Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๑๐. สมฺปสาทนลกฺขณสทฺธาปโญฺห
10. Sampasādanalakkhaṇasaddhāpañho
๑๐. ราชา อาห ‘‘ภเนฺต นาคเสน, กิํลกฺขณา สทฺธา’’ติ? ‘‘สมฺปสาทนลกฺขณา จ, มหาราช, สทฺธา, สมฺปกฺขนฺทนลกฺขณา จา’’ติฯ ‘‘กถํ, ภเนฺต, สมฺปสาทนลกฺขณา สทฺธา’’ติ? ‘‘สทฺธา โข, มหาราช, อุปฺปชฺชมานา นีวรเณ วิกฺขเมฺภติ, วินีวรณํ จิตฺตํ โหติ อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ อนาวิลํฯ เอวํ โข, มหาราช, สมฺปสาทนลกฺขณา สทฺธา’’ติฯ
10. Rājā āha ‘‘bhante nāgasena, kiṃlakkhaṇā saddhā’’ti? ‘‘Sampasādanalakkhaṇā ca, mahārāja, saddhā, sampakkhandanalakkhaṇā cā’’ti. ‘‘Kathaṃ, bhante, sampasādanalakkhaṇā saddhā’’ti? ‘‘Saddhā kho, mahārāja, uppajjamānā nīvaraṇe vikkhambheti, vinīvaraṇaṃ cittaṃ hoti acchaṃ vippasannaṃ anāvilaṃ. Evaṃ kho, mahārāja, sampasādanalakkhaṇā saddhā’’ti.
‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ยถา, มหาราช, ราชา จกฺกวตฺตี จตุรงฺคินิยา เสนาย สทฺธิํ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺน ปริตฺตํ อุทกํ ตเรยฺย, ตํ อุทกํ หตฺถีหิ จ อเสฺสหิ จ รเถหิ จ ปตฺตีหิ จ ขุภิตํ ภเวยฺย อาวิลํ ลุฬิตํ กลลีภูตํฯ อุตฺติโณฺณ จ ราชา จกฺกวตฺตี มนุเสฺส อาณาเปยฺย ‘ปานียํ, ภเณ, อาหรถ, ปิวิสฺสามี’ติ, รโญฺญ จ อุทกปฺปสาทโก มณิ ภเวยฺยฯ ‘เอวํ เทวา’ติ โข เต มนุสฺสา รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ปฎิสฺสุตฺวา ตํ อุทกปฺปสาทกํ มณิํ อุทเก ปกฺขิเปยฺยุํ, ตสฺมิํ อุทเก ปกฺขิตฺตมเตฺต สงฺขเสวาลปณกํ วิคเจฺฉยฺย, กทฺทโม จ สนฺนิสีเทยฺย, อจฺฉํ ภเวยฺย อุทกํ วิปฺปสนฺนํ อนาวิลํฯ ตโต รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ปานียํ อุปนาเมยฺยุํ ‘ปิวตุ, เทว, ปานีย’นฺติฯ
‘‘Opammaṃ karohī’’ti. ‘‘Yathā, mahārāja, rājā cakkavattī caturaṅginiyā senāya saddhiṃ addhānamaggappaṭipanno parittaṃ udakaṃ tareyya, taṃ udakaṃ hatthīhi ca assehi ca rathehi ca pattīhi ca khubhitaṃ bhaveyya āvilaṃ luḷitaṃ kalalībhūtaṃ. Uttiṇṇo ca rājā cakkavattī manusse āṇāpeyya ‘pānīyaṃ, bhaṇe, āharatha, pivissāmī’ti, rañño ca udakappasādako maṇi bhaveyya. ‘Evaṃ devā’ti kho te manussā rañño cakkavattissa paṭissutvā taṃ udakappasādakaṃ maṇiṃ udake pakkhipeyyuṃ, tasmiṃ udake pakkhittamatte saṅkhasevālapaṇakaṃ vigaccheyya, kaddamo ca sannisīdeyya, acchaṃ bhaveyya udakaṃ vippasannaṃ anāvilaṃ. Tato rañño cakkavattissa pānīyaṃ upanāmeyyuṃ ‘pivatu, deva, pānīya’nti.
‘‘ยถา, มหาราช, อุทกํ, เอวํ จิตฺตํ ทฎฺฐพฺพํ, ยถา เต มนุสฺสา, เอวํ โยคาวจโร ทฎฺฐโพฺพ, ยถา สงฺขเสวาลปณกํ กทฺทโม จ, เอวํ กิเลสา ทฎฺฐพฺพาฯ ยถา อุทกปฺปสาทโก มณิ, เอวํ สทฺธา ทฎฺฐพฺพา, ยถา อุทกปฺปสาทเก มณิมฺหิ อุทเก ปกฺขิตฺตมเตฺต สงฺขเสวาลปณกํ วิคเจฺฉยฺย, กทฺทโม จ สนฺนิสีเทยฺย, อจฺฉํ ภเวยฺย อุทกํ วิปฺปสนฺนํ อนาวิลํ, เอวเมว โข, มหาราช, สทฺธา อุปฺปชฺชมานา นีวรเณ วิกฺขเมฺภติ, วินีวรณํ จิตฺตํ โหติ อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ อนาวิลํ, เอวํ โข, มหาราช, สมฺปสาทนลกฺขณา สทฺธา’’ติฯ
‘‘Yathā, mahārāja, udakaṃ, evaṃ cittaṃ daṭṭhabbaṃ, yathā te manussā, evaṃ yogāvacaro daṭṭhabbo, yathā saṅkhasevālapaṇakaṃ kaddamo ca, evaṃ kilesā daṭṭhabbā. Yathā udakappasādako maṇi, evaṃ saddhā daṭṭhabbā, yathā udakappasādake maṇimhi udake pakkhittamatte saṅkhasevālapaṇakaṃ vigaccheyya, kaddamo ca sannisīdeyya, acchaṃ bhaveyya udakaṃ vippasannaṃ anāvilaṃ, evameva kho, mahārāja, saddhā uppajjamānā nīvaraṇe vikkhambheti, vinīvaraṇaṃ cittaṃ hoti acchaṃ vippasannaṃ anāvilaṃ, evaṃ kho, mahārāja, sampasādanalakkhaṇā saddhā’’ti.
‘‘กโลฺลสิ, ภเนฺต นาคเสนา’’ติฯ
‘‘Kallosi, bhante nāgasenā’’ti.
สมฺปสาทนลกฺขณสทฺธาปโญฺห ทสโมฯ
Sampasādanalakkhaṇasaddhāpañho dasamo.