Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๙. สมฺมาทิฎฺฐิสุตฺตวณฺณนา

    9. Sammādiṭṭhisuttavaṇṇanā

    ๘๙. กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา เอวาติ อวธารเณน อิตรา จตโสฺส ปุจฺฉา นิวเตฺตติ อิตราสํ อสมฺภวโต, ตตฺถ ยถาปุจฺฉิตสฺส อตฺถสฺส วิสฺสชฺชนโต จ ‘‘อยํ สมฺมาทิฎฺฐี’’ติ ยาถาวโต อชานนฺตาปิ ปุถุชฺชนา พาหิรกตาปสาทโย อตฺตโน สมานสีเล ฐิตํ สมฺมาทิฎฺฐีติ วทนฺติอนุสฺสวาทิวเสนาปีติ อนุสฺสวาการปริวิตกฺกทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติวเสนปิฯ ยถาสมงฺคิตาการสฺส อตฺถสฺส เอวเมตนฺติ นิชฺฌานกฺขมาปนโต เอกนฺตโต ยาถาวคฺคาโห โหตีติ อาห ‘‘อตฺตปจฺจเกฺขนปี’’ติ, ยาถาวโต ลกฺขณสฺส ปฎิวิทฺธตฺตา อตฺตโน ปจฺจกฺขภาเวนาติ อโตฺถฯ พหุนฺนํ วจนํ อุปาทายาติ อิมินา สาสเน โลเก จ นิรุฬฺหตาย อยํ อาเมฑิตปโยโคติ สาสนสฺส นิรุฬฺหตาย จ สมฺปสาทํ อุปาทายปิ ตทุภยิโก อาเมฑิตปโยโค ทฎฺฐโพฺพฯ อตฺถนฺติ วจนตฺถํฯ ลกฺขณนฺติ สภาวํฯ อุปาทายาติ คเหตฺวาฯ โสภนายาติ สุนฺทรายฯ ปสตฺถายาติ ปสํสายฯ เตสุ ปุริเมน ธมฺมานํ ยถาสภาวาวโพธสงฺขาตํ สมฺมาทิฎฺฐิสภาวํ ทเสฺสติฯ เตน หิ สา สพฺพธเมฺม อภิภวิตฺวา โสภติฯ ทุติเยน สมฺปยุตฺตธเมฺมสุ ปริณายิกภาวํฯ เตน หิ สา สมฺปยุตฺตธเมฺม ญาณมเย วิย ตํสมงฺคินญฺจ ปุคฺคลํ ญาณปิณฺฑํ วิย กโรติ, ตสฺส ‘‘ปณฺฑิโต นิปุโณ เฉโก วิญฺญู วิภาวี’’ติอาทินา ทิสาสุ ปสํสา ปตฺถรติฯ

    89.Kathetukamyatāpucchāevāti avadhāraṇena itarā catasso pucchā nivatteti itarāsaṃ asambhavato, tattha yathāpucchitassa atthassa vissajjanato ca ‘‘ayaṃ sammādiṭṭhī’’ti yāthāvato ajānantāpi puthujjanā bāhirakatāpasādayo attano samānasīle ṭhitaṃ sammādiṭṭhīti vadanti. Anussavādivasenāpīti anussavākāraparivitakkadiṭṭhinijjhānakkhantivasenapi. Yathāsamaṅgitākārassa atthassa evametanti nijjhānakkhamāpanato ekantato yāthāvaggāho hotīti āha ‘‘attapaccakkhenapī’’ti, yāthāvato lakkhaṇassa paṭividdhattā attano paccakkhabhāvenāti attho. Bahunnaṃ vacanaṃ upādāyāti iminā sāsane loke ca niruḷhatāya ayaṃ āmeḍitapayogoti sāsanassa niruḷhatāya ca sampasādaṃ upādāyapi tadubhayiko āmeḍitapayogo daṭṭhabbo. Atthanti vacanatthaṃ. Lakkhaṇanti sabhāvaṃ. Upādāyāti gahetvā. Sobhanāyāti sundarāya. Pasatthāyāti pasaṃsāya. Tesu purimena dhammānaṃ yathāsabhāvāvabodhasaṅkhātaṃ sammādiṭṭhisabhāvaṃ dasseti. Tena hi sā sabbadhamme abhibhavitvā sobhati. Dutiyena sampayuttadhammesu pariṇāyikabhāvaṃ. Tena hi sā sampayuttadhamme ñāṇamaye viya taṃsamaṅginañca puggalaṃ ñāṇapiṇḍaṃ viya karoti, tassa ‘‘paṇḍito nipuṇo cheko viññū vibhāvī’’tiādinā disāsu pasaṃsā pattharati.

    กมฺมสฺสกตาญาณนฺติ กมฺมํ สโก เอตสฺสาติ กมฺมสฺสโก, ตสฺส ภาโว กมฺมสฺสกตา, ตตฺถ ญาณํ ‘‘อิทํ กมฺมํ สตฺตานํ สกํ, อิทํ โน สก’’นฺติ เอวํ ชานนญาณํฯ สจฺจานุโลมิกญาณนฺติ อริยสจฺจานํ ปฎิเวธสฺส อนุโลมโต สจฺจานุโลมิกํ ญาณํ, วิปสฺสนาญาณํฯ โน สจฺจานุโลมิกายาติ พาหิรโก สจฺจานุโลมิกาย สมฺมาทิฎฺฐิยา โน สมฺมาทิฎฺฐิ สเพฺพน สพฺพํ ตสฺส อภาวโตฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘อตฺตทิฎฺฐิปรามาสกตฺตา’’ติฯ กมฺมสฺส กตาทิฎฺฐิ ปน พาหิรกสฺส อตฺตทิฎฺฐิํ อนุรุชฺฌนฺตี ปวตฺตติ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺติโตฯ สาสนิโก ทฺวีหิปีติ สาสนิโก ปุถุชฺชโน กมฺมสฺสกตาญาณาทีหิ ทฺวีหิปิ สมฺมาทิฎฺฐิฯ โอกฺกนฺตสมฺมตฺตนิยามตฺตา ‘‘เสโกฺข นิยตายา’’ติ วุตฺตํฯ อเสกฺขาย สมฺมาทิฎฺฐิยา สมฺมาทิฎฺฐีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ ตีสุปิ ปุคฺคเลสุ เสโกฺข อิธ สมฺมาทิฎฺฐีติ อธิเปฺปโตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘นิยตาย นิยฺยานิกายา’’ติอาทิมาหฯ

    Kammassakatāñāṇanti kammaṃ sako etassāti kammassako, tassa bhāvo kammassakatā, tattha ñāṇaṃ ‘‘idaṃ kammaṃ sattānaṃ sakaṃ, idaṃ no saka’’nti evaṃ jānanañāṇaṃ. Saccānulomikañāṇanti ariyasaccānaṃ paṭivedhassa anulomato saccānulomikaṃ ñāṇaṃ, vipassanāñāṇaṃ. No saccānulomikāyāti bāhirako saccānulomikāya sammādiṭṭhiyā no sammādiṭṭhi sabbena sabbaṃ tassa abhāvato. Tattha kāraṇamāha ‘‘attadiṭṭhiparāmāsakattā’’ti. Kammassa katādiṭṭhi pana bāhirakassa attadiṭṭhiṃ anurujjhantī pavattati ‘‘atthi dinna’’ntiādinayappavattito. Sāsaniko dvīhipīti sāsaniko puthujjano kammassakatāñāṇādīhi dvīhipi sammādiṭṭhi. Okkantasammattaniyāmattā ‘‘sekkho niyatāyā’’ti vuttaṃ. Asekkhāya sammādiṭṭhiyā sammādiṭṭhīti ānetvā sambandhitabbaṃ. Tīsupi puggalesu sekkho idha sammādiṭṭhīti adhippetoti dassento ‘‘niyatāya niyyānikāyā’’tiādimāha.

    อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปาฬิยา วิภาเวตุํ ‘‘เตเนวาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อนฺตทฺวยนฺติ ‘‘สสฺสตํ, อุเจฺฉทํ, กามสุขํ, อตฺตกิลมถ’’นฺติ เอตํ อนฺตทฺวยํฯ ลีนุทฺธจฺจปติฎฺฐานายูหนนฺตทฺวยสฺส อนุปคมนํ อตฺถสิทฺธเมวฯ อุชุภาเวนาติ อุชุสภาเวน มเคฺคน, มชฺฌิมาย ปฎิปตฺติยาติ อโตฺถฯ ธเมฺม ปสาทคฺคหเณน สตฺถริ สเงฺฆ จ ปสาโทปิ คหิโตเยว โหตีติ ‘‘ธเมฺม’’อิเจฺจว วุโตฺต ตทวินาภาวโตฯ ยสฺมา เอส นิยตาย สมฺมาทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต สมฺมาทิฎฺฐีติ อธิเปฺปโต, ตญฺจ วฎฺฎโต นิยฺยานํ วิวฎฺฎาธิคเมน โหตีติ อาห ‘‘อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติฯ นิพฺพานญฺหิ สโนฺต สทา วิชฺชมาโน ธโมฺมติ กตฺวา สทฺธโมฺมติ อิมํ ผเลหิ อสาธารเณน ปริยาเยน วตฺตพฺพตํ ลภติฯ ตยิทมสฺส อาคมํ สจฺฉิกิริยาภิสมโย, โส จ ปหานาภิสมยาทีหิ สเหว อิธ อิชฺฌตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สพฺพทิฎฺฐิคหนานี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สพฺพทิฎฺฐิคหนานิ วินิเพฺพเฐโนฺต สพฺพกิเลเส ปชหโนฺตติ ปททฺวเยน ปน ปหานาภิสมยมาห, ชาติสํสารา นิกฺขมโนฺตติ อิมินา ปริญฺญาภิสมยํฯ สมติกฺกมโตฺถ หิ ปริญฺญโตฺถฯ ปฎิปตฺติํ ปรินิฎฺฐเปโนฺตติ อิมินา ภาวนาภิสมยนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Idāni yathāvuttamatthaṃ pāḷiyā vibhāvetuṃ ‘‘tenevāhā’’tiādi vuttaṃ. Antadvayanti ‘‘sassataṃ, ucchedaṃ, kāmasukhaṃ, attakilamatha’’nti etaṃ antadvayaṃ. Līnuddhaccapatiṭṭhānāyūhanantadvayassa anupagamanaṃ atthasiddhameva. Ujubhāvenāti ujusabhāvena maggena, majjhimāya paṭipattiyāti attho. Dhamme pasādaggahaṇena satthari saṅghe ca pasādopi gahitoyeva hotīti ‘‘dhamme’’icceva vutto tadavinābhāvato. Yasmā esa niyatāya sammādiṭṭhiyā samannāgato sammādiṭṭhīti adhippeto, tañca vaṭṭato niyyānaṃ vivaṭṭādhigamena hotīti āha ‘‘āgato imaṃ saddhamma’’nti. Nibbānañhi santo sadā vijjamāno dhammoti katvā saddhammoti imaṃ phalehi asādhāraṇena pariyāyena vattabbataṃ labhati. Tayidamassa āgamaṃ sacchikiriyābhisamayo, so ca pahānābhisamayādīhi saheva idha ijjhatīti dassento ‘‘sabbadiṭṭhigahanānī’’tiādimāha. Tattha sabbadiṭṭhigahanāni vinibbeṭhento sabbakilese pajahantoti padadvayena pana pahānābhisamayamāha, jātisaṃsārā nikkhamantoti iminā pariññābhisamayaṃ. Samatikkamattho hi pariññattho. Paṭipattiṃ pariniṭṭhapentoti iminā bhāvanābhisamayanti daṭṭhabbaṃ.

    กาลปริเจฺฉทวจนนฺติ ปริจฺฉิชฺชตีติ ปริเจฺฉโท, กาโล เอว ปริเจฺฉโท กาลปริเจฺฉโท, โย โส อกุสลปชานนาทินา ปริจฺฉิโนฺน มคฺควุฎฺฐานกาโล มคฺคกฺขโณ, ตสฺส วจนนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ยสฺมิํ กาเล’’ติฯ อกุสลญฺจาติ -สโทฺท สมุจฺจยโตฺถฯ เตน วกฺขมานํ อกุสลมูลาทิํ สมุจฺจิโนติฯ ทสากุสลกมฺมปถนฺติ กุโตยํ วิเสโส, ยาวตา อนิทฺธาริตวิเสสํ อกุสลํ คหิตนฺติ? น สามญฺญโชตนาย วิเสเส อวฎฺฐานโตฯ กิํ วา อิมาย ยุตฺติจินฺตาย, ยสฺมา ปฐมวาเรน อุเทฺทสวเสน เทสิตสฺส อตฺถสฺส วิตฺถารเทสนา ทุติยวาโรฯ เตเนวาห ‘‘กตมํ ปนาวุโส’’ติอาทิฯ ยสฺมา โลกุตฺตรา สมฺมาทิฎฺฐิ อิธ อธิเปฺปตา, ตสฺมา นิโรธารมฺมณาย ปชานนาย มคฺคปญฺญาย กิจฺจวเสน สโมฺมหโต ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ ทสอกุสลกมฺมปถํ ปฎิวิชฺฌโนฺต ‘‘อกุสลํ ปชานาตี’’ติ วุจฺจตีติ อโตฺถฯ ตสฺสาติ อกุสลกมฺมปถสงฺขาตสฺส ทุกฺขสฺสฯ เตเนว ปกาเรนาติ ‘‘นิโรธารมฺมณาย ปชานนาย กิจฺจวเสนา’’ติ วุตฺตปฺปกาเรนฯ

    Kālaparicchedavacananti paricchijjatīti paricchedo, kālo eva paricchedo kālaparicchedo, yo so akusalapajānanādinā paricchinno maggavuṭṭhānakālo maggakkhaṇo, tassa vacananti attho. Tenāha ‘‘yasmiṃ kāle’’ti. Akusalañcāti ca-saddo samuccayattho. Tena vakkhamānaṃ akusalamūlādiṃ samuccinoti. Dasākusalakammapathanti kutoyaṃ viseso, yāvatā aniddhāritavisesaṃ akusalaṃ gahitanti? Na sāmaññajotanāya visese avaṭṭhānato. Kiṃ vā imāya yutticintāya, yasmā paṭhamavārena uddesavasena desitassa atthassa vitthāradesanā dutiyavāro. Tenevāha ‘‘katamaṃ panāvuso’’tiādi. Yasmā lokuttarā sammādiṭṭhi idha adhippetā, tasmā nirodhārammaṇāya pajānanāya maggapaññāya kiccavasena sammohato ‘‘idaṃ dukkha’’nti dasaakusalakammapathaṃ paṭivijjhanto ‘‘akusalaṃ pajānātī’’ti vuccatīti attho. Tassāti akusalakammapathasaṅkhātassa dukkhassa. Teneva pakārenāti ‘‘nirodhārammaṇāya pajānanāya kiccavasenā’’ti vuttappakārena.

    กุสลนฺติ เอตฺถายํ วจนโตฺถ – กุจฺฉิเต ปาปธเมฺม สลยติ จลยติ กเมฺปตีติ กุสลํ, กุจฺฉิเตน วา อากาเรน สยนฺตีติ กุสา, ปาปกา ธมฺมาฯ เต กุเส ลุนาติ ฉินฺทตีติ กุสลํฯ กุจฺฉิตานํ วา สานโต ตนุกรณโต ญาณํ กุสํ นาม, เตน ลาตพฺพํ คเหตพฺพํ ปวเตฺตตพฺพนฺติ กุสลํฯ ยถา วา กุโส อุภยภาคคตํ หตฺถปเทสํ ลุนาติ, เอวมิทํ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนวเสน อุภยภาคคตํ สํกิเลสปกฺขํ ลุนาติ ฉินฺทติ, ตสฺมา กุโส วิย ลุนาตีติ กุสลํฯ กุจฺฉิตานํ วา สาวชฺชธมฺมานํ สลนโต สํวรณโต กุสลํฯ กุสลธมฺมวเสน หิ อกุสลา มนจฺฉเฎฺฐสุ ทฺวาเรสุ อปฺปวตฺติยา สํวุตา โหนฺติฯ กุจฺฉิเต วา ปาปธเมฺม สลยติ คเมติ อปเนตีติ กุสลํฯ กุจฺฉิตานํ วา ปาณาติปาตาทีนํ สานโต นิสานโต เตชนโต กุสา, โทสโลภาทโยฯ สาทีนววเสน เจตนาย ติกฺขภาวปฺปตฺติยา ปาณาติปาตาทีนํ มหาสาวชฺชตาฯ เต กุเส ลุนาติ ฉินฺทตีติ กุสลํฯ กุจฺฉิตานํ วา สานโต อนฺตกรณโต วินาสนโต กุสานิ, ปุญฺญกิริยวเสน ปวตฺตานิ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิฯ เตหิ ลาตพฺพํ ปวเตฺตตพฺพนฺติ กุสลํฯ ‘‘กุ’’อิติ วา ภูมิ วุจฺจติ, อธิฎฺฐานภาเวน ตํสทิสสฺส อตฺตโน นิสฺสยภูตสฺส รูปารูปปพนฺธสฺส สมฺปติ อายติญฺจ อนุทเหน วินาสนโต กุํ สสนฺตีติ กุสา, ราคาทโยฯ เต วิย อตฺตโน นิสฺสยสฺส ลวนโต ฉินฺทนโต กุสลํฯ ปโยคสมฺปาทิตา หิ กุสลธมฺมา อจฺจนฺตเมว รูปารูปธเมฺม อปฺปวตฺติกรเณน สมุจฺฉินฺทนฺติฯ กุสลสฺส มูลนฺติ กุสลมูลํ, สุปฺปติฎฺฐิตภาวสาธเนน กุสลสฺส ปติฎฺฐา นิทานนฺติ อโตฺถฯ อกุสลมูลนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ

    Kusalanti etthāyaṃ vacanattho – kucchite pāpadhamme salayati calayati kampetīti kusalaṃ, kucchitena vā ākārena sayantīti kusā, pāpakā dhammā. Te kuse lunāti chindatīti kusalaṃ. Kucchitānaṃ vā sānato tanukaraṇato ñāṇaṃ kusaṃ nāma, tena lātabbaṃ gahetabbaṃ pavattetabbanti kusalaṃ. Yathā vā kuso ubhayabhāgagataṃ hatthapadesaṃ lunāti, evamidaṃ uppannānuppannavasena ubhayabhāgagataṃ saṃkilesapakkhaṃ lunāti chindati, tasmā kuso viya lunātīti kusalaṃ. Kucchitānaṃ vā sāvajjadhammānaṃ salanato saṃvaraṇato kusalaṃ. Kusaladhammavasena hi akusalā manacchaṭṭhesu dvāresu appavattiyā saṃvutā honti. Kucchite vā pāpadhamme salayati gameti apanetīti kusalaṃ. Kucchitānaṃ vā pāṇātipātādīnaṃ sānato nisānato tejanato kusā, dosalobhādayo. Sādīnavavasena cetanāya tikkhabhāvappattiyā pāṇātipātādīnaṃ mahāsāvajjatā. Te kuse lunāti chindatīti kusalaṃ. Kucchitānaṃ vā sānato antakaraṇato vināsanato kusāni, puññakiriyavasena pavattāni saddhādīni indriyāni. Tehi lātabbaṃ pavattetabbanti kusalaṃ. ‘‘Ku’’iti vā bhūmi vuccati, adhiṭṭhānabhāvena taṃsadisassa attano nissayabhūtassa rūpārūpapabandhassa sampati āyatiñca anudahena vināsanato kuṃ sasantīti kusā, rāgādayo. Te viya attano nissayassa lavanato chindanato kusalaṃ. Payogasampāditā hi kusaladhammā accantameva rūpārūpadhamme appavattikaraṇena samucchindanti. Kusalassa mūlanti kusalamūlaṃ, suppatiṭṭhitabhāvasādhanena kusalassa patiṭṭhā nidānanti attho. Akusalamūlanti etthāpi eseva nayo.

    อกุสลนฺติ ปน น กุสลํ อกุสลํ, กุสลธมฺมานํ ปฎิปกฺขวเสน อกุสลนฺติ ปทสฺส อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอวญฺหิ อาโรคฺยานวชฺชสุขวิปากโกสลฺลสมฺภูตเฎฺฐน กุสลํ วุจฺจตีติฯ ยถา ยํ ธมฺมชาตํ น อโรคํ น อวชฺชํ น สุขวิปากํ น จ โกสลฺลสมฺภูตํ, ตํ อกุสลนฺติ อยมโตฺถ ทสฺสิโต โหติฯ เอวํ ยํ น กุจฺฉิตานํ สลนสภาวํ, น กุเสน, กุเสหิ วา ปวเตฺตตพฺพํ, น จ กุโส วิย ลวนกํ, ตํ อกุสลํ นามาติ อยมฺปิ อโตฺถ ทสฺสิโตติ เวทิตโพฺพฯ วตฺถุปชานนาติ ทุกฺขาทิวตฺถุโน ปชานนา ปฎิเวโธฯ ตถา พุชฺฌนกปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสน เทสนา ปวตฺตาติ อาห ‘‘อกุสลาทิปชานเนนาปี’’ติฯ เตเนว จ สํขิเตฺตน เทสนา ปวตฺตาฯ ภาวนามนสิกาโร ปน ‘‘สพฺพํ ภิกฺขเว อภิเญฺญยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๔๖; ปฎิ. ม. ๑.๓) วจนโต อนวเสสโต รูปารูปธมฺมานํ ปริคฺคหวเสเนว ปวตฺตติฯ เตนาห ‘‘เทสนาเยวา’’ติอาทิฯ ตตฺถ มนสิการปฎิเวโธติ ปุพฺพภาเค ปวตฺตวิปสฺสนามนสิกาโร อริยมคฺคปฎิเวโธ จฯ กสฺสจิ อโกปนโต วิตฺถารวเสเนว วุตฺตํ วิปสฺสนํ อนุยุญฺชนฺตา มคฺคํ ปฎิวิชฺฌนฺตาปิ วิตฺถารนเยเนว ปฎิวิชฺฌนฺตีติ อโตฺถ วิสุทฺธิกฺกมสฺส อภาวโตฯ

    Akusalanti pana na kusalaṃ akusalaṃ, kusaladhammānaṃ paṭipakkhavasena akusalanti padassa attho veditabbo. Evañhi ārogyānavajjasukhavipākakosallasambhūtaṭṭhena kusalaṃ vuccatīti. Yathā yaṃ dhammajātaṃ na arogaṃ na avajjaṃ na sukhavipākaṃ na ca kosallasambhūtaṃ, taṃ akusalanti ayamattho dassito hoti. Evaṃ yaṃ na kucchitānaṃ salanasabhāvaṃ, na kusena, kusehi vā pavattetabbaṃ, na ca kuso viya lavanakaṃ, taṃ akusalaṃ nāmāti ayampi attho dassitoti veditabbo. Vatthupajānanāti dukkhādivatthuno pajānanā paṭivedho. Tathā bujjhanakapuggalānaṃ ajjhāsayavasena desanā pavattāti āha ‘‘akusalādipajānanenāpī’’ti. Teneva ca saṃkhittena desanā pavattā. Bhāvanāmanasikāro pana ‘‘sabbaṃ bhikkhave abhiññeyya’’nti (saṃ. ni. 4.46; paṭi. ma. 1.3) vacanato anavasesato rūpārūpadhammānaṃ pariggahavaseneva pavattati. Tenāha ‘‘desanāyevā’’tiādi. Tattha manasikārapaṭivedhoti pubbabhāge pavattavipassanāmanasikāro ariyamaggapaṭivedho ca. Kassaci akopanato vitthāravaseneva vuttaṃ vipassanaṃ anuyuñjantā maggaṃ paṭivijjhantāpi vitthāranayeneva paṭivijjhantīti attho visuddhikkamassa abhāvato.

    ภิกฺขูติ มหาวิหาเร ธมฺมสงฺคีติวเสน ปญฺจนิกายมณฺฑเล นิสินฺนภิกฺขูฯ เถโรติ ตตฺถ สงฺฆเตฺถโรติ วทนฺติฯ วตฺถสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยน ปน มหาสงฺฆรกฺขิตเตฺถรสฺส อเนฺตวาสิกภิกฺขู สนฺธาย ‘‘อาหํสู’’ติ วุตฺตํฯ เถโรติ ปน มหาสงฺฆรกฺขิตเตฺถโรฯ โส หิ อิมสฺมิํ มชฺฌิมนิกาเย ตํ ตํ วินิจฺฉยํ กเถสิฯ ราสิโตติ ปิณฺฑโต, เอกชฺฌนฺติ อโตฺถฯ

    Bhikkhūti mahāvihāre dhammasaṅgītivasena pañcanikāyamaṇḍale nisinnabhikkhū. Theroti tattha saṅghattheroti vadanti. Vatthasuttavaṇṇanāyaṃ vuttanayena pana mahāsaṅgharakkhitattherassa antevāsikabhikkhū sandhāya ‘‘āhaṃsū’’ti vuttaṃ. Theroti pana mahāsaṅgharakkhitatthero. So hi imasmiṃ majjhimanikāye taṃ taṃ vinicchayaṃ kathesi. Rāsitoti piṇḍato, ekajjhanti attho.

    อกุสลกมฺมปถวณฺณนา

    Akusalakammapathavaṇṇanā

    อโกสลฺลปฺปวตฺติยาติ โกสลฺลปฎิปกฺขโต อโกสลฺลํ วุจฺจติ อญฺญาณํ, ตโต ปวตฺตนโต, อโกสลฺลสมฺภูตตฺตาติ อโตฺถฯ ญาณปฎิปโกฺข อญฺญาณํ มิตฺตปฎิปโกฺข อมิโตฺต วิย กุสลปฎิปโกฺข อกุสลํ กุสเลน ปหาตพฺพตฺตา, น ปน กุสลานํ ปหายตตฺตาฯ กุสลเมว หิ ปโยคสมฺปาทิตํ อกุสลํ ปชหติฯ สห อวเชฺชหิ โลภาทีหิ วตฺตตีติ สาวชฺชํฯ ทุโกฺข อนิโฎฺฐ จตุกฺขนฺธ-สงฺขาโต วิปาโก เอตสฺสาติ ทุกฺขวิปากํฯ ตตฺถ สาวชฺชวจเนน อกุสลานํ ปวตฺติทุกฺขตํ ทเสฺสติ, ทุกฺขวิปากวจเนน วิปากทุกฺขตํฯ ปุริมญฺหิ ปวตฺติสมฺภววเสน อกุสลสฺส ลกฺขณวจนํ, ปจฺฉิมํ ตาลนฺตเร วิปากุปฺปาทนสมตฺถตาวเสนฯ ตถา ปุริเมน อกุสลสฺส อวิสุทฺธสภาวตํ ทเสฺสติ, ปจฺฉิเมน อวิสุทฺธวิปากตํฯ ปุริเมน อกุสลํ กุสลสภาวโต นิวเตฺตติ, ปจฺฉิเมน อพฺยากตสภาวโต สวิปากตฺตทีปกตฺตา ปจฺฉิมสฺสฯ ปุริเมน วา อวชฺชวนฺตตาทสฺสนโต กิจฺจเฎฺฐน รเสน อนตฺถชนนรสตํ ทเสฺสติ, ปจฺฉิเมน สมฺปตฺติอเตฺถน อนิฎฺฐวิปากรสตํฯ ปุริเมน จ อุปฎฺฐานาการเฎฺฐน ปจฺจุปฎฺฐาเนน สํกิเลสปจฺจุปฎฺฐานตํ, ปจฺฉิเมน ผลเฎฺฐน ทุกฺขวิปากปจฺจุปฎฺฐานตํฯ ปุริเมน จ อโยนิโสมนสิการํ อกุสลสฺส ปทฎฺฐานํ ปกาเสติฯ ตโต หิ ตํ สาวชฺชํ ชาตํ, ปจฺฉิเมน อกุสลสฺส อเญฺญสํ ปทฎฺฐานภาวํ วิภาเวติฯ ตญฺหิ ทุกฺขวิปากสฺส การณนฺติฯ สํกิลิฎฺฐนฺติ สํกิเลเสหิ สมนฺนาคตํ, ทสหิ กิเลสวตฺถูหิ วิพาธิตํ, อุปตาปิตํ วา เตหิ วิทูสิตํ มลีนกตญฺจาติ อโตฺถฯ อิทญฺจสฺส ทุกฺขวิปากตญฺจาติ อเตฺถ อิทญฺจ ทุกฺขวิปากตํ อปจฺจกฺขตาย อสทฺทหนฺตานํ ปจฺจกฺขโต อาทีนวทสฺสเนน สํเวชนตฺถํ วุตฺตํฯ สาธารณา สพฺพสฺสปิ อกุสลสฺสฯ

    Akosallappavattiyāti kosallapaṭipakkhato akosallaṃ vuccati aññāṇaṃ, tato pavattanato, akosallasambhūtattāti attho. Ñāṇapaṭipakkho aññāṇaṃ mittapaṭipakkho amitto viya kusalapaṭipakkho akusalaṃ kusalena pahātabbattā, na pana kusalānaṃ pahāyatattā. Kusalameva hi payogasampāditaṃ akusalaṃ pajahati. Saha avajjehi lobhādīhi vattatīti sāvajjaṃ. Dukkho aniṭṭho catukkhandha-saṅkhāto vipāko etassāti dukkhavipākaṃ. Tattha sāvajjavacanena akusalānaṃ pavattidukkhataṃ dasseti, dukkhavipākavacanena vipākadukkhataṃ. Purimañhi pavattisambhavavasena akusalassa lakkhaṇavacanaṃ, pacchimaṃ tālantare vipākuppādanasamatthatāvasena. Tathā purimena akusalassa avisuddhasabhāvataṃ dasseti, pacchimena avisuddhavipākataṃ. Purimena akusalaṃ kusalasabhāvato nivatteti, pacchimena abyākatasabhāvato savipākattadīpakattā pacchimassa. Purimena vā avajjavantatādassanato kiccaṭṭhena rasena anatthajananarasataṃ dasseti, pacchimena sampattiatthena aniṭṭhavipākarasataṃ. Purimena ca upaṭṭhānākāraṭṭhena paccupaṭṭhānena saṃkilesapaccupaṭṭhānataṃ, pacchimena phalaṭṭhena dukkhavipākapaccupaṭṭhānataṃ. Purimena ca ayonisomanasikāraṃ akusalassa padaṭṭhānaṃ pakāseti. Tato hi taṃ sāvajjaṃ jātaṃ, pacchimena akusalassa aññesaṃ padaṭṭhānabhāvaṃ vibhāveti. Tañhi dukkhavipākassa kāraṇanti. Saṃkiliṭṭhanti saṃkilesehi samannāgataṃ, dasahi kilesavatthūhi vibādhitaṃ, upatāpitaṃ vā tehi vidūsitaṃ malīnakatañcāti attho. Idañcassa dukkhavipākatañcāti atthe idañca dukkhavipākataṃ apaccakkhatāya asaddahantānaṃ paccakkhato ādīnavadassanena saṃvejanatthaṃ vuttaṃ. Sādhāraṇā sabbassapi akusalassa.

    สรเสเนว (ธ. ส. มูลฎี. ๑) ปตนสภาวสฺส อนฺตรา เอว อตีว ปาตนํ อติปาโต, สณิกํ ปติตุํ อทตฺวา สีฆํ ปาตนนฺติ อโตฺถฯ อติกฺกมฺมวา สตฺถาทีหิ อภิภวิตฺวา ปาตนํ อติปาโตฯ ปโยควตฺถุมหนฺตตาทีหิ มหาสาวชฺชตา เตหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชมานาย เจตนาย พลวภาวโตฯ เอกสฺส หิ ปโยคสฺส สหสา นิปฺผาทนวเสน สกิจฺจสาธิกาย พหุกฺขตฺตุํ ปวตฺตชวเนหิ ลทฺธาเสวนาย จ สนฺนิฎฺฐาปกเจตนาย วเสน ปโยคสฺส มหนฺตภาโวฯ สติปิ กทาจิ ขุทฺทเก เจว มหเนฺต จ ปาเณ ปโยคสฺส สมภาเว มหนฺตํ หนนฺตสฺส เจตนา ติพฺพาการา อุปฺปชฺชตีติ วตฺถุสฺส มหนฺตภาโวฯ อิติ อุภยเมฺปตํ เจตนาย พลวภาเวเนว โหตีติฯ ยถาวุตฺตปจฺจยปริยาเยปิ ตํตํปจฺจเยหิ เจตนาย พลวตาย เอว มหาสาวชฺชภาโว เวทิตโพฺพฯ ปโยควตฺถุอาทิปจฺจยานญฺหิ อมหเตฺตปิ หนฺตพฺพสฺส คุณวนฺตตาย มหาสาวชฺชตา, ตพฺพิปริยาเยน อปฺปสาวชฺชตา จ วตฺถุสฺส มหตฺตามหเตฺตสุ วิย ทฎฺฐพฺพาฯ กิเลสานํ อุปกฺกมานํ ทฺวินฺนญฺจ มุทุตาย ติพฺพตาย จ อปฺปสาวชฺชตา มหาสาวชฺชตาปิ โยเชตพฺพาฯ ปาโณ ปาณสญฺญิตา วธกจิตฺตญฺจ ปุพฺพภาคิยาปิ โหนฺติ, อุปกฺกโม วธกเจตนาสมุฎฺฐาปิโตฯ ปญฺจ สมฺภารา หิ ปาณาติปาตเจตนาติ สา ปญฺจสมฺภารวินิมุตฺตา ทฎฺฐพฺพาฯ อยญฺจ วิจาโร อทินฺนาทานาทีสุปิ ยถารหํ วตฺตโพฺพฯ วิชฺฌนปหรณาทิวเสน สหเตฺถนนิพฺพโตฺต สาหตฺถิโก, อาณาปนวเสน ปวโตฺต อาณตฺติโก, อุสุสตฺติยนฺตปาสาณาทินิสฺสชฺชนวเสน ปวโตฺต นิสฺสคฺคิโย, อทุหลสชฺชนาทิวเสน ปวโตฺต ถาวโร, อาถพฺพณิกาทีนํ วิย มนฺตปริชปฺปนวเสน ปวโตฺต วิชฺชามโย, กมฺมวิปากชิทฺธิมโย อิทฺธิมโย ทาฐาโกฎนาทีนิ วิยฯ

    Saraseneva (dha. sa. mūlaṭī. 1) patanasabhāvassa antarā eva atīva pātanaṃ atipāto, saṇikaṃ patituṃ adatvā sīghaṃ pātananti attho. Atikkammavā satthādīhi abhibhavitvā pātanaṃ atipāto. Payogavatthumahantatādīhi mahāsāvajjatā tehi paccayehi uppajjamānāya cetanāya balavabhāvato. Ekassa hi payogassa sahasā nipphādanavasena sakiccasādhikāya bahukkhattuṃ pavattajavanehi laddhāsevanāya ca sanniṭṭhāpakacetanāya vasena payogassa mahantabhāvo. Satipi kadāci khuddake ceva mahante ca pāṇe payogassa samabhāve mahantaṃ hanantassa cetanā tibbākārā uppajjatīti vatthussa mahantabhāvo. Iti ubhayampetaṃ cetanāya balavabhāveneva hotīti. Yathāvuttapaccayapariyāyepi taṃtaṃpaccayehi cetanāya balavatāya eva mahāsāvajjabhāvo veditabbo. Payogavatthuādipaccayānañhi amahattepi hantabbassa guṇavantatāya mahāsāvajjatā, tabbipariyāyena appasāvajjatā ca vatthussa mahattāmahattesu viya daṭṭhabbā. Kilesānaṃ upakkamānaṃ dvinnañca mudutāya tibbatāya ca appasāvajjatā mahāsāvajjatāpi yojetabbā. Pāṇo pāṇasaññitā vadhakacittañca pubbabhāgiyāpi honti, upakkamo vadhakacetanāsamuṭṭhāpito. Pañca sambhārā hi pāṇātipātacetanāti sā pañcasambhāravinimuttā daṭṭhabbā. Ayañca vicāro adinnādānādīsupi yathārahaṃ vattabbo. Vijjhanapaharaṇādivasena sahatthenanibbatto sāhatthiko, āṇāpanavasena pavatto āṇattiko, ususattiyantapāsāṇādinissajjanavasena pavatto nissaggiyo, aduhalasajjanādivasena pavatto thāvaro, āthabbaṇikādīnaṃ viya mantaparijappanavasena pavatto vijjāmayo, kammavipākajiddhimayo iddhimayo dāṭhākoṭanādīni viya.

    ยทิ ‘‘มม อิท’’นฺติ ปเรน ปริคฺคหิตํ อทินฺนํ, อุตฺตานเสยฺยกทารกสนฺตเก กถํ ตสฺส ปริคฺคหสญฺญาย เอว อภาวโตติ อาห ‘‘ยตฺถ ปโร’’ติอาทิฯ ปโร นาม วิญฺญู วา อวิญฺญู วา อตฺถิ ตสฺส วตฺถุสฺส สามิโกฯ อวิญฺญูปิ หิ วิญฺญุกาเล ยถากามํ กโรโนฺต อทณฺฑารโหติฯ มนฺตปริชปฺปเนน ปรสนฺตกหรณํ วิชฺชามโย, วินา มเนฺตน ปรสนฺตกสฺส กายวจีปโยเคหิ ปริกฑฺฒนํ ตาทิเสนิทฺธิวเสน อิทฺธิมโย ปโยโคติ อทินฺนาทาเน ฉ ปโยคา สาหตฺถิกาทโย วุตฺตาฯ ยถานุรูปนฺติ เอตฺถ สาหตฺถิโก ตาว ปญฺจนฺนมฺปิ อวหารานํ วเสน ปวตฺตติ, ตถา อาณตฺติโย นิสฺสคฺคิโย จฯ ถาวโร เถยฺยาวหารปสยฺหาวหารปฎิจฺฉนฺนาวหารวเสนฯ ตถา เสสาปีติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Yadi ‘‘mama ida’’nti parena pariggahitaṃ adinnaṃ, uttānaseyyakadārakasantake kathaṃ tassa pariggahasaññāya eva abhāvatoti āha ‘‘yattha paro’’tiādi. Paro nāma viññū vā aviññū vā atthi tassa vatthussa sāmiko. Aviññūpi hi viññukāle yathākāmaṃ karonto adaṇḍārahoti. Mantaparijappanena parasantakaharaṇaṃ vijjāmayo, vinā mantena parasantakassa kāyavacīpayogehi parikaḍḍhanaṃ tādiseniddhivasena iddhimayo payogoti adinnādāne cha payogāsāhatthikādayo vuttā. Yathānurūpanti ettha sāhatthiko tāva pañcannampi avahārānaṃ vasena pavattati, tathā āṇattiyo nissaggiyo ca. Thāvaro theyyāvahārapasayhāvahārapaṭicchannāvahāravasena. Tathā sesāpīti daṭṭhabbaṃ.

    เมถุนสมาจาเรสูติ สทาราสโนฺตส-ปรทารคมนวเสน ทุวิเธสุ เมถุนสมาจาเรสุฯ อยเมวหิ เภโท อิธาธิเปฺปโตฯ โคตฺตรกฺขิตา สโคเตฺตหิ รกฺขิตาฯ ธมฺมรกฺขิตา สหธมฺมิเกหิ รกฺขิตาฯ สารกฺขา สสามิกาฯ ยสฺสา คมเน รญฺญา ทโณฺฑ ฐปิโต, สา สปริทณฺฑาฯ ภริยภาวตฺถํ ธเนน กีตา ธนกฺกีตาฯ ฉเนฺทน วสนฺตี ฉนฺทวาสินีฯ โภคตฺถํ วสนฺตี โภควาสินีฯ ปฎตฺถํ วสนฺตี ปฎวาสินีฯ อุทกปตฺตํ อามสิตฺวา คหิตา โอทปตฺตกินีฯ จุมฺพฎกํ อปเนตฺวา คหิตา โอภฎจุมฺพฎาฯ กรมรานีตา ธชาหตาฯ ตงฺขณิกา มุหุตฺติกาฯ อภิภวิตฺวา วีติกฺกเม มิจฺฉาจาโร มหาสาวโชฺช, น ตถา ทฺวินฺนํ สมานฉนฺทตายฯ อภิภวิตฺวา วีติกฺกมเน สติปิ มเคฺคนมคฺคปฎิปตฺติอธิวาสเน ปุริมุปฺปนฺนเสวนาภิสนฺธิปโยคาภาวโต มิจฺฉาจาโร น โหติ อภิภุยฺยมานสฺสาติ วทนฺติฯ เสวนาจิเตฺต สติ ปโยคาภาโว อปฺปมาณํ เยภุเยฺยน อิตฺถิยา เสวนาปโยคสฺส อภาวโตฯ ตถา สติ ปุเรตรํ เสวนาจิตฺตสฺส อุปฎฺฐาเนปิ ตสฺสา มิจฺฉาจาโร น สิยา, ตถา ปุริสสฺสปิ เสวนาปโยคาภาเวติ, ตสฺมา อตฺตโน รุจิยา ปวตฺติตสฺส วเสน ตโย, พลกฺกาเรน ปวตฺติตสฺส วเสน ตโยติ สเพฺพปิ อคฺคหิตคฺคหเณน จตฺตาโร สมฺภาราติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Methunasamācāresūti sadārāsantosa-paradāragamanavasena duvidhesu methunasamācāresu. Ayamevahi bhedo idhādhippeto. Gottarakkhitā sagottehi rakkhitā. Dhammarakkhitā sahadhammikehi rakkhitā. Sārakkhā sasāmikā. Yassā gamane raññā daṇḍo ṭhapito, sā saparidaṇḍā. Bhariyabhāvatthaṃ dhanena kītā dhanakkītā. Chandena vasantī chandavāsinī. Bhogatthaṃ vasantī bhogavāsinī. Paṭatthaṃ vasantī paṭavāsinī. Udakapattaṃ āmasitvā gahitā odapattakinī. Cumbaṭakaṃ apanetvā gahitā obhaṭacumbaṭā. Karamarānītā dhajāhatā. Taṅkhaṇikā muhuttikā. Abhibhavitvā vītikkame micchācāro mahāsāvajjo, na tathā dvinnaṃ samānachandatāya. Abhibhavitvā vītikkamane satipi maggenamaggapaṭipattiadhivāsane purimuppannasevanābhisandhipayogābhāvato micchācāro na hoti abhibhuyyamānassāti vadanti. Sevanācitte sati payogābhāvo appamāṇaṃ yebhuyyena itthiyā sevanāpayogassa abhāvato. Tathā sati puretaraṃ sevanācittassa upaṭṭhānepi tassā micchācāro na siyā, tathā purisassapi sevanāpayogābhāveti, tasmā attano ruciyā pavattitassa vasena tayo, balakkārena pavattitassa vasena tayoti sabbepi aggahitaggahaṇena cattāro sambhārāti vuttanti veditabbaṃ.

    อตฺถภญฺชโกติ กมฺมปถวเสน วุตฺตํฯ กมฺมปถกถา เหสาติฯ อสฺสาติ วิสํวาทกสฺสฯ มุสา วทติ เอเตนาติ เจตนา มุสาวาโท, อิมสฺมิํ ปเกฺข อตถากาเรน วตฺถุโน วิญฺญาปนปโยโค มุสา, ตํสมุฎฺฐาปิกา เจตนามุสาวาโทติ วุตฺตตฺตา ตโต อญฺญถา วตฺตุํ ‘‘อปโร นโย’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อตฺตโน สนฺตกํ อทาตุกามตายาติอาทิ มุสาวาทสามเญฺญน วุตฺตํฯ หสาธิปฺปาเยนปิ วิสํวาทนปุรกฺขารสฺส มุสาวาโทฯ ปรสฺสาติ วิสํวาทนวเสน วิญฺญาเปตพฺพสฺสฯ โสติ มุสาวาทปโยโคฯ

    Atthabhañjakoti kammapathavasena vuttaṃ. Kammapathakathā hesāti. Assāti visaṃvādakassa. Musā vadati etenāti cetanā musāvādo, imasmiṃ pakkhe atathākārena vatthuno viññāpanapayogo musā, taṃsamuṭṭhāpikā cetanāmusāvādoti vuttattā tato aññathā vattuṃ ‘‘aparo nayo’’tiādi vuttaṃ. Attano santakaṃ adātukāmatāyātiādi musāvādasāmaññena vuttaṃ. Hasādhippāyenapi visaṃvādanapurakkhārassa musāvādo. Parassāti visaṃvādanavasena viññāpetabbassa. Soti musāvādapayogo.

    สุญฺญภาวนฺติ ปีติวิรหิตตาย ริตฺตภาวํฯ ผรุสสทฺทตาย เนว กณฺณสุขาฯ อตฺถวิปนฺนตาย น หทยสุขาสํกิลิฎฺฐจิตฺตสฺสาติ โทเสน, โลเภน วา ทูสิตจิตฺตสฺสฯ

    Suññabhāvanti pītivirahitatāya rittabhāvaṃ. Pharusasaddatāya neva kaṇṇasukhā. Atthavipannatāya na hadayasukhā. Saṃkiliṭṭhacittassāti dosena, lobhena vā dūsitacittassa.

    เอกนฺตผรุสา เจตนาติ เอเตน ทุฎฺฐจิตฺตตํเยว วิภาเวติ, ทุฎฺฐจิตฺตตา จสฺส อมรณาธิปฺปายวเสน ทฎฺฐพฺพาฯ สติ หิ มรณาธิปฺปาเย อตฺถสิทฺธิ, ตทภาเว ปาณาติปาตพฺยาปาทา สิยุนฺติฯ ยํ ปฎิจฺจ ผรุสวาจา ปยุชฺชติ, ตสฺส สมฺมุขาว สีสํ เอติฯ ปรมฺมุขาปิ สีสํ เอติ เอวาติ อปเรฯ ตตฺถายํ อธิปฺปาโย ยุโตฺต สิยา – สมฺมุขา ปโยเค อคารวาทีนํ พลวภาวโต สิยา เจตนา พลวตี, ปรสฺส จ ตทตฺถวิญฺญาปนํ, น ตถา อสมฺมุขาติฯ ยถา จ อโกฺกสิเต มเต อาฬหเน กตา ขมาปนา อุปวาทนฺตรายํ นิวเตฺตติ, เอวํ ปรมฺมุขา ปยุตฺตา ผรุสวาจา โหติเยวาติ สกฺกา วิญฺญาตุํฯ ตสฺสาติ เอกนฺตผรุสเจตนาย เอว ผรุสวาจาภาวสฺส อาวิภาวตฺถํฯ มมฺมเจฺฉทโก สวนผรุสตายาติ อธิปฺปาโยฯ จิตฺตสณฺหาตาย ผรุสวาจา น โหติ กมฺมปถา’ปฺปตฺตตฺตา, กมฺมภาวํ ปน น สกฺกา วาเรตุํฯ เอวํ อนฺวยวเสน เจตนาผรุสตาย ผรุสวาจํ สาเธตฺวา อิทานิ ตเมว พฺยติเรกวเสน สาเธตุํ ‘‘วจนสณฺหตายา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอสาติ ผรุสวาจาฯ กมฺมปถภาวํ อปฺปตฺตา อปฺปสาวชฺชา, อิตรา มหาสาวชฺชาฯ ตถา กิเลสานํ มุทุติพฺพตาเภเทหิ สพฺพํ ปุริมสทิสํฯ

    Ekantapharusā cetanāti etena duṭṭhacittataṃyeva vibhāveti, duṭṭhacittatā cassa amaraṇādhippāyavasena daṭṭhabbā. Sati hi maraṇādhippāye atthasiddhi, tadabhāve pāṇātipātabyāpādā siyunti. Yaṃ paṭicca pharusavācā payujjati, tassa sammukhāva sīsaṃ eti. Parammukhāpi sīsaṃ eti evāti apare. Tatthāyaṃ adhippāyo yutto siyā – sammukhā payoge agāravādīnaṃ balavabhāvato siyā cetanā balavatī, parassa ca tadatthaviññāpanaṃ, na tathā asammukhāti. Yathā ca akkosite mate āḷahane katā khamāpanā upavādantarāyaṃ nivatteti, evaṃ parammukhā payuttā pharusavācā hotiyevāti sakkā viññātuṃ. Tassāti ekantapharusacetanāya eva pharusavācābhāvassa āvibhāvatthaṃ. Mammacchedako savanapharusatāyāti adhippāyo. Cittasaṇhātāya pharusavācā na hoti kammapathā’ppattattā, kammabhāvaṃ pana na sakkā vāretuṃ. Evaṃ anvayavasena cetanāpharusatāya pharusavācaṃ sādhetvā idāni tameva byatirekavasena sādhetuṃ ‘‘vacanasaṇhatāyā’’tiādi vuttaṃ. Esāti pharusavācā. Kammapathabhāvaṃ appattā appasāvajjā, itarā mahāsāvajjā. Tathā kilesānaṃ mudutibbatābhedehi sabbaṃ purimasadisaṃ.

    อาเสวนํ พหุลีกรณํฯ ยํ อุทฺทิสฺส ปวตฺติโต, เตน อคฺคหิเต อปฺปสาวโชฺช, คหิเต มหาสาวโชฺช กมฺมปถปฺปตฺติโตฯ โย โกจิ ปน สมฺผปฺปลาโป ทฺวีหิ สมฺภาเรหิ สิชฺฌติฯ กิเลสานํ มุทุติพฺพตาวเสนปิ อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตา เวทิตพฺพาฯ

    Āsevanaṃ bahulīkaraṇaṃ. Yaṃ uddissa pavattito, tena aggahite appasāvajjo, gahite mahāsāvajjo kammapathappattito. Yo koci pana samphappalāpo dvīhi sambhārehi sijjhati. Kilesānaṃ mudutibbatāvasenapi appasāvajjamahāsāvajjatā veditabbā.

    อตฺตโน ปริณามนํ จิเตฺตเนวาติ เวทิตพฺพํฯ หิตสุขํ พฺยาปาทยตีติ โย ตํ อุปฺปาเทติ, ตสฺส หิตสุขํ วินาเสติฯ อโห วตาติ อิมินา อจฺจนฺตวินาสจินฺตนํ ทีเปติฯ เอวํ หิสฺส ทารุณปวตฺติยา กมฺมปถปฺปตฺติฯ ยถาภุจฺจคหณาภาเวนาติ ยาถาวคฺคาหสฺส อภาเวน อนิจฺจาทิสภาวสฺส นิจฺจาทิโต คหเณนฯ มิจฺฉา ปสฺสตีติ วิตถํ ปสฺสติฯ สมฺผปฺปลาโป วิยาติ อิมินา อาเสวนสฺส มนฺทตาย อปฺปสาวชฺชตํ, มหนฺตตาย มหาสาวชฺชตํ ทเสฺสติฯ คหิตาการวิปรีตตาติ มิจฺฉาทิฎฺฐิยา คหิตาการสฺส วิปรีตภาโวฯ วตฺถุโนติ ตสฺสา อยถาภูตสภาวมาหฯ ตถาภาเวนาติ คหิตากาเรเนว ตสฺส ทิฎฺฐิคติกสฺส, ตสฺส วา วตฺถุโน อุปฎฺฐานํ เอวเมตํ, น อิโต อญฺญถาติฯ

    Attano pariṇāmanaṃ cittenevāti veditabbaṃ. Hitasukhaṃ byāpādayatīti yo taṃ uppādeti, tassa hitasukhaṃ vināseti. Aho vatāti iminā accantavināsacintanaṃ dīpeti. Evaṃ hissa dāruṇapavattiyā kammapathappatti. Yathābhuccagahaṇābhāvenāti yāthāvaggāhassa abhāvena aniccādisabhāvassa niccādito gahaṇena. Micchā passatīti vitathaṃ passati. Samphappalāpo viyāti iminā āsevanassa mandatāya appasāvajjataṃ, mahantatāya mahāsāvajjataṃ dasseti. Gahitākāraviparītatāti micchādiṭṭhiyā gahitākārassa viparītabhāvo. Vatthunoti tassā ayathābhūtasabhāvamāha. Tathābhāvenāti gahitākāreneva tassa diṭṭhigatikassa, tassa vā vatthuno upaṭṭhānaṃ evametaṃ, na ito aññathāti.

    ธมฺมโตติ สภาวโตฯ โกฎฺฐาสโตติ ผสฺสปญฺจมกาทีสุ จิตฺตงฺคโกฎฺฐาเสสุ ยํ โกฎฺฐาสา โหนฺติ, ตโตติ อโตฺถฯ เจตนาธมฺมาติ เจตนาสภาวาฯ

    Dhammatoti sabhāvato. Koṭṭhāsatoti phassapañcamakādīsu cittaṅgakoṭṭhāsesu yaṃ koṭṭhāsā honti, tatoti attho. Cetanādhammāti cetanāsabhāvā.

    ปฎิปาฎิยา สตฺตาติ เอตฺถ นนุ เจตนา อภิธเมฺม กมฺมปเถสุ น วุตฺตาติ ปฎิปาฎิยา สตฺตนฺนํ กมฺมปถภาโว น ยุโตฺตติ? น, อวจนสฺส อญฺญเหตุกตฺตาฯ น หิ ตตฺถ เจตนาย อกมฺมปถตฺตา กมฺมปถราสิมฺหิ อวจนํ, กทาจิ ปน กมฺมปโถ โหติ, น สพฺพทาติ กมฺมปถภาวสฺส อนิยตตฺตา อวจนํฯ ยทา ปน กมฺมปโถ โหติ, ตทา กมฺมปถราสิสงฺคโห น นิวาริโตฯ เอตฺถาห – ยทิ เจตนาย สพฺพทา กมฺมปถภาวาภาวโต อนิยโต กมฺมปถภาโวติ กมฺมปถราสิมฺหิ อวจนํ, นนุ อภิชฺฌาทีนํ กมฺมปถภาวํ อปฺปตฺตานํ อตฺถิตาย อนิยโต กมฺมปถภาโวติ เตสมฺปิ กมฺมปถราสิมฺหิ อวจนํ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ กมฺมปถตาตํสภาคตาหิ เตสํ ตตฺถ วุตฺตตฺตาฯ ยทิ เอวํ เจตนาปิ ตตฺถ วตฺตพฺพา สิยา? สจฺจเมตํ, สา ปน ปาณาติปาตาทิกาติ ปากโฎ, ตสฺสา กมฺมปถภาโวติ น วุตฺตา สิยาฯ เจตนาย หิ – ‘‘เจตนาหํ, ภิกฺขเว, กมฺมํ วทามิ (อ. นิ. ๖.๖๓; กถา. ๕๓๙), ติวิธา, ภิกฺขเว, กายสเญฺจตนา อกุสลํ กายกมฺม’’นฺติอาทิวจนโต (กถา. ๕๓๙) กมฺมภาโว ปากโฎ, กมฺมํเยว จ สุคติทุคฺคตีนํ ตตฺถ อุปฺปชฺชนกสุขทุกฺขานญฺจ ปถภาเวน ปวตฺตํ กมฺมปโถติ วุจฺจตีติ ปากโฎ ตสฺสา กมฺมปถภาโว, อภิชฺฌาทีนํ ปน เจตนาสมีหนภาเวน สุจริตทุจฺจริตภาโว เจตนาชนิตปิฎฺฐิวฎฺฎกภาเวน สุคติทุคฺคติตทุปฺปชฺชนกสุขทุกฺขานํ ปถภาโว จาติ น ตถา ปากโฎ กมฺมปถภาโวติ เตเยว เตน สภาเวน ทเสฺสตุํ อภิธเมฺม เจตนา กมฺมปถราสิภาเวน น วุตฺตา , อตถาชาติยกตฺตา วา เจตนา เตหิ สทฺธิํ น วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ มูลํ ปตฺวาติ มูลเทสนํ ปตฺวา, มูลสภาเวสุ ธเมฺมสุ วุจฺจมาเนสูติ อโตฺถฯ

    Paṭipāṭiyā sattāti ettha nanu cetanā abhidhamme kammapathesu na vuttāti paṭipāṭiyā sattannaṃ kammapathabhāvo na yuttoti? Na, avacanassa aññahetukattā. Na hi tattha cetanāya akammapathattā kammapatharāsimhi avacanaṃ, kadāci pana kammapatho hoti, na sabbadāti kammapathabhāvassa aniyatattā avacanaṃ. Yadā pana kammapatho hoti, tadā kammapatharāsisaṅgaho na nivārito. Etthāha – yadi cetanāya sabbadā kammapathabhāvābhāvato aniyato kammapathabhāvoti kammapatharāsimhi avacanaṃ, nanu abhijjhādīnaṃ kammapathabhāvaṃ appattānaṃ atthitāya aniyato kammapathabhāvoti tesampi kammapatharāsimhi avacanaṃ āpajjatīti? Nāpajjati kammapathatātaṃsabhāgatāhi tesaṃ tattha vuttattā. Yadi evaṃ cetanāpi tattha vattabbā siyā? Saccametaṃ, sā pana pāṇātipātādikāti pākaṭo, tassā kammapathabhāvoti na vuttā siyā. Cetanāya hi – ‘‘cetanāhaṃ, bhikkhave, kammaṃ vadāmi (a. ni. 6.63; kathā. 539), tividhā, bhikkhave, kāyasañcetanā akusalaṃ kāyakamma’’ntiādivacanato (kathā. 539) kammabhāvo pākaṭo, kammaṃyeva ca sugatiduggatīnaṃ tattha uppajjanakasukhadukkhānañca pathabhāvena pavattaṃ kammapathoti vuccatīti pākaṭo tassā kammapathabhāvo, abhijjhādīnaṃ pana cetanāsamīhanabhāvena sucaritaduccaritabhāvo cetanājanitapiṭṭhivaṭṭakabhāvena sugatiduggatitaduppajjanakasukhadukkhānaṃ pathabhāvo cāti na tathā pākaṭo kammapathabhāvoti teyeva tena sabhāvena dassetuṃ abhidhamme cetanā kammapatharāsibhāvena na vuttā , atathājātiyakattā vā cetanā tehi saddhiṃ na vuttāti daṭṭhabbaṃ. Mūlaṃ patvāti mūladesanaṃ patvā, mūlasabhāvesu dhammesu vuccamānesūti attho.

    อทินฺนาทานํ สตฺตารมฺมณนฺติ อิทํ ‘‘ปญฺจ สิกฺขาปทา ปริตฺตารมฺมณา เอว วา’’ติ อิมาย ปญฺหปุจฺฉกปาฬิยา วิรุชฺฌติฯ ยญฺหิ ปาณาติปาตาทิทุสฺสีลฺยสฺส อารมฺมณํ, ตเทว ตํ เวรมณิยา อารมฺมณํฯ วีติกฺกมิตพฺพวตฺถุโต เอว หิ วิรตีติฯ สตฺตารมฺมณนฺติ วา สตฺตสงฺขาตํ สงฺขารารมฺมณเมว อุปาทาย วุตฺตนฺติ นายํ วิโรโธฯ ตถา หิ วุตฺตํ สโมฺมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฎฺฐ. ๗๑๔) ‘‘ยานิ สิกฺขาปทานิ เอตฺถ สตฺตารมฺมณานีติ วุตฺตานิ, ตานิ ยสฺมา สโตฺตติ สงฺขฺยํ คตํ สงฺขารเมว อารมฺมณํ กโรนฺตี’’ติฯ วิสภาควตฺถุโน ‘‘อิตฺถี, ปุริโส’’ติ คเหตพฺพโต สตฺตารมฺมโณติ เอเกฯ ‘‘เอโก ทิโฎฺฐ, เทฺว สุตา’’ติอาทินา สมฺผปฺปลปเน ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตวเสนตถา อภิชฺฌาติ เอตฺถ ตถา-สโทฺท ‘‘ทิฎฺฐสุตมุตวิญฺญาตวเสนา’’ติ อิทมฺปิ อุปสํหรติ, น สตฺตสงฺขารารมฺมณตํ เอว ทสฺสนาทิวเสน อภิชฺฌายนโตฯ ‘‘นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ ปวตฺตมานาปิ มิจฺฉาทิฎฺฐิ เตภูมกธมฺมวิสยาวาติ อธิปฺปาเยนสฺสา สงฺขารารมฺมณตา วุตฺตาฯ กถํ ปน มิจฺฉาทิฎฺฐิยา สเพฺพ เตภูมกธมฺมา อารมฺมณํ โหนฺตีติ? สาธารณโตฯ ‘‘นตฺถิ สุกตทุกฺกฎานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’ติ หิ ปวตฺตมานาย อตฺถโต รูปารุปาวจรธมฺมาปิ คหิตา เอว โหนฺตีติฯ

    Adinnādānaṃ sattārammaṇanti idaṃ ‘‘pañca sikkhāpadā parittārammaṇā eva vā’’ti imāya pañhapucchakapāḷiyā virujjhati. Yañhi pāṇātipātādidussīlyassa ārammaṇaṃ, tadeva taṃ veramaṇiyā ārammaṇaṃ. Vītikkamitabbavatthuto eva hi viratīti. Sattārammaṇanti vā sattasaṅkhātaṃ saṅkhārārammaṇameva upādāya vuttanti nāyaṃ virodho. Tathā hi vuttaṃ sammohavinodaniyaṃ (vibha. aṭṭha. 714) ‘‘yāni sikkhāpadāni ettha sattārammaṇānīti vuttāni, tāni yasmā sattoti saṅkhyaṃ gataṃ saṅkhārameva ārammaṇaṃ karontī’’ti. Visabhāgavatthuno ‘‘itthī, puriso’’ti gahetabbato sattārammaṇoti eke. ‘‘Eko diṭṭho, dve sutā’’tiādinā samphappalapane diṭṭhasutamutaviññātavasena. Tathā abhijjhāti ettha tathā-saddo ‘‘diṭṭhasutamutaviññātavasenā’’ti idampi upasaṃharati, na sattasaṅkhārārammaṇataṃ eva dassanādivasena abhijjhāyanato. ‘‘Natthi sattā opapātikā’’ti pavattamānāpi micchādiṭṭhi tebhūmakadhammavisayāvāti adhippāyenassā saṅkhārārammaṇatā vuttā. Kathaṃ pana micchādiṭṭhiyā sabbe tebhūmakadhammā ārammaṇaṃ hontīti? Sādhāraṇato. ‘‘Natthi sukatadukkaṭānaṃ kammānaṃ phalaṃ vipāko’’ti hi pavattamānāya atthato rūpārupāvacaradhammāpi gahitā eva hontīti.

    สุขพหุลตาย ราชาโน หสมานาปิ ‘‘โจรํ ฆาเตถา’’ติ วทนฺติ, หาโส ปน เตสํ อญฺญวิสโยติ อาห ‘‘สนฺนิฎฺฐาปก…เป.… โหตี’’ติฯ

    Sukhabahulatāya rājāno hasamānāpi ‘‘coraṃ ghātethā’’ti vadanti, hāso pana tesaṃ aññavisayoti āha ‘‘sanniṭṭhāpaka…pe… hotī’’ti.

    เกสญฺจีติ สหชาตานํ อทินฺนาทานาทีนํฯ สมฺปยุตฺตปภาวกเฎฺฐนาติ สมฺปยุโตฺต หุตฺวา อุปฺปาทกเฎฺฐนฯ เกสญฺจีติ อสหชาตานํฯ อุปนิสฺสยปจฺจยเฎฺฐนาติ เอเตน มูลเฎฺฐน โลภสฺส อุปการตํ นิวเตฺตติฯ สุปฺปติฎฺฐิตภาวสาธนโฎฺฐ หิ มูลโฎฺฐ, โส จ เหตุปจฺจยตาอวินาภาวี, เตน เจตฺถ มูลมิว มูลนฺติ คเหตพฺพํ, นิปฺปริยายโต ปน ปุเพฺพ ‘‘เกสญฺจี’’ติ วุตฺตานํ สหชาตานํ มูลภาโว เวทิตโพฺพฯ รโตฺต โขติอาทินา สุตฺตปเทนปิ ปาณาติปาตาทีนํ อกุสลานํ โลภสฺส มูลการณตํ วิภาเวติ, น มูลเฎฺฐนุปการตฺถํ อวิเสสโต เตสํ เหตุปจฺจยตฺตาภาวโตฯ

    Kesañcīti sahajātānaṃ adinnādānādīnaṃ. Sampayuttapabhāvakaṭṭhenāti sampayutto hutvā uppādakaṭṭhena. Kesañcīti asahajātānaṃ. Upanissayapaccayaṭṭhenāti etena mūlaṭṭhena lobhassa upakārataṃ nivatteti. Suppatiṭṭhitabhāvasādhanaṭṭho hi mūlaṭṭho, so ca hetupaccayatāavinābhāvī, tena cettha mūlamiva mūlanti gahetabbaṃ, nippariyāyato pana pubbe ‘‘kesañcī’’ti vuttānaṃ sahajātānaṃ mūlabhāvo veditabbo. Ratto khotiādinā suttapadenapi pāṇātipātādīnaṃ akusalānaṃ lobhassa mūlakāraṇataṃ vibhāveti, na mūlaṭṭhenupakāratthaṃ avisesato tesaṃ hetupaccayattābhāvato.

    อกุสลกมฺมปถวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Akusalakammapathavaṇṇanā niṭṭhitā.

    กุสลกมฺมปถวณฺณนา

    Kusalakammapathavaṇṇanā

    เวรนฺติ ปาณาติปาตาทิปาปธมฺมํฯ โส หิ เวรเหตุตาย ‘‘เวร’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ มณติ ‘‘มยิ อิธ ฐิตาย กถมาคจฺฉสี’’ติ ตเชฺชนฺตี วิย นิวาเรตีติ เวรมณีฯ เตนาห ‘‘ปชหตี’’ติฯ ‘‘วิรมณี’’ติ วตฺตเพฺพ นิรุตฺตินเยน เอว-การํ กตฺวา เอวํ วุตฺตํฯ วิภเงฺค (วิภ. ๗๐๓, ๗๐๔) เอว นิทฺทิสนวเสน เอวํ วุตฺตาฯ อสมาทินฺนสีลสฺส สมฺปตฺตโต ยถาอุปฎฺฐิตวีติกฺกมิตพฺพวตฺถุโต วิรติ สมฺปตฺตวิรติ, สมาทานวเสน อุปฺปนฺนา วิรติ สมาทานวิรติ, สมาทานวเสน อุปฺปนฺนา วิรติ สมาทานวิรติ, กิเลสานํ สมุจฺฉินฺทนวเสน ปวตฺตาวิรติ สมุเจฺฉทวิรติ

    Veranti pāṇātipātādipāpadhammaṃ. So hi verahetutāya ‘‘vera’’nti vuccati, taṃ maṇati ‘‘mayi idha ṭhitāya kathamāgacchasī’’ti tajjentī viya nivāretīti veramaṇī. Tenāha ‘‘pajahatī’’ti. ‘‘Viramaṇī’’ti vattabbe niruttinayena eva-kāraṃ katvā evaṃ vuttaṃ. Vibhaṅge (vibha. 703, 704) eva niddisanavasena evaṃ vuttā. Asamādinnasīlassa sampattato yathāupaṭṭhitavītikkamitabbavatthuto virati sampattavirati, samādānavasena uppannā virati samādānavirati, samādānavasena uppannā virati samādānavirati, kilesānaṃ samucchindanavasena pavattāvirati samucchedavirati.

    ชีวมานสสสฺส มํสรุธิรสมฺมิสฺสตาย อลฺลสสมํสํมุญฺจิ สพฺพตฺถ สมกรุณตายฯ สจฺจํ วตฺวา ‘‘เอเตน สจฺจวเชฺชน มยฺหํ มาตุ โรโค สมฺมตู’’ติ อธิฎฺฐาสิ

    Jīvamānasasassa maṃsarudhirasammissatāya allasasamaṃsaṃ. Muñci sabbattha samakaruṇatāya. Saccaṃ vatvā ‘‘etena saccavajjena mayhaṃ mātu rogo sammatū’’ti adhiṭṭhāsi.

    มหาสโปฺปติ อชคโรฯ มุญฺจิตฺวา อคมาสิ สีลเตเชนฯ

    Mahāsappoti ajagaro. Muñcitvā agamāsi sīlatejena.

    โกสลฺลํ วุจฺจติ ญาณํ, โกสเลฺลน, โกสลฺลโต วา ปวตฺติยา อุปคมนโตฯ กุจฺฉิตสยนโตติ กุจฺฉิเตนากาเรน สยนโต อนุสยนโต, ปวตฺตนโต วาฯ ‘‘เวรมณิกุสลา’’ติ วตฺตพฺพาปิ ปุจฺฉานุรูปํ วิสฺสชฺชนนฺติ ‘‘กุสลา’’ติ น วุตฺตา, ‘‘กุสล’’เนฺตฺวว วุตฺตาฯ

    Kosallaṃ vuccati ñāṇaṃ, kosallena, kosallato vā pavattiyā upagamanato. Kucchitasayanatoti kucchitenākārena sayanato anusayanato, pavattanato vā. ‘‘Veramaṇikusalā’’ti vattabbāpi pucchānurūpaṃ vissajjananti ‘‘kusalā’’ti na vuttā, ‘‘kusala’’ntveva vuttā.

    กามเญฺจตฺถ ปาฬิยํ วิรติโยว อาคตา, สิกฺขาปทวิภเงฺค (วิภ. ๗๐๔) ปน เจตนาปิ อาหริตฺวา ทีปิตาติ ตทุภยมฺปิ คณฺหโนฺต ‘‘เจตนาปิ วฎฺฎนฺติ วิรติโยปี’’ติ อาหฯ

    Kāmañcettha pāḷiyaṃ viratiyova āgatā, sikkhāpadavibhaṅge (vibha. 704) pana cetanāpi āharitvā dīpitāti tadubhayampi gaṇhanto ‘‘cetanāpi vaṭṭanti viratiyopī’’ti āha.

    อนภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวา กมฺมปถโกฎฺฐาสํ ปตฺวา อนภิชฺฌาติ วุตฺตธโมฺม มูลโต อโลโภ กุสลมูลํ โหตีติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ

    Anabhijjhā hi mūlaṃ patvā kammapathakoṭṭhāsaṃ patvā anabhijjhāti vuttadhammo mūlato alobho kusalamūlaṃ hotīti evamattho daṭṭhabbo. Sesapadadvayepi eseva nayo.

    ทุสฺสีลฺยารมฺมณา ตทารมฺมณา ชีวิตินฺทฺริยาทิอารมฺมณา กถํ ทุสฺสีลฺยานิ ปชหนฺตีติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Dussīlyārammaṇā tadārammaṇā jīvitindriyādiārammaṇā kathaṃ dussīlyāni pajahantīti taṃ dassetuṃ ‘‘yathā panā’’tiādi vuttaṃ.

    อนภิชฺฌา …เป.… วิรมนฺตสฺสาติ อภิชฺฌํ ปชหนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ น หิ มโนทุจฺจริตโต วิรติ อตฺถิ อนภิชฺฌาทีเหว ตปฺปหานสิทฺธิโตฯ เตสุ อโลโภติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อกุสลมูเลสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Anabhijjhā…pe… viramantassāti abhijjhaṃ pajahantassāti attho. Na hi manoduccaritato virati atthi anabhijjhādīheva tappahānasiddhito. Tesu alobhotiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ akusalamūlesu vuttanayeneva veditabbaṃ.

    อปฺปนาวารนฺติ นิคมนวารํฯ เอเกน นเยนาติ เวทนาทิวเสน อรูปมุเขเนว อเนกวิเธสุ วิปสฺสนากมฺมฎฺฐาเนสุ เอเกน กมฺมฎฺฐานนเยนฯ ‘‘ฐเปตฺวา อภิชฺฌํ นว อกุสลกมฺมปถา’’ติ วตฺตพฺพํฯ ทสาติ วา อิทํ ‘‘กุสลกมฺมปถา’’ติ อิมินา สมฺพนฺธิตพฺพํ ‘‘อกุสลกมฺมปถา จ ทส กุสลกมฺมปถา จา’’ติฯ ‘‘ฐเปตฺวา อภิชฺฌ’’นฺติ หิ อิมินาว อกุสลกมฺมปถานํ นวภาโว วุโตฺต โหติฯ อถ วา ทสาติ อิทํ อุภยถาปิ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ อภิชฺฌา หิ ปหาตพฺพาปิ สติ ปริเญฺญยฺยตํ นาติวตฺตตีติฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘รูปตณฺหา ปิยรูปํ สาตรูป’’นฺติอาทิ, ตสฺมา สา ตาย ปริเญฺญยฺยตาย ทุกฺขสเจฺจปิ สงฺคหํ ลภเตว, ปหาตพฺพํ ปน อุปาทาย ‘‘ฐเปตฺวา อภิชฺฌ’’นฺติ วุตฺตํฯ เตเนวาห ‘‘ปริยาเยน ปน สเพฺพปิ กมฺมปถา ทุกฺขสจฺจ’’นฺติฯ อภิชฺฌาโลภานํ ปวตฺติอาการสิทฺธเภทํ อุปาทาย ‘‘อิเม เทฺว ธมฺมา’’ติ วุตฺตํฯ สุตฺตนฺตนเยน ตณฺหา ‘‘สมุทยสจฺจ’’นฺติ วุตฺตาติ อาห ‘‘นิปฺปริยาเยน สมุทยสจฺจ’’นฺติฯ อปฺปวตฺตีติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตมาห ยถา ‘‘ราคกฺขโย โทสกฺขโย’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๑๔)ฯ สปฺปจฺจยตาย สงฺขตสภาเว ทุกฺขสเจฺจ คหิเต อปฺปจฺจยตาย อสงฺขตํ นิโรธสจฺจํ ปฎิปกฺขโต อาวตฺตติ, เอกนฺตสาวเชฺช อาจยคามิลกฺขเณ สมุทยสเจฺจ คหิเต สาวชฺชา วิคมนํ อปจยคามิลกฺขณํ มคฺคสจฺจํปฎิปกฺขโต อาวตฺตตีติ เทฺว อาวตฺตหารวเสน เวทิตพฺพานีติ วุตฺตํฯ เตเนวาห เนตฺติยํ (เนตฺติ. ๔.นิเทฺทสวาร) –

    Appanāvāranti nigamanavāraṃ. Ekena nayenāti vedanādivasena arūpamukheneva anekavidhesu vipassanākammaṭṭhānesu ekena kammaṭṭhānanayena. ‘‘Ṭhapetvā abhijjhaṃ nava akusalakammapathā’’ti vattabbaṃ. Dasāti vā idaṃ ‘‘kusalakammapathā’’ti iminā sambandhitabbaṃ ‘‘akusalakammapathā ca dasa kusalakammapathā cā’’ti. ‘‘Ṭhapetvā abhijjha’’nti hi imināva akusalakammapathānaṃ navabhāvo vutto hoti. Atha vā dasāti idaṃ ubhayathāpi sambandhitabbaṃ. Abhijjhā hi pahātabbāpi sati pariññeyyataṃ nātivattatīti. Tathā hi vuttaṃ ‘‘rūpataṇhā piyarūpaṃ sātarūpa’’ntiādi, tasmā sā tāya pariññeyyatāya dukkhasaccepi saṅgahaṃ labhateva, pahātabbaṃ pana upādāya ‘‘ṭhapetvā abhijjha’’nti vuttaṃ. Tenevāha ‘‘pariyāyena pana sabbepi kammapathā dukkhasacca’’nti. Abhijjhālobhānaṃ pavattiākārasiddhabhedaṃ upādāya ‘‘ime dve dhammā’’ti vuttaṃ. Suttantanayena taṇhā ‘‘samudayasacca’’nti vuttāti āha ‘‘nippariyāyena samudayasacca’’nti. Appavattīti appavattinimittamāha yathā ‘‘rāgakkhayo dosakkhayo’’ti (saṃ. ni. 4.314). Sappaccayatāya saṅkhatasabhāve dukkhasacce gahite appaccayatāya asaṅkhataṃ nirodhasaccaṃ paṭipakkhato āvattati, ekantasāvajje ācayagāmilakkhaṇe samudayasacce gahite sāvajjā vigamanaṃ apacayagāmilakkhaṇaṃ maggasaccaṃpaṭipakkhato āvattatīti dve āvattahāravasena veditabbānīti vuttaṃ. Tenevāha nettiyaṃ (netti. 4.niddesavāra) –

    ‘‘เอกมฺหิ ปทฎฺฐาเน, ปริเยสติ เสสกํ ปทฎฺฐานํ;

    ‘‘Ekamhi padaṭṭhāne, pariyesati sesakaṃ padaṭṭhānaṃ;

    อาวตฺตติ ปฎิปเกฺข, อาวโตฺต นาม โส หาโร’’ติฯ

    Āvattati paṭipakkhe, āvatto nāma so hāro’’ti.

    สพฺพากาเรนาติ กามราครูปราคาทิสพฺพปฺปกาเรหิ, สพฺพโต วา อปายคมนียาทิอาการโต, ตตฺถ กิญฺจิปิ อนวเสเสตฺวา วาฯ สพฺพากาเรเนวาติ สพฺพาการโตฯ นีหริตฺวาติ อปเนตฺวา, สมุจฺฉินฺทิตฺวาอิเจฺจว อโตฺถฯ กญฺจิ ธมฺมํ อนวการีกริตฺวาติ รูปเวทนาทีสุ กญฺจิ เอกธมฺมมฺปิ อวินิโพฺภคํ กตฺวา, เอเกกโต อคฺคเหตฺวา สมูหโตว คเหตฺวาติ อโตฺถฯ อสฺมีติ อหมสฺมีติ มานคฺคาหวเสนฯ โส ปน ยสฺมา ปญฺจกฺขเนฺธ นิรวเสสโต คณฺหาติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สมูหคฺคหณากาเรนา’’ติฯ ยสฺมา เจตฺถ อคฺคมคฺคจิตฺตํ วุจฺจติ, ตสฺมา อาห ‘‘ทิฎฺฐิสทิสํ มานานุสย’’นฺติฯ ‘‘ยํ รูปํ ตํ อห’’นฺติอาทินา ยถา ทิฎฺฐิ รูปาทิํ ‘‘อหมสฺมี’’ติ คณฺหนฺตี ปวตฺตติ, เอวํ มาโนปิ ‘‘เสโยฺยหมสฺมี’’ติอาทินาติ อาห ‘‘มานานุสโย อสฺมีติ ปวตฺตตฺตา ทิฎฺฐิสทิโส’’ติฯ ปริเจฺฉทกโรติ โอสานปริเจฺฉทกโร อิโต ปรํ ทุกฺขสฺสาภาวกรณโตฯ กมฺมปถเทสนายาติ กมฺมปถมุเขน ปวตฺตจตุสจฺจเทสนายฯ มนสิการปฺปฎิเวธวเสนาติ วิปสฺสนามนสิการมคฺคปฺปฎิเวธวเสนฯ

    Sabbākārenāti kāmarāgarūparāgādisabbappakārehi, sabbato vā apāyagamanīyādiākārato, tattha kiñcipi anavasesetvā vā. Sabbākārenevāti sabbākārato. Nīharitvāti apanetvā, samucchinditvāicceva attho. Kañci dhammaṃ anavakārīkaritvāti rūpavedanādīsu kañci ekadhammampi avinibbhogaṃ katvā, ekekato aggahetvā samūhatova gahetvāti attho. Asmīti ahamasmīti mānaggāhavasena. So pana yasmā pañcakkhandhe niravasesato gaṇhāti, tasmā vuttaṃ ‘‘samūhaggahaṇākārenā’’ti. Yasmā cettha aggamaggacittaṃ vuccati, tasmā āha ‘‘diṭṭhisadisaṃ mānānusaya’’nti. ‘‘Yaṃ rūpaṃ taṃ aha’’ntiādinā yathā diṭṭhi rūpādiṃ ‘‘ahamasmī’’ti gaṇhantī pavattati, evaṃ mānopi ‘‘seyyohamasmī’’tiādināti āha ‘‘mānānusayo asmīti pavattattā diṭṭhisadiso’’ti. Paricchedakaroti osānaparicchedakaro ito paraṃ dukkhassābhāvakaraṇato. Kammapathadesanāyāti kammapathamukhena pavattacatusaccadesanāya. Manasikārappaṭivedhavasenāti vipassanāmanasikāramaggappaṭivedhavasena.

    กุสลกมฺมปถวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kusalakammapathavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    อาหารวารวณฺณนา

    Āhāravāravaṇṇanā

    ๙๐. อาหรตีติ (สํ. นิ. ฎี. ๒.๒.๑๑) อาเนติ, อุปฺปาเทติ อุปตฺถเมฺภติ จาติ อโตฺถฯ นิพฺพตฺตาติ ปสุตาฯ ตโต ปฎฺฐาย หิ โลเก ชาตโวหาโรฯ ปฎิสนฺธิคฺคหณโต ปน ปฎฺฐาย ยาว มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนํ, ตาว สมฺภเวสิโนฯ เอส ตาว คพฺภเสยฺยเกสุ ภูตสมฺภเวสิวิภาโค, อิตเรสุ ปน ปฐมจิตฺตาทิวเสน วุโตฺตฯ สมฺภว-สโทฺท เจตฺถ คพฺภเสยฺยกานํ วเสน ปสูติปริยาโย, อิตเรสํ วเสน อุปฺปตฺติปริยาโยฯ ปฐมจิตฺตปฐมอิริยาปถกฺขเณสุ หิ เต สมฺภวํ อุปฺปตฺติํ เอสนฺติ อุปคจฺฉนฺติ นาม, น ตาว ภูตา อุปฺปตฺติยา น สุปฺปติฎฺฐิตตฺตาฯ ภูตาเยว สพฺพโส ภเวสนาย สมุจฺฉินฺนตฺตาฯ น ปุน ภวิสฺสนฺตีติ อวธารเณน นิวตฺติตมตฺถํ ทเสฺสติ, ‘‘โย จ กาลฆโส ภูโต’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๒.๑๙๐) ภูต-สทฺทสฺส ขีณาสววาจิตา ทฎฺฐพฺพาฯ วา-สโทฺท เจตฺถ สมฺปิณฺฑนโตฺถ ‘‘อคฺคินา วา อุทเกน วา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๗๖) วิยฯ

    90.Āharatīti (saṃ. ni. ṭī. 2.2.11) āneti, uppādeti upatthambheti cāti attho. Nibbattāti pasutā. Tato paṭṭhāya hi loke jātavohāro. Paṭisandhiggahaṇato pana paṭṭhāya yāva mātukucchito nikkhamanaṃ, tāva sambhavesino. Esa tāva gabbhaseyyakesu bhūtasambhavesivibhāgo, itaresu pana paṭhamacittādivasena vutto. Sambhava-saddo cettha gabbhaseyyakānaṃ vasena pasūtipariyāyo, itaresaṃ vasena uppattipariyāyo. Paṭhamacittapaṭhamairiyāpathakkhaṇesu hi te sambhavaṃ uppattiṃ esanti upagacchanti nāma, na tāva bhūtā uppattiyā na suppatiṭṭhitattā. Bhūtāyeva sabbaso bhavesanāya samucchinnattā. Na puna bhavissantīti avadhāraṇena nivattitamatthaṃ dasseti, ‘‘yo ca kālaghaso bhūto’’tiādīsu (jā. 1.2.190) bhūta-saddassa khīṇāsavavācitā daṭṭhabbā. Vā-saddo cettha sampiṇḍanattho ‘‘agginā vā udakena vā’’tiādīsu (udā. 76) viya.

    ยถาสกํ ปจฺจยภาเวน อตฺตภาวสฺส ปฎฺฐปนเมเวตฺถอาหาเรหิ กาตพฺพอนุคฺคโหติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘วจนเภโท…เป.… เอโกเยวา’’ติฯ สตฺตสฺส อุปฺปนฺนธมฺมานนฺติ สตฺตสฺสสนฺตาเน อุปฺปนฺนธมฺมานํฯ ยถา ‘‘วสฺสสตํ ติฎฺฐตี’’ติ วุเตฺต อนุปฺปพนฺธวเสน ปวตฺตตีติ วุตฺตํ โหติ, เอวํ ฐิติยาติ อนุปฺปพนฺธวเสน ปวตฺติยาติ อโตฺถ, สา ปน อวิเจฺฉโทติ อาห ‘‘อวิเจฺฉทายา’’ติฯ อนุปฺปพนฺธธมฺมุปฺปตฺติยา สตฺตสนฺตาโน อนุคฺคหิโต นาม โหตีติ อาห ‘‘อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทายา’’ติฯ เอตานีติ ฐิติอนุคฺคหปทานิฯ อุภยตฺถ ทฎฺฐพฺพานิ, น ยถาสงฺขฺยํฯ

    Yathāsakaṃ paccayabhāvena attabhāvassa paṭṭhapanamevetthaāhārehi kātabbaanuggahoti adhippāyenāha ‘‘vacanabhedo…pe… ekoyevā’’ti. Sattassa uppannadhammānanti sattassasantāne uppannadhammānaṃ. Yathā ‘‘vassasataṃ tiṭṭhatī’’ti vutte anuppabandhavasena pavattatīti vuttaṃ hoti, evaṃ ṭhitiyāti anuppabandhavasena pavattiyāti attho, sā pana avicchedoti āha ‘‘avicchedāyā’’ti. Anuppabandhadhammuppattiyā sattasantāno anuggahito nāma hotīti āha ‘‘anuppannānaṃ uppādāyā’’ti. Etānīti ṭhitianuggahapadāni. Ubhayattha daṭṭhabbāni, na yathāsaṅkhyaṃ.

    วตฺถุคตา โอชา วตฺถุ วิย เตน สทฺธิํ อาหริตพฺพตํ คจฺฉตีติ วุตฺตํ ‘‘อโชฺฌหริตพฺพโต อาหาโร’’ติฯ นิพฺพตฺติตโอชํ ปน สนฺธาย ‘‘กพฬีการาหาโร โอชฎฺฐมกรูปานิ อาหรตี’’ติ วกฺขติฯ โอฬาริกตา อโปฺปชตาย, น วตฺถุโน ถูลตาย, กถินตาย วา, ตสฺมา ยสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ ปริตฺตา โอชา โหติ, ตํ โอฬาริกํฯ สปฺปาทโย ทุกฺขุปฺปาทกตาย โอฬาริกาเวทิตพฺพาฯ วิสาณาทีนํ ติวสฺสฉฑฺฑิตานํ ปูติภูตฺตตา มุทุกตาติ วทนฺติ, ตรจฺฉเขฬเตมิกตาย ปน ตถาภูตานํ เตสํ มุทุกตาฯ ธมฺมสภาโว เหสฯ สสานํ อาหาโร สุขุโม ตรุณติณสสฺสขาทนโตฯ สกุณานํ อาหาโร สุขุโม ติณพีชาทิขาทนโตฯ ปจฺจนฺตวาสีนํ สุขุโม, เตสญฺหิ สากปณฺณสุกฺขกุรปทุมปตฺตมฺปิ อาหาโรติฯ เตสํ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํฯ สุขุโมเตฺววาติ น กิญฺจิ อุปาทาย, อถ โข สุขุโม อิเจฺจว นิฎฺฐํ ปโตฺต ตโต ปรํ สุขุมสฺส อภาวโตฯ

    Vatthugatā ojā vatthu viya tena saddhiṃ āharitabbataṃ gacchatīti vuttaṃ ‘‘ajjhoharitabbato āhāro’’ti. Nibbattitaojaṃ pana sandhāya ‘‘kabaḷīkārāhāro ojaṭṭhamakarūpāni āharatī’’ti vakkhati. Oḷārikatā appojatāya, na vatthuno thūlatāya, kathinatāya vā, tasmā yasmiṃ vatthusmiṃ parittā ojā hoti, taṃ oḷārikaṃ. Sappādayo dukkhuppādakatāya oḷārikāveditabbā. Visāṇādīnaṃ tivassachaḍḍitānaṃ pūtibhūttatā mudukatāti vadanti, taracchakheḷatemikatāya pana tathābhūtānaṃ tesaṃ mudukatā. Dhammasabhāvo hesa. Sasānaṃāhāro sukhumo taruṇatiṇasassakhādanato. Sakuṇānaṃ āhāro sukhumo tiṇabījādikhādanato. Paccantavāsīnaṃ sukhumo, tesañhi sākapaṇṇasukkhakurapadumapattampi āhāroti. Tesaṃ paranimmitavasavattīnaṃ. Sukhumotvevāti na kiñci upādāya, atha kho sukhumo icceva niṭṭhaṃ patto tato paraṃ sukhumassa abhāvato.

    วตฺถุวเสน ปเนตฺถ อาหารสฺส โอฬาริกสุขุมตา วุตฺตา, สา จสฺส อโปฺปชมโหชตาหิ เวทิตพฺพาติ ทเสฺสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปริสฺสมนฺติ ขุทาวเสน อุปฺปนฺนํ สรีรเขทํฯ วิโนเทตีติ วตฺถุ ตสฺส วิโนทนมตฺตํ กโรติฯ น ปน สโกฺกติ ปาเลตุนฺติ สรีรํ ยาเปตุํ นปฺปโหติ นิสฺสารตฺตาฯ น สโกฺกติ ปริสฺสมํ วิโนเทตุํ อามาสยสฺส อปูรณโตฯ

    Vatthuvasena panettha āhārassa oḷārikasukhumatā vuttā, sā cassa appojamahojatāhi veditabbāti dassetuṃ ‘‘ettha cā’’tiādi vuttaṃ. Parissamanti khudāvasena uppannaṃ sarīrakhedaṃ. Vinodetīti vatthu tassa vinodanamattaṃ karoti. Na pana sakkoti pāletunti sarīraṃ yāpetuṃ nappahoti nissārattā. Na sakkoti parissamaṃ vinodetuṃ āmāsayassa apūraṇato.

    ฉพฺพิโธปีติ อิมินา กสฺสจิปิ ผสฺสสฺส อนวเสสิตพฺพตมาหฯ อาหารสฺสเทสนากฺกเมเนเวตฺถ ผสฺสาทีนํ ทุติยาทิตา, น อเญฺญน การเณนาติ อาห ‘‘เทสนานโย เอวา’’ติอาทิฯ มนโส สเญฺจตนา, น สตฺตสฺสาติ ทสฺสนตฺถํ มโนคหณํ ยถา ‘‘จิตฺตสฺส ฐิติ (ธ. ส. ๑๑), เจโตวิมุตฺติ จา’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๙) อาห ‘‘มโนสเญฺจตนาติ เจตนา เอวา’’ติฯ จิตฺตนฺติ ยํ กิญฺจิ จิตฺตํ, น วิปากวิญฺญาณเมวฯ

    Chabbidhopīti iminā kassacipi phassassa anavasesitabbatamāha. Āhārassadesanākkamenevettha phassādīnaṃ dutiyāditā, na aññena kāraṇenāti āha ‘‘desanānayo evā’’tiādi. Manaso sañcetanā, na sattassāti dassanatthaṃ manogahaṇaṃ yathā ‘‘cittassa ṭhiti (dha. sa. 11), cetovimutti cā’’ti (ma. ni. 1.69) āha ‘‘manosañcetanāti cetanā evā’’ti. Cittanti yaṃ kiñci cittaṃ, na vipākaviññāṇameva.

    ปุเพฺพ ‘‘อาหารนฺติ ปจฺจย’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘ยทิ ปจฺจยโฎฺฐ อาหารโฎฺฐ’’ติอาทินา โจเทติฯ อถ กสฺมา อิเมเยว จตฺตาโร วุตฺตาติ อถ กสฺมา จตฺตาโรว วุตฺตา, อิเม เอว จ วุตฺตาติ โยชนาฯ วิเสสปจฺจยตฺตาติ เอเตน ยถา อเญฺญ ปจฺจยธมฺมา อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจยาว โหนฺติ, อิเม ปน ตถา จ โหนฺติ อญฺญถา จาติ สมาเนปิ ปจฺจยเตฺต อติเรกปจฺจยา โหนฺติ, ตสฺมา อาหาราติ วุตฺตาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติฯ อิทานิ ตํ อติเรกปจฺจยตํ ทเสฺสตุํ ‘‘วิเสสปจฺจโย หี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ วิเสสปจฺจโย รูปกายสฺส กพฬีกาโร อาหาโร อุปตฺถมฺภกภาวโตฯ เตนาห อฎฺฐกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๐๘; ปฎฺฐา. อฎฺฐ. ปจฺจยุเทฺทสวณฺณนา) ‘‘รูปารูปานํ อุปตฺถมฺภกเตฺตน อุปการกา จตฺตาโร อาหารา อาหารปจฺจโย’’ติฯ อุปตฺถมฺภกตฺตญฺหิ สติปิ ชนกเตฺต อรูปีนํ อาหารานํ อาหารชรูปสมุฎฺฐาปกรูปาหารสฺส จ โหติ, อสติ ปน อุปตฺถมฺภกเตฺต อาหารานํ ชนกตฺตํ นตฺถีติ อุปตฺถมฺภกตฺตํ ปธานํฯ ชนยมาโนปิ หิ อาหาโร อวิเจฺฉทวเสน อุปตฺถมฺภยมาโน เอว ชเนตีติ อุปตฺตมฺภกภาโว เอว อาหารภาโวฯ เวทนาย ผโสฺส วิเสสปจฺจโยฯ ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ หิ วุตฺตํฯ ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณ’’นฺติ (อุทา. ๑; ม. นิ. ๓.๑๒๖) วจนโต วิญฺญาณสฺสมโนสเญฺจตนาฯ ‘‘เจตนา ติวิธํ ภวํ ชเนตี’’ติ หิ วุตฺตํฯ ‘‘วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ ปน วจนโต นามรูปสฺส วิญฺญาณํ วิเสสปจฺจยาฯ น หิ โอกฺกนฺติวิญฺญาณาภาเว นามรูปสฺส อตฺตสมฺภโวฯ ยถาห ‘‘วิญฺญาณญฺจ หิ, อานนฺท, มาตุกุจฺฉิสฺมิํ น โอกฺกมิสฺสถ, อปิ นุ โข นามรูปํ มาตุกุจฺฉิสฺมิํ สมุจฺจิสฺสถา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๑๑๕)ฯ วุตฺตเมวตฺถํ สุเตฺตน สาเธตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Pubbe ‘‘āhāranti paccaya’’nti vuttattā ‘‘yadi paccayaṭṭho āhāraṭṭho’’tiādinā codeti. Atha kasmā imeyeva cattāro vuttāti atha kasmā cattārova vuttā, ime eva ca vuttāti yojanā. Visesapaccayattāti etena yathā aññe paccayadhammā attano paccayuppannassa paccayāva honti, ime pana tathā ca honti aññathā cāti samānepi paccayatte atirekapaccayā honti, tasmā āhārāti vuttāti imamatthaṃ dasseti. Idāni taṃ atirekapaccayataṃ dassetuṃ ‘‘visesapaccayo hī’’tiādi āraddhaṃ. Visesapaccayo rūpakāyassa kabaḷīkāro āhāro upatthambhakabhāvato. Tenāha aṭṭhakathāyaṃ (visuddhi. 2.708; paṭṭhā. aṭṭha. paccayuddesavaṇṇanā) ‘‘rūpārūpānaṃ upatthambhakattena upakārakā cattāro āhārā āhārapaccayo’’ti. Upatthambhakattañhi satipi janakatte arūpīnaṃ āhārānaṃ āhārajarūpasamuṭṭhāpakarūpāhārassa ca hoti, asati pana upatthambhakatte āhārānaṃ janakattaṃ natthīti upatthambhakattaṃ padhānaṃ. Janayamānopi hi āhāro avicchedavasena upatthambhayamāno eva janetīti upattambhakabhāvo eva āhārabhāvo. Vedanāya phasso visesapaccayo. ‘‘Phassapaccayā vedanā’’ti hi vuttaṃ. ‘‘Saṅkhārapaccayā viññāṇa’’nti (udā. 1; ma. ni. 3.126) vacanato viññāṇassamanosañcetanā. ‘‘Cetanā tividhaṃ bhavaṃ janetī’’ti hi vuttaṃ. ‘‘Viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti pana vacanato nāmarūpassa viññāṇaṃ visesapaccayā. Na hi okkantiviññāṇābhāve nāmarūpassa attasambhavo. Yathāha ‘‘viññāṇañca hi, ānanda, mātukucchismiṃ na okkamissatha, api nu kho nāmarūpaṃ mātukucchismiṃ samuccissathā’’tiādi (dī. ni. 2.115). Vuttamevatthaṃ suttena sādhetuṃ ‘‘yathāhā’’tiādi vuttaṃ.

    เอวํ ยทิปิ ปจฺจยโฎฺฐ อาหารโฎฺฐ, วิเสสปจฺจยตาย ปน อิเม เอว อาหาราติ วุตฺตาติ ตํ เนสํ วิเสสปจฺจยตํ อวิภาคโต ทเสฺสตฺวา อิทานิ วิภาคโต ทเสฺสตุํ ‘‘โก ปเนตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ มุเข ฐปิตมโตฺตเยว อสงฺขาทิโต, ตตฺตเกนปิ อพฺภนฺตรสฺส อาหารสฺส ปจฺจโย โหติ เอวฯ เตนาห ‘‘อฎฺฐ รูปานิ สมุฎฺฐาเปตี’’ติฯ สุขเวทนาย หิโต สุขเวทนิโยฯ สพฺพถาปีติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิวเสนฯ ยตฺตกา ผสฺสสฺส ปการเภทา, เตสํ วเสน สพฺพปฺปกาโรปิ ผสฺสาหาโรฯ ยถารหํ ติโสฺส เวทนา อาหรติ, อนาหารโก นตฺถิฯ

    Evaṃ yadipi paccayaṭṭho āhāraṭṭho, visesapaccayatāya pana ime eva āhārāti vuttāti taṃ nesaṃ visesapaccayataṃ avibhāgato dassetvā idāni vibhāgato dassetuṃ ‘‘ko panetthā’’tiādi āraddhaṃ. Mukhe ṭhapitamattoyeva asaṅkhādito, tattakenapi abbhantarassa āhārassa paccayo hoti eva. Tenāha ‘‘aṭṭha rūpāni samuṭṭhāpetī’’ti. Sukhavedanāya hito sukhavedaniyo. Sabbathāpīti cakkhusamphassādivasena. Yattakā phassassa pakārabhedā, tesaṃ vasena sabbappakāropi phassāhāro. Yathārahaṃ tisso vedanā āharati, anāhārako natthi.

    สพฺพถาปีติ อิธาปิ ผสฺสาหาเร วุตฺตนยานุสาเรน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ติสนฺตติวเสนาติ กายทสกํ ภาวทสกํ วตฺถุทสกนฺติ ติวิธสนฺตติวเสนฯ สหชาตาทิปจฺจยนเยนาติ สหชาตาทิปจฺจยวิธินาฯ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณญฺหิ อตฺตนา สหชาตนามสฺส สหชาตอญฺญมญฺญนิสฺสยวิปากินฺทฺริยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหโนฺตเยว อาหารปจฺจยตาย ตํ อาหาเรตี วุตฺตํ, สหชาตรูเปสุ ปน วตฺถุโน สมฺปยุตฺตปจฺจยํ ฐเปตฺวา วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน, เสสรูปสฺส อญฺญมญฺญปจฺจยญฺจ ฐเปตฺวา วุตฺตนเยเนวโยชนา กาตพฺพาฯ ตานีติ นปุํสกนิเทฺทโส อนปุํสกานมฺปิ นปุํสเกหิ สห วจนโตฯ

    Sabbathāpīti idhāpi phassāhāre vuttanayānusārena attho veditabbo. Tisantativasenāti kāyadasakaṃ bhāvadasakaṃ vatthudasakanti tividhasantativasena. Sahajātādipaccayanayenāti sahajātādipaccayavidhinā. Paṭisandhiviññāṇañhi attanā sahajātanāmassa sahajātaaññamaññanissayavipākindriyasampayuttaatthiavigatapaccayehi paccayo hontoyeva āhārapaccayatāya taṃ āhāretī vuttaṃ, sahajātarūpesu pana vatthuno sampayuttapaccayaṃ ṭhapetvā vippayuttapaccayena, sesarūpassa aññamaññapaccayañca ṭhapetvā vuttanayenevayojanā kātabbā. Tānīti napuṃsakaniddeso anapuṃsakānampi napuṃsakehi saha vacanato.

    สาสวา กุสลากุสลเจตนาว วุตฺตาฯ วิเสสปจฺจยภาวทสฺสนํ เหตนฺติฯ เตนาห ‘‘อวิเสเสน ปนา’’ติอาทิฯ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณเมว วุตฺตนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ยถา ตสฺส ตสฺส ผลสฺส วิเสสโต ปจฺจยตาย เอเตสํ อาหารโฎฺฐ, เอวํ อวิเสสโตปีติ ทสฺสเนฺตน ‘‘อวิเสเสน ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตํสมฺปยุตฺตตํสมุฎฺฐานธมฺมานนฺติ เตหิ ผสฺสาทีหิ สมฺปยุตฺตธมฺมานเญฺจว ตํสมุฎฺฐานรูปธมฺมานญฺจฯ ตตฺถ สมฺปยุตฺตคฺคหณํ ยถารหโต ทฎฺฐพฺพํ, สมุฎฺฐานคฺคหณํ ปน อวิเสสโตฯ

    Sāsavākusalākusalacetanāva vuttā. Visesapaccayabhāvadassanaṃ hetanti. Tenāha ‘‘avisesena panā’’tiādi. Paṭisandhiviññāṇameva vuttanti etthāpi eseva nayo. Yathā tassa tassa phalassa visesato paccayatāya etesaṃ āhāraṭṭho, evaṃ avisesatopīti dassantena ‘‘avisesena panā’’tiādi vuttaṃ. Tattha taṃsampayuttataṃsamuṭṭhānadhammānanti tehi phassādīhi sampayuttadhammānañceva taṃsamuṭṭhānarūpadhammānañca. Tattha sampayuttaggahaṇaṃ yathārahato daṭṭhabbaṃ, samuṭṭhānaggahaṇaṃ pana avisesato.

    อุปตฺถเมฺภโนฺต อาหารกิจฺจํ สาเธตีติ อุปตฺถเมฺภโนฺตเยว รูปํ สมุฎฺฐาเปติ, โอชฎฺฐมกรูปสมุฎฺฐาปเนเนว ปนสฺส อุปตฺถมฺภนกิจฺจสิทฺธิฯ ผุสโนฺตเยวาติ ผุสนกิจฺจํ กโรโนฺต เอวฯ อายูหมานาวาติ เจตยมานา เอว อภิสนฺทหนฺตี เอวฯ วิชานนฺตเมวาติ อุปปตฺติปริกปฺปนวเสน วิชานนฺตเมว อาหารกิจฺจํ สาเธตีติ โยชนาฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ อาหารกิจฺจสาธนญฺจ เตสํ เวทนาทิอุปฺปตฺติเหตุตาย อตฺตภาวสฺส ปวตฺตนเมวฯ

    Upatthambhento āhārakiccaṃ sādhetīti upatthambhentoyeva rūpaṃ samuṭṭhāpeti, ojaṭṭhamakarūpasamuṭṭhāpaneneva panassa upatthambhanakiccasiddhi. Phusantoyevāti phusanakiccaṃ karonto eva. Āyūhamānāvāti cetayamānā eva abhisandahantī eva. Vijānantamevāti upapattiparikappanavasena vijānantameva āhārakiccaṃ sādhetīti yojanā. Sesapadadvayepi eseva nayo. Āhārakiccasādhanañca tesaṃ vedanādiuppattihetutāya attabhāvassa pavattanameva.

    กายฎฺฐปเนนาติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ กมฺมชาทิรูปํ กมฺมาทินาว ปวตฺตตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘กมฺมชนิโตปี’’ติอาทิฯ อุปาทินฺนรูปสนฺตติยา อุปตฺถมฺภเนเนว อุตุจิตฺตชรูปสนฺตตีนมฺปิ อุปตฺถมฺภนสิทฺธิ โหตีติ ‘‘ทฺวินฺนํ รูปสนฺตตีน’’นฺติ วุตฺตํฯ อุปตฺถมฺภนเมว สนฺธาย ‘‘อนุปาลโก หุตฺวา’’ติ จ วุตฺตํฯ รูปกายสฺส ฐิติเหตุตา หิ ยาปนา อนุปาลนาฯ

    Kāyaṭṭhapanenāti kasmā vuttaṃ? Nanu kammajādirūpaṃ kammādināva pavattatīti codanaṃ sandhāyāha ‘‘kammajanitopī’’tiādi. Upādinnarūpasantatiyā upatthambhaneneva utucittajarūpasantatīnampi upatthambhanasiddhi hotīti ‘‘dvinnaṃ rūpasantatīna’’nti vuttaṃ. Upatthambhanameva sandhāya ‘‘anupālako hutvā’’ti ca vuttaṃ. Rūpakāyassa ṭhitihetutā hi yāpanā anupālanā.

    สุขาทิวตฺถุภูตนฺติ สุขาทีนํ ปวตฺติฎฺฐานภูตํฯ อารมฺมณมฺปิ หิ วสติ เอตฺถ อารมฺมณกรณวเสน ตทารมฺมณา ธมฺมาติ วตฺถูติ วุจฺจติฯ ผุสโนฺตเยวาติ อิทํ ผสฺสสฺส ผุสนสภาวตฺตา วุตฺตํฯ น หิ ธมฺมานํ สภาเวน วินา ปวตฺติ อตฺถิฯ เวทนาปวตฺติยา วินา สตฺตานํ สนฺธาวนตา นตฺถีติ อาห ‘‘สุขาทิ…เป.… โหตี’’ติ, น เจตฺถ สญฺญีภวกถายํ อสญฺญีภโว ทเสฺสตโพฺพ, ตสฺสาปิ วา การณภูตเวทนาปวตฺติวเสเนว ฐิติยา เหตุโน อพฺยาปิตาฯ ตถา หิ ‘‘มโนสเญฺจตนา…เป.… ภวมูลนิปฺผาทนโต สตฺตานํ ฐิติยา โหตี’’ติ วุตฺตา, ตโต เอว ‘‘วิญฺญาณํ วิชานนฺตเมวาติ อุปปตฺติปริกปฺปนวเสน วิชานนฺตเมวา’’ติ วุโตฺตวายมโตฺถติฯ

    Sukhādivatthubhūtanti sukhādīnaṃ pavattiṭṭhānabhūtaṃ. Ārammaṇampi hi vasati ettha ārammaṇakaraṇavasena tadārammaṇā dhammāti vatthūti vuccati. Phusantoyevāti idaṃ phassassa phusanasabhāvattā vuttaṃ. Na hi dhammānaṃ sabhāvena vinā pavatti atthi. Vedanāpavattiyā vinā sattānaṃ sandhāvanatā natthīti āha ‘‘sukhādi…pe… hotī’’ti, na cettha saññībhavakathāyaṃ asaññībhavo dassetabbo, tassāpi vā kāraṇabhūtavedanāpavattivaseneva ṭhitiyā hetuno abyāpitā. Tathā hi ‘‘manosañcetanā…pe… bhavamūlanipphādanato sattānaṃ ṭhitiyā hotī’’ti vuttā, tato eva ‘‘viññāṇaṃ vijānantamevāti upapattiparikappanavasena vijānantamevā’’ti vuttovāyamatthoti.

    จตฺตาริ ภยานิ ทฎฺฐพฺพานิ อาทีนววิภาวนโตฯ นิกนฺตีติ นิกามนาฯ รสตณฺหํ สนฺธาย วทติฯ สา หิ กพฬีกาเร อาหาเร พลวตีฯ เตเนว ตตฺถ อวธารณํ กตํฯ ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ, นิกนฺติเยวภยํ มหานตฺถเหตุโตฯ อุปคมนํ วิสยินฺทฺริยวิญฺญาเณสุ วิสยวิญฺญาเณสุ เอว จ สงฺคติวเสน ปวตฺติ, ตํ เวทนาทิอุปฺปตฺติเหตุตาย ‘‘ภย’’นฺติ วุตฺตํฯ อวธารเณ ปโยชนํ วุตฺตนยเมวฯ เสสทฺวเยปิ เอเสวนโยฯ อายูหนํ อภิสนฺทหนํ, สํวิธานนฺติปิ วทนฺติฯ ตํ ภวูปปตฺติเหตุตาย ‘‘ภย’’นฺติ วุตฺตํฯ อภินิปาโต ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน นิพฺพตฺติฯ โส ภวูปปตฺติเหตุกานํ สเพฺพสํ อนตฺถานํ มูลการณตฺตา ‘‘ภย’’นฺติ วุโตฺตฯ อิทานิ นิกนฺติอาทีนํ สปฺปฎิภยตํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘กิํการณา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ นิกนฺติํ กตฺวาติ อาลยํ ชเนตฺวา, ตณฺหํ อุปฺปาเทตฺวาติ อโตฺถฯ

    Cattāribhayāni daṭṭhabbāni ādīnavavibhāvanato. Nikantīti nikāmanā. Rasataṇhaṃ sandhāya vadati. Sā hi kabaḷīkāre āhāre balavatī. Teneva tattha avadhāraṇaṃ kataṃ. Bhāyati etasmāti bhayaṃ, nikantiyevabhayaṃ mahānatthahetuto. Upagamanaṃ visayindriyaviññāṇesu visayaviññāṇesu eva ca saṅgativasena pavatti, taṃ vedanādiuppattihetutāya ‘‘bhaya’’nti vuttaṃ. Avadhāraṇe payojanaṃ vuttanayameva. Sesadvayepi esevanayo. Āyūhanaṃ abhisandahanaṃ, saṃvidhānantipi vadanti. Taṃ bhavūpapattihetutāya ‘‘bhaya’’nti vuttaṃ. Abhinipāto tattha tattha bhave paṭisandhiggahaṇavasena nibbatti. So bhavūpapattihetukānaṃ sabbesaṃ anatthānaṃ mūlakāraṇattā ‘‘bhaya’’nti vutto. Idāni nikantiādīnaṃ sappaṭibhayataṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘kiṃkāraṇā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha nikantiṃ katvāti ālayaṃ janetvā, taṇhaṃ uppādetvāti attho.

    ผสฺส อุปคจฺฉนฺตาติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิเภทํ ผสฺสํ ปวเตฺตนฺตาฯ ผสฺสสฺสาทิโนติ กายสมฺผสฺสวเสน โผฎฺฎพฺพสงฺขาตสฺส ผสฺสสฺส อสฺสาทนสีลาฯ กายสมฺผสฺสวเสน หิ สตฺตานํ โผฎฺฐพฺพตณฺหา ปวตฺตตีติ ทเสฺสตุํ ผสฺสาหาราทีนวทสฺสเน โผฎฺฐพฺพารมฺมณํ อุทฺธฎํ ‘‘ปเรสํ รกฺขิตโคปิเตสู’’ติอาทินาฯ ผสฺสสฺสาทิโนติ วา ผสฺสาหารสฺสาทิโนติ อโตฺถฯ สติ หิ ผสฺสาหาเร สตฺตานํ ผสฺสารมฺมเณ อสฺสาโท, นาสตีติฯ เตนาห ‘‘ผสฺสสฺสาทมูลก’’นฺติอาทิฯ

    Phassa upagacchantāti cakkhusamphassādibhedaṃ phassaṃ pavattentā. Phassassādinoti kāyasamphassavasena phoṭṭabbasaṅkhātassa phassassa assādanasīlā. Kāyasamphassavasena hi sattānaṃ phoṭṭhabbataṇhā pavattatīti dassetuṃ phassāhārādīnavadassane phoṭṭhabbārammaṇaṃ uddhaṭaṃ ‘‘paresaṃ rakkhitagopitesū’’tiādinā. Phassassādinoti vā phassāhārassādinoti attho. Sati hi phassāhāre sattānaṃ phassārammaṇe assādo, nāsatīti. Tenāha ‘‘phassassādamūlaka’’ntiādi.

    ชาตินิมิตฺตสฺส ภยสฺส อภินิปาตสภาเวน คหิตตฺตา ‘‘ตมฺมูลก’’นฺติ วุตฺตํ, กมฺมายูหนนิมิตฺตนฺติ อโตฺถฯ

    Jātinimittassa bhayassa abhinipātasabhāvena gahitattā ‘‘tammūlaka’’nti vuttaṃ, kammāyūhananimittanti attho.

    อภินิปตตีติ อภินิพฺพตฺตติฯ ปฐมาภินิพฺพตฺติ หิ สตฺตานํ ตตฺถ ตตฺถ องฺคารกาสุสทิเส ภเว อภินิปาตสทิสีติฯ ตมฺมูลกตฺตาติ นามรูปนิพฺพตฺติมูลกตฺตาฯ

    Abhinipatatīti abhinibbattati. Paṭhamābhinibbatti hi sattānaṃ tattha tattha aṅgārakāsusadise bhave abhinipātasadisīti. Tammūlakattāti nāmarūpanibbattimūlakattā.

    ตตฺราติ ตาสุ อุปมาสุฯ ภูตมตฺถํ กตฺวาติ น ปริกปฺปิตมตฺถํ, อถ โข ภูตํ ภูตปุพฺพํ อตฺถํ กตฺวาฯ ปาเถยฺยหเตฺถสุ คจฺฉเนฺตสุ ปาเถยฺยํ, คจฺฉนฺตํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘คนฺตฺวา ปาเถยฺยํ นิฎฺฐาสี’’ติฯ คนฺตฺวาติ วาคมนเหตูติ อโตฺถฯ ขุปฺปิปาสาตุรตาย ฆนจฺฉายํ รุกฺขํ อุปคนฺตุํ อสมตฺถา วิรฬฺหจฺฉายายํ นิสีทิํสุฯ น ทานิ สกฺกา ตํ มยา กาตุํ อติทุพฺพลภาวโตฯ ปริกฺขลิตคติตรุณทารโก ขุปฺปิปาสาภิภูโต จ, ตสฺมา คจฺฉโนฺตเยว มโต

    Tatrāti tāsu upamāsu. Bhūtamatthaṃ katvāti na parikappitamatthaṃ, atha kho bhūtaṃ bhūtapubbaṃ atthaṃ katvā. Pātheyyahatthesu gacchantesu pātheyyaṃ, gacchantaṃ viya hotīti vuttaṃ ‘‘gantvā pātheyyaṃ niṭṭhāsī’’ti. Gantvāti vāgamanahetūti attho. Khuppipāsāturatāya ghanacchāyaṃ rukkhaṃ upagantuṃ asamatthā viraḷhacchāyāyaṃ nisīdiṃsu. Na dāni sakkā taṃ mayā kātuṃ atidubbalabhāvato. Parikkhalitagatitaruṇadārako khuppipāsābhibhūto ca, tasmā gacchantoyeva mato.

    สชาติมํสตายาติ (สํ. นิ. ฎี. ๒.๒.๖๓) สมานชาติมํสตาย, มนุสฺสมํสตายาติ อโตฺถฯ ยํ มนุสฺสมํสํ, ตญฺหิ โลเก ชิคุจฺฉนียตฺตา ปฎิกุลํฯ ตถา หิ ตํ วิญฺญูหิ วชฺชิตํ, มนุสฺสมํเสสุปิ ญาติมํสํ อยุตฺตปริโภคตาย ปฎิกูลํ, ตตฺถาปิ ปุตฺตมํสํ, ตตฺถาปิ ปิยปุตฺตมํสํ, ตตฺถาปิ ตรุณมํสํ, ตตฺถาปิ อามกมํสํ, ตตฺถาปิ อโครสาภิสงฺขตํ, ตตฺถาปิ อโลณํ, ตตฺถาปิ อธูปิตนฺติ เอวํ เหฎฺฐิมโต อุตฺตรุตฺตรสฺส ปฎิกูลตรภาวการณตา ทฎฺฐพฺพาฯ ปุตฺตมํสสทิสนฺติ ปฎิกูลตาอุปฎฺฐาปเนน ปุตฺตมํสสทิสํ กตฺวา ปสฺสติฯ ตตฺถ นิกนฺติํ ปริยาทิยตีติ อริยมเคฺคน อาหาเร สาเปกฺขํ เขเปติฯ

    Sajātimaṃsatāyāti (saṃ. ni. ṭī. 2.2.63) samānajātimaṃsatāya, manussamaṃsatāyāti attho. Yaṃ manussamaṃsaṃ, tañhi loke jigucchanīyattā paṭikulaṃ. Tathā hi taṃ viññūhi vajjitaṃ, manussamaṃsesupi ñātimaṃsaṃ ayuttaparibhogatāya paṭikūlaṃ, tatthāpi puttamaṃsaṃ, tatthāpi piyaputtamaṃsaṃ, tatthāpi taruṇamaṃsaṃ, tatthāpi āmakamaṃsaṃ, tatthāpi agorasābhisaṅkhataṃ, tatthāpi aloṇaṃ, tatthāpi adhūpitanti evaṃ heṭṭhimato uttaruttarassa paṭikūlatarabhāvakāraṇatā daṭṭhabbā. Puttamaṃsasadisanti paṭikūlatāupaṭṭhāpanena puttamaṃsasadisaṃ katvā passati. Tattha nikantiṃ pariyādiyatīti ariyamaggena āhāre sāpekkhaṃ khepeti.

    สา คาวีติ ‘‘เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว คาวี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๓) เอวํ สุเตฺต วุตฺตคาวีฯ อุทฺทาเลตฺวาติ อุปฺปาเฎตฺวาฯ นิสฺสาย ติฎฺฐตีติ ปฎิจฺจปจฺจยํ กตฺวา ปวตฺตติฯ ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน ติณฺณมฺปิ เวทยิตานํ ทุกฺขภาวํ สนฺธายาห ‘‘เวทยิตทุกฺขสฺสา’’ติฯ

    Sā gāvīti ‘‘seyyathāpi bhikkhave gāvī’’ti (saṃ. ni. 2.63) evaṃ sutte vuttagāvī. Uddāletvāti uppāṭetvā. Nissāya tiṭṭhatīti paṭiccapaccayaṃ katvā pavattati. Dukkhadukkhatādivasena tiṇṇampi vedayitānaṃ dukkhabhāvaṃ sandhāyāha ‘‘vedayitadukkhassā’’ti.

    สาธุสมฺมตาปิ คติ วิปริณามสงฺขารทุกฺขตาวเสน กิเลสทุกฺขวเสน จ มหาปริฬาหาเยวาติ วุตฺตํ ‘‘มหาปริฬาหเฎฺฐน ตโย ภวา’’ติฯ ยถา อุปกฑฺฒกา เทฺว ปุริสา, เอวํ กุสลากุสลวเสน เทฺว มโนสเญฺจตนาฯ ยถา มโนสเญฺจตนา น ปวตฺตติ, ตถา ปฎิปชฺชโนฺต ตตฺถ นิกนฺติํ ปริยาทิยตีติ เวทิตโพฺพฯ

    Sādhusammatāpi gati vipariṇāmasaṅkhāradukkhatāvasena kilesadukkhavasena ca mahāpariḷāhāyevāti vuttaṃ ‘‘mahāpariḷāhaṭṭhena tayo bhavā’’ti. Yathā upakaḍḍhakā dve purisā, evaṃ kusalākusalavasena dve manosañcetanā. Yathā manosañcetanā na pavattati, tathā paṭipajjanto tattha nikantiṃ pariyādiyatīti veditabbo.

    สตฺติสเตน หตา เอว อุปมา สตฺติสตหตูปมา, ตสฺสํ สตฺติสตหตูปมายํตํ สตฺติสตํฯ อสฺส ปุริสสฺสฯ ปติโตกาเสติ ปุริมสตฺตีหิ ปติตปฺปเทเสฯ ทุกฺขสฺส ปมาณํ นตฺถิ อเนกสฺส อปราปรํ อุปฺปชฺชนโตฯ ขนฺธชนนนฺติ ขนฺธานํ อปราปรุปฺปาโท, ปฐมาภินิพฺพตฺติ ปน ปฎิสนฺธิ เอวฯ อาคุจารี ปุริโส วิย ปฎิสนฺธิวิญฺญาณํ นานปฺปการทุกฺขุปฺปาทสนฺนิสฺสยโต, เตหิ จ ทุเกฺขหิ อุปคนฺตพฺพโตฯ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปมุขภาเวน ปวตฺติยา ‘‘วิญฺญาณสฺส ทุกฺขุปฺปาโทติ วุตฺตาฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ (ธ. ป. ๑, ๒) ยถา วิญฺญาณํ อายติํ ปฎิสนฺธิวเสน น ปวตฺตติ, เอวํ กรณํ ตตฺถ นิกนฺติปริยาทานํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Sattisatena hatā eva upamā sattisatahatūpamā, tassaṃ sattisatahatūpamāyaṃ. Taṃ sattisataṃ. Assa purisassa. Patitokāseti purimasattīhi patitappadese. Dukkhassa pamāṇaṃ natthi anekassa aparāparaṃ uppajjanato. Khandhajanananti khandhānaṃ aparāparuppādo, paṭhamābhinibbatti pana paṭisandhi eva. Āgucārī puriso viya paṭisandhiviññāṇaṃ nānappakāradukkhuppādasannissayato, tehi ca dukkhehi upagantabbato. Sampayuttadhammānaṃ pamukhabhāvena pavattiyā ‘‘viññāṇassa dukkhuppādoti vuttā. Tathā hi vuttaṃ ‘‘manopubbaṅgamā dhammā’’ti (dha. pa. 1, 2) yathā viññāṇaṃ āyatiṃ paṭisandhivasena na pavattati, evaṃ karaṇaṃ tattha nikantipariyādānaṃ daṭṭhabbaṃ.

    ปริญฺญาตํ วตฺถูติ ทุกฺขสจฺจมาหฯ ปญฺจกามคุณิโก ราโคติ ปญฺจกามคุณารมฺมโณ ราโคฯ ปริญฺญาโต โหตีติ ปริจฺฉิชฺช ชานเนน สมติกฺกโนฺต โหติฯ รสตณฺหาย หิ สมฺมเทว วิคตาย รูปตณฺหาทโยปิ วิคตาเยว โหนฺติฯ ตถา จ สติ กามราคสํโยชนํ สมุจฺฉินฺนเมว โหติ, เอวํ กรณํ ตตฺถ นิกนฺติปริยาทานํ ทฎฺฐพฺพํฯ ปริญฺญาภิสมเย หิ สิเทฺธ ปหานาภิสมโย สิโทฺธ เอวาติฯ ปหีเน จ กามราคสํโยชเน โอรมฺภาคิยสํโยชนานํ เลโสปิ นาวสิสฺสตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘นตฺถิ ตํ สํโยชน’’นฺติอาทิฯ เตน กพฬีการาหารปริญฺญา อนาคามิตํ ปาเปตีติ ทเสฺสติฯ เสสาหารปริญฺญา ปน อรหตฺตนิฎฺฐา เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ผเสฺส ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ติโสฺส ตณฺหาติ กามตณฺหา รูปตณฺหา อรูปตณฺหาติ อิมา ติโสฺส ตณฺหาฯ

    Pariññātaṃvatthūti dukkhasaccamāha. Pañcakāmaguṇiko rāgoti pañcakāmaguṇārammaṇo rāgo. Pariññāto hotīti paricchijja jānanena samatikkanto hoti. Rasataṇhāya hi sammadeva vigatāya rūpataṇhādayopi vigatāyeva honti. Tathā ca sati kāmarāgasaṃyojanaṃ samucchinnameva hoti, evaṃ karaṇaṃ tattha nikantipariyādānaṃ daṭṭhabbaṃ. Pariññābhisamaye hi siddhe pahānābhisamayo siddho evāti. Pahīne ca kāmarāgasaṃyojane orambhāgiyasaṃyojanānaṃ lesopi nāvasissatīti dassento āha ‘‘natthi taṃ saṃyojana’’ntiādi. Tena kabaḷīkārāhārapariññā anāgāmitaṃ pāpetīti dasseti. Sesāhārapariññā pana arahattaniṭṭhā evāti dassento ‘‘phasse bhikkhave’’tiādimāha. Tattha tisso taṇhāti kāmataṇhā rūpataṇhā arūpataṇhāti imā tisso taṇhā.

    ‘‘ปุริมตณฺหาสมุทยา’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตณฺหาปจฺจยนิพฺพตฺตาติ ตณฺหาปจฺจยา นิพฺพตฺตาฯ ปฎิสนฺธิกฺขเณ ปุริมตณฺหาสมุทยา อาหารานํ สมุทยทสฺสเนเนว ปวตฺติกฺขเณปิ อุปาทินฺนกอาหารสมุทโย ทสฺสิโต โหตีติ ตํ อนามสิตฺวา อนุปาทินฺนกานํ ตณฺหาสมุทยํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สุเตฺต มิสฺสิตฺวา กถิตา อวิเสสิตตฺตาฯ สหชาตตณฺหาปจฺจยนิพฺพโตฺตติ เอตฺถ สหชาตคฺคหณํ อสหชาตตณฺหาปจฺจยนิพฺพโตฺตปิ อนุปาทินฺนกอาหาโร ลพฺภตีติ ทสฺสนตฺถํฯ โส ปน อสหชาตตณฺหาปจฺจยนิพฺพตฺตตาสามเญฺญนปิ ยถาวุตฺตอุปาทินฺนกาหาเรน สํสยํ ชเนยฺยาติ น อุทฺธโฎ, น จ เอตํ การณํ ‘‘ราคํ อุปนิสฺสาย โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนโต, ตโณฺหปนิสฺสยปฎิฆจิตฺตสมุฎฺฐานาย จ โอชาย วเสน อนุปาทินฺนกอาหารสฺส ลพฺภนโตฯ กถํ ปน ตณฺหา โอชาย อุปนิสฺสยปจฺจโย; น หิ ปฎฺฐาเน กตฺถจิ รูปสฺส อุปนิสฺสยปจฺจโย วุโตฺต อตฺถีติฯ นายํ วิโรโธ ‘‘ยสฺมิํ สติ ยํ โหติ, โส ตสฺส อุปนิสฺสโย’’ติ สุตฺตนฺตนยสฺส อธิเปฺปตตฺตา ยถาวุตฺตตฺถสมฺภวโตฯ เตเนวาห ‘‘อิมิสฺสา…เป.… ตณฺหาย นิโรเธนา’’ติฯ

    ‘‘Purimataṇhāsamudayā’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘katha’’ntiādi āraddhaṃ. Tattha taṇhāpaccayanibbattāti taṇhāpaccayā nibbattā. Paṭisandhikkhaṇe purimataṇhāsamudayā āhārānaṃ samudayadassaneneva pavattikkhaṇepi upādinnakaāhārasamudayo dassito hotīti taṃ anāmasitvā anupādinnakānaṃ taṇhāsamudayaṃ dassetuṃ ‘‘yasmā panā’’tiādi vuttaṃ. Idhāti imasmiṃ sutte missitvā kathitā avisesitattā. Sahajātataṇhāpaccayanibbattoti ettha sahajātaggahaṇaṃ asahajātataṇhāpaccayanibbattopi anupādinnakaāhāro labbhatīti dassanatthaṃ. So pana asahajātataṇhāpaccayanibbattatāsāmaññenapi yathāvuttaupādinnakāhārena saṃsayaṃ janeyyāti na uddhaṭo, na ca etaṃ kāraṇaṃ ‘‘rāgaṃ upanissāya domanassaṃ uppajjatī’’ti vacanato, taṇhopanissayapaṭighacittasamuṭṭhānāya ca ojāya vasena anupādinnakaāhārassa labbhanato. Kathaṃ pana taṇhā ojāya upanissayapaccayo; na hi paṭṭhāne katthaci rūpassa upanissayapaccayo vutto atthīti. Nāyaṃ virodho ‘‘yasmiṃ sati yaṃ hoti, so tassa upanissayo’’ti suttantanayassa adhippetattā yathāvuttatthasambhavato. Tenevāha ‘‘imissā…pe… taṇhāya nirodhenā’’ti.

    การเณ สพฺพโส นิรุเทฺธ ผลมฺปิ สพฺพโส นิรุชฺฌตีติ อาห ‘‘อาหารนิโรโธ ปญฺญายตี’’ติฯ อาหารานํ ทุกฺขสเจฺจกเทสตฺตา อาหารคฺคหณํ ทุกฺขสจฺจคฺคหณเมว โหตีติ อาห ‘‘อิธ จตฺตาริปิ สจฺจานิ สรูเปเนว วุตฺตานี’’ติฯ สจฺจเทสนา ทุกฺขาทีนํ ยาวเทว ปริเญฺญยฺยาทิภาวสนฺทสฺสนตฺถา, ตสฺมา ชรามรณาทีสุ ปริเญฺญยฺยาทิภาโว อสโมฺมหโต สลฺลเกฺขตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สพฺพตฺถ อสมฺมุยฺหเนฺตน สจฺจานิ อุทฺธริตพฺพานี’’ติ อาหฯ

    Kāraṇe sabbaso niruddhe phalampi sabbaso nirujjhatīti āha ‘‘āhāranirodho paññāyatī’’ti. Āhārānaṃ dukkhasaccekadesattā āhāraggahaṇaṃ dukkhasaccaggahaṇameva hotīti āha ‘‘idha cattāripi saccāni sarūpeneva vuttānī’’ti. Saccadesanā dukkhādīnaṃ yāvadeva pariññeyyādibhāvasandassanatthā, tasmā jarāmaraṇādīsu pariññeyyādibhāvo asammohato sallakkhetabboti dassento ‘‘sabbattha asammuyhantena saccāni uddharitabbānī’’ti āha.

    อาหารวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Āhāravāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    สจฺจวารวณฺณนา

    Saccavāravaṇṇanā

    ๙๑. เยน เยน ปริยาเยน พฺยากโรตีติ เยน เยน ทุกฺขาทิชรามรณาทิปริยาเยน อริยสจฺจานิ สเงฺขปโต จ วิตฺถารโต จ กเถติฯ ทุกฺขนฺติ ทุกฺขสจฺจํ ทุกฺขํ, น ทุกฺขมตฺตํฯ

    91.Yena yena pariyāyena byākarotīti yena yena dukkhādijarāmaraṇādipariyāyena ariyasaccāni saṅkhepato ca vitthārato ca katheti. Dukkhanti dukkhasaccaṃ dukkhaṃ, na dukkhamattaṃ.

    สจฺจวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saccavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ชรามรณวารวณฺณนา

    Jarāmaraṇavāravaṇṇanā

    ๙๒. เตสํ เตสนฺติ พฺยาปนิจฺฉาวเสนายํ นิเทฺทโส กโต, ตสฺมา ยถา ‘‘คาโม คาโม รมณีโย’’ติ วุเตฺต รมณียตาย ตาทิสา สเพฺพปิ คามา สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, เอวํ ‘‘เตสํ เตสํ สตฺตานํ ชาตี’’ติ วุเตฺต ชาติสงฺขาตวิการวเสน สเพฺพปิ สตฺตา สงฺคหํ คจฺฉนฺติฯ เตนาห ‘‘สเงฺขปโต อเนเกสํ สตฺตานํ สาธารณนิเทฺทโส’’ติฯ

    92.Tesaṃtesanti byāpanicchāvasenāyaṃ niddeso kato, tasmā yathā ‘‘gāmo gāmo ramaṇīyo’’ti vutte ramaṇīyatāya tādisā sabbepi gāmā saṅgahaṃ gacchanti, evaṃ ‘‘tesaṃ tesaṃ sattānaṃ jātī’’ti vutte jātisaṅkhātavikāravasena sabbepi sattā saṅgahaṃ gacchanti. Tenāha ‘‘saṅkhepato anekesaṃ sattānaṃ sādhāraṇaniddeso’’ti.

    คติชาติวเสนาติ (สํ. นิ. ฎี. ๒.๑.๒) ปญฺจคติวเสน, ตตฺถาปิ เอเกกาย คติยา ขตฺติยาทิภุมฺมเทวาทิหตฺถิอาทิชาติวเสน จฯ นิกิยฺยนฺติ สตฺตา เอตฺถ, เอเตน วาติ นิกาโย, โคตฺตจรณาทิวิภาโคฯ ชราย สภาโว นาม วโยหานิ, ตสฺมา ชราติ วโยหานิสงฺขาตสฺส สภาวสฺส นิเทฺทโส, ปากฎชราวเสน นิเทฺทโส ขณฺฑิจฺจาทิวเสน คหณโตฯ ชีรณเมว ชีรณตา, ชีรนฺตสฺส วา อากาโร ตา-สเทฺทน วุโตฺตฯ เตนาห ‘‘อยํ อาการนิเทฺทโส’’ติฯ ทนฺตาทีนํ วเสน ขณฺฑํ ชาตํ เอตสฺสาติ ขณฺฑิโต, ปุคฺคโลฯ ตสฺส ภาโว ขณฺฑิจฺจํฯ ปลิตํ เอตสฺส อตฺถีติ ปลิโต, ตสฺส ภาโว ปาลิจฺจํฯ วลิ ตโจ เอตสฺสาติ วลิตฺตโจ, ตสฺส ภาโว วลิตฺตจตาอิเม ขณฺฑิจฺจาทโย ชราฯ วิการานํ ทสฺสนวเสนาติ วิปตฺติทสฺสนวเสนฯ วาตสฺสาติ มหโต วาตกฺขนฺธสฺสฯ ขณฺฑิจฺจาทิวเสน คตมโคฺค ปากโฎ, ตสฺมา ขณฺฑิจฺจาทิคฺคหณํ ชราย กิจฺจนิเทฺทโสติ วุตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ น จ ขณฺฑิจฺจาทีเนว ชราติ กลลกาลโต ปภุติ ปุริมรูปานํ ชราปตฺตกฺขเณ อุปฺปชฺชมานานิ ปจฺฉิมรูปานิ ปริปกฺกรูปานุรูปานิ ปริณตปริณตานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ อนุกฺกเมน สุปริณตรูปานํ ปริปากกาเล อุปฺปชฺชมานานิ ขณฺฑิจฺจาทิสภาวานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตานิ อุทกาทิมเคฺคสุ ติณรุกฺขสํภคฺคตาทโย วิย ปริปากคตมคฺคสงฺขาเตสุ ปริปกฺกรูเปสุ อุปฺปนฺนานิ ‘‘ชราย คโต มโคฺค’’อิเจฺจว วุตฺตานิ, น ชราติฯ

    Gatijātivasenāti (saṃ. ni. ṭī. 2.1.2) pañcagativasena, tatthāpi ekekāya gatiyā khattiyādibhummadevādihatthiādijātivasena ca. Nikiyyanti sattā ettha, etena vāti nikāyo, gottacaraṇādivibhāgo. Jarāya sabhāvo nāma vayohāni, tasmā jarāti vayohānisaṅkhātassa sabhāvassa niddeso, pākaṭajarāvasena niddeso khaṇḍiccādivasena gahaṇato. Jīraṇameva jīraṇatā, jīrantassa vā ākāro tā-saddena vutto. Tenāha ‘‘ayaṃ ākāraniddeso’’ti. Dantādīnaṃ vasena khaṇḍaṃ jātaṃ etassāti khaṇḍito, puggalo. Tassa bhāvo khaṇḍiccaṃ. Palitaṃ etassa atthīti palito, tassa bhāvo pāliccaṃ. Vali taco etassāti valittaco, tassa bhāvo valittacatā. Ime khaṇḍiccādayo jarā. Vikārānaṃ dassanavasenāti vipattidassanavasena. Vātassāti mahato vātakkhandhassa. Khaṇḍiccādivasena gatamaggo pākaṭo, tasmā khaṇḍiccādiggahaṇaṃ jarāya kiccaniddesoti vuttanti dasseti. Na ca khaṇḍiccādīneva jarāti kalalakālato pabhuti purimarūpānaṃ jarāpattakkhaṇe uppajjamānāni pacchimarūpāni paripakkarūpānurūpāni pariṇatapariṇatāni uppajjantīti anukkamena supariṇatarūpānaṃ paripākakāle uppajjamānāni khaṇḍiccādisabhāvāni uppajjanti, tāni udakādimaggesu tiṇarukkhasaṃbhaggatādayo viya paripākagatamaggasaṅkhātesu paripakkarūpesu uppannāni ‘‘jarāya gato maggo’’icceva vuttāni, na jarāti.

    ปกติยาติ ผลวิปจฺจนปกติยา, ชราย วา ปาปุณิตพฺพํ ผลเมวปกติ, ตาย ชรา ทีปิตาฯ สุปฺปสนฺนานีติ สุฎฺฐุ ปสนฺนานิฯ ตเมว สุปฺปสนฺนตํ กิจฺจโต ทเสฺสตุํ ‘‘สุขุมมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ติกฺขวิสทตา หิ เตสํ อินฺทฺริยานํ สุปฺปสนฺนตาฯ อาลุฬิตานีติ อากุลานิฯ อวิสทานีติ อพฺยตฺตานิฯ

    Pakatiyāti phalavipaccanapakatiyā, jarāya vā pāpuṇitabbaṃ phalamevapakati, tāya jarā dīpitā. Suppasannānīti suṭṭhu pasannāni. Tameva suppasannataṃ kiccato dassetuṃ ‘‘sukhumampī’’tiādi vuttaṃ. Tikkhavisadatā hi tesaṃ indriyānaṃ suppasannatā. Āluḷitānīti ākulāni. Avisadānīti abyattāni.

    กามํ รูปธเมฺมสุปิ ขณิกชรา ทุรุปลกฺขิตา ปฎิจฺฉนฺนาว, สา ปน ยสฺมา สนฺตานวเสน ปวตฺติยา ปริพฺยตฺตาว โหตีติ ‘‘ปากฎชรา’’อิเจฺจว วุตฺตาฯ อวีจิ นิรนฺตรา ชรา อวีจิชรา สติ สนฺตาเน สตฺตานํ อนุปฺปพนฺธโตฯ ตโต อเญฺญสูติ มนฺททสกาทีสุ ปุพฺพทสกาทิปริเจฺฉทโต อเญฺญสุ ยถาวุเตฺตสุฯ อนฺตรนฺตราติ เตสุ เอว วุตฺตปฺปกาเรสุ ปุริมทสกาทิโต ปจฺฉิมทสกาทีนํ อนฺตรนฺตราฯ วณฺณวิเสสาทีนนฺติ วณฺณวิเสสสณฺฐานวิเสสสมฺผสฺสวิเสสาทีนํฯ

    Kāmaṃ rūpadhammesupi khaṇikajarā durupalakkhitā paṭicchannāva, sā pana yasmā santānavasena pavattiyā paribyattāva hotīti ‘‘pākaṭajarā’’icceva vuttā. Avīci nirantarā jarā avīcijarā sati santāne sattānaṃ anuppabandhato. Tato aññesūti mandadasakādīsu pubbadasakādiparicchedato aññesu yathāvuttesu. Antarantarāti tesu eva vuttappakāresu purimadasakādito pacchimadasakādīnaṃ antarantarā. Vaṇṇavisesādīnanti vaṇṇavisesasaṇṭhānavisesasamphassavisesādīnaṃ.

    วจนกวเสนาติ ก-กาเรน หิ ปทํ วเฑฺฒตฺวา วุตฺตํ, ตสฺมา จวนํ จุตีติ วุตฺตํ โหติฯ ตํ ปน เอกจตุปญฺจโวการภเวสุ จุติยา อวิเสสโต คหณนฺติ อาห ‘‘เอกจตุปญฺจกฺขนฺธานํ สามญฺญวจน’’นฺติฯ จวนกวเสนาติ วา จวนกสฺส ปุคฺคลสฺส วเสนาติ อโตฺถฯ จวนเมว จวนตาติ อาห ‘‘ภาววจเนนา’’ติฯ ลกฺขณนิทสฺสนนฺติ วยสงฺขาตสฺส ลกฺขณสฺส นิทสฺสนํฯ จวนฺตสฺส วา อากาโร ตา-สเทฺทน วุโตฺต ‘‘จวนตา’’ติฯ ภิชฺชนํ เภโทติ วุตฺตํ ‘‘จุติกฺขนฺธานํ ภงฺคุปฺปตฺติปริทีปน’’นฺติฯ ยถา ภินฺนสฺส ฆฎสฺส เกนจิ ปริยาเยน ฆนฆฎภาเวน ฐานํ นตฺถิ, เอวํ ภินฺนานํ ขนฺธานนฺติ จวนํ อนฺตรหิตํ นามาติ อาห ‘‘อนฺตรธานนฺติ…เป.… ปริทีปน’’นฺติฯ โย มจฺจูติ วุจฺจติ เภโท, ยญฺจ มรณํ ปาณจาโค, ตทุภยํ เอกชฺฌํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘มจฺจุ มรณ’’นฺติ เอวํ วา เอตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ กาลสฺส อนฺตกสฺส กิริยาติ ยา โลเก วุจฺจติ, สา จุติ, มรณนฺติ อโตฺถฯ จวนกาโล เอว วา อนติกฺกมนียตฺตา วิเสเสน กาโลติ วุโตฺตติ ตสฺส กิริยา อตฺถโต จุติกฺขนฺธานํ เภทปฺปตฺติเยวฯ ‘‘จุติ จวนตา’’ติอาทินา ปุเพฺพ โวหารมิสฺสเกน นิทฺทิฎฺฐํฯ

    Vacanakavasenāti ka-kārena hi padaṃ vaḍḍhetvā vuttaṃ, tasmā cavanaṃ cutīti vuttaṃ hoti. Taṃ pana ekacatupañcavokārabhavesu cutiyā avisesato gahaṇanti āha ‘‘ekacatupañcakkhandhānaṃ sāmaññavacana’’nti. Cavanakavasenāti vā cavanakassa puggalassa vasenāti attho. Cavanameva cavanatāti āha ‘‘bhāvavacanenā’’ti. Lakkhaṇanidassananti vayasaṅkhātassa lakkhaṇassa nidassanaṃ. Cavantassa vā ākāro tā-saddena vutto ‘‘cavanatā’’ti. Bhijjanaṃ bhedoti vuttaṃ ‘‘cutikkhandhānaṃ bhaṅguppattiparidīpana’’nti. Yathā bhinnassa ghaṭassa kenaci pariyāyena ghanaghaṭabhāvena ṭhānaṃ natthi, evaṃ bhinnānaṃ khandhānanti cavanaṃ antarahitaṃ nāmāti āha ‘‘antaradhānanti…pe… paridīpana’’nti. Yo maccūti vuccati bhedo, yañca maraṇaṃ pāṇacāgo, tadubhayaṃ ekajjhaṃ katvā vuttaṃ ‘‘maccu maraṇa’’nti evaṃ vā ettha attho daṭṭhabbo. Kālassa antakassa kiriyāti yā loke vuccati, sā cuti, maraṇanti attho. Cavanakālo eva vā anatikkamanīyattā visesena kāloti vuttoti tassa kiriyā atthato cutikkhandhānaṃ bhedappattiyeva. ‘‘Cuti cavanatā’’tiādinā pubbe vohāramissakena niddiṭṭhaṃ.

    อิทานิ นิพฺพตฺติตปรมตฺถนเยเนว นิเทฺทโสติ ทเสฺสตุํ ‘‘ปรมเตฺถน ทีเปตุ’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘จวนกวเสนา’’ติอาทินา หิ ปุคฺคลวเสน จ โวหาราธิฎฺฐานา สํวณฺณนา กตาฯ น กิญฺจิ กเฬวรํ นิกฺขิปกิ โอปปาติกานํ จุติกฺขนฺธานํ อนฺตรธานเมวโหติ, ตโต ปรํ อุตุสมุฎฺฐานรูปสนฺตติ น ปวตฺตติฯ ‘‘ชาติสมุทยา’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ‘‘ตณฺหาสมุทยา’’ติอาทีสุ วุตฺตนยเนว สกฺกา วิญฺญาตุนฺติ น วุตฺตํฯ

    Idāni nibbattitaparamatthanayeneva niddesoti dassetuṃ ‘‘paramatthena dīpetu’’nti vuttaṃ. ‘‘Cavanakavasenā’’tiādinā hi puggalavasena ca vohārādhiṭṭhānā saṃvaṇṇanā katā. Na kiñci kaḷevaraṃ nikkhipaki opapātikānaṃ cutikkhandhānaṃ antaradhānamevahoti, tato paraṃ utusamuṭṭhānarūpasantati na pavattati. ‘‘Jātisamudayā’’tiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ ‘‘taṇhāsamudayā’’tiādīsu vuttanayaneva sakkā viññātunti na vuttaṃ.

    ชรามรณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Jarāmaraṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ชาติวารวณฺณนา

    Jātivāravaṇṇanā

    ๙๓. ชายนเฎฺฐนาติอาทิ อายตนวเสน โยนิวเสน จ ทฺวีหิ ทฺวีหิ ปเทหิ สพฺพสเตฺต ปริยาทิยิตฺวา ชาติํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ สโมฺมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฎฺฐ. ๑๙๑) ปน ‘‘ชายมานกวเสน ชาติ, สญฺชายนวเสน สญฺชาตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตตฺถ เอเกเกเนว ปเทน สพฺพสเตฺต ปริยาทิยิตฺวา ชาติํ ทเสฺสตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ สมฺปุณฺณา ชาติ สญฺชาตีติ กตฺวา ‘‘สา ปริปุณฺณายตนวเสน ยุตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ เอเตเนว เกวลํ ชาติสเทฺทน วุตฺตาย ชาติยา อปริปุณฺณายตนตา ทฎฺฐพฺพาฯ อภิพฺยตฺตา นิพฺพตฺติ อภินิพฺพตฺติ, ปากฎา นิพฺพตฺตีติ อโตฺถฯ ‘‘เตสํ เตสํ สตฺตานํ…เป.… อภินิพฺพตฺตี’’ติ สตฺตวเสน ปวตฺตตฺตา โวหารเทสนา

    93.Jāyanaṭṭhenātiādi āyatanavasena yonivasena ca dvīhi dvīhi padehi sabbasatte pariyādiyitvā jātiṃ dassetuṃ vuttaṃ. Sammohavinodaniyaṃ (vibha. aṭṭha. 191) pana ‘‘jāyamānakavasena jāti, sañjāyanavasena sañjātī’’ti vuttattā tattha ekekeneva padena sabbasatte pariyādiyitvā jātiṃ dassetīti daṭṭhabbaṃ. Sampuṇṇā jāti sañjātīti katvā ‘‘sā paripuṇṇāyatanavasena yuttā’’ti vuttaṃ. Eteneva kevalaṃ jātisaddena vuttāya jātiyā aparipuṇṇāyatanatā daṭṭhabbā. Abhibyattā nibbatti abhinibbatti, pākaṭā nibbattīti attho. ‘‘Tesaṃ tesaṃ sattānaṃ…pe… abhinibbattī’’ti sattavasena pavattattā vohāradesanā.

    ตตฺร ตตฺราติ เอตฺถ จตุโวการภเว ทฺวินฺนํ, เอกโวการภเว ทฺวินฺนํ, เสสรูปธาตุยํ ปฎิสนฺธิกฺขเณ อุปฺปชฺชมานานํ ปญฺจนฺนํ, กามธาตุยํ วิกลาวิกลินฺทฺริยวเสน สตฺตนฺนํ นวนฺนํ ทสนฺนํ, ปุน ทสนฺนํ, เอกาทสนฺนญฺจ อายตนานํ วเสน สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ ยทิปิ จุติกฺขนฺธา อนนฺตรานํ ปฎิสนฺธิกธมฺมานํ อนนฺตราทินา ปจฺจยา โหนฺติ, เย ปน สมุทยา อชนกา, เต เอตฺถ อุปปตฺติภโวติ อธิเปฺปตาฯ ชนโก เอว ภโวติ อธิเปฺปโตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ชาติยา ปจฺจยภูโต กมฺมภโว เวทิตโพฺพ’’ติ อาหฯ

    Tatratatrāti ettha catuvokārabhave dvinnaṃ, ekavokārabhave dvinnaṃ, sesarūpadhātuyaṃ paṭisandhikkhaṇe uppajjamānānaṃ pañcannaṃ, kāmadhātuyaṃ vikalāvikalindriyavasena sattannaṃ navannaṃ dasannaṃ, puna dasannaṃ, ekādasannañca āyatanānaṃ vasena saṅgaho veditabbo. Yadipi cutikkhandhā anantarānaṃ paṭisandhikadhammānaṃ anantarādinā paccayā honti, ye pana samudayā ajanakā, te ettha upapattibhavoti adhippetā. Janako eva bhavoti adhippetoti dassento ‘‘jātiyā paccayabhūto kammabhavo veditabbo’’ti āha.

    ชาติวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Jātivāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ภววารวณฺณนา

    Bhavavāravaṇṇanā

    ๙๔. ภาวนภวนเฎฺฐน ภโว ทุวิโธฯ ตตฺถ กมฺมภโว ‘‘ภวติ เอตสฺมา อุปปตฺติภโว’’ติ ภาวนเฎฺฐน ภโวฯ อฎฺฐกถายํ ปน อุปปตฺติภวํ ‘‘ภวตีติ ภโว’’ติ วตฺวา ตสฺส การณตฺตา กมฺมํ ผลูปจาเรน ภโวติ อยมโตฺถ วุโตฺต, อุภยตฺถาปิ อุปปตฺติภวเหตุภาวเนตฺถ กมฺมสฺส กมฺมภวปริยาโยติ ทสฺสิตํ โหติฯ สพฺพถาปีติ ภาวนภวนกุสลากุสลอุปปตฺติสมฺปตฺติภวหีนปณีตาทินา สพฺพปฺปกาเรนปิฯ กามภโวติ วุตฺตํ กามตณฺหาเหตุกโต กามตณฺหาย อารมฺมณภาวโต จฯ รูปภวูปคกมฺมํ รูปภโว, ตถา อรูปภวูปคกมฺมํ อรูปภโว, ตํตํนิพฺพตฺตกฺขนฺธา รูปารูปุปตฺติภวา, รูปารูปภวภาโว ปน เตสํ ‘‘กามภโว’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ

    94. Bhāvanabhavanaṭṭhena bhavo duvidho. Tattha kammabhavo ‘‘bhavati etasmā upapattibhavo’’ti bhāvanaṭṭhena bhavo. Aṭṭhakathāyaṃ pana upapattibhavaṃ ‘‘bhavatīti bhavo’’ti vatvā tassa kāraṇattā kammaṃ phalūpacārena bhavoti ayamattho vutto, ubhayatthāpi upapattibhavahetubhāvanettha kammassa kammabhavapariyāyoti dassitaṃ hoti. Sabbathāpīti bhāvanabhavanakusalākusalaupapattisampattibhavahīnapaṇītādinā sabbappakārenapi. Kāmabhavoti vuttaṃ kāmataṇhāhetukato kāmataṇhāya ārammaṇabhāvato ca. Rūpabhavūpagakammaṃ rūpabhavo, tathā arūpabhavūpagakammaṃ arūpabhavo, taṃtaṃnibbattakkhandhā rūpārūpupattibhavā, rūpārūpabhavabhāvo pana tesaṃ ‘‘kāmabhavo’’ti ettha vuttanayeneva veditabbo.

    ภววารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Bhavavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    อุปาทานวารวณฺณนา

    Upādānavāravaṇṇanā

    ๙๕. อุปาทานนฺติ จตุพฺพิธมฺปิ อุปาทานํฯ ยถา หิ กามสฺสาทวเสน, ภวสฺสาทวเสน วา ตํตํสุคติภวูปคํ กมฺมํ กโรนฺตสฺส กามุปาทานํ, เอวํ อุเจฺฉทาทิมิจฺฉาภินิเวสวเสนาติ จตฺตาริปิ อุปาทานานิ ยถารหํ ตสฺส ตสฺส กุสลกมฺมภวสฺส อุปนิสฺสยวเสเนว ปจฺจยา โหนฺติ, อกุสลกมฺมภวสฺส อสหชาตสฺส อนนฺตรสฺส อุปนิสฺสยวเสนปิ อารมฺมณวเสนปิ ฯ สหชาตสฺส กามุปาทานํ สหชาต-อญฺญมญฺญ-นิสฺสย-สมฺปยุตฺต-อตฺถิ-อวิคต-เหตุ-วเสน สตฺตธา, เสสอุปาทานานิ ตตฺถ เหตุปจฺจยภาวํ ปหาย มคฺคปจฺจยํ ปกฺขิปิตฺวา สตฺตธาว ปจฺจยา โหนฺติฯ อนนฺตรสฺส ปน อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตาเสวนวเสน ปจฺจยา โหนฺติฯ ตสฺสิทมฺปิ สหชาตาทีติ อาทิ-สเทฺทน สงฺคหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ วตฺถุกามํ อุปาทิยติ จิตฺตํ, ปุคฺคโล วา เอเตนาติ อโตฺถฯ นฺติ วตฺถุกามํฯ กาเมตีติ กาโม จ โส อุปาทิยตีติ อุปาทานญฺจาติ โยชนาฯ วุตฺตนเยนาติ อภิธเมฺม วุตฺตนเยนฯ

    95.Upādānanti catubbidhampi upādānaṃ. Yathā hi kāmassādavasena, bhavassādavasena vā taṃtaṃsugatibhavūpagaṃ kammaṃ karontassa kāmupādānaṃ, evaṃ ucchedādimicchābhinivesavasenāti cattāripi upādānāni yathārahaṃ tassa tassa kusalakammabhavassa upanissayavaseneva paccayā honti, akusalakammabhavassa asahajātassa anantarassa upanissayavasenapi ārammaṇavasenapi . Sahajātassa kāmupādānaṃ sahajāta-aññamañña-nissaya-sampayutta-atthi-avigata-hetu-vasena sattadhā, sesaupādānāni tattha hetupaccayabhāvaṃ pahāya maggapaccayaṃ pakkhipitvā sattadhāva paccayā honti. Anantarassa pana anantarasamanantaraanantarūpanissayanatthivigatāsevanavasena paccayā honti. Tassidampi sahajātādīti ādi-saddena saṅgahitanti daṭṭhabbaṃ. Vatthukāmaṃ upādiyati cittaṃ, puggalo vā etenāti attho. Tanti vatthukāmaṃ. Kāmetīti kāmo ca so upādiyatīti upādānañcāti yojanā. Vuttanayenāti abhidhamme vuttanayena.

    สสฺสโต อตฺตาติ อิทํ ปุริมทิฎฺฐิํ อุปาทิยมานํ อุตฺตรทิฎฺฐิํ นิทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ยถา เอสา ทิฎฺฐิ ทฬฺหีกรณวเสน ปุริมํ ปุริมํ อุตฺตรา อุตฺตรา อุปาทิยติ, เอวํ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิกาปีติฯ อตฺตคฺคหณํ ปน อตฺตวาทุปาทานนฺติ นยิทํ ทิฎฺฐุปาทานทสฺสนนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ โลโก จาติ อตฺตคฺคหณวินิมุตฺตคหณํ ทิฎฺฐุปาทานภูตํ อิธ ปุริมทิฎฺฐิอุตฺตรทิฎฺฐิวจเนหิ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ สพฺพทิฎฺฐิคตสฺส ‘‘ทิฎฺฐุปาทาน’’นฺติ เอตํ อธิวจนํ ‘‘สพฺพาปิ ทิฎฺฐิ ทิฎฺฐุปาทาน’’นฺติ วจนโตฯ

    Sassato attāti idaṃ purimadiṭṭhiṃ upādiyamānaṃ uttaradiṭṭhiṃ nidassetuṃ vuttaṃ. Yathā esā diṭṭhi daḷhīkaraṇavasena purimaṃ purimaṃ uttarā uttarā upādiyati, evaṃ ‘‘natthi dinna’’ntiādikāpīti. Attaggahaṇaṃ pana attavādupādānanti nayidaṃ diṭṭhupādānadassananti daṭṭhabbaṃ. Loko cāti attaggahaṇavinimuttagahaṇaṃ diṭṭhupādānabhūtaṃ idha purimadiṭṭhiuttaradiṭṭhivacanehi vuttanti veditabbaṃ. Sabbadiṭṭhigatassa ‘‘diṭṭhupādāna’’nti etaṃ adhivacanaṃ ‘‘sabbāpi diṭṭhi diṭṭhupādāna’’nti vacanato.

    สีลพฺพตํ อุปาทิยนฺตีติ สีลพฺพตํ ‘‘สุทฺธิมโคฺค’’ติ อุปาทิยนฺติฯ เอเตน มิจฺฉาภินิเวเสนฯ สยํ วา ตํ มิจฺฉาภินิเวสสหคตํฯ สีลพฺพตสหจรณโต สีลพฺพตญฺจ ตํ ทฬฺหคฺคาหภาวโต อุปาทานญฺจาติ สีลพฺพตุปาทานํเอวํ สุทฺธีติ อภินิเวสโตติ เอวํ โคสีลโควตาทิจรเณน สํสารสุทฺธีติ อภินิเวสภาวโตฯ เอเตน ตํ สหจรณโต อภินิเวสสฺส ตํสทฺทารหตํ ทเสฺสติฯ

    Sīlabbataṃ upādiyantīti sīlabbataṃ ‘‘suddhimaggo’’ti upādiyanti. Etena micchābhinivesena. Sayaṃ vā taṃ micchābhinivesasahagataṃ. Sīlabbatasahacaraṇato sīlabbatañca taṃ daḷhaggāhabhāvato upādānañcāti sīlabbatupādānaṃ. Evaṃ suddhīti abhinivesatoti evaṃ gosīlagovatādicaraṇena saṃsārasuddhīti abhinivesabhāvato. Etena taṃ sahacaraṇato abhinivesassa taṃsaddārahataṃ dasseti.

    วทนฺตีติ ‘‘อตฺถิ เม อตฺตา’’ติอาทินา โวหรนฺติฯ เอเตน ทิฎฺฐิคเตนฯ อตฺตวาทมตฺตเมวาติ อตฺตาติ วาจามตฺตเมวฯ เอเตน วาจาวตฺถุมตฺตเมตํ, ยทิทํ พาหิรกปริกปฺปิโต อตฺตาติ ทเสฺสติฯ

    Vadantīti ‘‘atthi me attā’’tiādinā voharanti. Etena diṭṭhigatena. Attavādamattamevāti attāti vācāmattameva. Etena vācāvatthumattametaṃ, yadidaṃ bāhirakaparikappito attāti dasseti.

    ตณฺหา กามุปาทานสฺสาติ เอตฺถ ‘‘ตตฺถ กตมํ กามุปาทานํ? โย กาเมสุ กามจฺฉโนฺท กามราโค กามนนฺที กามตณฺหา กามเสฺนโห กามปริฬาโห กามมุจฺฉา กามโชฺฌสานํฯ อิทํ วุจฺจติ กามุปาทาน’’นฺติ วจนโต ตณฺหาทฬฺหตฺตํ กามุปาทานํฯ ตณฺหาทฬฺหตฺตนฺติ จ ปุริมตณฺหาอุปนิสฺสยปจฺจยโต ทฬฺหภูตา อุตฺตรตณฺหา เอวฯ เกจิ ปนาหุ –

    Taṇhākāmupādānassāti ettha ‘‘tattha katamaṃ kāmupādānaṃ? Yo kāmesu kāmacchando kāmarāgo kāmanandī kāmataṇhā kāmasneho kāmapariḷāho kāmamucchā kāmajjhosānaṃ. Idaṃ vuccati kāmupādāna’’nti vacanato taṇhādaḷhattaṃ kāmupādānaṃ. Taṇhādaḷhattanti ca purimataṇhāupanissayapaccayato daḷhabhūtā uttarataṇhā eva. Keci panāhu –

    ‘‘อปฺปตฺตวิสยปตฺถนา ตณฺหา อนฺธกาเร โจรสฺสหตฺถปฺปสารณํ วิย, สมฺปตฺตวิสยคฺคหณํ อุปาทานํ ตเสฺสว ภณฺฑคฺคหณํ วิยา’’ติฯ อปฺปิจฺฉสนฺตุฎฺฐิปฎิปกฺขา เอเต ธมฺมา ปริเยสนารกฺขทุกฺขมูลานิ, ตสฺมา วุตฺตลกฺขณา ตณฺหา วุตฺตลกฺขณเสฺสว อุปาทานสฺส อนานนฺตรสฺส อุปนิสฺสยวเสน ปจฺจโย, อารมฺมณาทิวเสนปิ ปจฺจโย โหติเยว, อนนฺตราทีนํ ปน อนนฺตราทิวเสน ปจฺจโยฯ สพฺพสฺสปิ หิ โลภสฺส ตณฺหาปริยาโยปิ กามุปาทานปริยาโยปิ ลพฺภเตวาติฯ อวเสสานนฺติ ทิฎฺฐุปาทานาทีนํฯ สหชาตาทิวเสนาติ สหชาตานํ สหชาตาทิวเสน, อสหชาตานํ อนนฺตรอุปนิสฺสยาทิวเสนาติ สพฺพํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    ‘‘Appattavisayapatthanā taṇhā andhakāre corassahatthappasāraṇaṃ viya, sampattavisayaggahaṇaṃ upādānaṃ tasseva bhaṇḍaggahaṇaṃ viyā’’ti. Appicchasantuṭṭhipaṭipakkhā ete dhammā pariyesanārakkhadukkhamūlāni, tasmā vuttalakkhaṇā taṇhā vuttalakkhaṇasseva upādānassa anānantarassa upanissayavasena paccayo, ārammaṇādivasenapi paccayo hotiyeva, anantarādīnaṃ pana anantarādivasena paccayo. Sabbassapi hi lobhassa taṇhāpariyāyopi kāmupādānapariyāyopi labbhatevāti. Avasesānanti diṭṭhupādānādīnaṃ. Sahajātādivasenāti sahajātānaṃ sahajātādivasena, asahajātānaṃ anantaraupanissayādivasenāti sabbaṃ heṭṭhā vuttanayeneva veditabbaṃ.

    อุปาทานวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Upādānavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ตณฺหาวารวณฺณนา

    Taṇhāvāravaṇṇanā

    ๙๖. ‘‘จกฺขุสมฺผโสฺส’’ติอาทิ ผสฺสสฺส มาติโต นามํ วิย ปุตฺตสฺส วตฺถุโต ตสฺส นิสฺสยภาเวน อุปฺปตฺติเหตุตฺตา, อารมฺมณํ ปน เกวลํ อุปฺปตฺติเหตูติ วุตฺตํ ‘‘เสฎฺฐิ…เป.… นาม’’นฺติฯ กามราคภาเวนาติ วตฺถุกามสฺส รชฺชนวเสนฯ รูปํ อสฺสาเทนฺตีติ รุปารมฺมณํ ตณฺหาภินนฺทนาวเสน อภิรมมานา เอว อสฺสาเทนฺตีฯ นิจฺจนฺติอาทินา ทิฎฺฐาภินนฺทนามุเขน รูปํ อภิรมนฺตีฯ เปจฺจ น ภวิสฺสตีติ ภิชฺชิตฺวา น โหติ ปุน อนุปฺปชฺชนโตฯ ตถา สทฺทกณฺหาทโยปีติ ยถา รูปตณฺหา กามราคภาเวน สสฺสตราควเสน อุเจฺฉทราควเสนาติ จ ปวตฺติยา ติโสฺส ตณฺหา, ตถา สทฺทตณฺหา คนฺธรสโผฎฺฐพฺพธมฺมตณฺหาปิฯ ตณฺหาวิจริตานีติ ตณฺหาสมุทาจารา, สมุทาจารวเสน ปวตฺตตณฺหาติ อโตฺถฯ

    96. ‘‘Cakkhusamphasso’’tiādi phassassa mātito nāmaṃ viya puttassa vatthuto tassa nissayabhāvena uppattihetuttā, ārammaṇaṃ pana kevalaṃ uppattihetūti vuttaṃ ‘‘seṭṭhi…pe… nāma’’nti. Kāmarāgabhāvenāti vatthukāmassa rajjanavasena. Rūpaṃ assādentīti rupārammaṇaṃ taṇhābhinandanāvasena abhiramamānā eva assādentī. Niccantiādinā diṭṭhābhinandanāmukhena rūpaṃ abhiramantī. Pecca na bhavissatīti bhijjitvā na hoti puna anuppajjanato. Tathā saddakaṇhādayopīti yathā rūpataṇhā kāmarāgabhāvena sassatarāgavasena ucchedarāgavasenāti ca pavattiyā tisso taṇhā, tathā saddataṇhā gandharasaphoṭṭhabbadhammataṇhāpi. Taṇhāvicaritānīti taṇhāsamudācārā, samudācāravasena pavattataṇhāti attho.

    อชฺฌตฺติกสฺสุปาทายาติ (วิภ. อฎฺฐ. ๙๗๓; สํ. นิ. ฎี. ๒.๒.๒) อชฺฌตฺติกํ ขนฺธปญฺจกํ อุปาทายฯ อุปโยคเตฺถ หิ อิทํ สามิวจนํฯ อสฺมีติ โหตีติ ยเทตํ อชฺฌตฺตํ ขนฺธปญฺจกํ อุปาทาย ตณฺหามานทิฎฺฐิวเสน สมูหคาหโต อสฺมีติ เอวํ โหติ, ตสฺมิํ สตีติ อโตฺถฯ อิตฺถสฺมีติ โหตีติ ขตฺติยาทีสุ ‘‘อิทํปกาโร อห’’นฺติ เอวํ ตณฺหามานทิฎฺฐิวเสน โหตีติ อิทเมตฺถ อนุปนิธาย คหณํฯ เอวมาทินาติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘เอวํสฺมีติ, อญฺญถาสฺมีติ, ภวิสฺสนฺติ, อิตฺถํ ภวิสฺสนฺติ, เอวํ ภวิสฺสนฺติ, อญฺญถา ภวิสฺสนฺติ, อสสฺมีติ, สตสฺมีติ, สิยนฺติ, อิตฺถํ สิยนฺติ, เอวํ สิยนฺติ, อญฺญถา สิยนฺติ, อปาหํ สิยนฺติ, อปาหํ อิตฺถํ สิยนฺติ, อปาหํ เอวํ สิยนฺติ, อปาหํ อญฺญถา สิย’’นฺติ (วิภ. ๙๗๓) อิเมสํ ตณฺหาวิจริตานํ คหณํฯ ตตฺถ เอวํสฺมีติ อิทํ สมโต อุปนิธาย คหณํ, ยถา อยํ ขตฺติโย, ยถา อยํ พฺราหฺมโณ, เอวํ อหมฺปีติ อโตฺถฯ อญฺญถาสฺมีติ อิทํ อสมโณ อุปนิธาย คหณํ, ยถา อยํ ขตฺติโย, ยถา อยํ พฺราหฺมโณ, ตโต อญฺญถา อหํ หีโน วา อธิโก วาติ อโตฺถฯ อิติ อิมานิ ปุเพฺพ วุตฺตานิ เทฺวติ เอตานิ ปจฺจุปฺปนฺนวเสน จตฺตาริ ตณฺหาวิจริตานิฯ ภวิสฺสนฺติอาทีนิ ปน จตฺตาริ อนาคตวเสน วุตฺตานิฯ เตสํ ปุริมจตุเกฺก วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อสสฺมีติ อสตีติ อสํฯ นิจฺจเสฺสตํ อธิวจนํ, ตสฺมา สสฺสโต อสฺมีติ อโตฺถฯ สตสฺมีติ สีทตีติ สตํฯ อนิจฺจเสฺสตํ อธิวจนํ, ตสฺมา อสสฺสโต อสฺมีติ อโตฺถฯ อิติ อิมานิ เทฺว สสฺสตุเจฺฉทวเสน วุตฺตานิฯ อิโต ปรานิ สิยนฺติอาทีนิ จตฺตาริ สํสยปริวิตกฺกวเสน วุตฺตานิ, ตานิ ปุริมจตุเกฺก วุตฺตนเยน อตฺถโต เวทิตพฺพานิฯ อปาหํ สิยนฺติอาทีนิ จตฺตาริ ‘‘อปิ นามาหํ ภเวยฺย’’นฺติ เอวํ ปตฺถนากปฺปนวเสน วุตฺตานิ, ตานิ ปุริมจตุเกฺก วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ

    Ajjhattikassupādāyāti (vibha. aṭṭha. 973; saṃ. ni. ṭī. 2.2.2) ajjhattikaṃ khandhapañcakaṃ upādāya. Upayogatthe hi idaṃ sāmivacanaṃ. Asmīti hotīti yadetaṃ ajjhattaṃ khandhapañcakaṃ upādāya taṇhāmānadiṭṭhivasena samūhagāhato asmīti evaṃ hoti, tasmiṃ satīti attho. Itthasmīti hotīti khattiyādīsu ‘‘idaṃpakāro aha’’nti evaṃ taṇhāmānadiṭṭhivasena hotīti idamettha anupanidhāya gahaṇaṃ. Evamādināti ādi-saddena ‘‘evaṃsmīti, aññathāsmīti, bhavissanti, itthaṃ bhavissanti, evaṃ bhavissanti, aññathā bhavissanti, asasmīti, satasmīti, siyanti, itthaṃ siyanti, evaṃ siyanti, aññathā siyanti, apāhaṃ siyanti, apāhaṃ itthaṃ siyanti, apāhaṃ evaṃ siyanti, apāhaṃ aññathā siya’’nti (vibha. 973) imesaṃ taṇhāvicaritānaṃ gahaṇaṃ. Tattha evaṃsmīti idaṃ samato upanidhāya gahaṇaṃ, yathā ayaṃ khattiyo, yathā ayaṃ brāhmaṇo, evaṃ ahampīti attho. Aññathāsmīti idaṃ asamaṇo upanidhāya gahaṇaṃ, yathā ayaṃ khattiyo, yathā ayaṃ brāhmaṇo, tato aññathā ahaṃ hīno vā adhiko vāti attho. Iti imāni pubbe vuttāni dveti etāni paccuppannavasena cattāri taṇhāvicaritāni. Bhavissantiādīni pana cattāri anāgatavasena vuttāni. Tesaṃ purimacatukke vuttanayeneva attho veditabbo. Asasmīti asatīti asaṃ. Niccassetaṃ adhivacanaṃ, tasmā sassato asmīti attho. Satasmīti sīdatīti sataṃ. Aniccassetaṃ adhivacanaṃ, tasmā asassato asmīti attho. Iti imāni dve sassatucchedavasena vuttāni. Ito parāni siyantiādīni cattāri saṃsayaparivitakkavasena vuttāni, tāni purimacatukke vuttanayena atthato veditabbāni. Apāhaṃ siyantiādīni cattāri ‘‘api nāmāhaṃ bhaveyya’’nti evaṃ patthanākappanavasena vuttāni, tāni purimacatukke vuttanayeneva veditabbāni.

    เอตฺถ จ สสฺสตุเจฺฉทวเสน วุตฺตา เทฺว ทิฎฺฐิสีสา นาม, อสฺมิ, ภวิสฺสํ, สิยํ, อปาหํ สิยนฺติ เอเต ปน จตฺตาโร สุทฺธสีสา เอว, ‘‘อิตฺถสฺมี’’ติอาทโย ตโย ตโยติ ทฺวาทส สีสมูลกา นามฯ เอวเมตานิ เทฺว ทิฎฺฐิสีสา, จตฺตาโร สุทฺธสีสา, ทฺวาทส สีสมูลกาติ อชฺฌตฺติกสฺสุปาทาย อฎฺฐารสฺส ตณฺหาวิจริตานิ เวทิตพฺพานิฯ

    Ettha ca sassatucchedavasena vuttā dve diṭṭhisīsā nāma, asmi, bhavissaṃ, siyaṃ, apāhaṃ siyanti ete pana cattāro suddhasīsā eva, ‘‘itthasmī’’tiādayo tayo tayoti dvādasa sīsamūlakā nāma. Evametāni dve diṭṭhisīsā, cattāro suddhasīsā, dvādasa sīsamūlakāti ajjhattikassupādāya aṭṭhārassa taṇhāvicaritāni veditabbāni.

    พาหิรสฺสุปาทายาติ พาหิรํ ขนฺธปญฺจกํ อุปาทายฯ อิทมฺปิ หิ อุปโยคเตฺถ สามิวจนํฯ อิมินาติ อิมินา รุเปน วา…เป.… วิญฺญาเณน วาติ เอวํ รูปาทีสุ เอกเมว ‘‘อห’’นฺติ, อิตรํ กิญฺจนปลิโพธภาเวน คเหตฺวา ตณฺหาทิวเสน ‘‘อสฺมี’’ติ อภินิวิสติ, ‘‘อิมินา’’ติ อยเมตฺถ วิเสโสฯ อสฺมีติ อิมินา ขเคฺคน วา ฉเตฺตน วา อภิเสเกน วา ‘‘ขตฺติโยหมสฺมี’’ติ อภินิวิสติฯ พาหิรรูปาทินิสฺสิตานีติ พาหิรานิ ปรสนฺตติปริยาปนฺนานิ รูปเวทนาทีนิ นิสฺสิตานิฯ อฎฺฐารสาติ อิมินา ‘‘อสฺมี’’ติอาทินยปฺปวตฺตานิ อฎฺฐารส, ตานิ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ ‘‘อิมินา’’ติ หิ อยเมเวตฺถ วิเสโส, ตสฺมา ‘‘เทฺว ทิฎฺฐิสีสา’’ติอาทินา วุตฺตนเยเนว นิทฺธาเรตฺวา เวทิตพฺพาฯ อุภยํ ปน เอกชฺฌํ กตฺวา อาห ‘‘ฉตฺติํสา’’ติฯ

    Bāhirassupādāyāti bāhiraṃ khandhapañcakaṃ upādāya. Idampi hi upayogatthe sāmivacanaṃ. Imināti iminā rupena vā…pe… viññāṇena vāti evaṃ rūpādīsu ekameva ‘‘aha’’nti, itaraṃ kiñcanapalibodhabhāvena gahetvā taṇhādivasena ‘‘asmī’’ti abhinivisati, ‘‘iminā’’ti ayamettha viseso. Asmīti iminā khaggena vā chattena vā abhisekena vā ‘‘khattiyohamasmī’’ti abhinivisati. Bāhirarūpādinissitānīti bāhirāni parasantatipariyāpannāni rūpavedanādīni nissitāni. Aṭṭhārasāti iminā ‘‘asmī’’tiādinayappavattāni aṭṭhārasa, tāni pubbe vuttanayeneva veditabbāni. ‘‘Iminā’’ti hi ayamevettha viseso, tasmā ‘‘dve diṭṭhisīsā’’tiādinā vuttanayeneva niddhāretvā veditabbā. Ubhayaṃ pana ekajjhaṃ katvā āha ‘‘chattiṃsā’’ti.

    นิเทฺทสเตฺถนาติ ‘‘ฉยิเม อาวุโส ตณฺหากายา’’ติอาทินิเทฺทสปาฬิยา อตฺถวจเนนฯ นิเทฺทสวิตฺถาราติ ตสฺส จ นิเทฺทสสฺส อฎฺฐสตตณฺหาวิจริตวเสน วิตฺถาเรนฯ วิตฺถารสฺส จ ปุน สงฺคหโตติ ทฺวีหิ อากาเรหิ วิตฺถาริตสฺส อฎฺฐารสตณฺหาวิจริตปเภทสฺส ฉเฬว ติโสฺสเยวาติ จ ปุน สงฺคหณโต จฯ

    Niddesatthenāti ‘‘chayime āvuso taṇhākāyā’’tiādiniddesapāḷiyā atthavacanena. Niddesavitthārāti tassa ca niddesassa aṭṭhasatataṇhāvicaritavasena vitthārena. Vitthārassa ca puna saṅgahatoti dvīhi ākārehi vitthāritassa aṭṭhārasataṇhāvicaritapabhedassa chaḷeva tissoyevāti ca puna saṅgahaṇato ca.

    วิปากเวทนา อธิเปฺปตา วิเสสโต อตฺตานํ อสฺสาเทตพฺพโตฯ ตเมว หิสฺสา อสฺสาเทตพฺพตํ ปกาเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อสฺสาทเนนาติ อภิรติยาฯ มมายนฺตาติ ธนายนฺตาฯ จิตฺตการาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน อิฎฺฐวณฺณารมฺมณทายกานํ สงฺคโหฯ สิปฺปสนฺทสฺสนกาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน เวชฺชาทีนํ สงฺคโหฯ เวชฺชา หิ รสายตโนชาวเสน ตทุปตฺถมฺภิตวเสน จ ธมฺมารมฺมณสฺส ทายกาฯ สฺวายํ อาทิ-สโทฺท ‘‘วีณาวาทกาที’’ติอาทินา ปเจฺจกญฺจ โยเชตโพฺพ, ปุตฺตํ มมายนฺตาติ ปุตฺตํ สมฺปิยายนฺตาฯ ปุโตฺต วิย เจตฺถ เวทนา ทฎฺฐพฺพา, สปฺปายสปฺปิขีราทีนิ วิย เวทนาย ปจฺจยภูตานิ อิฎฺฐรูปาทิอารมฺมณานิ, ธาติ วิย รูปาทิฉฬารมฺมณทายกา จิตฺตการาทโย ทฎฺฐพฺพาฯ

    Vipākavedanā adhippetā visesato attānaṃ assādetabbato. Tameva hissā assādetabbataṃ pakāsetuṃ ‘‘katha’’ntiādi vuttaṃ. Assādanenāti abhiratiyā. Mamāyantāti dhanāyantā. Cittakārādīnanti ādi-saddena iṭṭhavaṇṇārammaṇadāyakānaṃ saṅgaho. Sippasandassanakādīnanti ādi-saddena vejjādīnaṃ saṅgaho. Vejjā hi rasāyatanojāvasena tadupatthambhitavasena ca dhammārammaṇassa dāyakā. Svāyaṃ ādi-saddo ‘‘vīṇāvādakādī’’tiādinā paccekañca yojetabbo, puttaṃ mamāyantāti puttaṃ sampiyāyantā. Putto viya cettha vedanā daṭṭhabbā, sappāyasappikhīrādīni viya vedanāya paccayabhūtāni iṭṭharūpādiārammaṇāni, dhāti viya rūpādichaḷārammaṇadāyakā cittakārādayo daṭṭhabbā.

    ตณฺหาวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Taṇhāvāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    เวทนาวารวณฺณนา

    Vedanāvāravaṇṇanā

    ๙๗. จกฺขุสมฺผสฺสชา เอว เวทนา อตีตาทิเภทภินฺนา ราสิวเสน เอกชฺฌํ คเหตฺวา เอโก เวทนากาโย ยถา เวทนากฺขโนฺธ, เอวํ โสตสมฺผสฺสชาทิกาติ ปาฬิยํ ‘‘ฉยิเม อาวุโส เวทนากายา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เวทนากายาติ เวทนาสมูหา’’ติฯ จกฺขุสมฺผสฺสโต ชาตา จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนาฯ สา ปน อุปาทินฺนาปิ อนุปาทินฺนาปิ, ตทุภยสฺสปิ สงฺคณฺหเนฺตน อตฺถวณฺณนาย กตตฺตา อาห ‘‘อยํ ตาเวตฺถ สพฺพสงฺคาหิกกถา’’ติฯ อิทานิ ‘‘วิปากวิธิ อย’’นฺติ อุปาทินฺนเยว คณฺหโนฺต ‘‘วิปากวเสนา’’ติอาทิมาหฯ มโนทฺวาเร มโนวิญฺญาณธาตุสมฺปยุตฺตาติ ตทารมฺมณมโนวิญฺญาณธาตุสมฺปยุตฺตาฯ

    97. Cakkhusamphassajā eva vedanā atītādibhedabhinnā rāsivasena ekajjhaṃ gahetvā eko vedanākāyo yathā vedanākkhandho, evaṃ sotasamphassajādikāti pāḷiyaṃ ‘‘chayime āvuso vedanākāyā’’ti vuttanti āha ‘‘vedanākāyāti vedanāsamūhā’’ti. Cakkhusamphassato jātā cakkhusamphassajā vedanā. Sā pana upādinnāpi anupādinnāpi, tadubhayassapi saṅgaṇhantena atthavaṇṇanāya katattā āha ‘‘ayaṃ tāvettha sabbasaṅgāhikakathā’’ti. Idāni ‘‘vipākavidhi aya’’nti upādinnayeva gaṇhanto ‘‘vipākavasenā’’tiādimāha. Manodvāre manoviññāṇadhātusampayuttāti tadārammaṇamanoviññāṇadhātusampayuttā.

    อวเสสานนฺติ สมฺปฎิจฺฉนาทิเวทนานํฯ อุปนิสฺสยาทีติ อาทิ-สเทฺทน อนนฺตราทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ อนนฺตรานญฺหิ อนนฺตราทิวเสน, อิตเรสํ อุปนิสฺสยวเสน ผโสฺส ปจฺจโย โหติ, มโนทฺวาเร ปน ตทารมฺมณเวทนานํ มโนสมฺผโสฺส อุปนิสฺสยวเสน ปจฺจโยฯ อทฺวาริกานนฺติ ทฺวารรหิตานํฯ น หิ ปฎิสนฺธิอาทิเวทนานํ กิญฺจิ ทฺวารํ อตฺถิฯ สหชาตมโนสมฺผสฺสสมุทยาติ เอเตนสฺส ตาสํ สหชาตโกฎิยา ปจฺจยภาวมาหฯ

    Avasesānanti sampaṭicchanādivedanānaṃ. Upanissayādīti ādi-saddena anantarādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Anantarānañhi anantarādivasena, itaresaṃ upanissayavasena phasso paccayo hoti, manodvāre pana tadārammaṇavedanānaṃ manosamphasso upanissayavasena paccayo. Advārikānanti dvārarahitānaṃ. Na hi paṭisandhiādivedanānaṃ kiñci dvāraṃ atthi. Sahajātamanosamphassasamudayāti etenassa tāsaṃ sahajātakoṭiyā paccayabhāvamāha.

    เวทนาวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vedanāvāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ผสฺสวารวณฺณนา

    Phassavāravaṇṇanā

    ๙๘. จกฺขุํ นิสฺสาย อุปฺปโนฺน สมฺผโสฺส จกฺขุสมฺผโสฺสปญฺจวตฺถุกาติ จกฺขาทิปญฺจวตฺถุกา จกฺขาทิปญฺจวตฺถุสนฺนิสฺสยาฯ ‘‘อุปาทินฺนกกถา เอสา’’ติ พาวีสติคฺคหณํ, ปวตฺติกถาภาวโต โลกิยคฺคหณํฯ วิปากมนสมฺปยุตฺตผสฺสาติ วิปากมโนวิญฺญาณสมฺปยุตฺตา ผสฺสาฯ ปจฺจยุปฺปเนฺนน วิย ปจฺจเยนปิ อุปาทินฺนเกเนว ภวิตพฺพนฺติ ‘‘ฉนฺนํ จกฺขาทีนํ อายตนาน’’นฺติ วุตฺตํฯ

    98. Cakkhuṃ nissāya uppanno samphasso cakkhusamphasso. Pañcavatthukāti cakkhādipañcavatthukā cakkhādipañcavatthusannissayā. ‘‘Upādinnakakathā esā’’ti bāvīsatiggahaṇaṃ, pavattikathābhāvato lokiyaggahaṇaṃ. Vipākamanasampayuttaphassāti vipākamanoviññāṇasampayuttā phassā. Paccayuppannena viya paccayenapi upādinnakeneva bhavitabbanti ‘‘channaṃ cakkhādīnaṃ āyatanāna’’nti vuttaṃ.

    ผสฺสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Phassavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    สฬายตนวารวณฺณนา

    Saḷāyatanavāravaṇṇanā

    ๙๙. นิทสฺสนมตฺตเญฺจตํ, ตสฺมา ยถา เอตฺถ อรูปโลกาเปกฺขาย ฉฎฺฐายตนญฺจ สฬายตนญฺจ สฬายตนนฺติ เอกเสโส อิจฺฉิตโพฺพ, เอวํ เยสํ ปจฺจยุปฺปโนฺน อุปาทิโนฺน, ปจฺจโย ปน อนุปาทิโนฺนติปิ อิจฺฉิตโพฺพฯ เตสํ มเตน พาหิรายตนวเสนปิ เอกเสโส เวทิตโพฺพ ‘‘ฉฎฺฐายตนญฺจ สฬายตนญฺจ สฬายตนญฺจ สฬายตน’’นฺติฯ วิสุทฺธิมโคฺคปิ อิมสฺส อาคมสฺส อตฺถสํวณฺณนาติ อาห ‘‘วิสุทฺธิมเคฺค…เป.… วุตฺตนยเมวา’’ติฯ เอส นโย อญฺญตฺถาปิ วิสุทฺธิมคฺคคฺคหเณฯ

    99. Nidassanamattañcetaṃ, tasmā yathā ettha arūpalokāpekkhāya chaṭṭhāyatanañca saḷāyatanañca saḷāyatananti ekaseso icchitabbo, evaṃ yesaṃ paccayuppanno upādinno, paccayo pana anupādinnotipi icchitabbo. Tesaṃ matena bāhirāyatanavasenapi ekaseso veditabbo ‘‘chaṭṭhāyatanañca saḷāyatanañca saḷāyatanañca saḷāyatana’’nti. Visuddhimaggopi imassa āgamassa atthasaṃvaṇṇanāti āha ‘‘visuddhimagge…pe… vuttanayamevā’’ti. Esa nayo aññatthāpi visuddhimaggaggahaṇe.

    สฬายตนวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saḷāyatanavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    นามรูปวารวณฺณนา

    Nāmarūpavāravaṇṇanā

    ๑๐๐. นมนลกฺขณนฺติ อารมฺมณาภิมุขํ นมนสภาวํ เตน วินา อปวตฺตนโตฯ รุปฺปนํ สีตาทิวิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติฯ อิเม ปน ตโยติอาทินา สพฺพจิตฺตุปฺปาทสาธารณวเสเนว ตํสงฺขารกฺขนฺธคฺคหณํ, ตสฺมา เย ยตฺถ อสาธารณา, เตปิ อตฺถโต คหิตาเยวาติ ทเสฺสติฯ

    100.Namanalakkhaṇanti ārammaṇābhimukhaṃ namanasabhāvaṃ tena vinā apavattanato. Ruppanaṃ sītādivirodhipaccayasannipāte visadisuppatti. Ime pana tayotiādinā sabbacittuppādasādhāraṇavaseneva taṃsaṅkhārakkhandhaggahaṇaṃ, tasmā ye yattha asādhāraṇā, tepi atthato gahitāyevāti dasseti.

    อุปาทิยิตฺวาติ ปจฺจเย กตฺวาฯ ปจฺจยกรณเมว หิ ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจยภูตธมฺมานํ อุปาทิยนํฯ สมูหสมฺพเนฺธ สามิวจนํ เอตนฺติ ‘‘สมูหเตฺถ เอตํ สามิวจน’’นฺติ วุตฺตํ เตน วินา สมฺพนฺธสฺส อภาวโตฯ เตนาติ ตสฺมาฯ ตํ สพฺพมฺปีติ ตํ ภูตุปาทายปเภทํ สพฺพมฺปิ สตฺตวีสติวิธํฯ ยสฺส นามสฺสาติ จตุโวการภเว นามสฺสฯ วิญฺญาณมฺปิ ตปฺปริยาปนฺนเมว เวทิตพฺพํฯ รูปสฺสาติ เอกโวการภเว รูปสฺสฯ วิญฺญาณํ ปน ปญฺจโวการภเว สงฺขารวิญฺญาณเมวฯ ยสฺส ปญฺจโวการภเว นามรูปสฺสฯ ตสฺส วเสนาติ สหชาตสฺส สหชาตาทิวเสน, อนนฺตรสฺส อนนฺตราทิวเสน, อิตรสฺส อุปนิสฺสยาทิวเสน ตสฺส นามสฺส ยถารหํ ตสฺส ตสฺส วิญฺญาณสฺส ปจฺจยภาโว เวทิตโพฺพฯ

    Upādiyitvāti paccaye katvā. Paccayakaraṇameva hi paccayuppannassa paccayabhūtadhammānaṃ upādiyanaṃ. Samūhasambandhe sāmivacanaṃ etanti ‘‘samūhatthe etaṃ sāmivacana’’nti vuttaṃ tena vinā sambandhassa abhāvato. Tenāti tasmā. Taṃ sabbampīti taṃ bhūtupādāyapabhedaṃ sabbampi sattavīsatividhaṃ. Yassa nāmassāti catuvokārabhave nāmassa. Viññāṇampi tappariyāpannameva veditabbaṃ. Rūpassāti ekavokārabhave rūpassa. Viññāṇaṃ pana pañcavokārabhave saṅkhāraviññāṇameva. Yassa pañcavokārabhave nāmarūpassa. Tassa vasenāti sahajātassa sahajātādivasena, anantarassa anantarādivasena, itarassa upanissayādivasena tassa nāmassa yathārahaṃ tassa tassa viññāṇassa paccayabhāvo veditabbo.

    นามรูปวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nāmarūpavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    วิญฺญาณวารวณฺณนา

    Viññāṇavāravaṇṇanā

    ๑๐๑. เตภูมกวิปากคฺคหเณ การณํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ สงฺขาโร ยสฺส วิญฺญาณสฺสาติ เอตฺถ อฎฺฐวิโธปิ กามาวจรปุญฺญาภิสงฺขาโร โสฬสวิธสฺส กามาวจรวิปากวิญฺญาณสฺส, ปญฺจวิโธปิ รูปาวจรปุญฺญาภิสงฺขาโร ปญฺจวิธสฺส รูปาวจรวิปากวิญฺญาณสฺส, ทฺวาทสวิโธปิ อปุญฺญาภิสงฺขาโร สตฺตวิธสฺส อกุสลวิปากวิญฺญาณสฺส, จตุพฺพิโธปิ อาเนญฺชาภิสงฺกาโร จตุพฺพิธสฺส อรูปาวจรวิปากวิญฺญาณสฺส ยถารหํ ปฎิสนฺธิปวตฺตีสุ กมฺมปจฺจเยน เจว อุปนิสฺสยปจฺจเยน จ ปจฺจโย โหติฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๖๒๐) วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ

    101.Tebhūmakavipākaggahaṇe kāraṇaṃ heṭṭhā vuttameva. Saṅkhāro yassa viññāṇassāti ettha aṭṭhavidhopi kāmāvacarapuññābhisaṅkhāro soḷasavidhassa kāmāvacaravipākaviññāṇassa, pañcavidhopi rūpāvacarapuññābhisaṅkhāro pañcavidhassa rūpāvacaravipākaviññāṇassa, dvādasavidhopi apuññābhisaṅkhāro sattavidhassa akusalavipākaviññāṇassa, catubbidhopi āneñjābhisaṅkāro catubbidhassa arūpāvacaravipākaviññāṇassa yathārahaṃ paṭisandhipavattīsu kammapaccayena ceva upanissayapaccayena ca paccayo hoti. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimagge (visuddhi. 2.620) vuttanayena veditabbo.

    วิญฺญาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Viññāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    สงฺขารวารวณฺณนา

    Saṅkhāravāravaṇṇanā

    ๑๐๒. อภิสงฺขรณลกฺขโณติ อภิสเญฺจตยิตสภาโว, อายูหนลกฺขโณติ อโตฺถฯ โจปนวเสนาติ กายวิญฺญตฺติสงฺขาตโจปนวเสนฯ เตน ปญฺจทฺวาริกเจตนา ปฎิกฺขิปติฯ วจนเภทวเสนาติ วาจานิจฺฉารณวเสนฯ วจีวิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปนวเสนาติ อโตฺถฯ ยถาวุตฺตา วีสติ, นว มหคฺคตกุสลเจตนา จาติ เอกูนติํส มโนสเญฺจตนา‘‘กุสลานํ อุปนิสฺสยวเสนา’’ติ วุตฺตํ, เอกจฺจานํ อารมฺมณวเสนปีติ วตฺตพฺพํฯ สหชาตาทิวเสนาติ สหชาต-อญฺญมญฺญ-นิสฺสย-สมฺปยุตฺต-อตฺถิ-อวิคตเหตุวเสน, อนนฺตรานํ อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตาเสวนเสน ปจฺจโยฯ อปิ-สเทฺทน อุปนิสฺสยํ สงฺคณฺหาติฯ

    102.Abhisaṅkharaṇalakkhaṇoti abhisañcetayitasabhāvo, āyūhanalakkhaṇoti attho. Copanavasenāti kāyaviññattisaṅkhātacopanavasena. Tena pañcadvārikacetanā paṭikkhipati. Vacanabhedavasenāti vācānicchāraṇavasena. Vacīviññattisamuṭṭhāpanavasenāti attho. Yathāvuttā vīsati, nava mahaggatakusalacetanā cāti ekūnatiṃsa manosañcetanā. ‘‘Kusalānaṃ upanissayavasenā’’ti vuttaṃ, ekaccānaṃ ārammaṇavasenapīti vattabbaṃ. Sahajātādivasenāti sahajāta-aññamañña-nissaya-sampayutta-atthi-avigatahetuvasena, anantarānaṃ anantarasamanantaraanantarūpanissayanatthivigatāsevanasena paccayo. Api-saddena upanissayaṃ saṅgaṇhāti.

    สงฺขารวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saṅkhāravāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    อวิชฺชาวารวณฺณนา

    Avijjāvāravaṇṇanā

    ๑๐๓. ‘‘ทุกฺขสเจฺจอญฺญาณ’’นฺติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ นฺติ อญฺญาณํฯ สติปิ ปหาตพฺพเตฺต ปริเญฺญยฺยตฺตวเสน อโนฺตคธํทุกฺขสจฺจญฺจสฺสาติ วตฺถุสงฺขาตํ สมฺปยุตฺตขนฺธสงฺขาตญฺจ ทุกฺขสจฺจํ อสฺส อญฺญาณสฺสฯ ตํ หิสฺส นิสฺสยปจฺจโย โหติฯ ตสฺสาติ ทุกฺขสจฺจสฺสฯ ยาถาวลกฺขณปฎิเวธนิวารเณนาติ สงฺขตอวิปรีตสภาวปฎิวิชฺฌนสฺส นิวารเณนฯ เอเตนสฺส ปริญฺญาภิสมยสงฺขาตสฺส อริยมคฺคปฎิเวธสฺส วิพนฺธกภาวมาหฯ ญาณปฺปวตฺติยาติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ ทุกฺข’’นฺติ อนุพุชฺฌนาการาย ปุพฺพภาคญาณปฺปวตฺติยาฯ เอตฺถาติ ทุกฺขสเจฺจฯ อปฺปทาเนนาติ อวิสฺสชฺชเนนฯ เอเตนสฺสา อนุโพธญาณสฺสปิ วิพนฺธกตมาหฯ

    103.‘‘Dukkhasacceaññāṇa’’nti saṅkhepato vuttamatthaṃ vivarituṃ ‘‘tatthā’’tiādi āraddhaṃ. Tanti aññāṇaṃ. Satipi pahātabbatte pariññeyyattavasena antogadhaṃ. Dukkhasaccañcassāti vatthusaṅkhātaṃ sampayuttakhandhasaṅkhātañca dukkhasaccaṃ assa aññāṇassa. Taṃ hissa nissayapaccayo hoti. Tassāti dukkhasaccassa. Yāthāvalakkhaṇapaṭivedhanivāraṇenāti saṅkhataaviparītasabhāvapaṭivijjhanassa nivāraṇena. Etenassa pariññābhisamayasaṅkhātassa ariyamaggapaṭivedhassa vibandhakabhāvamāha. Ñāṇappavattiyāti ‘‘idaṃ dukkhaṃ, ettakaṃ dukkha’’nti anubujjhanākārāya pubbabhāgañāṇappavattiyā. Etthāti dukkhasacce. Appadānenāti avissajjanena. Etenassā anubodhañāṇassapi vibandhakatamāha.

    ตีหิ การเณหิ เวทิตพฺพํ อโนฺตคธาภาวโตฯ อิธ สมฺปยุตฺตขนฺธวเสเนว วตฺถุโต สมุทเย อญฺญาณํ ทฎฺฐพฺพํฯ เอเกเนวาติ อิตรํ การณตฺตยํ ปฎิกฺขิปติฯ ยทิปิ อญฺญาณํ นิโรธมเคฺค อารมฺมณํ น กโรติ, กุโต ตทโนฺตคธตพฺพตฺถุตา, เต ปน ชานิตุกามสฺส ตปฺปฎิจฺฉาทนวเสน อนิโรธมเคฺคสุ นิโรธมคฺคคฺคาหเหตุตาวเสน จ ปวตฺตมานํ ‘‘นิโรเธ ปฎิปทายญฺจ อญฺญาณ’’นฺติ วุจฺจติฯ เตนาห ‘‘ปฎิจฺฉาทนโต’’ติอาทิฯ ตสฺสโตฺถ วุโตฺตเยวฯ คมฺภีรตฺตาติ สภาเวเนว คมฺภีรตฺตาฯ อคาธอปติฎฺฐาภาเวน ตํวิสยสฺส ญาณสฺส อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ทุทฺทสํฯ ปุริมํ ปน สจฺจทฺวยํฯ วญฺจนียเฎฺฐนาติ วญฺจกภาเวน อยาถาวภาเวน อุปฎฺฐานโต ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรํ, น สภาวโต, ตสฺมา ตํวิสยํ อญฺญาณํ อุปฺปชฺชติฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ปุริมสจฺจทฺวเย อนิจฺจาทิสภาวลกฺขณสฺส ทุทฺทสตฺตา เอว นิจฺจาทิวิปลฺลาสวเสน ปวตฺตติ อญฺญาณนฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ

    Tīhi kāraṇehi veditabbaṃ antogadhābhāvato. Idha sampayuttakhandhavaseneva vatthuto samudaye aññāṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Ekenevāti itaraṃ kāraṇattayaṃ paṭikkhipati. Yadipi aññāṇaṃ nirodhamagge ārammaṇaṃ na karoti, kuto tadantogadhatabbatthutā, te pana jānitukāmassa tappaṭicchādanavasena anirodhamaggesu nirodhamaggaggāhahetutāvasena ca pavattamānaṃ ‘‘nirodhe paṭipadāyañca aññāṇa’’nti vuccati. Tenāha ‘‘paṭicchādanato’’tiādi. Tassattho vuttoyeva. Gambhīrattāti sabhāveneva gambhīrattā. Agādhaapatiṭṭhābhāvena taṃvisayassa ñāṇassa uppādetuṃ asakkuṇeyyattā duddasaṃ. Purimaṃpana saccadvayaṃ. Vañcanīyaṭṭhenāti vañcakabhāvena ayāthāvabhāvena upaṭṭhānato duddasattā gambhīraṃ, na sabhāvato, tasmā taṃvisayaṃ aññāṇaṃ uppajjati. Tatthāti tasmiṃ purimasaccadvaye aniccādisabhāvalakkhaṇassa duddasattā eva niccādivipallāsavasena pavattati aññāṇanti ānetvā sambandhitabbaṃ.

    อิทานิ นิเทฺทสวิภาเคนปิ อวิชฺชาย สเจฺจสุ ปวตฺติวิภาคํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ทุเกฺขติ เอตฺตเกน ภุมฺมนิเทฺทเสนฯ สงฺคหโตติ ปริเญฺญยฺยตาย ทุเกฺขน สงฺคเหตพฺพโตฯ เตน นิทฺธารณตฺถํ ทเสฺสติฯ ทุกฺขสฺมิญฺหิ อวิชฺชา นิทฺธารียติ, น อญฺญสฺมิํฯ วตฺถุโตติ อาธารตฺถํฯ ทุกฺขสนฺนิสฺสยา หิ อวิชฺชาฯ อารมฺมณโตติ วิสยตฺถํ ตํ อารพฺภ ปวตฺตนโตฯ กิจฺจโตติ พฺยาปนตฺถํ ฉาทนวเสน ตํ พฺยาเปตฺวา ปวตฺตนโตฯ อิมินา นเยน เสเสสุปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อวิเสสโตติ วิเสสาภาวโต, วุตฺตนเยน ทุกฺขาทีสุ ปวตฺติอาการวิเสสํ อคฺคเหตฺวาติ อโตฺถฯ สภาวโตติ สรสลกฺขณโตฯ จตุนฺนมฺปิ สจฺจานํ อชานนสภาวา หิ อวิชฺชาฯ กามราคภวราคา กามาสวภวาสวาติ อาห ‘‘สหชาตาทิวเสนา’’ติฯ นนุ อวิชฺชา เอว อวิชฺชาสโว, โส กถํ อวิชฺชาย ปจฺจโยติ อาห ‘‘ปุพฺพุปฺปนฺนา’’ติอาทิฯ

    Idāni niddesavibhāgenapi avijjāya saccesu pavattivibhāgaṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Tattha dukkheti ettakena bhummaniddesena. Saṅgahatoti pariññeyyatāya dukkhena saṅgahetabbato. Tena niddhāraṇatthaṃ dasseti. Dukkhasmiñhi avijjā niddhārīyati, na aññasmiṃ. Vatthutoti ādhāratthaṃ. Dukkhasannissayā hi avijjā. Ārammaṇatoti visayatthaṃ taṃ ārabbha pavattanato. Kiccatoti byāpanatthaṃ chādanavasena taṃ byāpetvā pavattanato. Iminā nayena sesesupi attho veditabbo. Avisesatoti visesābhāvato, vuttanayena dukkhādīsu pavattiākāravisesaṃ aggahetvāti attho. Sabhāvatoti sarasalakkhaṇato. Catunnampi saccānaṃ ajānanasabhāvā hi avijjā. Kāmarāgabhavarāgā kāmāsavabhavāsavāti āha ‘‘sahajātādivasenā’’ti. Nanu avijjā eva avijjāsavo, so kathaṃ avijjāya paccayoti āha ‘‘pubbuppannā’’tiādi.

    อวิชฺชาวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Avijjāvāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    อาสววารวณฺณนา

    Āsavavāravaṇṇanā

    ๑๐๔. อาสววาเร อาสว-สทฺทโตฺถ อาสววิจาโร จ เหฎฺฐา วุโตฺตเยวฯ กสฺมา ปนายํ วาโร วุโตฺต, นนุ อวิชฺชาทิกาว ปฎิจฺจสมุปฺปาทเทสนาติ โจทนํ สนฺธาย ‘‘อยํ วาโร’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ปฎิจฺจสมุปฺปาทปเทสูติ ปฎิจฺจสมุปฺปาทโกฎฺฐาเสสุฯ ทฺวาทสโกฎฺฐาสา หิ สตฺถุ ปฎิจฺจสมุปฺปาทเทสนาฯ ตสฺสาปิ ปจฺจยทสฺสนวเสนาติ นายํ กาปิลานํ มูลปกติ วิย อปฺปจฺจยา, อถ โข สปฺปจฺจยาติ อวิชฺชายปิ ปจฺจยทสฺสนวเสนฯ อาสวสมุทเยนาติ อตีตภเว อาสวานํ สมุทเยน เอตรหิ อวิชฺชาย สมุทโย, เอตรหิ อวิชฺชาย สมุทเยน อนาคเต อาสวสมุทโยติ เอวํ อาสวาวิชฺชานํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนกภาเวน อปราปรํ ปวตฺตมานํ อาทิโกฎิอภาเวเนว ตนฺนิมิตฺตสฺส สํสารสฺส อาทิโกฎิอภาวโต อนมตคฺคตาสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ

    104.Āsavavāre āsava-saddattho āsavavicāro ca heṭṭhā vuttoyeva. Kasmā panāyaṃ vāro vutto, nanu avijjādikāva paṭiccasamuppādadesanāti codanaṃ sandhāya ‘‘ayaṃ vāro’’tiādi āraddhaṃ. Paṭiccasamuppādapadesūti paṭiccasamuppādakoṭṭhāsesu. Dvādasakoṭṭhāsā hi satthu paṭiccasamuppādadesanā. Tassāpi paccayadassanavasenāti nāyaṃ kāpilānaṃ mūlapakati viya appaccayā, atha kho sappaccayāti avijjāyapi paccayadassanavasena. Āsavasamudayenāti atītabhave āsavānaṃ samudayena etarahi avijjāya samudayo, etarahi avijjāya samudayena anāgate āsavasamudayoti evaṃ āsavāvijjānaṃ paccayapaccayuppannakabhāvena aparāparaṃ pavattamānaṃ ādikoṭiabhāveneva tannimittassa saṃsārassa ādikoṭiabhāvato anamataggatāsiddhi veditabbā.

    ทฺวตฺติํส ฐานานีติ ทฺวตฺติํส สจฺจปฺปฎิเวธการณานิ, ทฺวตฺติํส วา จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานานิฯ อิมมฺหา สมฺมาทิฎฺฐิสุตฺตาติ ยาย อริยสาวโก สมฺมาทิฎฺฐิ นาม โหติ, สา อริยา สมฺมาทิฎฺฐิ เอตฺถ วุตฺตาติ สมฺมาทิฎฺฐิสุตฺตํ, อิโต สมฺมาทิฎฺฐิสุตฺตโตฯ

    Dvattiṃsaṭhānānīti dvattiṃsa saccappaṭivedhakāraṇāni, dvattiṃsa vā catusaccakammaṭṭhānāni. Imamhā sammādiṭṭhisuttāti yāya ariyasāvako sammādiṭṭhi nāma hoti, sā ariyā sammādiṭṭhi ettha vuttāti sammādiṭṭhisuttaṃ, ito sammādiṭṭhisuttato.

    จตุสจฺจปริยาเยหีติ จตุสจฺจาธิคมการเณหิฯ อรหตฺตปริยาเยหีติ ‘‘โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหายา’’ติอาทินา อรหตฺตาธิคมการเณหิฯ เตนาห ‘‘จตุสฎฺฐิยา การเณหี’’ติฯ

    Catusaccapariyāyehīti catusaccādhigamakāraṇehi. Arahattapariyāyehīti ‘‘so sabbaso rāgānusayaṃ pahāyā’’tiādinā arahattādhigamakāraṇehi. Tenāha ‘‘catusaṭṭhiyā kāraṇehī’’ti.

    อาสววารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Āsavavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    สมฺมาทิฎฺฐิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Sammādiṭṭhisuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๙. สมฺมาทิฎฺฐิสุตฺตํ • 9. Sammādiṭṭhisuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. สมฺมาทิฎฺฐิสุตฺตวณฺณนา • 9. Sammādiṭṭhisuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact