Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi |
๙. อธิกรณวูปสมนสมโถ
9. Adhikaraṇavūpasamanasamatho
สมฺมุขาวินโย
Sammukhāvinayo
๒๒๘. 1 ‘‘วิวาทาธิกรณํ กติหิ สมเถหิ สมฺมติ? วิวาทาธิกรณํ ทฺวีหิ สมเถหิ สมฺมติ – สมฺมุขาวินเยน จ, เยภุยฺยสิกาย จฯ สิยา วิวาทาธิกรณํ เอกํ สมถํ อนาคมฺม เยภุยฺยสิกํ, เอเกน สมเถน สเมยฺย – สมฺมุขาวินเยนาติ? สิยาติสฺส วจนียํฯ ยถา กถํ วิย? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขู วิวทนฺติ – ธโมฺมติ วา อธโมฺมติ วา, วินโยติ วา อวินโยติ วา, ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนาติ วา อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตนาติ วา, อาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ วา อนาจิณฺณํ ตถาคเตนาติ วา, ปญฺญตฺตํ ตถาคเตนาติ วา อปญฺญตฺตํ ตถาคเตนาติ วา, อาปตฺตีติ วา อนาปตฺตีติ วา, ลหุกา อาปตฺตีติ วา ครุกา อาปตฺตีติ วา, สาวเสสา อาปตฺตีติ วา อนวเสสา อาปตฺตีติ วา, ทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ วา อทุฎฺฐุลฺลา อาปตฺตีติ วาฯ
228.2 ‘‘Vivādādhikaraṇaṃ katihi samathehi sammati? Vivādādhikaraṇaṃ dvīhi samathehi sammati – sammukhāvinayena ca, yebhuyyasikāya ca. Siyā vivādādhikaraṇaṃ ekaṃ samathaṃ anāgamma yebhuyyasikaṃ, ekena samathena sameyya – sammukhāvinayenāti? Siyātissa vacanīyaṃ. Yathā kathaṃ viya? Idha pana, bhikkhave, bhikkhū vivadanti – dhammoti vā adhammoti vā, vinayoti vā avinayoti vā, bhāsitaṃ lapitaṃ tathāgatenāti vā abhāsitaṃ alapitaṃ tathāgatenāti vā, āciṇṇaṃ tathāgatenāti vā anāciṇṇaṃ tathāgatenāti vā, paññattaṃ tathāgatenāti vā apaññattaṃ tathāgatenāti vā, āpattīti vā anāpattīti vā, lahukā āpattīti vā garukā āpattīti vā, sāvasesā āpattīti vā anavasesā āpattīti vā, duṭṭhullā āpattīti vā aduṭṭhullā āpattīti vā.
‘‘เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู สโกฺกนฺติ ตํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ, อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิกรณํ วูปสนฺตํฯ เกน วูปสนฺตํ? สมฺมุขาวินเยนฯ กิญฺจ ตตฺถ สมฺมุขาวินยสฺมิํ? สงฺฆสมฺมุขตา, ธมฺมสมฺมุขตา, วินยสมฺมุขตา, ปุคฺคลสมฺมุขตาฯ กา จ ตตฺถ สงฺฆสมฺมุขตา? ยาวติกา ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา เต อาคตา โหนฺติ, ฉนฺทารหานํ ฉโนฺท อาหโฎ โหติ, สมฺมุขีภูตา น ปฎิโกฺกสนฺติ – อยํ ตตฺถ สงฺฆสมฺมุขตาฯ กา จ ตตฺถ ธมฺมสมฺมุขตา, วินยสมฺมุขตา ? เยน ธเมฺมน เยน วินเยน เยน สตฺถุสาสเนน ตํ อธิกรณํ วูปสมฺมติ – อยํ ตตฺถ ธมฺมสมฺมุขตา, วินยสมฺมุขตาฯ กา จ ตตฺถ ปุคฺคลสมฺมุขตา? โย จ วิวทติ, เยน จ วิวทติ, อุโภ อตฺถปจฺจตฺถิกา สมฺมุขีภูตา โหนฺติ – อยํ ตตฺถ ปุคฺคลสมฺมุขตาฯ เอวํ วูปสนฺตํ เจ, ภิกฺขเว, อธิกรณํ การโก อุโกฺกเฎติ, อุโกฺกฎนกํ ปาจิตฺติยํ; ฉนฺททายโก ขียติ, ขียนกํ ปาจิตฺติยํฯ
‘‘Te ce, bhikkhave, bhikkhū sakkonti taṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ, idaṃ vuccati, bhikkhave, adhikaraṇaṃ vūpasantaṃ. Kena vūpasantaṃ? Sammukhāvinayena. Kiñca tattha sammukhāvinayasmiṃ? Saṅghasammukhatā, dhammasammukhatā, vinayasammukhatā, puggalasammukhatā. Kā ca tattha saṅghasammukhatā? Yāvatikā bhikkhū kammappattā te āgatā honti, chandārahānaṃ chando āhaṭo hoti, sammukhībhūtā na paṭikkosanti – ayaṃ tattha saṅghasammukhatā. Kā ca tattha dhammasammukhatā, vinayasammukhatā ? Yena dhammena yena vinayena yena satthusāsanena taṃ adhikaraṇaṃ vūpasammati – ayaṃ tattha dhammasammukhatā, vinayasammukhatā. Kā ca tattha puggalasammukhatā? Yo ca vivadati, yena ca vivadati, ubho atthapaccatthikā sammukhībhūtā honti – ayaṃ tattha puggalasammukhatā. Evaṃ vūpasantaṃ ce, bhikkhave, adhikaraṇaṃ kārako ukkoṭeti, ukkoṭanakaṃ pācittiyaṃ; chandadāyako khīyati, khīyanakaṃ pācittiyaṃ.
๒๒๙. ‘‘เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู น สโกฺกนฺติ ตํ อธิกรณํ ตสฺมิํ อาวาเส วูปสเมตุํ, เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ, ยสฺมิํ อาวาเส สมฺพหุลา 3 ภิกฺขู, โส อาวาโส คนฺตโพฺพฯ เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ตํ อาวาสํ คจฺฉนฺตา อนฺตรามเคฺค สโกฺกนฺติ ตํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ, อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิกรณํ วูปสนฺตํฯ เกน วูปสนฺตํ? สมฺมุขาวินเยน ฯ กิญฺจ ตตฺถ สมฺมุขาวินยสฺมิํ? สงฺฆสมฺมุขตา, ธมฺมสมฺมุขตา, วินยสมฺมุขตา, ปุคฺคลสมฺมุขตาฯ กา จ ตตฺถ สงฺฆสมฺมุขตา? ยาวติกา ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา เต อาคตา โหนฺติ, ฉนฺทารหานํ ฉโนฺท อาหโฎ โหติ, สมฺมุขีภูตา น ปฎิโกฺกสนฺติ – อยํ ตตฺถ สงฺฆสมฺมุขตาฯ กา จ ตตฺถ ธมฺมสมฺมุขตา, วินยสมฺมุขตา? เยน ธเมฺมน เยน วินเยน เยน สตฺถุสาสเนน ตํ อธิกรณํ วูปสมฺมติ – อยํ ตตฺถ ธมฺมสมฺมุขตา, วินยสมฺมุขตาฯ กา จ ตตฺถ ปุคฺคลสมฺมุขตา? โย จ วิวทติ, เยน จ วิวทติ, อุโภ อตฺถปจฺจตฺถิกา สมฺมุขีภูตา โหนฺติ – อยํ ตตฺถ ปุคฺคลสมฺมุขตาฯ เอวํ วูปสนฺตํ เจ, ภิกฺขเว, อธิกรณํ การโก อุโกฺกเฎติ, อุโกฺกฎนกํ ปาจิตฺติยํ; ฉนฺททายโก ขียติ, ขียนกํ ปาจิตฺติยํฯ
229. ‘‘Te ce, bhikkhave, bhikkhū na sakkonti taṃ adhikaraṇaṃ tasmiṃ āvāse vūpasametuṃ, tehi, bhikkhave, bhikkhūhi, yasmiṃ āvāse sambahulā 4 bhikkhū, so āvāso gantabbo. Te ce, bhikkhave, bhikkhū taṃ āvāsaṃ gacchantā antarāmagge sakkonti taṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ, idaṃ vuccati, bhikkhave, adhikaraṇaṃ vūpasantaṃ. Kena vūpasantaṃ? Sammukhāvinayena . Kiñca tattha sammukhāvinayasmiṃ? Saṅghasammukhatā, dhammasammukhatā, vinayasammukhatā, puggalasammukhatā. Kā ca tattha saṅghasammukhatā? Yāvatikā bhikkhū kammappattā te āgatā honti, chandārahānaṃ chando āhaṭo hoti, sammukhībhūtā na paṭikkosanti – ayaṃ tattha saṅghasammukhatā. Kā ca tattha dhammasammukhatā, vinayasammukhatā? Yena dhammena yena vinayena yena satthusāsanena taṃ adhikaraṇaṃ vūpasammati – ayaṃ tattha dhammasammukhatā, vinayasammukhatā. Kā ca tattha puggalasammukhatā? Yo ca vivadati, yena ca vivadati, ubho atthapaccatthikā sammukhībhūtā honti – ayaṃ tattha puggalasammukhatā. Evaṃ vūpasantaṃ ce, bhikkhave, adhikaraṇaṃ kārako ukkoṭeti, ukkoṭanakaṃ pācittiyaṃ; chandadāyako khīyati, khīyanakaṃ pācittiyaṃ.
๒๓๐. ‘‘เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ตํ อาวาสํ อาคจฺฉนฺตา อนฺตรามเคฺค น สโกฺกนฺติ ตํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ, เตหิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ, ตํ อาวาสํ คนฺตฺวา อาวาสิกา ภิกฺขู เอวมสฺสุ วจนียา – ‘อิทํ โข, อาวุโส, อธิกรณํ เอวํ ชาตํ, เอวํ สมุปฺปนฺนํ; สาธายสฺมนฺตา อิมํ อธิกรณํ วูปสเมนฺตุ ธเมฺมน วินเยน สตฺถุสาสเนน, ยถยิทํ อธิกรณํ สุวูปสนฺตํ อสฺสา’ติฯ
230. ‘‘Te ce, bhikkhave, bhikkhū taṃ āvāsaṃ āgacchantā antarāmagge na sakkonti taṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ, tehi, bhikkhave, bhikkhūhi, taṃ āvāsaṃ gantvā āvāsikā bhikkhū evamassu vacanīyā – ‘idaṃ kho, āvuso, adhikaraṇaṃ evaṃ jātaṃ, evaṃ samuppannaṃ; sādhāyasmantā imaṃ adhikaraṇaṃ vūpasamentu dhammena vinayena satthusāsanena, yathayidaṃ adhikaraṇaṃ suvūpasantaṃ assā’ti.
‘‘สเจ , ภิกฺขเว, อาวาสิกา ภิกฺขู วุฑฺฒตรา โหนฺติ, อาคนฺตุกา ภิกฺขู นวกตรา, เตหิ, ภิกฺขเว, อาวาสิเกหิ ภิกฺขูหิ อาคนฺตุกา ภิกฺขู เอวมสฺสุ วจนียา – ‘อิงฺฆ ตุเมฺห, อายสฺมโนฺต, มุหุตฺตํ เอกมนฺตํ โหถ, ยาว มยํ มเนฺตมา’ติฯ สเจ ปน, ภิกฺขเว, อาวาสิกา ภิกฺขู นวกตรา โหนฺติ, อาคนฺตุกา ภิกฺขู วุฑฺฒตรา, เตหิ, ภิกฺขเว, อาวาสิเกหิ ภิกฺขูหิ อาคนฺตุกา ภิกฺขู เอวมสฺสุ วจนียา – ‘เตน หิ ตุเมฺห, อายสฺมโนฺต, มุหุตฺตํ อิเธว ตาว โหถ, ยาว มยํ มเนฺตมา’ติฯ
‘‘Sace , bhikkhave, āvāsikā bhikkhū vuḍḍhatarā honti, āgantukā bhikkhū navakatarā, tehi, bhikkhave, āvāsikehi bhikkhūhi āgantukā bhikkhū evamassu vacanīyā – ‘iṅgha tumhe, āyasmanto, muhuttaṃ ekamantaṃ hotha, yāva mayaṃ mantemā’ti. Sace pana, bhikkhave, āvāsikā bhikkhū navakatarā honti, āgantukā bhikkhū vuḍḍhatarā, tehi, bhikkhave, āvāsikehi bhikkhūhi āgantukā bhikkhū evamassu vacanīyā – ‘tena hi tumhe, āyasmanto, muhuttaṃ idheva tāva hotha, yāva mayaṃ mantemā’ti.
‘‘สเจ ปน, ภิกฺขเว, อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ มนฺตยมานานํ เอวํ โหติ – ‘น มยํ สโกฺกม อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ ธเมฺมน วินเยน สตฺถุสาสเนนา’ติ, น ตํ อธิกรณํ อาวาสิเกหิ ภิกฺขูหิ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํฯ สเจ ปน, ภิกฺขเว, อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ มนฺตยมานานํ เอวํ โหติ – ‘สโกฺกม มยํ อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ ธเมฺมน วินเยน สตฺถุสาสเนนา’ติ, เตหิ, ภิกฺขเว, อาวาสิเกหิ ภิกฺขูหิ อาคนฺตุกา ภิกฺขู เอวมสฺสุ วจนียา – ‘สเจ ตุเมฺห, อายสฺมโนฺต, อมฺหากํ อิมํ อธิกรณํ ยถาชาตํ ยถาสมุปฺปนฺนํ อาโรเจสฺสถ, ยถา จ มยํ อิมํ อธิกรณํ วูปสเมสฺสาม ธเมฺมน วินเยน สตฺถุสาสเนน ตถา สุวูปสนฺตํ ภวิสฺสติฯ เอวํ มยํ อิมํ อธิกรณํ สมฺปฎิจฺฉิสฺสามฯ โน เจ ตุเมฺห, อายสฺมโนฺต, อมฺหากํ อิมํ อธิกรณํ ยถาชาตํ ยถาสมุปฺปนฺนํ อาโรเจสฺสถ, ยถา จ มยํ อิมํ อธิกรณํ วูปสเมสฺสาม ธเมฺมน วินเยน สตฺถุสาสเนน ตถา น สุวูปสนฺตํ ภวิสฺสติ, น มยํ อิมํ อธิกรณํ สมฺปฎิจฺฉิสฺสามา’ติฯ เอวํ สุปริคฺคหิตํ โข, ภิกฺขเว, กตฺวา อาวาสิเกหิ ภิกฺขูหิ ตํ อธิกรณํ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํฯ
‘‘Sace pana, bhikkhave, āvāsikānaṃ bhikkhūnaṃ mantayamānānaṃ evaṃ hoti – ‘na mayaṃ sakkoma imaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ dhammena vinayena satthusāsanenā’ti, na taṃ adhikaraṇaṃ āvāsikehi bhikkhūhi sampaṭicchitabbaṃ. Sace pana, bhikkhave, āvāsikānaṃ bhikkhūnaṃ mantayamānānaṃ evaṃ hoti – ‘sakkoma mayaṃ imaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ dhammena vinayena satthusāsanenā’ti, tehi, bhikkhave, āvāsikehi bhikkhūhi āgantukā bhikkhū evamassu vacanīyā – ‘sace tumhe, āyasmanto, amhākaṃ imaṃ adhikaraṇaṃ yathājātaṃ yathāsamuppannaṃ ārocessatha, yathā ca mayaṃ imaṃ adhikaraṇaṃ vūpasamessāma dhammena vinayena satthusāsanena tathā suvūpasantaṃ bhavissati. Evaṃ mayaṃ imaṃ adhikaraṇaṃ sampaṭicchissāma. No ce tumhe, āyasmanto, amhākaṃ imaṃ adhikaraṇaṃ yathājātaṃ yathāsamuppannaṃ ārocessatha, yathā ca mayaṃ imaṃ adhikaraṇaṃ vūpasamessāma dhammena vinayena satthusāsanena tathā na suvūpasantaṃ bhavissati, na mayaṃ imaṃ adhikaraṇaṃ sampaṭicchissāmā’ti. Evaṃ supariggahitaṃ kho, bhikkhave, katvā āvāsikehi bhikkhūhi taṃ adhikaraṇaṃ sampaṭicchitabbaṃ.
‘‘เตหิ, ภิกฺขเว, อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ อาวาสิกา ภิกฺขู เอวมสฺสุ วจนียา – ‘ยถาชาตํ ยถาสมุปฺปนฺนํ มยํ อิมํ อธิกรณํ อายสฺมนฺตานํ อาโรเจสฺสามฯ สเจ อายสฺมนฺตา สโกฺกนฺติ เอตฺตเกน วา เอตฺตเกน วา อนฺตเรน อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ ธเมฺมน วินเยน สตฺถุสาสเนน ตถา สุวูปสนฺตํ ภวิสฺสติฯ เอวํ มยํ อิมํ อธิกรณํ อายสฺมนฺตานํ นิยฺยาเทสฺสามฯ โน เจ อายสฺมนฺตา สโกฺกนฺติ เอตฺตเกน วา เอตฺตเกน วา อนฺตเรน อิมํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ ธเมฺมน วินเยน สตฺถุสาสเนน ตถา น สุวูปสนฺตํ ภวิสฺสติ, น มยํ อิมํ อธิกรณํ อายสฺมนฺตานํ นิยฺยาเทสฺสาม ฯ มยเมว อิมสฺส อธิกรณสฺส สามิโน ภวิสฺสามา’ติฯ เอวํ สุปริคฺคหิตํ โข, ภิกฺขเว, กตฺวา อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ ตํ อธิกรณํ อาวาสิกานํ ภิกฺขูนํ นิยฺยาเทตพฺพํฯ
‘‘Tehi, bhikkhave, āgantukehi bhikkhūhi āvāsikā bhikkhū evamassu vacanīyā – ‘yathājātaṃ yathāsamuppannaṃ mayaṃ imaṃ adhikaraṇaṃ āyasmantānaṃ ārocessāma. Sace āyasmantā sakkonti ettakena vā ettakena vā antarena imaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ dhammena vinayena satthusāsanena tathā suvūpasantaṃ bhavissati. Evaṃ mayaṃ imaṃ adhikaraṇaṃ āyasmantānaṃ niyyādessāma. No ce āyasmantā sakkonti ettakena vā ettakena vā antarena imaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ dhammena vinayena satthusāsanena tathā na suvūpasantaṃ bhavissati, na mayaṃ imaṃ adhikaraṇaṃ āyasmantānaṃ niyyādessāma . Mayameva imassa adhikaraṇassa sāmino bhavissāmā’ti. Evaṃ supariggahitaṃ kho, bhikkhave, katvā āgantukehi bhikkhūhi taṃ adhikaraṇaṃ āvāsikānaṃ bhikkhūnaṃ niyyādetabbaṃ.
‘‘เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู สโกฺกนฺติ ตํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ, อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิกรณํ วูปสนฺตํฯ เกน วูปสนฺตํ? สมฺมุขาวินเยนฯ กิญฺจ ตตฺถ สมฺมุขาวินยสฺมิํ? สงฺฆสมฺมุขตา, ธมฺมสมฺมุขตา, วินยสมฺมุขตา, ปุคฺคลสมฺมุขตา…เป.… เอวํ วูปสนฺตํ เจ, ภิกฺขเว, อธิกรณํ การโก อุโกฺกเฎติ, อุโกฺกฎนกํ ปาจิตฺติยํ; ฉนฺททายโก ขียติ, ขียนกํ ปาจิตฺติยํฯ
‘‘Te ce, bhikkhave, bhikkhū sakkonti taṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ, idaṃ vuccati, bhikkhave, adhikaraṇaṃ vūpasantaṃ. Kena vūpasantaṃ? Sammukhāvinayena. Kiñca tattha sammukhāvinayasmiṃ? Saṅghasammukhatā, dhammasammukhatā, vinayasammukhatā, puggalasammukhatā…pe… evaṃ vūpasantaṃ ce, bhikkhave, adhikaraṇaṃ kārako ukkoṭeti, ukkoṭanakaṃ pācittiyaṃ; chandadāyako khīyati, khīyanakaṃ pācittiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / อธิกรณวูปสมนสมถกถา • Adhikaraṇavūpasamanasamathakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อธิกรณวูปสมนสมถกถาวณฺณนา • Adhikaraṇavūpasamanasamathakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อธิกรณกถาวณฺณนา • Adhikaraṇakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อธิกรณวูปสมนสมถกถาทิวณฺณนา • Adhikaraṇavūpasamanasamathakathādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๙. อธิกรณวูปสมนสมถกถา • 9. Adhikaraṇavūpasamanasamathakathā