Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๑๑. เอกาทสนิปาโต

    11. Ekādasanipāto

    ๑. สํกิจฺจเตฺถรคาถาวณฺณนา

    1. Saṃkiccattheragāthāvaṇṇanā

    เอกาทสนิปาเต กิํ ตวโตฺถ วเน ตาตาติอาทิกา อายสฺมโต สํกิจฺจเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณมหาสาลกุเล ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ตสฺมิํ กุจฺฉิคเตเยว มาตา พฺยาธิตา หุตฺวา กาลมกาสิฯ ตสฺสา สุสานํ เนตฺวา ฌาปิยมานาย คพฺภาสโย น ฌายิฯ มนุสฺสา สูเลหิ กุจฺฉิํ วิชฺฌนฺตา ทารกสฺส อกฺขิโกฎิํ ปหริํสุฯ เต ตํ วิชฺฌิตฺวา องฺคาเรหิ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ปกฺกมิํสุฯ กุจฺฉิปเทโสปิ ฌายิ, องฺคารมตฺถเก ปน สุวณฺณพิมฺพสทิโส ทารโก ปทุมคเพฺภ นิปโนฺน วิย อโหสิฯ ปจฺฉิมภวิกสตฺตสฺส หิ สิเนรุนา โอตฺถริยมานสฺสปิ อรหตฺตํ อปฺปตฺวา ชีวิตกฺขโย นาม นตฺถิฯ

    Ekādasanipāte kiṃ tavattho vane tātātiādikā āyasmato saṃkiccattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinitvā imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ brāhmaṇamahāsālakule paṭisandhiṃ gaṇhi. Tasmiṃ kucchigateyeva mātā byādhitā hutvā kālamakāsi. Tassā susānaṃ netvā jhāpiyamānāya gabbhāsayo na jhāyi. Manussā sūlehi kucchiṃ vijjhantā dārakassa akkhikoṭiṃ pahariṃsu. Te taṃ vijjhitvā aṅgārehi paṭicchādetvā pakkamiṃsu. Kucchipadesopi jhāyi, aṅgāramatthake pana suvaṇṇabimbasadiso dārako padumagabbhe nipanno viya ahosi. Pacchimabhavikasattassa hi sinerunā otthariyamānassapi arahattaṃ appatvā jīvitakkhayo nāma natthi.

    ปุนทิวเส อาฬาหนฎฺฐานํ คตา มนุสฺสา ตถานิปนฺนํ ทารกํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ทารกํ อาทาย คามํ ปวิสิตฺวา เนมิตฺตเก ปุจฺฉิํสุฯ เนมิตฺตกา ‘‘สเจ อยํ ทารโก อคารํ อชฺฌาวสิสฺสติ, ยาว สตฺตมา กุลปริวฎฺฎา ทุคฺคตา ภวิสฺสนฺติฯ สเจ ปพฺพชิสฺสติ, ปญฺจหิ สมณสเตหิ ปริวุโต วิจริสฺสตี’’ติ อาหํสุฯ ญาตกา ‘‘โหตุ, วฑฺฒิตกาเล อมฺหากํ อยฺยสฺส สาริปุตฺตเตฺถรสฺส สนฺติเก ตํ ปพฺพาเชสฺสามา’’ติ วตฺวา สงฺกุนา ฉินฺนกฺขิโกฎิตาย สํกิโจฺจติ วทนฺตา อปรภาเค สํกิโจฺจติ โวหริํสุฯ โส สตฺตวสฺสิกกาเล อตฺตโน คพฺภคตเสฺสว มาตุ มรณํ, คเพฺภ จ อตฺตโน ปวตฺติํ สุตฺวา สํเวคชาโต ‘‘ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาหฯ ญาตกา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ธมฺมเสนาปติสฺส สนฺติกํ เนตฺวา, ‘‘ภเนฺต, อิมํ ปพฺพาเชถา’’ติ อทํสุฯ เถโร ตํ ตจปญฺจกกมฺมฎฺฐานํ ทตฺวา ปพฺพาเชสิฯ โส ขุรเคฺคเยว สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ติํสมเตฺตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ อรเญฺญ วิหรโนฺต เจ โจรหตฺถโต โมเจตฺวา สยมฺปิ เต โจเร ทเมตฺวา ปพฺพาเชตฺวา อญฺญตรสฺมิํ วิหาเร พหูหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ วิหรโนฺต เต วิวาทปสุเต ทิสฺวา ‘‘อญฺญตฺถ คจฺฉามี’’ติ ภิกฺขู อาปุจฺฉิฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน ธมฺมปทวตฺถุมฺหิ (ธ. ป. อฎฺฐ. ๑.สงฺกิจฺจสามเณรวตฺถุ) อาคตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ อถ นํ อญฺญตโร อุปาสโก อุปฎฺฐาตุกาโม อาสนฺนฎฺฐาเน วาสํ ยาจโนฺต –

    Punadivase āḷāhanaṭṭhānaṃ gatā manussā tathānipannaṃ dārakaṃ disvā acchariyabbhutacittajātā dārakaṃ ādāya gāmaṃ pavisitvā nemittake pucchiṃsu. Nemittakā ‘‘sace ayaṃ dārako agāraṃ ajjhāvasissati, yāva sattamā kulaparivaṭṭā duggatā bhavissanti. Sace pabbajissati, pañcahi samaṇasatehi parivuto vicarissatī’’ti āhaṃsu. Ñātakā ‘‘hotu, vaḍḍhitakāle amhākaṃ ayyassa sāriputtattherassa santike taṃ pabbājessāmā’’ti vatvā saṅkunā chinnakkhikoṭitāya saṃkiccoti vadantā aparabhāge saṃkiccoti vohariṃsu. So sattavassikakāle attano gabbhagatasseva mātu maraṇaṃ, gabbhe ca attano pavattiṃ sutvā saṃvegajāto ‘‘pabbajissāmī’’ti āha. Ñātakā ‘‘sādhu, tātā’’ti dhammasenāpatissa santikaṃ netvā, ‘‘bhante, imaṃ pabbājethā’’ti adaṃsu. Thero taṃ tacapañcakakammaṭṭhānaṃ datvā pabbājesi. So khuraggeyeva saha paṭisambhidāhi arahattaṃ patvā tiṃsamattehi bhikkhūhi saddhiṃ araññe viharanto ce corahatthato mocetvā sayampi te core dametvā pabbājetvā aññatarasmiṃ vihāre bahūhi bhikkhūhi saddhiṃ viharanto te vivādapasute disvā ‘‘aññattha gacchāmī’’ti bhikkhū āpucchi. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana dhammapadavatthumhi (dha. pa. aṭṭha. 1.saṅkiccasāmaṇeravatthu) āgatanayeneva veditabbo. Atha naṃ aññataro upāsako upaṭṭhātukāmo āsannaṭṭhāne vāsaṃ yācanto –

    ๕๙๗.

    597.

    ‘‘กิํ ตวโตฺถ วเน ตาต, อุชฺชุหาโนว ปาวุเส;

    ‘‘Kiṃ tavattho vane tāta, ujjuhānova pāvuse;

    เวรมฺภา รมณียา เต, ปวิเวโก หิ ฌายิน’’นฺติฯ –

    Verambhā ramaṇīyā te, paviveko hi jhāyina’’nti. –

    ปฐมํ คาถมาหฯ ตํ สุตฺวา เถโร –

    Paṭhamaṃ gāthamāha. Taṃ sutvā thero –

    ๕๙๘.

    598.

    ‘‘ยถา อพฺภานิ เวรโมฺภ, วาโต นุทติ ปาวุเส;

    ‘‘Yathā abbhāni verambho, vāto nudati pāvuse;

    สญฺญา เม อภิกิรนฺติ, วิเวกปฎิสญฺญุตาฯ

    Saññā me abhikiranti, vivekapaṭisaññutā.

    ๕๙๙.

    599.

    ‘‘อปณฺฑโร อณฺฑสมฺภโว, สีวถิกาย นิเกตจาริโก;

    ‘‘Apaṇḍaro aṇḍasambhavo, sīvathikāya niketacāriko;

    อุปฺปาทยเตว เม สติํ, สเนฺทหสฺมิํ วิราคนิสฺสิตํฯ

    Uppādayateva me satiṃ, sandehasmiṃ virāganissitaṃ.

    ๖๐๐.

    600.

    ‘‘ยญฺจ อเญฺญ น รกฺขนฺติ, โย จ อเญฺญ น รกฺขติ;

    ‘‘Yañca aññe na rakkhanti, yo ca aññe na rakkhati;

    ส เว ภิกฺขุ สุขํ เสติ, กาเมสุ อนเปกฺขวาฯ

    Sa ve bhikkhu sukhaṃ seti, kāmesu anapekkhavā.

    ๖๐๑.

    601.

    ‘‘อโจฺฉทิกา ปุถุสิลา, โคนงฺคลมิคายุตา;

    ‘‘Acchodikā puthusilā, gonaṅgalamigāyutā;

    อมฺพุเสวาลสญฺฉนฺนา, เต เสลา รมยนฺติ มํฯ

    Ambusevālasañchannā, te selā ramayanti maṃ.

    ๖๐๒.

    602.

    ‘‘วสิตํ เม อรเญฺญสุ, กนฺทราสุ คุหาสุ จ;

    ‘‘Vasitaṃ me araññesu, kandarāsu guhāsu ca;

    เสนาสเนสุ ปเนฺตสุ, วาฬมิคนิเสวิเตฯ

    Senāsanesu pantesu, vāḷamiganisevite.

    ๖๐๓.

    603.

    ‘‘‘อิเม หญฺญนฺตุ วชฺฌนฺตุ, ทุกฺขํ ปโปฺปนฺตุ ปาณิโน’;

    ‘‘‘Ime haññantu vajjhantu, dukkhaṃ pappontu pāṇino’;

    สงฺกปฺปํ นาภิชานามิ, อนริยํ โทสสํหิตํฯ

    Saṅkappaṃ nābhijānāmi, anariyaṃ dosasaṃhitaṃ.

    ๖๐๔.

    604.

    ‘‘ปริจิโณฺณ มยา สตฺถา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ;

    ‘‘Pariciṇṇo mayā satthā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ;

    โอหิโต ครุโก ภาโร, ภวเนตฺติ สมูหตาฯ

    Ohito garuko bhāro, bhavanetti samūhatā.

    ๖๐๕.

    605.

    ‘‘ยสฺส จตฺถาย ปพฺพชิโต, อคารสฺมานคาริยํ;

    ‘‘Yassa catthāya pabbajito, agārasmānagāriyaṃ;

    โส เม อโตฺถ อนุปฺปโตฺต, สพฺพสํโยชนกฺขโยฯ

    So me attho anuppatto, sabbasaṃyojanakkhayo.

    ๖๐๖.

    606.

    ‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;

    ‘‘Nābhinandāmi maraṇaṃ, nābhinandāmi jīvitaṃ;

    กาลญฺจ ปฎิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถาฯ

    Kālañca paṭikaṅkhāmi, nibbisaṃ bhatako yathā.

    ๖๐๗.

    607.

    ‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํฯ

    ‘‘Nābhinandāmi maraṇaṃ, nābhinandāmi jīvitaṃ.

    กาลญฺจ ปฎิกงฺขามิ, สมฺปชาโน ปติสฺสโต’’ติฯ – อิมา คาถา อภาสิ;

    Kālañca paṭikaṅkhāmi, sampajāno patissato’’ti. – imā gāthā abhāsi;

    ตตฺถ กิํ ตวโตฺถ วเนติ กินฺติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํฯ วเน โก ตวโตฺถ, กิํ ปโยชนนฺติ อโตฺถฯ ตาตาติ ทหรสามเณรตาย นํ อตฺตโน ปุตฺตฎฺฐาเน ฐเปตฺวา อาลปติฯ อุชฺชุหาโนว ปาวุเสติ อุชฺชุหาโน กิร นาม เอโก ปพฺพโต, โส ปน คหนสญฺฉโนฺน พหุโสณฺฑิกนฺทโร, ตหํ ตหํ สนฺทมานสลิโล , วสฺสกาเล อสปฺปาโย, ตสฺมา อุชฺชุหาโน วา ปพฺพโต เอตรหิ ปาวุสกาเล ตว กิมตฺถิโยติ อโตฺถฯ เกจิ ปเนตฺถ ‘‘อุชฺชุหาโน นาม เอโก สกุโณ สีตํ น สหติ, วสฺสกาเล วนคุเมฺพ นิลีโน อจฺฉตี’’ติ วทนฺติฯ เตสํ มเตน อุชฺชุหานสฺส วิย สกุณสฺส ปาวุสกาเล โก ตว อโตฺถ วเนติ? เวรมฺภา รมณียา เตติ เวรมฺภวาตา วายนฺตา กิํ เต รมณียาติ โยชนาฯ เกจิ ‘‘เวรมฺภา นาม เอกา ปพฺพตคุหา, ปพฺภาโร’’ติ จ วทนฺติฯ ตญฺจ ฐานํ คมนาคมนยุตฺตํ ชนสมฺพาธรหิตํ ฉายูทกสมฺปนฺนญฺจ, ตสฺมา เวรมฺภา รมณียา, วเน วสิตุํ ยุตฺตรูปาฯ กสฺมา? ปวิเวโก หิ ฌายินํ ยสฺมา ตาทิสานํ ฌายีนํ ยตฺถ กตฺถจิ ปวิเวโกเยว อิจฺฉิตโพฺพ, ตสฺมา ‘‘ทูรํ อรญฺญฎฺฐานํ อคนฺตฺวา เวรมฺภายํ วส, ตาตา’’ติ วทติฯ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโย – ยสฺมา ฌายีนํ ปวิเวกกฺขเม นิวาสผาสุเก เสนาสเน ลเทฺธเยว ฌานาทโย สมฺปชฺชนฺติ, น อลเทฺธ, ตสฺมา น เอวรูเป สีตกาเล ยตฺถ กตฺถจิ วเน วสิตุํ สกฺกา, คุหาปพฺภาราทีสุ ปน สกฺกาติฯ

    Tattha kiṃ tavattho vaneti kinti liṅgavipallāsena vuttaṃ. Vane ko tavattho, kiṃ payojananti attho. Tātāti daharasāmaṇeratāya naṃ attano puttaṭṭhāne ṭhapetvā ālapati. Ujjuhānova pāvuseti ujjuhāno kira nāma eko pabbato, so pana gahanasañchanno bahusoṇḍikandaro, tahaṃ tahaṃ sandamānasalilo , vassakāle asappāyo, tasmā ujjuhāno vā pabbato etarahi pāvusakāle tava kimatthiyoti attho. Keci panettha ‘‘ujjuhāno nāma eko sakuṇo sītaṃ na sahati, vassakāle vanagumbe nilīno acchatī’’ti vadanti. Tesaṃ matena ujjuhānassa viya sakuṇassa pāvusakāle ko tava attho vaneti? Verambhā ramaṇīyā teti verambhavātā vāyantā kiṃ te ramaṇīyāti yojanā. Keci ‘‘verambhā nāma ekā pabbataguhā, pabbhāro’’ti ca vadanti. Tañca ṭhānaṃ gamanāgamanayuttaṃ janasambādharahitaṃ chāyūdakasampannañca, tasmā verambhā ramaṇīyā, vane vasituṃ yuttarūpā. Kasmā? Paviveko hi jhāyinaṃ yasmā tādisānaṃ jhāyīnaṃ yattha katthaci pavivekoyeva icchitabbo, tasmā ‘‘dūraṃ araññaṭṭhānaṃ agantvā verambhāyaṃ vasa, tātā’’ti vadati. Ayañhettha adhippāyo – yasmā jhāyīnaṃ pavivekakkhame nivāsaphāsuke senāsane laddheyeva jhānādayo sampajjanti, na aladdhe, tasmā na evarūpe sītakāle yattha katthaci vane vasituṃ sakkā, guhāpabbhārādīsu pana sakkāti.

    เอวํ อุปาสเกน วุเตฺต เถโร วนาทโย เอว มํ รเมนฺตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา อพฺภานี’’ติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ยถา ปาวุเส กาเล อพฺภานิ วลาหกานิ เวรมฺภวาโต นุทติ ขิปติ นีหรติ, เอวเมว เม จิตฺตํ วิเวกปฎิสญฺญุตา สญฺญา อภิกิรนฺติ วิเวกฎฺฐานํเยว อากฑฺฒนฺติฯ

    Evaṃ upāsakena vutte thero vanādayo eva maṃ ramentīti dassento ‘‘yathā abbhānī’’tiādimāha. Tassattho – yathā pāvuse kāle abbhāni valāhakāni verambhavāto nudati khipati nīharati, evameva me cittaṃ vivekapaṭisaññutā saññā abhikiranti vivekaṭṭhānaṃyeva ākaḍḍhanti.

    กิญฺจ ? อปณฺฑโร กาฬวโณฺณ, อณฺฑสมฺภโว อณฺฑโช กาโก, สีวถิกาย สุสานฎฺฐาเน, นิเกตจาริโก ตเมว นิวาสนฎฺฐานํ กตฺวา วิจรณโก อุปฺปาทยเตว เม สติํ, สเนฺทหสฺมิํ วิราคนิสฺสิตนฺติ, กายสฺมิํ วิราคูปสํหิตํ กายคตาสติกมฺมฎฺฐานํ มยฺหํ อุปฺปาทยติเยวฯ เอกทิวสํ กิร เถโร กาเกน ขชฺชมานํ มนุสฺสกุณปํ ปสฺสิตฺวา อสุภสญฺญํ ปฎิลภิ, ตํ สนฺธาย เอวมาหฯ เตน กาเย สพฺพโส ฉนฺทราคสฺส นตฺถิตาย วเนเยว วสิตุกาโมมฺหีติ ทเสฺสติฯ ยญฺจาติ -สโทฺท สมุจฺจยโตฺถ, เตน อญฺญมฺปิ มม อรญฺญวาสการณํ สุณาหีติ ทเสฺสติฯ ยํ ปพฺพชิตํ เมตฺตาวิหาริตาย อโลภนิยปริกฺขารตาย จ รกฺขิตพฺพสฺส อภาวโต อเญฺญ เสวกาทโย น รกฺขนฺติฯ โย จ ปพฺพชิโต อเญฺญ เกนจิ กิญฺจนปลิโพธภูเต น รกฺขติ ตาทิสานํเยว อภาวโตฯ ส เว ภิกฺขุ สุขํ เสตีติ, โส ภิกฺขุ สมุจฺฉินฺนกิเลสกามตาย สพฺพโส วตฺถุกาเมสุ อนเปกฺขวา อเปกฺขารหิโต ยตฺถ กตฺถจิ สุขํ เสติฯ ตสฺส อนุสงฺกิตปริสงฺกิตาภาวโต อรญฺญมฺหิ คามมฺหิ สทิสเมวาติ อโตฺถฯ

    Kiñca ? Apaṇḍaro kāḷavaṇṇo, aṇḍasambhavo aṇḍajo kāko, sīvathikāya susānaṭṭhāne, niketacāriko tameva nivāsanaṭṭhānaṃ katvā vicaraṇako uppādayateva me satiṃ, sandehasmiṃ virāganissitanti, kāyasmiṃ virāgūpasaṃhitaṃ kāyagatāsatikammaṭṭhānaṃ mayhaṃ uppādayatiyeva. Ekadivasaṃ kira thero kākena khajjamānaṃ manussakuṇapaṃ passitvā asubhasaññaṃ paṭilabhi, taṃ sandhāya evamāha. Tena kāye sabbaso chandarāgassa natthitāya vaneyeva vasitukāmomhīti dasseti. Yañcāti ca-saddo samuccayattho, tena aññampi mama araññavāsakāraṇaṃ suṇāhīti dasseti. Yaṃ pabbajitaṃ mettāvihāritāya alobhaniyaparikkhāratāya ca rakkhitabbassa abhāvato aññe sevakādayo na rakkhanti. Yo ca pabbajito aññe kenaci kiñcanapalibodhabhūte na rakkhati tādisānaṃyeva abhāvato. Sa ve bhikkhu sukhaṃ setīti, so bhikkhu samucchinnakilesakāmatāya sabbaso vatthukāmesu anapekkhavā apekkhārahito yattha katthaci sukhaṃ seti. Tassa anusaṅkitaparisaṅkitābhāvato araññamhi gāmamhi sadisamevāti attho.

    อิทานิ ปพฺพตวนาทีนํ รมณียตํ วสิตปุพฺพตญฺจ ทเสฺสตุํ ‘‘อโจฺฉทิกา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ วสิตํ เมติ, วุฎฺฐปุพฺพํ มยาฯ วาฬมิคนิเสวิเตติ, สีหพฺยคฺฆาทีหิ วาฬมิเคหิ อุปเสวิเต วเนฯ

    Idāni pabbatavanādīnaṃ ramaṇīyataṃ vasitapubbatañca dassetuṃ ‘‘acchodikā’’tiādi vuttaṃ. Tattha vasitaṃ meti, vuṭṭhapubbaṃ mayā. Vāḷamiganiseviteti, sīhabyagghādīhi vāḷamigehi upasevite vane.

    สงฺกปฺปํ นาภิชานามีติ, อิเม เย เกจิ ปาณิโน สตฺตา อุสุสตฺติอาทีหิ ปหรเณหิ หญฺญนฺตุ มาริยนฺตุ มุฎฺฐิปฺปหาราทีหิ วชฺฌนฺตุ พาธียนฺตุ, อเญฺญน วา เยน เกนจิ อากาเรน ทุกฺขํ ปโปฺปนฺตุ ปาปุณนฺตูติ; เอวํ โทสสํหิตํ ปฎิฆสํยุตฺตํ ตโต เอว อนริยํ พฺยาปาทวิหิํสาทิปฺปเภทํ ปาปสงฺกปฺปํ อุปฺปาทิตํ นาภิชานามิ, มิจฺฉาวิตโกฺก น อุปฺปนฺนปุโพฺพติ เมตฺตาวิหาริตํ ทเสฺสติฯ

    Saṅkappaṃ nābhijānāmīti, ime ye keci pāṇino sattā ususattiādīhi paharaṇehi haññantu māriyantu muṭṭhippahārādīhi vajjhantu bādhīyantu, aññena vā yena kenaci ākārena dukkhaṃ pappontu pāpuṇantūti; evaṃ dosasaṃhitaṃ paṭighasaṃyuttaṃ tato eva anariyaṃ byāpādavihiṃsādippabhedaṃ pāpasaṅkappaṃ uppāditaṃ nābhijānāmi, micchāvitakko na uppannapubboti mettāvihāritaṃ dasseti.

    อิทานิ ‘‘ปริจิโณฺณ’’ติอาทินา อตฺตโน กตกิจฺจตํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ ปริจิโณฺณติ อุปาสิโต โอวาทานุสาสนีกรณวเสนฯ โอหิโตติ โอโรหิโตฯ ครุโก ภาโรติ ครุตโร ขนฺธภาโรฯ

    Idāni ‘‘pariciṇṇo’’tiādinā attano katakiccataṃ dasseti. Tattha pariciṇṇoti upāsito ovādānusāsanīkaraṇavasena. Ohitoti orohito. Garuko bhāroti garutaro khandhabhāro.

    นาภินนฺทามิ มรณนฺติ ‘‘กถํ นุ โข เม มรณํ สิยา’’ติ มรณํ น อิจฺฉามิฯ นาภินนฺทามิ ชีวิตนฺติ ‘‘กถํ นุ โข อหํ จิรํ ชีเวยฺย’’นฺติ ชีวิตมฺปิ น อิจฺฉามิฯ เอเตน มรเณ ชีวิเต จ สมานจิตฺตตํ ทเสฺสติฯ กาลญฺจ ปฎิกงฺขามีติ ปรินิพฺพานกาลํว อาคเมมิฯ นิพฺพิสนฺติ นิพฺพิสโนฺต, ภติยา กมฺมํ กโรโนฺตฯ ภตโก ยถาติ ยถา ภตโก ปรสฺส กมฺมํ กโรโนฺต กมฺมสิทฺธิํ อนภินนฺทโนฺตปิ กมฺมํ กโรโนฺตว ทิวสกฺขยํ อุทิกฺขติ, เอวํ อหมฺปิ ชีวิตํ อนภินนฺทโนฺตปิ อตฺตภาวสฺส ยาปเนน มรณํ อนภินนฺทโนฺตปิ ปริโยสานกาลํ ปฎิกงฺขามีติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Nābhinandāmimaraṇanti ‘‘kathaṃ nu kho me maraṇaṃ siyā’’ti maraṇaṃ na icchāmi. Nābhinandāmi jīvitanti ‘‘kathaṃ nu kho ahaṃ ciraṃ jīveyya’’nti jīvitampi na icchāmi. Etena maraṇe jīvite ca samānacittataṃ dasseti. Kālañca paṭikaṅkhāmīti parinibbānakālaṃva āgamemi. Nibbisanti nibbisanto, bhatiyā kammaṃ karonto. Bhatako yathāti yathā bhatako parassa kammaṃ karonto kammasiddhiṃ anabhinandantopi kammaṃ karontova divasakkhayaṃ udikkhati, evaṃ ahampi jīvitaṃ anabhinandantopi attabhāvassa yāpanena maraṇaṃ anabhinandantopi pariyosānakālaṃ paṭikaṅkhāmīti. Sesaṃ vuttanayameva.

    สํกิจฺจเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saṃkiccattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    เอกาทสนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ekādasanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑. สํกิจฺจเตฺถรคาถา • 1. Saṃkiccattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact