Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya

    ๕. สมฺปสาทนียสุตฺตํ

    5. Sampasādanīyasuttaṃ

    สาริปุตฺตสีหนาโท

    Sāriputtasīhanādo

    ๑๔๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา นาฬนฺทายํ วิหรติ ปาวาริกมฺพวเนฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอวํปสโนฺน อหํ, ภเนฺต, ภควติ, น จาหุ น จ ภวิสฺสติ น เจตรหิ วิชฺชติ อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร ยทิทํ สโมฺพธิย’’นฺติฯ

    141. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā nāḷandāyaṃ viharati pāvārikambavane. Atha kho āyasmā sāriputto yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā sāriputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘evaṃpasanno ahaṃ, bhante, bhagavati, na cāhu na ca bhavissati na cetarahi vijjati añño samaṇo vā brāhmaṇo vā bhagavatā bhiyyobhiññataro yadidaṃ sambodhiya’’nti.

    ๑๔๒. ‘‘อุฬารา โข เต อยํ, สาริปุตฺต, อาสภี วาจา ภาสิตา, เอกํโส คหิโต, สีหนาโท นทิโต – ‘เอวํปสโนฺน อหํ, ภเนฺต, ภควติ; น จาหุ น จ ภวิสฺสติ น เจตรหิ วิชฺชติ อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร ยทิทํ สโมฺพธิย’นฺติฯ กิํ เต 1, สาริปุตฺต, เย เต อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา, สเพฺพ เต ภควโนฺต เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิตา – ‘เอวํสีลา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปิ, เอวํธมฺมา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปิ , เอวํปญฺญา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปิ, เอวํวิหารี เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปิ, เอวํวิมุตฺตา เต ภควโนฺต อเหสุํ อิติปี’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ

    142. ‘‘Uḷārā kho te ayaṃ, sāriputta, āsabhī vācā bhāsitā, ekaṃso gahito, sīhanādo nadito – ‘evaṃpasanno ahaṃ, bhante, bhagavati; na cāhu na ca bhavissati na cetarahi vijjati añño samaṇo vā brāhmaṇo vā bhagavatā bhiyyobhiññataro yadidaṃ sambodhiya’nti. Kiṃ te 2, sāriputta, ye te ahesuṃ atītamaddhānaṃ arahanto sammāsambuddhā, sabbe te bhagavanto cetasā ceto paricca viditā – ‘evaṃsīlā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃdhammā te bhagavanto ahesuṃ itipi , evaṃpaññā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃvihārī te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ itipī’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’.

    ‘‘กิํ ปน เต 3, สาริปุตฺต, เย เต ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา , สเพฺพ เต ภควโนฺต เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิตา, `เอวํสีลา เต ภควโนฺต ภวิสฺสนฺติ อิติปิ, เอวํธมฺมา…เป.… เอวํปญฺญา… เอวํวิหารี… เอวํวิมุตฺตา เต ภควโนฺต ภวิสฺสนฺติ อิติปี’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Kiṃ pana te 4, sāriputta, ye te bhavissanti anāgatamaddhānaṃ arahanto sammāsambuddhā , sabbe te bhagavanto cetasā ceto paricca viditā, `evaṃsīlā te bhagavanto bhavissanti itipi, evaṃdhammā…pe… evaṃpaññā… evaṃvihārī… evaṃvimuttā te bhagavanto bhavissanti itipī’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’.

    ‘‘กิํ ปน เต 5, สาริปุตฺต, อหํ เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต – ‘เอวํสีโล ภควา อิติปิ, เอวํธโมฺม…เป.… เอวํปโญฺญ … เอวํวิหารี… เอวํวิมุโตฺต ภควา อิติปี’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ

    ‘‘Kiṃ pana te 6, sāriputta, ahaṃ etarahi arahaṃ sammāsambuddho cetasā ceto paricca vidito – ‘evaṃsīlo bhagavā itipi, evaṃdhammo…pe… evaṃpañño … evaṃvihārī… evaṃvimutto bhagavā itipī’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’.

    ‘‘เอตฺถ จ หิ เต, สาริปุตฺต, อตีตานาคตปจฺจุปฺปเนฺนสุ อรหเนฺตสุ สมฺมาสมฺพุเทฺธสุ เจโตปริยญาณํ นตฺถิฯ อถ กิํ จรหิ เต อยํ, สาริปุตฺต, อุฬารา อาสภี วาจา ภาสิตา, เอกํโส คหิโต, สีหนาโท นทิโต – ‘เอวํปสโนฺน อหํ, ภเนฺต, ภควติ, น จาหุ น จ ภวิสฺสติ น เจตรหิ วิชฺชติ อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร ยทิทํ สโมฺพธิย’’’นฺติ?

    ‘‘Ettha ca hi te, sāriputta, atītānāgatapaccuppannesu arahantesu sammāsambuddhesu cetopariyañāṇaṃ natthi. Atha kiṃ carahi te ayaṃ, sāriputta, uḷārā āsabhī vācā bhāsitā, ekaṃso gahito, sīhanādo nadito – ‘evaṃpasanno ahaṃ, bhante, bhagavati, na cāhu na ca bhavissati na cetarahi vijjati añño samaṇo vā brāhmaṇo vā bhagavatā bhiyyobhiññataro yadidaṃ sambodhiya’’’nti?

    ๑๔๓. ‘‘น โข เม 7, ภเนฺต, อตีตานาคตปจฺจุปฺปเนฺนสุ อรหเนฺตสุ สมฺมาสมฺพุเทฺธสุ เจโตปริยญาณํ อตฺถิฯ อปิ จ, เม 8 ธมฺมนฺวโย วิทิโตฯ เสยฺยถาปิ, ภเนฺต , รโญฺญ ปจฺจนฺติมํ นครํ ทฬฺหุทฺธาปํ 9 ทฬฺหปาการโตรณํ เอกทฺวารํฯ ตตฺรสฺส โทวาริโก ปณฺฑิโต พฺยโตฺต เมธาวี อญฺญาตานํ นิวาเรตา, ญาตานํ ปเวเสตาฯ โส ตสฺส นครสฺส สมนฺตา อนุปริยายปถํ อนุกฺกมมาโน น ปเสฺสยฺย ปาการสนฺธิํ วา ปาการวิวรํ วา อนฺตมโส พิฬารนิกฺขมนมตฺตมฺปิฯ ตสฺส เอวมสฺส – ‘เย โข เกจิ โอฬาริกา ปาณา อิมํ นครํ ปวิสนฺติ วา นิกฺขมนฺติ วา, สเพฺพ เต อิมินาว ทฺวาเรน ปวิสนฺติ วา นิกฺขมนฺติ วา’ติฯ เอวเมว โข เม, ภเนฺต, ธมฺมนฺวโย วิทิโตฯ เย เต, ภเนฺต, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา, สเพฺพ เต ภควโนฺต ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุปฺปติฎฺฐิตจิตฺตา, สตฺต สโมฺพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุชฺฌิํสุฯ เยปิ เต, ภเนฺต, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา, สเพฺพ เต ภควโนฺต ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุปฺปติฎฺฐิตจิตฺตา, สตฺต สโมฺพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุชฺฌิสฺสนฺติฯ ภควาปิ, ภเนฺต, เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุปฺปติฎฺฐิตจิโตฺต สตฺต สโมฺพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธฯ

    143. ‘‘Na kho me 10, bhante, atītānāgatapaccuppannesu arahantesu sammāsambuddhesu cetopariyañāṇaṃ atthi. Api ca, me 11 dhammanvayo vidito. Seyyathāpi, bhante , rañño paccantimaṃ nagaraṃ daḷhuddhāpaṃ 12 daḷhapākāratoraṇaṃ ekadvāraṃ. Tatrassa dovāriko paṇḍito byatto medhāvī aññātānaṃ nivāretā, ñātānaṃ pavesetā. So tassa nagarassa samantā anupariyāyapathaṃ anukkamamāno na passeyya pākārasandhiṃ vā pākāravivaraṃ vā antamaso biḷāranikkhamanamattampi. Tassa evamassa – ‘ye kho keci oḷārikā pāṇā imaṃ nagaraṃ pavisanti vā nikkhamanti vā, sabbe te imināva dvārena pavisanti vā nikkhamanti vā’ti. Evameva kho me, bhante, dhammanvayo vidito. Ye te, bhante, ahesuṃ atītamaddhānaṃ arahanto sammāsambuddhā, sabbe te bhagavanto pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe catūsu satipaṭṭhānesu suppatiṭṭhitacittā, satta sambojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvetvā anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambujjhiṃsu. Yepi te, bhante, bhavissanti anāgatamaddhānaṃ arahanto sammāsambuddhā, sabbe te bhagavanto pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe catūsu satipaṭṭhānesu suppatiṭṭhitacittā, satta sambojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvetvā anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambujjhissanti. Bhagavāpi, bhante, etarahi arahaṃ sammāsambuddho pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe catūsu satipaṭṭhānesu suppatiṭṭhitacitto satta sambojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvetvā anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddho.

    ๑๔๔. ‘‘อิธาหํ, ภเนฺต, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํ ธมฺมสฺสวนายฯ ตสฺส เม, ภเนฺต, ภควา ธมฺมํ เทเสติ อุตฺตรุตฺตรํ ปณีตปณีตํ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคํฯ ยถา ยถา เม, ภเนฺต, ภควา ธมฺมํ เทเสสิ อุตฺตรุตฺตรํ ปณีตปณีตํ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคํ, ตถา ตถาหํ ตสฺมิํ ธเมฺม อภิญฺญา อิเธกจฺจํ ธมฺมํ ธเมฺมสุ นิฎฺฐมคมํ; สตฺถริ ปสีทิํ – ‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม, สุปฺปฎิปโนฺน สาวกสโงฺฆ’ติฯ

    144. ‘‘Idhāhaṃ, bhante, yena bhagavā tenupasaṅkamiṃ dhammassavanāya. Tassa me, bhante, bhagavā dhammaṃ deseti uttaruttaraṃ paṇītapaṇītaṃ kaṇhasukkasappaṭibhāgaṃ. Yathā yathā me, bhante, bhagavā dhammaṃ desesi uttaruttaraṃ paṇītapaṇītaṃ kaṇhasukkasappaṭibhāgaṃ, tathā tathāhaṃ tasmiṃ dhamme abhiññā idhekaccaṃ dhammaṃ dhammesu niṭṭhamagamaṃ; satthari pasīdiṃ – ‘sammāsambuddho bhagavā, svākkhāto bhagavatā dhammo, suppaṭipanno sāvakasaṅgho’ti.

    กุสลธมฺมเทสนา

    Kusaladhammadesanā

    ๑๔๕. ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ ตตฺริเม กุสลา ธมฺมา เสยฺยถิทํ, จตฺตาโร สติปฎฺฐานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปญฺจินฺทฺริยานิ, ปญฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคฯ อิธ, ภเนฺต, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ ตํ ภควา อเสสมภิชานาติ, ตํ ภควโต อเสสมภิชานโต อุตฺตริ อภิเญฺญยฺยํ นตฺถิ, ยทภิชานํ อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร อสฺส, ยทิทํ กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    145. ‘‘Aparaṃ pana, bhante, etadānuttariyaṃ, yathā bhagavā dhammaṃ deseti kusalesu dhammesu. Tatrime kusalā dhammā seyyathidaṃ, cattāro satipaṭṭhānā, cattāro sammappadhānā, cattāro iddhipādā, pañcindriyāni, pañca balāni, satta bojjhaṅgā, ariyo aṭṭhaṅgiko maggo. Idha, bhante, bhikkhu āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharati. Etadānuttariyaṃ, bhante, kusalesu dhammesu. Taṃ bhagavā asesamabhijānāti, taṃ bhagavato asesamabhijānato uttari abhiññeyyaṃ natthi, yadabhijānaṃ añño samaṇo vā brāhmaṇo vā bhagavatā bhiyyobhiññataro assa, yadidaṃ kusalesu dhammesu.

    อายตนปณฺณตฺติเทสนา

    Āyatanapaṇṇattidesanā

    ๑๔๖. ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ อายตนปณฺณตฺตีสุฯ ฉยิมานิ, ภเนฺต, อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิฯ จกฺขุเญฺจว รูปา 13 จ, โสตเญฺจว สทฺทา จ, ฆานเญฺจว คนฺธา จ, ชิวฺหา เจว รสา จ, กาโย เจว โผฎฺฐพฺพา จ, มโน เจว ธมฺมา จฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, อายตนปณฺณตฺตีสุฯ ตํ ภควา อเสสมภิชานาติ, ตํ ภควโต อเสสมภิชานโต อุตฺตริ อภิเญฺญยฺยํ นตฺถิ, ยทภิชานํ อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร อสฺส ยทิทํ อายตนปณฺณตฺตีสุฯ

    146. ‘‘Aparaṃ pana, bhante, etadānuttariyaṃ, yathā bhagavā dhammaṃ deseti āyatanapaṇṇattīsu. Chayimāni, bhante, ajjhattikabāhirāni āyatanāni. Cakkhuñceva rūpā 14 ca, sotañceva saddā ca, ghānañceva gandhā ca, jivhā ceva rasā ca, kāyo ceva phoṭṭhabbā ca, mano ceva dhammā ca. Etadānuttariyaṃ, bhante, āyatanapaṇṇattīsu. Taṃ bhagavā asesamabhijānāti, taṃ bhagavato asesamabhijānato uttari abhiññeyyaṃ natthi, yadabhijānaṃ añño samaṇo vā brāhmaṇo vā bhagavatā bhiyyobhiññataro assa yadidaṃ āyatanapaṇṇattīsu.

    คพฺภาวกฺกนฺติเทสนา

    Gabbhāvakkantidesanā

    ๑๔๗. ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ คพฺภาวกฺกนฺตีสุฯ จตโสฺส อิมา, ภเนฺต, คพฺภาวกฺกนฺติโยฯ อิธ , ภเนฺต, เอกโจฺจ อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมติ; อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ฐาติ; อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติฯ อยํ ปฐมา คพฺภาวกฺกนฺติฯ

    147. ‘‘Aparaṃ pana, bhante, etadānuttariyaṃ, yathā bhagavā dhammaṃ deseti gabbhāvakkantīsu. Catasso imā, bhante, gabbhāvakkantiyo. Idha , bhante, ekacco asampajāno mātukucchiṃ okkamati; asampajāno mātukucchismiṃ ṭhāti; asampajāno mātukucchimhā nikkhamati. Ayaṃ paṭhamā gabbhāvakkanti.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, อิเธกโจฺจ สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมติ; อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ฐาติ; อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติฯ อยํ ทุติยา คพฺภาวกฺกนฺติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhante, idhekacco sampajāno mātukucchiṃ okkamati; asampajāno mātukucchismiṃ ṭhāti; asampajāno mātukucchimhā nikkhamati. Ayaṃ dutiyā gabbhāvakkanti.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, อิเธกโจฺจ สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมติ; สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ฐาติ; อสมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติฯ อยํ ตติยา คพฺภาวกฺกนฺติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhante, idhekacco sampajāno mātukucchiṃ okkamati; sampajāno mātukucchismiṃ ṭhāti; asampajāno mātukucchimhā nikkhamati. Ayaṃ tatiyā gabbhāvakkanti.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, อิเธกโจฺจ สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมติ; สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ฐาติ; สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมติฯ อยํ จตุตฺถา คพฺภาวกฺกนฺติฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, คพฺภาวกฺกนฺตีสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhante, idhekacco sampajāno mātukucchiṃ okkamati; sampajāno mātukucchismiṃ ṭhāti; sampajāno mātukucchimhā nikkhamati. Ayaṃ catutthā gabbhāvakkanti. Etadānuttariyaṃ, bhante, gabbhāvakkantīsu.

    อาเทสนวิธาเทสนา

    Ādesanavidhādesanā

    ๑๔๘. ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ อาเทสนวิธาสุฯ จตโสฺส อิมา, ภเนฺต, อาเทสนวิธาฯ อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ นิมิเตฺตน อาทิสติ – ‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน, อิติปิ เต จิตฺต’นฺติฯ โส พหุํ เจปิ อาทิสติ, ตเถว ตํ โหติ, โน อญฺญถาฯ อยํ ปฐมา อาเทสนวิธาฯ

    148. ‘‘Aparaṃ pana, bhante, etadānuttariyaṃ, yathā bhagavā dhammaṃ deseti ādesanavidhāsu. Catasso imā, bhante, ādesanavidhā. Idha, bhante, ekacco nimittena ādisati – ‘evampi te mano, itthampi te mano, itipi te citta’nti. So bahuṃ cepi ādisati, tatheva taṃ hoti, no aññathā. Ayaṃ paṭhamā ādesanavidhā.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, อิเธกโจฺจ น เหว โข นิมิเตฺตน อาทิสติฯ อปิ จ โข มนุสฺสานํ วา อมนุสฺสานํ วา เทวตานํ วา สทฺทํ สุตฺวา อาทิสติ – ‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน, อิติปิ เต จิตฺต’นฺติฯ โส พหุํ เจปิ อาทิสติ, ตเถว ตํ โหติ, โน อญฺญถาฯ อยํ ทุติยา อาเทสนวิธาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhante, idhekacco na heva kho nimittena ādisati. Api ca kho manussānaṃ vā amanussānaṃ vā devatānaṃ vā saddaṃ sutvā ādisati – ‘evampi te mano, itthampi te mano, itipi te citta’nti. So bahuṃ cepi ādisati, tatheva taṃ hoti, no aññathā. Ayaṃ dutiyā ādesanavidhā.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, อิเธกโจฺจ น เหว โข นิมิเตฺตน อาทิสติ, นาปิ มนุสฺสานํ วา อมนุสฺสานํ วา เทวตานํ วา สทฺทํ สุตฺวา อาทิสติฯ อปิ จ โข วิตกฺกยโต วิจารยโต วิตกฺกวิปฺผารสทฺทํ สุตฺวา อาทิสติ – ‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน, อิติปิ เต จิตฺต’นฺติฯ โส พหุํ เจปิ อาทิสติ, ตเถว ตํ โหติ, โน อญฺญถาฯ อยํ ตติยา อาเทสนวิธาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhante, idhekacco na heva kho nimittena ādisati, nāpi manussānaṃ vā amanussānaṃ vā devatānaṃ vā saddaṃ sutvā ādisati. Api ca kho vitakkayato vicārayato vitakkavipphārasaddaṃ sutvā ādisati – ‘evampi te mano, itthampi te mano, itipi te citta’nti. So bahuṃ cepi ādisati, tatheva taṃ hoti, no aññathā. Ayaṃ tatiyā ādesanavidhā.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, อิเธกโจฺจ น เหว โข นิมิเตฺตน อาทิสติ, นาปิ มนุสฺสานํ วา อมนุสฺสานํ วา เทวตานํ วา สทฺทํ สุตฺวา อาทิสติ, นาปิ วิตกฺกยโต วิจารยโต วิตกฺกวิปฺผารสทฺทํ สุตฺวา อาทิสติฯ อปิ จ โข อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิํ สมาปนฺนสฺส 15 เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาติ – ‘ยถา อิมสฺส โภโต มโนสงฺขารา ปณิหิตาฯ ตถา อิมสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา อิมํ นาม วิตกฺกํ วิตเกฺกสฺสตี’ติฯ โส พหุํ เจปิ อาทิสติ, ตเถว ตํ โหติ, โน อญฺญถาฯ อยํ จตุตฺถา อาเทสนวิธาฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, อาเทสนวิธาสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhante, idhekacco na heva kho nimittena ādisati, nāpi manussānaṃ vā amanussānaṃ vā devatānaṃ vā saddaṃ sutvā ādisati, nāpi vitakkayato vicārayato vitakkavipphārasaddaṃ sutvā ādisati. Api ca kho avitakkaṃ avicāraṃ samādhiṃ samāpannassa 16 cetasā ceto paricca pajānāti – ‘yathā imassa bhoto manosaṅkhārā paṇihitā. Tathā imassa cittassa anantarā imaṃ nāma vitakkaṃ vitakkessatī’ti. So bahuṃ cepi ādisati, tatheva taṃ hoti, no aññathā. Ayaṃ catutthā ādesanavidhā. Etadānuttariyaṃ, bhante, ādesanavidhāsu.

    ทสฺสนสมาปตฺติเทสนา

    Dassanasamāpattidesanā

    ๑๔๙. ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ ทสฺสนสมาปตฺตีสุฯ จตโสฺส อิมา, ภเนฺต, ทสฺสนสมาปตฺติโยฯ อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย ปธานมนฺวาย อนุโยคมนฺวาย อปฺปมาทมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อิมเมว กายํ อุทฺธํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา ตจปริยนฺตํ ปูรํ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปจฺจเวกฺขติ – ‘อตฺถิ อิมสฺมิํ กาเย เกสา โลมา นขา ทนฺตา ตโจ มํสํ นฺหารุ อฎฺฐิ อฎฺฐิมิญฺชํ วกฺกํ หทยํ ยกนํ กิโลมกํ ปิหกํ ปปฺผาสํ อนฺตํ อนฺตคุณํ อุทริยํ กรีสํ ปิตฺตํ เสมฺหํ ปุโพฺพ โลหิตํ เสโท เมโท อสฺสุ วสา เขโฬ สิงฺฆานิกา ลสิกา มุตฺต’นฺติฯ อยํ ปฐมา ทสฺสนสมาปตฺติฯ

    149. ‘‘Aparaṃ pana, bhante, etadānuttariyaṃ, yathā bhagavā dhammaṃ deseti dassanasamāpattīsu. Catasso imā, bhante, dassanasamāpattiyo. Idha, bhante, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya padhānamanvāya anuyogamanvāya appamādamanvāya sammāmanasikāramanvāya tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte imameva kāyaṃ uddhaṃ pādatalā adho kesamatthakā tacapariyantaṃ pūraṃ nānappakārassa asucino paccavekkhati – ‘atthi imasmiṃ kāye kesā lomā nakhā dantā taco maṃsaṃ nhāru aṭṭhi aṭṭhimiñjaṃ vakkaṃ hadayaṃ yakanaṃ kilomakaṃ pihakaṃ papphāsaṃ antaṃ antaguṇaṃ udariyaṃ karīsaṃ pittaṃ semhaṃ pubbo lohitaṃ sedo medo assu vasā kheḷo siṅghānikā lasikā mutta’nti. Ayaṃ paṭhamā dassanasamāpatti.

    ‘‘ปุน จปรํ , ภเนฺต, อิเธกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย…เป.… ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อิมเมว กายํ อุทฺธํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา ตจปริยนฺตํ ปูรํ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปจฺจเวกฺขติ – ‘อตฺถิ อิมสฺมิํ กาเย เกสา โลมา…เป.… ลสิกา มุตฺต’นฺติฯ อติกฺกมฺม จ ปุริสสฺส ฉวิมํสโลหิตํ อฎฺฐิํ ปจฺจเวกฺขติฯ อยํ ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ , bhante, idhekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya…pe… tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte imameva kāyaṃ uddhaṃ pādatalā adho kesamatthakā tacapariyantaṃ pūraṃ nānappakārassa asucino paccavekkhati – ‘atthi imasmiṃ kāye kesā lomā…pe… lasikā mutta’nti. Atikkamma ca purisassa chavimaṃsalohitaṃ aṭṭhiṃ paccavekkhati. Ayaṃ dutiyā dassanasamāpatti.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, อิเธกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย…เป.… ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อิมเมว กายํ อุทฺธํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา ตจปริยนฺตํ ปูรํ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปจฺจเวกฺขติ – ‘อตฺถิ อิมสฺมิํ กาเย เกสา โลมา…เป.… ลสิกา มุตฺต’นฺติฯ อติกฺกมฺม จ ปุริสสฺส ฉวิมํสโลหิตํ อฎฺฐิํ ปจฺจเวกฺขติฯ ปุริสสฺส จ วิญฺญาณโสตํ ปชานาติ, อุภยโต อโพฺพจฺฉินฺนํ อิธ โลเก ปติฎฺฐิตญฺจ ปรโลเก ปติฎฺฐิตญฺจฯ อยํ ตติยา ทสฺสนสมาปตฺติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhante, idhekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya…pe… tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte imameva kāyaṃ uddhaṃ pādatalā adho kesamatthakā tacapariyantaṃ pūraṃ nānappakārassa asucino paccavekkhati – ‘atthi imasmiṃ kāye kesā lomā…pe… lasikā mutta’nti. Atikkamma ca purisassa chavimaṃsalohitaṃ aṭṭhiṃ paccavekkhati. Purisassa ca viññāṇasotaṃ pajānāti, ubhayato abbocchinnaṃ idha loke patiṭṭhitañca paraloke patiṭṭhitañca. Ayaṃ tatiyā dassanasamāpatti.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, อิเธกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย…เป.… ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อิมเมว กายํ อุทฺธํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา ตจปริยนฺตํ ปูรํ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปจฺจเวกฺขติ – ‘อตฺถิ อิมสฺมิํ กาเย เกสา โลมา…เป.… ลสิกา มุตฺต’นฺติฯ อติกฺกมฺม จ ปุริสสฺส ฉวิมํสโลหิตํ อฎฺฐิํ ปจฺจเวกฺขติฯ ปุริสสฺส จ วิญฺญาณโสตํ ปชานาติ, อุภยโต อโพฺพจฺฉินฺนํ อิธ โลเก อปฺปติฎฺฐิตญฺจ ปรโลเก อปฺปติฎฺฐิตญฺจฯ อยํ จตุตฺถา ทสฺสนสมาปตฺติฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, ทสฺสนสมาปตฺตีสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhante, idhekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya…pe… tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte imameva kāyaṃ uddhaṃ pādatalā adho kesamatthakā tacapariyantaṃ pūraṃ nānappakārassa asucino paccavekkhati – ‘atthi imasmiṃ kāye kesā lomā…pe… lasikā mutta’nti. Atikkamma ca purisassa chavimaṃsalohitaṃ aṭṭhiṃ paccavekkhati. Purisassa ca viññāṇasotaṃ pajānāti, ubhayato abbocchinnaṃ idha loke appatiṭṭhitañca paraloke appatiṭṭhitañca. Ayaṃ catutthā dassanasamāpatti. Etadānuttariyaṃ, bhante, dassanasamāpattīsu.

    ปุคฺคลปณฺณตฺติเทสนา

    Puggalapaṇṇattidesanā

    ๑๕๐. ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ ปุคฺคลปณฺณตฺตีสุฯ สตฺติเม, ภเนฺต, ปุคฺคลาฯ อุภโตภาควิมุโตฺต ปญฺญาวิมุโตฺต กายสกฺขี ทิฎฺฐิปฺปโตฺต สทฺธาวิมุโตฺต ธมฺมานุสารี สทฺธานุสารีฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, ปุคฺคลปณฺณตฺตีสุฯ

    150. ‘‘Aparaṃ pana, bhante, etadānuttariyaṃ, yathā bhagavā dhammaṃ deseti puggalapaṇṇattīsu. Sattime, bhante, puggalā. Ubhatobhāgavimutto paññāvimutto kāyasakkhī diṭṭhippatto saddhāvimutto dhammānusārī saddhānusārī. Etadānuttariyaṃ, bhante, puggalapaṇṇattīsu.

    ปธานเทสนา

    Padhānadesanā

    ๑๕๑. ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ ปธาเนสุฯ สตฺติเม, ภเนฺต สโมฺพชฺฌงฺคา สติสโมฺพชฺฌโงฺค ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺค วีริยสโมฺพชฺฌโงฺค ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌโงฺค สมาธิสโมฺพชฺฌโงฺค อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌโงฺคฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, ปธาเนสุฯ

    151. ‘‘Aparaṃ pana, bhante, etadānuttariyaṃ, yathā bhagavā dhammaṃ deseti padhānesu. Sattime, bhante sambojjhaṅgā satisambojjhaṅgo dhammavicayasambojjhaṅgo vīriyasambojjhaṅgo pītisambojjhaṅgo passaddhisambojjhaṅgo samādhisambojjhaṅgo upekkhāsambojjhaṅgo. Etadānuttariyaṃ, bhante, padhānesu.

    ปฎิปทาเทสนา

    Paṭipadādesanā

    ๑๕๒. ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ ปฎิปทาสุฯ จตโสฺส อิมา, ภเนฺต, ปฎิปทา ทุกฺขา ปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา, ทุกฺขา ปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา, สุขา ปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา, สุขา ปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญาติฯ ตตฺร, ภเนฺต, ยายํ ปฎิปทา ทุกฺขา ทนฺธาภิญฺญา, อยํ, ภเนฺต, ปฎิปทา อุภเยเนว หีนา อกฺขายติ ทุกฺขตฺตา จ ทนฺธตฺตา จฯ ตตฺร, ภเนฺต, ยายํ ปฎิปทา ทุกฺขา ขิปฺปาภิญฺญา, อยํ ปน, ภเนฺต, ปฎิปทา ทุกฺขตฺตา หีนา อกฺขายติ ฯ ตตฺร, ภเนฺต, ยายํ ปฎิปทา สุขา ทนฺธาภิญฺญา, อยํ ปน, ภเนฺต, ปฎิปทา ทนฺธตฺตา หีนา อกฺขายติฯ ตตฺร, ภเนฺต, ยายํ ปฎิปทา สุขา ขิปฺปาภิญฺญา, อยํ ปน, ภเนฺต, ปฎิปทา อุภเยเนว ปณีตา อกฺขายติ สุขตฺตา จ ขิปฺปตฺตา จฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, ปฎิปทาสุฯ

    152. ‘‘Aparaṃ pana, bhante, etadānuttariyaṃ, yathā bhagavā dhammaṃ deseti paṭipadāsu. Catasso imā, bhante, paṭipadā dukkhā paṭipadā dandhābhiññā, dukkhā paṭipadā khippābhiññā, sukhā paṭipadā dandhābhiññā, sukhā paṭipadā khippābhiññāti. Tatra, bhante, yāyaṃ paṭipadā dukkhā dandhābhiññā, ayaṃ, bhante, paṭipadā ubhayeneva hīnā akkhāyati dukkhattā ca dandhattā ca. Tatra, bhante, yāyaṃ paṭipadā dukkhā khippābhiññā, ayaṃ pana, bhante, paṭipadā dukkhattā hīnā akkhāyati . Tatra, bhante, yāyaṃ paṭipadā sukhā dandhābhiññā, ayaṃ pana, bhante, paṭipadā dandhattā hīnā akkhāyati. Tatra, bhante, yāyaṃ paṭipadā sukhā khippābhiññā, ayaṃ pana, bhante, paṭipadā ubhayeneva paṇītā akkhāyati sukhattā ca khippattā ca. Etadānuttariyaṃ, bhante, paṭipadāsu.

    ภสฺสสมาจาราทิเทสนา

    Bhassasamācārādidesanā

    ๑๕๓. ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ ภสฺสสมาจาเรฯ อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ น เจว มุสาวาทุปสญฺหิตํ วาจํ ภาสติ น จ เวภูติยํ น จ เปสุณิยํ น จ สารมฺภชํ ชยาเปโกฺข; มนฺตา มนฺตา จ วาจํ ภาสติ นิธานวติํ กาเลนฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, ภสฺสสมาจาเรฯ

    153. ‘‘Aparaṃ pana, bhante, etadānuttariyaṃ, yathā bhagavā dhammaṃ deseti bhassasamācāre. Idha, bhante, ekacco na ceva musāvādupasañhitaṃ vācaṃ bhāsati na ca vebhūtiyaṃ na ca pesuṇiyaṃ na ca sārambhajaṃ jayāpekkho; mantā mantā ca vācaṃ bhāsati nidhānavatiṃ kālena. Etadānuttariyaṃ, bhante, bhassasamācāre.

    ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ ปุริสสีลสมาจาเรฯ อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ สโจฺจ จสฺส สโทฺธ จ, น จ กุหโก, น จ ลปโก, น จ เนมิตฺติโก, น จ นิเปฺปสิโก, น จ ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนโก 17, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร, โภชเน มตฺตญฺญู, สมการี, ชาคริยานุโยคมนุยุโตฺต, อตนฺทิโต, อารทฺธวีริโย, ฌายี, สติมา, กลฺยาณปฎิภาโน, คติมา, ธิติมา, มติมา, น จ กาเมสุ คิโทฺธ, สโต จ นิปโก จฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, ปุริสสีลสมาจาเรฯ

    ‘‘Aparaṃ pana, bhante, etadānuttariyaṃ, yathā bhagavā dhammaṃ deseti purisasīlasamācāre. Idha, bhante, ekacco sacco cassa saddho ca, na ca kuhako, na ca lapako, na ca nemittiko, na ca nippesiko, na ca lābhena lābhaṃ nijigīsanako 18, indriyesu guttadvāro, bhojane mattaññū, samakārī, jāgariyānuyogamanuyutto, atandito, āraddhavīriyo, jhāyī, satimā, kalyāṇapaṭibhāno, gatimā, dhitimā, matimā, na ca kāmesu giddho, sato ca nipako ca. Etadānuttariyaṃ, bhante, purisasīlasamācāre.

    อนุสาสนวิธาเทสนา

    Anusāsanavidhādesanā

    ๑๕๔. ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ อนุสาสนวิธาสุฯ จตโสฺส อิมา ภเนฺต อนุสาสนวิธา – ชานาติ , ภเนฺต, ภควา อปรํ ปุคฺคลํ ปจฺจตฺตํ โยนิโสมนสิการา ‘อยํ ปุคฺคโล ยถานุสิฎฺฐํ ตถา ปฎิปชฺชมาโน ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปโนฺน ภวิสฺสติ อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณ’ติฯ ชานาติ, ภเนฺต, ภควา ปรํ ปุคฺคลํ ปจฺจตฺตํ โยนิโสมนสิการา – ‘อยํ ปุคฺคโล ยถานุสิฎฺฐํ ตถา ปฎิปชฺชมาโน ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี ภวิสฺสติ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’ติฯ ชานาติ, ภเนฺต, ภควา ปรํ ปุคฺคลํ ปจฺจตฺตํ โยนิโสมนสิการา – ‘อยํ ปุคฺคโล ยถานุสิฎฺฐํ ตถา ปฎิปชฺชมาโน ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก ภวิสฺสติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธโมฺม ตสฺมา โลกา’ติฯ ชานาติ, ภเนฺต, ภควา ปรํ ปุคฺคลํ ปจฺจตฺตํ โยนิโสมนสิการา – ‘อยํ ปุคฺคโล ยถานุสิฎฺฐํ ตถา ปฎิปชฺชมาโน อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสตี’ติฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, อนุสาสนวิธาสุฯ

    154. ‘‘Aparaṃ pana, bhante, etadānuttariyaṃ, yathā bhagavā dhammaṃ deseti anusāsanavidhāsu. Catasso imā bhante anusāsanavidhā – jānāti , bhante, bhagavā aparaṃ puggalaṃ paccattaṃ yonisomanasikārā ‘ayaṃ puggalo yathānusiṭṭhaṃ tathā paṭipajjamāno tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sotāpanno bhavissati avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo’ti. Jānāti, bhante, bhagavā paraṃ puggalaṃ paccattaṃ yonisomanasikārā – ‘ayaṃ puggalo yathānusiṭṭhaṃ tathā paṭipajjamāno tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā rāgadosamohānaṃ tanuttā sakadāgāmī bhavissati, sakideva imaṃ lokaṃ āgantvā dukkhassantaṃ karissatī’ti. Jānāti, bhante, bhagavā paraṃ puggalaṃ paccattaṃ yonisomanasikārā – ‘ayaṃ puggalo yathānusiṭṭhaṃ tathā paṭipajjamāno pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātiko bhavissati tattha parinibbāyī anāvattidhammo tasmā lokā’ti. Jānāti, bhante, bhagavā paraṃ puggalaṃ paccattaṃ yonisomanasikārā – ‘ayaṃ puggalo yathānusiṭṭhaṃ tathā paṭipajjamāno āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissatī’ti. Etadānuttariyaṃ, bhante, anusāsanavidhāsu.

    ปรปุคฺคลวิมุตฺติญาณเทสนา

    Parapuggalavimuttiñāṇadesanā

    ๑๕๕. ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ ปรปุคฺคลวิมุตฺติญาเณฯ ชานาติ, ภเนฺต, ภควา ปรํ ปุคฺคลํ ปจฺจตฺตํ โยนิโสมนสิการา – ‘อยํ ปุคฺคโล ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปโนฺน ภวิสฺสติ อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณ’ติฯ ชานาติ, ภเนฺต, ภควา ปรํ ปุคฺคลํ ปจฺจตฺตํ โยนิโสมนสิการา – ‘อยํ ปุคฺคโล ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี ภวิสฺสติ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’ติฯ ชานาติ, ภเนฺต, ภควา ปรํ ปุคฺคลํ ปจฺจตฺตํ โยนิโสมนสิการา – ‘อยํ ปุคฺคโล ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก ภวิสฺสติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธโมฺม ตสฺมา โลกา’ติฯ ชานาติ, ภเนฺต, ภควา ปรํ ปุคฺคลํ ปจฺจตฺตํ โยนิโสมนสิการา – ‘อยํ ปุคฺคโล อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺติํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสตี’ติฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, ปรปุคฺคลวิมุตฺติญาเณฯ

    155. ‘‘Aparaṃ pana, bhante, etadānuttariyaṃ, yathā bhagavā dhammaṃ deseti parapuggalavimuttiñāṇe. Jānāti, bhante, bhagavā paraṃ puggalaṃ paccattaṃ yonisomanasikārā – ‘ayaṃ puggalo tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sotāpanno bhavissati avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo’ti. Jānāti, bhante, bhagavā paraṃ puggalaṃ paccattaṃ yonisomanasikārā – ‘ayaṃ puggalo tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā rāgadosamohānaṃ tanuttā sakadāgāmī bhavissati, sakideva imaṃ lokaṃ āgantvā dukkhassantaṃ karissatī’ti. Jānāti, bhante, bhagavā paraṃ puggalaṃ paccattaṃ yonisomanasikārā – ‘ayaṃ puggalo pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā opapātiko bhavissati tattha parinibbāyī anāvattidhammo tasmā lokā’ti. Jānāti, bhante, bhagavā paraṃ puggalaṃ paccattaṃ yonisomanasikārā – ‘ayaṃ puggalo āsavānaṃ khayā anāsavaṃ cetovimuttiṃ paññāvimuttiṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissatī’ti. Etadānuttariyaṃ, bhante, parapuggalavimuttiñāṇe.

    สสฺสตวาทเทสนา

    Sassatavādadesanā

    ๑๕๖. ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ สสฺสตวาเทสุฯ ตโยเม, ภเนฺต, สสฺสตวาทาฯ อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย…เป.… ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ เสยฺยถิทํ, เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย ติโสฺสปิ ชาติโย จตโสฺสปิ ชาติโย ปญฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ติํสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปญฺญาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนกานิปิ ชาติสตานิ อเนกานิปิ ชาติสหสฺสานิ อเนกานิปิ ชาติสตสหสฺสานิ, ‘อมุตฺราสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทิํ; ตตฺราปาสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อิธูปปโนฺน’ติฯ อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ โส เอวมาห – ‘อตีตํปาหํ อทฺธานํ ชานามิ – สํวฎฺฎิ วา โลโก วิวฎฺฎิ วาติฯ อนาคตํปาหํ อทฺธานํ ชานามิ – สํวฎฺฎิสฺสติ วา โลโก วิวฎฺฎิสฺสติ วาติฯ สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ วโญฺฌ กูฎโฎฺฐ เอสิกฎฺฐายิฎฺฐิโตฯ เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺติ สํสรนฺติ จวนฺติ อุปปชฺชนฺติ, อตฺถิเตฺวว สสฺสติสม’นฺติฯ อยํ ปฐโม สสฺสตวาโทฯ

    156. ‘‘Aparaṃ pana, bhante, etadānuttariyaṃ, yathā bhagavā dhammaṃ deseti sassatavādesu. Tayome, bhante, sassatavādā. Idha, bhante, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya…pe… tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. Seyyathidaṃ, ekampi jātiṃ dvepi jātiyo tissopi jātiyo catassopi jātiyo pañcapi jātiyo dasapi jātiyo vīsampi jātiyo tiṃsampi jātiyo cattālīsampi jātiyo paññāsampi jātiyo jātisatampi jātisahassampi jātisatasahassampi anekānipi jātisatāni anekānipi jātisahassāni anekānipi jātisatasahassāni, ‘amutrāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto amutra udapādiṃ; tatrāpāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto idhūpapanno’ti. Iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. So evamāha – ‘atītaṃpāhaṃ addhānaṃ jānāmi – saṃvaṭṭi vā loko vivaṭṭi vāti. Anāgataṃpāhaṃ addhānaṃ jānāmi – saṃvaṭṭissati vā loko vivaṭṭissati vāti. Sassato attā ca loko ca vañjho kūṭaṭṭho esikaṭṭhāyiṭṭhito. Te ca sattā sandhāvanti saṃsaranti cavanti upapajjanti, atthitveva sassatisama’nti. Ayaṃ paṭhamo sassatavādo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, อิเธกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย…เป.… ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ เสยฺยถิทํ, เอกมฺปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎํ เทฺวปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ ตีณิปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ จตฺตาริปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ ปญฺจปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ ทสปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ, ‘อมุตฺราสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทิํ; ตตฺราปาสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อิธูปปโนฺน’ติฯ อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ โส เอวมาห – ‘อตีตํปาหํ อทฺธานํ ชานามิ สํวฎฺฎิ วา โลโก วิวฎฺฎิ วาติ ฯ อนาคตํปาหํ อทฺธานํ ชานามิ สํวฎฺฎิสฺสติ วา โลโก วิวฎฺฎิสฺสติ วาติฯ สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ วโญฺฌ กูฎโฎฺฐ เอสิกฎฺฐายิฎฺฐิโตฯ เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺติ สํสรนฺติ จวนฺติ อุปปชฺชนฺติ, อตฺถิเตฺวว สสฺสติสม’นฺติฯ อยํ ทุติโย สสฺสตวาโทฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhante, idhekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya…pe… tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. Seyyathidaṃ, ekampi saṃvaṭṭavivaṭṭaṃ dvepi saṃvaṭṭavivaṭṭāni tīṇipi saṃvaṭṭavivaṭṭāni cattāripi saṃvaṭṭavivaṭṭāni pañcapi saṃvaṭṭavivaṭṭāni dasapi saṃvaṭṭavivaṭṭāni, ‘amutrāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto amutra udapādiṃ; tatrāpāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto idhūpapanno’ti. Iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. So evamāha – ‘atītaṃpāhaṃ addhānaṃ jānāmi saṃvaṭṭi vā loko vivaṭṭi vāti . Anāgataṃpāhaṃ addhānaṃ jānāmi saṃvaṭṭissati vā loko vivaṭṭissati vāti. Sassato attā ca loko ca vañjho kūṭaṭṭho esikaṭṭhāyiṭṭhito. Te ca sattā sandhāvanti saṃsaranti cavanti upapajjanti, atthitveva sassatisama’nti. Ayaṃ dutiyo sassatavādo.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภเนฺต, อิเธกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย…เป.… ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ เสยฺยถิทํ, ทสปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ วีสมฺปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ ติํสมฺปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ จตฺตาลีสมฺปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎานิ, ‘อมุตฺราสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทิํ; ตตฺราปาสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อิธูปปโนฺน’ติฯ อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ โส เอวมาห – ‘อตีตํปาหํ อทฺธานํ ชานามิ สํวฎฺฎิปิ โลโก วิวฎฺฎิปีติ; อนาคตํปาหํ อทฺธานํ ชานามิ สํวฎฺฎิสฺสติปิ โลโก วิวฎฺฎิสฺสติปีติฯ สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ วโญฺฌ กูฎโฎฺฐ เอสิกฎฺฐายิฎฺฐิโตฯ เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺติ สํสรนฺติ จวนฺติ อุปปชฺชนฺติ, อตฺถิเตฺวว สสฺสติสม’นฺติฯ อยํ ตติโย สสฺสตวาโท, เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, สสฺสตวาเทสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhante, idhekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya…pe… tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. Seyyathidaṃ, dasapi saṃvaṭṭavivaṭṭāni vīsampi saṃvaṭṭavivaṭṭāni tiṃsampi saṃvaṭṭavivaṭṭāni cattālīsampi saṃvaṭṭavivaṭṭāni, ‘amutrāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto amutra udapādiṃ; tatrāpāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto idhūpapanno’ti. Iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. So evamāha – ‘atītaṃpāhaṃ addhānaṃ jānāmi saṃvaṭṭipi loko vivaṭṭipīti; anāgataṃpāhaṃ addhānaṃ jānāmi saṃvaṭṭissatipi loko vivaṭṭissatipīti. Sassato attā ca loko ca vañjho kūṭaṭṭho esikaṭṭhāyiṭṭhito. Te ca sattā sandhāvanti saṃsaranti cavanti upapajjanti, atthitveva sassatisama’nti. Ayaṃ tatiyo sassatavādo, etadānuttariyaṃ, bhante, sassatavādesu.

    ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณเทสนา

    Pubbenivāsānussatiñāṇadesanā

    ๑๕๗. ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาเณฯ อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย…เป.… ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ เสยฺยถิทํ, เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย ติโสฺสปิ ชาติโย จตโสฺสปิ ชาติโย ปญฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ติํสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปญฺญาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฎฺฎกเปฺป อเนเกปิ วิวฎฺฎกเปฺป อเนเกปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎกเปฺป, ‘อมุตฺราสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทิํ; ตตฺราปาสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อิธูปปโนฺน’ติฯ อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ สนฺติ, ภเนฺต, เทวา 19, เยสํ น สกฺกา คณนาย วา สงฺขาเนน วา อายุ สงฺขาตุํฯ อปิ จ, ยสฺมิํ ยสฺมิํ อตฺตภาเว อภินิวุฎฺฐปุโพฺพ 20 โหติ ยทิ วา รูปีสุ ยทิ วา อรูปีสุ ยทิ วา สญฺญีสุ ยทิ วา อสญฺญีสุ ยทิ วา เนวสญฺญีนาสญฺญีสุฯ อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาเณฯ

    157. ‘‘Aparaṃ pana, bhante, etadānuttariyaṃ, yathā bhagavā dhammaṃ deseti pubbenivāsānussatiñāṇe. Idha, bhante, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya…pe… tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. Seyyathidaṃ, ekampi jātiṃ dvepi jātiyo tissopi jātiyo catassopi jātiyo pañcapi jātiyo dasapi jātiyo vīsampi jātiyo tiṃsampi jātiyo cattālīsampi jātiyo paññāsampi jātiyo jātisatampi jātisahassampi jātisatasahassampi anekepi saṃvaṭṭakappe anekepi vivaṭṭakappe anekepi saṃvaṭṭavivaṭṭakappe, ‘amutrāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto amutra udapādiṃ; tatrāpāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto idhūpapanno’ti. Iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. Santi, bhante, devā 21, yesaṃ na sakkā gaṇanāya vā saṅkhānena vā āyu saṅkhātuṃ. Api ca, yasmiṃ yasmiṃ attabhāve abhinivuṭṭhapubbo 22 hoti yadi vā rūpīsu yadi vā arūpīsu yadi vā saññīsu yadi vā asaññīsu yadi vā nevasaññīnāsaññīsu. Iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. Etadānuttariyaṃ, bhante, pubbenivāsānussatiñāṇe.

    จุตูปปาตญาณเทสนา

    Cutūpapātañāṇadesanā

    ๑๕๘. ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ สตฺตานํ จุตูปปาตญาเณฯ อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย…เป.… ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวเณฺณ ทุพฺพเณฺณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานาติ – ‘อิเม วต โภโนฺต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฎฺฐิกา มิจฺฉาทิฎฺฐิกมฺมสมาทานาฯ เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนาฯ อิเม วา ปน โภโนฺต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฎฺฐิกา สมฺมาทิฎฺฐิกมฺมสมาทานาฯ เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติฯ อิติ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวเณฺณ ทุพฺพเณฺณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานาติฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, สตฺตานํ จุตูปปาตญาเณฯ

    158. ‘‘Aparaṃ pana, bhante, etadānuttariyaṃ, yathā bhagavā dhammaṃ deseti sattānaṃ cutūpapātañāṇe. Idha, bhante, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya…pe… tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passati cavamāne upapajjamāne hīne paṇīte suvaṇṇe dubbaṇṇe sugate duggate yathākammūpage satte pajānāti – ‘ime vata bhonto sattā kāyaduccaritena samannāgatā vacīduccaritena samannāgatā manoduccaritena samannāgatā ariyānaṃ upavādakā micchādiṭṭhikā micchādiṭṭhikammasamādānā. Te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapannā. Ime vā pana bhonto sattā kāyasucaritena samannāgatā vacīsucaritena samannāgatā manosucaritena samannāgatā ariyānaṃ anupavādakā sammādiṭṭhikā sammādiṭṭhikammasamādānā. Te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapannā’ti. Iti dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passati cavamāne upapajjamāne hīne paṇīte suvaṇṇe dubbaṇṇe sugate duggate yathākammūpage satte pajānāti. Etadānuttariyaṃ, bhante, sattānaṃ cutūpapātañāṇe.

    อิทฺธิวิธเทสนา

    Iddhividhadesanā

    ๑๕๙. ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ อิทฺธิวิธาสุฯ เทฺวมา, ภเนฺต, อิทฺธิวิธาโย – อตฺถิ, ภเนฺต, อิทฺธิ สาสวา สอุปธิกา, ‘โน อริยา’ติ วุจฺจติฯ อตฺถิ, ภเนฺต, อิทฺธิ อนาสวา อนุปธิกา ‘อริยา’ติ วุจฺจติฯ ‘‘กตมา จ, ภเนฺต, อิทฺธิ สาสวา สอุปธิกา, ‘โน อริยา’ติ วุจฺจติ? อิธ, ภเนฺต, เอกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย…เป.… ตถารูปํ เจโตสมาธิํ ผุสติ, ยถาสมาหิเต จิเตฺต อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภติฯ เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ; อาวิภาวํ ติโรภาวํ ติโรกุฎฺฎํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ เสยฺยถาปิ อากาเสฯ ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรติ, เสยฺยถาปิ อุทเกฯ อุทเกปิ อภิชฺชมาเน คจฺฉติ, เสยฺยถาปิ ปถวิยํฯ อากาเสปิ ปลฺลเงฺกน กมติ, เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณฯ อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปรามสติ ปริมชฺชติฯ ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วเตฺตติฯ อยํ, ภเนฺต, อิทฺธิ สาสวา สอุปธิกา, ‘โน อริยา’ติ วุจฺจติฯ

    159. ‘‘Aparaṃ pana, bhante, etadānuttariyaṃ, yathā bhagavā dhammaṃ deseti iddhividhāsu. Dvemā, bhante, iddhividhāyo – atthi, bhante, iddhi sāsavā saupadhikā, ‘no ariyā’ti vuccati. Atthi, bhante, iddhi anāsavā anupadhikā ‘ariyā’ti vuccati. ‘‘Katamā ca, bhante, iddhi sāsavā saupadhikā, ‘no ariyā’ti vuccati? Idha, bhante, ekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā ātappamanvāya…pe… tathārūpaṃ cetosamādhiṃ phusati, yathāsamāhite citte anekavihitaṃ iddhividhaṃ paccanubhoti. Ekopi hutvā bahudhā hoti, bahudhāpi hutvā eko hoti; āvibhāvaṃ tirobhāvaṃ tirokuṭṭaṃ tiropākāraṃ tiropabbataṃ asajjamāno gacchati seyyathāpi ākāse. Pathaviyāpi ummujjanimujjaṃ karoti, seyyathāpi udake. Udakepi abhijjamāne gacchati, seyyathāpi pathaviyaṃ. Ākāsepi pallaṅkena kamati, seyyathāpi pakkhī sakuṇo. Imepi candimasūriye evaṃmahiddhike evaṃmahānubhāve pāṇinā parāmasati parimajjati. Yāva brahmalokāpi kāyena vasaṃ vatteti. Ayaṃ, bhante, iddhi sāsavā saupadhikā, ‘no ariyā’ti vuccati.

    ‘‘กตมา ปน, ภเนฺต, อิทฺธิ อนาสวา อนุปธิกา, ‘อริยา’ติ วุจฺจติ? อิธ, ภเนฺต, ภิกฺขุ สเจ อากงฺขติ – ‘ปฎิกูเล อปฺปฎิกูลสญฺญี วิหเรยฺย’นฺติ, อปฺปฎิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ – ‘อปฺปฎิกูเล ปฎิกูลสญฺญี วิหเรยฺย’นฺติ, ปฎิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ – ‘ปฎิกูเล จ อปฺปฎิกูเล จ อปฺปฎิกูลสญฺญี วิหเรยฺย’นฺติ, อปฺปฎิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ – ‘ปฎิกูเล จ อปฺปฎิกูเล จ ปฎิกูลสญฺญี วิหเรยฺย’นฺติ, ปฎิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ – ‘ปฎิกูลญฺจ อปฺปฎิกูลญฺจ ตทุภยํ อภินิวเชฺชตฺวา อุเปกฺขโก วิหเรยฺยํ สโต สมฺปชาโน’ติ, อุเปกฺขโก ตตฺถ วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ อยํ, ภเนฺต, อิทฺธิ อนาสวา อนุปธิกา ‘อริยา’ติ วุจฺจติฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, อิทฺธิวิธาสุ ฯ ตํ ภควา อเสสมภิชานาติ, ตํ ภควโต อเสสมภิชานโต อุตฺตริ อภิเญฺญยฺยํ นตฺถิ, ยทภิชานํ อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร อสฺส ยทิทํ อิทฺธิวิธาสุฯ

    ‘‘Katamā pana, bhante, iddhi anāsavā anupadhikā, ‘ariyā’ti vuccati? Idha, bhante, bhikkhu sace ākaṅkhati – ‘paṭikūle appaṭikūlasaññī vihareyya’nti, appaṭikūlasaññī tattha viharati. Sace ākaṅkhati – ‘appaṭikūle paṭikūlasaññī vihareyya’nti, paṭikūlasaññī tattha viharati. Sace ākaṅkhati – ‘paṭikūle ca appaṭikūle ca appaṭikūlasaññī vihareyya’nti, appaṭikūlasaññī tattha viharati. Sace ākaṅkhati – ‘paṭikūle ca appaṭikūle ca paṭikūlasaññī vihareyya’nti, paṭikūlasaññī tattha viharati. Sace ākaṅkhati – ‘paṭikūlañca appaṭikūlañca tadubhayaṃ abhinivajjetvā upekkhako vihareyyaṃ sato sampajāno’ti, upekkhako tattha viharati sato sampajāno. Ayaṃ, bhante, iddhi anāsavā anupadhikā ‘ariyā’ti vuccati. Etadānuttariyaṃ, bhante, iddhividhāsu . Taṃ bhagavā asesamabhijānāti, taṃ bhagavato asesamabhijānato uttari abhiññeyyaṃ natthi, yadabhijānaṃ añño samaṇo vā brāhmaṇo vā bhagavatā bhiyyobhiññataro assa yadidaṃ iddhividhāsu.

    อญฺญถาสตฺถุคุณทสฺสนํ

    Aññathāsatthuguṇadassanaṃ

    ๑๖๐. ‘‘ยํ ตํ, ภเนฺต, สเทฺธน กุลปุเตฺตน ปตฺตพฺพํ อารทฺธวีริเยน ถามวตา ปุริสถาเมน ปุริสวีริเยน ปุริสปรกฺกเมน ปุริสโธรเยฺหน, อนุปฺปตฺตํ ตํ ภควตาฯ น จ, ภเนฺต, ภควา กาเมสุ กามสุขลฺลิกานุโยคมนุยุโตฺต หีนํ คมฺมํ โปถุชฺชนิกํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, น จ อตฺตกิลมถานุโยคมนุยุโตฺต ทุกฺขํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํฯ จตุนฺนญฺจ ภควา ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีฯ

    160. ‘‘Yaṃ taṃ, bhante, saddhena kulaputtena pattabbaṃ āraddhavīriyena thāmavatā purisathāmena purisavīriyena purisaparakkamena purisadhorayhena, anuppattaṃ taṃ bhagavatā. Na ca, bhante, bhagavā kāmesu kāmasukhallikānuyogamanuyutto hīnaṃ gammaṃ pothujjanikaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ, na ca attakilamathānuyogamanuyutto dukkhaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ. Catunnañca bhagavā jhānānaṃ ābhicetasikānaṃ diṭṭhadhammasukhavihārānaṃ nikāmalābhī akicchalābhī akasiralābhī.

    อนุโยคทานปฺปกาโร

    Anuyogadānappakāro

    ๑๖๑. ‘‘สเจ มํ, ภเนฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺย – ‘กิํ นุ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อเญฺญ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตรา สโมฺพธิย’นฺติ, เอวํ ปุโฎฺฐ อหํ, ภเนฺต, ‘โน’ติ วเทยฺยํฯ ‘กิํ ปนาวุโส สาริปุตฺต, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อเญฺญ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตรา สโมฺพธิย’นฺติ, เอวํ ปุโฎฺฐ อหํ, ภเนฺต, ‘โน’ติ วเทยฺยํ ฯ ‘กิํ ปนาวุโส สาริปุตฺต, อเตฺถตรหิ อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร สโมฺพธิย’นฺติ, เอวํ ปุโฎฺฐ อหํ, ภเนฺต, ‘โน’ติ วเทยฺยํฯ

    161. ‘‘Sace maṃ, bhante, evaṃ puccheyya – ‘kiṃ nu kho, āvuso sāriputta, ahesuṃ atītamaddhānaṃ aññe samaṇā vā brāhmaṇā vā bhagavatā bhiyyobhiññatarā sambodhiya’nti, evaṃ puṭṭho ahaṃ, bhante, ‘no’ti vadeyyaṃ. ‘Kiṃ panāvuso sāriputta, bhavissanti anāgatamaddhānaṃ aññe samaṇā vā brāhmaṇā vā bhagavatā bhiyyobhiññatarā sambodhiya’nti, evaṃ puṭṭho ahaṃ, bhante, ‘no’ti vadeyyaṃ . ‘Kiṃ panāvuso sāriputta, atthetarahi añño samaṇo vā brāhmaṇo vā bhagavatā bhiyyobhiññataro sambodhiya’nti, evaṃ puṭṭho ahaṃ, bhante, ‘no’ti vadeyyaṃ.

    ‘‘สเจ ปน มํ, ภเนฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺย – ‘กิํ นุ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อเญฺญ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ภควตา สมสมา สโมฺพธิย’นฺติ, เอวํ ปุโฎฺฐ อหํ, ภเนฺต, ‘เอว’นฺติ วเทยฺยํฯ ‘กิํ ปนาวุโส สาริปุตฺต, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อเญฺญ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ภควตา สมสมา สโมฺพธิย’นฺติ, เอวํ ปุโฎฺฐ อหํ, ภเนฺต, ‘‘เอว’’นฺติ วเทยฺยํ ฯ ‘กิํ ปนาวุโส สาริปุตฺต, อเตฺถตรหิ อเญฺญ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ภควตา สมสมา สโมฺพธิย’นฺติ, เอวํ ปุโฎฺฐ อหํ ภเนฺต ‘โน’ติ วเทยฺยํฯ

    ‘‘Sace pana maṃ, bhante, evaṃ puccheyya – ‘kiṃ nu kho, āvuso sāriputta, ahesuṃ atītamaddhānaṃ aññe samaṇā vā brāhmaṇā vā bhagavatā samasamā sambodhiya’nti, evaṃ puṭṭho ahaṃ, bhante, ‘eva’nti vadeyyaṃ. ‘Kiṃ panāvuso sāriputta, bhavissanti anāgatamaddhānaṃ aññe samaṇā vā brāhmaṇā vā bhagavatā samasamā sambodhiya’nti, evaṃ puṭṭho ahaṃ, bhante, ‘‘eva’’nti vadeyyaṃ . ‘Kiṃ panāvuso sāriputta, atthetarahi aññe samaṇā vā brāhmaṇā vā bhagavatā samasamā sambodhiya’nti, evaṃ puṭṭho ahaṃ bhante ‘no’ti vadeyyaṃ.

    ‘‘สเจ ปน มํ, ภเนฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺย – ‘กิํ ปนายสฺมา สาริปุโตฺต เอกจฺจํ อพฺภนุชานาติ , เอกจฺจํ น อพฺภนุชานาตี’ติ, เอวํ ปุโฎฺฐ อหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ – ‘สมฺมุขา เมตํ, อาวุโส, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ – ‘‘อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา มยา สมสมา สโมฺพธิย’’นฺติฯ สมฺมุขา เมตํ, อาวุโส, ภควโต สุตํ, สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ – ‘‘ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา มยา สมสมา สโมฺพธิย’’นฺติฯ สมฺมุขา เมตํ, อาวุโส, ภควโต สุตํ สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ – ‘‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา เทฺว อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา อปุพฺพํ อจริมํ อุปฺปเชฺชยฺยุํ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’’ติฯ

    ‘‘Sace pana maṃ, bhante, evaṃ puccheyya – ‘kiṃ panāyasmā sāriputto ekaccaṃ abbhanujānāti , ekaccaṃ na abbhanujānātī’ti, evaṃ puṭṭho ahaṃ, bhante, evaṃ byākareyyaṃ – ‘sammukhā metaṃ, āvuso, bhagavato sutaṃ, sammukhā paṭiggahitaṃ – ‘‘ahesuṃ atītamaddhānaṃ arahanto sammāsambuddhā mayā samasamā sambodhiya’’nti. Sammukhā metaṃ, āvuso, bhagavato sutaṃ, sammukhā paṭiggahitaṃ – ‘‘bhavissanti anāgatamaddhānaṃ arahanto sammāsambuddhā mayā samasamā sambodhiya’’nti. Sammukhā metaṃ, āvuso, bhagavato sutaṃ sammukhā paṭiggahitaṃ – ‘‘aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ ekissā lokadhātuyā dve arahanto sammāsambuddhā apubbaṃ acarimaṃ uppajjeyyuṃ, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’’ti.

    ‘‘กจฺจาหํ, ภเนฺต, เอวํ ปุโฎฺฐ เอวํ พฺยากรมาโน วุตฺตวาที เจว ภควโต โหมิ, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขามิ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรมิ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท 23 คารยฺหํ ฐานํ อาคจฺฉตี’’ติ? ‘‘ตคฺฆ ตฺวํ, สาริปุตฺต, เอวํ ปุโฎฺฐ เอวํ พฺยากรมาโน วุตฺตวาที เจว เม โหสิ, น จ มํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขสิ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรสิ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ ฐานํ อาคจฺฉตี’’ติฯ

    ‘‘Kaccāhaṃ, bhante, evaṃ puṭṭho evaṃ byākaramāno vuttavādī ceva bhagavato homi, na ca bhagavantaṃ abhūtena abbhācikkhāmi, dhammassa cānudhammaṃ byākaromi, na ca koci sahadhammiko vādānuvādo 24 gārayhaṃ ṭhānaṃ āgacchatī’’ti? ‘‘Taggha tvaṃ, sāriputta, evaṃ puṭṭho evaṃ byākaramāno vuttavādī ceva me hosi, na ca maṃ abhūtena abbhācikkhasi, dhammassa cānudhammaṃ byākarosi, na ca koci sahadhammiko vādānuvādo gārayhaṃ ṭhānaṃ āgacchatī’’ti.

    อจฺฉริยอพฺภุตํ

    Acchariyaabbhutaṃ

    ๑๖๒. เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา อุทายี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต, ตถาคตสฺส อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฎฺฐิตา สเลฺลขตาฯ ยตฺร หิ นาม ตถาคโต เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว, อถ จ ปน เนวตฺตานํ ปาตุกริสฺสติ! เอกเมกเญฺจปิ อิโต, ภเนฺต, ธมฺมํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา อตฺตนิ สมนุปเสฺสยฺยุํ, เต ตาวตเกเนว ปฎากํ ปริหเรยฺยุํฯ อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต, ตถาคตสฺส อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฎฺฐิตา สเลฺลขตาฯ ยตฺร หิ นาม ตถาคโต เอวํ มหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโวฯ อถ จ ปน เนวตฺตานํ ปาตุกริสฺสตี’’ติ!

    162. Evaṃ vutte, āyasmā udāyī bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante, tathāgatassa appicchatā santuṭṭhitā sallekhatā. Yatra hi nāma tathāgato evaṃmahiddhiko evaṃmahānubhāvo, atha ca pana nevattānaṃ pātukarissati! Ekamekañcepi ito, bhante, dhammaṃ aññatitthiyā paribbājakā attani samanupasseyyuṃ, te tāvatakeneva paṭākaṃ parihareyyuṃ. Acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante, tathāgatassa appicchatā santuṭṭhitā sallekhatā. Yatra hi nāma tathāgato evaṃ mahiddhiko evaṃmahānubhāvo. Atha ca pana nevattānaṃ pātukarissatī’’ti!

    ‘‘ปสฺส โข ตฺวํ, อุทายิ, ‘ตถาคตสฺส อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฎฺฐิตา สเลฺลขตาฯ ยตฺร หิ นาม ตถาคโต เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว, อถ จ ปน เนวตฺตานํ ปาตุกริสฺสติ’! เอกเมกเญฺจปิ อิโต, อุทายิ, ธมฺมํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา อตฺตนิ สมนุปเสฺสยฺยุํ, เต ตาวตเกเนว ปฎากํ ปริหเรยฺยุํฯ ปสฺส โข ตฺวํ, อุทายิ, ‘ตถาคตสฺส อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฎฺฐิตา สเลฺลขตาฯ ยตฺร หิ นาม ตถาคโต เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว, อถ จ ปน เนวตฺตานํ ปาตุกริสฺสตี’’’ติ!

    ‘‘Passa kho tvaṃ, udāyi, ‘tathāgatassa appicchatā santuṭṭhitā sallekhatā. Yatra hi nāma tathāgato evaṃmahiddhiko evaṃmahānubhāvo, atha ca pana nevattānaṃ pātukarissati’! Ekamekañcepi ito, udāyi, dhammaṃ aññatitthiyā paribbājakā attani samanupasseyyuṃ, te tāvatakeneva paṭākaṃ parihareyyuṃ. Passa kho tvaṃ, udāyi, ‘tathāgatassa appicchatā santuṭṭhitā sallekhatā. Yatra hi nāma tathāgato evaṃmahiddhiko evaṃmahānubhāvo, atha ca pana nevattānaṃ pātukarissatī’’’ti!

    ๑๖๓. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘ตสฺมา ติห ตฺวํ, สาริปุตฺต, อิมํ ธมฺมปริยายํ อภิกฺขณํ ภาเสยฺยาสิ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํฯ เยสมฺปิ หิ, สาริปุตฺต, โมฆปุริสานํ ภวิสฺสติ ตถาคเต กงฺขา วา วิมติ วา, เตสมิมํ ธมฺมปริยายํ สุตฺวา ตถาคเต กงฺขา วา วิมติ วา, สา ปหียิสฺสตี’’ติฯ อิติ หิทํ อายสฺมา สาริปุโตฺต ภควโต สมฺมุขา สมฺปสาทํ ปเวเทสิฯ ตสฺมา อิมสฺส เวยฺยากรณสฺส สมฺปสาทนียํ เตฺวว อธิวจนนฺติฯ

    163. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ sāriputtaṃ āmantesi – ‘‘tasmā tiha tvaṃ, sāriputta, imaṃ dhammapariyāyaṃ abhikkhaṇaṃ bhāseyyāsi bhikkhūnaṃ bhikkhunīnaṃ upāsakānaṃ upāsikānaṃ. Yesampi hi, sāriputta, moghapurisānaṃ bhavissati tathāgate kaṅkhā vā vimati vā, tesamimaṃ dhammapariyāyaṃ sutvā tathāgate kaṅkhā vā vimati vā, sā pahīyissatī’’ti. Iti hidaṃ āyasmā sāriputto bhagavato sammukhā sampasādaṃ pavedesi. Tasmā imassa veyyākaraṇassa sampasādanīyaṃ tveva adhivacananti.

    สมฺปสาทนียสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ปญฺจมํฯ

    Sampasādanīyasuttaṃ niṭṭhitaṃ pañcamaṃ.







    Footnotes:
    1. กิํ นุ (สี. ปี.), กิํ นุ โข เต (สฺยา.)
    2. kiṃ nu (sī. pī.), kiṃ nu kho te (syā.)
    3. กิํ ปน (สี. ปี.)
    4. kiṃ pana (sī. pī.)
    5. กิํ ปน (สี. ปี.)
    6. kiṃ pana (sī. pī.)
    7. น โข ปเนตํ (สฺยา. ก.)
    8. เม ภเนฺต (สี. ปี. ก.)
    9. ทฬฺหุทฺทาปํ (สี. ปี. ก.)
    10. na kho panetaṃ (syā. ka.)
    11. me bhante (sī. pī. ka.)
    12. daḷhuddāpaṃ (sī. pī. ka.)
    13. รูปานิ (ก.)
    14. rūpāni (ka.)
    15. วิตกฺกวิจารสมาธิสมาปนฺนสฺส (สฺยา. ก.) อ. นิ. ๓.๖๑ ปสฺสิตพฺพํ
    16. vitakkavicārasamādhisamāpannassa (syā. ka.) a. ni. 3.61 passitabbaṃ
    17. ชิชิคิํสนโก (สฺยา.), นิชิคิํสิตา (สี. ปี.)
    18. jijigiṃsanako (syā.), nijigiṃsitā (sī. pī.)
    19. สตฺตา (สฺยา.)
    20. อภินิวุตฺถปุโพฺพ (สี. สฺยา. ปี.)
    21. sattā (syā.)
    22. abhinivutthapubbo (sī. syā. pī.)
    23. วาทานุปาโต (สี.)
    24. vādānupāto (sī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๕. สมฺปสาทนียสุตฺตวณฺณนา • 5. Sampasādanīyasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๕. สมฺปสาทนียสุตฺตวณฺณนา • 5. Sampasādanīyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact