Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๙. นวมวโคฺค

    9. Navamavaggo

    ๑. สมิติคุตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา

    1. Samitiguttattheragāthāvaṇṇanā

    ยํ มยา ปกตํ ปาปนฺติ อายสฺมโต สมิติคุตฺตเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนจิโตฺต ชาติสุมนปุเปฺผหิ ปูชํ อกาสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน ยตฺถ ยตฺถ ภเว นิพฺพตฺติ, ตตฺถ ตตฺถ กุลรูปปริวารสมฺปทาย อเญฺญ สเตฺต อภิภวิตฺวา อฎฺฐาสิฯ เอกสฺมิํ ปน อตฺตภาเว อญฺญตรํ ปเจฺจกพุทฺธํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มุณฺฑโก กุฎฺฐี มเญฺญ, เตนายํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา วิจรตี’’ติ นิฎฺฐุภิตฺวา ปกฺกามิฯ โส เตน กเมฺมน พหุํ กาลํ นิรเย ปจฺจิตฺวา กสฺสปสฺส ภควโต กาเล มนุสฺสโลเก นิพฺพโตฺต ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ อุปคโต เอกํ สีลาจารสมฺปนฺนํ อุปาสกํ ทิสฺวา โทสนฺตโร หุตฺวา, ‘‘กุฎฺฐโรคี ภเวยฺยาสี’’ติ อโกฺกสิ, นฺหานติเตฺถ จ มนุเสฺสหิ ฐปิตานิ นฺหานจุณฺณานิ ทูเสสิฯ โส เตน กเมฺมน ปุน นิรเย นิพฺพตฺติตฺวา พหูนิ วสฺสานิ ทุกฺขํ อนุภวิตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อญฺญตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สมิติคุโตฺตติสฺส นามํ อโหสิฯ โส วยปฺปโตฺต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา สุวิสุทฺธสีโล หุตฺวา วิหรติฯ ตสฺส ปุริมกมฺมนิสฺสเนฺทน กุฎฺฐโรโค อุปฺปชฺชิ, เตน ตสฺส สรีราวยวา เยภุเยฺยน ฉินฺนภินฺนา หุตฺวา ปคฺฆรนฺติฯ โส คิลานสาลายํ วสติฯ อเถกทิวสํ ธมฺมเสนาปติ คิลานปุจฺฉํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตตฺถ คิลาเน ภิกฺขู ปุจฺฉโนฺต ตํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ‘‘อาวุโส, ยาวตา ขนฺธปฺปวตฺติ นาม, สพฺพํ ทุกฺขเมว เวทนาฯ ขเนฺธสุ ปน อสเนฺตสุเยว นตฺถิ ทุกฺข’’นฺติ เวทนานุปสฺสนากมฺมฎฺฐานํ กเถตฺวา อคมาสิฯ โส เถรสฺส โอวาเท ฐตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา ฉฬภิญฺญา สจฺฉากาสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๘๒-๙๐) –

    Yaṃmayā pakataṃ pāpanti āyasmato samitiguttattherassa gāthā. Kā uppatti? Sopi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto vipassissa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto bhagavantaṃ passitvā pasannacitto jātisumanapupphehi pūjaṃ akāsi. So tena puññakammena yattha yattha bhave nibbatti, tattha tattha kularūpaparivārasampadāya aññe satte abhibhavitvā aṭṭhāsi. Ekasmiṃ pana attabhāve aññataraṃ paccekabuddhaṃ piṇḍāya carantaṃ disvā ‘‘ayaṃ muṇḍako kuṭṭhī maññe, tenāyaṃ paṭicchādetvā vicaratī’’ti niṭṭhubhitvā pakkāmi. So tena kammena bahuṃ kālaṃ niraye paccitvā kassapassa bhagavato kāle manussaloke nibbatto paribbājakapabbajjaṃ upagato ekaṃ sīlācārasampannaṃ upāsakaṃ disvā dosantaro hutvā, ‘‘kuṭṭharogī bhaveyyāsī’’ti akkosi, nhānatitthe ca manussehi ṭhapitāni nhānacuṇṇāni dūsesi. So tena kammena puna niraye nibbattitvā bahūni vassāni dukkhaṃ anubhavitvā imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ aññatarassa brāhmaṇassa putto hutvā nibbatti, samitiguttotissa nāmaṃ ahosi. So vayappatto satthu dhammadesanaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā suvisuddhasīlo hutvā viharati. Tassa purimakammanissandena kuṭṭharogo uppajji, tena tassa sarīrāvayavā yebhuyyena chinnabhinnā hutvā paggharanti. So gilānasālāyaṃ vasati. Athekadivasaṃ dhammasenāpati gilānapucchaṃ gantvā tattha tattha gilāne bhikkhū pucchanto taṃ bhikkhuṃ disvā ‘‘āvuso, yāvatā khandhappavatti nāma, sabbaṃ dukkhameva vedanā. Khandhesu pana asantesuyeva natthi dukkha’’nti vedanānupassanākammaṭṭhānaṃ kathetvā agamāsi. So therassa ovāde ṭhatvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā chaḷabhiññā sacchākāsi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.12.82-90) –

    ‘‘ชายนฺตสฺส วิปสฺสิสฺส, อาโลโก วิปุโล อหุ;

    ‘‘Jāyantassa vipassissa, āloko vipulo ahu;

    ปถวี จ ปกมฺปิตฺถ, สสาครา สปพฺพตาฯ

    Pathavī ca pakampittha, sasāgarā sapabbatā.

    ‘‘เนมิตฺตา จ วิยากํสุ, พุโทฺธ โลเก ภวิสฺสติ;

    ‘‘Nemittā ca viyākaṃsu, buddho loke bhavissati;

    อโคฺค จ สพฺพสตฺตานํ, ชนตํ อุทฺธริสฺสติฯ

    Aggo ca sabbasattānaṃ, janataṃ uddharissati.

    ‘‘เนมิตฺตานํ สุณิตฺวาน, ชาติปูชมกาสหํ;

    ‘‘Nemittānaṃ suṇitvāna, jātipūjamakāsahaṃ;

    เอทิสา ปูชนา นตฺถิ, ยาทิสา ชาติปูชนาฯ

    Edisā pūjanā natthi, yādisā jātipūjanā.

    ‘‘สงฺขริตฺวาน กุสลํ, สกํ จิตฺตํ ปสาทยิํ;

    ‘‘Saṅkharitvāna kusalaṃ, sakaṃ cittaṃ pasādayiṃ;

    ชาติปูชํ กริตฺวาน, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํฯ

    Jātipūjaṃ karitvāna, tattha kālaṅkato ahaṃ.

    ‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

    ‘‘Yaṃ yaṃ yonupapajjāmi, devattaṃ atha mānusaṃ;

    สเพฺพ สเตฺต อภิโภมิ, ชาติปูชายิทํ ผลํฯ

    Sabbe satte abhibhomi, jātipūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘ธาติโย มํ อุปเฎฺฐนฺติ, มม จิตฺตวสานุคา;

    ‘‘Dhātiyo maṃ upaṭṭhenti, mama cittavasānugā;

    น ตา สโกฺกนฺติ โกเปตุํ, ชาติปูชายิทํ ผลํฯ

    Na tā sakkonti kopetuṃ, jātipūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘เอกนวุติโต กเปฺป, ยํ ปูชมกริํ ตทา;

    ‘‘Ekanavutito kappe, yaṃ pūjamakariṃ tadā;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ชาติปูชายิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, jātipūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘สุปาริจริยา นาม, จตุตฺติํส ชนาธิปา;

    ‘‘Supāricariyā nāma, catuttiṃsa janādhipā;

    อิโต ตติยกปฺปมฺหิ, จกฺกวตฺตี มหพฺพลาฯ

    Ito tatiyakappamhi, cakkavattī mahabbalā.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    ฉฬภิโญฺญ ปน หุตฺวา ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขเณน เอตรหิ อนุภุยฺยมานโรควเสน ปุริมชาตีสุ อตฺตนา กตํ ปาปกมฺมํ อนุสฺสริตฺวา ตสฺส อิทานิ สพฺพโส ปหีนภาวํ วิภาเวโนฺต –

    Chaḷabhiñño pana hutvā pahīnakilesapaccavekkhaṇena etarahi anubhuyyamānarogavasena purimajātīsu attanā kataṃ pāpakammaṃ anussaritvā tassa idāni sabbaso pahīnabhāvaṃ vibhāvento –

    ๘๑.

    81.

    ‘‘ยํ มยา ปกตํ ปาปํ, ปุเพฺพ อญฺญาสุ ชาติสุ;

    ‘‘Yaṃ mayā pakataṃ pāpaṃ, pubbe aññāsu jātisu;

    อิเธว ตํ เวทนียํ, วตฺถุ อญฺญํ น วิชฺชตี’’ติฯ – คาถํ อภาสิ;

    Idheva taṃ vedanīyaṃ, vatthu aññaṃ na vijjatī’’ti. – gāthaṃ abhāsi;

    ตตฺถ ปาปนฺติ อกุสลํ กมฺมํฯ ตญฺหิ ลามกเฎฺฐน ปาปนฺติ วุจฺจติฯ ปุเพฺพติ ปุราฯ อญฺญาสุ ชาติสูติ อิโต อญฺญาสุ ชาตีสุ, อเญฺญสุ อตฺตภาเวสุฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – ยทิปิ มยา อิมสฺมิํ อตฺตภาเว น ตาทิสํ ปาปํ กตํ อตฺถิ, อิทานิ ปน ตสฺส สมฺภโวเยว นตฺถิฯ ยํ ปน อิโต อญฺญาสุ ชาตีสุ กตํ อตฺถิ, อิเธว ตํ เวทนียํ, ตญฺหิ อิเธว อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว เวทยิตพฺพํ อนุภวิตพฺพํ ผลํ, กสฺมา? วตฺถุ อญฺญํ น วิชฺชตีติ ตสฺส กมฺมสฺส วิปจฺจโนกาโส อโญฺญ ขนฺธปฺปพโนฺธ นตฺถิ, อิเม ปน ขนฺธา สพฺพโส อุปาทานานํ ปหีนตฺตา อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท จริมกจิตฺตนิโรเธน อปฺปฎิสนฺธิกา นิรุชฺฌนฺตีติ อญฺญํ พฺยากาสิฯ

    Tattha pāpanti akusalaṃ kammaṃ. Tañhi lāmakaṭṭhena pāpanti vuccati. Pubbeti purā. Aññāsu jātisūti ito aññāsu jātīsu, aññesu attabhāvesu. Ayañhettha attho – yadipi mayā imasmiṃ attabhāve na tādisaṃ pāpaṃ kataṃ atthi, idāni pana tassa sambhavoyeva natthi. Yaṃ pana ito aññāsu jātīsu kataṃ atthi, idheva taṃ vedanīyaṃ, tañhi idheva imasmiṃyeva attabhāve vedayitabbaṃ anubhavitabbaṃ phalaṃ, kasmā? Vatthu aññaṃ na vijjatīti tassa kammassa vipaccanokāso añño khandhappabandho natthi, ime pana khandhā sabbaso upādānānaṃ pahīnattā anupādāno viya jātavedo carimakacittanirodhena appaṭisandhikā nirujjhantīti aññaṃ byākāsi.

    สมิติคุตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Samitiguttattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑. สมิติคุตฺตเตฺถรคาถา • 1. Samitiguttattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact