ปพฺพชฺชาย, กาเม ตาว ปริภุญฺชสฺสุ, ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กริสฺสสี’’ติฯ อถ นํ เถโร อาห – ‘‘เทวธีเต, ‘อสุกสฺมิํ นาม วเย ฐิโต มริสฺสามี’ติ มม มรณกาลํ น ชานามิ, เอส เม กาโล ปฎิจฺฉโนฺน, ตสฺมา ตรุณกาเลเยว สมณธมฺมํ กตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามี’’ติฯ สา เถรสฺส สนฺติกา ปฎิสนฺถารํ อลภิตฺวา ตเตฺถว อนฺตรธายิฯ เถโร สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ สตฺถา ‘‘น โข, สมิทฺธิ, ตฺวเญฺญว เอตรหิ เทวธีตาย ปโลภิโต, ปุเพฺพปิ เทวธีตโร ปพฺพชิเต ปโลภิํสุเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Abhutvābhikkhasi bhikkhūti idaṃ satthā rājagahaṃ upanissāya tapodārāme viharanto samiddhitheraṃ ārabbha kathesi. Ekadivasañhi āyasmā samiddhi sabbarattiṃ padhānaṃ padahitvā aruṇuggamanavelāya nhatvā suvaṇṇavaṇṇaṃ attabhāvaṃ sukkhāpayamāno antaravāsakaṃ nivāsetvā uttarāsaṅgaṃ hatthena gahetvā aṭṭhāsi suparikammakatā viya suvaṇṇapaṭimā. Attabhāvasamiddhiyāyeva hissa ‘‘samiddhī’’ti nāmaṃ ahosi. Athassa sarīrasobhaggaṃ disvā ekā devadhītā paṭibaddhacittā theraṃ evamāha – ‘‘tvaṃ khosi, bhikkhu, daharo yuvā susu kāḷakeso bhadrena yobbanena samannāgato abhirūpo dassanīyo pāsādiko, evarūpassa tava kāme aparibhuñjitvā ko attho pabbajjāya, kāme tāva paribhuñjassu, pacchā pabbajitvā samaṇadhammaṃ karissasī’’ti. Atha naṃ thero āha – ‘‘devadhīte, ‘asukasmiṃ nāma vaye ṭhito marissāmī’ti mama maraṇakālaṃ na jānāmi, esa me kālo paṭicchanno, tasmā taruṇakāleyeva samaṇadhammaṃ katvā dukkhassantaṃ karissāmī’’ti. Sā therassa santikā paṭisanthāraṃ alabhitvā tattheva antaradhāyi. Thero satthāraṃ upasaṅkamitvā etamatthaṃ ārocesi. Satthā ‘‘na kho, samiddhi, tvaññeva etarahi devadhītāya palobhito, pubbepi devadhītaro pabbajite palobhiṃsuyevā’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต เอกสฺมิํ กาสิคามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต สพฺพสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ ปตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา หิมวนฺตปเทเส เอกํ ชาตสฺสรํ นิสฺสาย วาสํ กเปฺปสิฯ โส สพฺพรตฺติํ ปธานํ ปทหิตฺวา อรุณุคฺคมนเวลาย นฺหตฺวา เอกํ วกฺกลํ นิวาเสตฺวา เอกํ หเตฺถน คเหตฺวา สรีรํ โวทกํ กโรโนฺต อฎฺฐาสิฯ อถสฺส รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ปฎิพทฺธจิตฺตา เอกา เทวธีตา โพธิสตฺตํ ปโลภยมานา ปฐมํ คาถมาห –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto ekasmiṃ kāsigāmake brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto sabbasippesu nipphattiṃ patvā isipabbajjaṃ pabbajitvā abhiññā ca samāpattiyo ca nibbattetvā himavantapadese ekaṃ jātassaraṃ nissāya vāsaṃ kappesi. So sabbarattiṃ padhānaṃ padahitvā aruṇuggamanavelāya nhatvā ekaṃ vakkalaṃ nivāsetvā ekaṃ hatthena gahetvā sarīraṃ vodakaṃ karonto aṭṭhāsi. Athassa rūpasobhaggappattaṃ attabhāvaṃ oloketvā paṭibaddhacittā ekā devadhītā bodhisattaṃ palobhayamānā paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๓๓.

    33.

    ‘‘อภุตฺวา ภิกฺขสิ ภิกฺขุ, น หิ ภุตฺวาน ภิกฺขสิ;

    ‘‘Abhutvā bhikkhasi bhikkhu, na hi bhutvāna bhikkhasi;

    ภุตฺวาน ภิกฺขุ ภิกฺขสฺสุ, มา ตํ กาโล อุปจฺจคา’’ติฯ

    Bhutvāna bhikkhu bhikkhassu, mā taṃ kālo upaccagā’’ti.

    ตตฺถ อภุตฺวา ภิกฺขสิ ภิกฺขูติ ภิกฺขุ ตฺวํ ทหรกาเล กิเลสกามวเสน วตฺถุกาเม อภุตฺวาว ภิกฺขาย จรสิฯ น หิ ภุตฺวาน ภิกฺขสีติ นนุ นาม ปญฺจ กามคุเณ ภุตฺวา ภิกฺขาย จริตพฺพํ, กาเม อภุตฺวาว ภิกฺขาจริยํ อุปคโตสิฯ ภุตฺวาน ภิกฺขุ ภิกฺขสฺสูติ ภิกฺขุ ทหรกาเล ตาว กาเม ภุญฺชิตฺวา ปจฺฉา มหลฺลกกาเล ภิกฺขสฺสุฯ มา ตํ กาโล อุปจฺจคาติ อยํ กาเม ภุญฺชนกาโล ทหรกาโล, ตํ มา อติกฺกมตูติฯ

    Tattha abhutvā bhikkhasi bhikkhūti bhikkhu tvaṃ daharakāle kilesakāmavasena vatthukāme abhutvāva bhikkhāya carasi. Na hi bhutvāna bhikkhasīti nanu nāma pañca kāmaguṇe bhutvā bhikkhāya caritabbaṃ, kāme abhutvāva bhikkhācariyaṃ upagatosi. Bhutvāna bhikkhu bhikkhassūti bhikkhu daharakāle tāva kāme bhuñjitvā pacchā mahallakakāle bhikkhassu. Mā taṃ kālo upaccagāti ayaṃ kāme bhuñjanakālo daharakālo, taṃ mā atikkamatūti.

    โพธิสโตฺต เทวตาย วจนํ สุตฺวา อตฺตโน อชฺฌาสยํ ปกาเสโนฺต ทุติยํ คาถมาห –

    Bodhisatto devatāya vacanaṃ sutvā attano ajjhāsayaṃ pakāsento dutiyaṃ gāthamāha –

    ๓๔.

    34.

    ‘‘กาลํ โวหํ น ชานามิ, ฉโนฺน กาโล น ทิสฺสติ;

    ‘‘Kālaṃ vohaṃ na jānāmi, channo kālo na dissati;

    ตสฺมา อภุตฺวา ภิกฺขามิ, มา มํ กาโล อุปจฺจคา’’ติฯ

    Tasmā abhutvā bhikkhāmi, mā maṃ kālo upaccagā’’ti.

    ตตฺถ กาลํ โวหํ น ชานามีติ โวติ นิปาตมตฺตํฯ อหํ ปน ‘‘ปฐมวเย วา มยา มริตพฺพํ มชฺฌิมวเย วา ปจฺฉิมวเย วา’’ติ เอวํ อตฺตโน มรณกาลํ น ชานามิฯ ปณฺฑิเตน หิ ปุคฺคเลน –

    Tattha kālaṃ vohaṃ na jānāmīti voti nipātamattaṃ. Ahaṃ pana ‘‘paṭhamavaye vā mayā maritabbaṃ majjhimavaye vā pacchimavaye vā’’ti evaṃ attano maraṇakālaṃ na jānāmi. Paṇḍitena hi puggalena –

    ‘‘ชีวิตํ พฺยาธิ กาโล จ, เทหนิเกฺขปนํ คติ;

    ‘‘Jīvitaṃ byādhi kālo ca, dehanikkhepanaṃ gati;

    ปเญฺจเต ชีวโลกสฺมิํ, อนิมิตฺตา น นายเร’’ติฯ

    Pañcete jīvalokasmiṃ, animittā na nāyare’’ti.

    ฉโนฺน กาโล น ทิสฺสตีติ ยสฺมา ‘‘อสุกสฺมิํ นาม วยกาเล เหมนฺตาทิอุตุกาเล วา มยา มริตพฺพ’’นฺติ มยฺหเมฺปส ฉโนฺน หุตฺวา กาโล น ทิสฺสติ, สุปฺปฎิจฺฉโนฺน หุตฺวา ฐิโต น ปญฺญายติฯ ตสฺมา อภุตฺวา ภิกฺขามีติ เตน การเณน ปญฺจ กามคุเณ อภุตฺวา ภิกฺขามิฯ มา มํ กาโล อุปจฺจคาติ มํ สมณธมฺมกรณกาโล มา อติกฺกมตูติ อโตฺถฯ อิมินา การเณน ทหโรว สมาโน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรมีติฯ เทวธีตา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ตเตฺถว อนฺตรธายิฯ

    Channo kālo na dissatīti yasmā ‘‘asukasmiṃ nāma vayakāle hemantādiutukāle vā mayā maritabba’’nti mayhampesa channo hutvā kālo na dissati, suppaṭicchanno hutvā ṭhito na paññāyati. Tasmā abhutvā bhikkhāmīti tena kāraṇena pañca kāmaguṇe abhutvā bhikkhāmi. Mā maṃ kālo upaccagāti maṃ samaṇadhammakaraṇakālo mā atikkamatūti attho. Iminā kāraṇena daharova samāno pabbajitvā samaṇadhammaṃ karomīti. Devadhītā bodhisattassa vacanaṃ sutvā tattheva antaradhāyi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เทวธีตา อยํ เทวธีตา อโหสิ, อหเมว เตน สมเยน ตาปโส อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā devadhītā ayaṃ devadhītā ahosi, ahameva tena samayena tāpaso ahosi’’nti.

    สมิทฺธิชาตกวณฺณนา สตฺตมาฯ

    Samiddhijātakavaṇṇanā sattamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๖๗. สมิทฺธิชาตกํ • 167. Samiddhijātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact