Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā

    ๑๒. สมฺปนฺนสีลสุตฺตวณฺณนา

    12. Sampannasīlasuttavaṇṇanā

    ๑๑๑. ทฺวาทสเม สมฺปนฺนสีลาติ เอตฺถ ติวิธํ สมฺปนฺนํ ปริปุณฺณสมงฺคีมธุรวเสนฯ เตสุ –

    111. Dvādasame sampannasīlāti ettha tividhaṃ sampannaṃ paripuṇṇasamaṅgīmadhuravasena. Tesu –

    ‘‘สมฺปนฺนํ สาลิเกทารํ, สุวา ภุญฺชนฺติ โกสิย;

    ‘‘Sampannaṃ sālikedāraṃ, suvā bhuñjanti kosiya;

    ปฎิเวเทมิ เต พฺรเหฺม, น เน วาเรตุมุสฺสเห’’ติฯ (ชา. ๑.๑๔.๑) –

    Paṭivedemi te brahme, na ne vāretumussahe’’ti. (jā. 1.14.1) –

    เอตฺถ ปริปุณฺณโตฺถ สมฺปนฺนสโทฺทฯ ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปคโต สมุปคโต สมฺปโนฺน สมนฺนาคโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) เอตฺถ สมงฺคิภาวโตฺถ สมฺปนฺนสโทฺท ฯ ‘‘อิมิสฺสา, ภเนฺต, มหาปถวิยา เหฎฺฐิมตลํ สมฺปนฺนํ – เสยฺยถาปิ ขุทฺทมธุํ อนีลกํ, เอวมสฺสาท’’นฺติ (ปารา. ๑๗) เอตฺถ มธุรโตฺถ สมฺปนฺนสโทฺทฯ อิธ ปน ปริปุณฺณเตฺถปิ สมงฺคิภาเวปิ วฎฺฎติ, ตสฺมา สมฺปนฺนสีลาติ ปริปุณฺณสีลา หุตฺวาติปิ, สีลสมงฺคิโน หุตฺวาติปิ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Ettha paripuṇṇattho sampannasaddo. ‘‘Iminā pātimokkhasaṃvarena upeto hoti samupeto upagato samupagato sampanno samannāgato’’ti (vibha. 511) ettha samaṅgibhāvattho sampannasaddo . ‘‘Imissā, bhante, mahāpathaviyā heṭṭhimatalaṃ sampannaṃ – seyyathāpi khuddamadhuṃ anīlakaṃ, evamassāda’’nti (pārā. 17) ettha madhurattho sampannasaddo. Idha pana paripuṇṇatthepi samaṅgibhāvepi vaṭṭati, tasmā sampannasīlāti paripuṇṇasīlā hutvātipi, sīlasamaṅgino hutvātipi evamettha attho veditabbo.

    ตตฺถ ‘‘ปริปุณฺณสีลา’’ติ อิมินา อเตฺถน เขตฺตโทสวิคเมน เขตฺตปาริปูริ วิย ปริปุณฺณํ นาม โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เขตฺตโทสวิคเมน เขตฺตปาริปูริ วิย สีลโทสวิคเมน สีลปาริปูริ วุตฺตา’’ติฯ ‘‘สีลสมงฺคิโน’’ติ อิมินา ปน อเตฺถน สีเลน สมงฺคีภูตา สโมธานคตา สมนฺนาคตา หุตฺวา วิหรถาติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ ทฺวีหิ การเณหิ สมฺปนฺนสีลตา โหติ สีลวิปตฺติยา อาทีนวทสฺสเนน, สีลสมฺปตฺติยา อานิสํสทสฺสเนน จฯ ตทุภยมฺปิ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐-๒๑) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ ‘‘สมฺปนฺนสีลา’’ติ เอตฺตาวตา กิร ภควา จตุปาริสุทฺธิสีลํ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุตา’’ติ อิมินา เชฎฺฐกสีลํ ทเสฺสตีติอาทินา เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ กิมสฺส อุตฺตริ กรณียนฺติ เอวํ สมฺปนฺนสีลานํ วิหรตํ ตุมฺหากํ กินฺติ สิยา อุตฺตริ กาตพฺพํ, ปฎิปชฺชิตพฺพนฺติ เจติ อโตฺถฯ

    Tattha ‘‘paripuṇṇasīlā’’ti iminā atthena khettadosavigamena khettapāripūri viya paripuṇṇaṃ nāma hoti. Tena vuttaṃ ‘‘khettadosavigamena khettapāripūri viya sīladosavigamena sīlapāripūri vuttā’’ti. ‘‘Sīlasamaṅgino’’ti iminā pana atthena sīlena samaṅgībhūtā samodhānagatā samannāgatā hutvā viharathāti vuttaṃ hoti. Tattha dvīhi kāraṇehi sampannasīlatā hoti sīlavipattiyā ādīnavadassanena, sīlasampattiyā ānisaṃsadassanena ca. Tadubhayampi visuddhimagge (visuddhi. 1.20-21) vuttanayena veditabbaṃ. Tattha ‘‘sampannasīlā’’ti ettāvatā kira bhagavā catupārisuddhisīlaṃ uddisitvā ‘‘pātimokkhasaṃvarasaṃvutā’’ti iminā jeṭṭhakasīlaṃ dassetītiādinā ettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. Kimassa uttari karaṇīyanti evaṃ sampannasīlānaṃ viharataṃ tumhākaṃ kinti siyā uttari kātabbaṃ, paṭipajjitabbanti ceti attho.

    เอวํ ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถา’’ติอาทินา สมฺปาทนูปาเยน สทฺธิํ สีลสมฺปทาย ภิกฺขู นิโยเชโนฺต อเนกปุคฺคลาธิฎฺฐานํ กตฺวา เทสนํ อารภิตฺวา อิทานิ ยสฺมา เอกปุคฺคลาธิฎฺฐานวเสน ปวตฺติตาปิ ภควโต เทสนา อเนกปุคฺคลาธิฎฺฐานาว โหติ สพฺพสาธารณตฺตา, ตสฺมา ตํ เอกปุคฺคลาธิฎฺฐานวเสน ทเสฺสโนฺต ‘‘จรโต เจปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน’’ติอาทิมาหฯ

    Evaṃ ‘‘sampannasīlā, bhikkhave, viharathā’’tiādinā sampādanūpāyena saddhiṃ sīlasampadāya bhikkhū niyojento anekapuggalādhiṭṭhānaṃ katvā desanaṃ ārabhitvā idāni yasmā ekapuggalādhiṭṭhānavasena pavattitāpi bhagavato desanā anekapuggalādhiṭṭhānāva hoti sabbasādhāraṇattā, tasmā taṃ ekapuggalādhiṭṭhānavasena dassento ‘‘carato cepi, bhikkhave, bhikkhuno’’tiādimāha.

    ตตฺถ อภิชฺฌายติ เอตายาติ อภิชฺฌา, ปรภณฺฑาภิชฺฌายนลกฺขณสฺส โลภเสฺสตํ อธิวจนํฯ พฺยาปชฺชติ ปูติภวติ จิตฺตํ เอเตนาติ พฺยาปาโท, ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทินยปฺปวตฺตสฺส เอกูนวีสติอาฆาตวตฺถุวิสยสฺส โทสเสฺสตํ อธิวจนํฯ อุภินฺนมฺปิ ‘‘ตตฺถ กตโม กามจฺฉโนฺท? โย กาเมสุ กามจฺฉโนฺท กามเสฺนโห กามปิปาสา กามปริฬาโห กามมุจฺฉา กามโชฺฌสาน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๑๕๙), ตถา ‘‘โลโภ ลุพฺภนา ลุพฺภิตตฺตํ สาราโค สารชฺชนา สารชฺชิตตฺตํ อภิชฺฌา โลโภ อกุสลมูล’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๓๙๑), ‘‘โทโส ทุสฺสนา ทุสฺสิตตฺตํ พฺยาปตฺติ พฺยาปชฺชนา พฺยาปชฺชิตตฺตํ วิโรโธ ปฎิวิโรโธ จณฺฑิกฺกํ อสุโรโป อนตฺตมนตา จิตฺตสฺสา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๔๑๘, ๑๒๓๗) จ วิตฺถาโร เวทิตโพฺพฯ วิคโต โหตีติ อยญฺจ อภิชฺฌา, อยญฺจ พฺยาปาโท วิคโต โหติ อปคโต, ปหีโน โหตีติ อโตฺถฯ เอตฺตาวตา กามจฺฉนฺทนีวรณสฺส จ พฺยาปาทนีวรณสฺส จ ปหานํ ทสฺสิตํ โหติฯ

    Tattha abhijjhāyati etāyāti abhijjhā, parabhaṇḍābhijjhāyanalakkhaṇassa lobhassetaṃ adhivacanaṃ. Byāpajjati pūtibhavati cittaṃ etenāti byāpādo, ‘‘anatthaṃ me acarī’’tiādinayappavattassa ekūnavīsatiāghātavatthuvisayassa dosassetaṃ adhivacanaṃ. Ubhinnampi ‘‘tattha katamo kāmacchando? Yo kāmesu kāmacchando kāmasneho kāmapipāsā kāmapariḷāho kāmamucchā kāmajjhosāna’’nti (dha. sa. 1159), tathā ‘‘lobho lubbhanā lubbhitattaṃ sārāgo sārajjanā sārajjitattaṃ abhijjhā lobho akusalamūla’’ntiādinā (dha. sa. 391), ‘‘doso dussanā dussitattaṃ byāpatti byāpajjanā byāpajjitattaṃ virodho paṭivirodho caṇḍikkaṃ asuropo anattamanatā cittassā’’tiādinā (dha. sa. 418, 1237) ca vitthāro veditabbo. Vigato hotīti ayañca abhijjhā, ayañca byāpādo vigato hoti apagato, pahīno hotīti attho. Ettāvatā kāmacchandanīvaraṇassa ca byāpādanīvaraṇassa ca pahānaṃ dassitaṃ hoti.

    ถินมิทฺธนฺติ ถินเญฺจว มิทฺธญฺจฯ เตสุ จิตฺตสฺส อกมฺมญฺญตา ถินํ, อาลสิยเสฺสตํ อธิวจนํ, เวทนาทีนํ ติณฺณํ ขนฺธานํ อกมฺมญฺญตา มิทฺธํ, ปจลายิกภาวเสฺสตํ อธิวจนํฯ อุภินฺนมฺปิ ‘‘ตตฺถ กตมํ ถินํ? ยา จิตฺตสฺส อกลฺลตา อกมฺมญฺญตา โอลียนา สลฺลียนาฯ ตตฺถ กตมํ มิทฺธํ? ยา กายสฺส อกลฺลตา อกมฺมญฺญตา โอนาโห ปริโยนาโห’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๒-๑๑๖๓) นเยน วิตฺถาโร เวทิตโพฺพฯ

    Thinamiddhanti thinañceva middhañca. Tesu cittassa akammaññatā thinaṃ, ālasiyassetaṃ adhivacanaṃ, vedanādīnaṃ tiṇṇaṃ khandhānaṃ akammaññatā middhaṃ, pacalāyikabhāvassetaṃ adhivacanaṃ. Ubhinnampi ‘‘tattha katamaṃ thinaṃ? Yā cittassa akallatā akammaññatā olīyanā sallīyanā. Tattha katamaṃ middhaṃ? Yā kāyassa akallatā akammaññatā onāho pariyonāho’’tiādinā (dha. sa. 1162-1163) nayena vitthāro veditabbo.

    อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนฺติ อุทฺธจฺจเญฺจว กุกฺกุจฺจญฺจฯ ตตฺถ อุทฺธจฺจํ นาม จิตฺตสฺส อุทฺธตากาโร, กุกฺกุจฺจํ นาม อกตกลฺยาณสฺส กตปาปสฺส ตปฺปจฺจยา วิปฺปฎิสาโรฯ อุภินฺนมฺปิ ‘‘ตตฺถ กตมํ อุทฺธจฺจํ? ยํ จิตฺตสฺส อุทฺธจฺจํ อวูปสโม เจตโส วิเกฺขโป ภนฺตตฺตํ จิตฺตสฺสา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๕) วิตฺถาโรฯ ‘‘อกตํ วต เม กลฺยาณํ, อกตํ กุสลํ, อกตํ ภีรุตฺตานํ; กตํ ปาปํ, กตํ ลุทฺทํ, กตํ กิพฺพิส’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔๘; เนตฺติ. ๑๒๐) ปวตฺติอากาโร เวทิตโพฺพฯ

    Uddhaccakukkuccanti uddhaccañceva kukkuccañca. Tattha uddhaccaṃ nāma cittassa uddhatākāro, kukkuccaṃ nāma akatakalyāṇassa katapāpassa tappaccayā vippaṭisāro. Ubhinnampi ‘‘tattha katamaṃ uddhaccaṃ? Yaṃ cittassa uddhaccaṃ avūpasamo cetaso vikkhepo bhantattaṃ cittassā’’tiādinā (dha. sa. 1165) vitthāro. ‘‘Akataṃ vata me kalyāṇaṃ, akataṃ kusalaṃ, akataṃ bhīruttānaṃ; kataṃ pāpaṃ, kataṃ luddaṃ, kataṃ kibbisa’’ntiādinā (ma. ni. 3.248; netti. 120) pavattiākāro veditabbo.

    วิจิกิจฺฉาติ พุทฺธาทีสุ สํสโยฯ ตสฺสา ‘‘สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ, นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทตี’’ติอาทินา (วิภ. ๙๑๕), ‘‘ตตฺถ กตมา วิจิกิจฺฉา? ยา กงฺขา กงฺขายนา กงฺขายิตตฺตํ วิมติ วิจิกิจฺฉา เทฺวฬฺหกํ เทฺวธาปโถ สํสโย อเนกํสคฺคาโห อาสปฺปนา ปริสปฺปนา อปริโยคาหนา ฉมฺภิตตฺตํ จิตฺตสฺส มโนวิเลโข’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๐๘) จ นเยน วิตฺถาโร เวทิตโพฺพฯ

    Vicikicchāti buddhādīsu saṃsayo. Tassā ‘‘satthari kaṅkhati vicikicchati, nādhimuccati na sampasīdatī’’tiādinā (vibha. 915), ‘‘tattha katamā vicikicchā? Yā kaṅkhā kaṅkhāyanā kaṅkhāyitattaṃ vimati vicikicchā dveḷhakaṃ dvedhāpatho saṃsayo anekaṃsaggāho āsappanā parisappanā apariyogāhanā chambhitattaṃ cittassa manovilekho’’tiādinā (dha. sa. 1008) ca nayena vitthāro veditabbo.

    เอตฺถ จ อภิชฺฌาพฺยาปาทาทีนํ วิคมวเสน จ ปหานวเสน จ เตสํ วิกฺขมฺภนเมว เวทิตพฺพํฯ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

    Ettha ca abhijjhābyāpādādīnaṃ vigamavasena ca pahānavasena ca tesaṃ vikkhambhanameva veditabbaṃ. Yaṃ sandhāya vuttaṃ –

    ‘‘โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิเชฺฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติฯ พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิโตฺต วิหรติ, พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติฯ ถินมิทฺธํ ปหาย วิคตถินมิโทฺธ วิหรติ อาโลกสญฺญี สโต สมฺปชาโน, ถินมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติฯ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ อชฺฌตฺตํ อุปสนฺตจิโตฺต อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติฯ วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิโจฺฉ วิหรติ อกถํกถี กุสเลสุ ธเมฺมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติ (วิภ. ๕๐๘)ฯ

    ‘‘So abhijjhaṃ loke pahāya vigatābhijjhena cetasā viharati, abhijjhāya cittaṃ parisodheti. Byāpādapadosaṃ pahāya abyāpannacitto viharati, byāpādapadosā cittaṃ parisodheti. Thinamiddhaṃ pahāya vigatathinamiddho viharati ālokasaññī sato sampajāno, thinamiddhā cittaṃ parisodheti. Uddhaccakukkuccaṃ pahāya anuddhato viharati ajjhattaṃ upasantacitto uddhaccakukkuccā cittaṃ parisodheti. Vicikicchaṃ pahāya tiṇṇavicikiccho viharati akathaṃkathī kusalesu dhammesu, vicikicchāya cittaṃ parisodhetī’’ti (vibha. 508).

    ตตฺถ ยถา นีวรณานํ ปหานํ โหติ, ตํ เวทิตพฺพํฯ กถญฺจ เนสํ ปหานํ โหติ? กามจฺฉนฺทสฺส ตาว อสุภนิมิเตฺต โยนิโสมนสิกาเรน ปหานํ โหติ, สุภนิมิเตฺต อโยนิโสมนสิกาเรนสฺส อุปฺปตฺติฯ เตนาห ภควา –

    Tattha yathā nīvaraṇānaṃ pahānaṃ hoti, taṃ veditabbaṃ. Kathañca nesaṃ pahānaṃ hoti? Kāmacchandassa tāva asubhanimitte yonisomanasikārena pahānaṃ hoti, subhanimitte ayonisomanasikārenassa uppatti. Tenāha bhagavā –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, สุภนิมิตฺตํฯ ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, subhanimittaṃ. Tattha ayonisomanasikārabahulīkāro ayamāhāro anuppannassa vā kāmacchandassa uppādāya, uppannassa vā kāmacchandassa bhiyyobhāvāya vepullāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    เอวํ สุภนิมิเตฺต อโยนิโสมนสิกาเรน อุปฺปชฺชนฺตสฺส กามจฺฉนฺทสฺส ตปฺปฎิปกฺขโต อสุภนิมิเตฺต โยนิโสมนสิกาเรน ปหานํ โหติฯ ตตฺถ อสุภนิมิตฺตํ นาม อสุภมฺปิ อสุภารมฺมณมฺปิ, โยนิโสมนสิกาโร นาม อุปายมนสิกาโร, ปถมนสิกาโร, อนิเจฺจ อนิจฺจนฺติ วา, ทุเกฺข ทุกฺขนฺติ วา, อนตฺตนิ อนตฺตาติ วา, อสุเภ อสุภนฺติ วา มนสิกาโรฯ ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต กามจฺฉโนฺท ปหียติฯ เตนาห ภควา –

    Evaṃ subhanimitte ayonisomanasikārena uppajjantassa kāmacchandassa tappaṭipakkhato asubhanimitte yonisomanasikārena pahānaṃ hoti. Tattha asubhanimittaṃ nāma asubhampi asubhārammaṇampi, yonisomanasikāro nāma upāyamanasikāro, pathamanasikāro, anicce aniccanti vā, dukkhe dukkhanti vā, anattani anattāti vā, asubhe asubhanti vā manasikāro. Taṃ tattha bahulaṃ pavattayato kāmacchando pahīyati. Tenāha bhagavā –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อสุภนิมิตฺตํฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อนุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, asubhanimittaṃ. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā kāmacchandassa anuppādāya, uppannassa vā kāmacchandassa pahānāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    อปิจ ฉ ธมฺมา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, อสุภภาวนานุโยโค, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตญฺญุตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติฯ ทสวิธญฺหิ อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสปิ กามจฺฉโนฺท ปหียติ, ภาเวนฺตสฺสปิ , อินฺทฺริเยสุ ปิหิตทฺวารสฺสปิ จตุนฺนํ ปญฺจนฺนํ อาโลปานํ โอกาเส สติ อุทกํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลตาย โภชเน มตฺตญฺญุโนปิฯ เตน วุตฺตํ –

    Apica cha dhammā kāmacchandassa pahānāya saṃvattanti – asubhanimittassa uggaho, asubhabhāvanānuyogo, indriyesu guttadvāratā, bhojane mattaññutā, kalyāṇamittatā, sappāyakathāti. Dasavidhañhi asubhanimittaṃ uggaṇhantassapi kāmacchando pahīyati, bhāventassapi , indriyesu pihitadvārassapi catunnaṃ pañcannaṃ ālopānaṃ okāse sati udakaṃ pivitvā yāpanasīlatāya bhojane mattaññunopi. Tena vuttaṃ –

    ‘‘จตฺตาโร ปญฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;

    ‘‘Cattāro pañca ālope, abhutvā udakaṃ pive;

    อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติฯ (เถรคา. ๙๘๓);

    Alaṃ phāsuvihārāya, pahitattassa bhikkhuno’’ti. (theragā. 983);

    อสุภกมฺมิกติสฺสเตฺถรสทิเส กลฺยาณมิเตฺต เสวนฺตสฺสปิ กามจฺฉโนฺท ปหียติ, ฐานนิสชฺชาทีสุ ทสอสุภนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติฯ

    Asubhakammikatissattherasadise kalyāṇamitte sevantassapi kāmacchando pahīyati, ṭhānanisajjādīsu dasaasubhanissitasappāyakathāyapi pahīyati. Tena vuttaṃ ‘‘cha dhammā kāmacchandassa pahānāya saṃvattantī’’ti.

    ปฎิฆนิมิเตฺต อาโยนิโสมนสิกาเรน พฺยาปาทสฺส อุปฺปาโท โหติฯ ตตฺถ ปฎิฆมฺปิ ปฎิฆนิมิตฺตํ, ปฎิฆารมฺมณมฺปิ ปฎิฆนิมิตฺตํฯ อโยนิโสมนสิกาโร สพฺพตฺถ เอกลกฺขโณ เอวฯ ตํ ตสฺมิํ นิมิเตฺต พหุลํ ปวตฺตยโต พฺยาปาโท อุปฺปชฺชติฯ เตนาห ภควา –

    Paṭighanimitte āyonisomanasikārena byāpādassa uppādo hoti. Tattha paṭighampi paṭighanimittaṃ, paṭighārammaṇampi paṭighanimittaṃ. Ayonisomanasikāro sabbattha ekalakkhaṇo eva. Taṃ tasmiṃ nimitte bahulaṃ pavattayato byāpādo uppajjati. Tenāha bhagavā –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปฎิฆนิมิตฺตํฯ ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, paṭighanimittaṃ. Tattha ayonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā byāpādassa uppādāya, uppannassa vā byāpādassa bhiyyobhāvāya vepullāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    เมตฺตาย ปน เจโตวิมุตฺติยา โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติฯ ตตฺถ ‘‘เมตฺตา’’ติ วุเตฺต อปฺปนาปิ อุปจาโรปิ วฎฺฎติ, ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ ปน อปฺปนาวฯ โยนิโสมนสิกาโร วุตฺตลกฺขโณวฯ ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต พฺยาปาโท ปหียติฯ เตนาห ภควา –

    Mettāya pana cetovimuttiyā yonisomanasikārenassa pahānaṃ hoti. Tattha ‘‘mettā’’ti vutte appanāpi upacāropi vaṭṭati, ‘‘cetovimuttī’’ti pana appanāva. Yonisomanasikāro vuttalakkhaṇova. Taṃ tattha bahulaṃ pavattayato byāpādo pahīyati. Tenāha bhagavā –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เมตฺตาเจโตวิมุตฺติฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส อนุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, mettācetovimutti. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro ayamāhāro anuppannassa vā byāpādassa anuppādāya uppannassa vā byāpādassa pahānāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    อปิจ ฉ ธมฺมา พฺยาปาทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, เมตฺตาภาวนา, กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณา, ปฎิสงฺขานพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติฯ โอธิสกาโนธิสกทิสาผรณานญฺหิ อญฺญตรวเสน เมตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสปิ พฺยาปาโท ปหียติ, โอธิโส อโนธิโส ทิสาผรณวเสน เมตฺตํ ภาเวนฺตสฺสปิ พฺยาปาโท ปหียติ, ‘‘ตฺวํ เอตสฺส กุโทฺธ กิํ กริสฺสสิ, กิมสฺส สีลาทีนิ วินาเสตุํ สกฺขิสฺสสิ นนุ ตฺวํ อตฺตโน กเมฺมน อาคนฺตฺวา อตฺตโน กเมฺมเนว คมิสฺสสิ, ปรสฺส กุชฺฌนํ นาม วีตจฺจิกงฺคารตตฺตอยสลากคูถาทีนิ คเหตฺวา ปรํ ปหริตุกามตา วิย โหติฯ เอโสปิ ตว กุโทฺธ กิํ กริสฺสติ, กิํ เต สีลาทีนิ วินาเสตุํ สกฺขิสฺสติ เอส อตฺตโน กเมฺมน อาคนฺตฺวา อตฺตโน กเมฺมเนว คมิสฺสติ, อปฺปฎิจฺฉิตปเหณกํ วิย, ปฎิวาตํ ขิตฺตรโชมุฎฺฐิ วิย จ เอตเสฺสว เอส โกโธ มตฺถเก ปติสฺสตี’’ติ เอวํ อตฺตโน จ ปรสฺส จาติ อุภเยสํ กมฺมสฺสกตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ, ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปฎิสงฺขาเน ฐิตสฺสปิ, อสฺสคุตฺตเตฺถรสทิเส เมตฺตาภาวนารเต กลฺยาณมิเตฺต เสวนฺตสฺสาปิ พฺยาปาโท ปหียติ, ฐานนิสชฺชาทีสุ เมตฺตานิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา พฺยาปาทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติฯ

    Apica cha dhammā byāpādassa pahānāya saṃvattanti – mettānimittassa uggaho, mettābhāvanā, kammassakatāpaccavekkhaṇā, paṭisaṅkhānabahulatā, kalyāṇamittatā, sappāyakathāti. Odhisakānodhisakadisāpharaṇānañhi aññataravasena mettaṃ uggaṇhantassapi byāpādo pahīyati, odhiso anodhiso disāpharaṇavasena mettaṃ bhāventassapi byāpādo pahīyati, ‘‘tvaṃ etassa kuddho kiṃ karissasi, kimassa sīlādīni vināsetuṃ sakkhissasi nanu tvaṃ attano kammena āgantvā attano kammeneva gamissasi, parassa kujjhanaṃ nāma vītaccikaṅgāratattaayasalākagūthādīni gahetvā paraṃ paharitukāmatā viya hoti. Esopi tava kuddho kiṃ karissati, kiṃ te sīlādīni vināsetuṃ sakkhissati esa attano kammena āgantvā attano kammeneva gamissati, appaṭicchitapaheṇakaṃ viya, paṭivātaṃ khittarajomuṭṭhi viya ca etasseva esa kodho matthake patissatī’’ti evaṃ attano ca parassa cāti ubhayesaṃ kammassakataṃ paccavekkhatopi, paccavekkhitvā paṭisaṅkhāne ṭhitassapi, assaguttattherasadise mettābhāvanārate kalyāṇamitte sevantassāpi byāpādo pahīyati, ṭhānanisajjādīsu mettānissitasappāyakathāyapi pahīyati. Tena vuttaṃ ‘‘cha dhammā byāpādassa pahānāya saṃvattantī’’ti.

    อรติอาทีสุ อโยนิโสมนสิกาเรน ถินมิทฺธสฺส อุปฺปาโท โหติฯ อรติ นาม อุกฺกณฺฐิตตา, ตนฺที นาม กายาลสิยํ, วิชมฺภิตา นาม กายวินมนา, ภตฺตสมฺมโท นาม ภตฺตมุจฺฉา ภตฺตปริฬาโห, เจตโส ลีนตฺตํ นาม จิตฺตสฺส ลีนากาโรฯ อิเมสุ อรติอาทีสุ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต ถินมิทฺธํ อุปฺปชฺชติฯ เตนาห ภควา –

    Aratiādīsu ayonisomanasikārena thinamiddhassa uppādo hoti. Arati nāma ukkaṇṭhitatā, tandī nāma kāyālasiyaṃ, vijambhitā nāma kāyavinamanā, bhattasammado nāma bhattamucchā bhattapariḷāho, cetaso līnattaṃ nāma cittassa līnākāro. Imesu aratiādīsu ayonisomanasikāraṃ bahulaṃ pavattayato thinamiddhaṃ uppajjati. Tenāha bhagavā –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อรติ ตนฺที วิชมฺภิตา ภตฺตสมฺมโท เจตโส ลีนตฺตํฯ ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, arati tandī vijambhitā bhattasammado cetaso līnattaṃ. Tattha ayonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā thinamiddhassa uppādāya, uppannassa vā thinamiddhassa bhiyyobhāvāya vepullāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    อารมฺภธาตุอาทีสุ ปน โยนิโสมนสิกาเรน ถินมิทฺธสฺส ปหานํ โหติฯ อารมฺภธาตุ นาม ปฐมารมฺภวีริยํ, นิกฺกมธาตุ นาม โกสชฺชโต นิกฺขนฺตตาย ตโต พลวตรํ, ปรกฺกมธาตุ นาม ปรํ ปรํ ฐานํ อกฺกมนโต ตโตปิ พลวตรํฯ อิมสฺมิํ ติปฺปเภเท วีริเย โยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต ถินมิทฺธํ ปหียติฯ เตนาห –

    Ārambhadhātuādīsu pana yonisomanasikārena thinamiddhassa pahānaṃ hoti. Ārambhadhātu nāma paṭhamārambhavīriyaṃ, nikkamadhātu nāma kosajjato nikkhantatāya tato balavataraṃ, parakkamadhātu nāma paraṃ paraṃ ṭhānaṃ akkamanato tatopi balavataraṃ. Imasmiṃ tippabhede vīriye yonisomanasikāraṃ bahulaṃ pavattayato thinamiddhaṃ pahīyati. Tenāha –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อารมฺภธาตุ, นิกฺกมธาตุ, ปรกฺกมธาตุฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส อนุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, ārambhadhātu, nikkamadhātu, parakkamadhātu. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā thinamiddhassa anuppādāya, uppannassa vā thinamiddhassa pahānāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    อปิจ ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ, อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโห – อิริยาปถสมฺปริวตฺตนตา, อาโลกสญฺญามนสิกาโร , อโพฺภกาสวาโส, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ ฯ อาหรหตฺถกภุตฺตวมิตกตตฺถวฎฺฎกอลํสาฎกกากมาสกโภชนํ ภุญฺชิตฺวา รตฺติฎฺฐานทิวาฎฺฐาเน นิสินฺนสฺส หิ สมณธมฺมํ กโรโต ถินมิทฺธํ มหาหตฺถี วิย โอตฺถรนฺตํ อาคจฺฉติ, จตุปญฺจอาโลปโอกาสํ ปน ฐเปตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลสฺส ภิกฺขุโน ตํ น โหติฯ เอวํ อติโภชเน นิมิตฺตํ คณฺหนฺตสฺสปิ ถินมิทฺธํ ปหียติฯ ยสฺมิํ อิริยาปเถ ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, ตโต อญฺญํ ปริวเตฺตนฺตสฺสปิ, รตฺติํ จนฺทาโลกํ ทีปาโลกํ อุกฺกาโลกํ ทิวา สูริยาโลกํ มนสิกโรนฺตสฺสปิ, อโพฺภกาเส วสนฺตสฺสปิ มหากสฺสปเตฺถรสทิเส วิคตถินมิเทฺธ กลฺยาณมิเตฺต เสวนฺตสฺสปิ ถินมิทฺธํ ปหียติ, ฐานนิสชฺชาทีสุ ธุตงฺคนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติฯ

    Apica cha dhammā thinamiddhassa pahānāya saṃvattanti, atibhojane nimittaggāho – iriyāpathasamparivattanatā, ālokasaññāmanasikāro , abbhokāsavāso, kalyāṇamittatā, sappāyakathāti . Āharahatthakabhuttavamitakatatthavaṭṭakaalaṃsāṭakakākamāsakabhojanaṃ bhuñjitvā rattiṭṭhānadivāṭṭhāne nisinnassa hi samaṇadhammaṃ karoto thinamiddhaṃ mahāhatthī viya ottharantaṃ āgacchati, catupañcaālopaokāsaṃ pana ṭhapetvā pānīyaṃ pivitvā yāpanasīlassa bhikkhuno taṃ na hoti. Evaṃ atibhojane nimittaṃ gaṇhantassapi thinamiddhaṃ pahīyati. Yasmiṃ iriyāpathe thinamiddhaṃ okkamati, tato aññaṃ parivattentassapi, rattiṃ candālokaṃ dīpālokaṃ ukkālokaṃ divā sūriyālokaṃ manasikarontassapi, abbhokāse vasantassapi mahākassapattherasadise vigatathinamiddhe kalyāṇamitte sevantassapi thinamiddhaṃ pahīyati, ṭhānanisajjādīsu dhutaṅganissitasappāyakathāyapi pahīyati. Tena vuttaṃ ‘‘cha dhammā thinamiddhassa pahānāya saṃvattantī’’ti.

    เจตโส อวูปสเม อโยนิโสมนสิกาเรน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาโท โหติฯ อวูปสโม นาม อวูปสนฺตากาโร, อตฺถโต ตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจเมวฯ ตตฺถ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ อุปฺปชฺชติฯ เตนาห –

    Cetaso avūpasame ayonisomanasikārena uddhaccakukkuccassa uppādo hoti. Avūpasamo nāma avūpasantākāro, atthato taṃ uddhaccakukkuccameva. Tattha ayonisomanasikāraṃ bahulaṃ pavattayato uddhaccakukkuccaṃ uppajjati. Tenāha –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เจตโส อวูปสโมฯ ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, cetaso avūpasamo. Tattha ayonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā uddhaccakukkuccassa uppādāya, uppannassa vā uddhaccakukkuccassa bhiyyobhāvāya vepullāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    สมาธิสงฺขาเต ปน เจตโส วูปสเม โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติฯ เตนาห –

    Samādhisaṅkhāte pana cetaso vūpasame yonisomanasikārenassa pahānaṃ hoti. Tenāha –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เจตโส วูปสโมฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อนุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, cetaso vūpasamo. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannassa vā uddhaccakukkuccassa anuppādāya, uppannassa vā uddhaccakukkuccassa pahānāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    อปิจ ฉ ธมฺมา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ปกตญฺญุตา, วุฑฺฒเสวิตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติฯ พาหุสเจฺจนปิ หิ เอกํ วา เทฺว วา ตโย วา จตฺตาโร วา ปญฺจ วา นิกาเย ปาฬิวเสน จ อตฺถวเสน จ อุคฺคณฺหนฺตสฺสปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, กปฺปิยากปฺปิยปริปุจฺฉาพหุลสฺสปิ, วินยปญฺญตฺติยํ จิณฺณวสีภาวตาย ปกตญฺญุโนปิ , วุเฑฺฒ มหลฺลกเตฺถเร อุปสงฺกมนฺตสฺสปิ, อุปาลิเตฺถรสทิเส วินยธเร กลฺยาณมิเตฺต เสวนฺตสฺสปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, ฐานนิสชฺชาทีสุ กปฺปิยากปฺปิยนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติฯ

    Apica cha dhammā uddhaccakukkuccassa pahānāya saṃvattanti – bahussutatā, paripucchakatā, vinaye pakataññutā, vuḍḍhasevitā, kalyāṇamittatā, sappāyakathāti. Bāhusaccenapi hi ekaṃ vā dve vā tayo vā cattāro vā pañca vā nikāye pāḷivasena ca atthavasena ca uggaṇhantassapi uddhaccakukkuccaṃ pahīyati, kappiyākappiyaparipucchābahulassapi, vinayapaññattiyaṃ ciṇṇavasībhāvatāya pakataññunopi , vuḍḍhe mahallakatthere upasaṅkamantassapi, upālittherasadise vinayadhare kalyāṇamitte sevantassapi uddhaccakukkuccaṃ pahīyati, ṭhānanisajjādīsu kappiyākappiyanissitasappāyakathāyapi pahīyati. Tena vuttaṃ ‘‘cha dhammā uddhaccakukkuccassa pahānāya saṃvattantī’’ti.

    วิจิกิจฺฉาฎฺฐานิเยสุ ธเมฺมสุ อโยนิโสมนสิกาเรน วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาโท โหติฯ วิจิกิจฺฉาฎฺฐานิยา ธมฺมา นาม ปุนปฺปุนํ วิจิกิจฺฉาย การณตฺตา วิจิกิจฺฉาวฯ ตตฺถ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติฯ เตนาห –

    Vicikicchāṭṭhāniyesu dhammesu ayonisomanasikārena vicikicchāya uppādo hoti. Vicikicchāṭṭhāniyā dhammā nāma punappunaṃ vicikicchāya kāraṇattā vicikicchāva. Tattha ayonisomanasikāraṃ bahulaṃ pavattayato vicikicchā uppajjati. Tenāha –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, วิจิกิจฺฉาฎฺฐานิยา ธมฺมาฯ ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, vicikicchāṭṭhāniyā dhammā. Tattha ayonisomanasikārabahulīkāro – ayamāhāro anuppannāya vā vicikicchāya uppādāya, uppannāya vā vicikicchāya bhiyyobhāvāya vepullāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    กุสลาทิธเมฺมสุ ปน โยนิโสมนสิกาเรน วิจิกิจฺฉาย ปหานํ โหติฯ เตนาห –

    Kusalādidhammesu pana yonisomanasikārena vicikicchāya pahānaṃ hoti. Tenāha –

    ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กุสลากุสลา ธมฺมา, สาวชฺชานวชฺชา ธมฺมา, เสวิตพฺพาเสวิตพฺพา ธมฺมา, หีนปณีตา ธมฺมา, กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคา ธมฺมาฯ ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร อยมาหาโร อนุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย อนุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒)ฯ

    ‘‘Atthi, bhikkhave, kusalākusalā dhammā, sāvajjānavajjā dhammā, sevitabbāsevitabbā dhammā, hīnapaṇītā dhammā, kaṇhasukkasappaṭibhāgā dhammā. Tattha yonisomanasikārabahulīkāro ayamāhāro anuppannāya vā vicikicchāya anuppādāya, uppannāya vā vicikicchāya pahānāyā’’ti (saṃ. ni. 5.232).

    อปิจ ฉ ธมฺมา วิจิกิจฺฉาย ปหานาย สํวตฺตนฺติ พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ปกตญฺญุตา, อธิโมกฺขพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ ฯ พาหุสจฺจวเสนปิ หิ เอกํ วา…เป.… ปญฺจ วา นิกาเย ปาฬิวเสน จ อตฺถวเสน จ อุคฺคณฺหนฺตสฺสปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ, ตีณิ รตนานิ อารพฺภ กุสลาทิเภเทสุ ธเมฺมสุ ปริปุจฺฉาพหุลสฺสปิ, วินเย จิณฺณวสีภาวสฺสปิ, ตีสุ รตเนสุ โอกปฺปนีย, สทฺธาสงฺขาต, อธิโมกฺขพหุลสฺสปิ, สทฺธาธิมุเตฺต วกฺกลิเตฺถรสทิเส กลฺยาณมิเตฺต เสวนฺตสฺสปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ, ฐานนิสชฺชาทีสุ ติณฺณํ รตนานํ คุณนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา วิจิกิจฺฉาย ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติฯ

    Apica cha dhammā vicikicchāya pahānāya saṃvattanti bahussutatā, paripucchakatā, vinaye pakataññutā, adhimokkhabahulatā, kalyāṇamittatā, sappāyakathāti . Bāhusaccavasenapi hi ekaṃ vā…pe… pañca vā nikāye pāḷivasena ca atthavasena ca uggaṇhantassapi vicikicchā pahīyati, tīṇi ratanāni ārabbha kusalādibhedesu dhammesu paripucchābahulassapi, vinaye ciṇṇavasībhāvassapi, tīsu ratanesu okappanīya, saddhāsaṅkhāta, adhimokkhabahulassapi, saddhādhimutte vakkalittherasadise kalyāṇamitte sevantassapi vicikicchā pahīyati, ṭhānanisajjādīsu tiṇṇaṃ ratanānaṃ guṇanissitasappāyakathāyapi pahīyati. Tena vuttaṃ ‘‘cha dhammā vicikicchāya pahānāya saṃvattantī’’ti.

    เอตฺถ จ ยถาวุเตฺตหิ เตหิ เตหิ ธเมฺมหิ วิกฺขมฺภนวเสน ปหีนานํ อิเมสํ นีวรณานํ กามจฺฉนฺทนีวรณสฺส ตาว อรหตฺตมเคฺคน อจฺจนฺตปฺปหานํ โหติ, ตถา ถินมิทฺธนีวรณสฺส อุทฺธจฺจนีวรณสฺส จ ฯ พฺยาปาทนีวรณสฺส ปน กุกฺกุจฺจนีวรณสฺส จ อนาคามิมเคฺคน, วิจิกิจฺฉานีวรณสฺส โสตาปตฺติมเคฺคน อจฺจนฺตปฺปหานํ โหติฯ ตสฺมา เตสํ ตถา ปหานาย อุปการธเมฺม ทเสฺสตุํ ‘‘อารทฺธํ โหติ วีริย’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ อิทเมว วา ยถาวุตฺตํ อภิชฺฌาทีนํ นีวรณานํ ปหานํ, ยสฺมา หีนวีริยตาย กุสีเตน, อนุปฎฺฐิตสฺสติตาย มุฎฺฐสฺสตินา, อปฎิปฺปสฺสทฺธทรถตาย สารทฺธกาเยน, อสมาหิตตาย วิกฺขิตฺตจิเตฺตน น กทาจิปิ เต สกฺกา นิพฺพเตฺตตุํ, ปเคว อิตรํ, ตสฺมา ยถา ปฎิปนฺนสฺส โส อภิชฺฌาทีนํ วิคโม ปหานํ สมฺภวติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อารทฺธํ โหติ วีริย’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ ตสฺสโตฺถ – เตสํ นีวรณานํ ปหานาย สเพฺพสมฺปิ วา สํกิเลสธมฺมานํ สมุจฺฉินฺทนตฺถาย วีริยํ อารทฺธํ โหติ, ปคฺคหิตํ อสิถิลปฺปวตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อารทฺธตฺตา เอว จ อนฺตรา สโงฺกจสฺส อนาปชฺชนโต อสลฺลีนํ

    Ettha ca yathāvuttehi tehi tehi dhammehi vikkhambhanavasena pahīnānaṃ imesaṃ nīvaraṇānaṃ kāmacchandanīvaraṇassa tāva arahattamaggena accantappahānaṃ hoti, tathā thinamiddhanīvaraṇassa uddhaccanīvaraṇassa ca . Byāpādanīvaraṇassa pana kukkuccanīvaraṇassa ca anāgāmimaggena, vicikicchānīvaraṇassa sotāpattimaggena accantappahānaṃ hoti. Tasmā tesaṃ tathā pahānāya upakāradhamme dassetuṃ ‘‘āraddhaṃ hoti vīriya’’ntiādi āraddhaṃ. Idameva vā yathāvuttaṃ abhijjhādīnaṃ nīvaraṇānaṃ pahānaṃ, yasmā hīnavīriyatāya kusītena, anupaṭṭhitassatitāya muṭṭhassatinā, apaṭippassaddhadarathatāya sāraddhakāyena, asamāhitatāya vikkhittacittena na kadācipi te sakkā nibbattetuṃ, pageva itaraṃ, tasmā yathā paṭipannassa so abhijjhādīnaṃ vigamo pahānaṃ sambhavati, taṃ dassetuṃ ‘‘āraddhaṃ hoti vīriya’’ntiādi āraddhaṃ. Tassattho – tesaṃ nīvaraṇānaṃ pahānāya sabbesampi vā saṃkilesadhammānaṃ samucchindanatthāya vīriyaṃ āraddhaṃ hoti, paggahitaṃ asithilappavattanti vuttaṃ hoti. Āraddhattā eva ca antarā saṅkocassa anāpajjanato asallīnaṃ.

    อุปฎฺฐิตา สติ อสมฺมุฎฺฐาติ น เกวลญฺจ วีริยเมว, สติปิ อารมฺมณาภิมุขภาเวน อุปฎฺฐิตา โหติ, ตถา อุปฎฺฐิตตฺตา เอว จ จิรกตจิรภาสิตานํ สรณสมตฺถตาย อสมฺมุฎฺฐาฯ ปสฺสโทฺธติ กายจิตฺตทรถปฺปสฺสมฺภเนน กาโยปิสฺส ปสฺสโทฺธ โหติฯ ตตฺถ ยสฺมา นามกาเย ปสฺสเทฺธ รูปกาโยปิสฺส ปสฺสโทฺธ เอว โหติ, ตสฺมา ‘‘นามกาโย รูปกาโย’’ติ อวิเสเสตฺวา ‘‘ปสฺสโทฺธ กาโย’’ติ วุตฺตํฯ อสารโทฺธติ โส จ ปสฺสทฺธตฺตา เอว อสารโทฺธ, วิคตทรโถติ วุตฺตํ โหติฯ สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคนฺติ จิตฺตมฺปิสฺส สมฺมา อาหิตํ สุฎฺฐุ ฐปิตํ อปฺปิตํ วิย โหติ, สมาหิตตฺตา เอว จ เอกคฺคํ อจลํ นิปฺผนฺทนํ นิริญฺชนนฺติฯ

    Upaṭṭhitā sati asammuṭṭhāti na kevalañca vīriyameva, satipi ārammaṇābhimukhabhāvena upaṭṭhitā hoti, tathā upaṭṭhitattā eva ca cirakatacirabhāsitānaṃ saraṇasamatthatāya asammuṭṭhā. Passaddhoti kāyacittadarathappassambhanena kāyopissa passaddho hoti. Tattha yasmā nāmakāye passaddhe rūpakāyopissa passaddho eva hoti, tasmā ‘‘nāmakāyo rūpakāyo’’ti avisesetvā ‘‘passaddho kāyo’’ti vuttaṃ. Asāraddhoti so ca passaddhattā eva asāraddho, vigatadarathoti vuttaṃ hoti. Samāhitaṃ cittaṃ ekagganti cittampissa sammā āhitaṃ suṭṭhu ṭhapitaṃ appitaṃ viya hoti, samāhitattā eva ca ekaggaṃ acalaṃ nipphandanaṃ niriñjananti.

    เอตฺตาวตา ฌานมคฺคานํ ปุพฺพภาคปฎิปทา กถิตาฯ เตเนวาห –

    Ettāvatā jhānamaggānaṃ pubbabhāgapaṭipadā kathitā. Tenevāha –

    ‘‘จรมฺปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํภูโต อาตาปี โอตฺตาปี สตตํ สมิตํ อารทฺธวีริโย ปหิตโตฺตติ วุจฺจตี’’ติ (อิติวุ. ๑๑๐)ฯ

    ‘‘Carampi, bhikkhave, bhikkhu evaṃbhūto ātāpī ottāpī satataṃ samitaṃ āraddhavīriyo pahitattoti vuccatī’’ti (itivu. 110).

    ตสฺสโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺต เอวฯ

    Tassattho heṭṭhā vutto eva.

    คาถาสุ ยตํ จเรติ ยตมาโน จเรยฺย, จงฺกมนาทิวเสน คมนํ กเปฺปโนฺตปิ ‘‘อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๖๕๑-๖๖๒; วิภ. ๓๙๐) นเยน วุตฺตสมฺมปฺปธานวีริยวเสน ยตโนฺต ฆเฎโนฺต วายมโนฺต ยถา อกุสลา ธมฺมา ปหียนฺติ, กุสลา ธมฺมา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ, เอวํ คมนํ กเปฺปยฺยาติ อโตฺถฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ เกจิ ปน ‘‘ยต’’นฺติ เอตสฺส สํยโตติ อตฺถํ วทนฺติฯ ติเฎฺฐติ ติเฎฺฐยฺย ฐานํ กเปฺปยฺยฯ อเจฺฉติ นิสีเทยฺยฯ สเยติ นิปเชฺชยฺยฯ ยตเมนํ ปสารเยติ เอตํ ปสาเรตพฺพํ หตฺถปาทาทิํ ยตํ ยตมาโน ยถาวุตฺตวีริยสมงฺคีเยว หุตฺวา ปสาเรยฺย, สพฺพตฺถ ปมาทํ วิชเหยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ

    Gāthāsu yataṃ careti yatamāno careyya, caṅkamanādivasena gamanaṃ kappentopi ‘‘anuppannānaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ anuppādāya chandaṃ janeti vāyamatī’’tiādinā (saṃ. ni. 5.651-662; vibha. 390) nayena vuttasammappadhānavīriyavasena yatanto ghaṭento vāyamanto yathā akusalā dhammā pahīyanti, kusalā dhammā bhāvanāpāripūriṃ gacchanti, evaṃ gamanaṃ kappeyyāti attho. Esa nayo sesesupi. Keci pana ‘‘yata’’nti etassa saṃyatoti atthaṃ vadanti. Tiṭṭheti tiṭṭheyya ṭhānaṃ kappeyya. Accheti nisīdeyya. Sayeti nipajjeyya. Yatamenaṃ pasārayeti etaṃ pasāretabbaṃ hatthapādādiṃ yataṃ yatamāno yathāvuttavīriyasamaṅgīyeva hutvā pasāreyya, sabbattha pamādaṃ vijaheyyāti adhippāyo.

    อิทานิ ยถา ปฎิปชฺชโนฺต ยตํ ยตมาโน นาม โหติ, ตํ ปฎิปทํ ทเสฺสตุํ ‘‘อุทฺธ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อุทฺธนฺติ อุปริฯ ติริยนฺติ ติริยโต, ปุรตฺถิมทิสาทิวเสน สมนฺตโต ทิสาภาเคสูติ อโตฺถฯ อปาจีนนฺติ เหฎฺฐาฯ ยาวตา ชคโต คตีติ ยตฺตกา สตฺตสงฺขารเภทสฺส โลกสฺส ปวตฺติ, ตตฺถ สพฺพตฺถาติ อโตฺถฯ เอตฺตาวตา อนวเสสโต สมฺมสนญาณสฺส วิสยํ สงฺคเหตฺวา ทเสฺสติฯ สมเวกฺขิตาติ สมฺมา เหตุนา ญาเยน อเวกฺขิตา, อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสโกติ วุตฺตํ โหติฯ ธมฺมานนฺติ สตฺตสุญฺญานํฯ ขนฺธานนฺติ รูปาทีนํ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํฯ อุทยพฺพยนฺติ อุทยญฺจ วยญฺจฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อุปริ ติริยํ อโธติ ติสงฺคเห สพฺพสฺมิํ โลเก อตีตาทิเภทภินฺนานํ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธสงฺขาตานํ สเพฺพสํ รูปารูปธมฺมานํ อนิจฺจตาทิสมฺมสนาธิคเตน อุทยพฺพยญาเณน ปญฺจวีสติยา อากาเรหิ อุทยํ, ปญฺจวีสติยา อากาเรหิ วยญฺจ สมเวกฺขิตา สมนุปสฺสิตา ภเวยฺยาติฯ

    Idāni yathā paṭipajjanto yataṃ yatamāno nāma hoti, taṃ paṭipadaṃ dassetuṃ ‘‘uddha’’ntiādi vuttaṃ. Tattha uddhanti upari. Tiriyanti tiriyato, puratthimadisādivasena samantato disābhāgesūti attho. Apācīnanti heṭṭhā. Yāvatā jagato gatīti yattakā sattasaṅkhārabhedassa lokassa pavatti, tattha sabbatthāti attho. Ettāvatā anavasesato sammasanañāṇassa visayaṃ saṅgahetvā dasseti. Samavekkhitāti sammā hetunā ñāyena avekkhitā, aniccādivasena vipassakoti vuttaṃ hoti. Dhammānanti sattasuññānaṃ. Khandhānanti rūpādīnaṃ pañcannaṃ khandhānaṃ. Udayabbayanti udayañca vayañca. Idaṃ vuttaṃ hoti – upari tiriyaṃ adhoti tisaṅgahe sabbasmiṃ loke atītādibhedabhinnānaṃ pañcupādānakkhandhasaṅkhātānaṃ sabbesaṃ rūpārūpadhammānaṃ aniccatādisammasanādhigatena udayabbayañāṇena pañcavīsatiyā ākārehi udayaṃ, pañcavīsatiyā ākārehi vayañca samavekkhitā samanupassitā bhaveyyāti.

    เจโตสมถสามีจินฺติ จิตฺตสํกิเลสานํ อจฺจนฺตวูปสมนโต เจโตสมถสงฺขาตสฺส อริยมคฺคสฺส อนุจฺฉวิกปฎิปทํ ญาณทสฺสนวิสุทฺธิํฯ สิกฺขมานนฺติ ปฎิปชฺชมานํ ภาเวนฺตํ ญาณปรมฺปรํ นิพฺพเตฺตนฺตํฯ สทาติ สพฺพกาลํ, รตฺติเญฺจว ทิวา จฯ สตนฺติ จตุสมฺปชเญฺญน สมนฺนาคตาย สติยา สโตการิํฯ สตตํ ปหิตโตฺตติ สพฺพกาลํ ปหิตโตฺต นิพฺพานํ ปฎิเปสิตโตฺตติ ตถาวิธํ ภิกฺขุํ พุทฺธาทโย อริยา อาหุ อาจิกฺขนฺติ กเถนฺติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Cetosamathasāmīcinti cittasaṃkilesānaṃ accantavūpasamanato cetosamathasaṅkhātassa ariyamaggassa anucchavikapaṭipadaṃ ñāṇadassanavisuddhiṃ. Sikkhamānanti paṭipajjamānaṃ bhāventaṃ ñāṇaparamparaṃ nibbattentaṃ. Sadāti sabbakālaṃ, rattiñceva divā ca. Satanti catusampajaññena samannāgatāya satiyā satokāriṃ. Satataṃ pahitattoti sabbakālaṃ pahitatto nibbānaṃ paṭipesitattoti tathāvidhaṃ bhikkhuṃ buddhādayo ariyā āhu ācikkhanti kathenti. Sesaṃ vuttanayameva.

    ทฺวาทสมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dvādasamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๑๒. สมฺปนฺนสีลสุตฺตํ • 12. Sampannasīlasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact