Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๕๓๐] ๒. สํกิจฺจชาตกวณฺณนา

    [530] 2. Saṃkiccajātakavaṇṇanā

    ทิสฺวา นิสินฺนํ ราชานนฺติ อิทํ สตฺถา ชีวกมฺพวเน วิหรโนฺต อชาตสตฺตุสฺส ปิตุฆาตกมฺมํ อารพฺภ กเถสิฯ โส หิ เทวทตฺตํ นิสฺสาย ตสฺส วจเนน ปิตรํ ฆาตาเปตฺวา เทวทตฺตสฺส สงฺฆเภทาวสาเน ภินฺนปริสสฺส โรเค อุปฺปเนฺน ‘‘ตถาคตํ ขมาเปสฺสามี’’ติ มญฺจสิวิกาย สาวตฺถิํ คจฺฉนฺตสฺส เชตวนทฺวาเร ปถวิํ ปวิฎฺฐภาวํ สุตฺวา ‘‘เทวทโตฺต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปฎิปโกฺข หุตฺวา ปถวิํ ปวิสิตฺวา อวีจิปรายโณ ชาโต, มยาปิ ตํ นิสฺสาย ปิตา ธมฺมิโก ธมฺมราชา ฆาติโต, อหมฺปิ นุ โข ปถวิํ ปวิสิสฺสามี’’ติ ภีโต รชฺชสิริยา จิตฺตสฺสาทํ น ลภิ, ‘‘โถกํ นิทฺทายิสฺสามี’’ติ นิทฺทํ อุปคตมโตฺตว นวโยชนพหลายํ อยมหาปถวิยํ ปาเตตฺวา อยสูเลหิ โกฎฺฎิยมาโน วิย สุนเขหิ ลุญฺชิตฺวา ขชฺชมาโน วิย เภรวรเวน วิรวโนฺต อุฎฺฐาติฯ

    Disvā nisinnaṃ rājānanti idaṃ satthā jīvakambavane viharanto ajātasattussa pitughātakammaṃ ārabbha kathesi. So hi devadattaṃ nissāya tassa vacanena pitaraṃ ghātāpetvā devadattassa saṅghabhedāvasāne bhinnaparisassa roge uppanne ‘‘tathāgataṃ khamāpessāmī’’ti mañcasivikāya sāvatthiṃ gacchantassa jetavanadvāre pathaviṃ paviṭṭhabhāvaṃ sutvā ‘‘devadatto sammāsambuddhassa paṭipakkho hutvā pathaviṃ pavisitvā avīciparāyaṇo jāto, mayāpi taṃ nissāya pitā dhammiko dhammarājā ghātito, ahampi nu kho pathaviṃ pavisissāmī’’ti bhīto rajjasiriyā cittassādaṃ na labhi, ‘‘thokaṃ niddāyissāmī’’ti niddaṃ upagatamattova navayojanabahalāyaṃ ayamahāpathaviyaṃ pātetvā ayasūlehi koṭṭiyamāno viya sunakhehi luñjitvā khajjamāno viya bheravaravena viravanto uṭṭhāti.

    อเถกทิวสํ โกมุทิยา จาตุมาสินิยา อมจฺจคณปริวุโต อตฺตโน ยสํ โอโลเกตฺวา ‘‘มม ปิตุ ยโส อิโต มหนฺตตโร, ตถารูปํ นาม อหํ ธมฺมราชานํ เทวทตฺตํ นิสฺสาย ฆาเตสิ’’นฺติ จิเนฺตสิฯ ตเสฺสวํ จิเนฺตนฺตเสฺสว กาเย ฑาโห อุปฺปชฺชิ, สกลสรีรํ เสทตินฺตํ อโหสิฯ ตโต ‘‘โก นุ โข เม อิมํ ภยํ วิโนเทตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘ฐเปตฺวา ทสพลํ อโญฺญ นตฺถี’’ติ ญตฺวา ‘‘อหํ ตถาคตสฺส มหาปราโธ, โก นุ โข มํ เนตฺวา ทเสฺสสฺสตี’’ติ จิเนฺตโนฺต ‘‘น อโญฺญ โกจิ อญฺญตฺร ชีวกา’’ติ สลฺลเกฺขตฺวา ตสฺส คเหตฺวา คมนูปายํ กโรโนฺต ‘‘รมณียา วต, โภ, โทสินา รตฺตี’’ติ อุทานํ อุทาเนตฺวา ‘‘กํ นุ ขฺวชฺช สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปยิรุปาเสยฺยามี’’ติ วตฺวา ปูรณสาวกาทีหิ ปูรณาทีนํ คุเณ กถิเต เตสํ วจนํ อนาทิยิตฺวา ชีวกํ ปฎิปุจฺฉิตฺวา เตน ตถาคตสฺส คุณํ กเถตฺวา ‘‘ตํ เทโว ภควนฺตํ ปยิรุปาสตู’’ติ วุโตฺต หตฺถิยานานิ กปฺปาเปตฺวา ชีวกมฺพวนํ คนฺตฺวา ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ตถาคเตน กตปฎิสนฺถาโร สนฺทิฎฺฐิกํ สามญฺญผลํ ปุจฺฉิตฺวา ตถาคตสฺส มธุรํ สามญฺญผลธมฺมเทสนํ (ที. นิ. ๑.๑๕๐ อาทโย) สุตฺวา สุตฺตปริโยสาเน อุปาสกตฺตํ ปฎิเวทิตฺวา ตถาคตํ ขมาเปตฺวา ปกฺกามิฯ โส ตโต ปฎฺฐาย ทานํ เทโนฺต สีลํ รกฺขโนฺต ตถาคเตน สทฺธิํ สํสคฺคํ กตฺวา มธุรธมฺมกถํ สุณโนฺต กลฺยาณมิตฺตสํสเคฺคน ปหีนภโย วิคตโลมหํโส หุตฺวา จิตฺตสฺสาทํ ปฎิลภิตฺวา สุเขน จตฺตาโร อิริยาปเถ กเปฺปสิฯ

    Athekadivasaṃ komudiyā cātumāsiniyā amaccagaṇaparivuto attano yasaṃ oloketvā ‘‘mama pitu yaso ito mahantataro, tathārūpaṃ nāma ahaṃ dhammarājānaṃ devadattaṃ nissāya ghātesi’’nti cintesi. Tassevaṃ cintentasseva kāye ḍāho uppajji, sakalasarīraṃ sedatintaṃ ahosi. Tato ‘‘ko nu kho me imaṃ bhayaṃ vinodetuṃ sakkhissatī’’ti cintetvā ‘‘ṭhapetvā dasabalaṃ añño natthī’’ti ñatvā ‘‘ahaṃ tathāgatassa mahāparādho, ko nu kho maṃ netvā dassessatī’’ti cintento ‘‘na añño koci aññatra jīvakā’’ti sallakkhetvā tassa gahetvā gamanūpāyaṃ karonto ‘‘ramaṇīyā vata, bho, dosinā rattī’’ti udānaṃ udānetvā ‘‘kaṃ nu khvajja samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā payirupāseyyāmī’’ti vatvā pūraṇasāvakādīhi pūraṇādīnaṃ guṇe kathite tesaṃ vacanaṃ anādiyitvā jīvakaṃ paṭipucchitvā tena tathāgatassa guṇaṃ kathetvā ‘‘taṃ devo bhagavantaṃ payirupāsatū’’ti vutto hatthiyānāni kappāpetvā jīvakambavanaṃ gantvā tathāgataṃ upasaṅkamitvā vanditvā tathāgatena katapaṭisanthāro sandiṭṭhikaṃ sāmaññaphalaṃ pucchitvā tathāgatassa madhuraṃ sāmaññaphaladhammadesanaṃ (dī. ni. 1.150 ādayo) sutvā suttapariyosāne upāsakattaṃ paṭiveditvā tathāgataṃ khamāpetvā pakkāmi. So tato paṭṭhāya dānaṃ dento sīlaṃ rakkhanto tathāgatena saddhiṃ saṃsaggaṃ katvā madhuradhammakathaṃ suṇanto kalyāṇamittasaṃsaggena pahīnabhayo vigatalomahaṃso hutvā cittassādaṃ paṭilabhitvā sukhena cattāro iriyāpathe kappesi.

    อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อชาตสตฺตุ ปิตุฆาตกมฺมํ กตฺวา ภยปฺปโตฺต อโหสิ, รชฺชสิริํ นิสฺสาย จิตฺตสฺสาทํ อลภโนฺต สพฺพอิริยาปเถสุ ทุกฺขํ อนุโภติ, โส ทานิ ตถาคตํ อาคมฺม กลฺยาณมิตฺตสํสเคฺคน วิคตภโย อิสฺสริยสุขํ อนุโภตี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส ปิตุฆาตกมฺมํ กตฺวา มํ นิสฺสาย สุขํ สยี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Athekadivasaṃ dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, ajātasattu pitughātakammaṃ katvā bhayappatto ahosi, rajjasiriṃ nissāya cittassādaṃ alabhanto sabbairiyāpathesu dukkhaṃ anubhoti, so dāni tathāgataṃ āgamma kalyāṇamittasaṃsaggena vigatabhayo issariyasukhaṃ anubhotī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepesa pitughātakammaṃ katvā maṃ nissāya sukhaṃ sayī’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทโตฺต รชฺชํ กาเรโนฺต พฺรหฺมทตฺตกุมารํ นาม ปุตฺตํ ปฎิลภิฯ ตทา โพธิสโตฺต ปุโรหิตสฺส เคเห ปฎิสนฺธิํ คณฺหิ, ชาตเสฺสวสฺส ‘‘สํกิจฺจกุมาโร’’ติ นามํ กริํสุฯ เต อุโภปิ ราชนิเวสเน เอกโตว วฑฺฒิํสุฯ อญฺญมญฺญํ สหายกา หุตฺวา วยปฺปตฺตา ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปจฺจาคมิํสุฯ อถ ราชา ปุตฺตสฺส อุปรชฺชํ อทาสิฯ โพธิสโตฺตปิ อุปราชเสฺสว สนฺติเก อโหสิฯ อเถกทิวสํ อุปราชา ปิตุ อุยฺยานกีฬํ คจฺฉนฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ ทิสฺวา ตสฺมิํ โลภํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘มยฺหํ ปิตา มม ภาติกสทิโส, สเจ เอตสฺส มรณํ โอโลเกสฺสามิ, มหลฺลกกาเล รชฺชํ ลภิสฺสามิ, ตทา ลเทฺธนปิ รเชฺชน โก อโตฺถ, ปิตรํ มาเรตฺวา รชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา โพธิสตฺตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสิฯ โพธิสโตฺต, ‘‘สมฺม, ปิตุฆาตกมฺมํ นาม ภาริยํ, นิรยมโคฺค, น สกฺกา เอตํ กาตุํ, มา กรี’’ติ ปฎิพาหิฯ โส ปุนปฺปุนมฺปิ กเถตฺวา ยาวตติยํ เตน ปฎิพาหิโต ปาทมูลิเกหิ สทฺธิํ มเนฺตสิฯ เตปิ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา รโญฺญ มารณูปายํ วีมํสิํสุฯ โพธิสโตฺต ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา ‘‘นาหํ เอเตหิ สทฺธิํ เอกโต ภวิสฺสามี’’ติ มาตาปิตโร อนาปุจฺฉิตฺวาว อคฺคทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิญฺญา นิพฺพเตฺตตฺวา วนมูลผลาหาโร วิหาสิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatto rajjaṃ kārento brahmadattakumāraṃ nāma puttaṃ paṭilabhi. Tadā bodhisatto purohitassa gehe paṭisandhiṃ gaṇhi, jātassevassa ‘‘saṃkiccakumāro’’ti nāmaṃ kariṃsu. Te ubhopi rājanivesane ekatova vaḍḍhiṃsu. Aññamaññaṃ sahāyakā hutvā vayappattā takkasilaṃ gantvā sabbasippāni uggaṇhitvā paccāgamiṃsu. Atha rājā puttassa uparajjaṃ adāsi. Bodhisattopi uparājasseva santike ahosi. Athekadivasaṃ uparājā pitu uyyānakīḷaṃ gacchantassa mahantaṃ yasaṃ disvā tasmiṃ lobhaṃ uppādetvā ‘‘mayhaṃ pitā mama bhātikasadiso, sace etassa maraṇaṃ olokessāmi, mahallakakāle rajjaṃ labhissāmi, tadā laddhenapi rajjena ko attho, pitaraṃ māretvā rajjaṃ gaṇhissāmī’’ti cintetvā bodhisattassa tamatthaṃ ārocesi. Bodhisatto, ‘‘samma, pitughātakammaṃ nāma bhāriyaṃ, nirayamaggo, na sakkā etaṃ kātuṃ, mā karī’’ti paṭibāhi. So punappunampi kathetvā yāvatatiyaṃ tena paṭibāhito pādamūlikehi saddhiṃ mantesi. Tepi sampaṭicchitvā rañño māraṇūpāyaṃ vīmaṃsiṃsu. Bodhisatto taṃ pavattiṃ ñatvā ‘‘nāhaṃ etehi saddhiṃ ekato bhavissāmī’’ti mātāpitaro anāpucchitvāva aggadvārena nikkhamitvā himavantaṃ pavisitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā jhānābhiññā nibbattetvā vanamūlaphalāhāro vihāsi.

    ราชกุมาโรปิ ตสฺมิํ คเต ปิตรํ มาราเปตฺวา มหนฺตํ ยสํ อนุภวิฯ ‘‘สํกิจฺจกุมาโร กิร อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา พหู กุลปุตฺตา นิกฺขมิตฺวา ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิํสุฯ โส มหตา อิสิคเณน ปริวุโต ตตฺถ วสิฯ สเพฺพปิ สมาปตฺติลาภิโนเยวฯ ราชาปิ ปิตรํ มาเรตฺวา อปฺปมตฺตกํเยว กาลํ รชฺชสุขํ อนุภวิตฺวา ตโต ปฎฺฐาย ภีโต จิตฺตสฺสาทํ อลภโนฺต นิรเย กมฺมกรณปฺปโตฺต วิย อโหสิฯ โส โพธิสตฺตํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘สหาโย เม ‘ปิตุฆาตกมฺมํ ภาริยํ, มา กรี’ติ ปฎิเสเธตฺวา มํ อตฺตโน กถํ คาหาเปตุํ อสโกฺกโนฺต อตฺตานํ นิโทฺทสํ กตฺวา ปลายิฯ สเจ โส อิธ อภวิสฺส , น เม ปิตุฆาตกมฺมํ กาตุํ อทสฺส, อิทมฺปิ เม ภยํ หเรยฺย, กหํ นุ โข โส เอตรหิ วิหรติฯ สเจ ตสฺส วสนฎฺฐานํ ชาเนยฺยํ, ปโกฺกสาเปยฺยํ, โก นุ โข เม ตสฺส วสนฎฺฐานํ อาโรเจยฺยา’’ติ จิเนฺตสิฯ โส ตโต ปฎฺฐาย อเนฺตปุเร จ ราชสภายญฺจ โพธิสตฺตเสฺสว วณฺณํ ภาสติฯ

    Rājakumāropi tasmiṃ gate pitaraṃ mārāpetvā mahantaṃ yasaṃ anubhavi. ‘‘Saṃkiccakumāro kira isipabbajjaṃ pabbajito’’ti sutvā bahū kulaputtā nikkhamitvā tassa santike pabbajiṃsu. So mahatā isigaṇena parivuto tattha vasi. Sabbepi samāpattilābhinoyeva. Rājāpi pitaraṃ māretvā appamattakaṃyeva kālaṃ rajjasukhaṃ anubhavitvā tato paṭṭhāya bhīto cittassādaṃ alabhanto niraye kammakaraṇappatto viya ahosi. So bodhisattaṃ anussaritvā ‘‘sahāyo me ‘pitughātakammaṃ bhāriyaṃ, mā karī’ti paṭisedhetvā maṃ attano kathaṃ gāhāpetuṃ asakkonto attānaṃ niddosaṃ katvā palāyi. Sace so idha abhavissa , na me pitughātakammaṃ kātuṃ adassa, idampi me bhayaṃ hareyya, kahaṃ nu kho so etarahi viharati. Sace tassa vasanaṭṭhānaṃ jāneyyaṃ, pakkosāpeyyaṃ, ko nu kho me tassa vasanaṭṭhānaṃ āroceyyā’’ti cintesi. So tato paṭṭhāya antepure ca rājasabhāyañca bodhisattasseva vaṇṇaṃ bhāsati.

    เอวํ อทฺธาเน คเต โพธิสโตฺต ‘‘ราชา มํ สรติ, มยา ตตฺถ คนฺตฺวา ตสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา ตํ นิพฺภยํ กตฺวา อาคนฺตุํ วฎฺฎตี’’ติ ปณฺณาส วสฺสานิ หิมวเนฺต วสิตฺวา ปญฺจสตตาปสปริวุโต อากาเสนาคนฺตฺวา ทายปเสฺส นาม อุยฺยาเน โอตริตฺวา อิสิคณปริวุโต สิลาปเฎฺฎ นิสีทิฯ อุยฺยานปาโล ตํ ทิสฺวา ‘‘ภเนฺต, คณสตฺถา โกนาโม’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สํกิจฺจปณฺฑิโต นามา’’ติ จ สุตฺวา สยมฺปิ สญฺชานิตฺวา ‘‘ภเนฺต, ยาวาหํ ราชานํ อาเนมิ, ตาว อิเธว โหถ, อมฺหากํ ราชา ตุเมฺห ทฎฺฐุกาโม’’ติ วตฺวา เวเคน ราชกุลํ คนฺตฺวา ตสฺส อาคตภาวํ รโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา กตฺตพฺพยุตฺตกํ อุปหารํ กตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา อาห –

    Evaṃ addhāne gate bodhisatto ‘‘rājā maṃ sarati, mayā tattha gantvā tassa dhammaṃ desetvā taṃ nibbhayaṃ katvā āgantuṃ vaṭṭatī’’ti paṇṇāsa vassāni himavante vasitvā pañcasatatāpasaparivuto ākāsenāgantvā dāyapasse nāma uyyāne otaritvā isigaṇaparivuto silāpaṭṭe nisīdi. Uyyānapālo taṃ disvā ‘‘bhante, gaṇasatthā konāmo’’ti pucchitvā ‘‘saṃkiccapaṇḍito nāmā’’ti ca sutvā sayampi sañjānitvā ‘‘bhante, yāvāhaṃ rājānaṃ ānemi, tāva idheva hotha, amhākaṃ rājā tumhe daṭṭhukāmo’’ti vatvā vegena rājakulaṃ gantvā tassa āgatabhāvaṃ rañño ārocesi. Rājā tassa santikaṃ gantvā kattabbayuttakaṃ upahāraṃ katvā pañhaṃ pucchi. Tamatthaṃ pakāsento satthā āha –

    ๖๙.

    69.

    ‘‘ทิสฺวา นิสินฺนํ ราชานํ, พฺรหฺมทตฺตํ รเถสภํ;

    ‘‘Disvā nisinnaṃ rājānaṃ, brahmadattaṃ rathesabhaṃ;

    อถสฺส ปฎิเวเทสิ, ยสฺสาสิ อนุกมฺปโกฯ

    Athassa paṭivedesi, yassāsi anukampako.

    ๗๐.

    70.

    ‘‘สํกิจฺจายํ อนุปฺปโตฺต, อิสีนํ สาธุสมฺมโต;

    ‘‘Saṃkiccāyaṃ anuppatto, isīnaṃ sādhusammato;

    ตรมานรูโป นิยฺยาหิ, ขิปฺปํ ปสฺส มเหสินํฯ

    Taramānarūpo niyyāhi, khippaṃ passa mahesinaṃ.

    ๗๑.

    71.

    ‘‘ตโต จ ราชา ตรมาโน, ยุตฺตมารุยฺห สนฺทนํ;

    ‘‘Tato ca rājā taramāno, yuttamāruyha sandanaṃ;

    มิตฺตามจฺจปริพฺยูโฬฺห, อคมาสิ รเถสโภฯ

    Mittāmaccaparibyūḷho, agamāsi rathesabho.

    ๗๒.

    72.

    ‘‘นิกฺขิปฺป ปญฺจ กกุธานิ, กาสีนํ รฎฺฐวฑฺฒโน;

    ‘‘Nikkhippa pañca kakudhāni, kāsīnaṃ raṭṭhavaḍḍhano;

    วาลพีชนิมุณฺหีสํ, ขคฺคํ ฉตฺตญฺจุปาหนํฯ

    Vālabījanimuṇhīsaṃ, khaggaṃ chattañcupāhanaṃ.

    ๗๓.

    73.

    ‘‘โอรุยฺห ราชา ยานมฺหา, ฐปยิตฺวา ปฎิจฺฉทํ;

    ‘‘Oruyha rājā yānamhā, ṭhapayitvā paṭicchadaṃ;

    อาสีนํ ทายปสฺสสฺมิํ, สํกิจฺจมุปสงฺกมิฯ

    Āsīnaṃ dāyapassasmiṃ, saṃkiccamupasaṅkami.

    ๗๔.

    74.

    ‘‘อุปสงฺกมิตฺวา โส ราชา, สโมฺมทิ อิสินา สห;

    ‘‘Upasaṅkamitvā so rājā, sammodi isinā saha;

    ตํ กถํ วีติสาเรตฺวา, เอกมนฺตํ อุปาวิสิฯ

    Taṃ kathaṃ vītisāretvā, ekamantaṃ upāvisi.

    ๗๕.

    75.

    ‘‘เอกมนฺตํ นิสิโนฺนว, อถ กาลํ อมญฺญถ;

    ‘‘Ekamantaṃ nisinnova, atha kālaṃ amaññatha;

    ตโต ปาปานิ กมฺมานิ, ปุจฺฉิตุํ ปฎิปชฺชถฯ

    Tato pāpāni kammāni, pucchituṃ paṭipajjatha.

    ๗๖.

    76.

    ‘‘อิสิํ ปุจฺฉาม สํกิจฺจํ, อิสีนํ สาธุสมฺมตํ;

    ‘‘Isiṃ pucchāma saṃkiccaṃ, isīnaṃ sādhusammataṃ;

    อาสีนํ ทายปสฺสสฺมิํ, อิสิสงฺฆปุรกฺขตํฯ

    Āsīnaṃ dāyapassasmiṃ, isisaṅghapurakkhataṃ.

    ๗๗.

    77.

    ‘‘กํ คติํ เปจฺจ คจฺฉนฺติ, นรา ธมฺมาติจาริโน;

    ‘‘Kaṃ gatiṃ pecca gacchanti, narā dhammāticārino;

    อติจิโณฺณ มยา ธโมฺม, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติฯ

    Aticiṇṇo mayā dhammo, taṃ me akkhāhi pucchito’’ti.

    ตตฺถ ทิสฺวาติ, ภิกฺขเว, โส อุยฺยานปาโล ราชานํ ราชสภายํ นิสินฺนํ ทิสฺวา อถสฺส ปฎิเวเทสิ, ‘‘ยสฺสาสี’’ติ วทโนฺต อาโรเจสีติ อโตฺถฯ ยสฺสาสีติ, มหาราช, ยสฺส ตฺวํ อนุกมฺปโก มุทุจิโตฺต อโหสิ, ยสฺส อภิณฺหํ วณฺณํ ปยิรุทาหาสิ, โส อยํ สํกิโจฺจ อิสีนํ อนฺตเร สาธุ ลทฺธโกติ สมฺมโต อนุปฺปโตฺต ตว อุยฺยาเน สิลาปเฎฺฎ อิสิคณปริวุโต กญฺจนปฎิมา วิย นิสิโนฺนฯ ตรมานรูโปติ, มหาราช, ปพฺพชิตา นาม กุเล วา คเณ วา อลคฺคา ตุมฺหากํ คจฺฉนฺตานเญฺญว ปกฺกเมยฺยุํ, ตสฺมา ตรมานรูโป ขิปฺปํ นิยฺยาหิ, มหนฺตานํ สีลาทิคุณานํ เอสิตตฺตา ปสฺส มเหสินํ

    Tattha disvāti, bhikkhave, so uyyānapālo rājānaṃ rājasabhāyaṃ nisinnaṃ disvā athassa paṭivedesi, ‘‘yassāsī’’ti vadanto ārocesīti attho. Yassāsīti, mahārāja, yassa tvaṃ anukampako muducitto ahosi, yassa abhiṇhaṃ vaṇṇaṃ payirudāhāsi, so ayaṃ saṃkicco isīnaṃ antare sādhu laddhakoti sammato anuppatto tava uyyāne silāpaṭṭe isigaṇaparivuto kañcanapaṭimā viya nisinno. Taramānarūpoti, mahārāja, pabbajitā nāma kule vā gaṇe vā alaggā tumhākaṃ gacchantānaññeva pakkameyyuṃ, tasmā taramānarūpo khippaṃ niyyāhi, mahantānaṃ sīlādiguṇānaṃ esitattā passa mahesinaṃ.

    ตโตติ, ภิกฺขเว, โส ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ตโต ตสฺส วจนโต อนนฺตรเมวฯ นิกฺขิปฺปาติ นิกฺขิปิตฺวา ตสฺส กิร อุยฺยานทฺวารํ ปตฺวาว เอตทโหสิ – ‘‘ปพฺพชิตา นาม ครุฎฺฐานิยา, สํกิจฺจตาปสสฺส สนฺติกํ อุทฺธตเวเสน คนฺตุํ อยุตฺต’’นฺติฯ โส มณิจิตฺตสุวณฺณทณฺฑํ วาลพีชนิํ, กญฺจนมยํ อุณฺหีสปฎฺฎํ, สุปริกฺขิตฺตํ มงฺคลขคฺคํ, เสตจฺฉตฺตํ , โสวณฺณปาทุกาติ อิมานิ ปญฺจ ราชกกุธภณฺฑานิ อปเนสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘นิกฺขิปฺปา’’ติฯ ปฎิจฺฉทนฺติ ตเมว ราชกกุธภณฺฑํ ฐปยิตฺวา ภณฺฑาคาริกสฺส หเตฺถ ทตฺวาฯ ทายปสฺสสฺมินฺติ เอวํนามเก อุยฺยาเนฯ อถ กาลํ อมญฺญถาติ อถ โส อิทานิ เม ปญฺหํ ปุจฺฉิตุํ กาโลติ ชานิฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘ยถากาล’’นฺติ อาคตํ, ตสฺส กาลานุรูเปน ปญฺหปุจฺฉนํ อมญฺญถาติ อโตฺถฯ ปฎิปชฺชถาติ ปฎิปชฺชิฯ เปจฺจาติ ปฎิคนฺตฺวา, ปรโลกสฺส วา นาเมตํ, ตสฺมา ปรโลเกติ อโตฺถฯ มยาติ, ภเนฺต, มยา สุจริตธโมฺม อติจิโณฺณ ปิตุฆาตกมฺมํ กตํ, ตํ เม อกฺขาหิ, กํ คติํ ปิตุฆาตกา คจฺฉนฺติ, กตรสฺมิํ นิรเย ปจฺจนฺตีติ ปุจฺฉติฯ

    Tatoti, bhikkhave, so rājā tassa vacanaṃ sutvā tato tassa vacanato anantarameva. Nikkhippāti nikkhipitvā tassa kira uyyānadvāraṃ patvāva etadahosi – ‘‘pabbajitā nāma garuṭṭhāniyā, saṃkiccatāpasassa santikaṃ uddhatavesena gantuṃ ayutta’’nti. So maṇicittasuvaṇṇadaṇḍaṃ vālabījaniṃ, kañcanamayaṃ uṇhīsapaṭṭaṃ, suparikkhittaṃ maṅgalakhaggaṃ, setacchattaṃ , sovaṇṇapādukāti imāni pañca rājakakudhabhaṇḍāni apanesi. Tena vuttaṃ ‘‘nikkhippā’’ti. Paṭicchadanti tameva rājakakudhabhaṇḍaṃ ṭhapayitvā bhaṇḍāgārikassa hatthe datvā. Dāyapassasminti evaṃnāmake uyyāne. Atha kālaṃ amaññathāti atha so idāni me pañhaṃ pucchituṃ kāloti jāni. Pāḷiyaṃ pana ‘‘yathākāla’’nti āgataṃ, tassa kālānurūpena pañhapucchanaṃ amaññathāti attho. Paṭipajjathāti paṭipajji. Peccāti paṭigantvā, paralokassa vā nāmetaṃ, tasmā paraloketi attho. Mayāti, bhante, mayā sucaritadhammo aticiṇṇo pitughātakammaṃ kataṃ, taṃ me akkhāhi, kaṃ gatiṃ pitughātakā gacchanti, katarasmiṃ niraye paccantīti pucchati.

    ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต ‘‘เตน หิ, มหาราช, สุโณหี’’ติ วตฺวา โอวาทํ ตาว อทาสิฯ สตฺถา ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต อาห –

    Taṃ sutvā bodhisatto ‘‘tena hi, mahārāja, suṇohī’’ti vatvā ovādaṃ tāva adāsi. Satthā tamatthaṃ pakāsento āha –

    ๗๘.

    78.

    ‘‘อิสี อวจ สํกิโจฺจ, กาสีนํ รฎฺฐวฑฺฒนํ;

    ‘‘Isī avaca saṃkicco, kāsīnaṃ raṭṭhavaḍḍhanaṃ;

    อาสีนํ ทายปสฺสสฺมิํ, มหาราช สุโณหิ เมฯ

    Āsīnaṃ dāyapassasmiṃ, mahārāja suṇohi me.

    ๗๙.

    79.

    ‘‘อุปฺปเถน วชนฺตสฺส, โย มคฺคมนุสาสติ;

    ‘‘Uppathena vajantassa, yo maggamanusāsati;

    ตสฺส เจ วจนํ กยิรา, นาสฺส มเคฺคยฺย กณฺฎโกฯ

    Tassa ce vacanaṃ kayirā, nāssa maggeyya kaṇṭako.

    ๘๐.

    80.

    ‘‘อธมฺมํ ปฎิปนฺนสฺส, โย ธมฺมมนุสาสติ;

    ‘‘Adhammaṃ paṭipannassa, yo dhammamanusāsati;

    ตสฺส เจ วจนํ กยิรา, น โส คเจฺฉยฺย ทุคฺคติ’’นฺติฯ

    Tassa ce vacanaṃ kayirā, na so gaccheyya duggati’’nti.

    ตตฺถ อุปฺปเถนาติ โจเรหิ ปริยุฎฺฐิตมเคฺคนฯ มคฺคมนุสาสตีติ เขมมคฺคํ อกฺขาติฯ นาสฺส มเคฺคยฺย กณฺฎโกติ ตสฺส โอวาทกรสฺส ปุริสสฺส มุขํ โจรกณฺฎโก น ปเสฺสยฺยฯ โย ธมฺมนฺติ โย สุจริตธมฺมํฯ น โสติ โส ปุริโส นิรยาทิเภทํ ทุคฺคติํ น คเจฺฉยฺยฯ อุปฺปถสทิโส หิ, มหาราช, อธโมฺม, เขมมคฺคสทิโส สุจริตธโมฺม, ตฺวํ ปน ปุเพฺพ ‘‘ปิตรํ ฆาเตตฺวา ราชา โหมี’’ติ มยฺหํ กเถตฺวา มยา ปฎิพาหิโต มม วจนํ อกตฺวา ปิตรํ ฆาเตตฺวา อิทานิ โสจสิ, ปณฺฑิตานํ โอวาทํ อกโรโนฺต นาม โจรมคฺคปฎิปโนฺน วิย มหาพฺยสนํ ปาปุณาตีติฯ

    Tattha uppathenāti corehi pariyuṭṭhitamaggena. Maggamanusāsatīti khemamaggaṃ akkhāti. Nāssa maggeyya kaṇṭakoti tassa ovādakarassa purisassa mukhaṃ corakaṇṭako na passeyya. Yo dhammanti yo sucaritadhammaṃ. Na soti so puriso nirayādibhedaṃ duggatiṃ na gaccheyya. Uppathasadiso hi, mahārāja, adhammo, khemamaggasadiso sucaritadhammo, tvaṃ pana pubbe ‘‘pitaraṃ ghātetvā rājā homī’’ti mayhaṃ kathetvā mayā paṭibāhito mama vacanaṃ akatvā pitaraṃ ghātetvā idāni socasi, paṇḍitānaṃ ovādaṃ akaronto nāma coramaggapaṭipanno viya mahābyasanaṃ pāpuṇātīti.

    เอวมสฺส โอวาทํ ทตฺวา อุปริ ธมฺมํ เทเสโนฺต อาห –

    Evamassa ovādaṃ datvā upari dhammaṃ desento āha –

    ๘๑.

    81.

    ‘‘ธโมฺม ปโถ มหาราช, อธโมฺม ปน อุปฺปโถ;

    ‘‘Dhammo patho mahārāja, adhammo pana uppatho;

    อธโมฺม นิรยํ เนติ, ธโมฺม ปาเปติ สุคฺคติํฯ

    Adhammo nirayaṃ neti, dhammo pāpeti suggatiṃ.

    ๘๒.

    82.

    ‘‘อธมฺมจาริโน ราช, นรา วิสมชีวิโน;

    ‘‘Adhammacārino rāja, narā visamajīvino;

    ยํ คติํ เปจฺจ คจฺฉนฺติ, นิรเย เต สุโณหิ เมฯ

    Yaṃ gatiṃ pecca gacchanti, niraye te suṇohi me.

    ๘๓.

    83.

    ‘‘สญฺชีโว กาฬสุโตฺต จ, สงฺฆาโต เทฺว จ โรรุวา;

    ‘‘Sañjīvo kāḷasutto ca, saṅghāto dve ca roruvā;

    อถาปโร มหาวีจิ, ตาปโน จ ปตาปโนฯ

    Athāparo mahāvīci, tāpano ca patāpano.

    ๘๔.

    84.

    ‘‘อิเจฺจเต อฎฺฐ นิรยา, อกฺขาตา ทุรติกฺกมา;

    ‘‘Iccete aṭṭha nirayā, akkhātā duratikkamā;

    อากิณฺณา ลุทฺทกเมฺมหิ, ปเจฺจกา โสฬสุสฺสทาฯ

    Ākiṇṇā luddakammehi, paccekā soḷasussadā.

    ๘๕.

    85.

    ‘‘กทริยตาปนา โฆรา, อจฺจิมโนฺต มหพฺภยา;

    ‘‘Kadariyatāpanā ghorā, accimanto mahabbhayā;

    โลมหํสนรูปา จ, เภสฺมา ปฎิภยา ทุขาฯ

    Lomahaṃsanarūpā ca, bhesmā paṭibhayā dukhā.

    ๘๖.

    86.

    ‘‘จตุกฺกณฺณา จตุทฺวารา, วิภตฺตา ภาคโส มิตา;

    ‘‘Catukkaṇṇā catudvārā, vibhattā bhāgaso mitā;

    อโยปาการปริยนฺตา, อยสา ปฎิกุชฺชิตาฯ

    Ayopākārapariyantā, ayasā paṭikujjitā.

    ๘๗.

    87.

    ‘‘เตสํ อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;

    ‘‘Tesaṃ ayomayā bhūmi, jalitā tejasā yutā;

    สมนฺตา โยชนสตํ, ผุฎา ติฎฺฐนฺติ สพฺพทาฯ

    Samantā yojanasataṃ, phuṭā tiṭṭhanti sabbadā.

    ๘๘.

    88.

    ‘‘เอเต ปตนฺติ นิรเย, อุทฺธํปาทา อวํสิรา;

    ‘‘Ete patanti niraye, uddhaṃpādā avaṃsirā;

    อิสีนํ อติวตฺตาโร, สญฺญตานํ ตปสฺสินํฯ

    Isīnaṃ ativattāro, saññatānaṃ tapassinaṃ.

    ๘๙.

    89.

    ‘‘เต ภูนหุโน ปจฺจนฺติ, มจฺฉา พิลกตา ยถา;

    ‘‘Te bhūnahuno paccanti, macchā bilakatā yathā;

    สํวจฺฉเร อสเงฺขเยฺย, นรา กิพฺพิสการิโนฯ

    Saṃvacchare asaṅkheyye, narā kibbisakārino.

    ๙๐.

    90.

    ‘‘ฑยฺหมาเนน คเตฺตน, นิจฺจํ สนฺตรพาหิรํ;

    ‘‘Ḍayhamānena gattena, niccaṃ santarabāhiraṃ;

    นิรยา นาธิคจฺฉนฺติ, ทฺวารํ นิกฺขมเนสิโนฯ

    Nirayā nādhigacchanti, dvāraṃ nikkhamanesino.

    ๙๑.

    91.

    ‘‘ปุรตฺถิเมน ธาวนฺติ, ตโต ธาวนฺติ ปจฺฉโต;

    ‘‘Puratthimena dhāvanti, tato dhāvanti pacchato;

    อุตฺตเรนปิ ธาวนฺติ, ตโต ธาวนฺติ ทกฺขิณํ;

    Uttarenapi dhāvanti, tato dhāvanti dakkhiṇaṃ;

    ยํ ยญฺหิ ทฺวารํ คจฺฉนฺติ, ตํ ตเทว ปิธียเรฯ

    Yaṃ yañhi dvāraṃ gacchanti, taṃ tadeva pidhīyare.

    ๙๒.

    92.

    ‘‘พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ, ชนา นิรยคามิโน;

    ‘‘Bahūni vassasahassāni, janā nirayagāmino;

    พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ, ปตฺวา ทุกฺขํ อนปฺปกํฯ

    Bāhā paggayha kandanti, patvā dukkhaṃ anappakaṃ.

    ๙๓.

    93.

    ‘‘อาสีวิสํว กุปิตํ, เตชสฺสิํ ทุรติกฺกมํ;

    ‘‘Āsīvisaṃva kupitaṃ, tejassiṃ duratikkamaṃ;

    น สาธุรูเป อาสีเท, สญฺญตานํ ตปสฺสินํฯ

    Na sādhurūpe āsīde, saññatānaṃ tapassinaṃ.

    ๙๔.

    94.

    ‘‘อติกาโย มหิสฺสาโส, อชฺชุโน เกกกาธิโป;

    ‘‘Atikāyo mahissāso, ajjuno kekakādhipo;

    สหสฺสพาหุ อุจฺฉิโนฺน, อิสิมาสชฺช โคตมํฯ

    Sahassabāhu ucchinno, isimāsajja gotamaṃ.

    ๙๕.

    95.

    ‘‘อรชํ รชสา วจฺฉํ, กิสํ อวกิริย ทณฺฑกี;

    ‘‘Arajaṃ rajasā vacchaṃ, kisaṃ avakiriya daṇḍakī;

    ตาโลว มูลโต ฉิโนฺน, ส ราชา วิภวงฺคโตฯ

    Tālova mūlato chinno, sa rājā vibhavaṅgato.

    ๙๖.

    96.

    ‘‘อุปหจฺจ มนํ มโชฺฌ, มาตงฺคสฺมิํ ยสสฺสิเน;

    ‘‘Upahacca manaṃ majjho, mātaṅgasmiṃ yasassine;

    สปาริสโชฺช อุจฺฉิโนฺน, มชฺฌารญฺญํ ตทา อหุฯ

    Sapārisajjo ucchinno, majjhāraññaṃ tadā ahu.

    ๙๗.

    97.

    ‘‘กณฺหทีปายนาสชฺช, อิสิํ อนฺธกเวณฺฑโย;

    ‘‘Kaṇhadīpāyanāsajja, isiṃ andhakaveṇḍayo;

    อโญฺญญฺญํ มุสลา หนฺตฺวา, สมฺปตฺตา ยมสาธนํฯ

    Aññoññaṃ musalā hantvā, sampattā yamasādhanaṃ.

    ๙๘.

    98.

    ‘‘อถายํ อิสินา สโตฺต, อนฺตลิกฺขจโร ปุเร;

    ‘‘Athāyaṃ isinā satto, antalikkhacaro pure;

    ปาเวกฺขิ ปถวิํ เจโจฺจ, หีนโตฺต ปตฺตปริยายํฯ

    Pāvekkhi pathaviṃ cecco, hīnatto pattapariyāyaṃ.

    ๙๙.

    99.

    ‘‘ตสฺมา หิ ฉนฺทาคมนํ, นปฺปสํสนฺติ ปณฺฑิตา;

    ‘‘Tasmā hi chandāgamanaṃ, nappasaṃsanti paṇḍitā;

    อทุฎฺฐจิโตฺต ภาเสยฺย, คิรํ สจฺจูปสํหิตํฯ

    Aduṭṭhacitto bhāseyya, giraṃ saccūpasaṃhitaṃ.

    ๑๐๐.

    100.

    ‘‘มนสา เจ ปทุเฎฺฐน, โย นโร เปกฺขเต มุนิํ;

    ‘‘Manasā ce paduṭṭhena, yo naro pekkhate muniṃ;

    วิชฺชาจรณสมฺปนฺนํ, คนฺตา โส นิรยํ อโธฯ

    Vijjācaraṇasampannaṃ, gantā so nirayaṃ adho.

    ๑๐๑.

    101.

    ‘‘เย วุเฑฺฒ ปริภาสนฺติ, ผรุสูปกฺกมา ชนา;

    ‘‘Ye vuḍḍhe paribhāsanti, pharusūpakkamā janā;

    อนปจฺจา อทายาทา, ตาลวตฺถุ ภวนฺติ เตฯ

    Anapaccā adāyādā, tālavatthu bhavanti te.

    ๑๐๒.

    102.

    ‘‘โย จ ปพฺพชิตํ หนฺติ, กตกิจฺจํ มเหสินํ;

    ‘‘Yo ca pabbajitaṃ hanti, katakiccaṃ mahesinaṃ;

    ส กาฬสุเตฺต นิรเย, จิรรตฺตาย ปจฺจติฯ

    Sa kāḷasutte niraye, cirarattāya paccati.

    ๑๐๓.

    103.

    ‘‘โย จ ราชา อธมฺมโฎฺฐ, รฎฺฐวิทฺธํสโน มโค;

    ‘‘Yo ca rājā adhammaṭṭho, raṭṭhaviddhaṃsano mago;

    ตาปยิตฺวา ชนปทํ, ตาปเน เปจฺจ ปจฺจติฯ

    Tāpayitvā janapadaṃ, tāpane pecca paccati.

    ๑๐๔.

    104.

    ‘‘โส จ วสฺสสหสฺสานิ, สตํ ทิพฺพานิ ปจฺจติ;

    ‘‘So ca vassasahassāni, sataṃ dibbāni paccati;

    อจฺจิสงฺฆปเรโต โส, ทุกฺขํ เวเทติ เวทนํฯ

    Accisaṅghapareto so, dukkhaṃ vedeti vedanaṃ.

    ๑๐๕.

    105.

    ‘‘ตสฺส อคฺคิสิขา กายา, นิจฺฉรนฺติ ปภสฺสรา;

    ‘‘Tassa aggisikhā kāyā, niccharanti pabhassarā;

    เตโชภกฺขสฺส คตฺตานิ, โลเมหิ จ นเขหิ จฯ

    Tejobhakkhassa gattāni, lomehi ca nakhehi ca.

    ๑๐๖.

    106.

    ‘‘ฑยฺหมาเนน คเตฺตน, นิจฺจํ สนฺตรพาหิรํ;

    ‘‘Ḍayhamānena gattena, niccaṃ santarabāhiraṃ;

    ทุกฺขาภิตุโนฺน นทติ, นาโค ตุตฺตฎฺฎิโต ยถาฯ

    Dukkhābhitunno nadati, nāgo tuttaṭṭito yathā.

    ๑๐๗.

    107.

    ‘‘โย โลภา ปิตรํ หนฺติ, โทสา วา ปุริสาธโม;

    ‘‘Yo lobhā pitaraṃ hanti, dosā vā purisādhamo;

    ส กาฬสุเตฺต นิรเย, จิรรตฺตาย ปจฺจติฯ

    Sa kāḷasutte niraye, cirarattāya paccati.

    ๑๐๘.

    108.

    ‘‘ส ตาทิโส ปจฺจติ โลหกุมฺภิยํ, ปกฺกญฺจ สตฺตีหิ หนนฺติ นิตฺตจํ;

    ‘‘Sa tādiso paccati lohakumbhiyaṃ, pakkañca sattīhi hananti nittacaṃ;

    อนฺธํ กริตฺวา มุตฺตกรีสภกฺขํ, ขาเร นิมุชฺชนฺติ ตถาวิธํ นรํฯ

    Andhaṃ karitvā muttakarīsabhakkhaṃ, khāre nimujjanti tathāvidhaṃ naraṃ.

    ๑๐๙.

    109.

    ‘‘ตตฺตํ ปกฺกุถิตมโยคุฬญฺจ, ทีเฆ จ ผาเล จิรรตฺตตาปิเต;

    ‘‘Tattaṃ pakkuthitamayoguḷañca, dīghe ca phāle cirarattatāpite;

    วิกฺขมฺภมาทาย วิพนฺธรชฺชุภิ, วิวเฎ มุเข สมฺปวิสนฺติ รกฺขสาฯ

    Vikkhambhamādāya vibandharajjubhi, vivaṭe mukhe sampavisanti rakkhasā.

    ๑๑๐.

    110.

    ‘‘สามา จ โสณา สพลา จ คิชฺฌา, กาโกลสงฺฆา จ ทิชา อโยมุขา;

    ‘‘Sāmā ca soṇā sabalā ca gijjhā, kākolasaṅghā ca dijā ayomukhā;

    สงฺคมฺม ขาทนฺติ วิปฺผนฺทมานํ, ชิวฺหํ วิภชฺช วิฆาสํ สโลหิตํฯ

    Saṅgamma khādanti vipphandamānaṃ, jivhaṃ vibhajja vighāsaṃ salohitaṃ.

    ๑๑๑.

    111.

    ‘‘ตํ ทฑฺฒตาลํ ปริภินฺนคตฺตํ, นิโปฺปถยนฺตา อนุวิจรนฺติ รกฺขสา;

    ‘‘Taṃ daḍḍhatālaṃ paribhinnagattaṃ, nippothayantā anuvicaranti rakkhasā;

    รตี หิ เตสํ ทุขิโน ปนีตเร, เอตาทิสสฺมิํ นิรเย วสนฺติ;

    Ratī hi tesaṃ dukhino panītare, etādisasmiṃ niraye vasanti;

    เย เกจิ โลเก อิธ เปตฺติฆาติโนฯ

    Ye keci loke idha pettighātino.

    ๑๑๒.

    112.

    ‘‘ปุโตฺต จ มาตรํ หนฺตฺวา, อิโต คนฺตฺวา ยมกฺขยํ;

    ‘‘Putto ca mātaraṃ hantvā, ito gantvā yamakkhayaṃ;

    ภุสมาปชฺชเต ทุกฺขํ, อตฺตกมฺมผลูปโคฯ

    Bhusamāpajjate dukkhaṃ, attakammaphalūpago.

    ๑๑๓.

    113.

    ‘‘อมนุสฺสา อติพลา, หนฺตารํ ชนยนฺติยา;

    ‘‘Amanussā atibalā, hantāraṃ janayantiyā;

    อโยมเยหิ วาเลหิ, ปีฬยนฺติ ปุนปฺปุนํฯ

    Ayomayehi vālehi, pīḷayanti punappunaṃ.

    ๑๑๔.

    114.

    ‘‘ตมสฺสวํ สกา คตฺตา, รุธิรํ อตฺตสมฺภวํ;

    ‘‘Tamassavaṃ sakā gattā, rudhiraṃ attasambhavaṃ;

    ตมฺพโลหวิลีนํว, ตตฺตํ ปาเยนฺติ มตฺติฆํฯ

    Tambalohavilīnaṃva, tattaṃ pāyenti mattighaṃ.

    ๑๑๕.

    115.

    ‘‘ชิคุจฺฉํ กุณปํ ปูติํ, ทุคฺคนฺธํ คูถกทฺทมํ;

    ‘‘Jigucchaṃ kuṇapaṃ pūtiṃ, duggandhaṃ gūthakaddamaṃ;

    ปุพฺพโลหิตสงฺกาสํ, รหทโมคยฺห ติฎฺฐติฯ

    Pubbalohitasaṅkāsaṃ, rahadamogayha tiṭṭhati.

    ๑๑๖.

    116.

    ‘‘ตเมนํ กิมโย ตตฺถ, อติกายา อโยมุขา;

    ‘‘Tamenaṃ kimayo tattha, atikāyā ayomukhā;

    ฉวิํ เภตฺวาน ขาทนฺติ, สํคิทฺธา มํสโลหิเตฯ

    Chaviṃ bhetvāna khādanti, saṃgiddhā maṃsalohite.

    ๑๑๗.

    117.

    ‘‘โส จ ตํ นิรยํ ปโตฺต, นิมุโคฺค สตโปริสํ;

    ‘‘So ca taṃ nirayaṃ patto, nimuggo sataporisaṃ;

    ปูติกํ กุณปํ วาติ, สมนฺตา สตโยชนํฯ

    Pūtikaṃ kuṇapaṃ vāti, samantā satayojanaṃ.

    ๑๑๘.

    118.

    ‘‘จกฺขุมาปิ หิ จกฺขูหิ, เตน คเนฺธน ชียติ;

    ‘‘Cakkhumāpi hi cakkhūhi, tena gandhena jīyati;

    เอตาทิสํ พฺรหฺมทตฺต, มาตุโฆ ลภเต ทุขํฯ

    Etādisaṃ brahmadatta, mātugho labhate dukhaṃ.

    ๑๑๙.

    119.

    ‘‘ขุรธารมนุกฺกมฺม, ติกฺขํ ทุรภิสมฺภวํ;

    ‘‘Khuradhāramanukkamma, tikkhaṃ durabhisambhavaṃ;

    ปตนฺติ คพฺภปาติโย, ทุคฺคํ เวตรณิํ นทิํฯ

    Patanti gabbhapātiyo, duggaṃ vetaraṇiṃ nadiṃ.

    ๑๒๐.

    120.

    ‘‘อโยมยา สิมฺพลิโย, โสฬสงฺคุลกณฺฎกา;

    ‘‘Ayomayā simbaliyo, soḷasaṅgulakaṇṭakā;

    อุภโต อภิลมฺพนฺติ, ทุคฺคํ เวตรณิํ นทิํฯ

    Ubhato abhilambanti, duggaṃ vetaraṇiṃ nadiṃ.

    ๑๒๑.

    121.

    ‘‘เต อจฺจิมโนฺต ติฎฺฐนฺติ, อคฺคิกฺขนฺธาว อารกา;

    ‘‘Te accimanto tiṭṭhanti, aggikkhandhāva ārakā;

    อาทิตฺตา ชาตเวเทน, อุทฺธํ โยชนมุคฺคตาฯ

    Ādittā jātavedena, uddhaṃ yojanamuggatā.

    ๑๒๒.

    122.

    ‘‘เอเต วชนฺติ นิรเย, ตเตฺต ติขิณกณฺฎเก;

    ‘‘Ete vajanti niraye, tatte tikhiṇakaṇṭake;

    นาริโย จ อติจารา, นรา จ ปรทารคูฯ

    Nāriyo ca aticārā, narā ca paradāragū.

    ๑๒๓.

    123.

    ‘‘เต ปตนฺติ อโธกฺขนฺธา, วิวตฺตา วิหตา ปุถู;

    ‘‘Te patanti adhokkhandhā, vivattā vihatā puthū;

    สยนฺติ วินิวิทฺธงฺคา, ทีฆํ ชคฺคนฺติ สพฺพทาฯ

    Sayanti vinividdhaṅgā, dīghaṃ jagganti sabbadā.

    ๑๒๔.

    124.

    ‘‘ตโต รตฺยา วิวสาเน, มหติํ ปพฺพตูปมํ;

    ‘‘Tato ratyā vivasāne, mahatiṃ pabbatūpamaṃ;

    โลหกุมฺภิํ ปวชฺชนฺติ, ตตฺตํ อคฺคิสมูทกํฯ

    Lohakumbhiṃ pavajjanti, tattaṃ aggisamūdakaṃ.

    ๑๒๕.

    125.

    ‘‘เอวํ ทิวา จ รโตฺต จ, ทุสฺสีลา โมหปารุตา;

    ‘‘Evaṃ divā ca ratto ca, dussīlā mohapārutā;

    อนุโภนฺติ สกํ กมฺมํ, ปุเพฺพ ทุกฺกฎมตฺตโนฯ

    Anubhonti sakaṃ kammaṃ, pubbe dukkaṭamattano.

    ๑๒๖.

    126.

    ‘‘ยา จ ภริยา ธนกฺกีตา, สามิกํ อติมญฺญติ;

    ‘‘Yā ca bhariyā dhanakkītā, sāmikaṃ atimaññati;

    สสฺสุํ วา สสุรํ วาปิ, เชฎฺฐํ วาปิ นนนฺทรํฯ

    Sassuṃ vā sasuraṃ vāpi, jeṭṭhaṃ vāpi nanandaraṃ.

    ๑๒๗.

    127.

    ‘‘ตสฺสา วเงฺกน ชิวฺหคฺคํ, นิพฺพหนฺติ สพนฺธนํ;

    ‘‘Tassā vaṅkena jivhaggaṃ, nibbahanti sabandhanaṃ;

    ส พฺยามมตฺตํ กิมินํ, ชิวฺหํ ปสฺสติ อตฺตนิ;

    Sa byāmamattaṃ kiminaṃ, jivhaṃ passati attani;

    วิญฺญาเปตุํ น สโกฺกติ, ตาปเน เปจฺจ ปจฺจติฯ

    Viññāpetuṃ na sakkoti, tāpane pecca paccati.

    ๑๒๘.

    128.

    ‘‘โอรพฺภิกา สูกริกา, มจฺฉิกา มิคพนฺธกา;

    ‘‘Orabbhikā sūkarikā, macchikā migabandhakā;

    โจรา โคฆาตกา ลุทฺทา, อวเณฺณ วณฺณการกาฯ

    Corā goghātakā luddā, avaṇṇe vaṇṇakārakā.

    ๑๒๙.

    129.

    ‘‘สตฺตีหิ โลหกูเฎหิ, เนตฺติํเสหิ อุสูหิ จ;

    ‘‘Sattīhi lohakūṭehi, nettiṃsehi usūhi ca;

    หญฺญมานา ขารนทิํ, ปปตนฺติ อวํสิราฯ

    Haññamānā khāranadiṃ, papatanti avaṃsirā.

    ๑๓๐.

    130.

    ‘‘สายํ ปาโต กูฎการี, อโยกูเฎหิ หญฺญติ;

    ‘‘Sāyaṃ pāto kūṭakārī, ayokūṭehi haññati;

    ตโต วนฺตํ ทุรตฺตานํ, ปเรสํ ภุญฺชเร สทาฯ

    Tato vantaṃ durattānaṃ, paresaṃ bhuñjare sadā.

    ๑๓๑.

    131.

    ‘‘ธงฺกา เภรณฺฑกา คิชฺฌา, กาโกลา จ อโยมุขา;

    ‘‘Dhaṅkā bheraṇḍakā gijjhā, kākolā ca ayomukhā;

    วิปฺผนฺทมานํ ขาทนฺติ, นรํ กิพฺพิสการกํฯ

    Vipphandamānaṃ khādanti, naraṃ kibbisakārakaṃ.

    ๑๓๒.

    132.

    ‘‘เย มิเคน มิคํ หนฺติ, ปกฺขิํ วา ปน ปกฺขินา;

    ‘‘Ye migena migaṃ hanti, pakkhiṃ vā pana pakkhinā;

    อสโนฺต รชสา ฉนฺนา, คนฺตา เต นิรยุสฺสท’’นฺติฯ

    Asanto rajasā channā, gantā te nirayussada’’nti.

    ตตฺถ ธโมฺม ปโถติ ทสกุสลกมฺมปถธโมฺม เขโม อปฺปฎิภโย สุคติมโคฺคฯ วิสมชีวิโนติ อธเมฺมน กปฺปิตชีวิกาฯ นิรเย เตติ เต เอเตสํ นิพฺพตฺตนิรเย กเถมิฯ สุโณหิ เมติ มหาสโตฺต รญฺญา ปิตุฆาตกานํ นิพฺพตฺตนิรยํ ปุจฺฉิโตปิ ปถมํ ตํ อทเสฺสตฺวา อฎฺฐ มหานิรเย โสฬส จ อุสฺสทนิรเย ทเสฺสตุํ เอวมาหฯ กิํการณา? ปฐมญฺหิ ตสฺมิํ ทสฺสิยมาเน ราชา ผลิเตน หทเยน ตเตฺถว มเรยฺย, อิเมสุ ปน นิรเยสุ ปจฺจมานสเตฺต ทิสฺวา ทิฎฺฐานุคติโก หุตฺวา ‘‘อหํ วิย อเญฺญปิ พหู ปาปกมฺมิโน อตฺถิ, อหํ เอเตสํ อนฺตเร ปจฺจิสฺสามี’’ติ สญฺชาตุปตฺถโมฺภ อโรโค ภวิสฺสตีติ เต ปน นิรเย ทเสฺสโนฺต มหาสโตฺต ปฐมํ อิทฺธิพเลน ปถวิํ ทฺวิธา กตฺวา ปจฺฉา ทเสฺสสิฯ

    Tattha dhammo pathoti dasakusalakammapathadhammo khemo appaṭibhayo sugatimaggo. Visamajīvinoti adhammena kappitajīvikā. Niraye teti te etesaṃ nibbattaniraye kathemi. Suṇohi meti mahāsatto raññā pitughātakānaṃ nibbattanirayaṃ pucchitopi pathamaṃ taṃ adassetvā aṭṭha mahāniraye soḷasa ca ussadaniraye dassetuṃ evamāha. Kiṃkāraṇā? Paṭhamañhi tasmiṃ dassiyamāne rājā phalitena hadayena tattheva mareyya, imesu pana nirayesu paccamānasatte disvā diṭṭhānugatiko hutvā ‘‘ahaṃ viya aññepi bahū pāpakammino atthi, ahaṃ etesaṃ antare paccissāmī’’ti sañjātupatthambho arogo bhavissatīti te pana niraye dassento mahāsatto paṭhamaṃ iddhibalena pathaviṃ dvidhā katvā pacchā dassesi.

    เตสํ วจนโตฺถ – นิรยปาเลหิ ปชฺชลิตานิ นานาวุธานิ คเหตฺวา ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺนา หีรํ หีรํ กตา เนรยิกสตฺตา ปุนปฺปุนํ สญฺชีวนฺติ เอตฺถาติ สญฺชีโวฯ นิรยปาลา ปุนปฺปุนํ นทนฺตา วคฺคนฺตา ปชฺชลิตานิ นานาวุธานิ คเหตฺวา ชลิตาย โลหปถวิยํ เนรยิเก สเตฺต อปราปรํ อนุพนฺธิตฺวา ปหริตฺวา ชลิตปถวิยํ ปติเต ชลิตกาฬสุตฺตํ ปาเตตฺวา ชลิตผรสุํ คเหตฺวา สยํ อุนฺนทนฺตา มหเนฺตน อฎฺฎสฺสเรน วิรวเนฺต อฎฺฐํเส โสฬสํเส กโรนฺตา เอตฺถ ตจฺฉนฺตีติ กาฬสุโตฺตฯ มหนฺตา ชลิตอยปพฺพตา ฆาเตนฺติ เอตฺถาติ สงฺฆาโตฯ ตตฺถ กิร สเตฺต นวโยชนาย ชลิตาย อยปถวิยา ยาว กฎิโต ปเวเสตฺวา นิจฺจเล กโรนฺติฯ อถ ปุรตฺถิมโต ชลิโต อยปพฺพโต สมุฎฺฐาย อสนิ วิย วิรวโนฺต อาคนฺตฺวา เต สเตฺต สณฺหกรณิยํ ติเล ปิสโนฺต วิย คนฺตฺวา ปจฺฉิมทิสาย ติฎฺฐติ, ปจฺฉิมทิสโต สมุฎฺฐิโตปิ ตเถว คนฺตฺวา ปุรตฺถิมทิสาย ติฎฺฐติฯ เทฺว ปน เอกโต สมาคนฺตฺวา อุจฺฉุยเนฺต อุจฺฉุขณฺฑานิ วิย ปีเฬนฺติฯ เอวํ ตตฺถ พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ ทุกฺขํ อนุโภนฺติฯ

    Tesaṃ vacanattho – nirayapālehi pajjalitāni nānāvudhāni gahetvā khaṇḍākhaṇḍikaṃ chinnā hīraṃ hīraṃ katā nerayikasattā punappunaṃ sañjīvanti etthāti sañjīvo. Nirayapālā punappunaṃ nadantā vaggantā pajjalitāni nānāvudhāni gahetvā jalitāya lohapathaviyaṃ nerayike satte aparāparaṃ anubandhitvā paharitvā jalitapathaviyaṃ patite jalitakāḷasuttaṃ pātetvā jalitapharasuṃ gahetvā sayaṃ unnadantā mahantena aṭṭassarena viravante aṭṭhaṃse soḷasaṃse karontā ettha tacchantīti kāḷasutto. Mahantā jalitaayapabbatā ghātenti etthāti saṅghāto. Tattha kira satte navayojanāya jalitāya ayapathaviyā yāva kaṭito pavesetvā niccale karonti. Atha puratthimato jalito ayapabbato samuṭṭhāya asani viya viravanto āgantvā te satte saṇhakaraṇiyaṃ tile pisanto viya gantvā pacchimadisāya tiṭṭhati, pacchimadisato samuṭṭhitopi tatheva gantvā puratthimadisāya tiṭṭhati. Dve pana ekato samāgantvā ucchuyante ucchukhaṇḍāni viya pīḷenti. Evaṃ tattha bahūni vassasatasahassāni dukkhaṃ anubhonti.

    เทฺว จ โรรุวาติ ชาลโรรุโว, ธูมโรรุโว จาติ เทฺวฯ ตตฺถ ชาลโรรุโว กเปฺปน สณฺฐิตาหิ รตฺตโลหชาลาหิ ปุโณฺณ, ธูมโรรุโว ขารธูเมน ปุโณฺณฯ เตสุ ชาลโรรุเว ปจฺจนฺตานํ นวหิ วณฺณมุเขหิ ชาลา ปวิสิตฺวา สรีรํ ทหนฺติ, ธูมโรรุเว ปจฺจนฺตานํ นวหิ วณมุเขหิ ขารธูโม ปวิสิตฺวา ปิฎฺฐํ วิย สรีรํ เสเทติฯ อุภยตฺถปิ ปจฺจนฺตา สตฺตา มหาวิรวํ วิรวนฺตีติ เทฺวปิ ‘‘โรรุวา’’ติ วุตฺตาฯ ชาลานํ วา ปจฺจนสตฺตานํ วา เตสํ ทุกฺขสฺส วา วีจิ อนฺตรํ นตฺถิ เอตฺถาติ อวีจิ, มหโนฺต อวีจิ มหาวีจิฯ ตตฺถ หิ ปุรตฺถิมาทีหิ ภิตฺตีหิ ชาลา อุฎฺฐหิตฺวา ปจฺฉิมาทีสุ ปฎิหญฺญติ, ตา จ ภิตฺติโย วินิวิชฺฌิตฺวา ปุรโต โยชนสตํ คณฺหาติฯ เหฎฺฐา อุฎฺฐิตา ชาลา อุปริ ปฎิหญฺญติ, อุปริ อุฎฺฐิตา เหฎฺฐา ปฎิหญฺญติฯ เอวํ ตาเวตฺถ ชาลานํ วีจิ นาม นตฺถิฯ ตสฺส ปน อโนฺต โยชนสตํ ฐานํ ขีรวลฺลิปิฎฺฐสฺส ปูริตนาฬิ วิย สเตฺตหิ นิรนฺตรํ ปูริตํ จตูหิ อิริยาปเถหิ ปจฺจนฺตานํ สตฺตานํ ปมาณํ นตฺถิ, น จ อญฺญมญฺญํ พฺยาพาเธนฺติ, สกฎฺฐาเนเยว ปจฺจนฺติฯ เอวเมตฺถ สตฺตานํ วีจิ นาม นตฺถิฯ ยถา ปน ชิวฺหเคฺค ฉ มธุพินฺทูนิ สตฺตมสฺส ตมฺพโลหพินฺทุโน อนุทหนพลวตาย อโพฺพหาริกานิ โหนฺติ, ตถา ตตฺถ อนุทหนพลวตาย เสสา ฉ อกุสลวิปากุเปกฺขา อโพฺพหาริกา โหนฺติ, ทุกฺขเมว นิรนฺตรํ ปญฺญายติฯ เอวเมตฺถ ทุกฺขสฺส วีจิ นาม นตฺถิฯ สฺวายํ สห ภิตฺตีหิ วิกฺขมฺภโต อฎฺฐารสาธิกติโยชนสโต, อาวฎฺฎโต ปน จตุปณฺณาสาธิกนวโยชนสโต, สห อุสฺสเทหิ ทส โยชนสหสฺสานิฯ เอวมสฺส มหนฺตตา เวทิตพฺพาฯ

    Dve ca roruvāti jālaroruvo, dhūmaroruvo cāti dve. Tattha jālaroruvo kappena saṇṭhitāhi rattalohajālāhi puṇṇo, dhūmaroruvo khāradhūmena puṇṇo. Tesu jālaroruve paccantānaṃ navahi vaṇṇamukhehi jālā pavisitvā sarīraṃ dahanti, dhūmaroruve paccantānaṃ navahi vaṇamukhehi khāradhūmo pavisitvā piṭṭhaṃ viya sarīraṃ sedeti. Ubhayatthapi paccantā sattā mahāviravaṃ viravantīti dvepi ‘‘roruvā’’ti vuttā. Jālānaṃ vā paccanasattānaṃ vā tesaṃ dukkhassa vā vīci antaraṃ natthi etthāti avīci, mahanto avīci mahāvīci. Tattha hi puratthimādīhi bhittīhi jālā uṭṭhahitvā pacchimādīsu paṭihaññati, tā ca bhittiyo vinivijjhitvā purato yojanasataṃ gaṇhāti. Heṭṭhā uṭṭhitā jālā upari paṭihaññati, upari uṭṭhitā heṭṭhā paṭihaññati. Evaṃ tāvettha jālānaṃ vīci nāma natthi. Tassa pana anto yojanasataṃ ṭhānaṃ khīravallipiṭṭhassa pūritanāḷi viya sattehi nirantaraṃ pūritaṃ catūhi iriyāpathehi paccantānaṃ sattānaṃ pamāṇaṃ natthi, na ca aññamaññaṃ byābādhenti, sakaṭṭhāneyeva paccanti. Evamettha sattānaṃ vīci nāma natthi. Yathā pana jivhagge cha madhubindūni sattamassa tambalohabinduno anudahanabalavatāya abbohārikāni honti, tathā tattha anudahanabalavatāya sesā cha akusalavipākupekkhā abbohārikā honti, dukkhameva nirantaraṃ paññāyati. Evamettha dukkhassa vīci nāma natthi. Svāyaṃ saha bhittīhi vikkhambhato aṭṭhārasādhikatiyojanasato, āvaṭṭato pana catupaṇṇāsādhikanavayojanasato, saha ussadehi dasa yojanasahassāni. Evamassa mahantatā veditabbā.

    นิจฺจเล สเตฺต ตปตีติ ตาปโนฯ อติวิย ตาเปตีติ ปตาปโนฯ ตตฺถ ตาปนสฺมิํ ตาว สเตฺต ตาลกฺขนฺธปฺปมาเณ ชลิตอยสูเล นิสีทาเปนฺติฯ ตโต เหฎฺฐา ปถวี ชลติ, สูลานิ ชลนฺติ, สตฺตา ชลนฺติฯ เอวํ โส นิรโย นิจฺจเล สเตฺต ตปติฯ อิตรสฺมิํ ปน นิพฺพตฺตสเตฺต ชลเนฺตหิ อาวุเธหิ ปหริตฺวา ชลิตํ อยปพฺพตํ อาโรเปนฺติฯ เตสํ ปพฺพตมตฺถเก ฐิตกาเล กมฺมปจฺจโย วาโต ปหรติฯ เต ตตฺถ สณฺฐาตุํ อสโกฺกนฺตา อุทฺธํปาทา อโธสิรา ปตนฺติฯ อถ เหฎฺฐา อยปถวิโต ชลิตานิ อยสูลานิ อุฎฺฐหนฺติฯ เต ตานิ มตฺถเกเนว ปหริตฺวา เตสุ วินิวิทฺธสรีรา ชลนฺตา ปจฺจนฺติฯ เอวเมส อติวิย ตาเปตีติฯ

    Niccale satte tapatīti tāpano. Ativiya tāpetīti patāpano. Tattha tāpanasmiṃ tāva satte tālakkhandhappamāṇe jalitaayasūle nisīdāpenti. Tato heṭṭhā pathavī jalati, sūlāni jalanti, sattā jalanti. Evaṃ so nirayo niccale satte tapati. Itarasmiṃ pana nibbattasatte jalantehi āvudhehi paharitvā jalitaṃ ayapabbataṃ āropenti. Tesaṃ pabbatamatthake ṭhitakāle kammapaccayo vāto paharati. Te tattha saṇṭhātuṃ asakkontā uddhaṃpādā adhosirā patanti. Atha heṭṭhā ayapathavito jalitāni ayasūlāni uṭṭhahanti. Te tāni matthakeneva paharitvā tesu vinividdhasarīrā jalantā paccanti. Evamesa ativiya tāpetīti.

    โพธิสโตฺต ปน เอเต นิรเย ทเสฺสโนฺต ปฐมํ สญฺชีวํ ทเสฺสตฺวา ตตฺถ ปจฺจเนฺต เนรยิกสเตฺต ทิสฺวา มหาชนสฺส มหาภเย อุปฺปเนฺน ตํ อนฺตรธาเปตฺวา ปุน ปถวิํ ทฺวิธา กตฺวา กาฬสุตฺตํ ทเสฺสสิ, ตตฺถปิ ปจฺจมาเน สเตฺต ทิสฺวา มหาชนสฺส มหาภเย อุปฺปเนฺน ตมฺปิ อนฺตรธาเปสีติ เอวํ ปฎิปาฎิยา ทเสฺสสิฯ ตโต ราชานํ อามเนฺตตฺวา, ‘‘มหาราช, ตยา อิเมสุ อฎฺฐสุ มหานิรเยสุ ปจฺจมาเน สเตฺต ทิสฺวา อปฺปมาทํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ วตฺวา ปุน เตสเญฺญว มหานิรยานํ กิจฺจํ กเถตุํ ‘‘อิเจฺจเต’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อกฺขาตาติ มยา จ ตุยฺหํ กถิตา, โปราณเกหิ จ กถิตาเยวฯ อากิณฺณาติ ปริปุณฺณาฯ ปเจฺจกา โสฬสุสฺสทาติ เอเตสํ นิรยานํ เอเกกสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ เอเกกสฺมิํ จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา โสฬส โสฬส อุสฺสทนิรยาติ สเพฺพปิ สตํ อฎฺฐวีสติ จ อุสฺสทนิรยา อฎฺฐ จ มหานิรยาติ ฉตฺติํสนิรยสตํฯ กทริยตาปนาติ สเพฺพเต กทริยานํ ตาปนาฯ พลวทุกฺขตาย โฆราฯ กมฺมนิพฺพตฺตานํ อจฺจีนํ อตฺถิตาย อจฺจิมโนฺตฯ ภยสฺส มหนฺตตาย มหพฺภยาฯ ทิฎฺฐมตฺตา วา สุตมตฺตา วา โลมานิ หํสนฺตีติ โลมหํสนรูปา จฯ ภีสนตาย เภสฺมาฯ ภยชนนตาย ปฎิภยาฯ สุขาภาเวน ทุขาฯ จตุกฺกณฺณาติ สเพฺพปิ จตุรสฺสมญฺชูสสทิสาฯ วิภตฺตาติ จตุทฺวารวเสน วิภตฺตาฯ ภาคโส มิตาติ ทฺวารวีถีนํ วเสน โกฎฺฐาเส ฐเปตฺวา มิตาฯ อยสา ปฎิกุชฺชิตาติ สเพฺพปิ นวโยชนิเกน อยกปาเลน ปฎิจฺฉนฺนาฯ ผุฎา ติฎฺฐนฺตีติ สเพฺพปิ เอตฺตกํ ฐานํ อนุผริตฺวา ติฎฺฐนฺติฯ

    Bodhisatto pana ete niraye dassento paṭhamaṃ sañjīvaṃ dassetvā tattha paccante nerayikasatte disvā mahājanassa mahābhaye uppanne taṃ antaradhāpetvā puna pathaviṃ dvidhā katvā kāḷasuttaṃ dassesi, tatthapi paccamāne satte disvā mahājanassa mahābhaye uppanne tampi antaradhāpesīti evaṃ paṭipāṭiyā dassesi. Tato rājānaṃ āmantetvā, ‘‘mahārāja, tayā imesu aṭṭhasu mahānirayesu paccamāne satte disvā appamādaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti vatvā puna tesaññeva mahānirayānaṃ kiccaṃ kathetuṃ ‘‘iccete’’tiādimāha. Tattha akkhātāti mayā ca tuyhaṃ kathitā, porāṇakehi ca kathitāyeva. Ākiṇṇāti paripuṇṇā. Paccekā soḷasussadāti etesaṃ nirayānaṃ ekekassa catūsu dvāresu ekekasmiṃ cattāro cattāro katvā soḷasa soḷasa ussadanirayāti sabbepi sataṃ aṭṭhavīsati ca ussadanirayā aṭṭha ca mahānirayāti chattiṃsanirayasataṃ. Kadariyatāpanāti sabbete kadariyānaṃ tāpanā. Balavadukkhatāya ghorā. Kammanibbattānaṃ accīnaṃ atthitāya accimanto. Bhayassa mahantatāya mahabbhayā. Diṭṭhamattā vā sutamattā vā lomāni haṃsantīti lomahaṃsanarūpā ca. Bhīsanatāya bhesmā. Bhayajananatāya paṭibhayā. Sukhābhāvena dukhā. Catukkaṇṇāti sabbepi caturassamañjūsasadisā. Vibhattāti catudvāravasena vibhattā. Bhāgaso mitāti dvāravīthīnaṃ vasena koṭṭhāse ṭhapetvā mitā. Ayasā paṭikujjitāti sabbepi navayojanikena ayakapālena paṭicchannā. Phuṭā tiṭṭhantīti sabbepi ettakaṃ ṭhānaṃ anupharitvā tiṭṭhanti.

    อุทฺธํปาทา อวํสิราติ เอวํ เตสุ เตสุ นิรเยสุ สมฺปริวตฺติตฺวา ปุนปฺปุนํ ปตมาเน สนฺธายาหฯ อติวตฺตาโรติ ผรุสวาจาหิ อติกฺกมิตฺวา วตฺตาโรฯ มหานิรเยสุ กิร เยภุเยฺยน ธมฺมิกสมณพฺราหฺมเณสุ กตาปราธาว ปจฺจนฺติ, ตสฺมา เอวมาหฯ เต ภูนหุโนติ เต อิสีนํ อติวตฺตาโร อตฺตโน วุฑฺฒิยา หตตฺตา ภูนหุโน โกฎฺฐาสกตา มจฺฉา วิย ปจฺจนฺติฯ อสเงฺขเยฺยติ คเณตุํ อสกฺกุเณเยฺยฯ กิพฺพิสการิโนติ ทารุณกมฺมการิโนฯ นิกฺขมเนสิโนติ นิรยา นิกฺขมนํ เอสนฺตาปิ คเวสนฺตาปิ นิกฺขมนทฺวารํ นาธิคจฺฉนฺติฯ ปุรตฺถิเมนาติ ยทา ตํ ทฺวารํ อปารุตํ โหติ, อถ ตทภิมุขา ธาวนฺติ, เตสํ ตตฺถ ฉวิอาทีนิ ฌายนฺติฯ ทฺวารสมีปํ ปตฺตานญฺจ เตสํ ตํ ปิธียติ, ปจฺฉิมทฺวารํ อปารุตํ วิย ขายติฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ น สาธุรูเปติ วุตฺตปฺปการํ สปฺปํ วิย สาธุรูเป อิสโย น อาสีเท, น ผรุสวจเนน กายกเมฺมน วา ฆเฎฺฎโนฺต อุปคเจฺฉยฺยฯ กิํการณา? สญฺญตานํ ตปสฺสีนํ อาสาทิตตฺตา อฎฺฐสุ มหานิรเยสุ มหาทุกฺขสฺส อนุภวิตพฺพตฺตาฯ

    Uddhaṃpādā avaṃsirāti evaṃ tesu tesu nirayesu samparivattitvā punappunaṃ patamāne sandhāyāha. Ativattāroti pharusavācāhi atikkamitvā vattāro. Mahānirayesu kira yebhuyyena dhammikasamaṇabrāhmaṇesu katāparādhāva paccanti, tasmā evamāha. Te bhūnahunoti te isīnaṃ ativattāro attano vuḍḍhiyā hatattā bhūnahuno koṭṭhāsakatā macchā viya paccanti. Asaṅkheyyeti gaṇetuṃ asakkuṇeyye. Kibbisakārinoti dāruṇakammakārino. Nikkhamanesinoti nirayā nikkhamanaṃ esantāpi gavesantāpi nikkhamanadvāraṃ nādhigacchanti. Puratthimenāti yadā taṃ dvāraṃ apārutaṃ hoti, atha tadabhimukhā dhāvanti, tesaṃ tattha chaviādīni jhāyanti. Dvārasamīpaṃ pattānañca tesaṃ taṃ pidhīyati, pacchimadvāraṃ apārutaṃ viya khāyati. Esa nayo sabbattha. Na sādhurūpeti vuttappakāraṃ sappaṃ viya sādhurūpe isayo na āsīde, na pharusavacanena kāyakammena vā ghaṭṭento upagaccheyya. Kiṃkāraṇā? Saññatānaṃ tapassīnaṃ āsāditattā aṭṭhasu mahānirayesu mahādukkhassa anubhavitabbattā.

    อิทานิ เย ราชาโน ตถารูเป อาสาเทตฺวา ตํ ทุกฺขํ ปตฺตา, เต ทเสฺสตุํ ‘‘อติกาโย’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อติกาโยติ พลสมฺปโนฺน มหากาโยฯ มหิสฺสาโสติ มหาธนุคฺคโหฯ เกกกาธิโปติ เกกกรฎฺฐาธิปติฯ สหสฺสพาหูติ ปญฺจหิ ธนุคฺคหสเตหิ พาหุสหเสฺสน อาโรเปตพฺพํ ธนุํ อาโรปนสมตฺถตาย สหสฺสพาหุฯ วิภวงฺคโตติ วินาสํ ปโตฺตฯ วตฺถูนิ ปน สรภงฺคชาตเก (ชา. ๒.๑๗.๕๐ อาทโย) วิตฺถาริตานิฯ อุปหจฺจ มนนฺติ อตฺตโน จิตฺตํ ปทูเสตฺวาฯ มาตงฺคสฺมินฺติ มาตงฺคปณฺฑิเตฯ วตฺถุ มาตงฺคชาตเก (ชา. ๑.๑๕.๑ อาทโย) วณฺณิตํฯ กณฺหทีปายนาสชฺชาติ กณฺหทีปายนํ อาสชฺชฯ ยมสาธนนฺติ นิรยปาลกรโญฺญ อาณาปวตฺตฎฺฐานํฯ วตฺถุ ฆฎปณฺฑิตชาตเก (ชา. ๑.๑๐.๑๖๕ อาทโย) วิตฺถาริตํ ฯ อิสินาติ กปิลตาปเสนฯ ปาเวกฺขีติ ปวิโฎฺฐฯ เจโจฺจติ เจติยราชาฯ หีนโตฺตติ ปริหีนตฺตภาโว อนฺตรหิตอิทฺธิฯ ปตฺตปริยายนฺติ ปริยายํ มรณกาลํ ปตฺวาฯ วตฺถุ เจติยชาตเก (ชา. ๑.๘.๔๕ อาทโย) กถิตํฯ

    Idāni ye rājāno tathārūpe āsādetvā taṃ dukkhaṃ pattā, te dassetuṃ ‘‘atikāyo’’tiādimāha. Tattha atikāyoti balasampanno mahākāyo. Mahissāsoti mahādhanuggaho. Kekakādhipoti kekakaraṭṭhādhipati. Sahassabāhūti pañcahi dhanuggahasatehi bāhusahassena āropetabbaṃ dhanuṃ āropanasamatthatāya sahassabāhu. Vibhavaṅgatoti vināsaṃ patto. Vatthūni pana sarabhaṅgajātake (jā. 2.17.50 ādayo) vitthāritāni. Upahacca mananti attano cittaṃ padūsetvā. Mātaṅgasminti mātaṅgapaṇḍite. Vatthu mātaṅgajātake (jā. 1.15.1 ādayo) vaṇṇitaṃ. Kaṇhadīpāyanāsajjāti kaṇhadīpāyanaṃ āsajja. Yamasādhananti nirayapālakarañño āṇāpavattaṭṭhānaṃ. Vatthu ghaṭapaṇḍitajātake (jā. 1.10.165 ādayo) vitthāritaṃ . Isināti kapilatāpasena. Pāvekkhīti paviṭṭho. Ceccoti cetiyarājā. Hīnattoti parihīnattabhāvo antarahitaiddhi. Pattapariyāyanti pariyāyaṃ maraṇakālaṃ patvā. Vatthu cetiyajātake (jā. 1.8.45 ādayo) kathitaṃ.

    ตสฺมา หีติ ยสฺมา จิตฺตวสิโก หุตฺวา อิสีสุ อปรชฺฌิตฺวา อฎฺฐสุ มหานิรเยสุ ปจฺจติ, ตสฺมา หิฯ ฉนฺทาคมนนฺติ ฉนฺทาทิจตุพฺพิธมฺปิ อคติคมนํฯ ปทุเฎฺฐนาติ กุเทฺธนฯ คนฺตา โส นิรยํ อโธติ โส เตน อโธคมนิเยน กเมฺมน อโธนิรยเมว คจฺฉติฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘นิรยุสฺสท’’นฺติ ลิขิตํ, ตสฺส อุสฺสทนิรยํ คจฺฉตีติ อโตฺถฯ วุเฑฺฒติ วโยวุเฑฺฒ จ คุณวุเฑฺฒ จฯ อนปจฺจาติ ภวนฺตเรปิ อปจฺจํ วา ทายาทํ วา น ลภนฺตีติ อโตฺถฯ ตาลวตฺถูติ ทิฎฺฐธเมฺมปิ ฉินฺนมูลตาโล วิย มหาวินาสํ ปตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตนฺติฯ โย จ ปพฺพชิตํ หนฺตีติ โย พาลชโน สมณํ หนติฯ จิรรตฺตายาติ จิรํ กาลํฯ

    Tasmāti yasmā cittavasiko hutvā isīsu aparajjhitvā aṭṭhasu mahānirayesu paccati, tasmā hi. Chandāgamananti chandādicatubbidhampi agatigamanaṃ. Paduṭṭhenāti kuddhena. Gantā so nirayaṃ adhoti so tena adhogamaniyena kammena adhonirayameva gacchati. Pāḷiyaṃ pana ‘‘nirayussada’’nti likhitaṃ, tassa ussadanirayaṃ gacchatīti attho. Vuḍḍheti vayovuḍḍhe ca guṇavuḍḍhe ca. Anapaccāti bhavantarepi apaccaṃ vā dāyādaṃ vā na labhantīti attho. Tālavatthūti diṭṭhadhammepi chinnamūlatālo viya mahāvināsaṃ patvā niraye nibbattanti. Yo ca pabbajitaṃ hantīti yo bālajano samaṇaṃ hanati. Cirarattāyāti ciraṃ kālaṃ.

    เอวํ มหาสโตฺต อิสิวิเหฐกานํ ปจฺจนนิรเย ทเสฺสตฺวา อุปริ อธมฺมิกราชูนํ ปจฺจนนิรเย ทเสฺสโนฺต ‘‘โย จา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ รฎฺฐวิทฺธํสโนติ ฉนฺทาทิวเสน คนฺตฺวา รฎฺฐสฺส วิทฺธํสโนฯ อจฺจิสงฺฆปเรโตติ อจฺจิสมูหปริกฺขิโตฺตฯ เตโชภกฺขสฺสาติ อคฺคิเมว ขาทนฺตสฺสฯ คตฺตานีติ ติคาวุเต สรีเร สพฺพงฺคปจฺจงฺคานิฯ โลเมหิ จ นเขหิ จาติ เอเตหิ สทฺธิํ สพฺพานิ เอกชาลานิ โหนฺติฯ ตุตฺตฎฺฎีโตติ อาเนญฺชการณํ การิยมาโน ตุเตฺตหิ วิโทฺธ นาโค ยถา นทติฯ

    Evaṃ mahāsatto isiviheṭhakānaṃ paccananiraye dassetvā upari adhammikarājūnaṃ paccananiraye dassento ‘‘yo cā’’tiādimāha. Tattha raṭṭhaviddhaṃsanoti chandādivasena gantvā raṭṭhassa viddhaṃsano. Accisaṅghaparetoti accisamūhaparikkhitto. Tejobhakkhassāti aggimeva khādantassa. Gattānīti tigāvute sarīre sabbaṅgapaccaṅgāni. Lomehi ca nakhehi cāti etehi saddhiṃ sabbāni ekajālāni honti. Tuttaṭṭītoti āneñjakāraṇaṃ kāriyamāno tuttehi viddho nāgo yathā nadati.

    เอวํ มหาสโตฺต อธมฺมิกราชูนํ ปจฺจนนิรเย ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปิตุฆาตกาทีนํ ปจฺจนนิรเย ทเสฺสตุํ ‘‘โย โลภา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ โลภาติ ยสธนโลเภนฯ โทสา วาติ ทุฎฺฐจิตฺตตาย วาฯ นิตฺตจนฺติ โลหกุมฺภิยํ พหูนิ วสสหสฺสานิ ปกฺกํ นีหริตฺวา ติคาวุตมสฺส สรีรํ นิตฺตจํ กตฺวา ชลิตาย โลหปถวิยํ ปาเตตฺวา ติเณฺหหิ อยสูเลหิ โกเฎฺฎตฺวา จุณวิจุณฺณํ กโรนฺติฯ อนฺธํ กริตฺวาติ, มหาราช, ตํ ปิตุฆาตกํ นิรยปาลา ชลิตโลหปถวิยํ อุตฺตานํ ปาเตตฺวา ชลิเตหิ อยสูเลหิ อกฺขีนิ ภินฺทิตฺวา อนฺธํ กริตฺวา มุเข อุณฺหํ มุตฺตกรีสํ ปกฺขิปิตฺวา ปลาลปีฐํ วิย นํ ปริวเตฺตตฺวา กเปฺปน สณฺฐิเต ขาเร โลหอุทเก นิมุชฺชาเปนฺติฯ ตตฺตํ ปกฺกุถิตมโยคุฬญฺจาติ ปุน ปกฺกุถิตํ คูถกลลเญฺจว ชลิตอโยคุฬญฺจ ขาทาเปนฺติฯ โส ปน ตํ อาหริยมานํ ทิสฺวา มุขํ ปิเธติฯ อถสฺส ทีเฆ จิรตาปิเต ชลมาเน ผาเล อาทาย มุขํ วิกฺขเมฺภตฺวา วิวริตฺวา รชฺชุพทฺธํ อยพลิสํ ขิปิตฺวา ชิวฺหํ นีหริตฺวา ตสฺมิํ วิวเฎ มุเข ตํ อโยคุฬํ สมฺปวิสนฺติ ปกฺขิปนฺติฯ รกฺขสาติ นิรยปาลาฯ

    Evaṃ mahāsatto adhammikarājūnaṃ paccananiraye dassetvā idāni pitughātakādīnaṃ paccananiraye dassetuṃ ‘‘yo lobhā’’tiādimāha. Tattha lobhāti yasadhanalobhena. Dosā vāti duṭṭhacittatāya vā. Nittacanti lohakumbhiyaṃ bahūni vasasahassāni pakkaṃ nīharitvā tigāvutamassa sarīraṃ nittacaṃ katvā jalitāya lohapathaviyaṃ pātetvā tiṇhehi ayasūlehi koṭṭetvā cuṇavicuṇṇaṃ karonti. Andhaṃ karitvāti, mahārāja, taṃ pitughātakaṃ nirayapālā jalitalohapathaviyaṃ uttānaṃ pātetvā jalitehi ayasūlehi akkhīni bhinditvā andhaṃ karitvā mukhe uṇhaṃ muttakarīsaṃ pakkhipitvā palālapīṭhaṃ viya naṃ parivattetvā kappena saṇṭhite khāre lohaudake nimujjāpenti. Tattaṃ pakkuthitamayoguḷañcāti puna pakkuthitaṃ gūthakalalañceva jalitaayoguḷañca khādāpenti. So pana taṃ āhariyamānaṃ disvā mukhaṃ pidheti. Athassa dīghe ciratāpite jalamāne phāle ādāya mukhaṃ vikkhambhetvā vivaritvā rajjubaddhaṃ ayabalisaṃ khipitvā jivhaṃ nīharitvā tasmiṃ vivaṭe mukhe taṃ ayoguḷaṃ sampavisanti pakkhipanti. Rakkhasāti nirayapālā.

    สามา จาติ, มหาราช, ตสฺส ปิตุฆาตกสฺส ชิวฺหํ พลิเสน นิกฺกฑฺฒิตฺวา อยสงฺกูหิ ปถวิยํ นีหตํ ชิวฺหํ สามา โสณา สพลวณฺณา สุนขา จ โลหตุณฺฑา คิชฺฌา จ กาโกลสงฺฆา จ อเญฺญ จ นานปฺปการา สกุณา สมาคนฺตฺวา อาวุเธหิ ฉินฺทนฺตา วิย วิภชฺช กากปทากาเรน โกฎฺฐาเส กตฺวา วิปฺผนฺทมานํ สโลหิตํ วิฆาสํ ขาทนฺตา วิย สเตฺต ภกฺขยนฺตีติ อโตฺถฯ ตํ ทฑฺฒตาลนฺติ ตํ ปิตุฆาตกํ ฌายมานตาลํ วิย ชลิตสรีรํฯ ปริภินฺนคตฺตนฺติ ตตฺถ ตตฺถ ปริภินฺนคตฺตํฯ นิโปฺปถยนฺตาติ ชลิเตหิ อยมุคฺคเรหิ ปหรนฺตาฯ รตี หิ เตสนฺติ เตสํ นิรยปาลานํ สา รติ กีฬา โหติฯ ทุขิโน ปนีตเรติ อิตเร ปน เนรยิกสตฺตา ทุกฺขิตา โหนฺติฯ เปตฺติฆาติโนติ ปิตุฆาตกาฯ อิติ อิมํ ปิตุฆาตกานํ ปจฺจนนิรยํ ทิสฺวา ราชา ภีตตสิโต อโหสิฯ

    Sāmā cāti, mahārāja, tassa pitughātakassa jivhaṃ balisena nikkaḍḍhitvā ayasaṅkūhi pathaviyaṃ nīhataṃ jivhaṃ sāmā soṇā sabalavaṇṇā sunakhā ca lohatuṇḍā gijjhā ca kākolasaṅghā ca aññe ca nānappakārā sakuṇā samāgantvā āvudhehi chindantā viya vibhajja kākapadākārena koṭṭhāse katvā vipphandamānaṃ salohitaṃ vighāsaṃ khādantā viya satte bhakkhayantīti attho. Taṃ daḍḍhatālanti taṃ pitughātakaṃ jhāyamānatālaṃ viya jalitasarīraṃ. Paribhinnagattanti tattha tattha paribhinnagattaṃ. Nippothayantāti jalitehi ayamuggarehi paharantā. Ratī hi tesanti tesaṃ nirayapālānaṃ sā rati kīḷā hoti. Dukhino panītareti itare pana nerayikasattā dukkhitā honti. Pettighātinoti pitughātakā. Iti imaṃ pitughātakānaṃ paccananirayaṃ disvā rājā bhītatasito ahosi.

    อถ นํ มหาสโตฺต สมสฺสาเสตฺวา มาตุฆาตกานํ ปจฺจนนิรยํ ทเสฺสสิฯ ยมกฺขยนฺติ ยมนิเวสนํ, นิรยนฺติ อโตฺถฯ อตฺตกมฺมผลูปโคติ อตฺตโน กมฺมผเลน อุปคโตฯ อมนุสฺสาติ นิรยปาลาฯ หนฺตารํ ชนยนฺติยาติ มาตุฆาตกํฯ วาเลหีติ อยมกจิวาเลหิ เวเฐตฺวา อยยเนฺตน ปีฬยนฺติฯ นฺติ ตํ มาตุฆาตกํฯ ปาเยนฺตีติ ตสฺส ปีฬิยมานสฺส รุหิรํ คฬิตฺวา อยกปลฺลํ ปูเรติฯ อถ นํ ยนฺตโต นีหรนฺติ, ตาวเทวสฺส สรีรํ ปากติกํ โหติฯ ตํ ปถวิยํ อุตฺตานํ นิปชฺชาเปตฺวา วิลีนํ ตมฺพโลหํ วิย ปกฺกุถิตํ โลหิตํ ปาเยนฺติฯ โอคยฺห ติฎฺฐตีติ ตํ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ อยยเนฺตหิ ปีเฬตฺวา เชคุเจฺฉ ทุคฺคเนฺธ ปฎิกูเล มหเนฺต คูถกลลอาวาเฎ ขิปนฺติ, โส ตํ รหทํ โอคยฺห โอคาหิตฺวา ติฎฺฐติฯ อติกายาติ เอกโทณิกนาวปฺปมาณสรีราฯ อโยมุขาติ อยสูจิมุขาฯ ฉวิํ เภตฺวานาติ ฉวิมาทิํ กตฺวา ยาว อฎฺฐิมฺปิ เภตฺวา อฎฺฐิมิญฺชมฺปิ ขาทนฺติฯ สํคิทฺธาติ คธิตา มุจฺฉิตาฯ น เกวลญฺจ ขาทเนฺตว, อโธมคฺคาทีหิ ปน ปวิสิตฺวา มุขาทีหิ นิกฺขมนฺติ, วามปสฺสาทีหิ ปวิสิตฺวา ทกฺขิณปสฺสาทีหิ นิกฺขมนฺติ, สกลมฺปิ สรีรํ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ กโรนฺติ, โส ตตฺถ อติทุกฺขปเรโต วิรวโนฺต ปจฺจติฯ โส จาติ โส มาตุฆาตโก จ ตํ สตโปริสํ นิรยํ ปโตฺต สสีสโก นิมุโคฺคว โหติ, ตญฺจ กุณปํ สมนฺตา โยชนสตํ ปูติกํ หุตฺวา วายติฯ มาตุโฆติ มาตุฆาตโกฯ

    Atha naṃ mahāsatto samassāsetvā mātughātakānaṃ paccananirayaṃ dassesi. Yamakkhayanti yamanivesanaṃ, nirayanti attho. Attakammaphalūpagoti attano kammaphalena upagato. Amanussāti nirayapālā. Hantāraṃ janayantiyāti mātughātakaṃ. Vālehīti ayamakacivālehi veṭhetvā ayayantena pīḷayanti. Tanti taṃ mātughātakaṃ. Pāyentīti tassa pīḷiyamānassa ruhiraṃ gaḷitvā ayakapallaṃ pūreti. Atha naṃ yantato nīharanti, tāvadevassa sarīraṃ pākatikaṃ hoti. Taṃ pathaviyaṃ uttānaṃ nipajjāpetvā vilīnaṃ tambalohaṃ viya pakkuthitaṃ lohitaṃ pāyenti. Ogayha tiṭṭhatīti taṃ bahūni vassasahassāni ayayantehi pīḷetvā jegucche duggandhe paṭikūle mahante gūthakalalaāvāṭe khipanti, so taṃ rahadaṃ ogayha ogāhitvā tiṭṭhati. Atikāyāti ekadoṇikanāvappamāṇasarīrā. Ayomukhāti ayasūcimukhā. Chaviṃ bhetvānāti chavimādiṃ katvā yāva aṭṭhimpi bhetvā aṭṭhimiñjampi khādanti. Saṃgiddhāti gadhitā mucchitā. Na kevalañca khādanteva, adhomaggādīhi pana pavisitvā mukhādīhi nikkhamanti, vāmapassādīhi pavisitvā dakkhiṇapassādīhi nikkhamanti, sakalampi sarīraṃ chiddāvachiddaṃ karonti, so tattha atidukkhapareto viravanto paccati. So cāti so mātughātako ca taṃ sataporisaṃ nirayaṃ patto sasīsako nimuggova hoti, tañca kuṇapaṃ samantā yojanasataṃ pūtikaṃ hutvā vāyati. Mātughoti mātughātako.

    เอวํ มหาสโตฺต มาตุฆาตกานํ ปจฺจนนิรยํ ทเสฺสตฺวา ปุน คพฺภปาตกานํ ปจฺจนนิรยํ ทเสฺสโนฺต คาถมาหฯ ขุรธารมนุกฺกมฺมาติ ขุรธารนิรยํ อติกฺกมิตฺวาฯ ตตฺถ กิร นิรยปาลา มหนฺตมหเนฺต ขุเร อุปริ ธาเร กตฺวา สนฺถรนฺติ, ตโต ยาหิ คพฺภปาตนขรเภสชฺชานิ ปิวิตฺวา คพฺภา ปาติตา, ตา คพฺภปาตินิโย อิตฺถิโย ชลิเตหิ อาวุเธหิ โปเถนฺตา อนุพนฺธนฺติ, ตา ติขิณขุรธาราสุ ขณฺฑาขณฺฑิกา หุตฺวา ปุนปฺปุนํ อุฎฺฐาย ตํ ทุรภิสมฺภวํ ขุรธารนิรยํ อกฺกมนฺติโย อติกฺกมิตฺวา นิรยปาเลหิ อนุพทฺธา ทุคฺคํ ทุรติกฺกมํ วิสมํ เวตรณิํ นทิํ ปตนฺติฯ ตตฺถ กมฺมการณํ นิมิชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๔๒๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติฯ

    Evaṃ mahāsatto mātughātakānaṃ paccananirayaṃ dassetvā puna gabbhapātakānaṃ paccananirayaṃ dassento gāthamāha. Khuradhāramanukkammāti khuradhāranirayaṃ atikkamitvā. Tattha kira nirayapālā mahantamahante khure upari dhāre katvā santharanti, tato yāhi gabbhapātanakharabhesajjāni pivitvā gabbhā pātitā, tā gabbhapātiniyo itthiyo jalitehi āvudhehi pothentā anubandhanti, tā tikhiṇakhuradhārāsu khaṇḍākhaṇḍikā hutvā punappunaṃ uṭṭhāya taṃ durabhisambhavaṃ khuradhāranirayaṃ akkamantiyo atikkamitvā nirayapālehi anubaddhā duggaṃ duratikkamaṃ visamaṃ vetaraṇiṃ nadiṃ patanti. Tattha kammakāraṇaṃ nimijātake (jā. 2.22.421 ādayo) āvi bhavissati.

    เอวํ คพฺภปาตินีนํ นิรยํ ทเสฺสตฺวา มหาสโตฺต ยตฺถ ปรทาริกา จ อติจารินิโย จ ปตนฺตา ปจฺจนฺติ, ตํ กณฺฎกสิมฺพลินิรยํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อโยมยา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อุภโต อภิลมฺพนฺตีติ เวตรณิยา อุโภสุ ตีเรสุ ตาสํ สิมฺพลีนํ สาขา โอลมฺพนฺติฯ เต อจฺจิมโนฺตติ เต ปชฺชลิตสรีรา สตฺตา อจฺจิมโนฺต หุตฺวา ติฎฺฐนฺติฯ โยชนนฺติ ติคาวุตํ เตสํ สรีรํ, ตโต อุฎฺฐิตชาลาย ปน สทฺธิํ โยชนอุเพฺพธา โหนฺติฯ เอเต วชนฺตีติ เต ปรทาริกา สตฺตา นานาวิเธหิ อาวุเธหิ โกฎฺฎิยมานา เอเต สิมฺพลินิรเย อภิรุหนฺติฯ เต ปตนฺตีติ เต พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ รุกฺขวิฎเปสุ ลคฺคา ฌายิตฺวา ปุน นิรยปาเลหิ อาวุเธหิ วิหตา วิวตฺตา หุตฺวา ปริวตฺติตฺวา อโธสีสกา ปตนฺติฯ ปุถูติ พหูฯ วินิวิทฺธงฺคาติ เตสํ ตโต ปตนกาเล เหฎฺฐา อยปถวิโต สูลานิ อุฎฺฐหิตฺวา เตสํ มตฺถกํ ปฎิจฺฉนฺติ, ตานิ เตสํ อโธมเคฺคน นิกฺขมนฺติ, เต เอวํ สูเลสุ วิทฺธสรีรา จิรรตฺตา สยนฺติฯ ทีฆนฺติ สุปิเนปิ นิทฺทํ อลภนฺตา ทีฆรตฺตํ ชคฺคนฺตีติ อโตฺถฯ รตฺยา วิวสาเนติ รตฺตีนํ อจฺจเยน, จิรกาลาติกฺกเมนาติ อโตฺถ ฯ ปวชฺชนฺตีติ สฎฺฐิโยชนิกํ ชลิตํ โลหกุมฺภิํ กเปฺปน สณฺฐิตํ ชลิตตมฺพโลหรสปุณฺณํ โลหกุมฺภิํ นิรยปาเลหิ ขิตฺตา ปจฺจนฺติฯ ทุสฺสีลาติ ปรทาริกาฯ

    Evaṃ gabbhapātinīnaṃ nirayaṃ dassetvā mahāsatto yattha paradārikā ca aticāriniyo ca patantā paccanti, taṃ kaṇṭakasimbalinirayaṃ dassento ‘‘ayomayā’’tiādimāha. Tattha ubhato abhilambantīti vetaraṇiyā ubhosu tīresu tāsaṃ simbalīnaṃ sākhā olambanti. Te accimantoti te pajjalitasarīrā sattā accimanto hutvā tiṭṭhanti. Yojananti tigāvutaṃ tesaṃ sarīraṃ, tato uṭṭhitajālāya pana saddhiṃ yojanaubbedhā honti. Ete vajantīti te paradārikā sattā nānāvidhehi āvudhehi koṭṭiyamānā ete simbaliniraye abhiruhanti. Te patantīti te bahūni vassasahassāni rukkhaviṭapesu laggā jhāyitvā puna nirayapālehi āvudhehi vihatā vivattā hutvā parivattitvā adhosīsakā patanti. Puthūti bahū. Vinividdhaṅgāti tesaṃ tato patanakāle heṭṭhā ayapathavito sūlāni uṭṭhahitvā tesaṃ matthakaṃ paṭicchanti, tāni tesaṃ adhomaggena nikkhamanti, te evaṃ sūlesu viddhasarīrā cirarattā sayanti. Dīghanti supinepi niddaṃ alabhantā dīgharattaṃ jaggantīti attho. Ratyā vivasāneti rattīnaṃ accayena, cirakālātikkamenāti attho . Pavajjantīti saṭṭhiyojanikaṃ jalitaṃ lohakumbhiṃ kappena saṇṭhitaṃ jalitatambaloharasapuṇṇaṃ lohakumbhiṃ nirayapālehi khittā paccanti. Dussīlāti paradārikā.

    เอวํ มหาสโตฺต ปรทาริกอติจาริกานํ ปจฺจนสิมฺพลินิรยํ ทเสฺสตฺวา อิโต ปรํ สามิกวตฺตสสฺสุสสุรวตฺตาทีนิ อปูเรนฺตีนํ ปจฺจนฎฺฐานํ ปกาเสโนฺต ‘‘ยา จา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อติมญฺญตีติ ภิสชาตเก (ชา. ๑.๑๔.๗๘ อาทโย) วุตฺตํ สามิกวตฺตํ อกโรนฺตี อติกฺกมิตฺวา มญฺญติฯ เชฎฺฐํ วาติ สามิกสฺส เชฎฺฐภาตรํฯ นนนฺทรนฺติ สามิกสฺส ภคินิํฯ เอเตสมฺปิ หิ อญฺญตรสฺส หตฺถปาทปิฎฺฐิปริกมฺมนฺหาปนโภชนาทิเภทํ วตฺตํ อปูเรนฺตี เตสุ หิโรตฺตปฺปํ อนุปฎฺฐเปนฺตี เต อติมญฺญติ นาม, สาปิ นิรเย นิพฺพตฺติฯ วเงฺกนาติ ตสฺสา สามิกวตฺตาทีนํ อปริปูริกาย สามิกาทโย อโกฺกสิตฺวา ปริภาสิตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตาย โลหปถวิยํ นิปชฺชาเปตฺวา อยสงฺกุนา มุขํ วิวริตฺวา พลิเสน ชิวฺหคฺคํ นิพฺพหนฺติ, รชฺชุพนฺธเนน สพนฺธนํ กฑฺฒนฺติฯ กิมินนฺติ กิมิภริตํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, โส เนรยิกสโตฺต เอวํ นิกฺกฑฺฒิตํ อตฺตโน พฺยาเมน พฺยามมตฺตํ ชิวฺหํ อาวุเธหิ โกฎฺฎิตโกฎฺฎิตฎฺฐาเน สญฺชาเตหิ มหาโทณิปฺปมาเณหิ กิมีหิ ภริตํ ปสฺสติฯ วิญฺญาเปตุํ น สโกฺกตีติ นิรยปาเล ยาจิตุกาโมปิ กิญฺจิ วตฺตุํ น สโกฺกติฯ ตาปเนติ เอวํ สา ตตฺถ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ ปจฺจิตฺวา ปุน ตาปนมหานิรเย ปจฺจติฯ

    Evaṃ mahāsatto paradārikaaticārikānaṃ paccanasimbalinirayaṃ dassetvā ito paraṃ sāmikavattasassusasuravattādīni apūrentīnaṃ paccanaṭṭhānaṃ pakāsento ‘‘yā cā’’tiādimāha. Tattha atimaññatīti bhisajātake (jā. 1.14.78 ādayo) vuttaṃ sāmikavattaṃ akarontī atikkamitvā maññati. Jeṭṭhaṃ vāti sāmikassa jeṭṭhabhātaraṃ. Nanandaranti sāmikassa bhaginiṃ. Etesampi hi aññatarassa hatthapādapiṭṭhiparikammanhāpanabhojanādibhedaṃ vattaṃ apūrentī tesu hirottappaṃ anupaṭṭhapentī te atimaññati nāma, sāpi niraye nibbatti. Vaṅkenāti tassā sāmikavattādīnaṃ aparipūrikāya sāmikādayo akkositvā paribhāsitvā niraye nibbattāya lohapathaviyaṃ nipajjāpetvā ayasaṅkunā mukhaṃ vivaritvā balisena jivhaggaṃ nibbahanti, rajjubandhanena sabandhanaṃ kaḍḍhanti. Kiminanti kimibharitaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – mahārāja, so nerayikasatto evaṃ nikkaḍḍhitaṃ attano byāmena byāmamattaṃ jivhaṃ āvudhehi koṭṭitakoṭṭitaṭṭhāne sañjātehi mahādoṇippamāṇehi kimīhi bharitaṃ passati. Viññāpetuṃ na sakkotīti nirayapāle yācitukāmopi kiñci vattuṃ na sakkoti. Tāpaneti evaṃ sā tattha bahūni vassasahassāni paccitvā puna tāpanamahāniraye paccati.

    เอวํ มหาสโตฺต สามิกวตฺตสสฺสุสสุรวตฺตาทีนิ อปูเรนฺตีนํ ปจฺจนนิรยํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สูกริกาทีนํ ปจฺจนนิรเย ทเสฺสโนฺต ‘‘โอรพฺภิกา’’ติอาทิมาห ฯ ตตฺถ อวเณฺณ วณฺณการกาติ เปสุญฺญการกาฯ ขารนทินฺติ เอเต โอรพฺภิกาทโย เอเตหิ สตฺติอาทีหิ หญฺญมานา เวตรณิํ นทิํ ปตนฺตีติ อโตฺถฯ เสสานิ โอรพฺภิกาทีนํ ปจฺจนฎฺฐานานิ นิมิชาตเก อาวิ ภวิสฺสนฺติฯ กุฎการีติ กูฎวินิจฺฉยสฺส เจว ตุลากูฎาทีนญฺจ การเก สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ ตตฺถ กูฎวินิจฺฉยกูฎฎฺฎการกกูฎอคฺฆาปนิกานํ ปจฺจนนิรยา นิมิชาตเก อาวิ ภวิสฺสนฺติฯ วนฺตนฺติ วมิตกํฯ ทุรตฺตานนฺติ ทุคฺคตตฺตภาวานํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, เต ทุรตฺตภาวา สตฺตา อยกูเฎหิ มตฺถเก ภิชฺชมาเน วมนฺติ, ตโต ตํ วนฺตํ ชลิตอยกปเลฺลหิ เตสุ เอกจฺจานํ มุเข ขิปนฺติ , อิติ เต ปเรสํ วนฺตํ ภุญฺชนฺติ นามฯ เภรณฺฑกาติ สิงฺคาลาฯ วิปฺผนฺทมานนฺติ อโธมุขํ นิปชฺชาปิตํ นิกฺกฑฺฒิตชิวฺหํ อิโต จิโต จ วิปฺผนฺทมานํฯ มิเคนาติ โอกจารกมิเคนฯ ปกฺขินาติ ตถารูเปเนวฯ คนฺตา เตติ คนฺตาโร เตฯ นิรยุสฺสทนฺติ อุสฺสทนิรยํฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘นิรยํ อโธ’’ติ ลิขิตํฯ อยํ ปน นิรโย นิมิชาตเก อาวิ ภวิสฺสตีติฯ

    Evaṃ mahāsatto sāmikavattasassusasuravattādīni apūrentīnaṃ paccananirayaṃ dassetvā idāni sūkarikādīnaṃ paccananiraye dassento ‘‘orabbhikā’’tiādimāha . Tattha avaṇṇe vaṇṇakārakāti pesuññakārakā. Khāranadinti ete orabbhikādayo etehi sattiādīhi haññamānā vetaraṇiṃ nadiṃ patantīti attho. Sesāni orabbhikādīnaṃ paccanaṭṭhānāni nimijātake āvi bhavissanti. Kuṭakārīti kūṭavinicchayassa ceva tulākūṭādīnañca kārake sandhāyetaṃ vuttaṃ. Tattha kūṭavinicchayakūṭaṭṭakārakakūṭaagghāpanikānaṃ paccananirayā nimijātake āvi bhavissanti. Vantanti vamitakaṃ. Durattānanti duggatattabhāvānaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – mahārāja, te durattabhāvā sattā ayakūṭehi matthake bhijjamāne vamanti, tato taṃ vantaṃ jalitaayakapallehi tesu ekaccānaṃ mukhe khipanti , iti te paresaṃ vantaṃ bhuñjanti nāma. Bheraṇḍakāti siṅgālā. Vipphandamānanti adhomukhaṃ nipajjāpitaṃ nikkaḍḍhitajivhaṃ ito cito ca vipphandamānaṃ. Migenāti okacārakamigena. Pakkhināti tathārūpeneva. Gantā teti gantāro te. Nirayussadanti ussadanirayaṃ. Pāḷiyaṃ pana ‘‘nirayaṃ adho’’ti likhitaṃ. Ayaṃ pana nirayo nimijātake āvi bhavissatīti.

    อิติ มหาสโตฺต เอตฺตเก นิรเย ทเสฺสตฺวา อิทานิ เทวโลกวิวรณํ กตฺวา รโญฺญ เทวโลเก ทเสฺสโนฺต อาห –

    Iti mahāsatto ettake niraye dassetvā idāni devalokavivaraṇaṃ katvā rañño devaloke dassento āha –

    ๑๓๓.

    133.

    ‘‘สโนฺต จ อุทฺธํ คจฺฉนฺติ, สุจิเณฺณนิธ กมฺมุนา;

    ‘‘Santo ca uddhaṃ gacchanti, suciṇṇenidha kammunā;

    สุจิณฺณสฺส ผลํ ปสฺส, สอินฺทา เทวา สพฺรหฺมกาฯ

    Suciṇṇassa phalaṃ passa, saindā devā sabrahmakā.

    ๑๓๔.

    134.

    ‘‘ตํ ตํ พฺรูมิ มหาราช, ธมฺมํ รฎฺฐปตี จร;

    ‘‘Taṃ taṃ brūmi mahārāja, dhammaṃ raṭṭhapatī cara;

    ตถา ราช จราหิ ธมฺมํ, ยถา ตํ สุจิณฺณํ นานุตเปฺปยฺย ปจฺฉา’’ติฯ

    Tathā rāja carāhi dhammaṃ, yathā taṃ suciṇṇaṃ nānutappeyya pacchā’’ti.

    ตตฺถ สโนฺตติ กายาทีหิ อุปสนฺตาฯ อุทฺธนฺติ เทวโลกํฯ สอินฺทาติ ตตฺถ ตตฺถ อิเนฺทหิ สทฺธิํฯ มหาสโตฺต หิสฺส จาตุมหาราชาทิเก เทเว ทเสฺสโนฺต, ‘‘มหาราช, จาตุมหาราชิเก เทเว ปสฺส, จตฺตาโร มหาราชาโน ปสฺส, ตาวติํเส ปสฺส, สกฺกํ ปสฺสา’’ติ เอวํ สเพฺพปิ สอินฺทเก สพฺรหฺมเก จ เทเว ทเสฺสโนฺต ‘‘อิทมฺปิ สุจิณฺณสฺส ผลํ อิทมฺปิ ผล’’นฺติ ทเสฺสสิฯ ตํ ตํ พฺรูมีติ ตสฺมา ตํ ภณามิฯ ธมฺมนฺติ อิโต ปฎฺฐาย ปาณาติปาตาทีนิ ปญฺจ เวรานิ ปหาย ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กโรหีติฯ ยถา ตํ สุจิณฺณํ นานุตเปฺปยฺยาติ ยถา ตํ ทานาทิปุญฺญกมฺมํ สุจิณฺณํ ปิตุฆาตกมฺมปจฺจยํ วิปฺปฎิสารํ ปฎิจฺฉาเทตุํ สมตฺถตาย ตํ นานุตเปฺปยฺย, ตถา ตํ สุจิณฺณํ จร, พหุํ ปุญฺญํ กโรหีติ อโตฺถฯ

    Tattha santoti kāyādīhi upasantā. Uddhanti devalokaṃ. Saindāti tattha tattha indehi saddhiṃ. Mahāsatto hissa cātumahārājādike deve dassento, ‘‘mahārāja, cātumahārājike deve passa, cattāro mahārājāno passa, tāvatiṃse passa, sakkaṃ passā’’ti evaṃ sabbepi saindake sabrahmake ca deve dassento ‘‘idampi suciṇṇassa phalaṃ idampi phala’’nti dassesi. Taṃ taṃ brūmīti tasmā taṃ bhaṇāmi. Dhammanti ito paṭṭhāya pāṇātipātādīni pañca verāni pahāya dānādīni puññāni karohīti. Yathā taṃ suciṇṇaṃ nānutappeyyāti yathā taṃ dānādipuññakammaṃ suciṇṇaṃ pitughātakammapaccayaṃ vippaṭisāraṃ paṭicchādetuṃ samatthatāya taṃ nānutappeyya, tathā taṃ suciṇṇaṃ cara, bahuṃ puññaṃ karohīti attho.

    โส มหาสตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ตโต ปฎฺฐาย อสฺสาสํ ปฎิลภิฯ โพธิสโตฺต ปน กิญฺจิ กาลํ ตตฺถ วสิตฺวา อตฺตโน วสนฎฺฐานเญฺญว คโตฯ

    So mahāsattassa dhammakathaṃ sutvā tato paṭṭhāya assāsaṃ paṭilabhi. Bodhisatto pana kiñci kālaṃ tattha vasitvā attano vasanaṭṭhānaññeva gato.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส มยา อสฺสาสิโตเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา ราชา อชาตสตฺตุ อโหสิ, อิสิคโณ พุทฺธปริสา, สํกิจฺจปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepesa mayā assāsitoyevā’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi ‘‘tadā rājā ajātasattu ahosi, isigaṇo buddhaparisā, saṃkiccapaṇḍito pana ahameva ahosi’’nti.

    สํกิจฺจชาตกวณฺณนา ทุติยาฯ

    Saṃkiccajātakavaṇṇanā dutiyā.

    ชาตกุทฺทานํ –

    Jātakuddānaṃ –

    อถ สฎฺฐินิปาตมฺหิ, สุณาถ มม ภาสิตํ;

    Atha saṭṭhinipātamhi, suṇātha mama bhāsitaṃ;

    ชาตกสวฺหยโน ปวโร, โสณกอรินฺทมสวฺหยโน;

    Jātakasavhayano pavaro, soṇakaarindamasavhayano;

    ตถา วุตฺตรเถสภกิจฺจวโรติฯ

    Tathā vuttarathesabhakiccavaroti.

    สฎฺฐินิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saṭṭhinipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๓๐. สํกิจฺจชาตกํ • 530. Saṃkiccajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact