Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Dīgha Nikāya, English translation

    ทีฆ นิกาย ๒๘

    Long Discourses 28

    สมฺปสาทนียสุตฺต

    Inspiring Confidence

    ๑ฯ สาริปุตฺตสีหนาท

    1. Sāriputta’s Lion’s Roar

    เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา นาฬนฺทายํ วิหรติ ปาวาริกมฺพวเนฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ:

    So I have heard. At one time the Buddha was staying near Nāḷandā in Pāvārika’s mango grove. Then Sāriputta went up to the Buddha, bowed, sat down to one side, and said to him:

    “เอวํปสนฺโน อหํ, ภนฺเต, ภควติ, น จาหุ น จ ภวิสฺสติ น เจตรหิ วิชฺชติ อญฺโญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร ยทิทํ สมฺโพธิยนฺ”ติฯ

    “Sir, I have such confidence in the Buddha that I believe there’s no other ascetic or brahmin—whether past, future, or present—whose direct knowledge is superior to the Buddha when it comes to awakening.”

    “อุฬารา โข เต อยํ, สาริปุตฺต, อาสภี วาจา ภาสิตา, เอกํโส คหิโต, สีหนาโท นทิโต: ‘เอวํปสนฺโน อหํ, ภนฺเต, ภควติ; น จาหุ น จ ภวิสฺสติ น เจตรหิ วิชฺชติ อญฺโญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร ยทิทํ สมฺโพธิยนฺ'ติฯ

    “That’s a grand and dramatic statement, Sāriputta. You’ve roared a definitive, categorical lion’s roar, saying: ‘I have such confidence in the Buddha that I believe there’s no other ascetic or brahmin—whether past, future, or present—whose direct knowledge is superior to the Buddha when it comes to awakening.’

    กึ เต, สาริปุตฺต, เย เต อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, สพฺเพ เต ภควนฺโต เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิตา: ‘เอวํสีลา เต ภควนฺโต อเหสุํ อิติปิ, เอวํธมฺมา เต ภควนฺโต อเหสุํ อิติปิ, เอวํปญฺญา เต ภควนฺโต อเหสุํ อิติปิ, เอวํวิหารี เต ภควนฺโต อเหสุํ อิติปิ, เอวํวิมุตฺตา เต ภควนฺโต อเหสุํ อิติปี'”ติ?

    What about all the perfected ones, the fully awakened Buddhas who lived in the past? Have you comprehended their minds to know that those Buddhas had such ethics, or such qualities, or such wisdom, or such meditation, or such freedom?”

    “โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ

    “No, sir.”

    “กึ ปน เต, สาริปุตฺต, เย เต ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, สพฺเพ เต ภควนฺโต เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิตา: ‘เอวํสีลา เต ภควนฺโต ภวิสฺสนฺติ อิติปิ, เอวํธมฺมา … เอวํปญฺญา … เอวํวิหารี … เอวํวิมุตฺตา เต ภควนฺโต ภวิสฺสนฺติ อิติปี'”ติ?

    “And what about all the perfected ones, the fully awakened Buddhas who will live in the future? Have you comprehended their minds to know that those Buddhas will have such ethics, or such qualities, or such wisdom, or such meditation, or such freedom?”

    “โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ

    “No, sir.”

    “กึ ปน เต, สาริปุตฺต, อหํ เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต: ‘เอวํสีโล ภควา อิติปิ, เอวํธมฺโม … เอวํปญฺโญ … เอวํวิหารี … เอวํวิมุตฺโต ภควา อิติปี'”ติ?

    “And what about me, the perfected one, the fully awakened Buddha at present? Have you comprehended my mind to know that I have such ethics, or such qualities, or such wisdom, or such meditation, or such freedom?”

    “โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ

    “No, sir.”

    “เอตฺถ จ หิ เต, สาริปุตฺต, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ อรหนฺเตสุ สมฺมาสมฺพุทฺเธสุ เจโตปริยญาณํ นตฺถิฯ อถ กึ จรหิ เต อยํ, สาริปุตฺต, อุฬารา อาสภี วาจา ภาสิตา, เอกํโส คหิโต, สีหนาโท นทิโต: ‘เอวํปสนฺโน อหํ, ภนฺเต, ภควติ, น จาหุ น จ ภวิสฺสติ น เจตรหิ วิชฺชติ อญฺโญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร ยทิทํ สมฺโพธิยนฺ'”ติ?

    “Well then, Sāriputta, given that you don’t comprehend the minds of Buddhas past, future, or present, what exactly are you doing, making such a grand and dramatic statement, roaring such a definitive, categorical lion’s roar?”

    “น โข เม, ภนฺเต, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ อรหนฺเตสุ สมฺมาสมฺพุทฺเธสุ เจโตปริยญาณํ อตฺถิฯ อปิ จ เม ธมฺมนฺวโย วิทิโตฯ เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, รญฺโญ ปจฺจนฺติมํ นครํ ทฬฺหุทฺธาปํ ทฬฺหปาการโตรณํ เอกทฺวารํฯ ตตฺรสฺส โทวาริโก ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี อญฺญาตานํ นิวาเรตา, ญาตานํ ปเวเสตาฯ โส ตสฺส นครสฺส สมนฺตา อนุปริยายปถํ อนุกฺกมมาโน น ปเสฺสยฺย ปาการสนฺธึ วา ปาการวิวรํ วา อนฺตมโส พิฬารนิกฺขมนมตฺตมฺปิฯ ตสฺส เอวมสฺส: ‘เย โข เกจิ โอฬาริกา ปาณา อิมํ นครํ ปวิสนฺติ วา นิกฺขมนฺติ วา, สพฺเพ เต อิมินาว ทฺวาเรน ปวิสนฺติ วา นิกฺขมนฺติ วา'ติฯ

    “Sir, though I don’t comprehend the minds of Buddhas past, future, and present, still I understand this by inference from the teaching. Suppose there were a king’s frontier citadel with fortified embankments, ramparts, and arches, and a single gate. And it has a gatekeeper who is astute, competent, and clever. He keeps strangers out and lets known people in. As he walks around the patrol path, he doesn’t see a hole or cleft in the wall, not even one big enough for a cat to slip out. They’d think, ‘Whatever sizable creatures enter or leave the citadel, all of them do so via this gate.’

    เอวเมว โข เม, ภนฺเต, ธมฺมนฺวโย วิทิโตฯ เย เต, ภนฺเต, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, สพฺเพ เต ภควนฺโต ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ จตูสุ สติปฏฺฐาเนสุ สุปฺปติฏฺฐิตจิตฺตา, สตฺต สมฺโพชฺฌงฺเค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌึสุฯ เยปิ เต, ภนฺเต, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, สพฺเพ เต ภควนฺโต ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ จตูสุ สติปฏฺฐาเนสุ สุปฺปติฏฺฐิตจิตฺตา, สตฺต สมฺโพชฺฌงฺเค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิสฺสนฺติฯ ภควาปิ, ภนฺเต, เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ จตูสุ สติปฏฺฐาเนสุ สุปฺปติฏฺฐิตจิตฺโต สตฺต สมฺโพชฺฌงฺเค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธฯ

    In the same way, I understand this by inference from the teaching: ‘All the perfected ones, fully awakened Buddhas—whether past, future, or present—give up the five hindrances, corruptions of the heart that weaken wisdom. Their mind is firmly established in the four kinds of mindfulness meditation. They correctly develop the seven awakening factors. And they wake up to the supreme perfect awakening.’

    อิธาหํ, ภนฺเต, เยน ภควา เตนุปสงฺกมึ ธมฺมสฺสวนายฯ ตสฺส เม, ภนฺเต, ภควา ธมฺมํ เทเสติ อุตฺตรุตฺตรํ ปณีตปณีตํ กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคํฯ ยถา ยถา เม, ภนฺเต, ภควา ธมฺมํ เทเสสิ อุตฺตรุตฺตรํ ปณีตปณีตํ กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคํ ตถา ตถาหํ ตสฺมึ ธมฺเม อภิญฺญา อิเธกจฺจํ ธมฺมํ ธมฺเมสุ นิฏฺฐมคมํ; สตฺถริ ปสีทึ: ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สาวกสงฺโฆ'ติฯ

    Sir, once I approached the Buddha to listen to the teaching. He explained Dhamma with its higher and higher stages, with its better and better stages, with its dark and bright sides. When I directly knew a certain principle of those teachings, in accordance with how I was taught, I came to a conclusion about the teachings. I had confidence in the Teacher: ‘The Blessed One is a fully awakened Buddha. The teaching is well explained. The Saṅgha is practicing well.’

    ๑ฯ๑ฯ กุสลธมฺมเทสนา

    1.1. Teaching Skillful Qualities

    อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ ตตฺริเม กุสลา ธมฺมา เสยฺยถิทํ—จตฺตาโร สติปฏฺฐานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปญฺจินฺทฺริยานิ, ปญฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฏฺฐงฺคิโก มคฺโคฯ อิธ, ภนฺเต, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปญฺญาวิมุตฺตึ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภนฺเต, กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ ตํ ภควา อเสสมภิชานาติ, ตํ ภควโต อเสสมภิชานโต อุตฺตริ อภิญฺเญยฺยํ นตฺถิ, ยทภิชานํ อญฺโญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร อสฺส, ยทิทํ กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    And moreover, sir, how the Buddha teaches skillful qualities is unsurpassable. This consists of such skillful qualities as the four kinds of mindfulness meditation, the four right efforts, the four bases of psychic power, the five faculties, the five powers, the seven awakening factors, and the noble eightfold path. By these a bhikkhu realizes the undefiled freedom of heart and freedom by wisdom in this very life. And they live having realized it with their own insight due to the ending of defilements. This is unsurpassable when it comes to skillful qualities. The Buddha understands this without exception. There is nothing to be understood beyond this whereby another ascetic or brahmin might be superior in direct knowledge to the Buddha when it comes to skillful qualities.

    ๑ฯ๒ฯ อายตนปณฺณตฺติเทสนา

    1.2. Describing the Sense Fields

    อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ อายตนปณฺณตฺตีสุฯ ฉยิมานิ, ภนฺเต, อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิฯ จกฺขุญฺเจว รูปา จ, โสตญฺเจว สทฺทา จ, ฆานญฺเจว คนฺธา จ, ชิวฺหา เจว รสา จ, กาโย เจว โผฏฺฐพฺพา จ, มโน เจว ธมฺมา จฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภนฺเต, อายตนปณฺณตฺตีสุฯ ตํ ภควา อเสสมภิชานาติ, ตํ ภควโต อเสสมภิชานโต อุตฺตริ อภิญฺเญยฺยํ นตฺถิ, ยทภิชานํ อญฺโญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร อสฺส ยทิทํ อายตนปณฺณตฺตีสุฯ

    And moreover, sir, how the Buddha teaches the description of the sense fields is unsurpassable. There are these six interior and exterior sense fields. The eye and sights, the ear and sounds, the nose and smells, the tongue and tastes, the body and touches, and the mind and thoughts. This is unsurpassable when it comes to describing the sense fields. The Buddha understands this without exception. There is nothing to be understood beyond this whereby another ascetic or brahmin might be superior in direct knowledge to the Buddha when it comes to describing the sense fields.

    ๑ฯ๓ฯ คพฺภาวกฺกนฺติเทสนา

    1.3. The Conception of the Embryo

    อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ คพฺภาวกฺกนฺตีสุฯ จตโสฺส อิมา, ภนฺเต, คพฺภาวกฺกนฺติโยฯ

    And moreover, sir, how the Buddha teaches the conception of the embryo is unsurpassable. There are these four kinds of conception.

    อิธ, ภนฺเต, เอกจฺโจ อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมติ; อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมึ ฐาติ; อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติฯ อยํ ปฐมา คพฺภาวกฺกนฺติฯ

    Firstly, someone is unaware when conceived in their mother’s womb, unaware as they remain there, and unaware as they emerge. This is the first kind of conception.

    ปุน จปรํ, ภนฺเต, อิเธกจฺโจ สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมติ; อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมึ ฐาติ; อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติฯ อยํ ทุติยา คพฺภาวกฺกนฺติฯ

    Furthermore, someone is aware when conceived in their mother’s womb, but unaware as they remain there, and unaware as they emerge. This is the second kind of conception.

    ปุน จปรํ, ภนฺเต, อิเธกจฺโจ สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมติ; สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมึ ฐาติ; อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติฯ อยํ ตติยา คพฺภาวกฺกนฺติฯ

    Furthermore, someone is aware when conceived in their mother’s womb, aware as they remain there, but unaware as they emerge. This is the third kind of conception.

    ปุน จปรํ, ภนฺเต, อิเธกจฺโจ สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมติ; สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมึ ฐาติ; สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติฯ อยํ จตุตฺถา คพฺภาวกฺกนฺติฯ

    Furthermore, someone is aware when conceived in their mother’s womb, aware as they remain there, and aware as they emerge. This is the fourth kind of conception.

    เอตทานุตฺตริยํ, ภนฺเต, คพฺภาวกฺกนฺตีสุฯ

    This is unsurpassable when it comes to the conception of the embryo.

    ๑ฯ๔ฯ อาเทสนวิธาเทสนา

    1.4. Ways of Revealing

    อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ อาเทสนวิธาสุฯ จตโสฺส อิมา, ภนฺเต, อาเทสนวิธาฯ

    And moreover, sir, how the Buddha teaches the different ways of revealing is unsurpassable. There are these four ways of revealing.

    อิธ, ภนฺเต, เอกจฺโจ นิมิตฺเตน อาทิสติ: ‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน, อิติปิ เต จิตฺตนฺ'ติฯ โส พหุญฺเจปิ อาทิสติ, ตเถว ตํ โหติ, โน อญฺญถาฯ อยํ ปฐมา อาเทสนวิธาฯ

    Firstly, someone reveals by means of a sign, ‘This is what you’re thinking, such is your thought, and thus is your state of mind.’ And even if they reveal this many times, it turns out exactly so, not otherwise. This is the first way of revealing.

    ปุน จปรํ, ภนฺเต, อิเธกจฺโจ น เหว โข นิมิตฺเตน อาทิสติฯ อปิ จ โข มนุสฺสานํ วา อมนุสฺสานํ วา เทวตานํ วา สทฺทํ สุตฺวา อาทิสติ: ‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน, อิติปิ เต จิตฺตนฺ'ติฯ โส พหุญฺเจปิ อาทิสติ, ตเถว ตํ โหติ, โน อญฺญถาฯ อยํ ทุติยา อาเทสนวิธาฯ

    Furthermore, someone reveals after hearing it from humans or non-humans or deities, ‘This is what you’re thinking, such is your thought, and thus is your state of mind.’ And even if they reveal this many times, it turns out exactly so, not otherwise. This is the second way of revealing.

    ปุน จปรํ, ภนฺเต, อิเธกจฺโจ น เหว โข นิมิตฺเตน อาทิสติ, นาปิ มนุสฺสานํ วา อมนุสฺสานํ วา เทวตานํ วา สทฺทํ สุตฺวา อาทิสติฯ อปิ จ โข วิตกฺกยโต วิจารยโต วิตกฺกวิปฺผารสทฺทํ สุตฺวา อาทิสติ: ‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน, อิติปิ เต จิตฺตนฺ'ติฯ โส พหุญฺเจปิ อาทิสติ, ตเถว ตํ โหติ, โน อญฺญถาฯ อยํ ตติยา อาเทสนวิธาฯ

    Furthermore, someone reveals by hearing the sound of thought spreading as someone thinks and considers, ‘This is what you’re thinking, such is your thought, and thus is your state of mind.’ And even if they reveal this many times, it turns out exactly so, not otherwise. This is the third way of revealing.

    ปุน จปรํ, ภนฺเต, อิเธกจฺโจ น เหว โข นิมิตฺเตน อาทิสติ, นาปิ มนุสฺสานํ วา อมนุสฺสานํ วา เทวตานํ วา สทฺทํ สุตฺวา อาทิสติ, นาปิ วิตกฺกยโต วิจารยโต วิตกฺกวิปฺผารสทฺทํ สุตฺวา อาทิสติฯ อปิ จ โข อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธึ สมาปนฺนสฺส เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาติ: ‘ยถา อิมสฺส โภโต มโนสงฺขารา ปณิหิตาฯ ตถา อิมสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา อิมํ นาม วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสตี'ติฯ โส พหุญฺเจปิ อาทิสติ, ตเถว ตํ โหติ, โน อญฺญถาฯ อยํ จตุตฺถา อาเทสนวิธาฯ

    Furthermore, someone comprehends the mind of a person who has attained the immersion that’s free of placing the mind and keeping it connected. They understand, ‘Judging by the way this person’s intentions are directed, immediately after this mind state, they’ll think this thought.’ And even if they reveal this many times, it turns out exactly so, not otherwise. This is the fourth way of revealing.

    เอตทานุตฺตริยํ, ภนฺเต, อาเทสนวิธาสุฯ

    This is unsurpassable when it comes to the ways of revealing.

    ๑ฯ๕ฯ ทสฺสนสมาปตฺติเทสนา

    1.5. Attainments of Vision

    อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ ทสฺสนสมาปตฺตีสุฯ จตโสฺส อิมา, ภนฺเต, ทสฺสนสมาปตฺติโยฯ

    And moreover, sir, how the Buddha teaches the attainments of vision is unsurpassable. There are these four attainments of vision.

    อิธ, ภนฺเต, เอกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธึ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิตฺเต อิมเมว กายํ อุทฺธํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา ตจปริยนฺตํ ปูรํ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปจฺจเวกฺขติ: ‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา โลมา นขา ทนฺตา ตโจ มํสํ นฺหารุ อฏฺฐิ อฏฺฐิมิญฺชํ วกฺกํ หทยํ ยกนํ กิโลมกํ ปิหกํ ปปฺผาสํ อนฺตํ อนฺตคุณํ อุทริยํ กรีสํ ปิตฺตํ เสมฺหํ ปุพฺโพ โลหิตํ เสโท เมโท อสฺสุ วสา เขโฬ สิงฺฆานิกา ลสิกา มุตฺตนฺ'ติฯ อยํ ปฐมา ทสฺสนสมาปตฺติฯ

    Firstly, some ascetic or brahmin—by dint of keen, resolute, committed, and diligent effort, and right application of mind—experiences an immersion of the heart of such a kind that they examine their own body up from the soles of the feet and down from the tips of the hairs, wrapped in skin and full of many kinds of filth. ‘In this body there is head hair, body hair, nails, teeth, skin, flesh, sinews, bones, bone marrow, kidneys, heart, liver, diaphragm, spleen, lungs, intestines, mesentery, undigested food, feces, bile, phlegm, pus, blood, sweat, fat, tears, grease, saliva, snot, synovial fluid, urine.’ This is the first attainment of vision.

    ปุน จปรํ, ภนฺเต, อิเธกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย …เป… ตถารูปํ เจโตสมาธึ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิตฺเต อิมเมว กายํ อุทฺธํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา ตจปริยนฺตํ ปูรํ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปจฺจเวกฺขติ: ‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา โลมา …เป… ลสิกา มุตฺตนฺ'ติฯ อติกฺกมฺม จ ปุริสสฺส ฉวิมํสโลหิตํ อฏฺฐึ ปจฺจเวกฺขติฯ อยํ ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺติฯ

    Furthermore, some ascetic or brahmin attains that and goes beyond it. They examine a person’s bones with skin, flesh, and blood. This is the second attainment of vision.

    ปุน จปรํ, ภนฺเต, อิเธกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย …เป… ตถารูปํ เจโตสมาธึ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิตฺเต อิมเมว กายํ อุทฺธํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา ตจปริยนฺตํ ปูรํ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปจฺจเวกฺขติ: ‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา โลมา …เป… ลสิกา มุตฺตนฺ'ติฯ อติกฺกมฺม จ ปุริสสฺส ฉวิมํสโลหิตํ อฏฺฐึ ปจฺจเวกฺขติฯ ปุริสสฺส จ วิญฺญาณโสตํ ปชานาติ, อุภยโต อพฺโพจฺฉินฺนํ อิธ โลเก ปติฏฺฐิตญฺจ ปรโลเก ปติฏฺฐิตญฺจฯ อยํ ตติยา ทสฺสนสมาปตฺติฯ

    Furthermore, some ascetic or brahmin attains that and goes beyond it. They understand of a person that their stream of consciousness is consistent on both sides: established in both this world and the next. This is the third attainment of vision.

    ปุน จปรํ, ภนฺเต, อิเธกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย …เป… ตถารูปํ เจโตสมาธึ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิตฺเต อิมเมว กายํ อุทฺธํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา ตจปริยนฺตํ ปูรํ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปจฺจเวกฺขติ: ‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา โลมา …เป… ลสิกา มุตฺตนฺ'ติฯ อติกฺกมฺม จ ปุริสสฺส ฉวิมํสโลหิตํ อฏฺฐึ ปจฺจเวกฺขติฯ ปุริสสฺส จ วิญฺญาณโสตํ ปชานาติ, อุภยโต อพฺโพจฺฉินฺนํ อิธ โลเก อปฺปติฏฺฐิตญฺจ ปรโลเก อปฺปติฏฺฐิตญฺจฯ อยํ จตุตฺถา ทสฺสนสมาปตฺติฯ

    Furthermore, some ascetic or brahmin attains that and goes beyond it. They understand of a person that their stream of consciousness is consistent on both sides: not established in either this world or the next. This is the fourth attainment of vision.

    เอตทานุตฺตริยํ, ภนฺเต, ทสฺสนสมาปตฺตีสุฯ

    This is unsurpassable when it comes to attainments of vision.

    ๑ฯ๖ฯ ปุคฺคลปณฺณตฺติเทสนา

    1.6. Descriptions of Individuals

    อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ ปุคฺคลปณฺณตฺตีสุฯ สตฺติเม, ภนฺเต, ปุคฺคลาฯ อุภโตภาควิมุตฺโต ปญฺญาวิมุตฺโต กายสกฺขิ ทิฏฺฐิปฺปตฺโต สทฺธาวิมุตฺโต ธมฺมานุสารี สทฺธานุสารีฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภนฺเต, ปุคฺคลปณฺณตฺตีสุฯ

    And moreover, sir, how the Buddha teaches the description of individuals is unsurpassable. There are these seven individuals. One freed both ways, one freed by wisdom, a personal witness, one attained to view, one freed by faith, a follower of the teachings, a follower by faith. This is unsurpassable when it comes to the description of individuals.

    ๑ฯ๗ฯ ปธานเทสนา

    1.7. Kinds of Striving

    อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ ปธาเนสุฯ สตฺติเม, ภนฺเต, สมฺโพชฺฌงฺคา สติสมฺโพชฺฌงฺโค ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค สมาธิสมฺโพชฺฌงฺโค อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโคฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภนฺเต, ปธาเนสุฯ

    And moreover, sir, how the Buddha teaches the kinds of striving is unsurpassable. There are these seven awakening factors: the awakening factors of mindfulness, investigation of principles, energy, rapture, tranquility, immersion, and equanimity. This is unsurpassable when it comes to the kinds of striving.

    ๑ฯ๘ฯ ปฏิปทาเทสนา

    1.8. Ways of Practice

    อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ ปฏิปทาสุฯ

    And moreover, sir, how the Buddha teaches the ways of practice is unsurpassable.

      จตโสฺส อิมา, ภนฺเต, ปฏิปทา ทุกฺขา ปฏิปทา ทนฺธาภิญฺญา,

      Painful practice with slow insight,

    ทุกฺขา ปฏิปทา ขิปฺปาภิญฺญา,

    painful practice with swift insight,

    สุขา ปฏิปทา ทนฺธาภิญฺญา,

    pleasant practice with slow insight, and

    สุขา ปฏิปทา ขิปฺปาภิญฺญาติฯ

    pleasant practice with swift insight.

    ตตฺร, ภนฺเต, ยายํ ปฏิปทา ทุกฺขา ทนฺธาภิญฺญา, อยํ, ภนฺเต, ปฏิปทา อุภเยเนว หีนา อกฺขายติ ทุกฺขตฺตา จ ทนฺธตฺตา จฯ ตตฺร, ภนฺเต, ยายํ ปฏิปทา ทุกฺขา ขิปฺปาภิญฺญา, อยํ ปน, ภนฺเต, ปฏิปทา ทุกฺขตฺตา หีนา อกฺขายติฯ ตตฺร, ภนฺเต, ยายํ ปฏิปทา สุขา ทนฺธาภิญฺญา, อยํ ปน, ภนฺเต, ปฏิปทา ทนฺธตฺตา หีนา อกฺขายติฯ ตตฺร, ภนฺเต, ยายํ ปฏิปทา สุขา ขิปฺปาภิญฺญา, อยํ ปน, ภนฺเต, ปฏิปทา อุภเยเนว ปณีตา อกฺขายติ สุขตฺตา จ ขิปฺปตฺตา จฯ

    Of these, the painful practice with slow insight is said to be inferior both ways: because it’s painful and because it’s slow. The painful practice with swift insight is said to be inferior because it’s painful. The pleasant practice with slow insight is said to be inferior because it’s slow. But the pleasant practice with swift insight is said to be superior both ways: because it’s pleasant and because it’s swift.

    เอตทานุตฺตริยํ, ภนฺเต, ปฏิปทาสุฯ

    This is unsurpassable when it comes to the ways of practice.

    ๑ฯ๙ฯ ภสฺสสมาจาราทิเทสนา

    1.9. Behavior in Speech

    อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ ภสฺสสมาจาเรฯ อิธ, ภนฺเต, เอกจฺโจ น เจว มุสาวาทุปสญฺหิตํ วาจํ ภาสติ น จ เวภูติยํ น จ เปสุณิยํ น จ สารมฺภชํ ชยาเปกฺโข; มนฺตา มนฺตา จ วาจํ ภาสติ นิธานวตึ กาเลนฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภนฺเต, ภสฺสสมาจาเรฯ

    And moreover, sir, how the Buddha teaches behavior in speech is unsurpassable. It’s when someone doesn’t use speech that’s connected with lying, or divisive, or backbiting, or aggressively trying to win. They speak only wise counsel, valuable and timely. This is unsurpassable when it comes to behavior in speech.

    อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ ปุริสสีลสมาจาเรฯ อิธ, ภนฺเต, เอกจฺโจ สจฺโจ จสฺส สทฺโธ จ, น จ กุหโก, น จ ลปโก, น จ เนมิตฺติโก, น จ นิปฺเปสิโก, น จ ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนโก, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร, โภชเน มตฺตญฺญู, สมการี, ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต, อตนฺทิโต, อารทฺธวีริโย, ฌายี, สติมา, กลฺยาณปฏิภาโน, คติมา, ธิติมา, มติมา, น จ กาเมสุ คิทฺโธ, สโต จ นิปโก จฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภนฺเต, ปุริสสีลสมาจาเรฯ

    And moreover, sir, how the Buddha teaches a person’s ethical behavior is unsurpassable. It’s when someone is honest and faithful. They don’t use deceit, flattery, hinting, or belittling, and they don’t use material possessions to chase after other material possessions. They guard the sense doors and eat in moderation. They’re fair, dedicated to wakefulness, tireless, energetic, and meditative. They have good memory, eloquence, range, retention, and thoughtfulness. They’re not greedy for sensual pleasures. They are mindful and alert. This is unsurpassable when it comes to a person’s ethical behavior.

    ๑ฯ๑๐ฯ อนุสาสนวิธาเทสนา

    1.10. Responsiveness to Instruction

    อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ อนุสาสนวิธาสุฯ จตโสฺส อิมา, ภนฺเต, อนุสาสนวิธา—

    And moreover, sir, how the Buddha teaches the different degrees of responsiveness to instruction is unsurpassable. There are these four degrees of responsiveness to instruction.

    ชานาติ, ภนฺเต, ภควา อปรํ ปุคฺคลํ ปจฺจตฺตํ โยนิโสมนสิการา ‘อยํ ปุคฺคโล ยถานุสิฏฺฐํ ตถา ปฏิปชฺชมาโน ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน ภวิสฺสติ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ'ติฯ ชานาติ, ภนฺเต, ภควา ปรํ ปุคฺคลํ ปจฺจตฺตํ โยนิโสมนสิการา: ‘อยํ ปุคฺคโล ยถานุสิฏฺฐํ ตถา ปฏิปชฺชมาโน ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี ภวิสฺสติ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี'ติฯ ชานาติ, ภนฺเต, ภควา ปรํ ปุคฺคลํ ปจฺจตฺตํ โยนิโสมนสิการา: ‘อยํ ปุคฺคโล ยถานุสิฏฺฐํ ตถา ปฏิปชฺชมาโน ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก ภวิสฺสติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา'ติฯ ชานาติ, ภนฺเต, ภควา ปรํ ปุคฺคลํ ปจฺจตฺตํ โยนิโสมนสิการา: ‘อยํ ปุคฺคโล ยถานุสิฏฺฐํ ตถา ปฏิปชฺชมาโน อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปญฺญาวิมุตฺตึ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสตี'ติฯ

    The Buddha knows by rationally applying the mind to another individual: ‘By practicing as instructed this individual will, with the ending of three fetters, become a stream-enterer, not liable to be reborn in the underworld, bound for awakening.’ The Buddha knows by rationally applying the mind to another individual: ‘By practicing as instructed this individual will, with the ending of three fetters, and the weakening of greed, hate, and delusion, become a once-returner. They will come back to this world once only, then make an end of suffering.’ The Buddha knows by rationally applying the mind to another individual: ‘By practicing as instructed this individual will, with the ending of the five lower fetters, be reborn spontaneously. They will be extinguished there, and are not liable to return from that world.’ The Buddha knows by rationally applying the mind to another individual: ‘By practicing as instructed this individual will realize the undefiled freedom of heart and freedom by wisdom in this very life, and live having realized it with their own insight due to the ending of defilements.’

    เอตทานุตฺตริยํ, ภนฺเต, อนุสาสนวิธาสุฯ

    This is unsurpassable when it comes to the different degrees of responsiveness to instruction.

    ๑ฯ๑๑ฯ ปรปุคฺคลวิมุตฺติญาณเทสนา

    1.11. The Knowledge and Freedom of Others

    อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ ปรปุคฺคลวิมุตฺติญาเณฯ ชานาติ, ภนฺเต, ภควา ปรํ ปุคฺคลํ ปจฺจตฺตํ โยนิโสมนสิการา: ‘อยํ ปุคฺคโล ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน ภวิสฺสติ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ'ติฯ ชานาติ, ภนฺเต, ภควา ปรํ ปุคฺคลํ ปจฺจตฺตํ โยนิโสมนสิการา: ‘อยํ ปุคฺคโล ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี ภวิสฺสติ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี'ติฯ ชานาติ, ภนฺเต, ภควา ปรํ ปุคฺคลํ ปจฺจตฺตํ โยนิโสมนสิการา: ‘อยํ ปุคฺคโล ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก ภวิสฺสติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา'ติฯ ชานาติ, ภนฺเต, ภควา ปรํ ปุคฺคลํ ปจฺจตฺตํ โยนิโสมนสิการา: ‘อยํ ปุคฺคโล อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปญฺญาวิมุตฺตึ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสตี'ติฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภนฺเต, ปรปุคฺคลวิมุตฺติญาเณฯ

    And moreover, sir, how the Buddha teaches the knowledge and freedom of other individuals is unsurpassable. The Buddha knows by rationally applying the mind to another individual: ‘With the ending of three fetters this individual will become a stream-enterer, not liable to be reborn in the underworld, bound for awakening.’ The Buddha knows by rationally applying the mind to another individual: ‘With the ending of three fetters, and the weakening of greed, hate, and delusion, this individual will become a once-returner. They will come back to this world once only, then make an end of suffering.’ The Buddha knows by rationally applying the mind to another individual: ‘With the ending of the five lower fetters, this individual will be reborn spontaneously. They will be extinguished there, and are not liable to return from that world.’ The Buddha knows by rationally applying the mind to another individual: ‘This individual will realize the undefiled freedom of heart and freedom by wisdom in this very life, and live having realized it with their own insight due to the ending of defilements.’ This is unsurpassable when it comes to the knowledge and freedom of other individuals.

    ๑ฯ๑๒ฯ สสฺสตวาทเทสนา

    1.12. Eternalism

    อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ สสฺสตวาเทสุฯ ตโยเม, ภนฺเต, สสฺสตวาทาฯ

    And moreover, sir, how the Buddha teaches eternalist doctrines is unsurpassable. There are these three eternalist doctrines.

    อิธ, ภนฺเต, เอกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย …เป… ตถารูปํ เจโตสมาธึ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิตฺเต อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ เสยฺยถิทํ—เอกมฺปิ ชาตึ เทฺวปิ ชาติโย ติโสฺสปิ ชาติโย จตโสฺสปิ ชาติโย ปญฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปญฺญาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนกานิปิ ชาติสตานิ อเนกานิปิ ชาติสหสฺสานิ อเนกานิปิ ชาติสตสหสฺสานิ, ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวงฺโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวงฺโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน'ติฯ อิติ สาการํ เสาทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ โส เอวมาห: ‘อตีตมฺปาหํ อทฺธานํ ชานามิ—สํวฏฺฏิ วา โลโก วิวฏฺฏิ วาติฯ อนาคตํปาหํ อทฺธานํ ชานามิ—สํวฏฺฏิสฺสติ วา โลโก วิวฏฺฏิสฺสติ วาติฯ สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ วญฺโฌ กูฏฏฺโฐ เอสิกฏฺฐายิฏฺฐิโตฯ เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺติ สํสรนฺติ จวนฺติ อุปปชฺชนฺติ, อตฺถิ เตฺวว สสฺสติสมนฺ'ติฯ อยํ ปฐโม สสฺสตวาโทฯ

    Firstly, some ascetic or brahmin—by dint of keen, resolute, committed, and diligent effort, and right application of mind—experiences an immersion of the heart of such a kind that they recollect many hundreds of thousands of past lives, with features and details. They say, ‘I know that in the past the cosmos expanded or contracted. I don’t know whether in the future the cosmos will expand or contract. The self and the cosmos are eternal, barren, steady as a mountain peak, standing firm like a pillar. They remain the same for all eternity, while these sentient beings wander and transmigrate and pass away and rearise.’ This is the first eternalist doctrine.

    ปุน จปรํ, ภนฺเต, อิเธกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย …เป… ตถารูปํ เจโตสมาธึ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิตฺเต อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ เสยฺยถิทํ—เอกมฺปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏํ เทฺวปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏานิ ตีณิปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏานิ จตฺตาริปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏานิ ปญฺจปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏานิ ทสปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏานิ, ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวงฺโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวงฺโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน'ติฯ อิติ สาการํ เสาทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ โส เอวมาห: ‘อตีตมฺปาหํ อทฺธานํ ชานามิ สํวฏฺฏิ วา โลโก วิวฏฺฏิ วาติฯ อนาคตํปาหํ อทฺธานํ ชานามิ สํวฏฺฏิสฺสติ วา โลโก วิวฏฺฏิสฺสติ วาติฯ สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ วญฺโฌ กูฏฏฺโฐ เอสิกฏฺฐายิฏฺฐิโตฯ เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺติ สํสรนฺติ จวนฺติ อุปปชฺชนฺติ, อตฺถิ เตฺวว สสฺสติสมนฺ'ติฯ อยํ ทุติโย สสฺสตวาโทฯ

    Furthermore, some ascetic or brahmin—by dint of keen, resolute, committed, and diligent effort, and right application of mind—experiences an immersion of the heart of such a kind that they recollect their past lives for as many as ten eons of the expansion and contraction of the cosmos, with features and details. They say, ‘I know that in the past the cosmos expanded or contracted. I don’t know whether in the future the cosmos will expand or contract. The self and the cosmos are eternal, barren, steady as a mountain peak, standing firm like a pillar. They remain the same for all eternity, while these sentient beings wander and transmigrate and pass away and rearise.’ This is the second eternalist doctrine.

    ปุน จปรํ, ภนฺเต, อิเธกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย …เป… ตถารูปํ เจโตสมาธึ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิตฺเต อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ เสยฺยถิทํ—ทสปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏานิ วีสมฺปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏานิ ตึสมฺปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏานิ จตฺตาลีสมฺปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏานิ, ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวงฺโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวงฺโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน'ติฯ อิติ สาการํ เสาทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ โส เอวมาห: ‘อตีตมฺปาหํ อทฺธานํ ชานามิ สํวฏฺฏิปิ โลโก วิวฏฺฏิปีติ; อนาคตํปาหํ อทฺธานํ ชานามิ สํวฏฺฏิสฺสติปิ โลโก วิวฏฺฏิสฺสติปีติฯ สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ วญฺโฌ กูฏฏฺโฐ เอสิกฏฺฐายิฏฺฐิโตฯ เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺติ สํสรนฺติ จวนฺติ อุปปชฺชนฺติ, อตฺถิ เตฺวว สสฺสติสมนฺ'ติฯ อยํ ตติโย สสฺสตวาโท,

    Furthermore, some ascetic or brahmin—by dint of keen, resolute, committed, and diligent effort, and right application of mind—experiences an immersion of the heart of such a kind that they recollect their past lives for as many as forty eons of the expansion and contraction of the cosmos, with features and details. They say, ‘I know that in the past the cosmos expanded or contracted. I don’t know whether in the future the cosmos will expand or contract. The self and the cosmos are eternal, barren, steady as a mountain peak, standing firm like a pillar. They remain the same for all eternity, while these sentient beings wander and transmigrate and pass away and rearise.’ This is the third eternalist doctrine.

    เอตทานุตฺตริยํ, ภนฺเต, สสฺสตวาเทสุฯ

    This is unsurpassable when it comes to eternalist doctrines.

    ๑ฯ๑๓ฯ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติญาณเทสนา

    1.13. Recollecting Past Lives

    อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติญาเณฯ อิธ, ภนฺเต, เอกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย …เป… ตถารูปํ เจโตสมาธึ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิตฺเต อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ เสยฺยถิทํ—เอกมฺปิ ชาตึ เทฺวปิ ชาติโย ติโสฺสปิ ชาติโย จตโสฺสปิ ชาติโย ปญฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปญฺญาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป, ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวงฺโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวงฺโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน'ติฯ อิติ สาการํ เสาทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ สนฺติ, ภนฺเต, เทวา, เยสํ น สกฺกา คณนาย วา สงฺขาเนน วา อายุ สงฺขาตุํฯ อปิ จ ยสฺมึ ยสฺมึ อตฺตภาเว อภินิวุฏฺฐปุพฺโพ โหติ ยทิ วา รูปีสุ ยทิ วา อรูปีสุ ยทิ วา สญฺญีสุ ยทิ วา อสญฺญีสุ ยทิ วา เนวสญฺญีนาสญฺญีสุฯ อิติ สาการํ เสาทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภนฺเต, ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติญาเณฯ

    And moreover, sir, how the Buddha teaches the knowledge of recollecting past lives is unsurpassable. It’s when some ascetic or brahmin—by dint of keen, resolute, committed, and diligent effort, and right application of mind—experiences an immersion of the heart of such a kind that they recollect their many kinds of past lives. That is: one, two, three, four, five, ten, twenty, thirty, forty, fifty, a hundred, a thousand, a hundred thousand rebirths; many eons of the world contracting, many eons of the world expanding, many eons of the world contracting and expanding. They remember: ‘There, I was named this, my clan was that, I looked like this, and that was my food. This was how I felt pleasure and pain, and that was how my life ended. When I passed away from that place I was reborn somewhere else. There, too, I was named this, my clan was that, I looked like this, and that was my food. This was how I felt pleasure and pain, and that was how my life ended. When I passed away from that place I was reborn here.’ And so they recollect their many kinds of past lives, with features and details. Sir, there are gods whose life span cannot be reckoned or calculated. Still, no matter what incarnation they have previously been reborn in—whether physical or formless or percipient or non-percipient or neither percipient nor non-percipient—they recollect their many kinds of past lives, with features and details. This is unsurpassable when it comes to the knowledge of recollecting past lives.

    ๑ฯ๑๔ฯ จุตูปปาตญาณเทสนา

    1.14. Death and Rebirth

    อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ สตฺตานํ จุตูปปาตญาเณฯ อิธ, ภนฺเต, เอกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย …เป… ตถารูปํ เจโตสมาธึ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิตฺเต ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ: ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺฐิกา มิจฺฉาทิฏฺฐิกมฺมสมาทานาฯ เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนาฯ อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺฐิกา สมฺมาทิฏฺฐิกมฺมสมาทานาฯ เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา'ติฯ อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภนฺเต, สตฺตานํ จุตูปปาตญาเณฯ

    And moreover, sir, how the Buddha teaches the knowledge of the death and rebirth of sentient beings is unsurpassable. It’s when some ascetic or brahmin—by dint of keen, resolute, committed, and diligent effort, and right application of mind—experiences an immersion of the heart of such a kind that with clairvoyance that is purified and superhuman, they see sentient beings passing away and being reborn— inferior and superior, beautiful and ugly, in a good place or a bad place. They understand how sentient beings are reborn according to their deeds: ‘These dear beings did bad things by way of body, speech, and mind. They spoke ill of the noble ones; they had wrong view; and they chose to act out of that wrong view. When their body breaks up, after death, they’re reborn in a place of loss, a bad place, the underworld, hell. These dear beings, however, did good things by way of body, speech, and mind. They never spoke ill of the noble ones; they had right view; and they chose to act out of that right view. When their body breaks up, after death, they’re reborn in a good place, a heavenly realm.’ And so, with clairvoyance that is purified and superhuman, they see sentient beings passing away and being reborn—inferior and superior, beautiful and ugly, in a good place or a bad place. They understand how sentient beings are reborn according to their deeds. This is unsurpassable when it comes to the knowledge of death and rebirth.

    ๑ฯ๑๕ฯ อิทฺธิวิธเทสนา

    1.15. Psychic Powers

    อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ อิทฺธิวิธาสุฯ เทฺวมา, ภนฺเต, อิทฺธิวิธาโย—อตฺถิ, ภนฺเต, อิทฺธิ สาสวา เสาปธิกา, ‘โน อริยา'ติ วุจฺจติฯ อตฺถิ, ภนฺเต, อิทฺธิ อนาสวา อนุปธิกา ‘อริยา'ติ วุจฺจติฯ กตมา จ, ภนฺเต, อิทฺธิ สาสวา เสาปธิกา, ‘โน อริยา'ติ วุจฺจติ? อิธ, ภนฺเต, เอกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย …เป… ตถารูปํ เจโตสมาธึ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิตฺเต อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภติ—เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ; อาวิภาวํ ติโรภาวํ ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ เสยฺยถาปิ อากาเส; ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรติ เสยฺยถาปิ อุทเก; อุทเกปิ อภิชฺชมาเน คจฺฉติ เสยฺยถาปิ ปถวิยํ; อากาเสปิ ปลฺลงฺเกน กมติ เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ; อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปรามสติ ปริมชฺชติ; ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตติฯ อยํ, ภนฺเต, อิทฺธิ สาสวา เสาปธิกา, ‘โน อริยา'ติ วุจฺจติฯ

    And moreover, sir, how the Buddha teaches psychic power is unsurpassable. There are these two kinds of psychic power. There are psychic powers that are accompanied by defilements and attachments, and are said to be ignoble. And there are psychic powers that are free of defilements and attachments, and are said to be noble. What are the psychic powers that are accompanied by defilements and attachments, and are said to be ignoble? It’s when some ascetic or brahmin—by dint of keen, resolute, committed, and diligent effort, and right application of mind—experiences an immersion of the heart of such a kind that they wield the many kinds of psychic power: multiplying themselves and becoming one again; appearing and disappearing; going unimpeded through a wall, a rampart, or a mountain as if through space; diving in and out of the earth as if it were water; walking on water as if it were earth; flying cross-legged through the sky like a bird; touching and stroking with the hand the sun and moon, so mighty and powerful; controlling the body as far as the Brahmā realm. These are the psychic powers that are accompanied by defilements and attachments, and are said to be ignoble.

    กตมา ปน, ภนฺเต, อิทฺธิ อนาสวา อนุปธิกา, ‘อริยา'ติ วุจฺจติ? อิธ, ภนฺเต, ภิกฺขุ สเจ อากงฺขติ: ‘ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสญฺญี วิหเรยฺยนฺ'ติ, อปฺปฏิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ: ‘อปฺปฏิกูเล ปฏิกูลสญฺญี วิหเรยฺยนฺ'ติ, ปฏิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ: ‘ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูลสญฺญี วิหเรยฺยนฺ'ติ, อปฺปฏิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ: ‘ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ ปฏิกูลสญฺญี วิหเรยฺยนฺ'ติ, ปฏิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ: ‘ปฏิกูลญฺจ อปฺปฏิกูลญฺจ ตทุภยํ อภินิวชฺเชตฺวา อุเปกฺขโก วิหเรยฺยํ สโต สมฺปชาโน'ติ, อุเปกฺขโก ตตฺถ วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อยํ, ภนฺเต, อิทฺธิ อนาสวา อนุปธิกา ‘อริยา'ติ วุจฺจติฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภนฺเต, อิทฺธิวิธาสุฯ ตํ ภควา อเสสมภิชานาติ, ตํ ภควโต อเสสมภิชานโต อุตฺตริ อภิญฺเญยฺยํ นตฺถิ, ยทภิชานํ อญฺโญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร อสฺส ยทิทํ อิทฺธิวิธาสุฯ

    But what are the psychic powers that are free of defilements and attachments, and are said to be noble? It’s when, if a bhikkhu wishes: ‘May I meditate perceiving the unrepulsive in the repulsive,’ that’s what they do. If they wish: ‘May I meditate perceiving the repulsive in the unrepulsive,’ that’s what they do. If they wish: ‘May I meditate perceiving the unrepulsive in the repulsive and the unrepulsive,’ that’s what they do. If they wish: ‘May I meditate perceiving the repulsive in the unrepulsive and the repulsive,’ that’s what they do. If they wish: ‘May I meditate staying equanimous, mindful and aware, rejecting both the repulsive and the unrepulsive,’ that’s what they do. These are the psychic powers that are free of defilements and attachments, and are said to be noble. This is unsurpassable when it comes to psychic powers. The Buddha understands this without exception. There is nothing to be understood beyond this whereby another ascetic or brahmin might be superior in direct knowledge to the Buddha when it comes to psychic powers.

    ๑ฯ๑๖ฯ อญฺญถาสตฺถุคุณทสฺสน

    1.16. The Four Absorptions

    ยํ ตํ, ภนฺเต, สทฺเธน กุลปุตฺเตน ปตฺตพฺพํ อารทฺธวีริเยน ถามวตา ปุริสถาเมน ปุริสวีริเยน ปุริสปรกฺกเมน ปุริสโธรเยฺหน, อนุปฺปตฺตํ ตํ ภควตาฯ น จ, ภนฺเต, ภควา กาเมสุ กามสุขลฺลิกานุโยคมนุยุตฺโต หีนํ คมฺมํ โปถุชฺชนิกํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, น จ อตฺตกิลมถานุโยคมนุยุตฺโต ทุกฺขํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํฯ จตุนฺนญฺจ ภควา ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺฐธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีฯ

    The Buddha has achieved what should be achieved by a faithful gentleman by being energetic and strong, by human strength, energy, vigor, and exertion. The Buddha doesn’t indulge in sensual pleasures, which are low, crude, ordinary, ignoble, and pointless. And he doesn’t indulge in self-mortification, which is painful, ignoble, and pointless. He gets the four jhānas—blissful meditations in the present life that belong to the higher mind—when he wants, without trouble or difficulty.

    ๑ฯ๑๗ฯ อนุโยคทานปฺปการ

    1.17. On Being Questioned

    สเจ มํ, ภนฺเต, เอวํ ปุจฺเฉยฺย: ‘กึ นุ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อญฺเญ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตรา สมฺโพธิยนฺ'ติ, เอวํ ปุฏฺโฐ อหํ, ภนฺเต, ‘โน'ติ วเทยฺยํฯ ‘กึ ปนาวุโส สาริปุตฺต, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อญฺเญ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตรา สมฺโพธิยนฺ'ติ, เอวํ ปุฏฺโฐ อหํ, ภนฺเต, ‘โน'ติ วเทยฺยํฯ ‘กึ ปนาวุโส สาริปุตฺต, อตฺเถตรหิ อญฺโญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร สมฺโพธิยนฺ'ติ, เอวํ ปุฏฺโฐ อหํ, ภนฺเต, ‘โน'ติ วเทยฺยํฯ

    Sir, if they were to ask me, ‘Friend Sāriputta, is there any other ascetic or brahmin—whether past, future, or present—whose direct knowledge is superior to the Buddha when it comes to awakening?’ I would tell them ‘No.’

    สเจ ปน มํ, ภนฺเต, เอวํ ปุจฺเฉยฺย: ‘กึ นุ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อญฺเญ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ภควตา สมสมา สมฺโพธิยนฺ'ติ, เอวํ ปุฏฺโฐ อหํ, ภนฺเต, ‘เอวนฺ'ติ วเทยฺยํฯ ‘กึ ปนาวุโส สาริปุตฺต, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อญฺเญ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ภควตา สมสมา สมฺโพธิยนฺ'ติ, เอวํ ปุฏฺโฐ อหํ, ภนฺเต, ‘เอวนฺ'ติ วเทยฺยํฯ ‘กึ ปนาวุโส สาริปุตฺต, อตฺเถตรหิ อญฺเญ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ภควตา สมสมา สมฺโพธิยนฺ'ติ, เอวํ ปุฏฺโฐ อหํ, ภนฺเต, ‘โน'ติ วเทยฺยํฯ

    But if they were to ask me, ‘Friend Sāriputta, is there any other ascetic or brahmin—whether past or future—whose direct knowledge is equal to the Buddha when it comes to awakening?’ I would tell them ‘Yes.’ But if they were to ask: ‘Friend Sāriputta, is there any other ascetic or brahmin at present whose direct knowledge is equal to the Buddha when it comes to awakening?’ I would tell them ‘No.’

    สเจ ปน มํ, ภนฺเต, เอวํ ปุจฺเฉยฺย: ‘กึ ปนายสฺมา สาริปุตฺโต เอกจฺจํ อพฺภนุชานาติ, เอกจฺจํ น อพฺภนุชานาตี'ติ, เอวํ ปุฏฺโฐ อหํ, ภนฺเต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ: ‘สมฺมุขา เมตํ, อาวุโส, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ: “อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา มยา สมสมา สมฺโพธิยนฺ”ติฯ สมฺมุขา เมตํ, อาวุโส, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ: “ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา มยา สมสมา สมฺโพธิยนฺ”ติฯ สมฺมุขา เมตํ, อาวุโส, ภควโต สุตํ สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ: “อฏฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา เทฺว อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา อปุพฺพํ อจริมํ อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี”'ติฯ

    But if they were to ask me, ‘But why does Venerable Sāriputta grant this in respect of some but not others?’ I would answer them like this, ‘Friends, I have heard and learned this in the presence of the Buddha: “The perfected ones, fully awakened Buddhas of the past were equal in awakening to myself.” And I have heard and learned this in the presence of the Buddha: “The perfected ones, fully awakened Buddhas of the future will be equal in awakening to myself.” And I have also heard and learned this in the presence of the Buddha: “It’s impossible for two perfected ones, fully awakened Buddhas to arise in the same solar system at the same time.”’

    กจฺจาหํ, ภนฺเต, เอวํ ปุฏฺโฐ เอวํ พฺยากรมาโน วุตฺตวาที เจว ภควโต โหมิ, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขามิ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรมิ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ ฐานํ อาคจฺฉตี”ติ?

    Answering this way, I trust that I repeated what the Buddha has said, and didn’t misrepresent him with an untruth. I trust my explanation was in line with the teaching, and that there are no legitimate grounds for rebuke or criticism.”

    “ตคฺฆ ตฺวํ, สาริปุตฺต, เอวํ ปุฏฺโฐ เอวํ พฺยากรมาโน วุตฺตวาที เจว เม โหสิ, น จ มํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขสิ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรสิ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ ฐานํ อาคจฺฉตี”ติฯ

    “Indeed, Sāriputta, in answering this way you repeat what I’ve said, and don’t misrepresent me with an untruth. Your explanation is in line with the teaching, and there are no legitimate grounds for rebuke or criticism.”

    ๒ฯ อจฺฉริยอพฺภุต

    2. Incredible and Amazing

    เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา อุทายี ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต, ตถาคตสฺส อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฏฺฐิตา สเลฺลขตาฯ ยตฺร หิ นาม ตถาคโต เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว, อถ จ ปน เนวตฺตานํ ปาตุกริสฺสติฯ เอกเมกญฺเจปิ อิโต, ภนฺเต, ธมฺมํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา อตฺตนิ สมนุปเสฺสยฺยุํ, เต ตาวตเกเนว ปฏากํ ปริหเรยฺยุํฯ อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต, ตถาคตสฺส อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฏฺฐิตา สเลฺลขตาฯ ยตฺร หิ นาม ตถาคโต เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโวฯ อถ จ ปน เนวตฺตานํ ปาตุกริสฺสตี”ติฯ

    When he had spoken, Venerable Udāyī said to the Buddha, “It’s incredible, sir, it’s amazing! The Realized One has so few wishes, such contentment, such self-effacement! For even though the Realized One has such power and might, he will not make a display of himself. If the wanderers following other religions were to see even a single one of these qualities in themselves they’d carry around a banner to that effect. It’s incredible, sir, it’s amazing! The Realized One has so few wishes, such contentment, such self-effacement! For even though the Realized One has such power and might, he will not make a display of himself.”

    “ปสฺส โข ตฺวํ, อุทายิ, ‘ตถาคตสฺส อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฏฺฐิตา สเลฺลขตาฯ ยตฺร หิ นาม ตถาคโต เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว, อถ จ ปน เนวตฺตานํ ปาตุกริสฺสติ'ฯ เอกเมกญฺเจปิ อิโต, อุทายิ, ธมฺมํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา อตฺตนิ สมนุปเสฺสยฺยุํ, เต ตาวตเกเนว ปฏากํ ปริหเรยฺยุํฯ ปสฺส โข ตฺวํ, อุทายิ, ‘ตถาคตสฺส อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฏฺฐิตา สเลฺลขตาฯ ยตฺร หิ นาม ตถาคโต เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว, อถ จ ปน เนวตฺตานํ ปาตุกริสฺสตี'”ติฯ

    “See, Udāyī, how the Realized One has so few wishes, such contentment, such self-effacement. For even though the Realized One has such power and might, he will not make a display of himself. If the wanderers following other religions were to see even a single one of these qualities in themselves they’d carry around a banner to that effect. See, Udāyī, how the Realized One has so few wishes, such contentment, such self-effacement. For even though the Realized One has such power and might, he will not make a display of himself.”

    อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามนฺเตสิ: “ตสฺมาติห ตฺวํ, สาริปุตฺต, อิมํ ธมฺมปริยายํ อภิกฺขณํ ภาเสยฺยาสิ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํฯ เยสมฺปิ หิ, สาริปุตฺต, โมฆปุริสานํ ภวิสฺสติ ตถาคเต กงฺขา วา วิมติ วา, เตสมิมํ ธมฺมปริยายํ สุตฺวา ตถาคเต กงฺขา วา วิมติ วา, สา ปหียิสฺสตี”ติฯ

    Then the Buddha said to Venerable Sāriputta, “So Sāriputta, you should frequently speak this exposition of the teaching to the monks, nuns, laymen, and laywomen. Though there will be some foolish people who have doubt or uncertainty regarding the Realized One, when they hear this exposition of the teaching they’ll give up that doubt or uncertainty.”

    อิติ หิทํ อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควโต สมฺมุขา สมฺปสาทํ ปเวเทสิฯ ตสฺมา อิมสฺส เวยฺยากรณสฺส สมฺปสาทนียนฺเตฺวว อธิวจนนฺติฯ

    That’s how Venerable Sāriputta declared his confidence in the Buddha’s presence. And that’s why the name of this discussion is “Inspiring Confidence”.

    สมฺปสาทนียสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ปญฺจมํฯ





    The authoritative text of the Dīgha Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]


    © 1991-2024 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact