Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๑๐. สมิทฺธิสุตฺตํ
10. Samiddhisuttaṃ
๒๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ ตโปทาราเมฯ อถ โข อายสฺมา สมิทฺธิ รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐาย เยน ตโปทา เตนุปสงฺกมิ คตฺตานิ ปริสิญฺจิตุํฯ ตโปเท คตฺตานิ ปริสิญฺจิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เอกจีวโร อฎฺฐาสิ คตฺตานิ ปุพฺพาปยมาโนฯ อถ โข อญฺญตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ ตโปทํ โอภาเสตฺวา เยน อายสฺมา สมิทฺธิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เวหาสํ ฐิตา อายสฺมนฺตํ สมิทฺธิํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
20. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati tapodārāme. Atha kho āyasmā samiddhi rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhāya yena tapodā tenupasaṅkami gattāni parisiñcituṃ. Tapode gattāni parisiñcitvā paccuttaritvā ekacīvaro aṭṭhāsi gattāni pubbāpayamāno. Atha kho aññatarā devatā abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇā kevalakappaṃ tapodaṃ obhāsetvā yena āyasmā samiddhi tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā vehāsaṃ ṭhitā āyasmantaṃ samiddhiṃ gāthāya ajjhabhāsi –
‘‘อภุตฺวา ภิกฺขสิ ภิกฺขุ, น หิ ภุตฺวาน ภิกฺขสิ;
‘‘Abhutvā bhikkhasi bhikkhu, na hi bhutvāna bhikkhasi;
ภุตฺวาน ภิกฺขุ ภิกฺขสฺสุ, มา ตํ กาโล อุปจฺจคา’’ติฯ
Bhutvāna bhikkhu bhikkhassu, mā taṃ kālo upaccagā’’ti.
‘‘กาลํ โวหํ น ชานามิ, ฉโนฺน กาโล น ทิสฺสติ;
‘‘Kālaṃ vohaṃ na jānāmi, channo kālo na dissati;
ตสฺมา อภุตฺวา ภิกฺขามิ, มา มํ กาโล อุปจฺจคา’’ติฯ
Tasmā abhutvā bhikkhāmi, mā maṃ kālo upaccagā’’ti.
อถ โข สา เทวตา ปถวิยํ 1 ปติฎฺฐหิตฺวา อายสฺมนฺตํ สมิทฺธิํ เอตทโวจ – ‘‘ทหโร ตฺวํ ภิกฺขุ, ปพฺพชิโต สุสุ กาฬเกโส, ภเทฺรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต, ปฐเมน วยสา, อนิกฺกีฬิตาวี กาเมสุฯ ภุญฺช, ภิกฺขุ, มานุสเก กาเม; มา สนฺทิฎฺฐิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวี’’ติฯ
Atha kho sā devatā pathaviyaṃ 2 patiṭṭhahitvā āyasmantaṃ samiddhiṃ etadavoca – ‘‘daharo tvaṃ bhikkhu, pabbajito susu kāḷakeso, bhadrena yobbanena samannāgato, paṭhamena vayasā, anikkīḷitāvī kāmesu. Bhuñja, bhikkhu, mānusake kāme; mā sandiṭṭhikaṃ hitvā kālikaṃ anudhāvī’’ti.
‘‘น ขฺวาหํ, อาวุโส, สนฺทิฎฺฐิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวามิฯ กาลิกญฺจ ขฺวาหํ, อาวุโส, หิตฺวา สนฺทิฎฺฐิกํ อนุธาวามิฯ กาลิกา หิ, อาวุโส, กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา; อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺยฯ สนฺทิฎฺฐิโก อยํ ธโมฺม อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหี’’ติฯ
‘‘Na khvāhaṃ, āvuso, sandiṭṭhikaṃ hitvā kālikaṃ anudhāvāmi. Kālikañca khvāhaṃ, āvuso, hitvā sandiṭṭhikaṃ anudhāvāmi. Kālikā hi, āvuso, kāmā vuttā bhagavatā bahudukkhā bahupāyāsā; ādīnavo ettha bhiyyo. Sandiṭṭhiko ayaṃ dhammo akāliko ehipassiko opaneyyiko paccattaṃ veditabbo viññūhī’’ti.
‘‘กถญฺจ, ภิกฺขุ, กาลิกา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย? กถํ สนฺทิฎฺฐิโก อยํ ธโมฺม อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหี’’ติ?
‘‘Kathañca, bhikkhu, kālikā kāmā vuttā bhagavatā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo? Kathaṃ sandiṭṭhiko ayaṃ dhammo akāliko ehipassiko opaneyyiko paccattaṃ veditabbo viññūhī’’ti?
‘‘อหํ โข, อาวุโส, นโว อจิรปพฺพชิโต อธุนาคโต อิมํ ธมฺมวินยํฯ น ตาหํ 3 สโกฺกมิ วิตฺถาเรน อาจิกฺขิตุํฯ อยํ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ราชคเห วิหรติ ตโปทาราเมฯ ตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉฯ ยถา เต ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาสี’’ติฯ
‘‘Ahaṃ kho, āvuso, navo acirapabbajito adhunāgato imaṃ dhammavinayaṃ. Na tāhaṃ 4 sakkomi vitthārena ācikkhituṃ. Ayaṃ so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho rājagahe viharati tapodārāme. Taṃ bhagavantaṃ upasaṅkamitvā etamatthaṃ puccha. Yathā te bhagavā byākaroti tathā naṃ dhāreyyāsī’’ti.
‘‘น โข, ภิกฺขุ, สุกโร โส ภควา อเมฺหหิ อุปสงฺกมิตุํ , อญฺญาหิ มเหสกฺขาหิ เทวตาหิ ปริวุโตฯ สเจ โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, ตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺยาสิ, มยมฺปิ อาคเจฺฉยฺยาม ธมฺมสฺสวนายา’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา สมิทฺธิ ตสฺสา เทวตาย ปฎิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา สมิทฺธิ ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘Na kho, bhikkhu, sukaro so bhagavā amhehi upasaṅkamituṃ , aññāhi mahesakkhāhi devatāhi parivuto. Sace kho tvaṃ, bhikkhu, taṃ bhagavantaṃ upasaṅkamitvā etamatthaṃ puccheyyāsi, mayampi āgaccheyyāma dhammassavanāyā’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho āyasmā samiddhi tassā devatāya paṭissutvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā samiddhi bhagavantaṃ etadavoca –
‘‘อิธาหํ , ภเนฺต, รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐาย เยน ตโปทา เตนุปสงฺกมิํ คตฺตานิ ปริสิญฺจิตุํฯ ตโปเท คตฺตานิ ปริสิญฺจิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เอกจีวโร อฎฺฐาสิํ คตฺตานิ ปุพฺพาปยมาโนฯ อถ โข, ภเนฺต, อญฺญตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ ตโปทํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เวหาสํ ฐิตา อิมาย คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘Idhāhaṃ , bhante, rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhāya yena tapodā tenupasaṅkamiṃ gattāni parisiñcituṃ. Tapode gattāni parisiñcitvā paccuttaritvā ekacīvaro aṭṭhāsiṃ gattāni pubbāpayamāno. Atha kho, bhante, aññatarā devatā abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇā kevalakappaṃ tapodaṃ obhāsetvā yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā vehāsaṃ ṭhitā imāya gāthāya ajjhabhāsi –
‘‘อภุตฺวา ภิกฺขสิ ภิกฺขุ, น หิ ภุตฺวาน ภิกฺขสิ;
‘‘Abhutvā bhikkhasi bhikkhu, na hi bhutvāna bhikkhasi;
ภุตฺวาน ภิกฺขุ ภิกฺขสฺสุ, มา ตํ กาโล อุปจฺจคา’’ติฯ
Bhutvāna bhikkhu bhikkhassu, mā taṃ kālo upaccagā’’ti.
‘‘เอวํ วุเตฺต อหํ, ภเนฺต, ตํ เทวตํ คาถาย ปจฺจภาสิํ –
‘‘Evaṃ vutte ahaṃ, bhante, taṃ devataṃ gāthāya paccabhāsiṃ –
‘‘กาลํ โวหํ น ชานามิ, ฉโนฺน กาโล น ทิสฺสติ;
‘‘Kālaṃ vohaṃ na jānāmi, channo kālo na dissati;
ตสฺมา อภุตฺวา ภิกฺขามิ, มา มํ กาโล อุปจฺจคา’’ติฯ
Tasmā abhutvā bhikkhāmi, mā maṃ kālo upaccagā’’ti.
‘‘อถ โข, ภเนฺต, สา เทวตา ปถวิยํ ปติฎฺฐหิตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘ทหโร ตฺวํ, ภิกฺขุ, ปพฺพชิโต สุสุ กาฬเกโส, ภเทฺรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต, ปฐเมน วยสา, อนิกฺกีฬิตาวี กาเมสุฯ ภุญฺช, ภิกฺขุ, มานุสเก กาเม; มา สนฺทิฎฺฐิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวี’’’ติฯ
‘‘Atha kho, bhante, sā devatā pathaviyaṃ patiṭṭhahitvā maṃ etadavoca – ‘daharo tvaṃ, bhikkhu, pabbajito susu kāḷakeso, bhadrena yobbanena samannāgato, paṭhamena vayasā, anikkīḷitāvī kāmesu. Bhuñja, bhikkhu, mānusake kāme; mā sandiṭṭhikaṃ hitvā kālikaṃ anudhāvī’’’ti.
‘‘เอวํ วุตฺตาหํ, ภเนฺต, ตํ เทวตํ เอตทโวจํ – ‘น ขฺวาหํ, อาวุโส, สนฺทิฎฺฐิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวามิ; กาลิกญฺจ ขฺวาหํ, อาวุโส, หิตฺวา สนฺทิฎฺฐิกํ อนุธาวามิฯ กาลิกา หิ, อาวุโส, กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา; อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺยฯ สนฺทิฎฺฐิโก อยํ ธโมฺม อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหี’’’ติฯ
‘‘Evaṃ vuttāhaṃ, bhante, taṃ devataṃ etadavocaṃ – ‘na khvāhaṃ, āvuso, sandiṭṭhikaṃ hitvā kālikaṃ anudhāvāmi; kālikañca khvāhaṃ, āvuso, hitvā sandiṭṭhikaṃ anudhāvāmi. Kālikā hi, āvuso, kāmā vuttā bhagavatā bahudukkhā bahupāyāsā; ādīnavo ettha bhiyyo. Sandiṭṭhiko ayaṃ dhammo akāliko ehipassiko opaneyyiko paccattaṃ veditabbo viññūhī’’’ti.
‘‘เอวํ วุเตฺต, ภเนฺต, สา เทวตา มํ เอตทโวจ – ‘กถญฺจ, ภิกฺขุ, กาลิกา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา; อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย? กถํ สนฺทิฎฺฐิโก อยํ ธโมฺม อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตโพฺพ วิญฺญูหี’ติ? เอวํ วุตฺตาหํ, ภเนฺต , ตํ เทวตํ เอตทโวจํ – ‘อหํ โข, อาวุโส, นโว อจิรปพฺพชิโต อธุนาคโต อิมํ ธมฺมวินยํ, น ตาหํ สโกฺกมิ วิตฺถาเรน อาจิกฺขิตุํฯ อยํ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ราชคเห วิหรติ ตโปทาราเมฯ ตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉฯ ยถา เต ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาสี’’’ติฯ
‘‘Evaṃ vutte, bhante, sā devatā maṃ etadavoca – ‘kathañca, bhikkhu, kālikā kāmā vuttā bhagavatā bahudukkhā bahupāyāsā; ādīnavo ettha bhiyyo? Kathaṃ sandiṭṭhiko ayaṃ dhammo akāliko ehipassiko opaneyyiko paccattaṃ veditabbo viññūhī’ti? Evaṃ vuttāhaṃ, bhante , taṃ devataṃ etadavocaṃ – ‘ahaṃ kho, āvuso, navo acirapabbajito adhunāgato imaṃ dhammavinayaṃ, na tāhaṃ sakkomi vitthārena ācikkhituṃ. Ayaṃ so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho rājagahe viharati tapodārāme. Taṃ bhagavantaṃ upasaṅkamitvā etamatthaṃ puccha. Yathā te bhagavā byākaroti tathā naṃ dhāreyyāsī’’’ti.
‘‘เอวํ วุเตฺต, ภเนฺต, สา เทวตา มํ เอตทโวจ – ‘น โข, ภิกฺขุ, สุกโร โส ภควา อเมฺหหิ อุปสงฺกมิตุํ, อญฺญาหิ มเหสกฺขาหิ เทวตาหิ ปริวุโตฯ สเจ โข, ตฺวํ ภิกฺขุ, ตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุเจฺฉยฺยาสิ, มยมฺปิ อาคเจฺฉยฺยาม ธมฺมสฺสวนายา’ติฯ สเจ, ภเนฺต, ตสฺสา เทวตาย สจฺจํ วจนํ, อิเธว สา เทวตา อวิทูเร’’ติฯ
‘‘Evaṃ vutte, bhante, sā devatā maṃ etadavoca – ‘na kho, bhikkhu, sukaro so bhagavā amhehi upasaṅkamituṃ, aññāhi mahesakkhāhi devatāhi parivuto. Sace kho, tvaṃ bhikkhu, taṃ bhagavantaṃ upasaṅkamitvā etamatthaṃ puccheyyāsi, mayampi āgaccheyyāma dhammassavanāyā’ti. Sace, bhante, tassā devatāya saccaṃ vacanaṃ, idheva sā devatā avidūre’’ti.
เอวํ วุเตฺต, สา เทวตา อายสฺมนฺตํ สมิทฺธิํ เอตทโวจ – ‘‘ปุจฺฉ, ภิกฺขุ, ปุจฺฉ, ภิกฺขุ, ยมหํ อนุปฺปตฺตา’’ติฯ
Evaṃ vutte, sā devatā āyasmantaṃ samiddhiṃ etadavoca – ‘‘puccha, bhikkhu, puccha, bhikkhu, yamahaṃ anuppattā’’ti.
อถ โข ภควา ตํ เทวตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
Atha kho bhagavā taṃ devataṃ gāthāhi ajjhabhāsi –
‘‘อเกฺขยฺยสญฺญิโน สตฺตา, อเกฺขยฺยสฺมิํ ปติฎฺฐิตา;
‘‘Akkheyyasaññino sattā, akkheyyasmiṃ patiṭṭhitā;
อเกฺขยฺยํ อปริญฺญาย, โยคมายนฺติ มจฺจุโนฯ
Akkheyyaṃ apariññāya, yogamāyanti maccuno.
‘‘อเกฺขยฺยญฺจ ปริญฺญาย, อกฺขาตารํ น มญฺญติ;
‘‘Akkheyyañca pariññāya, akkhātāraṃ na maññati;
ตญฺหิ ตสฺส น โหตีติ, เยน นํ วชฺชา น ตสฺส อตฺถิ;
Tañhi tassa na hotīti, yena naṃ vajjā na tassa atthi;
‘‘น ขฺวาหํ, ภเนฺต, อิมสฺส ภควตา สงฺขิเตฺตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิฯ สาธุ เม, ภเนฺต, ภควา ตถา ภาสตุ ยถาหํ อิมสฺส ภควตา สงฺขิเตฺตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ ชาเนยฺย’’นฺติฯ
‘‘Na khvāhaṃ, bhante, imassa bhagavatā saṅkhittena bhāsitassa vitthārena atthaṃ ājānāmi. Sādhu me, bhante, bhagavā tathā bhāsatu yathāhaṃ imassa bhagavatā saṅkhittena bhāsitassa vitthārena atthaṃ jāneyya’’nti.
ตีสุ วิธาสุ อวิกมฺปมาโน,
Tīsu vidhāsu avikampamāno,
สโม วิเสสีติ น ตสฺส โหติ;
Samo visesīti na tassa hoti;
สเจ วิชานาสิ วเทหิ ยกฺขา’’ติฯ
Sace vijānāsi vadehi yakkhā’’ti.
‘‘อิมสฺสาปิ ขฺวาหํ, ภเนฺต, ภควตา สงฺขิเตฺตน ภาสิตสฺส น วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิฯ สาธุ เม, ภเนฺต, ภควา ตถา ภาสตุ ยถาหํ อิมสฺส ภควตา สงฺขิเตฺตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ ชาเนยฺย’’นฺติฯ
‘‘Imassāpi khvāhaṃ, bhante, bhagavatā saṅkhittena bhāsitassa na vitthārena atthaṃ ājānāmi. Sādhu me, bhante, bhagavā tathā bhāsatu yathāhaṃ imassa bhagavatā saṅkhittena bhāsitassa vitthārena atthaṃ jāneyya’’nti.
‘‘ปหาสิ สงฺขํ น วิมานมชฺฌคา, อเจฺฉจฺฉิ 11 ตณฺหํ อิธ นามรูเป;
‘‘Pahāsi saṅkhaṃ na vimānamajjhagā, acchecchi 12 taṇhaṃ idha nāmarūpe;
ตํ ฉินฺนคนฺถํ อนิฆํ นิราสํ, ปริเยสมานา นาชฺฌคมุํ;
Taṃ chinnaganthaṃ anighaṃ nirāsaṃ, pariyesamānā nājjhagamuṃ;
เทวา มนุสฺสา อิธ วา หุรํ วา, สเคฺคสุ วา สพฺพนิเวสเนสุ;
Devā manussā idha vā huraṃ vā, saggesu vā sabbanivesanesu;
สเจ วิชานาสิ วเทหิ ยกฺขา’’ติฯ
Sace vijānāsi vadehi yakkhā’’ti.
‘‘อิมสฺส ขฺวาหํ, ภเนฺต, ภควตา สงฺขิเตฺตน ภาสิตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิ –
‘‘Imassa khvāhaṃ, bhante, bhagavatā saṅkhittena bhāsitassa evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāmi –
‘‘ปาปํ น กยิรา วจสา มนสา,
‘‘Pāpaṃ na kayirā vacasā manasā,
กาเยน วา กิญฺจน สพฺพโลเก;
Kāyena vā kiñcana sabbaloke;
กาเม ปหาย สติมา สมฺปชาโน,
Kāme pahāya satimā sampajāno,
ทุกฺขํ น เสเวถ อนตฺถสํหิต’’นฺติฯ
Dukkhaṃ na sevetha anatthasaṃhita’’nti.
นนฺทนวโคฺค ทุติโยฯ
Nandanavaggo dutiyo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
นนฺทนา นนฺทติ เจว, นตฺถิปุตฺตสเมน จ;
Nandanā nandati ceva, natthiputtasamena ca;
ขตฺติโย สณมาโน จ, นิทฺทาตนฺที จ ทุกฺกรํ;
Khattiyo saṇamāno ca, niddātandī ca dukkaraṃ;
หิรี กุฎิกา นวโม, ทสโม วุโตฺต สมิทฺธินาติฯ
Hirī kuṭikā navamo, dasamo vutto samiddhināti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. สมิทฺธิสุตฺตวณฺณนา • 10. Samiddhisuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๐. สมิทฺธิสุตฺตวณฺณนา • 10. Samiddhisuttavaṇṇanā