Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๙. สมฺมาทิฎฺฐิสุตฺตวณฺณนา
9. Sammādiṭṭhisuttavaṇṇanā
๘๙. เอวํ เม สุตนฺติ สมฺมาทิฎฺฐิสุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิ สมฺมาทิฎฺฐีติ, อาวุโส, วุจฺจติ, กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส’’ติ วา ‘‘กตมํ ปนาวุโส , อกุสล’’นฺติ วา เอวํ ยตฺตกา เถเรน ปุจฺฉา วุตฺตา, สพฺพา กเถตุกมฺยตา ปุจฺฉา เอวฯ
89.Evaṃme sutanti sammādiṭṭhisuttaṃ. Tattha ‘‘sammādiṭṭhi sammādiṭṭhīti, āvuso, vuccati, kittāvatā nu kho, āvuso’’ti vā ‘‘katamaṃ panāvuso , akusala’’nti vā evaṃ yattakā therena pucchā vuttā, sabbā kathetukamyatā pucchā eva.
ตตฺถ ยสฺมา ชานนฺตาปิ สมฺมาทิฎฺฐีติ วทนฺติ อชานนฺตาปิ พาหิรกาปิ สาสนิกาปิ อนุสฺสวาทิวเสนาปิ อตฺตปจฺจเกฺขนาปิ, ตสฺมา ตํ พหูนํ วจนํ อุปาทาย ทฺวิกฺขตฺตุํ อามสโนฺต ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิ สมฺมาทิฎฺฐีติ, อาวุโส, วุจฺจตี’’ติ อาหฯ อยญฺหิ เอตฺถ อธิปฺปาโย, อปเรหิปิ สมฺมาทิฎฺฐีติ วุจฺจติ, อถาปเรหิปิ สมฺมาทิฎฺฐีติ วุจฺจติ, สฺวายํ เอวํ วุจฺจมาโน อตฺถญฺจ ลกฺขณญฺจ อุปาทาย กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฎฺฐิ โหตีติฯ ตตฺถ สมฺมาทิฎฺฐีติ โสภนาย ปสตฺถาย จ ทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโตฯ ยทา ปน ธเมฺมเยว อยํ สมฺมาทิฎฺฐิสโทฺท วตฺตติ, ตทาสฺส โสภนา ปสตฺถา จ ทิฎฺฐิ สมฺมาทิฎฺฐีติ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Tattha yasmā jānantāpi sammādiṭṭhīti vadanti ajānantāpi bāhirakāpi sāsanikāpi anussavādivasenāpi attapaccakkhenāpi, tasmā taṃ bahūnaṃ vacanaṃ upādāya dvikkhattuṃ āmasanto ‘‘sammādiṭṭhi sammādiṭṭhīti, āvuso, vuccatī’’ti āha. Ayañhi ettha adhippāyo, aparehipi sammādiṭṭhīti vuccati, athāparehipi sammādiṭṭhīti vuccati, svāyaṃ evaṃ vuccamāno atthañca lakkhaṇañca upādāya kittāvatā nu kho, āvuso, ariyasāvako sammādiṭṭhi hotīti. Tattha sammādiṭṭhīti sobhanāya pasatthāya ca diṭṭhiyā samannāgato. Yadā pana dhammeyeva ayaṃ sammādiṭṭhisaddo vattati, tadāssa sobhanā pasatthā ca diṭṭhi sammādiṭṭhīti evamattho veditabbo.
สา จายํ สมฺมาทิฎฺฐิ ทุวิธา โหติ โลกิยา โลกุตฺตราติฯ ตตฺถ กมฺมสฺสกตาญาณํ สจฺจานุโลมิกญาณญฺจ โลกิยา สมฺมาทิฎฺฐิ, สเงฺขปโต วา สพฺพาปิ สาสวา ปญฺญาฯ อริยมคฺคผลสมฺปยุตฺตา ปญฺญา โลกุตฺตรา สมฺมาทิฎฺฐิฯ ปุคฺคโล ปน ติวิโธ โหติ ปุถุชฺชโน เสโกฺข อเสโกฺข จฯ ตตฺถ ปุถุชฺชโน ทุวิโธ โหติ พาหิรโก สาสนิโก จฯ ตตฺถ พาหิรโก กมฺมวาที กมฺมสฺสกตาทิฎฺฐิยา สมฺมาทิฎฺฐิ โหติ, โน สจฺจานุโลมิกาย อตฺตทิฎฺฐิปรามาสกตฺตาฯ สาสนิโก ทฺวีหิปิฯ เสโกฺข นิยตาย สมฺมาทิฎฺฐิยา สมฺมาทิฎฺฐิฯ อเสโกฺข อเสกฺขายฯ อิธ ปน นิยตาย นิยฺยานิกาย โลกุตฺตรกุสลสมฺมาทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต ‘‘สมฺมาทิฎฺฐี’’ติ อธิเปฺปโตฯ เตเนวาห ‘‘อุชุคตาสฺส ทิฎฺฐิ ธเมฺม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ, โลกุตฺตรกุสลสมฺมาทิฎฺฐิเยว หิ อนฺตทฺวยมนุปคมฺม อุชุภาเวน คตตฺตา , กายวงฺกาทีนิ จ สพฺพวงฺกานิ สมุจฺฉินฺทิตฺวา คตตฺตา อุชุคตา โหติ, ตาเยว จ ทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต นวปฺปกาเรปิ โลกุตฺตรธเมฺม อเวจฺจปฺปสาเทน อจลปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ, สพฺพทิฎฺฐิคหนานิ จ วินิเพฺพเฐโนฺต สพฺพกิเลเส ปชหโนฺต ชาติสํสารา นิกฺขมโนฺต ปฎิปตฺติํ ปรินิฎฺฐเปโนฺต อริเยน มเคฺคน อาคโต อิมํ สมฺพุทฺธปฺปเวทิตํ อมโตคธํ นิพฺพานสงฺขาตํ สทฺธมฺมนฺติ วุจฺจติฯ
Sā cāyaṃ sammādiṭṭhi duvidhā hoti lokiyā lokuttarāti. Tattha kammassakatāñāṇaṃ saccānulomikañāṇañca lokiyā sammādiṭṭhi, saṅkhepato vā sabbāpi sāsavā paññā. Ariyamaggaphalasampayuttā paññā lokuttarā sammādiṭṭhi. Puggalo pana tividho hoti puthujjano sekkho asekkho ca. Tattha puthujjano duvidho hoti bāhirako sāsaniko ca. Tattha bāhirako kammavādī kammassakatādiṭṭhiyā sammādiṭṭhi hoti, no saccānulomikāya attadiṭṭhiparāmāsakattā. Sāsaniko dvīhipi. Sekkho niyatāya sammādiṭṭhiyā sammādiṭṭhi. Asekkho asekkhāya. Idha pana niyatāya niyyānikāya lokuttarakusalasammādiṭṭhiyā samannāgato ‘‘sammādiṭṭhī’’ti adhippeto. Tenevāha ‘‘ujugatāssa diṭṭhi dhamme aveccappasādena samannāgato āgato imaṃ saddhamma’’nti, lokuttarakusalasammādiṭṭhiyeva hi antadvayamanupagamma ujubhāvena gatattā , kāyavaṅkādīni ca sabbavaṅkāni samucchinditvā gatattā ujugatā hoti, tāyeva ca diṭṭhiyā samannāgato navappakārepi lokuttaradhamme aveccappasādena acalappasādena samannāgato hoti, sabbadiṭṭhigahanāni ca vinibbeṭhento sabbakilese pajahanto jātisaṃsārā nikkhamanto paṭipattiṃ pariniṭṭhapento ariyena maggena āgato imaṃ sambuddhappaveditaṃ amatogadhaṃ nibbānasaṅkhātaṃ saddhammanti vuccati.
ยโต โขติ กาลปริเจฺฉทวจนเมตํ, ยสฺมิํ กาเลติ วุตฺตํ โหติฯ อกุสลญฺจ ปชานาตีติ ทสากุสลกมฺมปถสงฺขาตํ อกุสลญฺจ ปชานาติ, นิโรธารมฺมณาย ปชานนาย กิจฺจวเสน ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ ปฎิวิชฺฌโนฺต อกุสลํ ปชานาติฯ อกุสลมูลญฺจ ปชานาตีติ ตสฺส มูลปจฺจยภูตํ อกุสลมูลญฺจ ปชานาติ, เตเนว ปกาเรน ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ ปฎิวิชฺฌโนฺตฯ เอส นโย กุสลญฺจ กุสลมูลญฺจาติ เอตฺถาปิฯ ยถา เจตฺถ, เอวํ อิโต ปเรสุ สพฺพวาเรสุ กิจฺจวเสเนว วตฺถุปชานนา เวทิตพฺพาฯ เอตฺตาวตาปีติ เอตฺตเกน อิมินา อกุสลาทิปฺปชานเนนาปิฯ สมฺมาทิฎฺฐิ โหตีติ วุตฺตปฺปการาย โลกุตฺตรสมฺมาทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต โหติฯ อุชุคตาสฺส…เป.… อิมํ สทฺธมฺมนฺติ เอตฺตาวตา สํขิตฺตเทสนา นิฎฺฐิตา โหติฯ เทสนาเยว เจสา สํขิตฺตา, เตสํ ปน ภิกฺขูนํ วิตฺถารวเสเนว สมฺมามนสิการปฺปฎิเวโธ เวทิตโพฺพฯ
Yato khoti kālaparicchedavacanametaṃ, yasmiṃ kāleti vuttaṃ hoti. Akusalañca pajānātīti dasākusalakammapathasaṅkhātaṃ akusalañca pajānāti, nirodhārammaṇāya pajānanāya kiccavasena ‘‘idaṃ dukkha’’nti paṭivijjhanto akusalaṃ pajānāti. Akusalamūlañca pajānātīti tassa mūlapaccayabhūtaṃ akusalamūlañca pajānāti, teneva pakārena ‘‘ayaṃ dukkhasamudayo’’ti paṭivijjhanto. Esa nayo kusalañca kusalamūlañcāti etthāpi. Yathā cettha, evaṃ ito paresu sabbavāresu kiccavaseneva vatthupajānanā veditabbā. Ettāvatāpīti ettakena iminā akusalādippajānanenāpi. Sammādiṭṭhi hotīti vuttappakārāya lokuttarasammādiṭṭhiyā samannāgato hoti. Ujugatāssa…pe… imaṃ saddhammanti ettāvatā saṃkhittadesanā niṭṭhitā hoti. Desanāyeva cesā saṃkhittā, tesaṃ pana bhikkhūnaṃ vitthāravaseneva sammāmanasikārappaṭivedho veditabbo.
ทุติยวาเร ปน เทสนาปิ วิตฺถาเรน มนสิการปฺปฎิเวโธปิ วิตฺถาเรเนว วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ ‘‘สํขิตฺตเทสนาย เทฺว เหฎฺฐิมมคฺคา, วิตฺถารเทสนาย เทฺว อุปริมมคฺคา กถิตา’’ติ ภิกฺขู อาหํสุ วิตฺถารเทสนาวสาเน ‘‘สพฺพโส ราคานุสยํ ปหายา’’ติอาทิวจนํ สมฺปสฺสมานาฯ เถโร ปนาห ‘‘สํขิตฺตเทสนายปิ จตฺตาโร มคฺคา ราสิโต กถิตา, วิตฺถารเทสนายปี’’ติฯ ยา จายํ อิธ สํขิตฺตวิตฺถารเทสนาสุ วิจารณา อาวิกตา, สา สพฺพวาเรสุ อิธ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ อปุพฺพานุตฺตานปทวณฺณนามตฺตเมว หิ อิโต ปรํ กริสฺสามฯ
Dutiyavāre pana desanāpi vitthārena manasikārappaṭivedhopi vitthāreneva vuttoti veditabbo. Tattha ‘‘saṃkhittadesanāya dve heṭṭhimamaggā, vitthāradesanāya dve uparimamaggā kathitā’’ti bhikkhū āhaṃsu vitthāradesanāvasāne ‘‘sabbaso rāgānusayaṃ pahāyā’’tiādivacanaṃ sampassamānā. Thero panāha ‘‘saṃkhittadesanāyapi cattāro maggā rāsito kathitā, vitthāradesanāyapī’’ti. Yā cāyaṃ idha saṃkhittavitthāradesanāsu vicāraṇā āvikatā, sā sabbavāresu idha vuttanayeneva veditabbā. Apubbānuttānapadavaṇṇanāmattameva hi ito paraṃ karissāma.
อกุสลกมฺมปถวณฺณนา
Akusalakammapathavaṇṇanā
ตตฺถ ปฐมวารสฺส ตาว วิตฺถารเทสนาย ‘‘ปาณาติปาโต โข, อาวุโส, อกุสล’’นฺติอาทีสุ อโกสลฺลปฺปวตฺติยา อกุสลํ เวทิตพฺพํ, ปรโต วตฺตพฺพกุสลปฺปฎิปกฺขโต วาฯ ตํ ลกฺขณโต สาวชฺชทุกฺขวิปากํ สํกิลิฎฺฐํ วาฯ อยํ ตาเวตฺถ สาธารณปทวณฺณนาฯ
Tattha paṭhamavārassa tāva vitthāradesanāya ‘‘pāṇātipāto kho, āvuso, akusala’’ntiādīsu akosallappavattiyā akusalaṃ veditabbaṃ, parato vattabbakusalappaṭipakkhato vā. Taṃ lakkhaṇato sāvajjadukkhavipākaṃ saṃkiliṭṭhaṃ vā. Ayaṃ tāvettha sādhāraṇapadavaṇṇanā.
อสาธารเณสุ ปน ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโต, ปาณวโธ ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติฯ ปาโณติ เจตฺถ โวหารโต สโตฺต, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํฯ ตสฺมิํ ปน ปาเณ ปาณสญฺญิโน ชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทกอุปกฺกมสมุฎฺฐาปิกา กายวจีทฺวารานํ อญฺญตรทฺวารปฺปวตฺตา วธกเจตนา ปาณาติปาโตฯ โส คุณวิรหิเตสุ ติรจฺฉานคตาทีสุ ปาเณสุ ขุทฺทเก ปาเณ อปฺปสาวโชฺช, มหาสรีเร มหาสาวโชฺชฯ กสฺมา? ปโยคมหนฺตตายฯ ปโยคสมเตฺตปิ วตฺถุมหนฺตตายฯ คุณวเนฺตสุ มนุสฺสาทีสุ อปฺปคุเณ ปาเณ อปฺปสาวโชฺช, มหาคุเณ มหาสาวโชฺชฯ สรีรคุณานํ ปน สมภาเว สติ กิเลสานํ อุปกฺกมานญฺจ มุทุตาย อปฺปสาวโชฺช, ติพฺพตาย มหาสาวโชฺชติ เวทิตโพฺพฯ ตสฺส ปญฺจ สมฺภารา โหนฺติ ปาโณ, ปาณสญฺญิตา, วธกจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน มรณนฺติฯ ฉ ปโยคา สาหตฺถิโก, อาณตฺติโก, นิสฺสคฺคิโย, ถาวโร, วิชฺชามโย, อิทฺธิมโยติฯ อิมสฺมิํ ปเนตฺถ วิตฺถารียมาเน อติปปโญฺจ โหติ, ตสฺมา นํ น วิตฺถารยาม, อญฺญญฺจ เอวรูปํฯ อตฺถิเกหิ ปน สมนฺตปาสาทิกํ วินยฎฺฐกถํ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๑๗๒) โอโลเกตฺวา คเหตโพฺพฯ
Asādhāraṇesu pana pāṇassa atipāto pāṇātipāto, pāṇavadho pāṇaghātoti vuttaṃ hoti. Pāṇoti cettha vohārato satto, paramatthato jīvitindriyaṃ. Tasmiṃ pana pāṇe pāṇasaññino jīvitindriyupacchedakaupakkamasamuṭṭhāpikā kāyavacīdvārānaṃ aññataradvārappavattā vadhakacetanā pāṇātipāto. So guṇavirahitesu tiracchānagatādīsu pāṇesu khuddake pāṇe appasāvajjo, mahāsarīre mahāsāvajjo. Kasmā? Payogamahantatāya. Payogasamattepi vatthumahantatāya. Guṇavantesu manussādīsu appaguṇe pāṇe appasāvajjo, mahāguṇe mahāsāvajjo. Sarīraguṇānaṃ pana samabhāve sati kilesānaṃ upakkamānañca mudutāya appasāvajjo, tibbatāya mahāsāvajjoti veditabbo. Tassa pañca sambhārā honti pāṇo, pāṇasaññitā, vadhakacittaṃ, upakkamo, tena maraṇanti. Cha payogā sāhatthiko, āṇattiko, nissaggiyo, thāvaro, vijjāmayo, iddhimayoti. Imasmiṃ panettha vitthārīyamāne atipapañco hoti, tasmā naṃ na vitthārayāma, aññañca evarūpaṃ. Atthikehi pana samantapāsādikaṃ vinayaṭṭhakathaṃ (pārā. aṭṭha. 2.172) oloketvā gahetabbo.
อทินฺนสฺส อาทานํ อทินฺนาทานํ, ปรสฺส หรณํ เถยฺยํ, โจริกาติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ อทินฺนนฺติ ปรปริคฺคหิตํ, ยตฺถ ปโร ยถากามการิตํ อาปชฺชโนฺต อทณฺฑารโห อนุปวโชฺช จ โหติฯ ตสฺมิํ ปน ปรปริคฺคหิเต ปรปริคฺคหิตสญฺญิโน ตทาทายกอุปกฺกมสมุฎฺฐาปิกา เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํฯ ตํ หีเน ปรสนฺตเก อปฺปสาวชฺชํ , ปณีเต มหาสาวชฺชํฯ กสฺมา? วตฺถุปณีตตายฯ วตฺถุสมเตฺต สติ คุณาธิกานํ สนฺตเก วตฺถุสฺมิํ มหาสาวชฺชํฯ ตํ ตํ คุณาธิกํ อุปาทาย ตโต ตโต หีนคุณสฺส สนฺตเก วตฺถุสฺมิํ อปฺปสาวชฺชํฯ ตสฺส ปญฺจ สมฺภารา โหนฺติ ปรปริคฺคหิตํ, ปรปริคฺคหิตสญฺญิตา, เถยฺยจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน หรณนฺติฯ ฉ ปโยคา สาหตฺถิกาทโยวฯ เต จ โข ยถานุรูปํ เถยฺยาวหาโร, ปสยฺหาวหาโร, ปฎิจฺฉนฺนาวหาโร, ปริกปฺปาวหาโร, กุสาวหาโรติ อิเมสํ อวหารานํ วเสน ปวตฺตาติ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๙๒) วุโตฺตฯ
Adinnassa ādānaṃ adinnādānaṃ, parassa haraṇaṃ theyyaṃ, corikāti vuttaṃ hoti. Tattha adinnanti parapariggahitaṃ, yattha paro yathākāmakāritaṃ āpajjanto adaṇḍāraho anupavajjo ca hoti. Tasmiṃ pana parapariggahite parapariggahitasaññino tadādāyakaupakkamasamuṭṭhāpikā theyyacetanā adinnādānaṃ. Taṃ hīne parasantake appasāvajjaṃ , paṇīte mahāsāvajjaṃ. Kasmā? Vatthupaṇītatāya. Vatthusamatte sati guṇādhikānaṃ santake vatthusmiṃ mahāsāvajjaṃ. Taṃ taṃ guṇādhikaṃ upādāya tato tato hīnaguṇassa santake vatthusmiṃ appasāvajjaṃ. Tassa pañca sambhārā honti parapariggahitaṃ, parapariggahitasaññitā, theyyacittaṃ, upakkamo, tena haraṇanti. Cha payogā sāhatthikādayova. Te ca kho yathānurūpaṃ theyyāvahāro, pasayhāvahāro, paṭicchannāvahāro, parikappāvahāro, kusāvahāroti imesaṃ avahārānaṃ vasena pavattāti ayamettha saṅkhepo. Vitthāro pana samantapāsādikāyaṃ (pārā. aṭṭha. 1.92) vutto.
กาเมสุมิจฺฉาจาโรติ เอตฺถ ปน กาเมสูติ เมถุนสมาจาเรสุฯ มิจฺฉาจาโรติ เอกนฺตนินฺทิโต ลามกาจาโรฯ ลกฺขณโต ปน อสทฺธมฺมาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา อคมนียฎฺฐานวีติกฺกมเจตนา กาเมสุมิจฺฉาจาโรฯ
Kāmesumicchācāroti ettha pana kāmesūti methunasamācāresu. Micchācāroti ekantanindito lāmakācāro. Lakkhaṇato pana asaddhammādhippāyena kāyadvārappavattā agamanīyaṭṭhānavītikkamacetanā kāmesumicchācāro.
ตตฺถ อคมนียฎฺฐานํ นาม ปุริสานํ ตาว มาตุรกฺขิตา, ปิตุรกฺขิตา, มาตาปิตุรกฺขิตา, ภาตุรกฺขิตา, ภคินิรกฺขิตา, ญาติรกฺขิตา, โคตฺตรกฺขิตา, ธมฺมรกฺขิตา, สารกฺขา, สปริทณฺฑาติ มาตุรกฺขิตาทโย ทส ; ธนกฺกีตา, ฉนฺทวาสินี, โภควาสินี, ปฎวาสินี, โอทปตฺตกินี, โอภฎจุมฺพฎา, ทาสี จ ภริยา จ, กมฺมการี จ ภริยา จ, ธชาหตา, มุหุตฺติกาติ เอตา จ ธนกฺกีตาทโย ทสาติ วีสติ อิตฺถิโยฯ อิตฺถีสุ ปน ทฺวินฺนํ สารกฺขาสปริทณฺฑานํ, ทสนฺนญฺจ ธนกฺกีตาทีนนฺติ ทฺวาทสนฺนํ อิตฺถีนํ อเญฺญ ปุริสา, อิทํ อคมนียฎฺฐานํ นามฯ โส ปเนส มิจฺฉาจาโร สีลาทิคุณรหิเต อคมนียฎฺฐาเน อปฺปสาวโชฺช, สีลาทิคุณสมฺปเนฺน มหาสาวโชฺชฯ ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา อคมนียวตฺถุ, ตสฺมิํ เสวนจิตฺตํ, เสวนปโยโค, มเคฺคนมคฺคปฺปฎิปตฺติอธิวาสนนฺติฯ เอโก ปโยโค สาหตฺถิโก เอวฯ
Tattha agamanīyaṭṭhānaṃ nāma purisānaṃ tāva māturakkhitā, piturakkhitā, mātāpiturakkhitā, bhāturakkhitā, bhaginirakkhitā, ñātirakkhitā, gottarakkhitā, dhammarakkhitā, sārakkhā, saparidaṇḍāti māturakkhitādayo dasa ; dhanakkītā, chandavāsinī, bhogavāsinī, paṭavāsinī, odapattakinī, obhaṭacumbaṭā, dāsī ca bhariyā ca, kammakārī ca bhariyā ca, dhajāhatā, muhuttikāti etā ca dhanakkītādayo dasāti vīsati itthiyo. Itthīsu pana dvinnaṃ sārakkhāsaparidaṇḍānaṃ, dasannañca dhanakkītādīnanti dvādasannaṃ itthīnaṃ aññe purisā, idaṃ agamanīyaṭṭhānaṃ nāma. So panesa micchācāro sīlādiguṇarahite agamanīyaṭṭhāne appasāvajjo, sīlādiguṇasampanne mahāsāvajjo. Tassa cattāro sambhārā agamanīyavatthu, tasmiṃ sevanacittaṃ, sevanapayogo, maggenamaggappaṭipattiadhivāsananti. Eko payogo sāhatthiko eva.
มุสาติ วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺส อตฺถภญฺชโก วจีปโยโค กายปโยโค วาฯ วิสํวาทนาธิปฺปาเยน ปนสฺส ปรวิสํวาทนกกายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา เจตนา มุสาวาโทฯ อปโร นโย มุสาติ อภูตํ อตจฺฉํ วตฺถุฯ วาโทติ ตสฺส ภูตโต ตจฺฉโต วิญฺญาปนํฯ ลกฺขณโต ปน อตถํ วตฺถุํ ตถโต ปรํ วิญฺญาเปตุกามสฺส ตถาวิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปิกา เจตนา มุสาวาโทฯ โส ยมตฺถํ ภญฺชติ, ตสฺส อปฺปตาย อปฺปสาวโชฺช, มหนฺตตาย มหาสาวโชฺชฯ อปิจ คหฎฺฐานํ อตฺตโน สนฺตกํ อทาตุกามตาย นตฺถีติอาทินยปฺปวโตฺต อปฺปสาวโชฺช, สกฺขินา หุตฺวา อตฺถภญฺชนตฺถํ วุโตฺต มหาสาวโชฺชฯ ปพฺพชิตานํ อปฺปกมฺปิ เตลํ วา สปฺปิํ วา ลภิตฺวา หสาธิปฺปาเยน ‘‘อชฺช คาเม เตลํ นทีมเญฺญ สนฺทตี’’ติ ปุราณกถานเยน ปวโตฺต อปฺปสาวโชฺช, อทิฎฺฐํเยว ปน ทิฎฺฐนฺติอาทินา นเยน วทนฺตานํ มหาสาวโชฺชฯ ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา โหนฺติ อตถํ วตฺถุ, วิสํวาทนจิตฺตํ, ตโชฺช วายาโม, ปรสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติฯ เอโก ปโยโค สาหตฺถิโกวฯ โส กาเยน วา กายปฺปฎิพเทฺธน วา วาจาย วา วิสํวาทกกิริยากรเณ ทฎฺฐโพฺพฯ ตาย เจ กิริยาย ปโร ตมตฺถํ ชานาติ, อยํ กิริยาสมุฎฺฐาปิกเจตนากฺขเณเยว มุสาวาทกมฺมุนา พชฺฌติฯ
Musāti visaṃvādanapurekkhārassa atthabhañjako vacīpayogo kāyapayogo vā. Visaṃvādanādhippāyena panassa paravisaṃvādanakakāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā cetanā musāvādo. Aparo nayo musāti abhūtaṃ atacchaṃ vatthu. Vādoti tassa bhūtato tacchato viññāpanaṃ. Lakkhaṇato pana atathaṃ vatthuṃ tathato paraṃ viññāpetukāmassa tathāviññattisamuṭṭhāpikā cetanā musāvādo. So yamatthaṃ bhañjati, tassa appatāya appasāvajjo, mahantatāya mahāsāvajjo. Apica gahaṭṭhānaṃ attano santakaṃ adātukāmatāya natthītiādinayappavatto appasāvajjo, sakkhinā hutvā atthabhañjanatthaṃ vutto mahāsāvajjo. Pabbajitānaṃ appakampi telaṃ vā sappiṃ vā labhitvā hasādhippāyena ‘‘ajja gāme telaṃ nadīmaññe sandatī’’ti purāṇakathānayena pavatto appasāvajjo, adiṭṭhaṃyeva pana diṭṭhantiādinā nayena vadantānaṃ mahāsāvajjo. Tassa cattāro sambhārā honti atathaṃ vatthu, visaṃvādanacittaṃ, tajjo vāyāmo, parassa tadatthavijānananti. Eko payogo sāhatthikova. So kāyena vā kāyappaṭibaddhena vā vācāya vā visaṃvādakakiriyākaraṇe daṭṭhabbo. Tāya ce kiriyāya paro tamatthaṃ jānāti, ayaṃ kiriyāsamuṭṭhāpikacetanākkhaṇeyeva musāvādakammunā bajjhati.
ปิสุณา วาจาติอาทีสุ ยาย วาจาย ยสฺส ตํ วาจํ ภาสติ, ตสฺส หทเย อตฺตโน ปิยภาวํ ปรสฺส จ สุญฺญภาวํ กโรติ, สา ปิสุณา วาจาฯ ยาย ปน อตฺตานมฺปิ ปรมฺปิ ผรุสมฺปิ กโรติ, สา วาจา สยมฺปิ ผรุสา เนว กณฺณสุขา น หทยสุขา วา, อยํ ผรุสา วาจาฯ เยน สมฺผํ ปลปติ นิรตฺถกํ, โส สมฺผปฺปลาโปฯ เตสํ มูลภูตา เจตนาปิ ปิสุณาวาจาทินามเมว ลภติ, สา เอว จ อิธ อธิเปฺปตาติฯ ตตฺถ สํกิลิฎฺฐจิตฺตสฺส ปเรสํ วา เภทาย อตฺตโน ปิยกมฺยตาย วา กายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา เจตนา ปิสุณา วาจาฯ สา ยสฺส เภทํ กโรติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชาฯ ตสฺสา จตฺตาโร สมฺภารา ภินฺทิตโพฺพ ปโร, ‘‘อิติ อิเม นานา ภวิสฺสนฺติ วินา ภวิสฺสนฺตี’’ติ เภทปุเรกฺขารตา วา, ‘‘อหํ ปิโย ภวิสฺสามิ วิสฺสาสิโก’’ติ ปิยกมฺยตา วา, ตโชฺช วายาโม, ตสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติฯ
Pisuṇā vācātiādīsu yāya vācāya yassa taṃ vācaṃ bhāsati, tassa hadaye attano piyabhāvaṃ parassa ca suññabhāvaṃ karoti, sā pisuṇā vācā. Yāya pana attānampi parampi pharusampi karoti, sā vācā sayampi pharusā neva kaṇṇasukhā na hadayasukhā vā, ayaṃ pharusā vācā. Yena samphaṃ palapati niratthakaṃ, so samphappalāpo. Tesaṃ mūlabhūtā cetanāpi pisuṇāvācādināmameva labhati, sā eva ca idha adhippetāti. Tattha saṃkiliṭṭhacittassa paresaṃ vā bhedāya attano piyakamyatāya vā kāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā cetanā pisuṇā vācā. Sā yassa bhedaṃ karoti, tassa appaguṇatāya appasāvajjā, mahāguṇatāya mahāsāvajjā. Tassā cattāro sambhārā bhinditabbo paro, ‘‘iti ime nānā bhavissanti vinā bhavissantī’’ti bhedapurekkhāratā vā, ‘‘ahaṃ piyo bhavissāmi vissāsiko’’ti piyakamyatā vā, tajjo vāyāmo, tassa tadatthavijānananti.
ปรสฺส มมฺมเจฺฉทกกายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา เอกนฺตผรุสา เจตนา ผรุสา วาจาฯ ตสฺส อาวิภาวตฺถมิทํ วตฺถุ – เอโก กิร ทารโก มาตุวจนํ อนาทิยิตฺวา อรญฺญํ คจฺฉติ, ตํ มาตา นิวเตฺตตุํ อสโกฺกนฺตี ‘‘จณฺฑา ตํ มหิํสี อนุพนฺธตู’’ติ อโกฺกสิฯ อถสฺส ตเตฺถว อรเญฺญ มหิํสี อุฎฺฐาสิฯ ทารโก ‘‘ยํ มม มาตา มุเขน กเถสิ ตํ มา โหตุ, ยํ จิเตฺตน จิเนฺตสิ ตํ โหตู’’ติ สจฺจกิริยมกาสิฯ มหิํสี ตเตฺถว พทฺธา วิย อฎฺฐาสิฯ เอวํ มมฺมเจฺฉทโกปิ ปโยโค จิตฺตสณฺหตาย ผรุสา วาจา น โหติฯ มาตาปิตโร หิ กทาจิ ปุตฺตเก เอวมฺปิ วทนฺติ ‘‘โจรา โว ขณฺฑาขณฺฑิกํ กโรนฺตู’’ติ, อุปฺปลปตฺตมฺปิ จ เนสํ อุปริ ปตนฺตํ น อิจฺฉนฺติฯ อาจริยุปชฺฌายา จ กทาจิ นิสฺสิตเก เอวํ วทนฺติ ‘‘กิํ อิเม อหิริกา อโนตฺตปฺปิโน จรนฺติ นิทฺธมถ เน’’ติฯ อถ โข เนสํ อาคมาธิคมสมฺปตฺติํ อิจฺฉนฺติฯ ยถา จ จิตฺตสณฺหตาย ผรุสา วาจา น โหติ, เอวํ วจนสณฺหตาย อผรุสา วาจาปิ น โหติฯ น หิ มาราเปตุกามสฺส ‘‘อิมํ สุขํ สยาเปถา’’ติ วจนํ อผรุสา วาจา โหติฯ จิตฺตผรุสตาย ปเนสา ผรุสา วาจาวฯ สา ยํ สนฺธาย ปวตฺติตา, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชาฯ ตสฺสา ตโย สมฺภารา อโกฺกสิตโพฺพ ปโร, กุปิตจิตฺตํ, อโกฺกสนาติฯ
Parassa mammacchedakakāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā ekantapharusā cetanā pharusā vācā. Tassa āvibhāvatthamidaṃ vatthu – eko kira dārako mātuvacanaṃ anādiyitvā araññaṃ gacchati, taṃ mātā nivattetuṃ asakkontī ‘‘caṇḍā taṃ mahiṃsī anubandhatū’’ti akkosi. Athassa tattheva araññe mahiṃsī uṭṭhāsi. Dārako ‘‘yaṃ mama mātā mukhena kathesi taṃ mā hotu, yaṃ cittena cintesi taṃ hotū’’ti saccakiriyamakāsi. Mahiṃsī tattheva baddhā viya aṭṭhāsi. Evaṃ mammacchedakopi payogo cittasaṇhatāya pharusā vācā na hoti. Mātāpitaro hi kadāci puttake evampi vadanti ‘‘corā vo khaṇḍākhaṇḍikaṃ karontū’’ti, uppalapattampi ca nesaṃ upari patantaṃ na icchanti. Ācariyupajjhāyā ca kadāci nissitake evaṃ vadanti ‘‘kiṃ ime ahirikā anottappino caranti niddhamatha ne’’ti. Atha kho nesaṃ āgamādhigamasampattiṃ icchanti. Yathā ca cittasaṇhatāya pharusā vācā na hoti, evaṃ vacanasaṇhatāya apharusā vācāpi na hoti. Na hi mārāpetukāmassa ‘‘imaṃ sukhaṃ sayāpethā’’ti vacanaṃ apharusā vācā hoti. Cittapharusatāya panesā pharusā vācāva. Sā yaṃ sandhāya pavattitā, tassa appaguṇatāya appasāvajjā, mahāguṇatāya mahāsāvajjā. Tassā tayo sambhārā akkositabbo paro, kupitacittaṃ, akkosanāti.
อนตฺถวิญฺญาปกกายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา อกุสลเจตนา สมฺผปฺปลาโปฯ โส อาเสวนมนฺทตาย อปฺปสาวโชฺช, อาเสวนมหนฺตตาย มหาสาวโชฺชฯ ตสฺส เทฺว สมฺภารา ภารตยุทฺธสีตาหรณาทินิรตฺถกกถาปุเรกฺขารตา, ตถารูปีกถากถนนฺติฯ
Anatthaviññāpakakāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā akusalacetanā samphappalāpo. So āsevanamandatāya appasāvajjo, āsevanamahantatāya mahāsāvajjo. Tassa dve sambhārā bhāratayuddhasītāharaṇādiniratthakakathāpurekkhāratā, tathārūpīkathākathananti.
อภิชฺฌายตีติ อภิชฺฌา, ปรภณฺฑาภิมุขี หุตฺวา ตนฺนินฺนตาย ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ สา ‘‘อโห วต อิทํ มมสฺสา’’ติ เอวํ ปรภณฺฑาภิชฺฌายนลกฺขณาฯ อทินฺนาทานํ วิย อปฺปสาวชฺชา จ มหาสาวชฺชา จฯ ตสฺสา เทฺว สมฺภารา ปรภณฺฑํ, อตฺตโน ปริณามนญฺจฯ ปรภณฺฑวตฺถุเก หิ โลเภ อุปฺปเนฺนปิ น ตาว กมฺมปถเภโท โหติ, ยาว ‘‘อโห วตีทํ มมสฺสา’’ติ อตฺตโน น ปริณาเมติฯ
Abhijjhāyatīti abhijjhā, parabhaṇḍābhimukhī hutvā tanninnatāya pavattatīti attho. Sā ‘‘aho vata idaṃ mamassā’’ti evaṃ parabhaṇḍābhijjhāyanalakkhaṇā. Adinnādānaṃ viya appasāvajjā ca mahāsāvajjā ca. Tassā dve sambhārā parabhaṇḍaṃ, attano pariṇāmanañca. Parabhaṇḍavatthuke hi lobhe uppannepi na tāva kammapathabhedo hoti, yāva ‘‘aho vatīdaṃ mamassā’’ti attano na pariṇāmeti.
หิตสุขํ พฺยาปาทยตีติ พฺยาปาโทฯ โส ปรวินาสาย มโนปโทสลกฺขโณ , ผรุสา วาจา วิย อปฺปสาวโชฺช มหาสาวโชฺช จฯ ตสฺส เทฺว สมฺภารา ปรสโตฺต จ, ตสฺส จ วินาสจินฺตาฯ ปรสตฺตวตฺถุเก หิ โกเธ อุปฺปเนฺนปิ น ตาว กมฺมปถเภโท โหติ, ยาว ‘‘อโห วตายํ อุจฺฉิเชฺชยฺย วินเสฺสยฺยา’’ติ ตสฺส วินาสํ น จิเนฺตติฯ
Hitasukhaṃ byāpādayatīti byāpādo. So paravināsāya manopadosalakkhaṇo , pharusā vācā viya appasāvajjo mahāsāvajjo ca. Tassa dve sambhārā parasatto ca, tassa ca vināsacintā. Parasattavatthuke hi kodhe uppannepi na tāva kammapathabhedo hoti, yāva ‘‘aho vatāyaṃ ucchijjeyya vinasseyyā’’ti tassa vināsaṃ na cinteti.
ยถาภุจฺจคหณาภาเวน มิจฺฉา ปสฺสตีติ มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ สา ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา นเยน วิปรีตทสฺสนลกฺขณาฯ สมฺผปฺปลาโป วิย อปฺปสาวชฺชา มหาสาวชฺชา จฯ อปิจ อนิยตา อปฺปสาวชฺชา, นิยตา มหาสาวชฺชาฯ ตสฺสา เทฺว สมฺภารา วตฺถุโน จ คหิตาการวิปรีตตา, ยถา จ ตํ คณฺหาติ, ตถาภาเวน ตสฺสุปฎฺฐานนฺติฯ
Yathābhuccagahaṇābhāvena micchā passatīti micchādiṭṭhi. Sā ‘‘natthi dinna’’ntiādinā nayena viparītadassanalakkhaṇā. Samphappalāpo viya appasāvajjā mahāsāvajjā ca. Apica aniyatā appasāvajjā, niyatā mahāsāvajjā. Tassā dve sambhārā vatthuno ca gahitākāraviparītatā, yathā ca taṃ gaṇhāti, tathābhāvena tassupaṭṭhānanti.
อิเมสํ ปน ทสนฺนํ อกุสลกมฺมปถานํ ธมฺมโต โกฎฺฐาสโต อารมฺมณโต เวทนาโต มูลโตติ ปญฺจหากาเรหิ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
Imesaṃ pana dasannaṃ akusalakammapathānaṃ dhammato koṭṭhāsato ārammaṇato vedanāto mūlatoti pañcahākārehi vinicchayo veditabbo.
ตตฺถ ธมฺมโตติ เอเตสุ หิ ปฎิปาฎิยา สตฺต, เจตนาธมฺมาว โหนฺติ, อภิชฺฌาทโย ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตาฯ
Tattha dhammatoti etesu hi paṭipāṭiyā satta, cetanādhammāva honti, abhijjhādayo tayo cetanāsampayuttā.
โกฎฺฐาสโตติ ปฎิปาฎิยา สตฺต, มิจฺฉาทิฎฺฐิ จาติ อิเม อฎฺฐ กมฺมปถา เอว โหนฺติ, โน มูลานิฯ อภิชฺฌาพฺยาปาทา กมฺมปถา เจว มูลานิ จฯ อภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวา โลโภ อกุสลมูลํ โหติฯ พฺยาปาโท โทโส อกุสลมูลํฯ
Koṭṭhāsatoti paṭipāṭiyā satta, micchādiṭṭhi cāti ime aṭṭha kammapathā eva honti, no mūlāni. Abhijjhābyāpādā kammapathā ceva mūlāni ca. Abhijjhā hi mūlaṃ patvā lobho akusalamūlaṃ hoti. Byāpādo doso akusalamūlaṃ.
อารมฺมณโตติ ปาณาติปาโต ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณโต สงฺขารารมฺมโณ โหติฯ อทินฺนาทานํ สตฺตารมฺมณํ วา สงฺขารารมฺมณํ วาฯ มิจฺฉาจาโร โผฎฺฐพฺพวเสน สงฺขารารมฺมโณฯ สตฺตารมฺมโณติปิ เอเกฯ มุสาวาโท สตฺตารมฺมโณ วา สงฺขารารมฺมโณ วาฯ ตถา ปิสุณา วาจาฯ ผรุสา วาจา สตฺตารมฺมณาวฯ สมฺผปฺปลาโป ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตวเสน สตฺตารมฺมโณ วา สงฺขารารมฺมโณ วา, ตถา อภิชฺฌาฯ พฺยาปาโท สตฺตารมฺมโณวฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิ เตภูมกธมฺมวเสน สงฺขารารมฺมณาฯ
Ārammaṇatoti pāṇātipāto jīvitindriyārammaṇato saṅkhārārammaṇo hoti. Adinnādānaṃ sattārammaṇaṃ vā saṅkhārārammaṇaṃ vā. Micchācāro phoṭṭhabbavasena saṅkhārārammaṇo. Sattārammaṇotipi eke. Musāvādo sattārammaṇo vā saṅkhārārammaṇo vā. Tathā pisuṇā vācā. Pharusā vācā sattārammaṇāva. Samphappalāpo diṭṭhasutamutaviññātavasena sattārammaṇo vā saṅkhārārammaṇo vā, tathā abhijjhā. Byāpādo sattārammaṇova. Micchādiṭṭhi tebhūmakadhammavasena saṅkhārārammaṇā.
เวทนาโตติ ปาณาติปาโต ทุกฺขเวทโน โหติฯ กิญฺจาปิ หิ ราชาโน โจรํ ทิสฺวา หสมานาปิ ‘‘คจฺฉถ นํ ฆาเตถา’’ติ วทนฺติ, สนฺนิฎฺฐาปกเจตนา ปน เนสํ ทุกฺขสมฺปยุตฺตาว โหติฯ อทินฺนาทานํ ติเวทนํฯ มิจฺฉาจาโร สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทโน, สนฺนิฎฺฐาปกจิเตฺต ปน มชฺฌตฺตเวทโน น โหติฯ มุสาวาโท ติเวทโน, ตถา ปิสุณา วาจาฯ ผรุสา วาจา ทุกฺขเวทนาวฯ สมฺผปฺปลาโป ติเวทโน ฯ อภิชฺฌา สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทนา, ตถา มิจฺฉาทิฎฺฐิฯ พฺยาปาโท ทุกฺขเวทโนฯ
Vedanātoti pāṇātipāto dukkhavedano hoti. Kiñcāpi hi rājāno coraṃ disvā hasamānāpi ‘‘gacchatha naṃ ghātethā’’ti vadanti, sanniṭṭhāpakacetanā pana nesaṃ dukkhasampayuttāva hoti. Adinnādānaṃ tivedanaṃ. Micchācāro sukhamajjhattavasena dvivedano, sanniṭṭhāpakacitte pana majjhattavedano na hoti. Musāvādo tivedano, tathā pisuṇā vācā. Pharusā vācā dukkhavedanāva. Samphappalāpo tivedano . Abhijjhā sukhamajjhattavasena dvivedanā, tathā micchādiṭṭhi. Byāpādo dukkhavedano.
มูลโตติ ปาณาติปาโต โทสโมหวเสน ทฺวิมูลโก โหติฯ อทินฺนาทานํ โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน วาฯ มิจฺฉาจาโร โลภโมหวเสนฯ มุสาวาโท โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน วา, ตถา ปิสุณา วาจา สมฺผปฺปลาโป จฯ ผรุสา วาจา โทสโมหวเสนฯ อภิชฺฌา โมหวเสน เอกมูลา, ตถา พฺยาปาโทฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิ โลภโมหวเสน ทฺวิมูลาติฯ
Mūlatoti pāṇātipāto dosamohavasena dvimūlako hoti. Adinnādānaṃ dosamohavasena vā lobhamohavasena vā. Micchācāro lobhamohavasena. Musāvādo dosamohavasena vā lobhamohavasena vā, tathā pisuṇā vācā samphappalāpo ca. Pharusā vācā dosamohavasena. Abhijjhā mohavasena ekamūlā, tathā byāpādo. Micchādiṭṭhi lobhamohavasena dvimūlāti.
โลโภ อกุสลมูลนฺติอาทีสุ ลุพฺภตีติ โลโภฯ ทุสฺสตีติ โทโสฯ มุยฺหตีติ โมโหฯ เตสุ โลโภ สยญฺจ อกุสโล สาวชฺชทุกฺขวิปากเฎฺฐน, อิเมสญฺจ ปาณาติปาตาทีนํ อกุสลานํ เกสญฺจิ สมฺปยุตฺตปฺปภาวกเฎฺฐน เกสญฺจิ อุปนิสฺสยปจฺจยเฎฺฐน มูลนฺติ อกุสลมูลํฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘รโตฺต โข อาวุโส ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิโตฺต ปาณมฺปิ หนตี’’ติอาทิฯ โทสโมหานํ อกุสลมูลภาเวปิ เอเสว นโยฯ
Lobho akusalamūlantiādīsu lubbhatīti lobho. Dussatīti doso. Muyhatīti moho. Tesu lobho sayañca akusalo sāvajjadukkhavipākaṭṭhena, imesañca pāṇātipātādīnaṃ akusalānaṃ kesañci sampayuttappabhāvakaṭṭhena kesañci upanissayapaccayaṭṭhena mūlanti akusalamūlaṃ. Vuttampi cetaṃ ‘‘ratto kho āvuso rāgena abhibhūto pariyādinnacitto pāṇampi hanatī’’tiādi. Dosamohānaṃ akusalamūlabhāvepi eseva nayo.
อกุสลกมฺมปถวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Akusalakammapathavaṇṇanā niṭṭhitā.
กุสลกมฺมปถวณฺณนา
Kusalakammapathavaṇṇanā
ปาณาติปาตา เวรมณี กุสลนฺติอาทีสุ ปาณาติปาตาทโย วุตฺตตฺถา เอวฯ เวรํ มณตีติ เวรมณี, เวรํ ปชหตีติ อโตฺถฯ วิรมติ วา เอตาย กรณภูตาย, วิการสฺส เวการํ กตฺวาปิ เวรมณีฯ อยํ ตาเวตฺถ พฺยญฺชนโต วณฺณนาฯ อตฺถโต ปน เวรมณีติ กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติฯ ยา ‘‘ปาณาติปาตา วิรมนฺตสฺส, ยา ตสฺมิํ สมเย ปาณาติปาตา อารติ วิรตี’’ติ เอวํ วุตฺตา กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ, สา เภทโต ติวิโธ โหติ สมฺปตฺตวิรติ สมาทานวิรติ สมุเจฺฉทวิรตีติฯ ตตฺถ อสมาทินฺนสิกฺขาปทานํ อตฺตโน ชาติวยพาหุสจฺจาทีนิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อยุตฺตํ อมฺหากํ เอวรูปํ กาตุ’’นฺติ สมฺปตฺตวตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปชฺชมานา วิรติ สมฺปตฺตวิรตีติ เวทิตพฺพา สีหฬทีเป จกฺกนอุปาสกสฺส วิยฯ
Pāṇātipātā veramaṇī kusalantiādīsu pāṇātipātādayo vuttatthā eva. Veraṃ maṇatīti veramaṇī, veraṃ pajahatīti attho. Viramati vā etāya karaṇabhūtāya, vikārassa vekāraṃ katvāpi veramaṇī. Ayaṃ tāvettha byañjanato vaṇṇanā. Atthato pana veramaṇīti kusalacittasampayuttā virati. Yā ‘‘pāṇātipātā viramantassa, yā tasmiṃ samaye pāṇātipātā ārati viratī’’ti evaṃ vuttā kusalacittasampayuttā virati, sā bhedato tividho hoti sampattavirati samādānavirati samucchedaviratīti. Tattha asamādinnasikkhāpadānaṃ attano jātivayabāhusaccādīni paccavekkhitvā ‘‘ayuttaṃ amhākaṃ evarūpaṃ kātu’’nti sampattavatthuṃ avītikkamantānaṃ uppajjamānā virati sampattaviratīti veditabbā sīhaḷadīpe cakkanaupāsakassa viya.
ตสฺส กิร ทหรกาเลเยว มาตุยา โรโค อุปฺปชฺชิฯ เวเชฺชน จ ‘‘อลฺลสสมํสํ ลทฺธุํ วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ ตโต จกฺกนสฺส ภาตา ‘‘คจฺฉ ตาต เขตฺตํ อาหิณฺฑาหี’’ติ จกฺกนํ เปเสสิฯ โส ตตฺถ คโตฯ ตสฺมิญฺจ สมเย เอโก สโส ตรุณสสฺสํ ขาทิตุํ อาคโต โหติ, โส ตํ ทิสฺวา เวเคน ธาเวโนฺต วลฺลิยา พโทฺธ ‘‘กิริ กิรี’’ติ สทฺทมกาสิฯ จกฺกโน เตน สเทฺทน คนฺตฺวา ตํ คเหตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘มาตุ เภสชฺชํ กโรมี’’ติฯ ปุน จิเนฺตสิ ‘‘น เมตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ มาตุ ชีวิตการณา ปรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย’’นฺติฯ อถ นํ ‘‘คจฺฉ อรเญฺญ สเสหิ สทฺธิํ ติโณทกํ ปริภุญฺชา’’ติ มุญฺจิฯ ภาตรา จ ‘‘กิํ ตาต สโส ลโทฺธ’’ติ ปุจฺฉิโต ตํ ปวตฺติํ อาจิกฺขิฯ ตโต นํ ภาตา ปริภาสิฯ โส มาตุสนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ยโตหํ ชาโต, นาภิชานามิ สญฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปตา’’ติ สจฺจํ วตฺวา อธิฎฺฐาสิฯ ตาวเทวสฺส มาตา อโรคา อโหสิฯ
Tassa kira daharakāleyeva mātuyā rogo uppajji. Vejjena ca ‘‘allasasamaṃsaṃ laddhuṃ vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. Tato cakkanassa bhātā ‘‘gaccha tāta khettaṃ āhiṇḍāhī’’ti cakkanaṃ pesesi. So tattha gato. Tasmiñca samaye eko saso taruṇasassaṃ khādituṃ āgato hoti, so taṃ disvā vegena dhāvento valliyā baddho ‘‘kiri kirī’’ti saddamakāsi. Cakkano tena saddena gantvā taṃ gahetvā cintesi ‘‘mātu bhesajjaṃ karomī’’ti. Puna cintesi ‘‘na metaṃ patirūpaṃ, yvāhaṃ mātu jīvitakāraṇā paraṃ jīvitā voropeyya’’nti. Atha naṃ ‘‘gaccha araññe sasehi saddhiṃ tiṇodakaṃ paribhuñjā’’ti muñci. Bhātarā ca ‘‘kiṃ tāta saso laddho’’ti pucchito taṃ pavattiṃ ācikkhi. Tato naṃ bhātā paribhāsi. So mātusantikaṃ gantvā ‘‘yatohaṃ jāto, nābhijānāmi sañcicca pāṇaṃ jīvitā voropetā’’ti saccaṃ vatvā adhiṭṭhāsi. Tāvadevassa mātā arogā ahosi.
สมาทินฺนสิกฺขาปทานํ ปน สิกฺขาปทสมาทาเน จ ตตุตฺตริ จ อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชิตฺวา วตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปชฺชมานา วิรติ สมาทานวิรตีติ เวทิตพฺพา อุตฺตรวฑฺฒมานปพฺพตวาสีอุปาสกสฺส วิยฯ
Samādinnasikkhāpadānaṃ pana sikkhāpadasamādāne ca tatuttari ca attano jīvitampi pariccajitvā vatthuṃ avītikkamantānaṃ uppajjamānā virati samādānaviratīti veditabbā uttaravaḍḍhamānapabbatavāsīupāsakassa viya.
โส กิร อมฺพริยวิหารวาสีปิงฺคลพุทฺธรกฺขิตเตฺถรสฺส สนฺติเก สิกฺขาปทานิ คเหตฺวา เขตฺตํ กสฺสติฯ อถสฺส โคโณ นโฎฺฐ, โส ตํ คเวสโนฺต อุตฺตรวฑฺฒมานปพฺพตํ อารุหิ, ตตฺร นํ มหาสโปฺป อคฺคเหสิฯ โส จิเนฺตสิ ‘‘อิมายสฺส ติขิณวาสิยา สีสํ ฉินฺทามี’’ติฯ ปุน จิเนฺตสิ ‘‘น เมตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ ภาวนียสฺส ครุโน สนฺติเก สิกฺขาปทํ คเหตฺวา ภิเนฺทยฺย’’นฺติฯ เอวํ ยาวตติยํ จิเนฺตตฺวา ‘‘ชีวิตํ ปริจฺจชามิ, น สิกฺขาปท’’นฺติ อํเส ฐปิตํ ติขิณทณฺฑวาสิํ อรเญฺญ ฉเฑฺฑสิฯ ตาวเทว นํ มหาวาโฬ มุญฺจิตฺวา อคมาสีติฯ
So kira ambariyavihāravāsīpiṅgalabuddharakkhitattherassa santike sikkhāpadāni gahetvā khettaṃ kassati. Athassa goṇo naṭṭho, so taṃ gavesanto uttaravaḍḍhamānapabbataṃ āruhi, tatra naṃ mahāsappo aggahesi. So cintesi ‘‘imāyassa tikhiṇavāsiyā sīsaṃ chindāmī’’ti. Puna cintesi ‘‘na metaṃ patirūpaṃ, yvāhaṃ bhāvanīyassa garuno santike sikkhāpadaṃ gahetvā bhindeyya’’nti. Evaṃ yāvatatiyaṃ cintetvā ‘‘jīvitaṃ pariccajāmi, na sikkhāpada’’nti aṃse ṭhapitaṃ tikhiṇadaṇḍavāsiṃ araññe chaḍḍesi. Tāvadeva naṃ mahāvāḷo muñcitvā agamāsīti.
อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา ปน วิรติ สมุเจฺฉทวิรตีติ เวทิตพฺพาฯ ยสฺสา อุปฺปตฺติโต ปภุติ ‘‘ปาณํ ฆาเตสฺสามี’’ติ อริยปุคฺคลานํ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชตีติฯ สา ปนายํ วิรติ โกสลฺลปฺปวตฺติยา กุสลนฺติ วุตฺตาฯ กุจฺฉิตสยนโต วา กุสนฺติ ลทฺธโวหารํ ทุสฺสีลฺยํ ลุนาตีติปิ กุสลํฯ กตมญฺจาวุโส กุสลนฺติ อิมสฺส ปน ปญฺหสฺส อนนุรูปตฺตา กุสลาติ น วุตฺตาฯ
Ariyamaggasampayuttā pana virati samucchedaviratīti veditabbā. Yassā uppattito pabhuti ‘‘pāṇaṃ ghātessāmī’’ti ariyapuggalānaṃ cittampi na uppajjatīti. Sā panāyaṃ virati kosallappavattiyā kusalanti vuttā. Kucchitasayanato vā kusanti laddhavohāraṃ dussīlyaṃ lunātītipi kusalaṃ. Katamañcāvuso kusalanti imassa pana pañhassa ananurūpattā kusalāti na vuttā.
ยถา จ อกุสลานํ, เอวํ อิเมสมฺปิ กุสลกมฺมปถานํ ธมฺมโต โกฎฺฐาสโต อารมฺมณโต เวทนาโต มูลโตติ ปญฺจหากาเรหิ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
Yathā ca akusalānaṃ, evaṃ imesampi kusalakammapathānaṃ dhammato koṭṭhāsato ārammaṇato vedanāto mūlatoti pañcahākārehi vinicchayo veditabbo.
ตตฺถ ธมฺมโตติ เอเตสุ หิ ปฎิปาฎิยา สตฺต เจตนาปิ วฎฺฎนฺติ, วิรติโยปิฯ อเนฺต ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตาวฯ
Tattha dhammatoti etesu hi paṭipāṭiyā satta cetanāpi vaṭṭanti, viratiyopi. Ante tayo cetanāsampayuttāva.
โกฎฺฐาสโตติ ปฎิปาฎิยา สตฺต กมฺมปถา เอว, โน มูลานิฯ อเนฺต ตโย กมฺมปถา เจว มูลานิ จฯ อนภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวา อโลโภ กุสลมูลํ โหติฯ อพฺยาปาโท อโทโส กุสลมูลํฯ สมฺมาทิฎฺฐิ อโมโห กุสลมูลํฯ
Koṭṭhāsatoti paṭipāṭiyā satta kammapathā eva, no mūlāni. Ante tayo kammapathā ceva mūlāni ca. Anabhijjhā hi mūlaṃ patvā alobho kusalamūlaṃ hoti. Abyāpādo adoso kusalamūlaṃ. Sammādiṭṭhi amoho kusalamūlaṃ.
อารมฺมณโตติ ปาณาติปาตาทีนํ อารมฺมณาเนว เอเตสํ อารมฺมณานิ, วีติกฺกมิตพฺพโตเยว หิ เวรมณี นาม โหติฯ ยถา ปน นิพฺพานารมฺมโณ อริยมโคฺค กิเลเส ปชหติ, เอวํ ชีวิตินฺทฺริยาทิอารมฺมณาเปเต กมฺมปถา ปาณาติปาตาทีนิ ทุสฺสีลฺยานิ ปชหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ
Ārammaṇatoti pāṇātipātādīnaṃ ārammaṇāneva etesaṃ ārammaṇāni, vītikkamitabbatoyeva hi veramaṇī nāma hoti. Yathā pana nibbānārammaṇo ariyamaggo kilese pajahati, evaṃ jīvitindriyādiārammaṇāpete kammapathā pāṇātipātādīni dussīlyāni pajahantīti veditabbā.
เวทนาโตติ สเพฺพ สุขเวทนา วา โหนฺติ, มชฺฌตฺตเวทนา วาฯ กุสลํ ปตฺวา หิ ทุกฺขเวทนา นาม นตฺถิฯ
Vedanātoti sabbe sukhavedanā vā honti, majjhattavedanā vā. Kusalaṃ patvā hi dukkhavedanā nāma natthi.
มูลโตติ ปฎิปาฎิยา สตฺต กมฺมปถา ญาณสมฺปยุตฺตจิเตฺตน วิรมนฺตสฺส อโลภอโทสอโมหวเสน ติมูลา โหนฺติฯ ญาณวิปฺปยุตฺตจิเตฺตน วิรมนฺตสฺส ทฺวิมูลาฯ อนภิชฺฌา ญาณสมฺปยุตฺตจิเตฺตน วิรมนฺตสฺส ทฺวิมูลาฯ ญาณวิปฺปยุตฺตจิเตฺตน เอกมูลาฯ อโลโภ ปน อตฺตนาว อตฺตโน มูลํ น โหติ, อพฺยาปาเทปิ เอเสว นโยฯ สมฺมาทิฎฺฐิ อโลภาโทสวเสน ทฺวิมูลาวาติฯ
Mūlatoti paṭipāṭiyā satta kammapathā ñāṇasampayuttacittena viramantassa alobhaadosaamohavasena timūlā honti. Ñāṇavippayuttacittena viramantassa dvimūlā. Anabhijjhā ñāṇasampayuttacittena viramantassa dvimūlā. Ñāṇavippayuttacittena ekamūlā. Alobho pana attanāva attano mūlaṃ na hoti, abyāpādepi eseva nayo. Sammādiṭṭhi alobhādosavasena dvimūlāvāti.
อโลโภ กุสลมูลนฺติอาทีสุ น โลโภติ อโลโภ, โลภปฎิปกฺขสฺส ธมฺมเสฺสตํ อธิวจนํฯ อโทสาโมเหสุปิ เอเสว นโยฯ เตสุ อโลโภ สยญฺจ กุสลํ, อิเมสญฺจ ปาณาติปาตา เวรมณีอาทีนํ กุสลานํ เกสญฺจิ สมฺปยุตฺตปฺปภาวกเฎฺฐน เกสญฺจิ อุปนิสฺสยปจฺจยเฎฺฐน มูลนฺติ กุสลมูลํฯ อโทสาโมหานมฺปิ กุสลมูลภาเว เอเสว นโยฯ
Alobho kusalamūlantiādīsu na lobhoti alobho, lobhapaṭipakkhassa dhammassetaṃ adhivacanaṃ. Adosāmohesupi eseva nayo. Tesu alobho sayañca kusalaṃ, imesañca pāṇātipātā veramaṇīādīnaṃ kusalānaṃ kesañci sampayuttappabhāvakaṭṭhena kesañci upanissayapaccayaṭṭhena mūlanti kusalamūlaṃ. Adosāmohānampi kusalamūlabhāve eseva nayo.
อิทานิ สพฺพมฺปิ ตํ สเงฺขเปน จ วิตฺถาเรน จ เทสิตมตฺถํ นิคเมโนฺต ยโต โข อาวุโสติอาทิอปฺปนาวารมาหฯ ตตฺถ เอวํ อกุสลํ ปชานาตีติ เอวํ ยถานิทฺทิฎฺฐทสากุสลกมฺมปถวเสน อกุสลํ ปชานาติฯ เอวํ อกุสลมูลนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺตาวตา เอเกน นเยน จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานิกสฺส ยาว อรหตฺตา นิยฺยานํ กถิตํ โหติฯ กถํ? เอตฺถ หิ ฐเปตฺวา อภิชฺฌํ ทส อกุสลกมฺมปถา จ กุสลกมฺมปถา จ ทุกฺขสจฺจํฯ อภิชฺฌา จ โลโภ อกุสลมูลญฺจาติ อิเม เทฺว ธมฺมา นิปฺปริยาเยน สมุทยสจฺจํฯ ปริยาเยน ปน สเพฺพปิ กมฺมปถา ทุกฺขสจฺจํฯ สพฺพานิ กุสลากุสลมูลานิ สมุทยสจฺจํฯ อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ ฯ ทุกฺขํ ปริชานโนฺต สมุทยํ ปชหมาโน นิโรธํ ปชานโนฺต อริยมโคฺค มคฺคสจฺจนฺติ อิติ เทฺว สจฺจานิ สรูเปน วุตฺตานิ, เทฺว อาวตฺตหารวเสน เวทิตพฺพานิฯ
Idāni sabbampi taṃ saṅkhepena ca vitthārena ca desitamatthaṃ nigamento yato kho āvusotiādiappanāvāramāha. Tattha evaṃ akusalaṃ pajānātīti evaṃ yathāniddiṭṭhadasākusalakammapathavasena akusalaṃ pajānāti. Evaṃ akusalamūlantiādīsupi eseva nayo. Ettāvatā ekena nayena catusaccakammaṭṭhānikassa yāva arahattā niyyānaṃ kathitaṃ hoti. Kathaṃ? Ettha hi ṭhapetvā abhijjhaṃ dasa akusalakammapathā ca kusalakammapathā ca dukkhasaccaṃ. Abhijjhā ca lobho akusalamūlañcāti ime dve dhammā nippariyāyena samudayasaccaṃ. Pariyāyena pana sabbepi kammapathā dukkhasaccaṃ. Sabbāni kusalākusalamūlāni samudayasaccaṃ. Ubhinnaṃ appavatti nirodhasaccaṃ . Dukkhaṃ parijānanto samudayaṃ pajahamāno nirodhaṃ pajānanto ariyamaggo maggasaccanti iti dve saccāni sarūpena vuttāni, dve āvattahāravasena veditabbāni.
โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหายาติ โส เอวํ อกุสลาทีนิ ปชานโนฺต สพฺพากาเรน ราคานุสยํ ปชหิตฺวาฯ ปฎิฆานุสยํ ปฎิวิโนเทตฺวาติ ปฎิฆานุสยญฺจ สพฺพากาเรเนว นีหริตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ เอตฺตาวตา อนาคามิมโคฺค กถิโตฯ อสฺมีติ ทิฎฺฐิมานานุสยํ สมูหนิตฺวาติ ปญฺจสุ ขเนฺธสุ กญฺจิ ธมฺมํ อนวการีกริตฺวา ‘‘อสฺมี’’ติ อิมินา สมูหคฺคหณากาเรน ปวตฺตํ ทิฎฺฐิมานานุสยํ สมุคฺฆาเฎตฺวาฯ
So sabbaso rāgānusayaṃ pahāyāti so evaṃ akusalādīni pajānanto sabbākārena rāgānusayaṃ pajahitvā. Paṭighānusayaṃ paṭivinodetvāti paṭighānusayañca sabbākāreneva nīharitvāti vuttaṃ hoti. Ettāvatā anāgāmimaggo kathito. Asmīti diṭṭhimānānusayaṃ samūhanitvāti pañcasu khandhesu kañci dhammaṃ anavakārīkaritvā ‘‘asmī’’ti iminā samūhaggahaṇākārena pavattaṃ diṭṭhimānānusayaṃ samugghāṭetvā.
ตตฺถ ทิฎฺฐิมานานุสยนฺติ ทิฎฺฐิสทิสํ มานานุสยนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อยญฺหิ มานานุสโย อสฺมีติ ปวตฺตตฺตา ทิฎฺฐิสทิโส โหติ, ตสฺมา เอวํ วุโตฺต ฯ อิมญฺจ อสฺมิมานํ วิตฺถารโต วิญฺญาตุกาเมน ขนฺธิยวเคฺค เขมกสุตฺตํ (สํ. นิ. ๓.๘๙) โอโลเกตพฺพนฺติฯ
Tattha diṭṭhimānānusayanti diṭṭhisadisaṃ mānānusayanti vuttaṃ hoti. Ayañhi mānānusayo asmīti pavattattā diṭṭhisadiso hoti, tasmā evaṃ vutto . Imañca asmimānaṃ vitthārato viññātukāmena khandhiyavagge khemakasuttaṃ (saṃ. ni. 3.89) oloketabbanti.
อวิชฺชํ ปหายาติ วฎฺฎมูลํ อวิชฺชํ ปชหิตฺวาฯ วิชฺชํ อุปฺปาเทตฺวาติ ตสฺสา อวิชฺชาย สมุคฺฆาฎิกํ อรหตฺตมคฺควิชฺชํ อุปฺปาเทตฺวาฯ เอตฺตาวตา อรหตฺตมโคฺค กถิโตฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหตีติ อสฺมิํเยว อตฺตภาเว วฎฺฎทุกฺขสฺส ปริเจฺฉทกโร โหติฯ เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโสติ เทสนํ นิยฺยาเตติ, อิมาย กมฺมปถเทสนาย วุตฺตมนสิการปฺปฎิเวธวเสนปีติ วุตฺตํ โหติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ เอวํ อนาคามิมคฺคอรหตฺตมเคฺคหิ เทสนํ นิฎฺฐเปสีติฯ
Avijjaṃ pahāyāti vaṭṭamūlaṃ avijjaṃ pajahitvā. Vijjaṃ uppādetvāti tassā avijjāya samugghāṭikaṃ arahattamaggavijjaṃ uppādetvā. Ettāvatā arahattamaggo kathito. Diṭṭheva dhamme dukkhassantakaro hotīti asmiṃyeva attabhāve vaṭṭadukkhassa paricchedakaro hoti. Ettāvatāpi kho, āvusoti desanaṃ niyyāteti, imāya kammapathadesanāya vuttamanasikārappaṭivedhavasenapīti vuttaṃ hoti. Sesaṃ vuttanayameva. Evaṃ anāgāmimaggaarahattamaggehi desanaṃ niṭṭhapesīti.
กุสลกมฺมปถวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kusalakammapathavaṇṇanā niṭṭhitā.
อาหารวารวณฺณนา
Āhāravāravaṇṇanā
๙๐. สาธาวุโสติ โข…เป.… อาคโต อิมํ สทฺธมฺมนฺติ เอวํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส กุสลากุสลมุเขน จตุสจฺจเทสนํ สุตฺวา ตํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ ‘‘สาธาวุโส’’ติ อิมินา วจเนน เต ภิกฺขู อภินนฺทิตฺวา อิมเสฺสว วจนสฺส สมุฎฺฐาปเกน จิเตฺตน อนุโมทิตฺวา วจสา สมฺปฎิจฺฉิตฺวา เจตสา สมฺปิยายิตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ อิทานิ ยสฺมา เถโร นานปฺปกาเรน จตุสจฺจเทสนํ เทเสตุํ ปฎิพโล, ยถาห ‘‘สาริปุโตฺต, ภิกฺขเว, ปโหติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ วิตฺถาเรน อาจิกฺขิตุํ เทเสตุ’’นฺติ ยสฺมา วา อุตฺตริมฺปิ เทเสตุกาโมว หุตฺวา ‘‘เอตฺตาวตาปิ โข’’ติ อวจ, ตสฺมา อปเรนปิ นเยน สจฺจเทสนํ โสตุกามา เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อุตฺตริํ ปญฺหํ อปุจฺฉิํสุฯ เตน สยเมว ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชิตปญฺหโต อุตฺตริํ สิยา โข ปนาวุโส, อโญฺญปิ ปริยาโย ภเวยฺย อญฺญมฺปิ การณนฺติ อิมินา นเยน อญฺญํ อติเรกํ ปญฺหํ ปุจฺฉิํสุ, ปุริมปญฺหสฺส วา อุปริภาเค ปุจฺฉิํสูติ วุตฺตํ โหติฯ อถ เนสํ พฺยากรมาโน เถโร สิยา, อาวุโสติอาทิมาหฯ ตตฺถายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา, อาหารนฺติ ปจฺจยํฯ ปจฺจโย หิ อาหรติ อตฺตโน ผลํ, ตสฺมา ‘‘อาหาโร’’ติ วุจฺจติฯ
90.Sādhāvusoti kho…pe… āgato imaṃ saddhammanti evaṃ āyasmato sāriputtassa kusalākusalamukhena catusaccadesanaṃ sutvā taṃ āyasmato sāriputtassa bhāsitaṃ ‘‘sādhāvuso’’ti iminā vacanena te bhikkhū abhinanditvā imasseva vacanassa samuṭṭhāpakena cittena anumoditvā vacasā sampaṭicchitvā cetasā sampiyāyitvāti vuttaṃ hoti. Idāni yasmā thero nānappakārena catusaccadesanaṃ desetuṃ paṭibalo, yathāha ‘‘sāriputto, bhikkhave, pahoti cattāri ariyasaccāni vitthārena ācikkhituṃ desetu’’nti yasmā vā uttarimpi desetukāmova hutvā ‘‘ettāvatāpi kho’’ti avaca, tasmā aparenapi nayena saccadesanaṃ sotukāmā te bhikkhū āyasmantaṃ sāriputtaṃ uttariṃ pañhaṃ apucchiṃsu. Tena sayameva pucchitvā vissajjitapañhato uttariṃ siyā kho panāvuso, aññopi pariyāyo bhaveyya aññampi kāraṇanti iminā nayena aññaṃ atirekaṃ pañhaṃ pucchiṃsu, purimapañhassa vā uparibhāge pucchiṃsūti vuttaṃ hoti. Atha nesaṃ byākaramāno thero siyā, āvusotiādimāha. Tatthāyaṃ anuttānapadavaṇṇanā, āhāranti paccayaṃ. Paccayo hi āharati attano phalaṃ, tasmā ‘‘āhāro’’ti vuccati.
ภูตานํ วา สตฺตานนฺติอาทีสุ ภูตาติ สญฺชาตา, นิพฺพตฺตาฯ สมฺภเวสีนนฺติ เย สมฺภวํ ชาติํ นิพฺพตฺติํ เอสนฺติ คเวสนฺติฯ ตตฺถ จตูสุ โยนีสุ อณฺฑชชลาพุชา สตฺตา ยาว อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสญฺจ น ภินฺทนฺติ, ตาว สมฺภเวสิโน นามฯ อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสญฺจ ภินฺทิตฺวา พหิ นิกฺขนฺตา ภูตา นามฯ สํเสทชา โอปปาติกา จ ปฐมจิตฺตกฺขเณ สมฺภเวสิโน นามฯ ทุติยจิตฺตกฺขณโต ปภุติ ภูตา นามฯ เยน เยน วา อิริยาปเถน ชายนฺติ, ยาว เต ตโต อญฺญํ น ปาปุณนฺติ, ตาว สมฺภเวสิโน นามฯ ตโต ปรํ ภูตา นามฯ
Bhūtānaṃvā sattānantiādīsu bhūtāti sañjātā, nibbattā. Sambhavesīnanti ye sambhavaṃ jātiṃ nibbattiṃ esanti gavesanti. Tattha catūsu yonīsu aṇḍajajalābujā sattā yāva aṇḍakosaṃ vatthikosañca na bhindanti, tāva sambhavesino nāma. Aṇḍakosaṃ vatthikosañca bhinditvā bahi nikkhantā bhūtā nāma. Saṃsedajā opapātikā ca paṭhamacittakkhaṇe sambhavesino nāma. Dutiyacittakkhaṇato pabhuti bhūtā nāma. Yena yena vā iriyāpathena jāyanti, yāva te tato aññaṃ na pāpuṇanti, tāva sambhavesino nāma. Tato paraṃ bhūtā nāma.
อถ วา ภูตาติ ชาตา อภินิพฺพตฺตา, เย ภูตาเยว น ปุน ภวิสฺสนฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ, เตสํ ขีณาสวานเมตํ อธิวจนํฯ สมฺภวเมสนฺตีติ สมฺภเวสิโนฯ อปฺปหีนภวสํโยชนตฺตา อายติมฺปิ สมฺภวํ เอสนฺตานํ เสกฺขปุถุชฺชนานเมตํ อธิวจนํฯ เอวํ สพฺพถาปิ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ สพฺพสเตฺต ปริยาทิยติฯ วาสโทฺท เจตฺถ สมฺปิณฺฑนโตฺถ, ตสฺมา ภูตานญฺจ สมฺภเวสีนญฺจาติ อยมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Atha vā bhūtāti jātā abhinibbattā, ye bhūtāyeva na puna bhavissantīti saṅkhyaṃ gacchanti, tesaṃ khīṇāsavānametaṃ adhivacanaṃ. Sambhavamesantīti sambhavesino. Appahīnabhavasaṃyojanattā āyatimpi sambhavaṃ esantānaṃ sekkhaputhujjanānametaṃ adhivacanaṃ. Evaṃ sabbathāpi imehi dvīhi padehi sabbasatte pariyādiyati. Vāsaddo cettha sampiṇḍanattho, tasmā bhūtānañca sambhavesīnañcāti ayamattho veditabbo.
ฐิติยาติ ฐิตตฺถํฯ อนุคฺคหายาติ อนุคฺคหตฺถํ อุปการตฺถํฯ วจนเภโท เจส, อโตฺถ ปน ทฺวินฺนมฺปิ ปทานํ เอโกเยวฯ อถ วา ฐิติยาติ ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส อุปฺปนฺนธมฺมานํ อนุปฺปพนฺธวเสน อวิเจฺฉทายฯ อนุคฺคหายาติ อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทายฯ อุโภปิ เจตานิ ภูตานํ ฐิติยา เจว อนุคฺคหาย จฯ สมฺภเวสีนํ วา ฐิติยา เจว อนุคฺคหาย จาติ เอวํ อุภยตฺถ ทฎฺฐพฺพานิฯ กพฬีกาโร อาหาโรติ กพฬํ กตฺวา อโชฺฌหริตพฺพโต กพฬีกาโร อาหาโร, โอทนกุมฺมาสาทิวตฺถุกาย โอชาเยตํ อธิวจนํฯ โอฬาริโก วา สุขุโม วาติ วตฺถุโอฬาริกตาย โอฬาริโก, วตฺถุสุขุมตาย สุขุโมฯ สภาเวน ปน สุขุมรูปปริยาปนฺนตฺตา กพฬีกาโร อาหาโร สุขุโมว โหติฯ สาปิ จสฺส วตฺถุโต โอฬาริกตา สุขุมตา จ อุปาทายุปาทาย เวทิตพฺพาฯ
Ṭhitiyāti ṭhitatthaṃ. Anuggahāyāti anuggahatthaṃ upakāratthaṃ. Vacanabhedo cesa, attho pana dvinnampi padānaṃ ekoyeva. Atha vā ṭhitiyāti tassa tassa sattassa uppannadhammānaṃ anuppabandhavasena avicchedāya. Anuggahāyāti anuppannānaṃ uppādāya. Ubhopi cetāni bhūtānaṃ ṭhitiyā ceva anuggahāya ca. Sambhavesīnaṃ vā ṭhitiyā ceva anuggahāya cāti evaṃ ubhayattha daṭṭhabbāni. Kabaḷīkāro āhāroti kabaḷaṃ katvā ajjhoharitabbato kabaḷīkāro āhāro, odanakummāsādivatthukāya ojāyetaṃ adhivacanaṃ. Oḷāriko vā sukhumo vāti vatthuoḷārikatāya oḷāriko, vatthusukhumatāya sukhumo. Sabhāvena pana sukhumarūpapariyāpannattā kabaḷīkāro āhāro sukhumova hoti. Sāpi cassa vatthuto oḷārikatā sukhumatā ca upādāyupādāya veditabbā.
กุมฺภีลานญฺหิ อาหารํ อุปาทาย โมรานํ อาหาโร สุขุโมฯ กุมฺภีลา กิร ปาสาเณ คิลนฺติฯ เต จ เนสํ กุจฺฉิปฺปตฺตาว วิลียนฺติฯ โมรา สปฺปวิจฺฉิกาทิปาเณ ขาทนฺติฯ โมรานํ ปน อาหารํ อุปาทาย ตรจฺฉานํ อาหาโร สุขุโมฯ เต กิร ติวสฺสฉฑฺฑิตานิ วิสาณานิ เจว อฎฺฐีนิ จ ขาทนฺติฯ ตานิ จ เนสํ เขเฬน เตมิตมเตฺตเนว กนฺทมูลํ วิย มุทุกานิ โหนฺติฯ ตรจฺฉานมฺปิ อาหารํ อุปาทาย หตฺถีนํ อาหาโร สุขุโมฯ เตปิ นานารุกฺขสาขาโย ขาทนฺติฯ หตฺถีนํ อาหารโต ควยโคกณฺณมิคาทีนํ อาหาโร สุขุโมฯ เต กิร นิสฺสารานิ นานารุกฺขปณฺณาทีนิ ขาทนฺติฯ เตสมฺปิ อาหารโต คุนฺนํ อาหาโร สุขุโมฯ เต อลฺลสุกฺขติณานิ ขาทนฺติฯ เตสํ อาหารโต สสานํ อาหาโร สุขุโมฯ สสานํ อาหารโต สกุณานํ อาหาโร สุขุโมฯ สกุณานํ อาหารโต ปจฺจนฺตวาสีนํ อาหาโร สุขุโมฯ ปจฺจนฺตวาสีนํ อาหารโต คามโภชกานํ อาหาโร สุขุโมฯ คามโภชกานํ อาหารโต ราชราชมหามตฺตานํ อาหาโร สุขุโมฯ เตสมฺปิ อาหารโต จกฺกวตฺติโน อาหาโร สุขุโมฯ จกฺกวตฺติโน อาหารโต ภุมฺมเทวานํ อาหาโร สุขุโมฯ ภุมฺมเทวานํ อาหารโต จาตุมหาราชิกานํ อาหาโร สุขุโมฯ เอวํ ยาว ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ อาหาโร วิตฺถาเรตโพฺพ, เตสํ อาหาโร สุขุโมเตฺวว นิฎฺฐํ ปโตฺตฯ
Kumbhīlānañhi āhāraṃ upādāya morānaṃ āhāro sukhumo. Kumbhīlā kira pāsāṇe gilanti. Te ca nesaṃ kucchippattāva vilīyanti. Morā sappavicchikādipāṇe khādanti. Morānaṃ pana āhāraṃ upādāya taracchānaṃ āhāro sukhumo. Te kira tivassachaḍḍitāni visāṇāni ceva aṭṭhīni ca khādanti. Tāni ca nesaṃ kheḷena temitamatteneva kandamūlaṃ viya mudukāni honti. Taracchānampi āhāraṃ upādāya hatthīnaṃ āhāro sukhumo. Tepi nānārukkhasākhāyo khādanti. Hatthīnaṃ āhārato gavayagokaṇṇamigādīnaṃ āhāro sukhumo. Te kira nissārāni nānārukkhapaṇṇādīni khādanti. Tesampi āhārato gunnaṃ āhāro sukhumo. Te allasukkhatiṇāni khādanti. Tesaṃ āhārato sasānaṃ āhāro sukhumo. Sasānaṃ āhārato sakuṇānaṃ āhāro sukhumo. Sakuṇānaṃ āhārato paccantavāsīnaṃ āhāro sukhumo. Paccantavāsīnaṃ āhārato gāmabhojakānaṃ āhāro sukhumo. Gāmabhojakānaṃ āhārato rājarājamahāmattānaṃ āhāro sukhumo. Tesampi āhārato cakkavattino āhāro sukhumo. Cakkavattino āhārato bhummadevānaṃ āhāro sukhumo. Bhummadevānaṃ āhārato cātumahārājikānaṃ āhāro sukhumo. Evaṃ yāva paranimmitavasavattīnaṃ āhāro vitthāretabbo, tesaṃ āhāro sukhumotveva niṭṭhaṃ patto.
เอตฺถ จ โอฬาริเก วตฺถุสฺมิํ โอชา ปริตฺตา โหติ ทุพฺพลา, สุขุเม พลวตีฯ ตถา หิ เอกปตฺตปูรมฺปิ ยาคุํ ปีวโต มุหุเตฺตเนว ชิฆจฺฉิโต โหติ, ยํกญฺจิเทว ขาทิตุกาโมฯ สปฺปิํ ปน ปสฎมตฺตํ ปิวิตฺวา ทิวสํ อโภตฺตุกาโม โหติฯ ตตฺถ วตฺถุ ปริสฺสมํ วิโนเทติ, น ปน สโกฺกติ ปาเลตุํฯ โอชา ปาเลติ, น สโกฺกติ ปริสฺสมํ วิโนเทตุํฯ เทฺว ปน เอกโต หุตฺวา ปริสฺสมเญฺจว วิโนเทนฺติ ปาเลนฺติ จาติฯ
Ettha ca oḷārike vatthusmiṃ ojā parittā hoti dubbalā, sukhume balavatī. Tathā hi ekapattapūrampi yāguṃ pīvato muhutteneva jighacchito hoti, yaṃkañcideva khāditukāmo. Sappiṃ pana pasaṭamattaṃ pivitvā divasaṃ abhottukāmo hoti. Tattha vatthu parissamaṃ vinodeti, na pana sakkoti pāletuṃ. Ojā pāleti, na sakkoti parissamaṃ vinodetuṃ. Dve pana ekato hutvā parissamañceva vinodenti pālenti cāti.
ผโสฺส ทุติโยติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิ ฉพฺพิโธปิ ผโสฺสฯ เอเตสุ จตูสุ อาหาเรสุ ทุติโย อาหาโรติ เวทิตโพฺพฯ เทสนานโย เอว เจสฯ ตสฺมา อิมินา นาม การเณน ทุติโย วา ตติโย วาติ อิทเมตฺถ น คเวสิตพฺพํฯ มโนสเญฺจตนาติ เจตนา เอว วุจฺจติฯ วิญฺญาณนฺติ ยํกิญฺจิ จิตฺตํฯ
Phassodutiyoti cakkhusamphassādi chabbidhopi phasso. Etesu catūsu āhāresu dutiyo āhāroti veditabbo. Desanānayo eva cesa. Tasmā iminā nāma kāraṇena dutiyo vā tatiyo vāti idamettha na gavesitabbaṃ. Manosañcetanāti cetanā eva vuccati. Viññāṇanti yaṃkiñci cittaṃ.
เอตฺถาห, ยทิ ปจฺจยโฎฺฐ อาหารโฎฺฐ, อถ กสฺมา อเญฺญสุปิ สตฺตานํ ปจฺจเยสุ วิชฺชมาเนสุ อิเมเยว จตฺตาโร วุตฺตาติ? วุจฺจเต, อชฺฌตฺติกสนฺตติยา วิเสสปจฺจยตฺตาฯ วิเสสปจฺจโย หิ กพฬีการาหารภกฺขานํ สตฺตานํ รูปกายสฺส กพฬีกาโร อาหาโรฯ นามกาเย เวทนาย ผโสฺส, วิญฺญาณสฺส มโนสเญฺจตนา, นามรูปสฺส วิญฺญาณํฯ ยถาห –
Etthāha, yadi paccayaṭṭho āhāraṭṭho, atha kasmā aññesupi sattānaṃ paccayesu vijjamānesu imeyeva cattāro vuttāti? Vuccate, ajjhattikasantatiyā visesapaccayattā. Visesapaccayo hi kabaḷīkārāhārabhakkhānaṃ sattānaṃ rūpakāyassa kabaḷīkāro āhāro. Nāmakāye vedanāya phasso, viññāṇassa manosañcetanā, nāmarūpassa viññāṇaṃ. Yathāha –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อยํ กาโย อาหารฎฺฐิติโก, อาหารํ ปฎิจฺจ ติฎฺฐติ, อนาหาโร โน ติฎฺฐติฯ ตถา ผสฺสปจฺจยา เวทนา, สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติฯ
‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, ayaṃ kāyo āhāraṭṭhitiko, āhāraṃ paṭicca tiṭṭhati, anāhāro no tiṭṭhati. Tathā phassapaccayā vedanā, saṅkhārapaccayā viññāṇaṃ, viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti.
โก ปเนตฺถ อาหาโร, กิํ อาหรตีติ? กพฬีการาหาโร โอชฎฺฐมกรูปานิ อาหรติฯ ผสฺสาหาโร ติโสฺส เวทนา, มโนสเญฺจตนาหาโร ตโย ภเว, วิญฺญาณาหาโร ปฎิสนฺธินามรูปนฺติฯ
Ko panettha āhāro, kiṃ āharatīti? Kabaḷīkārāhāro ojaṭṭhamakarūpāni āharati. Phassāhāro tisso vedanā, manosañcetanāhāro tayo bhave, viññāṇāhāro paṭisandhināmarūpanti.
กถํ? กพฬีการาหาโร ตาว มุเข ฐปิตมโตฺตเยว อฎฺฐ รูปานิ สมุฎฺฐาเปติฯ ทนฺตวิจุณฺณิตํ ปน อโชฺฌหริยมานํ เอเกกํ สิตฺถํ อฎฺฐฎฺฐ รูปานิ สมุฎฺฐาเปติเยวฯ เอวํ โอชฎฺฐมกรูปานิ อาหรติฯ
Kathaṃ? Kabaḷīkārāhāro tāva mukhe ṭhapitamattoyeva aṭṭha rūpāni samuṭṭhāpeti. Dantavicuṇṇitaṃ pana ajjhohariyamānaṃ ekekaṃ sitthaṃ aṭṭhaṭṭha rūpāni samuṭṭhāpetiyeva. Evaṃ ojaṭṭhamakarūpāni āharati.
ผสฺสาหาโร ปน สุขเวทนิโย ผโสฺส อุปฺปชฺชมาโน สุขเวทนํ อาหรติ, ตถา ทุกฺขเวทนิโย ทุกฺขํ, อทุกฺขมสุขเวทนิโย อทุกฺขมสุขนฺติ เอวํ สพฺพถาปิ ผสฺสาหาโร ติโสฺส เวทนา อาหรติฯ
Phassāhāro pana sukhavedaniyo phasso uppajjamāno sukhavedanaṃ āharati, tathā dukkhavedaniyo dukkhaṃ, adukkhamasukhavedaniyo adukkhamasukhanti evaṃ sabbathāpi phassāhāro tisso vedanā āharati.
มโนสเญฺจตนาหาโร กามภวูปคํ กมฺมํ กามภวํ อาหรติ, รูปารูปภวูปคานิ ตํ ตํ ภวํฯ เอวํ สพฺพถาปิ มโนสเญฺจตนาหาโร ตโย ภเว อาหรติฯ
Manosañcetanāhāro kāmabhavūpagaṃ kammaṃ kāmabhavaṃ āharati, rūpārūpabhavūpagāni taṃ taṃ bhavaṃ. Evaṃ sabbathāpi manosañcetanāhāro tayo bhave āharati.
วิญฺญาณาหาโร ปน เย จ ปฎิสนฺธิกฺขเณ ตํสมฺปยุตฺตกา ตโย ขนฺธา, ยานิ จ ติสนฺตติวเสน ติํสรูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ, สหชาตาทิปจฺจยนเยน ตานิ อาหรตีติ วุจฺจติฯ เอวํ วิญฺญาณาหาโร ปฎิสนฺธินามรูปํ อาหรตีติฯ
Viññāṇāhāro pana ye ca paṭisandhikkhaṇe taṃsampayuttakā tayo khandhā, yāni ca tisantativasena tiṃsarūpāni uppajjanti, sahajātādipaccayanayena tāni āharatīti vuccati. Evaṃ viññāṇāhāro paṭisandhināmarūpaṃ āharatīti.
เอตฺถ จ มโนสเญฺจตนาหาโร ตโย ภเว อาหรตีติ สาสวา กุสลากุสลเจตนาว วุตฺตาฯ วิญฺญาณํ ปฎิสนฺธินามรูปํ อาหรตีติ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณเมว วุตฺตํ ฯ อวิเสเสน ปน ตํสมฺปยุตฺตตํสมุฎฺฐานธมฺมานํ อาหรณโต เปเต อาหาราติ เวทิตพฺพาฯ
Ettha ca manosañcetanāhāro tayo bhave āharatīti sāsavā kusalākusalacetanāva vuttā. Viññāṇaṃ paṭisandhināmarūpaṃ āharatīti paṭisandhiviññāṇameva vuttaṃ . Avisesena pana taṃsampayuttataṃsamuṭṭhānadhammānaṃ āharaṇato pete āhārāti veditabbā.
เอเตสุ จตูสุ อาหาเรสุ กพฬีการาหาโร อุปตฺถเมฺภโนฺต อาหารกิจฺจํ สาเธติฯ ผโสฺส ผุสโนฺตเยว, มโนสเญฺจตนา อายูหมานาวฯ วิญฺญาณํ วิชานนฺตเมวฯ
Etesu catūsu āhāresu kabaḷīkārāhāro upatthambhento āhārakiccaṃ sādheti. Phasso phusantoyeva, manosañcetanā āyūhamānāva. Viññāṇaṃ vijānantameva.
กถํ? กพฬีการาหาโร หิ อุปตฺถเมฺภโนฺตเยว กายฎฺฐปเนน สตฺตานํ ฐิติยา โหติฯ กมฺมชนิโตปิ หิ อยํ กาโย กพฬีการาหาเรน อุปตฺถมฺภิโต ทสปิ วสฺสานิ วสฺสสตมฺปิ ยาว อายุปริมาณํ ติฎฺฐติฯ ยถา กิํ? ยถา มาตุยา ชนิโตปิ ทารโก ธาติยา ถญฺญาทีนิ ปาเยตฺวา โปสิยมาโนว จิรํ ติฎฺฐติ, ยถา จุปตฺถเมฺภน อุปตฺถมฺภิตเคหํฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Kathaṃ? Kabaḷīkārāhāro hi upatthambhentoyeva kāyaṭṭhapanena sattānaṃ ṭhitiyā hoti. Kammajanitopi hi ayaṃ kāyo kabaḷīkārāhārena upatthambhito dasapi vassāni vassasatampi yāva āyuparimāṇaṃ tiṭṭhati. Yathā kiṃ? Yathā mātuyā janitopi dārako dhātiyā thaññādīni pāyetvā posiyamānova ciraṃ tiṭṭhati, yathā cupatthambhena upatthambhitagehaṃ. Vuttampi cetaṃ –
‘‘ยถา มหาราช เคเห ปตเนฺต อเญฺญน ทารุนา อุปตฺถเมฺภนฺติ, อเญฺญน ทารุนา อุปตฺถมฺภิตํ สนฺตํ เอวํ ตํ เคหํ น ปตติ, เอวเมว โข มหาราช อยํ กาโย อาหารฎฺฐิติโก, อาหารํ ปฎิจฺจ ติฎฺฐตี’’ติฯ
‘‘Yathā mahārāja gehe patante aññena dārunā upatthambhenti, aññena dārunā upatthambhitaṃ santaṃ evaṃ taṃ gehaṃ na patati, evameva kho mahārāja ayaṃ kāyo āhāraṭṭhitiko, āhāraṃ paṭicca tiṭṭhatī’’ti.
เอวํ กพฬีกาโร อาหาโร อุปตฺถเมฺภโนฺต อาหารกิจฺจํ สาเธติฯ เอวํ สาเธโนฺตปิ จ กพฬีกาโร อาหาโร ทฺวินฺนํ รูปสนฺตตีนํ ปจฺจโย โหติ อาหารสมุฎฺฐานสฺส จ อุปาทินฺนสฺส จฯ กมฺมชานํ อนุปาลโก หุตฺวา ปจฺจโย โหติฯ อาหารสมุฎฺฐานานํ ชนโก หุตฺวา ปจฺจโย โหติฯ
Evaṃ kabaḷīkāro āhāro upatthambhento āhārakiccaṃ sādheti. Evaṃ sādhentopi ca kabaḷīkāro āhāro dvinnaṃ rūpasantatīnaṃ paccayo hoti āhārasamuṭṭhānassa ca upādinnassa ca. Kammajānaṃ anupālako hutvā paccayo hoti. Āhārasamuṭṭhānānaṃ janako hutvā paccayo hoti.
ผโสฺส ปน สุขาทิวตฺถุภูตํ อารมฺมณํ ผุสโนฺตเยว สุขาทิเวทนาปวตฺตเนน สตฺตานํ ฐิติยา โหติฯ มโนสเญฺจตนา กุสลากุสลกมฺมวเสน อายูหมานาเยว ภวมูลนิปฺผาทนโต สตฺตานํ ฐิติยา โหติฯ วิญฺญาณํ วิชานนฺตเมว นามรูปปฺปวตฺตเนน สตฺตานํ ฐิติยา โหติฯ
Phasso pana sukhādivatthubhūtaṃ ārammaṇaṃ phusantoyeva sukhādivedanāpavattanena sattānaṃ ṭhitiyā hoti. Manosañcetanā kusalākusalakammavasena āyūhamānāyeva bhavamūlanipphādanato sattānaṃ ṭhitiyā hoti. Viññāṇaṃ vijānantameva nāmarūpappavattanena sattānaṃ ṭhitiyā hoti.
เอวํ อุปตฺถมฺภนาทิวเสน อาหารกิจฺจํ สาธยมาเนสุ ปเนเตสุ จตฺตาริ ภยานิ ทฎฺฐพฺพานิฯ เสยฺยถิทํ, กพฬีการาหาเร นิกนฺติเยว ภยํ, ผเสฺส อุปคมนเมว, มโนสเญฺจตนาย อายูหนเมว, วิญฺญาเณ อภินิปาโตเยว ภยนฺติฯ กิํ การณา? กพฬีการาหาเร หิ นิกนฺติํ กตฺวา สีตาทีนํ ปุเรกฺขตา สตฺตา อาหารตฺถาย มุทฺทาคณนาทิกมฺมานิ กโรนฺตา อนปฺปกํ ทุกฺขํ นิคจฺฉนฺติฯ เอกเจฺจ จ อิมสฺมิํ สาสเน ปพฺพชิตฺวาปิ เวชฺชกมฺมาทิกาย อเนสนาย อาหารํ ปริเยสนฺตา ทิเฎฺฐปิ ธเมฺม คารยฺหา โหนฺติฯ สมฺปราเยปิ ตสฺส สงฺฆาฎิปิ อาทิตฺตา สมฺปชฺชลิตาติอาทินา ลกฺขณสํยุเตฺต วุตฺตนเยน สมณเปตา โหนฺติฯ อิมินาว ตาว การเณน กพฬีการาหาเร นิกนฺติเยว ภยนฺติ เวทิตพฺพาฯ
Evaṃ upatthambhanādivasena āhārakiccaṃ sādhayamānesu panetesu cattāri bhayāni daṭṭhabbāni. Seyyathidaṃ, kabaḷīkārāhāre nikantiyeva bhayaṃ, phasse upagamanameva, manosañcetanāya āyūhanameva, viññāṇe abhinipātoyeva bhayanti. Kiṃ kāraṇā? Kabaḷīkārāhāre hi nikantiṃ katvā sītādīnaṃ purekkhatā sattā āhāratthāya muddāgaṇanādikammāni karontā anappakaṃ dukkhaṃ nigacchanti. Ekacce ca imasmiṃ sāsane pabbajitvāpi vejjakammādikāya anesanāya āhāraṃ pariyesantā diṭṭhepi dhamme gārayhā honti. Samparāyepi tassa saṅghāṭipi ādittā sampajjalitātiādinā lakkhaṇasaṃyutte vuttanayena samaṇapetā honti. Imināva tāva kāraṇena kabaḷīkārāhāre nikantiyeva bhayanti veditabbā.
ผสฺสํ อุปคจฺฉนฺตาปิ ผสฺสสฺสาทิโน ปเรสํ รกฺขิตโคปิเตสุ ทาราทีสุ ภเณฺฑสุ อปรชฺฌนฺติฯ เต สห ภเณฺฑน ภณฺฑสามิกา คเหตฺวา ขณฺฑาขณฺฑิกํ วา ฉินฺทิตฺวา สงฺการกูเฎสุ ฉเฑฺฑนฺติฯ รโญฺญ วา นิยฺยาเตนฺติฯ ตโต เน ราชา วิวิธา กมฺมการณา การาเปติฯ กายสฺส จ เภทา ทุคฺคติ เนสํ ปาฎิกงฺขา โหติฯ อิติ ผสฺสสฺสาทมูลกํ ทิฎฺฐธมฺมิกมฺปิ สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ สพฺพมาคตเมว โหติฯ อิมินา การเณน ผสฺสาหาเร อุปคมนเมว ภยนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Phassaṃ upagacchantāpi phassassādino paresaṃ rakkhitagopitesu dārādīsu bhaṇḍesu aparajjhanti. Te saha bhaṇḍena bhaṇḍasāmikā gahetvā khaṇḍākhaṇḍikaṃ vā chinditvā saṅkārakūṭesu chaḍḍenti. Rañño vā niyyātenti. Tato ne rājā vividhā kammakāraṇā kārāpeti. Kāyassa ca bhedā duggati nesaṃ pāṭikaṅkhā hoti. Iti phassassādamūlakaṃ diṭṭhadhammikampi samparāyikampi bhayaṃ sabbamāgatameva hoti. Iminā kāraṇena phassāhāre upagamanameva bhayanti veditabbaṃ.
กุสลากุสลกมฺมายูหเนเนว ปน ตมฺมูลกํ ตีสุ ภเวสุ ภยํ สพฺพมาคตํเยว โหติฯ อิมินา การเณน มโนสเญฺจตนาหาเร อายูหนเมว ภยนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Kusalākusalakammāyūhaneneva pana tammūlakaṃ tīsu bhavesu bhayaṃ sabbamāgataṃyeva hoti. Iminā kāraṇena manosañcetanāhāre āyūhanameva bhayanti veditabbaṃ.
ปฎิสนฺธิวิญฺญาณญฺจ ยสฺมิํ ยสฺมิํ ฐาเน อภินิปตติ, ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน ปฎิสนฺธินามรูปํ คเหตฺวาว นิพฺพตฺตติ, ตสฺมิญฺจ นิพฺพเตฺต สพฺพภยานิ นิพฺพตฺตานิเยว โหนฺติ, ตมฺมูลกตฺตาติ, อิมินา การเณน วิญฺญาณาหาเร อภินิปาโตเยว ภยนฺติ เวทิตโพฺพฯ
Paṭisandhiviññāṇañca yasmiṃ yasmiṃ ṭhāne abhinipatati, tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne paṭisandhināmarūpaṃ gahetvāva nibbattati, tasmiñca nibbatte sabbabhayāni nibbattāniyeva honti, tammūlakattāti, iminā kāraṇena viññāṇāhāre abhinipātoyeva bhayanti veditabbo.
เอวํ สภเยสุ ปน อิเมสุ อาหาเรสุ สมฺมาสมฺพุโทฺธ กพฬีการาหาเร นิกนฺติปริยาทานตฺถํ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, เทฺว ชายมฺปติกา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๖๓) นเยน ปุตฺตมํสูปมํ เทเสสิฯ ผสฺสาหาเร นิกนฺติปริยาทานตฺถํ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, คาวี นิจฺจมฺมา’’ติอาทินา นเยน นิจฺจมฺมคาวูปมํ เทเสสิฯ มโนสเญฺจตนาหาเร นิกนฺติปริยาทานตฺถํ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, องฺคารกาสู’’ติอาทินา นเยน องฺคารกาสูปมํ เทเสสิฯ วิญฺญาณาหาเร นิกนฺติปริยาทานตฺถํ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, โจรํ อาคุจาริ’’นฺติอาทินา นเยน สตฺติสตาหตูปมํ เทเสสิฯ
Evaṃ sabhayesu pana imesu āhāresu sammāsambuddho kabaḷīkārāhāre nikantipariyādānatthaṃ ‘‘seyyathāpi, bhikkhave, dve jāyampatikā’’tiādinā (saṃ. ni. 2.63) nayena puttamaṃsūpamaṃ desesi. Phassāhāre nikantipariyādānatthaṃ ‘‘seyyathāpi, bhikkhave, gāvī niccammā’’tiādinā nayena niccammagāvūpamaṃ desesi. Manosañcetanāhāre nikantipariyādānatthaṃ ‘‘seyyathāpi, bhikkhave, aṅgārakāsū’’tiādinā nayena aṅgārakāsūpamaṃ desesi. Viññāṇāhāre nikantipariyādānatthaṃ ‘‘seyyathāpi, bhikkhave, coraṃ āgucāri’’ntiādinā nayena sattisatāhatūpamaṃ desesi.
ตตฺรายํ ภูตมตฺถํ กตฺวา สเงฺขปโต อตฺถโยชนา, เทฺว กิร ชายมฺปติกา ปุตฺตํ คเหตฺวา ปริเตฺตน ปาเถเยฺยน โยชนสติกํ กนฺตารมคฺคํ ปฎิปชฺชิํสุฯ เตสํ ปญฺญาส โยชนานิ คนฺตฺวา ปาเถยฺยํ นิฎฺฐาสิฯ เต ขุปฺปิปาสาตุรา วิรฬจฺฉายายํ นิสีทิํสุฯ ตโต ปุริโส ภริยํ อาห ‘‘ภเทฺท อิโต สมนฺตา ปญฺญาส โยชนานิ คาโม วา นิคโม วา นตฺถิ, ตสฺมา ยํ ตํ ปุริเสน กาตพฺพํ พหุมฺปิ กสิโครกฺขาทิกมฺมํ, น ทานิ สกฺกา ตํ มยา กาตุํ, เอหิ มํ มาเรตฺวา อุปฑฺฒมํสํ ขาทิตฺวา อุปฑฺฒํ ปาเถยฺยํ กตฺวา ปุเตฺตน สทฺธิํ กนฺตารํ นิตฺถราหี’’ติฯ สาปิ อาห ‘‘สามิ มยา ทานิ ยํ ตํ อิตฺถิยา กาตพฺพํ พหุมฺปิ สุตฺตกนฺตนาทิกมฺมํ, ตํ กาตุํ น สกฺกา, เอหิ มํ มาเรตฺวา อุปฑฺฒมํสํ ขาทิตฺวา อุปฑฺฒํ ปาเถยฺยํ กตฺวา ปุเตฺตน สทฺธิํ กนฺตารํ นิตฺถราหี’’ติฯ ตโต โส ตํ อาห ‘‘ภเทฺท มาตุคามมรเณน ทฺวินฺนํ มรณํ ปญฺญายติฯ น หิ มโนฺท กุมาโร มาตรํ วินา ชีวิตุํ สโกฺกติฯ ยทิ ปน มยํ ชีวาม, ปุน ทารกํ ลเภยฺยาม, หนฺท ทานิ ปุตฺตกํ มาเรตฺวา มํสํ คเหตฺวา กนฺตารํ นิตฺถรามา’’ติฯ
Tatrāyaṃ bhūtamatthaṃ katvā saṅkhepato atthayojanā, dve kira jāyampatikā puttaṃ gahetvā parittena pātheyyena yojanasatikaṃ kantāramaggaṃ paṭipajjiṃsu. Tesaṃ paññāsa yojanāni gantvā pātheyyaṃ niṭṭhāsi. Te khuppipāsāturā viraḷacchāyāyaṃ nisīdiṃsu. Tato puriso bhariyaṃ āha ‘‘bhadde ito samantā paññāsa yojanāni gāmo vā nigamo vā natthi, tasmā yaṃ taṃ purisena kātabbaṃ bahumpi kasigorakkhādikammaṃ, na dāni sakkā taṃ mayā kātuṃ, ehi maṃ māretvā upaḍḍhamaṃsaṃ khāditvā upaḍḍhaṃ pātheyyaṃ katvā puttena saddhiṃ kantāraṃ nittharāhī’’ti. Sāpi āha ‘‘sāmi mayā dāni yaṃ taṃ itthiyā kātabbaṃ bahumpi suttakantanādikammaṃ, taṃ kātuṃ na sakkā, ehi maṃ māretvā upaḍḍhamaṃsaṃ khāditvā upaḍḍhaṃ pātheyyaṃ katvā puttena saddhiṃ kantāraṃ nittharāhī’’ti. Tato so taṃ āha ‘‘bhadde mātugāmamaraṇena dvinnaṃ maraṇaṃ paññāyati. Na hi mando kumāro mātaraṃ vinā jīvituṃ sakkoti. Yadi pana mayaṃ jīvāma, puna dārakaṃ labheyyāma, handa dāni puttakaṃ māretvā maṃsaṃ gahetvā kantāraṃ nittharāmā’’ti.
ตโต มาตา ปุตฺตมาห ‘‘ตาต ปิตุ สนฺติกํ คจฺฉาหี’’ติฯ โส อคมาสิฯ อถสฺส ปิตา ‘‘มยา ปุตฺตกํ โปเสสฺสามีติ กสิโครกฺขาทีหิ อนปฺปกํ ทุกฺขมนุภูตํ, น สโกฺกมิ ปุตฺตํ มาเรตุํ, ตฺวํเยว ตว ปุตฺตกํ มาเรหี’’ติ วตฺวา ‘‘ตาต มาตุสนฺติกเมว คจฺฉาหี’’ติ อาหฯ โส อคมาสิฯ อถสฺส มาตาปิ ‘‘มยา ปุตฺตํ ปเตฺถนฺติยา โควตกุกฺกุรวตเทวตายาจนาทีหิปิ ตาว อนปฺปกํ ทุกฺขํ อนุภูตํ, โก ปน วาโท กุจฺฉินา ปริหรนฺติยา? น สกฺกาหํ ปุตฺตํ มาเรตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘ตาต ปิตุสนฺติกํเยว คจฺฉาหี’’ติ อาหฯ เอวํ โส ทฺวินฺนํ อนฺตรา คจฺฉโนฺตเยว มโตฯ เต ตํ ทิสฺวา ปริเทวิตฺวา ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว มํสานิ คเหตฺวา ขาทนฺตา ปกฺกมิํสุฯ เตสํ โส ปุตฺตมํสาหาโร นวหิ การเณหิ ปฎิกุลตฺตา เนว ทวาย โหติ, น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย, เกวลํ กนฺตารนิตฺถรณตฺถาเยว โหติฯ
Tato mātā puttamāha ‘‘tāta pitu santikaṃ gacchāhī’’ti. So agamāsi. Athassa pitā ‘‘mayā puttakaṃ posessāmīti kasigorakkhādīhi anappakaṃ dukkhamanubhūtaṃ, na sakkomi puttaṃ māretuṃ, tvaṃyeva tava puttakaṃ mārehī’’ti vatvā ‘‘tāta mātusantikameva gacchāhī’’ti āha. So agamāsi. Athassa mātāpi ‘‘mayā puttaṃ patthentiyā govatakukkuravatadevatāyācanādīhipi tāva anappakaṃ dukkhaṃ anubhūtaṃ, ko pana vādo kucchinā pariharantiyā? Na sakkāhaṃ puttaṃ māretu’’nti vatvā ‘‘tāta pitusantikaṃyeva gacchāhī’’ti āha. Evaṃ so dvinnaṃ antarā gacchantoyeva mato. Te taṃ disvā paridevitvā pubbe vuttanayeneva maṃsāni gahetvā khādantā pakkamiṃsu. Tesaṃ so puttamaṃsāhāro navahi kāraṇehi paṭikulattā neva davāya hoti, na madāya na maṇḍanāya na vibhūsanāya, kevalaṃ kantāranittharaṇatthāyeva hoti.
กตเมหิ นวหิ การเณหิ ปฎิกูโลติ เจ? สชาติมํสตาย ญาติมํสตาย ปุตฺตมํสตาย ปิยปุตฺตมํสตาย ตรุณมํสตาย อามกมํสตาย อโครสมํสตาย อโลณตาย อธูปิตตายาติฯ ตสฺมา โย ภิกฺขุ กพฬีการาหารํ เอวํ ปุตฺตมํสสทิสํ ปสฺสติ , โส ตตฺถ นิกนฺติํ ปริยาทิยติฯ อยํ ตาว ปุตฺตมํสูปมายํ อตฺถโยชนาฯ
Katamehi navahi kāraṇehi paṭikūloti ce? Sajātimaṃsatāya ñātimaṃsatāya puttamaṃsatāya piyaputtamaṃsatāya taruṇamaṃsatāya āmakamaṃsatāya agorasamaṃsatāya aloṇatāya adhūpitatāyāti. Tasmā yo bhikkhu kabaḷīkārāhāraṃ evaṃ puttamaṃsasadisaṃ passati , so tattha nikantiṃ pariyādiyati. Ayaṃ tāva puttamaṃsūpamāyaṃ atthayojanā.
นิจฺจมฺมคาวูปมายํ ปน ยถา สา คาวี คีวโต ยาว ขุรา, ตาว จมฺมํ อุทฺทาเลตฺวา มุตฺตา ยํ ยเทว นิสฺสาย ติฎฺฐติ, ตตฺถ ปาณเกหิ ขชฺชมานา ทุกฺขเสฺสวาธิกรณํ โหติ, เอวํ ผโสฺสปิ ยํ ยเทว วตฺถุํ อารมฺมณํ วา นิสฺสาย ติฎฺฐติ, ตํตํวตฺถารมฺมณสมฺภวสฺส เวทยิตทุกฺขสฺส อธิกรณเมว โหติฯ ตสฺมา โย ภิกฺขุ ผสฺสาหารํ เอวํ นิจฺจมฺมคาวิสทิสํ ปสฺสติ , โส ตตฺถ นิกนฺติํ ปริยาทิยติ, อยํ นิจฺจมฺมคาวูปมายํ อตฺถโยชนาฯ
Niccammagāvūpamāyaṃ pana yathā sā gāvī gīvato yāva khurā, tāva cammaṃ uddāletvā muttā yaṃ yadeva nissāya tiṭṭhati, tattha pāṇakehi khajjamānā dukkhassevādhikaraṇaṃ hoti, evaṃ phassopi yaṃ yadeva vatthuṃ ārammaṇaṃ vā nissāya tiṭṭhati, taṃtaṃvatthārammaṇasambhavassa vedayitadukkhassa adhikaraṇameva hoti. Tasmā yo bhikkhu phassāhāraṃ evaṃ niccammagāvisadisaṃ passati , so tattha nikantiṃ pariyādiyati, ayaṃ niccammagāvūpamāyaṃ atthayojanā.
องฺคารกาสูปมายํ ปน ยถา สา องฺคารกาสุ, เอวํ มหาปริฬาหเฎฺฐน ตโย ภวาฯ ยถา นานาพาหาสุ คเหตฺวา ตตฺถ อุปกฑฺฒกา เทฺว ปุริสา, เอวํ ภเวสุ อุปกฑฺฒนเฎฺฐน มโนสเญฺจตนาฯ ตสฺมา โย ภิกฺขุ มโนสเญฺจตนาหารํ เอวํ องฺคารกาสูปกฑฺฒกปุริสสทิสํ ปสฺสติ, โส ตตฺถ นิกนฺติํ ปริยาทิยติ, อยํ องฺคารกาสูปมายํ อตฺถโยชนาฯ
Aṅgārakāsūpamāyaṃ pana yathā sā aṅgārakāsu, evaṃ mahāpariḷāhaṭṭhena tayo bhavā. Yathā nānābāhāsu gahetvā tattha upakaḍḍhakā dve purisā, evaṃ bhavesu upakaḍḍhanaṭṭhena manosañcetanā. Tasmā yo bhikkhu manosañcetanāhāraṃ evaṃ aṅgārakāsūpakaḍḍhakapurisasadisaṃ passati, so tattha nikantiṃ pariyādiyati, ayaṃ aṅgārakāsūpamāyaṃ atthayojanā.
สตฺติสตาหตูปมายํ ปน เยน โส ปุริโส ปุพฺพณฺหสมเย สตฺติสเตน หญฺญติ, ตมสฺส สรีเร วณมุขสตํ กตฺวา อนฺตรา อฎฺฐตฺวา วินิวิชฺฌิตฺวา อปรภาเคเยว ปตติ, เอวํ อิตรานิ เทฺว สตฺติสตานิ, เอวมสฺส ปติโตกาเส อปติตฺวา อปติตฺวา คตาหิ สตฺตีหิ สพฺพสรีรํ ฉิทฺทาวฉิทฺทเมว โหติ, ตสฺส เอกวณมุเขปิ อุปฺปนฺนสฺส ทุกฺขสฺส ปมาณํ นตฺถิ, โก ปน วาโท ตีสุ วณมุขสเตสุ? ตตฺถ สตฺตินิปาตกาโล วิย ปฎิสนฺธิวิญฺญาณนิพฺพตฺตกาโลฯ วณมุขชนนํ วิย ขนฺธชนนํฯ วณมุเขสุ ทุกฺขเวทนุปฺปาโท วิย ชาเตสุ ขเนฺธสุ วฎฺฎมูลกนานาวิธทุกฺขุปฺปาโทฯ อปโร นโย, อาคุจารี ปุริโส วิย ปฎิสนฺธิวิญฺญาณํฯ ตสฺส สตฺติฆาเตหิ อุปฺปนฺนวณมุขานิ วิย วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํฯ วณมุขปจฺจยา ตสฺส ปุริสสฺส กกฺขฬทุกฺขุปฺปาโท วิย นามรูปปจฺจยา วิญฺญาณสฺส ทฺวตฺติํสกมฺมการณอฎฺฐนวุติโรคาทิวเสน นานปฺปการกทุกฺขุปฺปาโท ทฎฺฐโพฺพฯ ตสฺมา โย ภิกฺขุ วิญฺญาณาหารํ เอวํ สตฺติสตาหตสทิสํ ปสฺสติฯ โส ตตฺถ นิกนฺติํ ปริยาทิยติ, อยํ สตฺติสตาหตูปมายํ อตฺถโยชนาฯ
Sattisatāhatūpamāyaṃ pana yena so puriso pubbaṇhasamaye sattisatena haññati, tamassa sarīre vaṇamukhasataṃ katvā antarā aṭṭhatvā vinivijjhitvā aparabhāgeyeva patati, evaṃ itarāni dve sattisatāni, evamassa patitokāse apatitvā apatitvā gatāhi sattīhi sabbasarīraṃ chiddāvachiddameva hoti, tassa ekavaṇamukhepi uppannassa dukkhassa pamāṇaṃ natthi, ko pana vādo tīsu vaṇamukhasatesu? Tattha sattinipātakālo viya paṭisandhiviññāṇanibbattakālo. Vaṇamukhajananaṃ viya khandhajananaṃ. Vaṇamukhesu dukkhavedanuppādo viya jātesu khandhesu vaṭṭamūlakanānāvidhadukkhuppādo. Aparo nayo, āgucārī puriso viya paṭisandhiviññāṇaṃ. Tassa sattighātehi uppannavaṇamukhāni viya viññāṇapaccayā nāmarūpaṃ. Vaṇamukhapaccayā tassa purisassa kakkhaḷadukkhuppādo viya nāmarūpapaccayā viññāṇassa dvattiṃsakammakāraṇaaṭṭhanavutirogādivasena nānappakārakadukkhuppādo daṭṭhabbo. Tasmā yo bhikkhu viññāṇāhāraṃ evaṃ sattisatāhatasadisaṃ passati. So tattha nikantiṃ pariyādiyati, ayaṃ sattisatāhatūpamāyaṃ atthayojanā.
โส เอวํ อิเมสุ อาหาเรสุ นิกนฺติํ ปริยาทิยโนฺต จตฺตาโรปิ อาหาเร ปริชานาติ, เยสุ ปริญฺญาเตสุ สพฺพมฺปิ ปริญฺญาตํ วตฺถุ ปริญฺญาตเมว โหติฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –
So evaṃ imesu āhāresu nikantiṃ pariyādiyanto cattāropi āhāre parijānāti, yesu pariññātesu sabbampi pariññātaṃ vatthu pariññātameva hoti. Vuttañhetaṃ bhagavatā –
‘‘กพฬีกาเร, ภิกฺขเว, อาหาเร ปริญฺญาเต ปญฺจกามคุณิโก ราโค ปริญฺญาโต โหติฯ ปญฺจกามคุณิเก ราเค ปริญฺญาเต นตฺถิ ตํ สํโยชนํ, เยน สํโยชเนน สํยุโตฺต อริยสาวโก ปุน อิมํ โลกํ อาคเจฺฉยฺยฯ ผเสฺส, ภิกฺขเว, อาหาเร ปริญฺญาเต ติโสฺส เวทนา ปริญฺญาตา โหนฺติฯ ตีสุ เวทนาสุ ปริญฺญาตาสุ อริยสาวกสฺส นตฺถิ กิญฺจิ อุตฺตริกรณียนฺติ วทามิฯ มโนสเญฺจตนาย, ภิกฺขเว, อาหาเร ปริญฺญาเต ติโสฺส ตณฺหา ปริญฺญาตา โหนฺติฯ ตีสุ ตณฺหาสุ ปริญฺญาตาสุ อริยสาวกสฺส นตฺถิ กิญฺจิ อุตฺตริกรณียนฺติ วทามิฯ วิญฺญาเณ, ภิกฺขเว, อาหาเร ปริญฺญาเต นามรูปํ ปริญฺญาตํ โหติฯ นามรูเป ปริญฺญาเต อริยสาวกสฺส นตฺถิ กิญฺจิ อุตฺตริกรณียนฺติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๓)ฯ
‘‘Kabaḷīkāre, bhikkhave, āhāre pariññāte pañcakāmaguṇiko rāgo pariññāto hoti. Pañcakāmaguṇike rāge pariññāte natthi taṃ saṃyojanaṃ, yena saṃyojanena saṃyutto ariyasāvako puna imaṃ lokaṃ āgaccheyya. Phasse, bhikkhave, āhāre pariññāte tisso vedanā pariññātā honti. Tīsu vedanāsu pariññātāsu ariyasāvakassa natthi kiñci uttarikaraṇīyanti vadāmi. Manosañcetanāya, bhikkhave, āhāre pariññāte tisso taṇhā pariññātā honti. Tīsu taṇhāsu pariññātāsu ariyasāvakassa natthi kiñci uttarikaraṇīyanti vadāmi. Viññāṇe, bhikkhave, āhāre pariññāte nāmarūpaṃ pariññātaṃ hoti. Nāmarūpe pariññāte ariyasāvakassa natthi kiñci uttarikaraṇīyanti vadāmī’’ti (saṃ. ni. 2.63).
ตณฺหาสมุทยา อาหารสมุทโยติ ปุริมตณฺหาสมุทยา ปฎิสนฺธิกานํ อาหารานํ สมุทโย นิพฺพโตฺต โหตีติ อโตฺถฯ กถํ? ปฎิสนฺธิกฺขเณ หิ ติสนฺตติวเสน อุปฺปนฺนสมติํสรูปพฺภนฺตเร ชาตา โอชา อตฺถิฯ อยํ ตณฺหาปจฺจยา นิพฺพโตฺต อุปาทินฺนกกพฬีการาหาโรฯ ปฎิสนฺธิจิตฺตสมฺปยุตฺตา ปน ผสฺสเจตนา สยญฺจ จิตฺตํ วิญฺญาณนฺติ อิเม ตณฺหาปจฺจยา นิพฺพตฺตา อุปาทินฺนกผสฺสมโนสเญฺจตนา วิญฺญาณาหาราติฯ เอวํ ตาว ปุริมตณฺหาสมุทยา ปฎิสนฺธิกานํ อาหารานํ สมุทโย เวทิตโพฺพฯ ยสฺมา ปนิธ อุปาทินฺนกาปิ อนุปาทินฺนกาปิ อาหารา มิเสฺสตฺวา กถิตา, ตสฺมา อนุปาทินฺนกานมฺปิ เอวํ ตณฺหาสมุทยา อาหารสมุทโย เวทิตโพฺพ ฯ อฎฺฐโลภสหคตจิตฺตสมุฎฺฐิเตสุ หิ รูเปสุ โอชา อตฺถิ, อยํ สหชาตตณฺหาปจฺจยา นิพฺพโตฺต อนุปาทินฺนกกพฬีการาหาโรฯ โลภสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตา ปน ผสฺสเจตนา สยญฺจ จิตฺตํ วิญฺญาณนฺติ อิเม ตณฺหาปจฺจยา นิพฺพตฺตา อนุปาทินฺนกผสฺสมโนสเญฺจตนา วิญฺญาณาหาราติฯ
Taṇhāsamudayā āhārasamudayoti purimataṇhāsamudayā paṭisandhikānaṃ āhārānaṃ samudayo nibbatto hotīti attho. Kathaṃ? Paṭisandhikkhaṇe hi tisantativasena uppannasamatiṃsarūpabbhantare jātā ojā atthi. Ayaṃ taṇhāpaccayā nibbatto upādinnakakabaḷīkārāhāro. Paṭisandhicittasampayuttā pana phassacetanā sayañca cittaṃ viññāṇanti ime taṇhāpaccayā nibbattā upādinnakaphassamanosañcetanā viññāṇāhārāti. Evaṃ tāva purimataṇhāsamudayā paṭisandhikānaṃ āhārānaṃ samudayo veditabbo. Yasmā panidha upādinnakāpi anupādinnakāpi āhārā missetvā kathitā, tasmā anupādinnakānampi evaṃ taṇhāsamudayā āhārasamudayo veditabbo . Aṭṭhalobhasahagatacittasamuṭṭhitesu hi rūpesu ojā atthi, ayaṃ sahajātataṇhāpaccayā nibbatto anupādinnakakabaḷīkārāhāro. Lobhasahagatacittasampayuttā pana phassacetanā sayañca cittaṃ viññāṇanti ime taṇhāpaccayā nibbattā anupādinnakaphassamanosañcetanā viññāṇāhārāti.
ตณฺหานิโรธา อาหารนิโรโธติ อิมิสฺสา อุปาทินฺนกานญฺจ อนุปาทินฺนกานญฺจ อาหารานํ ปจฺจยภูตาย ตณฺหาย นิโรเธน อาหารนิโรโธ ปญฺญายติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ อยํ ปน วิเสโส, อิธ จตฺตาริปิ สจฺจานิ สรูเปเนว วุตฺตานิฯ ยถา จ อิธ, เอวํ อิโต อุตฺตริมฺปิ สพฺพวาเรสูติฯ ตสฺมา สพฺพตฺถ อสมฺมุยฺหเนฺตน สจฺจานิ อุทฺธริตพฺพานิฯ สพฺพวาเรสุ จ ‘‘เอตฺตาวตาปิ โข อาวุโส’’ติ อิทํ เทสนานิยฺยาตนํ ตตฺถ ตตฺถ เทสิตธมฺมวเสน โยเชตพฺพํฯ ตสฺส อิธ ตาว อยํ โยชนา เอตฺตาวตาปีติ อิมาย อาหารเทสนาย วุตฺตมนสิการปฺปฎิเวธวเสนาปีติ วุตฺตํ โหติฯ เอส นโย สพฺพตฺถาปิฯ
Taṇhānirodhāāhāranirodhoti imissā upādinnakānañca anupādinnakānañca āhārānaṃ paccayabhūtāya taṇhāya nirodhena āhāranirodho paññāyati. Sesaṃ vuttanayameva. Ayaṃ pana viseso, idha cattāripi saccāni sarūpeneva vuttāni. Yathā ca idha, evaṃ ito uttarimpi sabbavāresūti. Tasmā sabbattha asammuyhantena saccāni uddharitabbāni. Sabbavāresu ca ‘‘ettāvatāpi kho āvuso’’ti idaṃ desanāniyyātanaṃ tattha tattha desitadhammavasena yojetabbaṃ. Tassa idha tāva ayaṃ yojanā ettāvatāpīti imāya āhāradesanāya vuttamanasikārappaṭivedhavasenāpīti vuttaṃ hoti. Esa nayo sabbatthāpi.
อาหารวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Āhāravāravaṇṇanā niṭṭhitā.
สจฺจวารวณฺณนา
Saccavāravaṇṇanā
๙๑. อิทานิ ‘‘สาธาวุโส’’ติ ปุริมนเยเนว เถรสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา เต ภิกฺขู อุตฺตริมฺปิ ปญฺหํ ปุจฺฉิํสุฯ เถโร จ เนสํ อเญฺญนปิ ปริยาเยน พฺยากาสิฯ เอส นโย อิโต ปเรสุปิ สพฺพวาเรสุฯ ตสฺมา อิโต ปรํ เอวรูปานิ วจนานิ อนามสิตฺวา เยน เยน ปริยาเยน พฺยากโรติ, ตสฺส ตเสฺสว อตฺถํ วณฺณยิสฺสามฯ อิมสฺส ปน วารสฺส สเงฺขปเทสนายํ ทุกฺขญฺจ ปชานาตีติ เอตฺถ ทุกฺขนฺติ ทุกฺขสจฺจํฯ วิตฺถารเทสนายํ ปน ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมเคฺค สจฺจนิเทฺทเส วุตฺตเมวาติฯ
91. Idāni ‘‘sādhāvuso’’ti purimanayeneva therassa bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā te bhikkhū uttarimpi pañhaṃ pucchiṃsu. Thero ca nesaṃ aññenapi pariyāyena byākāsi. Esa nayo ito paresupi sabbavāresu. Tasmā ito paraṃ evarūpāni vacanāni anāmasitvā yena yena pariyāyena byākaroti, tassa tasseva atthaṃ vaṇṇayissāma. Imassa pana vārassa saṅkhepadesanāyaṃ dukkhañca pajānātīti ettha dukkhanti dukkhasaccaṃ. Vitthāradesanāyaṃ pana yaṃ vattabbaṃ siyā, taṃ sabbaṃ visuddhimagge saccaniddese vuttamevāti.
สจฺจวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saccavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
ชรามรณวารวณฺณนา
Jarāmaraṇavāravaṇṇanā
๙๒. อิโต ปรํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทวเสน เทสนา โหติฯ ตตฺถ ชรามรณวาเร ตาว เตสํ เตสนฺติ อยํ สเงฺขปโต อเนเกสํ สตฺตานํ สาธารณนิเทฺทโสติ ญาตโพฺพฯ ยา เทวทตฺตสฺส ชรา, ยา โสมทตฺตสฺส ชราติ เอวญฺหิ ทิวสมฺปิ กเถนฺตสฺส เนว สตฺตา ปริยาทานํ คจฺฉนฺติฯ อิเมหิ ปน ทฺวีหิ ปเทหิ น โกจิ สโตฺต อปริยาทิโนฺน โหติฯ ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อยํ สเงฺขปโต อเนเกสํ สตฺตานํ สาธารณนิเทฺทโส’’ติฯ
92. Ito paraṃ paṭiccasamuppādavasena desanā hoti. Tattha jarāmaraṇavāre tāva tesaṃ tesanti ayaṃ saṅkhepato anekesaṃ sattānaṃ sādhāraṇaniddesoti ñātabbo. Yā devadattassa jarā, yā somadattassa jarāti evañhi divasampi kathentassa neva sattā pariyādānaṃ gacchanti. Imehi pana dvīhi padehi na koci satto apariyādinno hoti. Tasmā vuttaṃ ‘‘ayaṃ saṅkhepato anekesaṃ sattānaṃ sādhāraṇaniddeso’’ti.
ตมฺหิ ตมฺหีติ อยํ คติชาติวเสน อเนเกสํ นิกายานํ สาธารณนิเทฺทโสฯ สตฺตนิกาเยติ สาธารณนิเทฺทเสน นิทฺทิฎฺฐสฺส สรูปนิทสฺสนํฯ ชรา ชีรณตาติอาทีสุ ปน ชราติ สภาวนิเทฺทโสฯ ชีรณตาติ อาการนิเทฺทโสฯ ขณฺฑิจฺจนฺติอาทโย กาลาติกฺกเม กิจฺจนิเทฺทสาฯ ปจฺฉิมา เทฺว ปกตินิเทฺทสาฯ อยญฺหิ ชราติ อิมินา ปเทน สภาวโต ทีปิตา, เตนสฺสายํ สภาวนิเทฺทโสฯ ชีรณตาติ อิมินา อาการโตฯ เตนสฺสายํ อาการนิเทฺทโสฯ ขณฺฑิจฺจนฺติ อิมินา กาลาติกฺกเม ทนฺตนขานํ ขณฺฑิตภาวกรณกิจฺจโตฯ ปาลิจฺจนฺติ อิมินา เกสโลมานํ ปลิตภาวกรณกิจฺจโตฯ วลิตฺตจตาติ อิมินา มํสํ มิลาเปตฺวา ตเจ วลิตฺตภาวกรณกิจฺจโต ทีปิตาฯ เตนสฺสา อิเม ขณฺฑิจฺจนฺติอาทโย ตโย กาลาติกฺกเม กิจฺจนิเทฺทสาฯ เตหิ อิเมสํ วิการานํ ทสฺสนวเสน ปากฎีภูตา ปากฎชรา ทสฺสิตาฯ ยเถว หิ อุทกสฺส วา อคฺคิโน วา วาตสฺส วา ติณรุกฺขาทีนํ สมฺภคฺคปลิภคฺคตาย วา ฌามตาย วา คตมโคฺค ปากโฎ โหติ, น จ โส คตมโคฺค ตาเนว อุทกาทีนิ, เอวเมว ชราย ทนฺตาทีสุ ขณฺฑิจฺจาทิวเสน คตมโคฺค ปากโฎ, จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวาปิ คยฺหติฯ น จ ขณฺฑิจฺจาทีเนว ชรา, น หิ ชรา จกฺขุวิเญฺญยฺยา โหติฯ
Tamhi tamhīti ayaṃ gatijātivasena anekesaṃ nikāyānaṃ sādhāraṇaniddeso. Sattanikāyeti sādhāraṇaniddesena niddiṭṭhassa sarūpanidassanaṃ. Jarā jīraṇatātiādīsu pana jarāti sabhāvaniddeso. Jīraṇatāti ākāraniddeso. Khaṇḍiccantiādayo kālātikkame kiccaniddesā. Pacchimā dve pakatiniddesā. Ayañhi jarāti iminā padena sabhāvato dīpitā, tenassāyaṃ sabhāvaniddeso. Jīraṇatāti iminā ākārato. Tenassāyaṃ ākāraniddeso. Khaṇḍiccanti iminā kālātikkame dantanakhānaṃ khaṇḍitabhāvakaraṇakiccato. Pāliccanti iminā kesalomānaṃ palitabhāvakaraṇakiccato. Valittacatāti iminā maṃsaṃ milāpetvā tace valittabhāvakaraṇakiccato dīpitā. Tenassā ime khaṇḍiccantiādayo tayo kālātikkame kiccaniddesā. Tehi imesaṃ vikārānaṃ dassanavasena pākaṭībhūtā pākaṭajarā dassitā. Yatheva hi udakassa vā aggino vā vātassa vā tiṇarukkhādīnaṃ sambhaggapalibhaggatāya vā jhāmatāya vā gatamaggo pākaṭo hoti, na ca so gatamaggo tāneva udakādīni, evameva jarāya dantādīsu khaṇḍiccādivasena gatamaggo pākaṭo, cakkhuṃ ummīletvāpi gayhati. Na ca khaṇḍiccādīneva jarā, na hi jarā cakkhuviññeyyā hoti.
อายุโน สํหานิ อินฺทฺริยานํ ปริปาโกติ อิเมหิ ปน ปเทหิ กาลาติกฺกเมเยว อภิพฺยตฺตตาย อายุกฺขยจกฺขาทิอินฺทฺริยปริปากสญฺญิตาย ปกติยา ทีปิตาฯ เตนสฺสิเม ปจฺฉิมา เทฺว ปกตินิเทฺทสาติ เวทิตพฺพาฯ
Āyuno saṃhāni indriyānaṃ paripākoti imehi pana padehi kālātikkameyeva abhibyattatāya āyukkhayacakkhādiindriyaparipākasaññitāya pakatiyā dīpitā. Tenassime pacchimā dve pakatiniddesāti veditabbā.
ตตฺถ ยสฺมา ชรํ ปตฺตสฺส อายุ หายติ, ตสฺมา ชรา ‘‘อายุโน สํหานี’’ติ ผลูปจาเรน วุตฺตา ฯ ยสฺมา จ ทหรกาเล สุปฺปสนฺนานิ สุขุมมฺปิ อตฺตโน วิสยํ สุเขเนว คณฺหนสมตฺถานิ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ ชรํ ปตฺตสฺส ปริปกฺกานิ อาลุฬิตานิ อวิสทานิ โอฬาริกมฺปิ อตฺตโน วิสยํ คเหตุํ อสมตฺถานิ โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘อินฺทฺริยานํ ปริปาโก’’ติปิ ผลูปจาเรเนว วุตฺตาฯ สา ปนายํ เอวํ นิทฺทิฎฺฐา สพฺพาปิ ชรา ปากฎา ปฎิจฺฉนฺนาติ ทุวิธา โหติฯ
Tattha yasmā jaraṃ pattassa āyu hāyati, tasmā jarā ‘‘āyuno saṃhānī’’ti phalūpacārena vuttā . Yasmā ca daharakāle suppasannāni sukhumampi attano visayaṃ sukheneva gaṇhanasamatthāni cakkhādīni indriyāni jaraṃ pattassa paripakkāni āluḷitāni avisadāni oḷārikampi attano visayaṃ gahetuṃ asamatthāni honti, tasmā ‘‘indriyānaṃ paripāko’’tipi phalūpacāreneva vuttā. Sā panāyaṃ evaṃ niddiṭṭhā sabbāpi jarā pākaṭā paṭicchannāti duvidhā hoti.
ตตฺถ ทนฺตาทีสุ ขณฺฑภาวาทิทสฺสนโต รูปธเมฺมสุ ชรา ปากฎชรา นามฯ อรูปธเมฺมสุ ปน ตาทิสสฺส วิการสฺส อทสฺสนโต ปฎิจฺฉนฺนชรา นามฯ ตตฺถ ยฺวายํ ขณฺฑาทิภาโว ทิสฺสติ, โส ตาทิสานํ ทนฺตาทีนํ สุวิเญฺญยฺยตฺตา วโณฺณเยว, ตํ จกฺขุนา ทิสฺวา มโนทฺวาเรน จิเนฺตตฺวา ‘‘อิเม ทนฺตา ชราย ปหฎา’’ติ ชรํ ชานาติ อุทกฎฺฐาเน พทฺธานิ โคสีสาทีนิ โอโลเกตฺวา เหฎฺฐา อุทกสฺส อตฺถิภาวํ ชานนํ วิยฯ ปุน อวีจิ สวีจีติ เอวมฺปิ ทุวิธา โหติฯ ตตฺถ มณิกนกรชตปวาฬสูริยาทีนํ มนฺททสกาทีสุ ปาณีนํ วิย ปุปฺผผลปลฺลวาทีสุ จ อปาณีนํ วิย อนฺตรนฺตรา วณฺณวิเสสาทีนํ ทุวิเญฺญยฺยตฺตา ชรา อวีจิชรา นาม, นิรนฺตรชราติ อโตฺถฯ ตโต อเญฺญสุ ปน ยถาวุเตฺตสุ อนฺตรนฺตรา วณฺณวิเสสาทีนํ สุวิเญฺญยฺยตฺตา ชรา สวีจิชรา นามาติ เวทิตพฺพาฯ
Tattha dantādīsu khaṇḍabhāvādidassanato rūpadhammesu jarā pākaṭajarā nāma. Arūpadhammesu pana tādisassa vikārassa adassanato paṭicchannajarā nāma. Tattha yvāyaṃ khaṇḍādibhāvo dissati, so tādisānaṃ dantādīnaṃ suviññeyyattā vaṇṇoyeva, taṃ cakkhunā disvā manodvārena cintetvā ‘‘ime dantā jarāya pahaṭā’’ti jaraṃ jānāti udakaṭṭhāne baddhāni gosīsādīni oloketvā heṭṭhā udakassa atthibhāvaṃ jānanaṃ viya. Puna avīci savīcīti evampi duvidhā hoti. Tattha maṇikanakarajatapavāḷasūriyādīnaṃ mandadasakādīsu pāṇīnaṃ viya pupphaphalapallavādīsu ca apāṇīnaṃ viya antarantarā vaṇṇavisesādīnaṃ duviññeyyattā jarā avīcijarā nāma, nirantarajarāti attho. Tato aññesu pana yathāvuttesu antarantarā vaṇṇavisesādīnaṃ suviññeyyattā jarā savīcijarā nāmāti veditabbā.
อิโต ปรํ, เตสํ เตสนฺติอาทิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ จุติ จวนตาติอาทีสุ ปน จุตีติ จวนกวเสน วุจฺจติ, เอกจตุปญฺจกฺขนฺธานํ สามญฺญวจนเมตํฯ จวนตาติ ภาววจเนน ลกฺขณนิทสฺสนํฯ เภโทติ จุติกฺขนฺธานํ ภงฺคุปฺปตฺติปริทีปนํฯ อนฺตรธานนฺติ ฆฎเสฺสว ภินฺนสฺส ภินฺนานํ จุติกฺขนฺธานํ เยน เกนจิ ปริยาเยน ฐานาภาวปริทีปนํฯ มจฺจุ มรณนฺติ มจฺจุสงฺขาตํ มรณํฯ เตน สมุเจฺฉทมรณาทีนิ นิเสเธติฯ กาโล นาม อนฺตโก, ตสฺส กิริยาติ กาลกิริยาฯ เอเตน โลกสมฺมุติยา มรณํ ทีเปติฯ
Ito paraṃ, tesaṃ tesantiādi vuttanayeneva veditabbaṃ. Cuti cavanatātiādīsu pana cutīti cavanakavasena vuccati, ekacatupañcakkhandhānaṃ sāmaññavacanametaṃ. Cavanatāti bhāvavacanena lakkhaṇanidassanaṃ. Bhedoti cutikkhandhānaṃ bhaṅguppattiparidīpanaṃ. Antaradhānanti ghaṭasseva bhinnassa bhinnānaṃ cutikkhandhānaṃ yena kenaci pariyāyena ṭhānābhāvaparidīpanaṃ. Maccu maraṇanti maccusaṅkhātaṃ maraṇaṃ. Tena samucchedamaraṇādīni nisedheti. Kālo nāma antako, tassa kiriyāti kālakiriyā. Etena lokasammutiyā maraṇaṃ dīpeti.
อิทานิ ปรมเตฺถน ทีเปตุํ, ขนฺธานํ เภโทติอาทิมาหฯ ปรมเตฺถน หิ ขนฺธาเยว ภิชฺชนฺติ, น สโตฺต นาม โกจิ มรติฯ ขเนฺธสุ ปน ภิชฺชมาเนสุ สโตฺต มรติ, ภิเนฺนสุ มโตติ โวหาโร โหติฯ
Idāni paramatthena dīpetuṃ, khandhānaṃ bhedotiādimāha. Paramatthena hi khandhāyeva bhijjanti, na satto nāma koci marati. Khandhesu pana bhijjamānesu satto marati, bhinnesu matoti vohāro hoti.
เอตฺถ จ จตุโวการวเสน ขนฺธานํ เภโท, เอกโวการวเสน กเฬวรสฺส นิเกฺขโปฯ จตุโวการวเสน วา ขนฺธานํ เภโท, เสสทฺวยวเสน กเฬวรสฺส นิเกฺขโป เวทิตโพฺพฯ กสฺมา? ภวทฺวเยปิ รูปกายสงฺขาตสฺส กเฬวรสฺส สมฺภวโตฯ อถ วา ยสฺมา จ จาตุมหาราชิกาทีสุ ขนฺธา ภิชฺชเนฺตว, น กิญฺจิ นิกฺขิปนฺติ, ตสฺมา เตสํ วเสน ขนฺธานํ เภโท, มนุสฺสาทีสุ กเฬวรสฺส นิเกฺขโปฯ เอตฺถ จ กเฬวรสฺส นิเกฺขปการณโต มรณํ กเฬวรสฺส นิเกฺขโปติ วุตฺตนฺติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Ettha ca catuvokāravasena khandhānaṃ bhedo, ekavokāravasena kaḷevarassa nikkhepo. Catuvokāravasena vā khandhānaṃ bhedo, sesadvayavasena kaḷevarassa nikkhepo veditabbo. Kasmā? Bhavadvayepi rūpakāyasaṅkhātassa kaḷevarassa sambhavato. Atha vā yasmā ca cātumahārājikādīsu khandhā bhijjanteva, na kiñci nikkhipanti, tasmā tesaṃ vasena khandhānaṃ bhedo, manussādīsu kaḷevarassa nikkhepo. Ettha ca kaḷevarassa nikkhepakāraṇato maraṇaṃ kaḷevarassa nikkhepoti vuttanti evamattho daṭṭhabbo.
อิติ อยญฺจ ชรา อิทญฺจ มรณํฯ อิทํ วุจฺจตาวุโสติ อิทํ อุภยมฺปิ เอกโต กตฺวา ชรามรณนฺติ กถียติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ
Iti ayañca jarā idañca maraṇaṃ. Idaṃ vuccatāvusoti idaṃ ubhayampi ekato katvā jarāmaraṇanti kathīyati. Sesaṃ vuttanayamevāti.
ชรามรณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Jarāmaraṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
ชาติวารวณฺณนา
Jātivāravaṇṇanā
๙๓. ชาติวาเร ชาติ สญฺชาตีติอาทีสุ ชายนเฎฺฐน ชาติ, สา อปริปุณฺณายตนวเสน ยุตฺตาฯ สญฺชายนเฎฺฐน สญฺชาติ, สา ปริปุณฺณายตนวเสน ยุตฺตาฯ โอกฺกมนเฎฺฐน โอกฺกนฺติ, สา อณฺฑชชลาพุชวเสน ยุตฺตาฯ เต หิ อณฺฑโกสญฺจ วตฺถิโกสญฺจ โอกฺกมนฺตา ปวิสนฺตา วิย ปฎิสนฺธิํ คณฺหนฺติฯ อภินิพฺพตฺตนเฎฺฐน อภินิพฺพตฺติ, สา สํเสทชโอปปาติกวเสน ยุตฺตา, เต หิ ปากฎาเยว หุตฺวา นิพฺพตฺตนฺติฯ อยํ ตาว โวหารเทสนาฯ
93. Jātivāre jāti sañjātītiādīsu jāyanaṭṭhena jāti, sā aparipuṇṇāyatanavasena yuttā. Sañjāyanaṭṭhena sañjāti, sā paripuṇṇāyatanavasena yuttā. Okkamanaṭṭhena okkanti, sā aṇḍajajalābujavasena yuttā. Te hi aṇḍakosañca vatthikosañca okkamantā pavisantā viya paṭisandhiṃ gaṇhanti. Abhinibbattanaṭṭhena abhinibbatti, sā saṃsedajaopapātikavasena yuttā, te hi pākaṭāyeva hutvā nibbattanti. Ayaṃ tāva vohāradesanā.
อิทานิ ปรมตฺถเทสนา โหติฯ ขนฺธาเยว หิ ปรมตฺถโต ปาตุภวนฺติ, น สโตฺตฯ ตตฺถ จ ขนฺธานนฺติ เอกโวการภเว เอกสฺส จตุโวการภเว จตุนฺนํ ปญฺจโวการภเว ปญฺจนฺนมฺปิ คหณํ เวทิตพฺพํฯ ปาตุภาโวติ อุปฺปตฺติฯ อายตนานนฺติ เอตฺถ ตตฺร ตตฺร อุปฺปชฺชมานายตนวเสเนว สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ ปฎิลาโภติ สนฺตติยํ ปาตุภาโวเยวฯ ปาตุภวนฺตาเนว หิ ตานิ ปฎิลทฺธานิ นาม โหนฺติฯ อยํ วุจฺจตาวุโส ชาตีติ อิมินา ปเทน โวหารโต ปรมตฺถโต จ เทสิตาย ชาติยา นิคมนํ กโรตีติฯ ภวสมุทยาติ เอตฺถ ปน ชาติยา ปจฺจยภูโต กมฺมภโว เวทิตโพฺพฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ
Idāni paramatthadesanā hoti. Khandhāyeva hi paramatthato pātubhavanti, na satto. Tattha ca khandhānanti ekavokārabhave ekassa catuvokārabhave catunnaṃ pañcavokārabhave pañcannampi gahaṇaṃ veditabbaṃ. Pātubhāvoti uppatti. Āyatanānanti ettha tatra tatra uppajjamānāyatanavaseneva saṅgaho veditabbo. Paṭilābhoti santatiyaṃ pātubhāvoyeva. Pātubhavantāneva hi tāni paṭiladdhāni nāma honti. Ayaṃ vuccatāvuso jātīti iminā padena vohārato paramatthato ca desitāya jātiyā nigamanaṃ karotīti. Bhavasamudayāti ettha pana jātiyā paccayabhūto kammabhavo veditabbo. Sesaṃ vuttanayamevāti.
ชาติวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Jātivāravaṇṇanā niṭṭhitā.
ภววารวณฺณนา
Bhavavāravaṇṇanā
๙๔. ภววาเร กามภโวติ กมฺมภโว จ อุปปตฺติภโว จฯ ตตฺถ กมฺมภโว นาม กามภวูปคํ กมฺมเมวฯ ตญฺหิ อุปปตฺติภวสฺส การณตฺตา ‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท (ธ. ป. ๑๙๔) ทุโกฺข ปาปสฺส อุจฺจโย’’ติอาทีนิ (ธ. ป. ๑๑๗) วิย ผลโวหาเรน ภโวติ วุตฺตํฯ อุปปตฺติภโว นาม เตน กเมฺมน นิพฺพตฺตํ อุปาทินฺนขนฺธปญฺจกํฯ ตญฺหิ ตตฺถ ภวตีติ กตฺวา ภโวติ วุตฺตํฯ เอวํ สพฺพถาปิ อิทํ กมฺมญฺจ อุปปตฺติ จ อุภยเมฺปตมิธ ‘‘กามภโว’’ติ วุตฺตํฯ เอส นโย รูปารูปภเวสุฯ อุปาทานสมุทยาติ เอตฺถ ปน อุปาทานํ กุสลกมฺมภวสฺส อุปนิสฺสยวเสเนว ปจฺจโย โหติฯ อกุสลกมฺมภวสฺส อุปนิสฺสยวเสนปิ สหชาตาทิวเสนปิฯ อุปปตฺติภวสฺส ปน สพฺพสฺสาปิ อุปนิสฺสยวเสเนวฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ
94. Bhavavāre kāmabhavoti kammabhavo ca upapattibhavo ca. Tattha kammabhavo nāma kāmabhavūpagaṃ kammameva. Tañhi upapattibhavassa kāraṇattā ‘‘sukho buddhānamuppādo (dha. pa. 194) dukkho pāpassa uccayo’’tiādīni (dha. pa. 117) viya phalavohārena bhavoti vuttaṃ. Upapattibhavo nāma tena kammena nibbattaṃ upādinnakhandhapañcakaṃ. Tañhi tattha bhavatīti katvā bhavoti vuttaṃ. Evaṃ sabbathāpi idaṃ kammañca upapatti ca ubhayampetamidha ‘‘kāmabhavo’’ti vuttaṃ. Esa nayo rūpārūpabhavesu. Upādānasamudayāti ettha pana upādānaṃ kusalakammabhavassa upanissayavaseneva paccayo hoti. Akusalakammabhavassa upanissayavasenapi sahajātādivasenapi. Upapattibhavassa pana sabbassāpi upanissayavaseneva. Sesaṃ vuttanayamevāti.
ภววารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhavavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
อุปาทานวารวณฺณนา
Upādānavāravaṇṇanā
๙๕. อุปาทานวาเร กามุปาทานนฺติอาทีสุ วตฺถุกามํ อุปาทิยติ เอเตน, สยํ วา ตํ อุปาทิยตีติ กามุปาทานํฯ กาโม จ โส อุปาทานญฺจาติ วา กามุปาทานํฯ อุปาทานนฺติ ทฬฺหคฺคหณํ วุจฺจติฯ ทฬฺหโตฺถ หิ เอตฺถ อุปสโทฺท, ‘‘อุปายาส อุปกฎฺฐา’’ติอาทีสุ วิย ปญฺจกามคุณิกราคเสฺสตํ อธิวจนํฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถารโต ปเนตํ ‘‘ตตฺถ กตมํ กามุปาทานํ, โย กาเมสุ กามจฺฉโนฺท’’ติ (ธ. ส. ๑๒๒๐; วิภ. ๙๓๘) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ
95. Upādānavāre kāmupādānantiādīsu vatthukāmaṃ upādiyati etena, sayaṃ vā taṃ upādiyatīti kāmupādānaṃ. Kāmo ca so upādānañcāti vā kāmupādānaṃ. Upādānanti daḷhaggahaṇaṃ vuccati. Daḷhattho hi ettha upasaddo, ‘‘upāyāsa upakaṭṭhā’’tiādīsu viya pañcakāmaguṇikarāgassetaṃ adhivacanaṃ. Ayamettha saṅkhepo. Vitthārato panetaṃ ‘‘tattha katamaṃ kāmupādānaṃ, yo kāmesu kāmacchando’’ti (dha. sa. 1220; vibha. 938) vuttanayena veditabbaṃ.
ตถา ทิฎฺฐิ จ สา อุปาทานญฺจาติ ทิฎฺฐุปาทานํฯ อถ วา ทิฎฺฐิํ อุปาทิยติ, อุปาทิยนฺติ วา เอเตน ทิฎฺฐินฺติ ทิฎฺฐุปาทานํฯ อุปาทิยติ หิ ปุริมทิฎฺฐิํ อุตฺตรทิฎฺฐิฯ อุปาทิยนฺติ จ ตาย ทิฎฺฐิํฯ ยถาห ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๓.๒๗), สีลพฺพตุปาทานอตฺตวาทุปาทานวชฺชสฺส สพฺพทิฎฺฐิคตเสฺสตํ อธิวจนํฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถารโต ปเนตํ ‘‘ตตฺถ กตมํ ทิฎฺฐุปาทานํ นตฺถิ ทินฺน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๒๒๐; วิภ. ๙๓๘) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ
Tathā diṭṭhi ca sā upādānañcāti diṭṭhupādānaṃ. Atha vā diṭṭhiṃ upādiyati, upādiyanti vā etena diṭṭhinti diṭṭhupādānaṃ. Upādiyati hi purimadiṭṭhiṃ uttaradiṭṭhi. Upādiyanti ca tāya diṭṭhiṃ. Yathāha ‘‘sassato attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’ntiādi (ma. ni. 3.27), sīlabbatupādānaattavādupādānavajjassa sabbadiṭṭhigatassetaṃ adhivacanaṃ. Ayamettha saṅkhepo. Vitthārato panetaṃ ‘‘tattha katamaṃ diṭṭhupādānaṃ natthi dinna’’nti (dha. sa. 1220; vibha. 938) vuttanayena veditabbaṃ.
ตถา สีลพฺพตํ อุปาทิยนฺติ เอเตน, สยํ วา ตํ อุปาทิยติ, สีลพฺพตญฺจ ตํ อุปาทานญฺจาติ วา สีลพฺพตุปาทานํฯ โคสีลโควตาทีนิ หิ เอวํ สุทฺธีติ อภินิเวสโต สยเมว อุปาทานานิ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถารโต ปเนตํ ‘‘ตตฺถ กตมํ สีลพฺพตุปาทานํ, อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณานํ สีเลน สุทฺธี’’ติ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ
Tathā sīlabbataṃ upādiyanti etena, sayaṃ vā taṃ upādiyati, sīlabbatañca taṃ upādānañcāti vā sīlabbatupādānaṃ. Gosīlagovatādīni hi evaṃ suddhīti abhinivesato sayameva upādānāni ayamettha saṅkhepo. Vitthārato panetaṃ ‘‘tattha katamaṃ sīlabbatupādānaṃ, ito bahiddhā samaṇabrāhmaṇānaṃ sīlena suddhī’’ti vuttanayena veditabbaṃ.
อิทานิ วทนฺติ เอเตนาติ วาโทฯ อุปาทิยนฺติ เอเตนาติ อุปาทานํฯ กิํ วทนฺติ, อุปาทิยนฺติ วา? อตฺตานํฯ อตฺตโน วาทุปาทานํ อตฺตวาทุปาทานํฯ อตฺตวาทมตฺตเมว วา อตฺตาติ อุปาทิยติ เอเตนาติ อตฺตวาทุปาทานํ, วีสติวตฺถุกาย สกฺกายทิฎฺฐิยา เอตํ อธิวจนํฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถารโต ปเนตํ ‘‘ตตฺถ กตมํ อตฺตวาทุปาทานํ, อิธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี’’ติ (ธ. ส. ๑๒๒๓) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ
Idāni vadanti etenāti vādo. Upādiyanti etenāti upādānaṃ. Kiṃ vadanti, upādiyanti vā? Attānaṃ. Attano vādupādānaṃ attavādupādānaṃ. Attavādamattameva vā attāti upādiyati etenāti attavādupādānaṃ, vīsativatthukāya sakkāyadiṭṭhiyā etaṃ adhivacanaṃ. Ayamettha saṅkhepo. Vitthārato panetaṃ ‘‘tattha katamaṃ attavādupādānaṃ, idha assutavā puthujjano ariyānaṃ adassāvī’’ti (dha. sa. 1223) vuttanayena veditabbaṃ.
ตณฺหาสมุทยาติ เอตฺถ ตณฺหา กามุปาทานสฺส อุปนิสฺสยวเสน อนนฺตรสมนนฺตรนตฺถิวิคตาเสวนวเสน วา ปจฺจโยฯ อวเสสานํ ปน สหชาตาทิวเสนาปิฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ
Taṇhāsamudayāti ettha taṇhā kāmupādānassa upanissayavasena anantarasamanantaranatthivigatāsevanavasena vā paccayo. Avasesānaṃ pana sahajātādivasenāpi. Sesaṃ vuttanayamevāti.
อุปาทานวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Upādānavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
ตณฺหาวารวณฺณนา
Taṇhāvāravaṇṇanā
๙๖. ตณฺหาวาเร รูปตณฺหา…เป.… ธมฺมตณฺหาติ เอวํ จกฺขุทฺวาราทีสุ ชวนวีถิยํ ปวตฺตาย ตณฺหาย ‘‘เสฎฺฐิปุโตฺต พฺราหฺมณปุโตฺต’’ติ เอวมาทีสุ ปิติโต นามํ วิย ปิติสทิสารมฺมณโต นามํฯ เอตฺถ จ รูปารมฺมณา ตณฺหา, รูเป ตณฺหาติ รูปตณฺหาฯ สา กามราคภาเวน รูปํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา กามตณฺหาฯ สสฺสตทิฎฺฐิสหคตราคภาเวน รูปํ นิจฺจํ ธุวํ สสฺสตนฺติ เอวํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา ภวตณฺหาฯ อุเจฺฉททิฎฺฐิสหคตราคภาเวน รูปํ อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ เปจฺจ น ภวิสฺสตีติ เอวํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา วิภวตณฺหาติ เอวํ ติวิธา โหติฯ ยถา จ รูปตณฺหา, ตถา สทฺทตณฺหาทโยปีติ เอตานิ อฎฺฐารส ตณฺหาวิจริตานิ โหนฺติฯ ตานิ อชฺฌตฺตรูปาทีสุ อฎฺฐารส, พหิทฺธารูปาทีสุ อฎฺฐารสาติ ฉตฺติํสฯ อิติ อตีตานิ ฉตฺติํส, อนาคตานิ ฉตฺติํส, ปจฺจุปฺปนฺนานิ ฉตฺติํสาติ อฎฺฐสตํฯ ‘‘อชฺฌตฺติกสฺสุปาทาย ‘อสฺมี’ติ โหติ , ‘อิตฺถสฺมี’ติ โหตี’’ติ (วิภ. ๙๗๓-๙๗๔) วา เอวมาทีนา อชฺฌตฺติกรูปาทินิสฺสิตานิ อฎฺฐารส, ‘‘พาหิรสฺสุปาทาย ‘อิมินา อสฺมี’ติ โหติ, ‘อิมินา อิตฺถสฺมี’ติ โหตี’’ติ วา (วิภ. ๙๗๕) เอวมาทินา พาหิรรูปาทินิสฺสิตานิ อฎฺฐารสาติ ฉตฺติํสฯ อิติ อตีตานิ ฉตฺติํส, อนาคตานิ ฉตฺติํส, ปจฺจุปฺปนฺนานิ ฉตฺติํสาติ เอวมฺปิ อฎฺฐสตตณฺหาวิจริตานิ โหนฺติฯ ปุน สงฺคเห กรียมาเน รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ฉเฬว ตณฺหากายา ติโสฺสเยว กามตณฺหาทโย โหนฺตีติ เอวํ –
96. Taṇhāvāre rūpataṇhā…pe… dhammataṇhāti evaṃ cakkhudvārādīsu javanavīthiyaṃ pavattāya taṇhāya ‘‘seṭṭhiputto brāhmaṇaputto’’ti evamādīsu pitito nāmaṃ viya pitisadisārammaṇato nāmaṃ. Ettha ca rūpārammaṇā taṇhā, rūpe taṇhāti rūpataṇhā. Sā kāmarāgabhāvena rūpaṃ assādentī pavattamānā kāmataṇhā. Sassatadiṭṭhisahagatarāgabhāvena rūpaṃ niccaṃ dhuvaṃ sassatanti evaṃ assādentī pavattamānā bhavataṇhā. Ucchedadiṭṭhisahagatarāgabhāvena rūpaṃ ucchijjati vinassati pecca na bhavissatīti evaṃ assādentī pavattamānā vibhavataṇhāti evaṃ tividhā hoti. Yathā ca rūpataṇhā, tathā saddataṇhādayopīti etāni aṭṭhārasa taṇhāvicaritāni honti. Tāni ajjhattarūpādīsu aṭṭhārasa, bahiddhārūpādīsu aṭṭhārasāti chattiṃsa. Iti atītāni chattiṃsa, anāgatāni chattiṃsa, paccuppannāni chattiṃsāti aṭṭhasataṃ. ‘‘Ajjhattikassupādāya ‘asmī’ti hoti , ‘itthasmī’ti hotī’’ti (vibha. 973-974) vā evamādīnā ajjhattikarūpādinissitāni aṭṭhārasa, ‘‘bāhirassupādāya ‘iminā asmī’ti hoti, ‘iminā itthasmī’ti hotī’’ti vā (vibha. 975) evamādinā bāhirarūpādinissitāni aṭṭhārasāti chattiṃsa. Iti atītāni chattiṃsa, anāgatāni chattiṃsa, paccuppannāni chattiṃsāti evampi aṭṭhasatataṇhāvicaritāni honti. Puna saṅgahe karīyamāne rūpādīsu ārammaṇesu chaḷeva taṇhākāyā tissoyeva kāmataṇhādayo hontīti evaṃ –
นิเทฺทสเตฺถน นิเทฺทส-วิตฺถารา วิตฺถารสฺส จ;
Niddesatthena niddesa-vitthārā vitthārassa ca;
ปุน สงฺคหโต ตณฺหา, วิญฺญาตพฺพา วิภาวินาติฯ
Puna saṅgahato taṇhā, viññātabbā vibhāvināti.
เวทนาสมุทยาติ เอตฺถ ปน เวทนาติ วิปากเวทนา อธิเปฺปตาฯ สา กถํ ฉสุ ทฺวาเรสุ ตณฺหาย ปจฺจโย โหตีติ เจ? อสฺสาทนียโตฯ สุขาย หิ เวทนาย อสฺสาทเนน สตฺตา เวทนํ มมายนฺตา เวทนาย ตณฺหํ อุปฺปาเทตฺวา เวทนาราครตฺตา หุตฺวา จกฺขุทฺวาเร อิฎฺฐเมว รูปํ ปเตฺถนฺติ, ลทฺธา จ นํ อสฺสาเทนฺติ, อารมฺมณทายกานญฺจ จิตฺตการาทีนํ สกฺการํ กโรนฺติฯ ตถา โสตทฺวาราทีสุ อิเฎฺฐ จ สทฺทาทโย ปเตฺถนฺติ, ลทฺธา จ เน อสฺสาเทนฺติ, อารมฺมณทายกานญฺจ วีณาวาทก-คนฺธิกสูท-ตนฺตวาย-นานาวิธสิปฺปสนฺทสฺสกาทีนํ สกฺการํ กโรนฺติฯ ยถา กิํ? ยถา ปุตฺตสิเนเหน ปุตฺตํ มมายนฺตา ธาติยา สกฺการํ กโรนฺติ, สปฺปายสปฺปิขีราทีนิเยว นํ ปาเยนฺติ เจว โภเชนฺติ จฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Vedanāsamudayāti ettha pana vedanāti vipākavedanā adhippetā. Sā kathaṃ chasu dvāresu taṇhāya paccayo hotīti ce? Assādanīyato. Sukhāya hi vedanāya assādanena sattā vedanaṃ mamāyantā vedanāya taṇhaṃ uppādetvā vedanārāgarattā hutvā cakkhudvāre iṭṭhameva rūpaṃ patthenti, laddhā ca naṃ assādenti, ārammaṇadāyakānañca cittakārādīnaṃ sakkāraṃ karonti. Tathā sotadvārādīsu iṭṭhe ca saddādayo patthenti, laddhā ca ne assādenti, ārammaṇadāyakānañca vīṇāvādaka-gandhikasūda-tantavāya-nānāvidhasippasandassakādīnaṃ sakkāraṃ karonti. Yathā kiṃ? Yathā puttasinehena puttaṃ mamāyantā dhātiyā sakkāraṃ karonti, sappāyasappikhīrādīniyeva naṃ pāyenti ceva bhojenti ca. Sesaṃ vuttanayameva.
ตณฺหาวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Taṇhāvāravaṇṇanā niṭṭhitā.
เวทนาวารวณฺณนา
Vedanāvāravaṇṇanā
๙๗. เวทนาวาเร เวทนากายาติ เวทนาสมูหาฯ จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา…เป.… มโนสมฺผสฺสชา เวทนาติ เอตํ ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา อตฺถิ กุสลา, อตฺถิ อกุสลา, อตฺถิ อพฺยากตา’’ติ (วิภ. ๓๔) เอวํ วิภเงฺค อาคตตฺตา จกฺขุทฺวาราทีสุ ปวตฺตานํ กุสลากุสลาพฺยากตเวทนานํ ‘‘สาริปุโตฺต, มนฺตาณิปุโตฺต’’ติ เอวมาทีสุ มาติโต นามํ วิย มาติสทิสวตฺถุโต นามํฯ วจนโตฺถ ปเนตฺถ จกฺขุสมฺผสฺสเหตุ ชาตา เวทนา จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนาติฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ อยํ ตาเวตฺถ สพฺพสงฺคาหิกกถา ฯ วิปากวเสน ปน จกฺขุทฺวาเร เทฺว จกฺขุวิญฺญาณานิ, เทฺว มโนธาตุโย, ติโสฺส มโนวิญฺญาณธาตุโยติ เอตาหิ สมฺปยุตฺตวเสน เวทนา เวทิตพฺพาฯ เอส นโย โสตทฺวาราทีสุฯ มโนทฺวาเร มโนวิญฺญาณธาตุสมฺปยุตฺตาวฯ
97. Vedanāvāre vedanākāyāti vedanāsamūhā. Cakkhusamphassajā vedanā…pe… manosamphassajā vedanāti etaṃ ‘‘cakkhusamphassajā vedanā atthi kusalā, atthi akusalā, atthi abyākatā’’ti (vibha. 34) evaṃ vibhaṅge āgatattā cakkhudvārādīsu pavattānaṃ kusalākusalābyākatavedanānaṃ ‘‘sāriputto, mantāṇiputto’’ti evamādīsu mātito nāmaṃ viya mātisadisavatthuto nāmaṃ. Vacanattho panettha cakkhusamphassahetu jātā vedanā cakkhusamphassajā vedanāti. Esa nayo sabbattha. Ayaṃ tāvettha sabbasaṅgāhikakathā . Vipākavasena pana cakkhudvāre dve cakkhuviññāṇāni, dve manodhātuyo, tisso manoviññāṇadhātuyoti etāhi sampayuttavasena vedanā veditabbā. Esa nayo sotadvārādīsu. Manodvāre manoviññāṇadhātusampayuttāva.
ผสฺสสมุทยาติ เอตฺถ ปน ปญฺจทฺวาเร ปญฺจวตฺถุกเวทนานํ สหชาตจกฺขุสมฺผสฺสาทิสมุทยา สมุทโย โหติฯ อวเสสานํ จกฺขุสมฺผสฺสาทโย อุปนิสฺสยาทิวเสน ปจฺจยาฯ มโนทฺวาเร ตทารมฺมณเวทนานํ อทฺวาริกานญฺจ ปฎิสนฺธิภวงฺคจุติเวทนานํ สหชาตมโนสมฺผสฺสสมุทยา สมุทโย โหตีติ เวทิตโพฺพฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Phassasamudayāti ettha pana pañcadvāre pañcavatthukavedanānaṃ sahajātacakkhusamphassādisamudayā samudayo hoti. Avasesānaṃ cakkhusamphassādayo upanissayādivasena paccayā. Manodvāre tadārammaṇavedanānaṃ advārikānañca paṭisandhibhavaṅgacutivedanānaṃ sahajātamanosamphassasamudayā samudayo hotīti veditabbo. Sesaṃ vuttanayameva.
เวทนาวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vedanāvāravaṇṇanā niṭṭhitā.
ผสฺสวารวณฺณนา
Phassavāravaṇṇanā
๙๘. ผสฺสวาเร จกฺขุสมฺผโสฺสติ จกฺขุมฺหิ สมฺผโสฺสฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ จกฺขุสมฺผโสฺส…เป.… กายสมฺผโสฺสติ เอตฺตาวตา จ กุสลากุสลวิปากา ปญฺจวตฺถุกา ทส สมฺผสฺสา วุตฺตา โหนฺติฯ มโนสมฺผโสฺสติ อิมินา เสสา พาวีสติ โลกิยวิปากมนสมฺปยุตฺตผสฺสาฯ สฬายตนสมุทยาติ ฉนฺนํ จกฺขาทีนํ อายตนานํ สมุทเยน อิมสฺส ฉพฺพิธสฺสาปิ สมฺผสฺสสฺส สมุทโย โหตีติ เวทิตโพฺพฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ
98. Phassavāre cakkhusamphassoti cakkhumhi samphasso. Esa nayo sabbattha. Cakkhusamphasso…pe… kāyasamphassoti ettāvatā ca kusalākusalavipākā pañcavatthukā dasa samphassā vuttā honti. Manosamphassoti iminā sesā bāvīsati lokiyavipākamanasampayuttaphassā. Saḷāyatanasamudayāti channaṃ cakkhādīnaṃ āyatanānaṃ samudayena imassa chabbidhassāpi samphassassa samudayo hotīti veditabbo. Sesaṃ vuttanayamevāti.
ผสฺสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Phassavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
สฬายตนวารวณฺณนา
Saḷāyatanavāravaṇṇanā
๙๙. สฬายตนวาเร จกฺขายตนนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมเคฺค ขนฺธนิเทฺทเส เจว อายตนนิเทฺทเส จ วุตฺตนยเมวฯ นามรูปสมุทยาติ เอตฺถ ปน ยํ นามํ ยญฺจ รูปํ, ยญฺจ นามรูปํ ยสฺส อายตนสฺส ปจฺจโย โหติ, ตสฺส วเสน วิสุทฺธิมเคฺค ปฎิจฺจสมุปฺปาทนิเทฺทเส วุตฺตนเยน นามรูปสมุทยา สฬายตนสมุทโย เวทิตโพฺพฯ เสสํ วุตฺตปฺปการเมวาติฯ
99. Saḷāyatanavāre cakkhāyatanantiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ sabbaṃ visuddhimagge khandhaniddese ceva āyatananiddese ca vuttanayameva. Nāmarūpasamudayāti ettha pana yaṃ nāmaṃ yañca rūpaṃ, yañca nāmarūpaṃ yassa āyatanassa paccayo hoti, tassa vasena visuddhimagge paṭiccasamuppādaniddese vuttanayena nāmarūpasamudayā saḷāyatanasamudayo veditabbo. Sesaṃ vuttappakāramevāti.
สฬายตนวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saḷāyatanavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
นามรูปวารวณฺณนา
Nāmarūpavāravaṇṇanā
๑๐๐. นามรูปวาเร นมนลกฺขณํ นามํฯ รุปฺปนลกฺขณํ รูปํฯ วิตฺถารวาเร ปนสฺส เวทนาติ เวทนากฺขโนฺธฯ สญฺญาติ สญฺญากฺขโนฺธฯ เจตนา ผโสฺส มนสิกาโรติ สงฺขารกฺขโนฺธ เวทิตโพฺพฯ กามญฺจ อเญฺญปิ สงฺขารกฺขนฺธสงฺคหิตา ธมฺมา สนฺติ, อิเม ปน ตโย สพฺพทุพฺพเลสุปิ จิเตฺตสุ สนฺติฯ ตสฺมา เอเตสํเยว วเสเนตฺถ สงฺขารกฺขโนฺธปิ ทสฺสิโตฯ จตฺตาริ จ มหาภูตานีติ เอตฺถ จตฺตารีติ คณนปริเจฺฉโทฯ มหาภูตานีติ ปถวีอาปเตชวายานเมตํ อธิวจนํฯ เยน ปน การเณน ตานิ มหาภูตานีติ วุจฺจนฺติ, โย เจตฺถ อโญฺญ วินิจฺฉยนโย, โส สโพฺพ วิสุทฺธิมเคฺค รูปกฺขนฺธนิเทฺทเส วุโตฺตฯ
100. Nāmarūpavāre namanalakkhaṇaṃ nāmaṃ. Ruppanalakkhaṇaṃ rūpaṃ. Vitthāravāre panassa vedanāti vedanākkhandho. Saññāti saññākkhandho. Cetanā phasso manasikāroti saṅkhārakkhandho veditabbo. Kāmañca aññepi saṅkhārakkhandhasaṅgahitā dhammā santi, ime pana tayo sabbadubbalesupi cittesu santi. Tasmā etesaṃyeva vasenettha saṅkhārakkhandhopi dassito. Cattāri ca mahābhūtānīti ettha cattārīti gaṇanaparicchedo. Mahābhūtānīti pathavīāpatejavāyānametaṃ adhivacanaṃ. Yena pana kāraṇena tāni mahābhūtānīti vuccanti, yo cettha añño vinicchayanayo, so sabbo visuddhimagge rūpakkhandhaniddese vutto.
จตุนฺนญฺจ มหาภูตานํ อุปาทายาติ เอตฺถ ปน จตุนฺนนฺติ อุปโยคเตฺถ สามิวจนํ, จตฺตาริ จ มหาภูตานีติ วุตฺตํ โหติฯ อุปาทายาติ อุปาทิยิตฺวา, คเหตฺวาติ อโตฺถฯ นิสฺสายาติปิ เอเกฯ วตฺตมานนฺติ อยเญฺจตฺถ ปาฐเสโสฯ สมูหเตฺถ วา เอตํ สามิวจนํฯ เตน จตุนฺนญฺจ มหาภูตานํ สมูหํ อุปาทาย ปวตฺตมานํ รูปนฺติ อยมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอวํ สพฺพตฺถาปิ ยานิ จตฺตาริ ปถวีอาทีนิ มหาภูตานิ, ยญฺจ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วตฺตมานํ จกฺขายตนาทิเภเทน อภิธมฺมปาฬิยเมว วุตฺตํ เตวีสติวิธํ รูปํ, ตํ สพฺพมฺปิ ‘‘รูป’’นฺติ เวทิตพฺพํฯ วิญฺญาณสมุทยาติ เอตฺถ ปน ยํ วิญฺญาณํ ยสฺส นามสฺส ยสฺส จ รูปสฺส ยสฺส จ นามรูปสฺส ปจฺจโย โหติ, ตสฺส วเสน วิสุทฺธิมเคฺค ปฎิจฺจสมุปฺปาทนิเทฺทเส วุตฺตนเยเนว วิญฺญาณสมุทยา นามรูปสมุทโย เวทิตโพฺพฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ
Catunnañca mahābhūtānaṃ upādāyāti ettha pana catunnanti upayogatthe sāmivacanaṃ, cattāri ca mahābhūtānīti vuttaṃ hoti. Upādāyāti upādiyitvā, gahetvāti attho. Nissāyātipi eke. Vattamānanti ayañcettha pāṭhaseso. Samūhatthe vā etaṃ sāmivacanaṃ. Tena catunnañca mahābhūtānaṃ samūhaṃ upādāya pavattamānaṃ rūpanti ayamattho veditabbo. Evaṃ sabbatthāpi yāni cattāri pathavīādīni mahābhūtāni, yañca catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya vattamānaṃ cakkhāyatanādibhedena abhidhammapāḷiyameva vuttaṃ tevīsatividhaṃ rūpaṃ, taṃ sabbampi ‘‘rūpa’’nti veditabbaṃ. Viññāṇasamudayāti ettha pana yaṃ viññāṇaṃ yassa nāmassa yassa ca rūpassa yassa ca nāmarūpassa paccayo hoti, tassa vasena visuddhimagge paṭiccasamuppādaniddese vuttanayeneva viññāṇasamudayā nāmarūpasamudayo veditabbo. Sesaṃ vuttanayamevāti.
นามรูปวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nāmarūpavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
วิญฺญาณวารวณฺณนา
Viññāṇavāravaṇṇanā
๑๐๑. วิญฺญาณวาเร จกฺขุวิญฺญาณนฺติ จกฺขุมฺหิ วิญฺญาณํ, จกฺขุโต วา ชาตํ วิญฺญาณนฺติ จกฺขุวิญฺญาณํฯ เอวํ โสตฆานชิวฺหากายวิญฺญาณานิฯ อิตรํ ปน มโนเยว วิญฺญาณนฺติ มโนวิญฺญาณํฯ ทฺวิปญฺจวิญฺญาณวชฺชสฺส เตภูมกวิปากจิตฺตเสฺสตํ อธิวจนํฯ สงฺขารสมุทยาติ เอตฺถ ปน โย สงฺขาโร ยสฺส วิญฺญาณสฺส ปจฺจโย โหติ, ตสฺส วเสน สงฺขารสมุทยา วิญฺญาณสมุทโย เวทิตโพฺพฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ
101. Viññāṇavāre cakkhuviññāṇanti cakkhumhi viññāṇaṃ, cakkhuto vā jātaṃ viññāṇanti cakkhuviññāṇaṃ. Evaṃ sotaghānajivhākāyaviññāṇāni. Itaraṃ pana manoyeva viññāṇanti manoviññāṇaṃ. Dvipañcaviññāṇavajjassa tebhūmakavipākacittassetaṃ adhivacanaṃ. Saṅkhārasamudayāti ettha pana yo saṅkhāro yassa viññāṇassa paccayo hoti, tassa vasena saṅkhārasamudayā viññāṇasamudayo veditabbo. Sesaṃ vuttanayamevāti.
วิญฺญาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Viññāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
สงฺขารวารวณฺณนา
Saṅkhāravāravaṇṇanā
๑๐๒. สงฺขารวาเร อภิสงฺขรณลกฺขโณ สงฺขาโรฯ วิตฺถารวาเร ปนสฺส กายสงฺขาโรติ กายโต ปวตฺตสงฺขาโร, กายทฺวาเร โจปนวเสน ปวตฺตานํ กามาวจรกุสลโต อฎฺฐนฺนํ, อกุสลโต ทฺวาทสนฺนนฺติ วีสติยา กายสเญฺจตนานเมตํ อธิวจนํฯ วจีสงฺขาโรติ วจิโต ปวตฺตสงฺขาโร, วจีทฺวาเร วจนเภทวเสน ปวตฺตานํ วีสติยา เอว วจีสเญฺจตนานเมตํ อธิวจนํฯ จิตฺตสงฺขาโรติ จิตฺตโต ปวตฺตสงฺขาโร, กายวจีทฺวาเร โจปนํ อกตฺวา รโห นิสีทิตฺวา จินฺตยนฺตสฺส ปวตฺตานํ โลกิยกุสลากุสลวเสน เอกูนติํสมโนสเญฺจตนานเมตํ อธิวจนํฯ อวิชฺชาสมุทยาติ เอตฺถ ปน กุสลานํ อุปนิสฺสยวเสน อกุสลานํ สหชาตาทิวเสนาปิ อวิชฺชาปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ
102. Saṅkhāravāre abhisaṅkharaṇalakkhaṇo saṅkhāro. Vitthāravāre panassa kāyasaṅkhāroti kāyato pavattasaṅkhāro, kāyadvāre copanavasena pavattānaṃ kāmāvacarakusalato aṭṭhannaṃ, akusalato dvādasannanti vīsatiyā kāyasañcetanānametaṃ adhivacanaṃ. Vacīsaṅkhāroti vacito pavattasaṅkhāro, vacīdvāre vacanabhedavasena pavattānaṃ vīsatiyā eva vacīsañcetanānametaṃ adhivacanaṃ. Cittasaṅkhāroti cittato pavattasaṅkhāro, kāyavacīdvāre copanaṃ akatvā raho nisīditvā cintayantassa pavattānaṃ lokiyakusalākusalavasena ekūnatiṃsamanosañcetanānametaṃ adhivacanaṃ. Avijjāsamudayāti ettha pana kusalānaṃ upanissayavasena akusalānaṃ sahajātādivasenāpi avijjāpaccayo hotīti veditabbā. Sesaṃ vuttanayamevāti.
สงฺขารวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṅkhāravāravaṇṇanā niṭṭhitā.
อวิชฺชาวารวณฺณนา
Avijjāvāravaṇṇanā
๑๐๓. อวิชฺชาวาเร ทุเกฺข อญฺญาณนฺติ ทุกฺขสเจฺจ อญฺญาณํ, โมหเสฺสตํ อธิวจนํฯ เอส นโย สมุทเย อญฺญาณนฺติอาทีสุฯ ตตฺถ จตูหิ การเณหิ ทุเกฺข อญฺญาณํ เวทิตพฺพํ อโนฺตคธโต วตฺถุโต อารมฺมณโต ปฎิจฺฉาทนโต จฯ ตถา หิ ตํ ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺนตฺตา ทุเกฺข อโนฺตคธํ, ทุกฺขสจฺจญฺจสฺส นิสฺสยปจฺจยภาเวน วตฺถุ, อารมฺมณปจฺจยภาเวน อารมฺมณํ, ทุกฺขสจฺจญฺจ เอตํ ปฎิจฺฉาเทติ, ตสฺส ยาถาวลกฺขณปฺปฎิเวธนิวารเณน, ญาณปฺปวตฺติยา เจตฺถ อปฺปทาเนนฯ
103. Avijjāvāre dukkhe aññāṇanti dukkhasacce aññāṇaṃ, mohassetaṃ adhivacanaṃ. Esa nayo samudaye aññāṇantiādīsu. Tattha catūhi kāraṇehi dukkhe aññāṇaṃ veditabbaṃ antogadhato vatthuto ārammaṇato paṭicchādanato ca. Tathā hi taṃ dukkhasaccapariyāpannattā dukkhe antogadhaṃ, dukkhasaccañcassa nissayapaccayabhāvena vatthu, ārammaṇapaccayabhāvena ārammaṇaṃ, dukkhasaccañca etaṃ paṭicchādeti, tassa yāthāvalakkhaṇappaṭivedhanivāraṇena, ñāṇappavattiyā cettha appadānena.
สมุทเย อญฺญาณํ ตีหิ การเณหิ เวทิตพฺพํ วตฺถุโต อารมฺมณโต ปฎิจฺฉาทนโต จฯ นิโรเธ ปฎิปทายญฺจ อญฺญาณํ เอเกเนว การเณน เวทิตพฺพํ ปฎิจฺฉาทนโตฯ นิโรธปฎิปทาย หิ ปฎิจฺฉาทกเมว อญฺญาณํ เตสํ ยาถาวลกฺขณปฺปฎิเวธนิวารเณน, เตสุ จ ญาณปฺปวตฺติยา อปฺปทาเนนฯ น ปน ตตฺถ อโนฺตคธํ, ตสฺมิํ สจฺจทฺวเย อปริยาปนฺนตฺตาฯ น ตสฺส ตํ สจฺจทฺวยํ วตฺถุ, อสหชาตตฺตาฯ นารมฺมณํ, ตทารพฺภ อปฺปวตฺตนโตฯ ปจฺฉิมญฺหิ สจฺจทฺวยํ คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสํ, น เจตฺถ อนฺธภูตํ อญฺญาณํ ปวตฺตติฯ ปุริมํ ปน วญฺจนิยเฎฺฐน สภาวลกฺขณสฺส ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรํ, ตตฺถ วิปลฺลาสคฺคาหวเสน ปวตฺตติฯ
Samudaye aññāṇaṃ tīhi kāraṇehi veditabbaṃ vatthuto ārammaṇato paṭicchādanato ca. Nirodhe paṭipadāyañca aññāṇaṃ ekeneva kāraṇena veditabbaṃ paṭicchādanato. Nirodhapaṭipadāya hi paṭicchādakameva aññāṇaṃ tesaṃ yāthāvalakkhaṇappaṭivedhanivāraṇena, tesu ca ñāṇappavattiyā appadānena. Na pana tattha antogadhaṃ, tasmiṃ saccadvaye apariyāpannattā. Na tassa taṃ saccadvayaṃ vatthu, asahajātattā. Nārammaṇaṃ, tadārabbha appavattanato. Pacchimañhi saccadvayaṃ gambhīrattā duddasaṃ, na cettha andhabhūtaṃ aññāṇaṃ pavattati. Purimaṃ pana vañcaniyaṭṭhena sabhāvalakkhaṇassa duddasattā gambhīraṃ, tattha vipallāsaggāhavasena pavattati.
อปิจ ทุเกฺขติ เอตฺตาวตา สงฺคหโต วตฺถุโต อารมฺมณโต กิจฺจโต จ อวิชฺชา ทีปิตาฯ ทุกฺขสมุทเยติ เอตฺตาวตา วตฺถุโต อารมฺมณโต กิจฺจโต จฯ ทุกฺขนิโรเธ ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฎิปทายาติ เอตฺตาวตา กิจฺจโตฯ อวิเสสโต ปน อญฺญาณนฺติ เอเตน สภาวโต นิทฺทิฎฺฐาติ ญาตพฺพาฯ อาสวสมุทยาติ เอตฺถ ปน กามาสวภวาสวา สหชาตาทิวเสน อวิชฺชาย ปจฺจยา โหนฺติฯ อวิชฺชาสโว อุปนิสฺสยวเสเนวฯ ปุพฺพุปฺปนฺนา เจตฺถ อวิชฺชา อวิชฺชาสโวติ เวทิตพฺพาฯ สา อปราปรุปฺปนฺนาย อวิชฺชาย อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ
Apica dukkheti ettāvatā saṅgahato vatthuto ārammaṇato kiccato ca avijjā dīpitā. Dukkhasamudayeti ettāvatā vatthuto ārammaṇato kiccato ca. Dukkhanirodhe dukkhanirodhagāminiyā paṭipadāyāti ettāvatā kiccato. Avisesato pana aññāṇanti etena sabhāvato niddiṭṭhāti ñātabbā. Āsavasamudayāti ettha pana kāmāsavabhavāsavā sahajātādivasena avijjāya paccayā honti. Avijjāsavo upanissayavaseneva. Pubbuppannā cettha avijjā avijjāsavoti veditabbā. Sā aparāparuppannāya avijjāya upanissayapaccayo hoti. Sesaṃ vuttanayamevāti.
อวิชฺชาวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Avijjāvāravaṇṇanā niṭṭhitā.
อาสววารวณฺณนา
Āsavavāravaṇṇanā
๑๐๔. อาสววาเร อวิชฺชาสมุทยาติ เอตฺถ อวิชฺชา กามาสวภวาสวานํ สหชาตาทิวเสน ปจฺจโย โหติฯ อวิชฺชาสวสฺส อุปนิสฺสยวเสเนวฯ อปราปรุปฺปนฺนา เจตฺถ อวิชฺชา อวิชฺชาสโวติ เวทิตพฺพาฯ ปุพฺพุปฺปนฺนา อวิชฺชาเยวสฺส อปราปรุปฺปนฺนสฺส อวิชฺชาสวสฺส อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ อยํ วาโร ยา เอสา ปฎิจฺจสมุปฺปาทปเทสุ เชฎฺฐิกา อวิชฺชา, ตสฺสาปิ ปจฺจยทสฺสนวเสน วุโตฺตฯ เอวํ วุเตฺตน วาเรน สํสารสฺส อนมตคฺคตา สาธิตา โหติฯ กถํ? อาสวสมุทเยน หิ อวิชฺชาสมุทโยฯ อวิชฺชาสมุทเยนาปิ อาสวสมุทโยฯ เอวํ อาสวา อวิชฺชาย อวิชฺชาปิ อาสวานํ ปจฺจโยติ กตฺวา ปุพฺพโกฎิ น ปญฺญายติ อวิชฺชาย, ตสฺสา อปญฺญายนโต สํสารสฺส อนมตคฺคตา สิทฺธา โหตีติฯ
104. Āsavavāre avijjāsamudayāti ettha avijjā kāmāsavabhavāsavānaṃ sahajātādivasena paccayo hoti. Avijjāsavassa upanissayavaseneva. Aparāparuppannā cettha avijjā avijjāsavoti veditabbā. Pubbuppannā avijjāyevassa aparāparuppannassa avijjāsavassa upanissayapaccayo hoti. Sesaṃ vuttanayamevāti. Ayaṃ vāro yā esā paṭiccasamuppādapadesu jeṭṭhikā avijjā, tassāpi paccayadassanavasena vutto. Evaṃ vuttena vārena saṃsārassa anamataggatā sādhitā hoti. Kathaṃ? Āsavasamudayena hi avijjāsamudayo. Avijjāsamudayenāpi āsavasamudayo. Evaṃ āsavā avijjāya avijjāpi āsavānaṃ paccayoti katvā pubbakoṭi na paññāyati avijjāya, tassā apaññāyanato saṃsārassa anamataggatā siddhā hotīti.
เอวํ สเพฺพปิเม อิมสฺมิํ สุเตฺต กมฺมปถวาโร อาหารวาโร ทุกฺขวาโร ชรา-มรณ-ชาติ-ภว-อุปาทาน-ตณฺหา-เวทนา-ผสฺส-สฬายตน-นามรูป- วิญฺญาณ-สงฺขาร-อวิชฺชา-อาสววาโรติ โสฬสวารา วุตฺตาฯ
Evaṃ sabbepime imasmiṃ sutte kammapathavāro āhāravāro dukkhavāro jarā-maraṇa-jāti-bhava-upādāna-taṇhā-vedanā-phassa-saḷāyatana-nāmarūpa- viññāṇa-saṅkhāra-avijjā-āsavavāroti soḷasavārā vuttā.
เตสุ เอเกกสฺส วารสฺส สเงฺขปวิตฺถารวเสน ทฺวิธา วิภตฺตา ทฺวตฺติํสฎฺฐานานิ โหนฺติฯ อิติ อิมสฺมิํ สุเตฺต อิเมสุ ทฺวตฺติํสฎฺฐาเนสุ จตฺตาริ สจฺจานิ กถิตานิฯ เอเตสํเยว วิตฺถารวเสน วุเตฺตสุ โสฬสสุ ฐาเนสุ อรหตฺตํ กถิตํฯ เถรสฺส ปน มเตน ทฺวตฺติํสายปิ ฐาเนสุ จตฺตาริ สจฺจานิ จตฺตาโร จ มคฺคา กถิตาติฯ อิติ สกเลปิ ปญฺจมหานิกายสงฺคหิเต พุทฺธวจเน นตฺถิ ตํ สุตฺตํ, ยตฺถ ทฺวตฺติํสกฺขตฺตุํ จตฺตาริ สจฺจานิ ทฺวตฺติํสกฺขตฺตุญฺจ อรหตฺตํ ปกาสิตํ อญฺญตฺร อิมมฺหา สมฺมาทิฎฺฐิสุตฺตาติฯ
Tesu ekekassa vārassa saṅkhepavitthāravasena dvidhā vibhattā dvattiṃsaṭṭhānāni honti. Iti imasmiṃ sutte imesu dvattiṃsaṭṭhānesu cattāri saccāni kathitāni. Etesaṃyeva vitthāravasena vuttesu soḷasasu ṭhānesu arahattaṃ kathitaṃ. Therassa pana matena dvattiṃsāyapi ṭhānesu cattāri saccāni cattāro ca maggā kathitāti. Iti sakalepi pañcamahānikāyasaṅgahite buddhavacane natthi taṃ suttaṃ, yattha dvattiṃsakkhattuṃ cattāri saccāni dvattiṃsakkhattuñca arahattaṃ pakāsitaṃ aññatra imamhā sammādiṭṭhisuttāti.
อิทมโวจายสฺมา สาริปุโตฺตติ อิทํ ทฺวตฺติํสาย จตุสจฺจปริยาเยหิ ทฺวตฺติํสาย อรหตฺตปริยาเยหีติ จตุสฎฺฐิยา การเณหิ อลงฺกริตฺวา สมฺมาทิฎฺฐิสุตฺตํ อายสฺมา สาริปุโตฺต อโวจ, อตฺตมนา เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavocāyasmāsāriputtoti idaṃ dvattiṃsāya catusaccapariyāyehi dvattiṃsāya arahattapariyāyehīti catusaṭṭhiyā kāraṇehi alaṅkaritvā sammādiṭṭhisuttaṃ āyasmā sāriputto avoca, attamanā te bhikkhū āyasmato sāriputtassa bhāsitaṃ abhinandunti.
อาสววารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Āsavavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
สมฺมาทิฎฺฐิสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sammādiṭṭhisuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๙. สมฺมาทิฎฺฐิสุตฺตํ • 9. Sammādiṭṭhisuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๙. สมฺมาทิฎฺฐิสุตฺตวณฺณนา • 9. Sammādiṭṭhisuttavaṇṇanā