Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā)

    ๕. สมฺปสาทนียสุตฺตวณฺณนา

    5. Sampasādanīyasuttavaṇṇanā

    สาริปุตฺตสีหนาทวณฺณนา

    Sāriputtasīhanādavaṇṇanā

    ๑๔๑. เอวํ เม สุตนฺติ สมฺปสาทนียสุตฺตํฯ ตตฺรายมนุตฺตานปทวณฺณนา – นาฬนฺทายนฺติ นาฬนฺทาติ เอวํนามเก นคเร, ตํ นครํ โคจรคามํ กตฺวาฯ ปาวาริกมฺพวเนติ ทุสฺสปาวาริกเสฎฺฐิโน อมฺพวเนฯ ตํ กิร ตสฺส อุยฺยานํ อโหสิฯ โส ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ภควติ ปสโนฺน ตสฺมิํ อุยฺยาเน กุฎิเลณมณฺฑปาทิปฎิมณฺฑิตํ ภควโต วิหารํ กตฺวา นิยฺยาเตสิฯ โส วิหาโร ชีวกมฺพวนํ วิย ‘‘ปาวาริกมฺพวน’’เนฺตฺวว สงฺขฺยํ คโต, ตสฺมิํ ปาวาริกมฺพวเน วิหรตีติ อโตฺถฯ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอวํปสโนฺน อหํ, ภเนฺต, ภควตี’’ติฯ กสฺมา เอวํ อโวจ? อตฺตโน อุปฺปนฺนโสมนสฺสปเวทนตฺถํฯ

    141.Evaṃme sutanti sampasādanīyasuttaṃ. Tatrāyamanuttānapadavaṇṇanā – nāḷandāyanti nāḷandāti evaṃnāmake nagare, taṃ nagaraṃ gocaragāmaṃ katvā. Pāvārikambavaneti dussapāvārikaseṭṭhino ambavane. Taṃ kira tassa uyyānaṃ ahosi. So bhagavato dhammadesanaṃ sutvā bhagavati pasanno tasmiṃ uyyāne kuṭileṇamaṇḍapādipaṭimaṇḍitaṃ bhagavato vihāraṃ katvā niyyātesi. So vihāro jīvakambavanaṃ viya ‘‘pāvārikambavana’’ntveva saṅkhyaṃ gato, tasmiṃ pāvārikambavane viharatīti attho. Bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘evaṃpasanno ahaṃ, bhante, bhagavatī’’ti. Kasmā evaṃ avoca? Attano uppannasomanassapavedanatthaṃ.

    ตตฺรายมนุปุพฺพิกถา – เถโร กิร ตํทิวสํ กาลเสฺสว สรีรปฺปฎิชคฺคนํ กตฺวา สุนิวตฺถนิวาสโน ปตฺตจีวรมาทาย ปาสาทิเกหิ อภิกฺกนฺตาทีหิ เทวมนุสฺสานํ ปสาทํ อาวหโนฺต นาฬนฺทวาสีนํ หิตสุขมนุพฺรูหยโนฺต ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ วตฺตํ ทเสฺสตฺวา สตฺถริ คนฺธกุฎิํ ปวิเฎฺฐ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน ทิวาฎฺฐานํ อคมาสิฯ ตตฺถ สทฺธิวิหาริกเนฺตวาสิเกสุ วตฺตํ ทเสฺสตฺวา ปฎิกฺกเนฺตสุ ทิวาฎฺฐานํ สมฺมชฺชิตฺวา จมฺมกฺขณฺฑํ ปญฺญเปตฺวา อุทกตุมฺพโต อุทเกน หตฺถปาเท สีตเล กตฺวา ติสนฺธิปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา กาลปริเจฺฉทํ กตฺวา ผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชิฯ

    Tatrāyamanupubbikathā – thero kira taṃdivasaṃ kālasseva sarīrappaṭijagganaṃ katvā sunivatthanivāsano pattacīvaramādāya pāsādikehi abhikkantādīhi devamanussānaṃ pasādaṃ āvahanto nāḷandavāsīnaṃ hitasukhamanubrūhayanto piṇḍāya pavisitvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto vihāraṃ gantvā satthu vattaṃ dassetvā satthari gandhakuṭiṃ paviṭṭhe satthāraṃ vanditvā attano divāṭṭhānaṃ agamāsi. Tattha saddhivihārikantevāsikesu vattaṃ dassetvā paṭikkantesu divāṭṭhānaṃ sammajjitvā cammakkhaṇḍaṃ paññapetvā udakatumbato udakena hatthapāde sītale katvā tisandhipallaṅkaṃ ābhujitvā kālaparicchedaṃ katvā phalasamāpattiṃ samāpajji.

    โส ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสน สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย อตฺตโน คุเณ อนุสฺสริตุมารโทฺธฯ อถสฺส คุเณ อนุสฺสรโต สีลํ อาปาถมาคตํฯ ตโต ปฎิปาฎิยาว สมาธิ ปญฺญา วิมุตฺติ วิมุตฺติญาณทสฺสนํ ปฐมํ ฌานํ ทุติยํ ฌานํ ตติยํ ฌานํ จตุตฺถํ ฌานํ อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติ วิญฺญานญฺจายตนสมาปตฺติ อากิญฺจญฺญายตนสมาปตฺติ เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติ วิปสฺสนาญาณํ มโนมยิทฺธิญาณํ อิทฺธิวิธญาณํ ทิพฺพโสตญาณํ เจโตปริยญาณํ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณํ ทิพฺพจกฺขุญาณํ…เป.… โสตาปตฺติมโคฺค โสตาปตฺติผลํ…เป.… อรหตฺตมโคฺค อรหตฺตผลํ อตฺถปฎิสมฺภิทา ธมฺมปฎิสมฺภิทา นิรุตฺติปฎิสมฺภิทา ปฎิภานปฎิสมฺภิทา สาวกปารมีญาณํฯ อิโต ปฎฺฐาย กปฺปสตสหสฺสาธิกสฺส อสเงฺขฺยยฺยสฺส อุปริ อโนมทสฺสีพุทฺธสฺส ปาทมูเล กตํ อภินีหารํ อาทิํ กตฺวา อตฺตโน คุเณ อนุสฺสรโต ยาว นิสินฺนปลฺลงฺกา คุณา อุปฎฺฐหิํสุฯ

    So yathāparicchinnakālavasena samāpattito vuṭṭhāya attano guṇe anussaritumāraddho. Athassa guṇe anussarato sīlaṃ āpāthamāgataṃ. Tato paṭipāṭiyāva samādhi paññā vimutti vimuttiñāṇadassanaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ dutiyaṃ jhānaṃ tatiyaṃ jhānaṃ catutthaṃ jhānaṃ ākāsānañcāyatanasamāpatti viññānañcāyatanasamāpatti ākiñcaññāyatanasamāpatti nevasaññānāsaññāyatanasamāpatti vipassanāñāṇaṃ manomayiddhiñāṇaṃ iddhividhañāṇaṃ dibbasotañāṇaṃ cetopariyañāṇaṃ pubbenivāsānussatiñāṇaṃ dibbacakkhuñāṇaṃ…pe… sotāpattimaggo sotāpattiphalaṃ…pe… arahattamaggo arahattaphalaṃ atthapaṭisambhidā dhammapaṭisambhidā niruttipaṭisambhidā paṭibhānapaṭisambhidā sāvakapāramīñāṇaṃ. Ito paṭṭhāya kappasatasahassādhikassa asaṅkhyeyyassa upari anomadassībuddhassa pādamūle kataṃ abhinīhāraṃ ādiṃ katvā attano guṇe anussarato yāva nisinnapallaṅkā guṇā upaṭṭhahiṃsu.

    เอวํ เถโร อตฺตโน คุเณ อนุสฺสรมาโน คุณานํ ปมาณํ วา ปริเจฺฉทํ วา ทฎฺฐุํ นาสกฺขิฯ โส จิเนฺตสิ – ‘‘มยฺหํ ตาว ปเทสญาเณ ฐิตสฺส สาวกสฺส คุณานํ ปมาณํ วา ปริเจฺฉโท วา นตฺถิฯ อหํ ปน ยํ สตฺถารํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, กีทิสา นุ โข ตสฺส คุณา’’ติ ทสพลสฺส คุเณ อนุสฺสริตุํ อารโทฺธฯ โส ภควโต สีลํ นิสฺสาย, สมาธิํ ปญฺญํ วิมุตฺติํ วิมุตฺติญาณทสฺสนํ นิสฺสาย, จตฺตาโร สติปฎฺฐาเน นิสฺสาย, จตฺตาโร สมฺมปฺปธาเน จตฺตาโร อิทฺธิปาเท จตฺตาโร มเคฺค จตฺตาริ ผลานิ จตโสฺส ปฎิสมฺภิทา จตุโยนิปริเจฺฉทกญาณํ จตฺตาโร อริยวํเส นิสฺสาย ทสพลสฺส คุเณ อนุสฺสริตุมารโทฺธฯ

    Evaṃ thero attano guṇe anussaramāno guṇānaṃ pamāṇaṃ vā paricchedaṃ vā daṭṭhuṃ nāsakkhi. So cintesi – ‘‘mayhaṃ tāva padesañāṇe ṭhitassa sāvakassa guṇānaṃ pamāṇaṃ vā paricchedo vā natthi. Ahaṃ pana yaṃ satthāraṃ uddissa pabbajito, kīdisā nu kho tassa guṇā’’ti dasabalassa guṇe anussarituṃ āraddho. So bhagavato sīlaṃ nissāya, samādhiṃ paññaṃ vimuttiṃ vimuttiñāṇadassanaṃ nissāya, cattāro satipaṭṭhāne nissāya, cattāro sammappadhāne cattāro iddhipāde cattāro magge cattāri phalāni catasso paṭisambhidā catuyoniparicchedakañāṇaṃ cattāro ariyavaṃse nissāya dasabalassa guṇe anussaritumāraddho.

    ตถา ปญฺจ ปธานิยงฺคานิ, ปญฺจงฺคิกํสมฺมาสมาธิํ, ปญฺจินฺทฺริยานิ, ปญฺจ พลานิ, ปญฺจ นิสฺสรณิยา ธาตุโย, ปญฺจ วิมุตฺตายตนานิ, ปญฺจ วิมุตฺติปริปาจนิยา ปญฺญา, ฉ สารณีเย ธเมฺม, ฉ อนุสฺสติฎฺฐานานิ, ฉ คารเว, ฉ นิสฺสรณิยา ธาตุโย, ฉ สตตวิหาเร, ฉ อนุตฺตริยานิ, ฉ นิเพฺพธภาคิยา ปญฺญา, ฉ อภิญฺญา, ฉ อสาธารณญาณานิ, สตฺต อปริหานิเย ธเมฺม, สตฺต อริยธนานิ, สตฺต โพชฺฌเงฺค, สตฺต สปฺปุริสธเมฺม, สตฺต นิชฺชรวตฺถูนิ, สตฺต ปญฺญา, สตฺต ทกฺขิเณยฺยปุคฺคเล, สตฺต ขีณาสวพลานิ, อฎฺฐ ปญฺญาปฎิลาภเหตู, อฎฺฐ สมฺมตฺตานิ, อฎฺฐ โลกธมฺมาติกฺกเม, อฎฺฐ อารมฺภวตฺถูนิ, อฎฺฐ อกฺขณเทสนา, อฎฺฐ มหาปุริสวิตเกฺก, อฎฺฐ อภิภายตนานิ, อฎฺฐ วิโมเกฺข, นว โยนิโสมนสิการมูลเก ธเมฺม, นว ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคานิ, นว สตฺตาวาสเทสนา, นว อาฆาตปฺปฎิวินเย, นว ปญฺญา, นว นานตฺตานิ, นว อนุปุพฺพวิหาเร, ทส นาถกรเณ ธเมฺม, ทส กสิณายตนานิ, ทส กุสลกมฺมปเถ, ทส ตถาคตพลานิ, ทส สมฺมตฺตานิ, ทส อริยวาเส, ทส อเสกฺขธเมฺม, เอกาทส เมตฺตานิสํเส, ทฺวาทส ธมฺมจกฺกากาเร, เตรส ธุตงฺคคุเณ , จุทฺทส พุทฺธญาณานิ, ปญฺจทส วิมุตฺติปริปาจนิเย ธเมฺม, โสฬสวิธํ อานาปานสฺสติํ, อฎฺฐารส พุทฺธธเมฺม, เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณญาณานิ, จตุจตฺตาลีส ญาณวตฺถูนิ, ปโรปณฺณาส กุสลธเมฺม, สตฺตสตฺตติ ญาณวตฺถูนิ, จตุวีสติโกฎิสตสหสฺสสมาปตฺติสญฺจรมหาวชิรญาณํ นิสฺสาย ทสพลสฺส คุเณ อนุสฺสริตุํ อารภิฯ

    Tathā pañca padhāniyaṅgāni, pañcaṅgikaṃsammāsamādhiṃ, pañcindriyāni, pañca balāni, pañca nissaraṇiyā dhātuyo, pañca vimuttāyatanāni, pañca vimuttiparipācaniyā paññā, cha sāraṇīye dhamme, cha anussatiṭṭhānāni, cha gārave, cha nissaraṇiyā dhātuyo, cha satatavihāre, cha anuttariyāni, cha nibbedhabhāgiyā paññā, cha abhiññā, cha asādhāraṇañāṇāni, satta aparihāniye dhamme, satta ariyadhanāni, satta bojjhaṅge, satta sappurisadhamme, satta nijjaravatthūni, satta paññā, satta dakkhiṇeyyapuggale, satta khīṇāsavabalāni, aṭṭha paññāpaṭilābhahetū, aṭṭha sammattāni, aṭṭha lokadhammātikkame, aṭṭha ārambhavatthūni, aṭṭha akkhaṇadesanā, aṭṭha mahāpurisavitakke, aṭṭha abhibhāyatanāni, aṭṭha vimokkhe, nava yonisomanasikāramūlake dhamme, nava pārisuddhipadhāniyaṅgāni, nava sattāvāsadesanā, nava āghātappaṭivinaye, nava paññā, nava nānattāni, nava anupubbavihāre, dasa nāthakaraṇe dhamme, dasa kasiṇāyatanāni, dasa kusalakammapathe, dasa tathāgatabalāni, dasa sammattāni, dasa ariyavāse, dasa asekkhadhamme, ekādasa mettānisaṃse, dvādasa dhammacakkākāre, terasa dhutaṅgaguṇe , cuddasa buddhañāṇāni, pañcadasa vimuttiparipācaniye dhamme, soḷasavidhaṃ ānāpānassatiṃ, aṭṭhārasa buddhadhamme, ekūnavīsati paccavekkhaṇañāṇāni, catucattālīsa ñāṇavatthūni, paropaṇṇāsa kusaladhamme, sattasattati ñāṇavatthūni, catuvīsatikoṭisatasahassasamāpattisañcaramahāvajirañāṇaṃ nissāya dasabalassa guṇe anussarituṃ ārabhi.

    ตสฺมิํเยว จ ทิวาฎฺฐาเน นิสิโนฺนเยว อุปริ ‘‘อปรํ ปน, ภเนฺต, เอตทานุตฺตริย’’นฺติ อาคมิสฺสนฺติ โสฬส อปรมฺปริยธมฺมา, เตปิ นิสฺสาย อนุสฺสริตุํ อารภิฯ โส ‘‘กุสลปญฺญตฺติยํ อนุตฺตโร มยฺหํ สตฺถา, อายตนปญฺญตฺติยํ อนุตฺตโร, คพฺภาวกฺกนฺติยํ อนุตฺตโร, อาเทสนาวิธาสุ อนุตฺตโร, ทสฺสนสมาปตฺติยํ อนุตฺตโร, ปุคฺคลปญฺญตฺติยํ อนุตฺตโร, ปธาเน อนุตฺตโร, ปฎิปทาสุ อนุตฺตโร, ภสฺสสมาจาเร อนุตฺตโร, ปุริสสีลสมาจาเร อนุตฺตโร, อนุสาสนีวิธาสุ อนุตฺตโร, ปรปุคฺคลวิมุตฺติญาเณ อนุตฺตโร, สสฺสตวาเทสุ อนุตฺตโร, ปุเพฺพนิวาสญาเณ อนุตฺตโร, ทิพฺพจกฺขุญาเณ อนุตฺตโร, อิทฺธิวิเธ อนุตฺตโร, อิมินา จ อิมินา จ อนุตฺตโร’’ติ เอวํ ทสพลสฺส คุเณ อนุสฺสรโนฺต ภควโต คุณานํ เนว อนฺตํ, น ปมาณํ ปสฺสิฯ เถโร อตฺตโนปิ ตาว คุณานํ อนฺตํ วา ปมาณํ วา นาทฺทส, ภควโต คุณานํ กิํ ปสฺสิสฺสติ? ยสฺส ยสฺส หิ ปญฺญา มหตี ญาณํ วิสทํ, โส โส พุทฺธคุเณ มหนฺตโต สทฺทหติฯ โลกิยมหาชโน อุกฺกาสิตฺวาปิ ขิปิตฺวาปิ ‘‘นโม พุทฺธาน’’นฺติ อตฺตโน อตฺตโน อุปนิสฺสเย ฐตฺวา พุทฺธานํ คุเณ อนุสฺสรติฯ สพฺพโลกิยมหาชนโต เอโก โสตาปโนฺน พุทฺธคุเณ มหนฺตโต สทฺทหติฯ โสตาปนฺนานํ สตโตปิ สหสฺสโตปิ เอโก สกทาคามีฯ สกทาคามีนํ สตโตปิ สหสฺสโตปิ เอโก อนาคามีฯ อนาคามีนํ สตโตปิ สหสฺสโตปิ เอโก อรหา พุทฺธคุเณ มหนฺตโต สทฺทหติฯ อวเสสอรหเนฺตหิ อสีติ มหาเถรา พุทฺธคุเณ มหนฺตโต สทฺทหนฺติฯ อสีติมหาเถเรหิ จตฺตาโร มหาเถราฯ จตูหิ มหาเถเรหิ เทฺว อคฺคสาวกาฯ เตสุปิ สาริปุตฺตเตฺถโร, สาริปุตฺตเตฺถรโตปิ เอโก ปเจฺจกพุโทฺธ พุทฺธคุเณ มหนฺตโต สทฺทหติฯ สเจ ปน สกลจกฺกวาฬคเพฺภ สงฺฆาฎิกเณฺณน สงฺฆาฎิกณฺณํ ปหริยมานา นิสินฺนา ปเจฺจกพุทฺธา พุทฺธคุเณ อนุสฺสเรยฺยุํ, เตหิ สเพฺพหิปิ เอโก สพฺพญฺญุพุโทฺธว พุทฺธคุเณ มหนฺตโต สทฺทหติฯ

    Tasmiṃyeva ca divāṭṭhāne nisinnoyeva upari ‘‘aparaṃ pana, bhante, etadānuttariya’’nti āgamissanti soḷasa aparampariyadhammā, tepi nissāya anussarituṃ ārabhi. So ‘‘kusalapaññattiyaṃ anuttaro mayhaṃ satthā, āyatanapaññattiyaṃ anuttaro, gabbhāvakkantiyaṃ anuttaro, ādesanāvidhāsu anuttaro, dassanasamāpattiyaṃ anuttaro, puggalapaññattiyaṃ anuttaro, padhāne anuttaro, paṭipadāsu anuttaro, bhassasamācāre anuttaro, purisasīlasamācāre anuttaro, anusāsanīvidhāsu anuttaro, parapuggalavimuttiñāṇe anuttaro, sassatavādesu anuttaro, pubbenivāsañāṇe anuttaro, dibbacakkhuñāṇe anuttaro, iddhividhe anuttaro, iminā ca iminā ca anuttaro’’ti evaṃ dasabalassa guṇe anussaranto bhagavato guṇānaṃ neva antaṃ, na pamāṇaṃ passi. Thero attanopi tāva guṇānaṃ antaṃ vā pamāṇaṃ vā nāddasa, bhagavato guṇānaṃ kiṃ passissati? Yassa yassa hi paññā mahatī ñāṇaṃ visadaṃ, so so buddhaguṇe mahantato saddahati. Lokiyamahājano ukkāsitvāpi khipitvāpi ‘‘namo buddhāna’’nti attano attano upanissaye ṭhatvā buddhānaṃ guṇe anussarati. Sabbalokiyamahājanato eko sotāpanno buddhaguṇe mahantato saddahati. Sotāpannānaṃ satatopi sahassatopi eko sakadāgāmī. Sakadāgāmīnaṃ satatopi sahassatopi eko anāgāmī. Anāgāmīnaṃ satatopi sahassatopi eko arahā buddhaguṇe mahantato saddahati. Avasesaarahantehi asīti mahātherā buddhaguṇe mahantato saddahanti. Asītimahātherehi cattāro mahātherā. Catūhi mahātherehi dve aggasāvakā. Tesupi sāriputtatthero, sāriputtattheratopi eko paccekabuddho buddhaguṇe mahantato saddahati. Sace pana sakalacakkavāḷagabbhe saṅghāṭikaṇṇena saṅghāṭikaṇṇaṃ pahariyamānā nisinnā paccekabuddhā buddhaguṇe anussareyyuṃ, tehi sabbehipi eko sabbaññubuddhova buddhaguṇe mahantato saddahati.

    เสยฺยถาปิ นาม มหาชโน ‘‘มหาสมุโทฺท คมฺภีโร อุตฺตาโน’’ติ ชานนตฺถํ โยตฺตานิ วเฎฺฎยฺย, ตตฺถ โกจิ พฺยามปฺปมาณํ โยตฺตํ วเฎฺฎยฺย, โกจิ เทฺว พฺยามํ, โกจิ ทสพฺยามํ, โกจิ วีสติพฺยามํ, โกจิ ติํสพฺยามํ, โกจิ จตฺตาลีสพฺยามํ, โกจิ ปญฺญาสพฺยามํ, โกจิ สตพฺยามํ, โกจิ สหสฺสพฺยามํ , โกจิ จตุราสีติพฺยามสหสฺสํฯ เต นาวํ อารุยฺห, สมุทฺทมเชฺฌ อุคฺคตปพฺพตาทิมฺหิ วา ฐตฺวา อตฺตโน อตฺตโน โยตฺตํ โอตาเรยฺยุํ, เตสุ ยสฺส โยตฺตํ พฺยามมตฺตํ, โส พฺยามมตฺตฎฺฐาเนเยว อุทกํ ชานาติ…เป.… ยสฺส จตุราสีติพฺยามสหสฺสํ, โส จตุราสีติพฺยามสหสฺสฎฺฐาเนเยว อุทกํ ชานาติฯ ปรโต อุทกํ เอตฺตกนฺติ น ชานาติฯ มหาสมุเทฺท ปน น ตตฺตกํเยว อุทกํ, อถ โข อนนฺตมปริมาณํฯ จตุราสีติโยชนสหสฺสํ คมฺภีโร หิ มหาสมุโทฺท, เอวเมว เอกพฺยามโยตฺตโต ปฎฺฐาย นวพฺยามโยเตฺตน ญาตอุทกํ วิย โลกิยมหาชเนน ทิฎฺฐพุทฺธคุณา เวทิตพฺพาฯ ทสพฺยามโยเตฺตน ทสพฺยามฎฺฐาเน ญาตอุทกํ วิย โสตาปเนฺนน ทิฎฺฐพุทฺธคุณาฯ วีสติพฺยามโยเตฺตน วีสติพฺยามฎฺฐาเน ญาตอุทกํ วิย สกทาคามินา ทิฎฺฐพุทฺธคุณาฯ ติํสพฺยามโยเตฺตน ติํสพฺยามฎฺฐาเน ญาตอุทกํ วิย อนาคามินา ทิฎฺฐพุทฺธคุณาฯ จตฺตาลีสพฺยามโยเตฺตน จตฺตาลีสพฺยามฎฺฐาเน ญาตอุทกํ วิย อรหตา ทิฎฺฐพุทฺธคุณาฯ ปญฺญาสพฺยามโยเตฺตน ปญฺญาสพฺยามฎฺฐาเน ญาตอุทกํ วิย อสีติมหาเถเรหิ ทิฎฺฐพุทฺธคุณาฯ สตพฺยามโยเตฺตน สตพฺยามฎฺฐาเน ญาตอุทกํ วิย จตูหิ มหาเถเรหิ ทิฎฺฐพุทฺธคุณาฯ สหสฺสพฺยามโยเตฺตน สหสฺสพฺยามฎฺฐาเน ญาตอุทกํ วิย มหาโมคฺคลฺลานเตฺถเรน ทิฎฺฐพุทฺธคุณาฯ จตุราสีติพฺยามสหสฺสโยเตฺตน จตุราสีติพฺยามสหสฺสฎฺฐาเน ญาตอุทกํ วิย ธมฺมเสนาปตินา สาริปุตฺตเตฺถเรน ทิฎฺฐพุทฺธคุณาฯ ตตฺถ ยถา โส ปุริโส มหาสมุเทฺท อุทกํ นาม น เอตฺตกํเยว, อนนฺตมปริมาณนฺติ คณฺหาติ, เอวเมว อายสฺมา สาริปุโตฺต ธมฺมนฺวเยน อนฺวยพุทฺธิยา อนุมาเนน นยคฺคาเหน สาวกปารมีญาเณ ฐตฺวา ทสพลสฺส คุเณ อนุสฺสรโนฺต ‘‘พุทฺธคุณา อนนฺตา อปริมาณา’’ติ สทฺทหิฯ

    Seyyathāpi nāma mahājano ‘‘mahāsamuddo gambhīro uttāno’’ti jānanatthaṃ yottāni vaṭṭeyya, tattha koci byāmappamāṇaṃ yottaṃ vaṭṭeyya, koci dve byāmaṃ, koci dasabyāmaṃ, koci vīsatibyāmaṃ, koci tiṃsabyāmaṃ, koci cattālīsabyāmaṃ, koci paññāsabyāmaṃ, koci satabyāmaṃ, koci sahassabyāmaṃ , koci caturāsītibyāmasahassaṃ. Te nāvaṃ āruyha, samuddamajjhe uggatapabbatādimhi vā ṭhatvā attano attano yottaṃ otāreyyuṃ, tesu yassa yottaṃ byāmamattaṃ, so byāmamattaṭṭhāneyeva udakaṃ jānāti…pe… yassa caturāsītibyāmasahassaṃ, so caturāsītibyāmasahassaṭṭhāneyeva udakaṃ jānāti. Parato udakaṃ ettakanti na jānāti. Mahāsamudde pana na tattakaṃyeva udakaṃ, atha kho anantamaparimāṇaṃ. Caturāsītiyojanasahassaṃ gambhīro hi mahāsamuddo, evameva ekabyāmayottato paṭṭhāya navabyāmayottena ñātaudakaṃ viya lokiyamahājanena diṭṭhabuddhaguṇā veditabbā. Dasabyāmayottena dasabyāmaṭṭhāne ñātaudakaṃ viya sotāpannena diṭṭhabuddhaguṇā. Vīsatibyāmayottena vīsatibyāmaṭṭhāne ñātaudakaṃ viya sakadāgāminā diṭṭhabuddhaguṇā. Tiṃsabyāmayottena tiṃsabyāmaṭṭhāne ñātaudakaṃ viya anāgāminā diṭṭhabuddhaguṇā. Cattālīsabyāmayottena cattālīsabyāmaṭṭhāne ñātaudakaṃ viya arahatā diṭṭhabuddhaguṇā. Paññāsabyāmayottena paññāsabyāmaṭṭhāne ñātaudakaṃ viya asītimahātherehi diṭṭhabuddhaguṇā. Satabyāmayottena satabyāmaṭṭhāne ñātaudakaṃ viya catūhi mahātherehi diṭṭhabuddhaguṇā. Sahassabyāmayottena sahassabyāmaṭṭhāne ñātaudakaṃ viya mahāmoggallānattherena diṭṭhabuddhaguṇā. Caturāsītibyāmasahassayottena caturāsītibyāmasahassaṭṭhāne ñātaudakaṃ viya dhammasenāpatinā sāriputtattherena diṭṭhabuddhaguṇā. Tattha yathā so puriso mahāsamudde udakaṃ nāma na ettakaṃyeva, anantamaparimāṇanti gaṇhāti, evameva āyasmā sāriputto dhammanvayena anvayabuddhiyā anumānena nayaggāhena sāvakapāramīñāṇe ṭhatvā dasabalassa guṇe anussaranto ‘‘buddhaguṇā anantā aparimāṇā’’ti saddahi.

    เถเรน หิ ทิฎฺฐพุทฺธคุเณหิ ธมฺมนฺวเยน คเหตพฺพพุทฺธคุณาเยว พหุตราฯ ยถา กถํ วิย? ยถา อิโต นว อิโต นวาติ อฎฺฐารส โยชนานิ อวตฺถริตฺวา คจฺฉนฺติยา จนฺทภาคาย มหานทิยา ปุริโส สูจิปาเสน อุทกํ คเณฺหยฺย, สูจิปาเสน คหิตอุทกโต อคฺคหิตเมว พหุ โหติฯ ยถา วา ปน ปุริโส มหาปถวิโต องฺคุลิยา ปํสุํ คเณฺหยฺย, องฺคุลิยา คหิตปํสุโต อวเสสปํสุเยว พหุ โหติฯ ยถา วา ปน ปุริโส มหาสมุทฺทาภิมุขิํ องฺคุลิํ กเรยฺย, องฺคุลิอภิมุขอุทกโต อวเสสํ อุทกํเยว พหุ โหติฯ ยถา จ ปุริโส อากาสาภิมุขิํ องฺคุลิํ กเรยฺย, องฺคุลิอภิมุขอากาสโต เสสอากาสปฺปเทโสว พหุ โหติฯ เอวํ เถเรน ทิฎฺฐพุทฺธคุเณหิ อทิฎฺฐา คุณาว พหูติ เวทิตพฺพาฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

    Therena hi diṭṭhabuddhaguṇehi dhammanvayena gahetabbabuddhaguṇāyeva bahutarā. Yathā kathaṃ viya? Yathā ito nava ito navāti aṭṭhārasa yojanāni avattharitvā gacchantiyā candabhāgāya mahānadiyā puriso sūcipāsena udakaṃ gaṇheyya, sūcipāsena gahitaudakato aggahitameva bahu hoti. Yathā vā pana puriso mahāpathavito aṅguliyā paṃsuṃ gaṇheyya, aṅguliyā gahitapaṃsuto avasesapaṃsuyeva bahu hoti. Yathā vā pana puriso mahāsamuddābhimukhiṃ aṅguliṃ kareyya, aṅguliabhimukhaudakato avasesaṃ udakaṃyeva bahu hoti. Yathā ca puriso ākāsābhimukhiṃ aṅguliṃ kareyya, aṅguliabhimukhaākāsato sesaākāsappadesova bahu hoti. Evaṃ therena diṭṭhabuddhaguṇehi adiṭṭhā guṇāva bahūti veditabbā. Vuttampi cetaṃ –

    ‘‘พุโทฺธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,

    ‘‘Buddhopi buddhassa bhaṇeyya vaṇṇaṃ,

    กปฺปมฺปิ เจ อญฺญมภาสมาโน;

    Kappampi ce aññamabhāsamāno;

    ขีเยถ กโปฺป จิรทีฆมนฺตเร,

    Khīyetha kappo ciradīghamantare,

    วโณฺณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติฯ

    Vaṇṇo na khīyetha tathāgatassā’’ti.

    เอวํ เถรสฺส อตฺตโน จ สตฺถุ จ คุเณ อนุสฺสรโต ยมกมหานทีมโหโฆ วิย อพฺภนฺตเร ปีติโสมนสฺสํ อวตฺถรมานํ วาโต วิย ภสฺตํ, อุพฺภิชฺชิตฺวา อุคฺคตอุทกํ วิย มหารหทํ สกลสรีรํ ปูเรติฯ ตโต เถรสฺส ‘‘สุปตฺถิตา วต เม ปตฺถนา, สุลทฺธา เม ปพฺพชฺชา, ยฺวาหํ เอวํวิธสฺส สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิโต’’ติ อาวชฺชนฺตสฺส พลวตรํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชิฯ

    Evaṃ therassa attano ca satthu ca guṇe anussarato yamakamahānadīmahogho viya abbhantare pītisomanassaṃ avattharamānaṃ vāto viya bhastaṃ, ubbhijjitvā uggataudakaṃ viya mahārahadaṃ sakalasarīraṃ pūreti. Tato therassa ‘‘supatthitā vata me patthanā, suladdhā me pabbajjā, yvāhaṃ evaṃvidhassa satthu santike pabbajito’’ti āvajjantassa balavataraṃ pītisomanassaṃ uppajji.

    อถ เถโร ‘‘กสฺสาหํ อิมํ ปีติโสมนสฺสํ อาโรเจยฺย’’นฺติ จิเนฺตโนฺต อโญฺญ โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา มม อิมํ ปสาทํ อนุจฺฉวิกํ กตฺวา ปฎิคฺคเหตุํ น สกฺขิสฺสติ, อหํ อิมํ โสมนสฺสํ สตฺถุโนเยว ปเวเทยฺยามิ, สตฺถาว เม ปฎิคฺคณฺหิตุํ สกฺขิสฺสติ, โส หิ ติฎฺฐตุ มม ปีติโสมนสฺสํ, มาทิสสฺส สมณสตสฺส วา สมณสหสฺสสฺส วา สมณสตสหสฺสสฺส วา โสมนสฺสํ ปเวเทนฺตสฺส สเพฺพสํ มนํ คณฺหโนฺต ปฎิคฺคเหตุํ สโกฺกติฯ เสยฺยถาปิ นาม อฎฺฐารส โยชนานิ อวตฺถรมานํ คจฺฉนฺติํ จนฺทภาคมหานทิํ กุสุมฺภา วา กนฺทรา วา สมฺปฎิจฺฉิตุํ น สโกฺกนฺติ, มหาสมุโทฺทว ตํ สมฺปฎิจฺฉติฯ มหาสมุโทฺท หิ ติฎฺฐตุ จนฺทภาคา, เอวรูปานํ นทีนํ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ สตสหสฺสมฺปิ สมฺปฎิจฺฉติ, น จสฺส เตน อูนตฺตํ วา ปูรตฺตํ วา ปญฺญายติ, เอวเมว สตฺถา มาทิสสฺส สมณสตสฺส สมณสหสฺสสฺส สมณสตสหสฺสสฺส วา ปีติโสมนสฺสํ ปเวเทนฺตสฺส สเพฺพสํ มนํ คณฺหโนฺต ปฎิคฺคเหตุํ สโกฺกติฯ เสสา สมณพฺราหฺมณาทโย จนฺทภาคํ กุสุมฺภกนฺทรา วิย มม โสมนสฺสํ สมฺปฎิจฺฉิตุํ น สโกฺกนฺติ ฯ หนฺทาหํ มม ปีติโสมนสฺสํ สตฺถุโนว อาโรเจมีติ ปลฺลงฺกํ วินิพฺภุชิตฺวา จมฺมกฺขณฺฑํ ปโปฺผเฎตฺวา อาทาย สายนฺหสมเย ปุปฺผานํ วณฺฎโต ฉิชฺชิตฺวา ปคฺฆรณกาเล สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน โสมนสฺสํ ปเวเทโนฺต เอวํปสโนฺน อหํ, ภเนฺตติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอวํปสโนฺนติ เอวํ อุปฺปนฺนสโทฺธ, เอวํ สทฺทหามีติ อโตฺถฯ ภิโยฺยภิญฺญตโรติ ภิยฺยตโร อภิญฺญาโต, ภิยฺยตราภิโญฺญ วา, อุตฺตริตรญาโณติ อโตฺถฯ สโมฺพธิยนฺติ สพฺพญฺญุตญฺญาเณ อรหตฺตมคฺคญาเณ วา, อรหตฺตมเคฺคเนว หิ พุทฺธคุณา นิปฺปเทสา คหิตา โหนฺติฯ เทฺว หิ อคฺคสาวกา อรหตฺตมเคฺคเนว สาวกปารมีญาณํ ปฎิลภนฺติฯ ปเจฺจกพุทฺธา ปเจฺจกโพธิญาณํฯ พุทฺธา สพฺพญฺญุตญฺญาณเญฺจว สกเล จ พุทฺธคุเณฯ สพฺพญฺหิ เนสํ อรหตฺตมเคฺคเนว อิชฺฌติฯ ตสฺมา อรหตฺตมคฺคญาณํ สโมฺพธิ นาม โหติฯ เตน อุตฺตริตโร ภควตา นตฺถิฯ เตนาห ‘‘ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร ยทิทํ สโมฺพธิย’’นฺติฯ

    Atha thero ‘‘kassāhaṃ imaṃ pītisomanassaṃ āroceyya’’nti cintento añño koci samaṇo vā brāhmaṇo vā devo vā māro vā brahmā vā mama imaṃ pasādaṃ anucchavikaṃ katvā paṭiggahetuṃ na sakkhissati, ahaṃ imaṃ somanassaṃ satthunoyeva pavedeyyāmi, satthāva me paṭiggaṇhituṃ sakkhissati, so hi tiṭṭhatu mama pītisomanassaṃ, mādisassa samaṇasatassa vā samaṇasahassassa vā samaṇasatasahassassa vā somanassaṃ pavedentassa sabbesaṃ manaṃ gaṇhanto paṭiggahetuṃ sakkoti. Seyyathāpi nāma aṭṭhārasa yojanāni avattharamānaṃ gacchantiṃ candabhāgamahānadiṃ kusumbhā vā kandarā vā sampaṭicchituṃ na sakkonti, mahāsamuddova taṃ sampaṭicchati. Mahāsamuddo hi tiṭṭhatu candabhāgā, evarūpānaṃ nadīnaṃ satampi sahassampi satasahassampi sampaṭicchati, na cassa tena ūnattaṃ vā pūrattaṃ vā paññāyati, evameva satthā mādisassa samaṇasatassa samaṇasahassassa samaṇasatasahassassa vā pītisomanassaṃ pavedentassa sabbesaṃ manaṃ gaṇhanto paṭiggahetuṃ sakkoti. Sesā samaṇabrāhmaṇādayo candabhāgaṃ kusumbhakandarā viya mama somanassaṃ sampaṭicchituṃ na sakkonti . Handāhaṃ mama pītisomanassaṃ satthunova ārocemīti pallaṅkaṃ vinibbhujitvā cammakkhaṇḍaṃ papphoṭetvā ādāya sāyanhasamaye pupphānaṃ vaṇṭato chijjitvā paggharaṇakāle satthāraṃ upasaṅkamitvā attano somanassaṃ pavedento evaṃpasanno ahaṃ, bhantetiādimāha. Tattha evaṃpasannoti evaṃ uppannasaddho, evaṃ saddahāmīti attho. Bhiyyobhiññataroti bhiyyataro abhiññāto, bhiyyatarābhiñño vā, uttaritarañāṇoti attho. Sambodhiyanti sabbaññutaññāṇe arahattamaggañāṇe vā, arahattamaggeneva hi buddhaguṇā nippadesā gahitā honti. Dve hi aggasāvakā arahattamaggeneva sāvakapāramīñāṇaṃ paṭilabhanti. Paccekabuddhā paccekabodhiñāṇaṃ. Buddhā sabbaññutaññāṇañceva sakale ca buddhaguṇe. Sabbañhi nesaṃ arahattamaggeneva ijjhati. Tasmā arahattamaggañāṇaṃ sambodhi nāma hoti. Tena uttaritaro bhagavatā natthi. Tenāha ‘‘bhagavatā bhiyyobhiññataro yadidaṃ sambodhiya’’nti.

    ๑๔๒. อุฬาราติ เสฎฺฐาฯ อยญฺหิ อุฬารสโทฺท ‘‘อุฬารานิ ขาทนียานิ ขาทนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๖๖) มธุเร อาคจฺฉติฯ ‘‘อุฬาราย ขลุ ภวํ, วจฺฉายโน , สมณํ โคตมํ ปสํสาย ปสํสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๘๐) เสเฎฺฐฯ ‘‘อปฺปมาโณ อุฬาโร โอภาโส’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๒) วิปุเลฯ สฺวายมิธ เสเฎฺฐ อาคโตฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อุฬาราติ เสฎฺฐา’’ติฯ อาสภีติ อุสภสฺส วาจาสทิสี อจลา อสมฺปเวธีฯ เอกํโส คหิโตติ อนุสฺสเวน วา อาจริยปรมฺปราย วา อิติกิราย วา ปิฎกสมฺปทาเนน วา อาการปริวิตเกฺกน วา ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา วา ตกฺกเหตุ วา นยเหตุ วา อกเถตฺวา ปจฺจกฺขโต ญาเณน ปฎิวิชฺฌิตฺวา วิย เอกํโส คหิโต, สนฺนิฎฺฐานกถาว กถิตาติ อโตฺถฯ

    142.Uḷārāti seṭṭhā. Ayañhi uḷārasaddo ‘‘uḷārāni khādanīyāni khādantī’’tiādīsu (ma. ni. 1.366) madhure āgacchati. ‘‘Uḷārāya khalu bhavaṃ, vacchāyano , samaṇaṃ gotamaṃ pasaṃsāya pasaṃsatī’’tiādīsu (ma. ni. 3.280) seṭṭhe. ‘‘Appamāṇo uḷāro obhāso’’tiādīsu (dī. ni. 2.32) vipule. Svāyamidha seṭṭhe āgato. Tena vuttaṃ – ‘‘uḷārāti seṭṭhā’’ti. Āsabhīti usabhassa vācāsadisī acalā asampavedhī. Ekaṃso gahitoti anussavena vā ācariyaparamparāya vā itikirāya vā piṭakasampadānena vā ākāraparivitakkena vā diṭṭhinijjhānakkhantiyā vā takkahetu vā nayahetu vā akathetvā paccakkhato ñāṇena paṭivijjhitvā viya ekaṃso gahito, sanniṭṭhānakathāva kathitāti attho.

    สีหนาโทติ เสฎฺฐนาโท, เนว ทนฺธายเนฺตน น คคฺครายเนฺตน สีเหน วิย อุตฺตมนาโท นทิโตติ อโตฺถฯ กิํ เต สาริปุตฺตาติ อิมํ เทสนํ กสฺมา อารภีติ? อนุโยคทาปนตฺถํฯ เอกโจฺจ หิ สีหนาทํ นทิตฺวา อตฺตโน สีหนาเท อนุโยคํ ทาตุํ น สโกฺกติ, นิฆํสนํ นกฺขมติ, เลเป ปติตมกฺกโฎ วิย โหติฯ ยถา ธมมานํ อปริสุทฺธโลหํ ฌายิตฺวา ฌามองฺคาโร โหติ, เอวํ ฌามงฺคาโร วิย โหติ ฯ เอโก สีหนาเท อนุโยคํ ทาปิยมาโน ทาตุํ สโกฺกติ, นิฆํสนํ ขมติ, ธมมานํ นิโทฺทสชาตรูปํ วิย อธิกตรํ โสภติ, ตาทิโส เถโรฯ เตน นํ ภควา ‘‘อนุโยคกฺขโม อย’’นฺติ ญตฺวา สีหนาเท อนุโยคทาปนตฺถํ อิมมฺปิ เทสนํ อารภิฯ

    Sīhanādoti seṭṭhanādo, neva dandhāyantena na gaggarāyantena sīhena viya uttamanādo naditoti attho. Kiṃ te sāriputtāti imaṃ desanaṃ kasmā ārabhīti? Anuyogadāpanatthaṃ. Ekacco hi sīhanādaṃ naditvā attano sīhanāde anuyogaṃ dātuṃ na sakkoti, nighaṃsanaṃ nakkhamati, lepe patitamakkaṭo viya hoti. Yathā dhamamānaṃ aparisuddhalohaṃ jhāyitvā jhāmaaṅgāro hoti, evaṃ jhāmaṅgāro viya hoti . Eko sīhanāde anuyogaṃ dāpiyamāno dātuṃ sakkoti, nighaṃsanaṃ khamati, dhamamānaṃ niddosajātarūpaṃ viya adhikataraṃ sobhati, tādiso thero. Tena naṃ bhagavā ‘‘anuyogakkhamo aya’’nti ñatvā sīhanāde anuyogadāpanatthaṃ imampi desanaṃ ārabhi.

    ตตฺถ สเพฺพ เตติ สเพฺพ เต ตยาฯ เอวํสีลาติอาทีสุ โลกิยโลกุตฺตรวเสน สีลาทีนิ ปุจฺฉติฯ เตสํ วิตฺถารกถา มหาปทาเน กถิตาวฯ

    Tattha sabbe teti sabbe te tayā. Evaṃsīlātiādīsu lokiyalokuttaravasena sīlādīni pucchati. Tesaṃ vitthārakathā mahāpadāne kathitāva.

    กิํ ปน เต, สาริปุตฺต, เย เต ภวิสฺสนฺตีติ อตีตา จ ตาว นิรุทฺธา, อปณฺณตฺติกภาวํ คตา ทีปสิขา วิย นิพฺพุตา, เอวํ นิรุเทฺธ อปณฺณตฺติกภาวํ คเต ตฺวํ กถํ ชานิสฺสสิ, อนาคตพุทฺธานํ ปน คุณา กินฺติ ตยา อตฺตโน จิเตฺตน ปริจฺฉินฺทิตฺวา วิทิตาติ ปุจฺฉโนฺต เอวมาหฯ กิํ ปน เต, สาริปุตฺต, อหํ เอตรหีติ อนาคตาปิ พุทฺธา อชาตา อนิพฺพตฺตา อนุปฺปนฺนา, เตปิ กถํ ตฺวํ ชานิสฺสสิ? เตสญฺหิ ชานนํ อปเท อากาเส ปททสฺสนํ วิย โหติฯ อิทานิ มยา สทฺธิํ เอกวิหาเร วสสิ, เอกโต ภิกฺขาย จรสิ, ธมฺมเทสนากาเล ทกฺขิณปเสฺส นิสีทสิ, กิํ ปน มยฺหํ คุณา อตฺตโน เจตสา ปริจฺฉินฺทิตฺวา วิทิตา ตยาติ อนุยุญฺชโนฺต เอวมาหฯ

    Kiṃ pana te, sāriputta, ye te bhavissantīti atītā ca tāva niruddhā, apaṇṇattikabhāvaṃ gatā dīpasikhā viya nibbutā, evaṃ niruddhe apaṇṇattikabhāvaṃ gate tvaṃ kathaṃ jānissasi, anāgatabuddhānaṃ pana guṇā kinti tayā attano cittena paricchinditvā viditāti pucchanto evamāha. Kiṃ pana te, sāriputta, ahaṃ etarahīti anāgatāpi buddhā ajātā anibbattā anuppannā, tepi kathaṃ tvaṃ jānissasi? Tesañhi jānanaṃ apade ākāse padadassanaṃ viya hoti. Idāni mayā saddhiṃ ekavihāre vasasi, ekato bhikkhāya carasi, dhammadesanākāle dakkhiṇapasse nisīdasi, kiṃ pana mayhaṃ guṇā attano cetasā paricchinditvā viditā tayāti anuyuñjanto evamāha.

    เถโร ปน ปุจฺฉิเต ปุจฺฉิเต ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ติ ปฎิกฺขิปติฯ เถรสฺส จ วิทิตมฺปิ อตฺถิ อวิทิตมฺปิ อตฺถิ, กิํ โส อตฺตโน วิทิตฎฺฐาเน ปฎิเกฺขปํ กโรติ, อวิทิตฎฺฐาเนติ? วิทิตฎฺฐาเน น กโรติ, อวิทิตฎฺฐาเนเยว กโรตีติฯ เถโร กิร อนุโยเค อารเทฺธเยว อญฺญาสิฯ น อยํ อนุโยโค สาวกปารมีญาเณ, สพฺพญฺญุตญฺญาเณ อยํ อนุโยโคติ อตฺตโน สาวกปารมีญาเณ ปฎิเกฺขปํ อกตฺวา อวิทิตฎฺฐาเน สพฺพญฺญุตญฺญาเณ ปฎิเกฺขปํ กโรติฯ เตน อิทมฺปิ ทีเปติ ‘‘ภควา มยฺหํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ พุทฺธานํ สีลสมาธิปญฺญาวิมุตฺติการณชานนสมตฺถํ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ นตฺถี’’ติฯ

    Thero pana pucchite pucchite ‘‘no hetaṃ, bhante’’ti paṭikkhipati. Therassa ca viditampi atthi aviditampi atthi, kiṃ so attano viditaṭṭhāne paṭikkhepaṃ karoti, aviditaṭṭhāneti? Viditaṭṭhāne na karoti, aviditaṭṭhāneyeva karotīti. Thero kira anuyoge āraddheyeva aññāsi. Na ayaṃ anuyogo sāvakapāramīñāṇe, sabbaññutaññāṇe ayaṃ anuyogoti attano sāvakapāramīñāṇe paṭikkhepaṃ akatvā aviditaṭṭhāne sabbaññutaññāṇe paṭikkhepaṃ karoti. Tena idampi dīpeti ‘‘bhagavā mayhaṃ atītānāgatapaccuppannānaṃ buddhānaṃ sīlasamādhipaññāvimuttikāraṇajānanasamatthaṃ sabbaññutaññāṇaṃ natthī’’ti.

    เอตฺถาติ เอเตสุ อตีตาทิเภเทสุ พุเทฺธสุฯ อถ กิญฺจรหีติ อถ กสฺมา เอวํ ญาเณ อสติ ตยา เอวํ กถิตนฺติ วทติฯ

    Etthāti etesu atītādibhedesu buddhesu. Atha kiñcarahīti atha kasmā evaṃ ñāṇe asati tayā evaṃ kathitanti vadati.

    ๑๔๓. ธมฺมนฺวโยติ ธมฺมสฺส ปจฺจกฺขโต ญาณสฺส อนุโยคํ อนุคนฺตฺวา อุปฺปนฺนํ อนุมานญาณํ นยคฺคาโห วิทิโตฯ สาวกปารมีญาเณ ฐตฺวาว อิมินาว อากาเรน ชานามิ ภควาติ วทติฯ เถรสฺส หิ นยคฺคาโห อปฺปมาโณ อปริยโนฺตฯ ยถา สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส ปมาณํ วา ปริยโนฺต วา นตฺถิ, เอวํ ธมฺมเสนาปติโน นยคฺคาหสฺสฯ เตน โส ‘‘อิมินา เอวํวิโธ, อิมินา อนุตฺตโร สตฺถา’’ติ ชานาติฯ เถรสฺส หิ นยคฺคาโห สพฺพญฺญุตญฺญาณคติโก เอวฯ อิทานิ ตํ นยคฺคาหํ ปากฎํ กาตุํ อุปมาย ทเสฺสโนฺต เสยฺยถาปิ, ภเนฺตติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยสฺมา มชฺฌิมปเทเส นครสฺส อุทฺธาปปาการาทีนิ ถิรานิ วา โหนฺตุ, ทุพฺพลานิ วา, สพฺพโส วา ปน มา โหนฺตุ, โจราสงฺกา น โหติ, ตสฺมา ตํ อคฺคเหตฺวา ปจฺจนฺติมนครนฺติ อาหฯ ทฬฺหุทฺธาปนฺติ ถิรปาการปาทํฯ ทฬฺหปาการโตรณนฺติ ถิรปาการเญฺจว ถิรปิฎฺฐสงฺฆาฎญฺจฯ เอกทฺวารนฺติ กสฺมา อาห? พหุทฺวาเร หิ นคเร พหูหิ ปณฺฑิตโทวาริเกหิ ภวิตพฺพํฯ เอกทฺวาเร เอโกว วฎฺฎติฯ เถรสฺส จ ปญฺญาย สทิโส อโญฺญ นตฺถิฯ ตสฺมา อตฺตโน ปณฺฑิตภาวสฺส โอปมฺมตฺถํ เอกํเยว โทวาริกํ ทเสฺสตุํ เอกทฺวาร’’นฺติ อาหฯ ปณฺฑิโตติ ปณฺฑิเจฺจน สมนฺนาคโตฯ พฺยโตฺตติ เวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต วิสทญาโณฯ เมธาวีติ ฐานุปฺปตฺติกปญฺญาสงฺขาตาย เมธาย สมนฺนาคโตฯ อนุปริยายปถนฺติ อนุปริยายนามกํ ปาการมคฺคํฯ ปาการสนฺธินฺติ ทฺวินฺนํ อิฎฺฐกานํ อปคตฎฺฐานํฯ ปาการวิวรนฺติ ปาการสฺส ฉินฺนฎฺฐานํฯ

    143.Dhammanvayoti dhammassa paccakkhato ñāṇassa anuyogaṃ anugantvā uppannaṃ anumānañāṇaṃ nayaggāho vidito. Sāvakapāramīñāṇe ṭhatvāva imināva ākārena jānāmi bhagavāti vadati. Therassa hi nayaggāho appamāṇo apariyanto. Yathā sabbaññutaññāṇassa pamāṇaṃ vā pariyanto vā natthi, evaṃ dhammasenāpatino nayaggāhassa. Tena so ‘‘iminā evaṃvidho, iminā anuttaro satthā’’ti jānāti. Therassa hi nayaggāho sabbaññutaññāṇagatiko eva. Idāni taṃ nayaggāhaṃ pākaṭaṃ kātuṃ upamāya dassento seyyathāpi, bhantetiādimāha. Tattha yasmā majjhimapadese nagarassa uddhāpapākārādīni thirāni vā hontu, dubbalāni vā, sabbaso vā pana mā hontu, corāsaṅkā na hoti, tasmā taṃ aggahetvā paccantimanagaranti āha. Daḷhuddhāpanti thirapākārapādaṃ. Daḷhapākāratoraṇanti thirapākārañceva thirapiṭṭhasaṅghāṭañca. Ekadvāranti kasmā āha? Bahudvāre hi nagare bahūhi paṇḍitadovārikehi bhavitabbaṃ. Ekadvāre ekova vaṭṭati. Therassa ca paññāya sadiso añño natthi. Tasmā attano paṇḍitabhāvassa opammatthaṃ ekaṃyeva dovārikaṃ dassetuṃ ekadvāra’’nti āha. Paṇḍitoti paṇḍiccena samannāgato. Byattoti veyyattiyena samannāgato visadañāṇo. Medhāvīti ṭhānuppattikapaññāsaṅkhātāya medhāya samannāgato. Anupariyāyapathanti anupariyāyanāmakaṃ pākāramaggaṃ. Pākārasandhinti dvinnaṃ iṭṭhakānaṃ apagataṭṭhānaṃ. Pākāravivaranti pākārassa chinnaṭṭhānaṃ.

    เจตโส อุปกฺกิเลเสติ ปญฺจ นีวรณานิ จิตฺตํ อุปกฺกิเลเสนฺติ กิลิฎฺฐํ กโรนฺติ อุปตาเปนฺติ วิพาเธนฺติ, ตสฺมา ‘‘เจตโส อุปกฺกิเลสา’’ติ วุจฺจนฺติฯ ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณติ นีวรณา อุปฺปชฺชมานา อนุปฺปนฺนาย ปญฺญาย อุปฺปชฺชิตุํ น เทนฺติ, อุปฺปนฺนาย ปญฺญาย วฑฺฒิตุํ น เทนฺติ, ตสฺมา ‘‘ปญฺญาย ทุพฺพลีกรณา’’ติ วุจฺจนฺติฯ สุปฺปติฎฺฐิตจิตฺตาติ จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุฎฺฐุ ฐปิตจิตฺตา หุตฺวาฯ สตฺต โพชฺฌเงฺค ยถาภูตนฺติ สตฺต โพชฺฌเงฺค ยถาสภาเวน ภาเวตฺวาฯ อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธินฺติ อรหตฺตํ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ วา ปฎิวิชฺฌิํสูติ ทเสฺสติฯ

    Cetaso upakkileseti pañca nīvaraṇāni cittaṃ upakkilesenti kiliṭṭhaṃ karonti upatāpenti vibādhenti, tasmā ‘‘cetaso upakkilesā’’ti vuccanti. Paññāya dubbalīkaraṇeti nīvaraṇā uppajjamānā anuppannāya paññāya uppajjituṃ na denti, uppannāya paññāya vaḍḍhituṃ na denti, tasmā ‘‘paññāya dubbalīkaraṇā’’ti vuccanti. Suppatiṭṭhitacittāti catūsu satipaṭṭhānesu suṭṭhu ṭhapitacittā hutvā. Satta bojjhaṅge yathābhūtanti satta bojjhaṅge yathāsabhāvena bhāvetvā. Anuttaraṃ sammāsambodhinti arahattaṃ sabbaññutaññāṇaṃ vā paṭivijjhiṃsūti dasseti.

    อปิเจตฺถ สติปฎฺฐานาติ วิปสฺสนาฯ สโมฺพชฺฌงฺคา มโคฺคฯ อนุตฺตราสมฺมาสโมฺพธิ อรหตฺตํฯ สติปฎฺฐานาติ วา มคฺคาติ วา โพชฺฌงฺคมิสฺสกาฯ สมฺมาสโมฺพธิ อรหตฺตเมวฯ ทีฆภาณกมหาสีวเตฺถโร ปนาห ‘‘สติปฎฺฐาเน วิปสฺสนาติ คเหตฺวา โพชฺฌเงฺค มโคฺค จ สพฺพญฺญุตญฺญาณญฺจาติ คหิเต สุนฺทโร ปโญฺห ภเวยฺย, น ปเนวํ คหิต’’นฺติฯ อิติ เถโร สพฺพญฺญุพุทฺธานํ นีวรณปฺปหาเน สติปฎฺฐานภาวนาย สโมฺพธิยญฺจ มเชฺฌ ภินฺนสุวณฺณรชตานํ วิย นานตฺตาภาวํ ทเสฺสติฯ

    Apicettha satipaṭṭhānāti vipassanā. Sambojjhaṅgā maggo. Anuttarāsammāsambodhi arahattaṃ. Satipaṭṭhānāti vā maggāti vā bojjhaṅgamissakā. Sammāsambodhi arahattameva. Dīghabhāṇakamahāsīvatthero panāha ‘‘satipaṭṭhāne vipassanāti gahetvā bojjhaṅge maggo ca sabbaññutaññāṇañcāti gahite sundaro pañho bhaveyya, na panevaṃ gahita’’nti. Iti thero sabbaññubuddhānaṃ nīvaraṇappahāne satipaṭṭhānabhāvanāya sambodhiyañca majjhe bhinnasuvaṇṇarajatānaṃ viya nānattābhāvaṃ dasseti.

    อิธ ฐตฺวา อุปมา สํสเนฺทตพฺพา – อายสฺมา หิ สาริปุโตฺต ปจฺจนฺตนครํ ทเสฺสสิ, ปาการํ ทเสฺสสิ, ปริยายปถํ ทเสฺสสิ, ทฺวารํ ทเสฺสสิ, ปณฺฑิตโทวาริกํ ทเสฺสสิ, นครํ ปเวสนกนิกฺขมนเก โอฬาริเก ปาเณ ทเสฺสสิ, ปณฺฑิตโทวาริกสฺส เตสํ ปาณานํ ปากฎภาวญฺจ ทเสฺสสิฯ ตตฺถ กิํ เกน สทิสนฺติ เจฯ นครํ วิย หิ นิพฺพานํ, ปากาโร วิย สีลํ, ปริยายปโถ วิย หิรี, ทฺวารํ วิย อริยมโคฺค, ปณฺฑิตโทวาริโก วิย ธมฺมเสนาปติ, นครปฺปวิสนกนิกฺขมนกโอฬาริกปาณา วิย อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา พุทฺธา, โทวาริกสฺส เตสํ ปาณานํ ปากฎภาโว วิย อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนพุทฺธานํ สีลสมถาทีหิ ปากฎภาโวฯ เอตฺตาวตา เถเรน ภควา เอวมหํ สาวกปารมีญาเณ ฐตฺวา ธมฺมนฺวเยน นยคฺคาเหน ชานามีติ อตฺตโน สีหนาทสฺส อนุโยโค ทิโนฺน โหติฯ

    Idha ṭhatvā upamā saṃsandetabbā – āyasmā hi sāriputto paccantanagaraṃ dassesi, pākāraṃ dassesi, pariyāyapathaṃ dassesi, dvāraṃ dassesi, paṇḍitadovārikaṃ dassesi, nagaraṃ pavesanakanikkhamanake oḷārike pāṇe dassesi, paṇḍitadovārikassa tesaṃ pāṇānaṃ pākaṭabhāvañca dassesi. Tattha kiṃ kena sadisanti ce. Nagaraṃ viya hi nibbānaṃ, pākāro viya sīlaṃ, pariyāyapatho viya hirī, dvāraṃ viya ariyamaggo, paṇḍitadovāriko viya dhammasenāpati, nagarappavisanakanikkhamanakaoḷārikapāṇā viya atītānāgatapaccuppannā buddhā, dovārikassa tesaṃ pāṇānaṃ pākaṭabhāvo viya āyasmato sāriputtassa atītānāgatapaccuppannabuddhānaṃ sīlasamathādīhi pākaṭabhāvo. Ettāvatā therena bhagavā evamahaṃ sāvakapāramīñāṇe ṭhatvā dhammanvayena nayaggāhena jānāmīti attano sīhanādassa anuyogo dinno hoti.

    ๑๔๔. อิธาหํ, ภเนฺต, เยน ภควาติ อิมํ เทสนํ กสฺมา อารภิ ? สาวกปารมีญาณสฺส นิปฺผตฺติทสฺสนตฺถํฯ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโย, ภควา อหํ สาวกปารมีญาณํ ปฎิลภโนฺต ปญฺจนวุติปาสเณฺฑ น อญฺญํ เอกมฺปิ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา อุปสงฺกมิตฺวา สาวกปารมีญาณมฺปิ ปฎิลภิํ, ตุเมฺหเยว อุปสงฺกมิตฺวา ตุเมฺห ปยิรุปาสโนฺต ปฎิลภินฺติฯ ตตฺถ อิธาติ นิปาตมตฺตํฯ อุปสงฺกมิํ ธมฺมสวนายาติ ตุเมฺห อุปสงฺกมโนฺต ปนาหํ น จีวราทิเหตุ อุปสงฺกมโนฺต, ธมฺมสวนตฺถาย อุปสงฺกมโนฺตฯ เอวํ อุปสงฺกมิตฺวา สาวกปารมีญาณํ ปฎิลภิํฯ กทา ปน เถโร ธมฺมสวนตฺถาย อุปสงฺกมโนฺตติฯ สูกรขตเลเณ ภาคิเนยฺยทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺตนฺตกถนทิวเส (ม. นิ. ๒.๒๐๕) อุปสงฺกมโนฺต, ตทาเยว สาวกปารมีญาณํ ปฎิลภีติฯ ตํทิวสญฺหิ เถโร ตาลวณฺฎํ คเหตฺวา ภควนฺตํ พีชมาโน ฐิโต ตํ เทสนํ สุตฺวา ตเตฺถว สาวกปารมีญาณํ หตฺถคตํ อกาสิฯ อุตฺตรุตฺตรํ ปณีตปณีตนฺติ อุตฺตรุตฺตรเญฺจว ปณีตปณีตญฺจ กตฺวา เทเสสิฯ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคนฺติ กณฺหเญฺจว สุกฺกญฺจฯ ตญฺจ โข สปฺปฎิภาคํ สวิปกฺขํ กตฺวาฯ กณฺหํ ปฎิพาหิตฺวา สุกฺกํ, สุกฺกํ ปฎิพาหิตฺวา กณฺหนฺติ เอวํ สปฺปฎิภาคํ กตฺวา กณฺหสุกฺกํ เทเสสิ, กณฺหํ เทเสโนฺตปิ จ สอุสฺสาหํ สวิปากํ เทเสสิ, สุกฺกํ เทเสโนฺตปิ สอุสฺสาหํ สวิปากํ เทเสสิฯ

    144.Idhāhaṃ, bhante, yena bhagavāti imaṃ desanaṃ kasmā ārabhi ? Sāvakapāramīñāṇassa nipphattidassanatthaṃ. Ayañhettha adhippāyo, bhagavā ahaṃ sāvakapāramīñāṇaṃ paṭilabhanto pañcanavutipāsaṇḍe na aññaṃ ekampi samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā upasaṅkamitvā sāvakapāramīñāṇampi paṭilabhiṃ, tumheyeva upasaṅkamitvā tumhe payirupāsanto paṭilabhinti. Tattha idhāti nipātamattaṃ. Upasaṅkamiṃ dhammasavanāyāti tumhe upasaṅkamanto panāhaṃ na cīvarādihetu upasaṅkamanto, dhammasavanatthāya upasaṅkamanto. Evaṃ upasaṅkamitvā sāvakapāramīñāṇaṃ paṭilabhiṃ. Kadā pana thero dhammasavanatthāya upasaṅkamantoti. Sūkarakhataleṇe bhāgineyyadīghanakhaparibbājakassa vedanāpariggahasuttantakathanadivase (ma. ni. 2.205) upasaṅkamanto, tadāyeva sāvakapāramīñāṇaṃ paṭilabhīti. Taṃdivasañhi thero tālavaṇṭaṃ gahetvā bhagavantaṃ bījamāno ṭhito taṃ desanaṃ sutvā tattheva sāvakapāramīñāṇaṃ hatthagataṃ akāsi. Uttaruttaraṃ paṇītapaṇītanti uttaruttarañceva paṇītapaṇītañca katvā desesi. Kaṇhasukkasappaṭibhāganti kaṇhañceva sukkañca. Tañca kho sappaṭibhāgaṃ savipakkhaṃ katvā. Kaṇhaṃ paṭibāhitvā sukkaṃ, sukkaṃ paṭibāhitvā kaṇhanti evaṃ sappaṭibhāgaṃ katvā kaṇhasukkaṃ desesi, kaṇhaṃ desentopi ca saussāhaṃ savipākaṃ desesi, sukkaṃ desentopi saussāhaṃ savipākaṃ desesi.

    ตสฺมิํ ธเมฺม อภิญฺญา อิเธกจฺจํ ธมฺมํ ธเมฺมสุ นิฎฺฐมคมนฺติ ตสฺมิํ เทสิเต ธเมฺม เอกจฺจํ ธมฺมํ นาม สาวกปารมีญาณํ สญฺชานิตฺวา ธเมฺมสุ นิฎฺฐมคมํฯ กตเมสุ ธเมฺมสูติ? จตุสจฺจธเมฺมสุฯ เอตฺถายํ เถรสลฺลาโป, กาฬวลฺลวาสี สุมเตฺถโร ตาว วทติ ‘‘จตุสจฺจธเมฺมสุ อิทานิ นิฎฺฐคมนการณํ นตฺถิฯ อสฺสชิมหาสาวกสฺส หิ ทิฎฺฐทิวเสเยว โส ปฐมมเคฺคน จตุสจฺจธเมฺมสุ นิฎฺฐํ คโต, อปรภาเค สูกรขตเลณทฺวาเร อุปริ ตีหิ มเคฺคหิ จตุสจฺจธเมฺมสุ นิฎฺฐํ คโต, อิมสฺมิํ ปน ฐาเน ‘ธเมฺมสู’ติ พุทฺธคุเณสุ นิฎฺฐํ คโต’’ติฯ โลกนฺตรวาสี จูฬสีวเตฺถโร ปน ‘‘สพฺพํ ตเถว วตฺวา อิมสฺมิํ ปน ฐาเน ‘ธเมฺมสู’ติ อรหเตฺต นิฎฺฐํ คโต’’ติ อาหฯ ทีฆภาณกติปิฎกมหาสีวเตฺถโร ปน ‘‘ตเถว ปุริมวาทํ วตฺวา อิมสฺมิํ ปน ฐาเน ‘ธเมฺมสู’ติ สาวกปารมีญาเณ นิฎฺฐํ คโต’’ติ วตฺวา ‘‘พุทฺธคุณา ปน นยโต อาคตา’’ติ อาหฯ

    Tasmiṃ dhamme abhiññā idhekaccaṃ dhammaṃ dhammesu niṭṭhamagamanti tasmiṃ desite dhamme ekaccaṃ dhammaṃ nāma sāvakapāramīñāṇaṃ sañjānitvā dhammesu niṭṭhamagamaṃ. Katamesu dhammesūti? Catusaccadhammesu. Etthāyaṃ therasallāpo, kāḷavallavāsī sumatthero tāva vadati ‘‘catusaccadhammesu idāni niṭṭhagamanakāraṇaṃ natthi. Assajimahāsāvakassa hi diṭṭhadivaseyeva so paṭhamamaggena catusaccadhammesu niṭṭhaṃ gato, aparabhāge sūkarakhataleṇadvāre upari tīhi maggehi catusaccadhammesu niṭṭhaṃ gato, imasmiṃ pana ṭhāne ‘dhammesū’ti buddhaguṇesu niṭṭhaṃ gato’’ti. Lokantaravāsī cūḷasīvatthero pana ‘‘sabbaṃ tatheva vatvā imasmiṃ pana ṭhāne ‘dhammesū’ti arahatte niṭṭhaṃ gato’’ti āha. Dīghabhāṇakatipiṭakamahāsīvatthero pana ‘‘tatheva purimavādaṃ vatvā imasmiṃ pana ṭhāne ‘dhammesū’ti sāvakapāramīñāṇe niṭṭhaṃ gato’’ti vatvā ‘‘buddhaguṇā pana nayato āgatā’’ti āha.

    สตฺถริ ปสีทินฺติ เอวํ สาวกปารมีญาณธเมฺมสุ นิฎฺฐํ คนฺตฺวา ภิโยฺยโสมตฺตาย ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ วต โส ภควา’’ติ สตฺถริ ปสีทิํฯ สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺมติ สุฎฺฐุ อกฺขาโต สุกถิโต นิยฺยานิโก มโคฺค ผลตฺถาย นิยฺยาติ ราคโทสโมหนิมฺมทนสมโตฺถฯ

    Satthari pasīdinti evaṃ sāvakapāramīñāṇadhammesu niṭṭhaṃ gantvā bhiyyosomattāya ‘‘sammāsambuddho vata so bhagavā’’ti satthari pasīdiṃ. Svākkhāto bhagavatā dhammoti suṭṭhu akkhāto sukathito niyyāniko maggo phalatthāya niyyāti rāgadosamohanimmadanasamattho.

    สุปฺปฎิปโนฺน สโงฺฆติ พุทฺธสฺส ภควโต สาวกสโงฺฆปิ วงฺกาทิโทสวิรหิตํ สมฺมาปฎิปทํ ปฎิปนฺนตฺตา สุปฺปฎิปโนฺนติ ปสโนฺนมฺหิ ภควตีติ ทเสฺสติฯ

    Suppaṭipanno saṅghoti buddhassa bhagavato sāvakasaṅghopi vaṅkādidosavirahitaṃ sammāpaṭipadaṃ paṭipannattā suppaṭipannoti pasannomhi bhagavatīti dasseti.

    กุสลธมฺมเทสนาวณฺณนา

    Kusaladhammadesanāvaṇṇanā

    ๑๔๕. อิทานิ ทิวาฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา สมาปชฺชิเต โสฬส อปราปริยธเมฺม ทเสฺสตุํ อปรํ ปน ภเนฺต เอตทานุตฺตริยนฺติ เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ อนุตฺตริยนฺติ อนุตฺตรภาโวฯ ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสตีติ ยถา เยนากาเรน ยาย เทสนาย ภควา ธมฺมํ เทเสติ, สา ตุมฺหากํ เทสนา อนุตฺตราติ วทติฯ กุสเลสุ ธเมฺมสูติ ตาย เทสนาย เทสิเตสุ กุสเลสุ ธเมฺมสุปิ ภควาว อนุตฺตโรติ ทีเปติฯ ยา วา สา เทสนา, ตสฺสา ภูมิํ ทเสฺสโนฺตปิ ‘‘กุสเลสุ ธเมฺมสู’’ติ อาหฯ ตตฺริเม กุสลา ธมฺมาติ ตตฺร กุสเลสุ ธเมฺมสูติ วุตฺตปเท อิเม กุสลา ธมฺมา นามาติ เวทิตพฺพาฯ ตตฺถ อาโรคฺยเฎฺฐน, อนวชฺชเฎฺฐน, โกสลฺลสมฺภูตเฎฺฐน, นิทฺทรถเฎฺฐน, สุขวิปากเฎฺฐนาติ ปญฺจธา กุสลํ เวทิตพฺพํฯ เตสุ ชาตกปริยายํ ปตฺวา อาโรคฺยเฎฺฐน กุสลํ วฎฺฎติฯ สุตฺตนฺตปริยายํ ปตฺวา อนวชฺชเฎฺฐนฯ อภิธมฺมปริยายํ ปตฺวา โกสลฺลสมฺภูตนิทฺทรถสุขวิปากเฎฺฐนฯ อิมสฺมิํ ปน ฐาเน พาหิติกสุตฺตนฺตปริยาเยน (ม. นิ. ๒.๓๕๘) อนวชฺชเฎฺฐน กุสลํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    145. Idāni divāṭṭhāne nisīditvā samāpajjite soḷasa aparāpariyadhamme dassetuṃ aparaṃ pana bhante etadānuttariyanti desanaṃ ārabhi. Tattha anuttariyanti anuttarabhāvo. Yathā bhagavādhammaṃ desetīti yathā yenākārena yāya desanāya bhagavā dhammaṃ deseti, sā tumhākaṃ desanā anuttarāti vadati. Kusalesu dhammesūti tāya desanāya desitesu kusalesu dhammesupi bhagavāva anuttaroti dīpeti. Yā vā sā desanā, tassā bhūmiṃ dassentopi ‘‘kusalesu dhammesū’’ti āha. Tatrime kusalā dhammāti tatra kusalesu dhammesūti vuttapade ime kusalā dhammā nāmāti veditabbā. Tattha ārogyaṭṭhena, anavajjaṭṭhena, kosallasambhūtaṭṭhena, niddarathaṭṭhena, sukhavipākaṭṭhenāti pañcadhā kusalaṃ veditabbaṃ. Tesu jātakapariyāyaṃ patvā ārogyaṭṭhena kusalaṃ vaṭṭati. Suttantapariyāyaṃ patvā anavajjaṭṭhena. Abhidhammapariyāyaṃ patvā kosallasambhūtaniddarathasukhavipākaṭṭhena. Imasmiṃ pana ṭhāne bāhitikasuttantapariyāyena (ma. ni. 2.358) anavajjaṭṭhena kusalaṃ daṭṭhabbaṃ.

    จตฺตาโร สติปฎฺฐานาติ จุทฺทสวิเธน กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํ, นววิเธน เวทนานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํ , โสฬสวิเธน จิตฺตานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํ, ปญฺจวิเธน ธมฺมานุปสฺสนาสติปฎฺฐานนฺติ เอวํ นานานเยหิ วิภชิตฺวา สมถวิปสฺสนามคฺควเสน โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา จตฺตาโร สติปฎฺฐานา เทสิตาฯ ผลสติปฎฺฐานํ ปน อิธ อนธิเปฺปตํฯ จตฺตาโร สมฺมปฺปธานาติ ปคฺคหเฎฺฐน เอกลกฺขณา, กิจฺจวเสน นานากิจฺจาฯ ‘‘อิธ ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทายา’’ติอาทินา นเยน สมถวิปสฺสนามคฺควเสน โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกาว จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา เทสิตาฯ จตฺตาโร อิทฺธิปาทาติ อิชฺฌนเฎฺฐน เอกสงฺคหา, ฉนฺทาทิวเสน นานาสภาวาฯ ‘‘อิธ ภิกฺขุ ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวตี’’ติอาทินา นเยน สมถวิปสฺสนามคฺควเสน โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกาว จตฺตาโร อิทฺธิปาทา เทสิตาฯ

    Cattāro satipaṭṭhānāti cuddasavidhena kāyānupassanāsatipaṭṭhānaṃ, navavidhena vedanānupassanāsatipaṭṭhānaṃ , soḷasavidhena cittānupassanāsatipaṭṭhānaṃ, pañcavidhena dhammānupassanāsatipaṭṭhānanti evaṃ nānānayehi vibhajitvā samathavipassanāmaggavasena lokiyalokuttaramissakā cattāro satipaṭṭhānā desitā. Phalasatipaṭṭhānaṃ pana idha anadhippetaṃ. Cattāro sammappadhānāti paggahaṭṭhena ekalakkhaṇā, kiccavasena nānākiccā. ‘‘Idha bhikkhu anuppannānaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ anuppādāyā’’tiādinā nayena samathavipassanāmaggavasena lokiyalokuttaramissakāva cattāro sammappadhānā desitā. Cattāro iddhipādāti ijjhanaṭṭhena ekasaṅgahā, chandādivasena nānāsabhāvā. ‘‘Idha bhikkhu chandasamādhipadhānasaṅkhārasamannāgataṃ iddhipādaṃ bhāvetī’’tiādinā nayena samathavipassanāmaggavasena lokiyalokuttaramissakāva cattāro iddhipādā desitā.

    ปญฺจินฺทฺริยานีติ อาธิปเตยฺยเฎฺฐน เอกลกฺขณานิ, อธิโมกฺขาทิสภาววเสน นานาสภาวานิฯ สมถวิปสฺสนามคฺควเสเนว จ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกานิ สทฺธาทีนิ ปญฺจินฺทฺริยานิ เทสิตานิฯ ปญฺจ พลานีติ อุปตฺถมฺภนเฎฺฐน อกมฺปิยเฎฺฐน วา เอกสงฺคหานิ, สลกฺขเณน นานาสภาวานิ ฯ สมถวิปสฺสนามคฺควเสเนว โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกานิ สทฺธาทีนิ ปญฺจ พลานิ เทสิตานิฯ สตฺต โพชฺฌงฺคาติ นิยฺยานเฎฺฐน เอกสงฺคหา, อุปฎฺฐานาทินา สลกฺขเณน นานาสภาวาฯ สมถวิปสฺสนา มคฺควเสเนว โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา สตฺต โพชฺฌงฺคา เทสิตาฯ

    Pañcindriyānīti ādhipateyyaṭṭhena ekalakkhaṇāni, adhimokkhādisabhāvavasena nānāsabhāvāni. Samathavipassanāmaggavaseneva ca lokiyalokuttaramissakāni saddhādīni pañcindriyāni desitāni. Pañca balānīti upatthambhanaṭṭhena akampiyaṭṭhena vā ekasaṅgahāni, salakkhaṇena nānāsabhāvāni . Samathavipassanāmaggavaseneva lokiyalokuttaramissakāni saddhādīni pañca balāni desitāni. Satta bojjhaṅgāti niyyānaṭṭhena ekasaṅgahā, upaṭṭhānādinā salakkhaṇena nānāsabhāvā. Samathavipassanā maggavaseneva lokiyalokuttaramissakā satta bojjhaṅgā desitā.

    อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคติ เหตุเฎฺฐน เอกสงฺคโห, ทสฺสนาทินา สลกฺขเณน นานาสภาโวฯ สมถวิปสฺสนามคฺควเสเนว โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสโก อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค เทสิโตติ อโตฺถฯ

    Ariyo aṭṭhaṅgiko maggoti hetuṭṭhena ekasaṅgaho, dassanādinā salakkhaṇena nānāsabhāvo. Samathavipassanāmaggavaseneva lokiyalokuttaramissako ariyo aṭṭhaṅgiko maggo desitoti attho.

    อิธ, ภเนฺต, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยาติ อิทํ กิมตฺถํ อารทฺธํ? สาสนสฺส ปริโยสานทสฺสนตฺถํฯ สาสนสฺส หิ น เกวลํ มเคฺคเนว ปริโยสานํ โหติ, อรหตฺตผเลน ปน โหติฯ ตสฺมา ตํ ทเสฺสตุํ อิทมารทฺธนฺติ เวทิตพฺพํฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, กุสเลสุ ธเมฺมสูติ ภเนฺต ยา อยํ กุสเลสุ ธเมฺมสุ เอวํเทสนา, เอตทานุตฺตริยํฯ ตํ ภควาติ ตํ เทสนํ ภควา อเสสํ สกลํ อภิชานาติฯ ตํ ภควโตติ ตํ เทสนํ ภควโต อเสสํ อภิชานโตฯ อุตฺตริ อภิเญฺญยฺยํ นตฺถีติ ตทุตฺตริ อภิชานิตพฺพํ นตฺถิ, อยํ นาม อิโต อโญฺญ ธโมฺม วา ปุคฺคโล วา ยํ ภควา น ชานาตีติ อิทํ นตฺถิฯ ยทภิชานํ อโญฺญ สมโณ วาติ ยํ ตุเมฺหหิ อนภิญฺญาตํ, ตํ อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อภิชานโนฺต ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร อสฺส, อธิกตรปโญฺญ ภเวยฺยฯ ยทิทํ กุสเลสุ ธเมฺมสูติ เอตฺถ ยทิทนฺติ นิปาตมตฺตํ, กุสเลสุ ธเมฺมสุ ภควตา อุตฺตริตโร นตฺถีติ อยเมตฺถโตฺถฯ อิติ ภควาว กุสเลสุ ธเมฺมสุ อนุตฺตโรติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิมินาปิ การเณน เอวํปสโนฺน อหํ, ภเนฺต, ภควตี’’ติ ทีเปติฯ อิโต ปเรสุ อปรํ ปนาติอาทีสุ วิเสสมตฺตเมว วณฺณยิสฺสามฯ ปุริมวารสทิสํ ปน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Idha, bhante, bhikkhu āsavānaṃ khayāti idaṃ kimatthaṃ āraddhaṃ? Sāsanassa pariyosānadassanatthaṃ. Sāsanassa hi na kevalaṃ maggeneva pariyosānaṃ hoti, arahattaphalena pana hoti. Tasmā taṃ dassetuṃ idamāraddhanti veditabbaṃ. Etadānuttariyaṃ, bhante, kusalesu dhammesūti bhante yā ayaṃ kusalesu dhammesu evaṃdesanā, etadānuttariyaṃ. Taṃbhagavāti taṃ desanaṃ bhagavā asesaṃ sakalaṃ abhijānāti. Taṃ bhagavatoti taṃ desanaṃ bhagavato asesaṃ abhijānato. Uttari abhiññeyyaṃ natthīti taduttari abhijānitabbaṃ natthi, ayaṃ nāma ito añño dhammo vā puggalo vā yaṃ bhagavā na jānātīti idaṃ natthi. Yadabhijānaṃ añño samaṇo vāti yaṃ tumhehi anabhiññātaṃ, taṃ añño samaṇo vā brāhmaṇo vā abhijānanto bhagavatā bhiyyobhiññataro assa, adhikatarapañño bhaveyya. Yadidaṃ kusalesu dhammesūti ettha yadidanti nipātamattaṃ, kusalesu dhammesu bhagavatā uttaritaro natthīti ayametthattho. Iti bhagavāva kusalesu dhammesu anuttaroti dassento ‘‘imināpi kāraṇena evaṃpasanno ahaṃ, bhante, bhagavatī’’ti dīpeti. Ito paresu aparaṃ panātiādīsu visesamattameva vaṇṇayissāma. Purimavārasadisaṃ pana vuttanayeneva veditabbaṃ.

    อายตนปณฺณตฺติเทสนาวณฺณนา

    Āyatanapaṇṇattidesanāvaṇṇanā

    ๑๔๖. อายตนปณฺณตฺตีสูติ อายตนปญฺญาปนาสุฯ อิทานิ ตา อายตนปญฺญตฺติโย ทเสฺสโนฺต ฉยิมานิ, ภเนฺตติอาทิมาหฯ อายตนกถา ปเนสา วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาเรน กถิตา, เตน น ตํ วิตฺถารยิสฺสาม, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว สา วิตฺถารโต เวทิตพฺพาฯ

    146.Āyatanapaṇṇattīsūti āyatanapaññāpanāsu. Idāni tā āyatanapaññattiyo dassento chayimāni, bhantetiādimāha. Āyatanakathā panesā visuddhimagge vitthārena kathitā, tena na taṃ vitthārayissāma, tasmā tattha vuttanayeneva sā vitthārato veditabbā.

    เอตทานุตฺตริยํ , ภเนฺต, อายตนปณฺณตฺตีสูติ ยายํ อายตนปณฺณตฺตีสุ อชฺฌตฺติกพาหิรววตฺถานาทิวเสน เอวํ เทสนา, เอตทานุตฺตริยํฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Etadānuttariyaṃ, bhante, āyatanapaṇṇattīsūti yāyaṃ āyatanapaṇṇattīsu ajjhattikabāhiravavatthānādivasena evaṃ desanā, etadānuttariyaṃ. Sesaṃ vuttanayameva.

    คพฺภาวกฺกนฺติเทสนาวณฺณนา

    Gabbhāvakkantidesanāvaṇṇanā

    ๑๔๗. คพฺภาวกฺกนฺตีสูติ คโพฺภกฺกมเนสุฯ ตา คพฺภาวกฺกนฺติโย ทเสฺสโนฺต จตโสฺส อิมา, ภเนฺตติอาทิมาหฯ ตตฺถ อสมฺปชาโนติ อชานโนฺต สมฺมูโฬฺห หุตฺวาฯ มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมตีติ ปฎิสนฺธิวเสน ปวิสติฯ ฐาตีติ วสติฯ นิกฺขมตีติ นิกฺขมโนฺตปิ อสมฺปชาโน สมฺมูโฬฺหว นิกฺขมติฯ อยํ ปฐมาติ อยํ ปกติโลกิยมนุสฺสานํ ปฐมา คพฺภาวกฺกนฺติฯ

    147.Gabbhāvakkantīsūti gabbhokkamanesu. Tā gabbhāvakkantiyo dassento catasso imā, bhantetiādimāha. Tattha asampajānoti ajānanto sammūḷho hutvā. Mātukucchiṃ okkamatīti paṭisandhivasena pavisati. Ṭhātīti vasati. Nikkhamatīti nikkhamantopi asampajāno sammūḷhova nikkhamati. Ayaṃ paṭhamāti ayaṃ pakatilokiyamanussānaṃ paṭhamā gabbhāvakkanti.

    สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมตีติ โอกฺกมโนฺต สมฺปชาโน อสมฺมูโฬฺห หุตฺวา โอกฺกมติฯ

    Sampajāno mātukucchiṃ okkamatīti okkamanto sampajāno asammūḷho hutvā okkamati.

    อยํ ทุติยาติ อยํ อสีติมหาเถรานํ สาวกานํ ทุติยา คพฺภาวกฺกนฺติฯ เต หิ ปวิสนฺตาว ชานนฺติ, วสนฺตา จ นิกฺขมนฺตา จ น ชานนฺติฯ

    Ayaṃdutiyāti ayaṃ asītimahātherānaṃ sāvakānaṃ dutiyā gabbhāvakkanti. Te hi pavisantāva jānanti, vasantā ca nikkhamantā ca na jānanti.

    อยํ ตติยาติ อยํ ทฺวินฺนญฺจ อคฺคสาวกานํ ปเจฺจกโพธิสตฺตานญฺจ ตติยา คพฺภาวกฺกนฺติฯ เต กิร กมฺมเชหิ วาเตหิ อโธสิรา อุทฺธํปาทา อเนกสตโปริเส ปปาเต วิย โยนิมุเข ขิตฺตา ตาฬจฺฉิคฺคเฬน หตฺถี วิย สมฺพาเธน โยนิมุเขน นิกฺขมมานา อนนฺตํ ทุกฺขํ ปาปุณนฺติฯ เตน เนสํ ‘‘มยํ นิกฺขมมฺหา’’ติ สมฺปชานตา น โหติฯ เอวํ ปูริตปารมีนมฺปิ จ สตฺตานํ เอวรูเป ฐาเน มหนฺตํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชตีติ อลเมว คพฺภาวาเส นิพฺพินฺทิตุํ อลํ วิรชฺชิตุํฯ

    Ayaṃ tatiyāti ayaṃ dvinnañca aggasāvakānaṃ paccekabodhisattānañca tatiyā gabbhāvakkanti. Te kira kammajehi vātehi adhosirā uddhaṃpādā anekasataporise papāte viya yonimukhe khittā tāḷacchiggaḷena hatthī viya sambādhena yonimukhena nikkhamamānā anantaṃ dukkhaṃ pāpuṇanti. Tena nesaṃ ‘‘mayaṃ nikkhamamhā’’ti sampajānatā na hoti. Evaṃ pūritapāramīnampi ca sattānaṃ evarūpe ṭhāne mahantaṃ dukkhaṃ uppajjatīti alameva gabbhāvāse nibbindituṃ alaṃ virajjituṃ.

    อยํ จตุตฺถาติ อยํ สพฺพญฺญุโพธิสตฺตานํ วเสน จตุตฺถา คพฺภาวกฺกนฺติฯ สพฺพญฺญุโพธิสตฺตา หิ มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหนฺตาปิ ชานนฺติ, ตตฺถ วสนฺตาปิ ชานนฺติ, นิกฺขมนฺตาปิ ชานนฺติ, นิกฺขมนกาเลปิ จ เต กมฺมชวาตา อุทฺธํปาเท อโธสิเร กตฺวา ขิปิตุํ น สโกฺกนฺติ, เทฺว หเตฺถ ปสาเรตฺวา อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ฐิตกาว นิกฺขมนฺติฯ ภวคฺคํ อุปาทาย อวีจิอนฺตเร อโญฺญ ตีสุ กาเลสุ สมฺปชาโน นาม นตฺถิ ฐเปตฺวา สพฺพญฺญุโพธิสเตฺตฯ เตเนว เนสํ มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมนกาเล จ นิกฺขมนกาเล จ ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปตีติฯ เสสเมตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    Ayaṃ catutthāti ayaṃ sabbaññubodhisattānaṃ vasena catutthā gabbhāvakkanti. Sabbaññubodhisattā hi mātukucchismiṃ paṭisandhiṃ gaṇhantāpi jānanti, tattha vasantāpi jānanti, nikkhamantāpi jānanti, nikkhamanakālepi ca te kammajavātā uddhaṃpāde adhosire katvā khipituṃ na sakkonti, dve hatthe pasāretvā akkhīni ummīletvā ṭhitakāva nikkhamanti. Bhavaggaṃ upādāya avīciantare añño tīsu kālesu sampajāno nāma natthi ṭhapetvā sabbaññubodhisatte. Teneva nesaṃ mātukucchiṃ okkamanakāle ca nikkhamanakāle ca dasasahassilokadhātu kampatīti. Sesamettha vuttanayeneva veditabbaṃ.

    อาเทสนวิธาเทสนาวณฺณนา

    Ādesanavidhādesanāvaṇṇanā

    ๑๔๘. อาเทสนวิธาสูติ อาเทสนโกฎฺฐาเสสุฯ อิทานิ ตา อาเทสนวิธา ทเสฺสโนฺต จตโสฺส อิมาติอาทิมาหฯ นิมิเตฺตน อาทิสตีติ อาคตนิมิเตฺตน คตนิมิเตฺตน ฐิตนิมิเตฺตน วา อิทํ นาม ภวิสฺสตีติ กเถติฯ

    148.Ādesanavidhāsūti ādesanakoṭṭhāsesu. Idāni tā ādesanavidhā dassento catasso imātiādimāha. Nimittena ādisatīti āgatanimittena gatanimittena ṭhitanimittena vā idaṃ nāma bhavissatīti katheti.

    ตตฺริทํ วตฺถุ – เอโก ราชา ติโสฺส มุตฺตา คเหตฺวา ปุโรหิตํ ปุจฺฉิ ‘‘กิํ เม, อาจริย, หเตฺถ’’ติ? โส อิโต จิโต จ โอโลเกสิฯ เตน จ สมเยน เอกา สรพู ‘‘มกฺขิกํ คเหสฺสามี’’ติ ปกฺขนฺทิ, คหณกาเล มกฺขิกา ปลาตา, โส มกฺขิกาย มุตฺตตฺตา ‘‘มุตฺตา มหาราชา’’ติ อาหฯ มุตฺตา ตาว โหตุ, กติ มุตฺตาติ? โส ปุน นิมิตฺตํ โอโลเกสิฯ อถ อวิทูเร กุกฺกุโฎ ติกฺขตฺตุํ สทฺทํ นิจฺฉาเรสิฯ พฺราหฺมโณ ‘‘ติโสฺส มหาราชา’’ติ อาหฯ เอวํ เอกโจฺจ อาคตนิมิเตฺตน กเถติฯ เอเตนุปาเยน คตฐิตนิ มิเตฺตหิปิ กถนํ เวทิตพฺพํฯ

    Tatridaṃ vatthu – eko rājā tisso muttā gahetvā purohitaṃ pucchi ‘‘kiṃ me, ācariya, hatthe’’ti? So ito cito ca olokesi. Tena ca samayena ekā sarabū ‘‘makkhikaṃ gahessāmī’’ti pakkhandi, gahaṇakāle makkhikā palātā, so makkhikāya muttattā ‘‘muttā mahārājā’’ti āha. Muttā tāva hotu, kati muttāti? So puna nimittaṃ olokesi. Atha avidūre kukkuṭo tikkhattuṃ saddaṃ nicchāresi. Brāhmaṇo ‘‘tisso mahārājā’’ti āha. Evaṃ ekacco āgatanimittena katheti. Etenupāyena gataṭhitani mittehipi kathanaṃ veditabbaṃ.

    อมนุสฺสานนฺติ ยกฺขปิสาจาทีนํฯ เทวตานนฺติ จาตุมหาราชิกาทีนํฯ สทฺทํ สุตฺวาติ อญฺญสฺส จิตฺตํ ญตฺวา กเถนฺตานํ สทฺทํ สุตฺวาฯ วิตกฺกวิปฺผารสทฺทนฺติ วิตกฺกวิปฺผารวเสน อุปฺปนฺนํ วิปฺปลปนฺตานํ สุตฺตปมตฺตาทีนํ สทฺทํฯ สุตฺวาติ ตํ สทฺทํ สุตฺวาฯ ยํ วิตกฺกยโต ตสฺส โส สโทฺท อุปฺปโนฺน, ตสฺส วเสน ‘‘เอวมฺปิ เต มโน’’ติ อาทิสติฯ มโนสงฺขารา ปณิหิตาติ จิตฺตสงฺขารา สุฎฺฐปิตาฯ วิตเกฺกสฺสตีติ วิตกฺกยิสฺสติ ปวเตฺตสฺสตีติ ปชานาติฯ ชานโนฺต จ อาคมเนน ชานาติ, ปุพฺพภาเคน ชานาติ, อโนฺตสมาปตฺติยํ จิตฺตํ โอโลเกตฺวา ชานาติฯ อาคมเนน ชานาติ นาม กสิณปริกมฺมกาเลเยว เยนากาเรน เอส กสิณภาวนํ อารโทฺธ ปฐมชฺฌานํ วา…เป.… จตุตฺถชฺฌานํ วา อฎฺฐสมาปตฺติโย วา นิพฺพเตฺตสฺสตีติ ชานาติฯ ปุพฺพภาเคน ชานาติ นาม สมถวิปสฺสนาย อารทฺธาเยว ชานาติ, เยนากาเรน เอส วิปสฺสนํ อารโทฺธ โสตาปตฺติมคฺคํ วา นิพฺพเตฺตสฺสติ, สกทาคามิมคฺคํ วา นิพฺพเตฺตสฺสติ, อนาคามิมคฺคํ วา นิพฺพเตฺตสฺสติ, อรหตฺตมคฺคํ วา นิพฺพเตฺตสฺสตีติ ชานาติฯ อโนฺตสมาปตฺติยํ จิตฺตํ โอโลเกตฺวา ชานาติ นาม เยนากาเรน อิมสฺส มโนสงฺขารา สุฎฺฐปิตา, อิมสฺส นาม จิตฺตสฺส อนนฺตรา อิมํ นาม วิตกฺกํ วิตเกฺกสฺสติฯ อิโต วุฎฺฐิตสฺส เอตสฺส หานภาคิโย วา สมาธิ ภวิสฺสติ, ฐิติภาคิโย วา วิเสสภาคิโย วา นิเพฺพธภาคิโย วา อภิญฺญาโย วา นิพฺพเตฺตสฺสตีติ ชานาติฯ

    Amanussānanti yakkhapisācādīnaṃ. Devatānanti cātumahārājikādīnaṃ. Saddaṃ sutvāti aññassa cittaṃ ñatvā kathentānaṃ saddaṃ sutvā. Vitakkavipphārasaddanti vitakkavipphāravasena uppannaṃ vippalapantānaṃ suttapamattādīnaṃ saddaṃ. Sutvāti taṃ saddaṃ sutvā. Yaṃ vitakkayato tassa so saddo uppanno, tassa vasena ‘‘evampi te mano’’ti ādisati. Manosaṅkhārā paṇihitāti cittasaṅkhārā suṭṭhapitā. Vitakkessatīti vitakkayissati pavattessatīti pajānāti. Jānanto ca āgamanena jānāti, pubbabhāgena jānāti, antosamāpattiyaṃ cittaṃ oloketvā jānāti. Āgamanena jānāti nāma kasiṇaparikammakāleyeva yenākārena esa kasiṇabhāvanaṃ āraddho paṭhamajjhānaṃ vā…pe… catutthajjhānaṃ vā aṭṭhasamāpattiyo vā nibbattessatīti jānāti. Pubbabhāgena jānāti nāma samathavipassanāya āraddhāyeva jānāti, yenākārena esa vipassanaṃ āraddho sotāpattimaggaṃ vā nibbattessati, sakadāgāmimaggaṃ vā nibbattessati, anāgāmimaggaṃ vā nibbattessati, arahattamaggaṃ vā nibbattessatīti jānāti. Antosamāpattiyaṃ cittaṃ oloketvā jānāti nāma yenākārena imassa manosaṅkhārā suṭṭhapitā, imassa nāma cittassa anantarā imaṃ nāma vitakkaṃ vitakkessati. Ito vuṭṭhitassa etassa hānabhāgiyo vā samādhi bhavissati, ṭhitibhāgiyo vā visesabhāgiyo vā nibbedhabhāgiyo vā abhiññāyo vā nibbattessatīti jānāti.

    ตตฺถ ปุถุชฺชโน เจโตปริยญาณลาภี ปุถุชฺชนานํเยว จิตฺตํ ชานาติ, น อริยานํฯ อริเยสุปิ เหฎฺฐิโม เหฎฺฐิโม อุปริมสฺส อุปริมสฺส จิตฺตํ น ชานาติ, อุปริโม ปน เหฎฺฐิมสฺส ชานาติฯ เอเตสุ จ โสตาปโนฺน โสตาปตฺติผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชติฯ สกทาคามี, อนาคามี, อรหา, อรหตฺตผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชติฯ อุปริโม เหฎฺฐิมํ น สมาปชฺชติฯ เตสญฺหิ เหฎฺฐิมา เหฎฺฐิมา สมาปตฺติ ตตฺรุปปตฺติเยว โหติฯ ตเถว ตํ โหตีติ อิทํ เอกํเสน ตเถว โหติฯ เจโตปริยญาณวเสน ญาตญฺหิ อญฺญถาภาวี นาม นตฺถิฯ เสสํ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ

    Tattha puthujjano cetopariyañāṇalābhī puthujjanānaṃyeva cittaṃ jānāti, na ariyānaṃ. Ariyesupi heṭṭhimo heṭṭhimo uparimassa uparimassa cittaṃ na jānāti, uparimo pana heṭṭhimassa jānāti. Etesu ca sotāpanno sotāpattiphalasamāpattiṃ samāpajjati. Sakadāgāmī, anāgāmī, arahā, arahattaphalasamāpattiṃ samāpajjati. Uparimo heṭṭhimaṃ na samāpajjati. Tesañhi heṭṭhimā heṭṭhimā samāpatti tatrupapattiyeva hoti. Tatheva taṃ hotīti idaṃ ekaṃsena tatheva hoti. Cetopariyañāṇavasena ñātañhi aññathābhāvī nāma natthi. Sesaṃ purimanayeneva yojetabbaṃ.

    ทสฺสนสมาปตฺติเทสนาวณฺณนา

    Dassanasamāpattidesanāvaṇṇanā

    ๑๔๙. อาตปฺปมนฺวายาติอาทิ พฺรหฺมชาเล วิตฺถาริตเมวฯ อยํ ปเนตฺถ สเงฺขโป, อาตปฺปนฺติ วีริยํฯ ตเทว ปทหิตพฺพโต ปธานํฯ อนุยุญฺชิตพฺพโต อนุโยโคฯ อปฺปมาทนฺติ สติอวิปฺปวาสํฯ สมฺมามนสิการนฺติ อนิเจฺจ อนิจฺจนฺติอาทิวเสน ปวตฺตํ อุปายมนสิการํฯ เจโตสมาธินฺติ ปฐมชฺฌานสมาธิํฯ อยํ ปฐมา ทสฺสนสมาปตฺตีติ อยํ ทฺวตฺติํ สาการํ ปฎิกูลโต มนสิกตฺวา ปฎิกูลทสฺสนวเสน อุปฺปาทิตา ปฐมชฺฌานสมาปตฺติ ปฐมา ทสฺสนสมาปตฺติ นาม, สเจ ปน ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา โสตาปโนฺน โหติ, อยํ นิปฺปริยาเยเนว ปฐมา ทสฺสนสมาปตฺติฯ

    149.Ātappamanvāyātiādi brahmajāle vitthāritameva. Ayaṃ panettha saṅkhepo, ātappanti vīriyaṃ. Tadeva padahitabbato padhānaṃ. Anuyuñjitabbato anuyogo.Appamādanti satiavippavāsaṃ. Sammāmanasikāranti anicce aniccantiādivasena pavattaṃ upāyamanasikāraṃ. Cetosamādhinti paṭhamajjhānasamādhiṃ. Ayaṃ paṭhamā dassanasamāpattīti ayaṃ dvattiṃ sākāraṃ paṭikūlato manasikatvā paṭikūladassanavasena uppāditā paṭhamajjhānasamāpatti paṭhamā dassanasamāpatti nāma, sace pana taṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā sotāpanno hoti, ayaṃ nippariyāyeneva paṭhamā dassanasamāpatti.

    อติกฺกมฺม จาติ อติกฺกมิตฺวา จฯ ฉวิมํสโลหิตนฺติ ฉวิญฺจ มํสญฺจ โลหิตญฺจฯ อฎฺฐิํ ปจฺจเวกฺขตีติ อฎฺฐิ อฎฺฐีติ ปจฺจเวกฺขติฯ อฎฺฐิ อฎฺฐีติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุปฺปาทิตา อฎฺฐิอารมฺมณา ทิพฺพจกฺขุปาทกชฺฌานสมาปตฺติ ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺติ นามฯ สเจ ปน ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา สกทาคามิมคฺคํ นิพฺพเตฺตติฯ อยํ นิปฺปริยาเยน ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺติฯ กาฬวลฺลวาสี สุมเตฺถโร ปน ‘‘ยาว ตติยมคฺคา วฎฺฎตี’’ติ อาหฯ

    Atikkamma cāti atikkamitvā ca. Chavimaṃsalohitanti chaviñca maṃsañca lohitañca. Aṭṭhiṃ paccavekkhatīti aṭṭhi aṭṭhīti paccavekkhati. Aṭṭhi aṭṭhīti paccavekkhitvā uppāditā aṭṭhiārammaṇā dibbacakkhupādakajjhānasamāpatti dutiyā dassanasamāpatti nāma. Sace pana taṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā sakadāgāmimaggaṃ nibbatteti. Ayaṃ nippariyāyena dutiyā dassanasamāpatti. Kāḷavallavāsī sumatthero pana ‘‘yāva tatiyamaggā vaṭṭatī’’ti āha.

    วิญฺญาณโสตนฺติ วิญฺญาณเมวฯ อุภยโต อโพฺพจฺฉินฺนนฺติ ทฺวีหิปิ ภาเคหิ อจฺฉินฺนํฯ อิธ โลเก ปติฎฺฐิตญฺจาติ ฉนฺทราควเสน อิมสฺมิญฺจ โลเก ปติฎฺฐิตํฯ ทุติยปเทปิ เอเสว นโยฯ กมฺมํ วา กมฺมโต อุปคจฺฉนฺตํ อิธ โลเก ปติฎฺฐิตํ นามฯ กมฺมภวํ อากฑฺฒนฺตํ ปรโลเก ปติฎฺฐิตํ นามฯ อิมินา กิํ กถิตํ? เสกฺขปุถุชฺชนานํ เจโตปริยญาณํ กถิตํฯ เสกฺขปุถุชฺชนานญฺหิ เจโตปริยญาณํ ตติยา ทสฺสนสมาปตฺติ นามฯ

    Viññāṇasotanti viññāṇameva. Ubhayato abbocchinnanti dvīhipi bhāgehi acchinnaṃ. Idha loke patiṭṭhitañcāti chandarāgavasena imasmiñca loke patiṭṭhitaṃ. Dutiyapadepi eseva nayo. Kammaṃ vā kammato upagacchantaṃ idha loke patiṭṭhitaṃ nāma. Kammabhavaṃ ākaḍḍhantaṃ paraloke patiṭṭhitaṃ nāma. Iminā kiṃ kathitaṃ? Sekkhaputhujjanānaṃ cetopariyañāṇaṃ kathitaṃ. Sekkhaputhujjanānañhi cetopariyañāṇaṃ tatiyā dassanasamāpatti nāma.

    อิธ โลเก อปฺปติฎฺฐิตญฺจาติ นิจฺฉนฺทราคตฺตา อิธโลเก จ อปฺปติฎฺฐิตํฯ ทุติยปเทปิ เอเสว นโยฯ กมฺมํ วา กมฺมโต น อุปคจฺฉนฺตํ อิธ โลเก อปฺปติฎฺฐิตํ นามฯ กมฺมภวํ อนากฑฺฒนฺตํ ปรโลเก อปฺปติฎฺฐิตํ นามฯ อิมินา กิํ กถิตํ? ขีณาสวสฺส เจโตปริยญาณํ กถิตํฯ ขีณาสวสฺส หิ เจโตปริยญาณํ จตุตฺถา ทสฺสนสมาปตฺติ นามฯ

    Idha loke appatiṭṭhitañcāti nicchandarāgattā idhaloke ca appatiṭṭhitaṃ. Dutiyapadepi eseva nayo. Kammaṃ vā kammato na upagacchantaṃ idha loke appatiṭṭhitaṃ nāma. Kammabhavaṃ anākaḍḍhantaṃ paraloke appatiṭṭhitaṃ nāma. Iminā kiṃ kathitaṃ? Khīṇāsavassa cetopariyañāṇaṃ kathitaṃ. Khīṇāsavassa hi cetopariyañāṇaṃ catutthā dassanasamāpatti nāma.

    อปิจ ทฺวตฺติํสากาเร อารทฺธวิปสฺสนาปิ ปฐมา ทสฺสนสมาปตฺติฯ อฎฺฐิอารมฺมเณ อารทฺธวิปสฺสนา ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺติฯ เสกฺขปุถุชฺชนานํ เจโตปริยญาณํ ขีณาสวสฺส เจโตปริยญาณนฺติ อิทํ ปททฺวยํ นิจฺจลเมวฯ อปโร นโย ปฐมชฺฌานํ ปฐมา ทสฺสนสมาปตฺติ ฯ ทุติยชฺฌานํ ทุติยาฯ ตติยชฺฌานํ ตติยาฯ จตุตฺถชฺฌานํ จตุตฺถา ทสฺสนสมาปตฺติฯ ตถา ปฐมมโคฺค ปฐมา ทสฺสนสมาปตฺติฯ ทุติยมโคฺค ทุติยาฯ ตติยมโคฺค ตติยาฯ จตุตฺถมโคฺค จตุตฺถา ทสฺสนสมาปตฺตีติฯ เสสเมตฺถ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ

    Apica dvattiṃsākāre āraddhavipassanāpi paṭhamā dassanasamāpatti. Aṭṭhiārammaṇe āraddhavipassanā dutiyā dassanasamāpatti. Sekkhaputhujjanānaṃ cetopariyañāṇaṃ khīṇāsavassa cetopariyañāṇanti idaṃ padadvayaṃ niccalameva. Aparo nayo paṭhamajjhānaṃ paṭhamā dassanasamāpatti . Dutiyajjhānaṃ dutiyā. Tatiyajjhānaṃ tatiyā. Catutthajjhānaṃ catutthā dassanasamāpatti. Tathā paṭhamamaggo paṭhamā dassanasamāpatti. Dutiyamaggo dutiyā. Tatiyamaggo tatiyā. Catutthamaggo catutthā dassanasamāpattīti. Sesamettha purimanayeneva yojetabbaṃ.

    ปุคฺคลปณฺณตฺติเทสนาวณฺณนา

    Puggalapaṇṇattidesanāvaṇṇanā

    ๑๕๐. ปุคฺคลปณฺณตฺตีสูติ โลกโวหารวเสน ‘‘สโตฺต ปุคฺคโล นโร โปโส’’ติ เอวํ ปญฺญาเปตพฺพาสุ โลกปญฺญตฺตีสุฯ พุทฺธานญฺหิ เทฺว กถา สมฺมุติกถา, ปรมตฺถกถาติ โปฎฺฐปาทสุเตฺต (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๔๓๙-๔๔๓) วิตฺถาริตาฯ

    150.Puggalapaṇṇattīsūti lokavohāravasena ‘‘satto puggalo naro poso’’ti evaṃ paññāpetabbāsu lokapaññattīsu. Buddhānañhi dve kathā sammutikathā, paramatthakathāti poṭṭhapādasutte (dī. ni. aṭṭha. 1.439-443) vitthāritā.

    ตตฺถ ปุคฺคลปณฺณตฺตีสูติ อยํ สมฺมุติกถาฯ อิทานิ เย ปุคฺคเล ปญฺญเปโนฺต ปุคฺคลปณฺณตฺตีสุ ภควา อนุตฺตโร โหติ, เต ทเสฺสโนฺต สตฺติเม ภเนฺต ปุคฺคลาฯ อุภโตภาควิมุโตฺตติอาทิมาหฯ ตตฺถ อุภโตภาควิมุโตฺตติ ทฺวีหิ ภาเคหิ วิมุโตฺต, อรูปสมาปตฺติยา รูปกายโต วิมุโตฺต, มเคฺคน นามกายโตฯ โส จตุนฺนํ อรูปสมาปตฺตีนํ เอเกกโต วุฎฺฐาย สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา อรหตฺตปฺปตฺตานํ, จตุนฺนํ, นิโรธา วุฎฺฐาย อรหตฺตปฺปตฺตอนาคามิโน จ วเสน ปญฺจวิโธ โหติฯ

    Tattha puggalapaṇṇattīsūti ayaṃ sammutikathā. Idāni ye puggale paññapento puggalapaṇṇattīsu bhagavā anuttaro hoti, te dassento sattime bhante puggalā. Ubhatobhāgavimuttotiādimāha. Tattha ubhatobhāgavimuttoti dvīhi bhāgehi vimutto, arūpasamāpattiyā rūpakāyato vimutto, maggena nāmakāyato. So catunnaṃ arūpasamāpattīnaṃ ekekato vuṭṭhāya saṅkhāre sammasitvā arahattappattānaṃ, catunnaṃ, nirodhā vuṭṭhāya arahattappattaanāgāmino ca vasena pañcavidho hoti.

    ปาฬิ ปเนตฺถ ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุโตฺต? อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล อฎฺฐวิโมเกฺข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติ (ธาตุ. ๒๔) เอวํ อฎฺฐวิโมกฺขลาภิโน วเสน อาคตาฯ ปญฺญาย วิมุโตฺตติ ปญฺญาวิมุโตฺตฯ โส สุกฺขวิปสฺสโก จ, จตูหิ ฌาเนหิ วุฎฺฐาย อรหตฺตํ ปตฺตา จตฺตาโร จาติ อิเมสํ วเสน ปญฺจวิโธว โหติฯ

    Pāḷi panettha ‘‘katamo ca puggalo ubhatobhāgavimutto? Idhekacco puggalo aṭṭhavimokkhe kāyena phusitvā viharati, paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā hontī’’ti (dhātu. 24) evaṃ aṭṭhavimokkhalābhino vasena āgatā. Paññāya vimuttoti paññāvimutto. So sukkhavipassako ca, catūhi jhānehi vuṭṭhāya arahattaṃ pattā cattāro cāti imesaṃ vasena pañcavidhova hoti.

    ปาฬิ ปเนตฺถ อฎฺฐวิโมกฺขปฎิเกฺขปวเสเนว อาคตาฯ ยถาห ‘‘น เหว โข อฎฺฐ วิโมเกฺข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติฯ ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติฯ อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปญฺญาวิมุโตฺต’’ติ (ธาตุ. ๒๕)ฯ

    Pāḷi panettha aṭṭhavimokkhapaṭikkhepavaseneva āgatā. Yathāha ‘‘na heva kho aṭṭha vimokkhe kāyena phusitvā viharati. Paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā honti. Ayaṃ vuccati puggalo paññāvimutto’’ti (dhātu. 25).

    ผุฎฺฐนฺตํ สจฺฉิ กโรตีติ กายสกฺขิฯ โส ฌานผสฺสํ ปฐมํ ผุสติ, ปจฺฉา นิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรติ, โส โสตาปตฺติผลฎฺฐํ อาทิํ กตฺวา ยาว อรหตฺตมคฺคฎฺฐา ฉพฺพิโธ โหตีติ เวทิตโพฺพฯ เตเนวาห ‘‘อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล อฎฺฐ วิโมเกฺข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา เอกเจฺจ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติฯ อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล กายสกฺขี’’ติ (ธาตุ. ๒๖)ฯ

    Phuṭṭhantaṃ sacchi karotīti kāyasakkhi. So jhānaphassaṃ paṭhamaṃ phusati, pacchā nirodhaṃ nibbānaṃ sacchikaroti, so sotāpattiphalaṭṭhaṃ ādiṃ katvā yāva arahattamaggaṭṭhā chabbidho hotīti veditabbo. Tenevāha ‘‘idhekacco puggalo aṭṭha vimokkhe kāyena phusitvā viharati, paññāya cassa disvā ekacce āsavā parikkhīṇā honti. Ayaṃ vuccati puggalo kāyasakkhī’’ti (dhātu. 26).

    ทิฎฺฐนฺตํ ปโตฺตติ ทิฎฺฐิปฺปโตฺตฯ ตตฺริทํ สเงฺขปลกฺขณํ, ทุกฺขา สงฺขารา สุโข นิโรโธติ ญาตํ โหติ ทิฎฺฐํ วิทิตํ สจฺฉิกตํ ปสฺสิตํ ปญฺญายาติ ทิฎฺฐิปฺปโตฺตฯ วิตฺถารโต ปเนโสปิ กายสกฺขิ วิย ฉพฺพิโธ โหติฯ เตเนวาห – ‘‘อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป.… อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทาติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ตถาคตปฺปเวทิตา จสฺส ธมฺมา ปญฺญาย โวทิฎฺฐา โหนฺติ โวจริตา, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา เอกเจฺจ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติฯ อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ทิฎฺฐิปฺปโตฺต’’ติ (ธาตุ. ๒๗)ฯ

    Diṭṭhantaṃ pattoti diṭṭhippatto. Tatridaṃ saṅkhepalakkhaṇaṃ, dukkhā saṅkhārā sukho nirodhoti ñātaṃ hoti diṭṭhaṃ viditaṃ sacchikataṃ passitaṃ paññāyāti diṭṭhippatto. Vitthārato panesopi kāyasakkhi viya chabbidho hoti. Tenevāha – ‘‘idhekacco puggalo idaṃ dukkhanti yathābhūtaṃ pajānāti…pe… ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadāti yathābhūtaṃ pajānāti, tathāgatappaveditā cassa dhammā paññāya vodiṭṭhā honti vocaritā, paññāya cassa disvā ekacce āsavā parikkhīṇā honti. Ayaṃ vuccati puggalo diṭṭhippatto’’ti (dhātu. 27).

    สทฺธาย วิมุโตฺตติ สทฺธาวิมุโตฺตฯ โสปิ วุตฺตนเยเนว ฉพฺพิโธ โหติฯ เตเนวาห – ‘‘อิเธกโจฺจ ปุคฺคโล อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, อยํ ทุกฺขสมุทโยติ ยถาภูตํ ปชานาติ, อยํ ทุกฺขนิโรโธติ ยถาภูตํ ปชานาติ, อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทาติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ตถาคตปฺปเวทิตา จสฺส ธมฺมา ปญฺญาย โวทิฎฺฐา โหนฺติ โวจริตา, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา เอกเจฺจ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ โน จ โข ยถา ทิฎฺฐิปฺปตฺตสฺสฯ อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล สทฺธาวิมุโตฺต’’ติ (ธาตุ. ๒๘)ฯ เอเตสุ หิ สทฺธาวิมุตฺตสฺส ปุพฺพภาคมคฺคกฺขเณ สทฺทหนฺตสฺส วิย, โอกเปฺปนฺตสฺส วิย, อธิมุจฺจนฺตสฺส วิย จ กิเลสกฺขโย โหติฯ ทิฎฺฐิปฺปตฺตสฺส ปุพฺพภาคมคฺคกฺขเณ กิเลสเจฺฉทกํ ญาณํ อทนฺธํ ติขิณํ สูรํ หุตฺวา วหติฯ ตสฺมา ยถา นาม นาติติขิเณน อสินา กทลิํ ฉินฺทนฺตสฺส ฉินฺนฎฺฐานํ น มฎฺฐํ โหติ, อสิ น สีฆํ วหติ, สโทฺท สุยฺยติ, พลวตโร วายาโม กาตโพฺพ โหติ, เอวรูปา สทฺธาวิมุตฺตสฺส ปุพฺพภาคมคฺคภาวนาฯ ยถา ปน อตินิสิเตน อสินา กทลิํ ฉินฺทนฺตสฺส ฉินฺนฎฺฐานํ มฎฺฐํ โหติ, อสิ สีฆํ วหติ, สโทฺท น สุยฺยติ, พลวตรํ วายามกิจฺจํ น โหติ, เอวรูปา ปญฺญาวิมุตฺตสฺส ปุพฺพภาคมคฺคภาวนา เวทิตพฺพาฯ

    Saddhāya vimuttoti saddhāvimutto. Sopi vuttanayeneva chabbidho hoti. Tenevāha – ‘‘idhekacco puggalo idaṃ dukkhanti yathābhūtaṃ pajānāti, ayaṃ dukkhasamudayoti yathābhūtaṃ pajānāti, ayaṃ dukkhanirodhoti yathābhūtaṃ pajānāti, ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadāti yathābhūtaṃ pajānāti, tathāgatappaveditā cassa dhammā paññāya vodiṭṭhā honti vocaritā, paññāya cassa disvā ekacce āsavā parikkhīṇā honti no ca kho yathā diṭṭhippattassa. Ayaṃ vuccati puggalo saddhāvimutto’’ti (dhātu. 28). Etesu hi saddhāvimuttassa pubbabhāgamaggakkhaṇe saddahantassa viya, okappentassa viya, adhimuccantassa viya ca kilesakkhayo hoti. Diṭṭhippattassa pubbabhāgamaggakkhaṇe kilesacchedakaṃ ñāṇaṃ adandhaṃ tikhiṇaṃ sūraṃ hutvā vahati. Tasmā yathā nāma nātitikhiṇena asinā kadaliṃ chindantassa chinnaṭṭhānaṃ na maṭṭhaṃ hoti, asi na sīghaṃ vahati, saddo suyyati, balavataro vāyāmo kātabbo hoti, evarūpā saddhāvimuttassa pubbabhāgamaggabhāvanā. Yathā pana atinisitena asinā kadaliṃ chindantassa chinnaṭṭhānaṃ maṭṭhaṃ hoti, asi sīghaṃ vahati, saddo na suyyati, balavataraṃ vāyāmakiccaṃ na hoti, evarūpā paññāvimuttassa pubbabhāgamaggabhāvanā veditabbā.

    ธมฺมํ อนุสฺสรตีติ ธมฺมานุสารีฯ ธโมฺมติ ปญฺญา, ปญฺญาปุพฺพงฺคมํ มคฺคํ ภาเวตีติ อโตฺถฯ สทฺธานุสาริมฺหิปิ เอเสว นโย, อุโภเปเต โสตาปตฺติมคฺคฎฺฐาเยวฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ยสฺส ปุคฺคลสฺส โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปนฺนสฺส ปญฺญินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ, ปญฺญาวาหิํ ปญฺญาปุพฺพงฺคมํ อริยมคฺคํ ภาเวติฯ อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ธมฺมานุสารี’’ติฯ

    Dhammaṃ anussaratīti dhammānusārī. Dhammoti paññā, paññāpubbaṅgamaṃ maggaṃ bhāvetīti attho. Saddhānusārimhipi eseva nayo, ubhopete sotāpattimaggaṭṭhāyeva. Vuttampi cetaṃ ‘‘yassa puggalassa sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipannassa paññindriyaṃ adhimattaṃ hoti, paññāvāhiṃ paññāpubbaṅgamaṃ ariyamaggaṃ bhāveti. Ayaṃ vuccati puggalo dhammānusārī’’ti.

    ตถา ‘‘ยสฺส ปุคฺคลสฺส โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฎิปนฺนสฺส สทฺธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ , สทฺธาวาหิํ สทฺธาปุพฺพงฺคมํ อริยมคฺคํ ภาเวติฯ อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล สทฺธานุสารี’’ติฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถารโต ปเนสา อุภโตภาควิมุตฺตาทิกถา วิสุทฺธิมเคฺค ปญฺญาภาวนาธิกาเร วุตฺตาฯ ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ เสสมิธาปิ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ

    Tathā ‘‘yassa puggalassa sotāpattiphalasacchikiriyāya paṭipannassa saddhindriyaṃ adhimattaṃ hoti , saddhāvāhiṃ saddhāpubbaṅgamaṃ ariyamaggaṃ bhāveti. Ayaṃ vuccati puggalo saddhānusārī’’ti. Ayamettha saṅkhepo, vitthārato panesā ubhatobhāgavimuttādikathā visuddhimagge paññābhāvanādhikāre vuttā. Tasmā tattha vuttanayeneva veditabbā. Sesamidhāpi purimanayeneva yojetabbaṃ.

    ปธานเทสนาวณฺณนา

    Padhānadesanāvaṇṇanā

    ๑๕๑. ปธาเนสูติ อิธ ปทหนวเสน ‘‘สตฺต โพชฺฌงฺคา ปธานา’’ติ วุตฺตาฯ เตสํ วิตฺถารกถา มหาสติปฎฺฐาเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ เสสมิธาปิ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ

    151.Padhānesūti idha padahanavasena ‘‘satta bojjhaṅgā padhānā’’ti vuttā. Tesaṃ vitthārakathā mahāsatipaṭṭhāne vuttanayeneva veditabbā. Sesamidhāpi purimanayeneva yojetabbaṃ.

    ปฎิปทาเทสนาวณฺณนา

    Paṭipadādesanāvaṇṇanā

    ๑๕๒. ทุกฺขปฎิปทาทีสุ อยํ วิตฺถารนโย – ‘‘ตตฺถ กตมา ทุกฺขปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา ปญฺญา? ทุเกฺขน กสิเรน สมาธิํ อุปฺปาเทนฺตสฺส ทนฺธํ ตํ ฐานํ อภิชานนฺตสฺส ยา ปญฺญา ปชานนา…เป.… อโมโห ธมฺมวิจโย สมฺมาทิฎฺฐิ, อยํ วุจฺจติ ทุกฺขปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา ปญฺญาฯ ตตฺถ กตมา ทุกฺขปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา ปญฺญา? ทุเกฺขน กสิเรน สมาธิํ อุปฺปาเทนฺตสฺส ขิปฺปํ ตํ ฐานํ อภิชานนฺตสฺส ยา ปญฺญา ปชานนา…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ, อยํ วุจฺจติ ทุกฺขปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา ปญฺญาฯ ตตฺถ กตมา สุขปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา ปญฺญา? อกิเจฺฉน อกสิเรน สมาธิํ อุปฺปาเทนฺตสฺส ทนฺธํ ตํ ฐานํ อภิชานนฺตสฺส ยา ปญฺญา ปชานนา…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ, อยํ วุจฺจติ สุขปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา ปญฺญาฯ ตตฺถ กตมา สุขปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา ปญฺญา? อกิเจฺฉน อกสิเรน สมาธิํ อุปฺปาเทนฺตสฺส ขิปฺปํ ตํ ฐานํ อภิชานนฺตสฺส ยา ปญฺญา ปชานนา…เป.… สมฺมาทิฎฺฐิ, อยํ วุจฺจติ สุขปฎิปทา ขิปฺปาภิญฺญา ปญฺญา’’ติ (วิภ. ๘๐๑)ฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมเคฺค วุโตฺตฯ เสสมิธาปิ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ

    152.Dukkhapaṭipadādīsu ayaṃ vitthāranayo – ‘‘tattha katamā dukkhapaṭipadā dandhābhiññā paññā? Dukkhena kasirena samādhiṃ uppādentassa dandhaṃ taṃ ṭhānaṃ abhijānantassa yā paññā pajānanā…pe… amoho dhammavicayo sammādiṭṭhi, ayaṃ vuccati dukkhapaṭipadā dandhābhiññā paññā. Tattha katamā dukkhapaṭipadā khippābhiññā paññā? Dukkhena kasirena samādhiṃ uppādentassa khippaṃ taṃ ṭhānaṃ abhijānantassa yā paññā pajānanā…pe… sammādiṭṭhi, ayaṃ vuccati dukkhapaṭipadā khippābhiññā paññā. Tattha katamā sukhapaṭipadā dandhābhiññā paññā? Akicchena akasirena samādhiṃ uppādentassa dandhaṃ taṃ ṭhānaṃ abhijānantassa yā paññā pajānanā…pe… sammādiṭṭhi, ayaṃ vuccati sukhapaṭipadā dandhābhiññā paññā. Tattha katamā sukhapaṭipadā khippābhiññā paññā? Akicchena akasirena samādhiṃ uppādentassa khippaṃ taṃ ṭhānaṃ abhijānantassa yā paññā pajānanā…pe… sammādiṭṭhi, ayaṃ vuccati sukhapaṭipadā khippābhiññā paññā’’ti (vibha. 801). Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimagge vutto. Sesamidhāpi purimanayeneva yojetabbaṃ.

    ภสฺสสมาจาราทิวณฺณนา

    Bhassasamācārādivaṇṇanā

    ๑๕๓. น เจว มุสาวาทูปสญฺหิตนฺติ ภสฺสสมาจาเร ฐิโตปิ กถามคฺคํ อนุปจฺฉินฺทิตฺวา กเถโนฺตปิ อิเธกโจฺจ ภิกฺขุ น เจว มุสาวาทูปสญฺหิตํ ภาสติฯ อฎฺฐ อนริยโวหาเร วเชฺชตฺวา อฎฺฐ อริยโวหารยุตฺตเมว ภาสติฯ จ เวภูติยนฺติ ภสฺสสมาจาเร ฐิโตปิ เภทกรวาจํ น ภาสติฯ น จ เปสุณิยนฺติ ตสฺสาเยเวตํ เววจนํฯ เวภูติยวาจา หิ ปิยภาวสฺส สุญฺญกรณโต ‘‘เปสุณิย’’นฺติ วุจฺจติฯ นามเมวสฺสา เอตนฺติ มหาสีวเตฺถโร อโวจฯ น จ สารมฺภชนฺติ สารมฺภชา จ ยา วาจา, ตญฺจ น ภาสติฯ ‘‘ตฺวํ ทุสฺสีโล’’ติ วุเตฺต, ‘‘ตฺวํ ทุสฺสีโล ตวาจริโย ทุสฺสีโล’’ติ วา, ‘‘ตุยฺหํ อาปตฺตี’’ติ วุเตฺต, ‘‘อหํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปาฎลิปุตฺตํ คโต’’ติอาทินา นเยน พหิทฺธา วิเกฺขปกถาปวตฺตํ วา กรณุตฺตริยวาจํ น ภาสติฯ ชยาเปโกฺขติ ชยปุเรกฺขาโร หุตฺวา, ยถา หตฺถโก สกฺยปุโตฺต ติตฺถิยา นาม ธเมฺมนปิ อธเมฺมนปิ เชตพฺพาติ สจฺจาลิกํ ยํกิญฺจิ ภาสติ, เอวํ ชยาเปโกฺข ชยปุเรกฺขาโร หุตฺวา น ภาสตีติ อโตฺถฯ มนฺตา มนฺตา จ วาจํ ภาสตีติ เอตฺถ มนฺตาติ วุจฺจติ ปญฺญา, มนฺตาย ปญฺญายฯ ปุน มนฺตาติ อุปปริกฺขิตฺวาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ, ภสฺสสมาจาเร ฐิโต ทิวสภาคมฺปิ กเถโนฺต ปญฺญาย อุปปริกฺขิตฺวา ยุตฺตกถเมว กเถตีติฯ นิธานวตินฺติ หทเยปิ นิทหิตพฺพยุตฺตํฯ กาเลนาติ ยุตฺตปตฺตกาเลนฯ

    153.Na ceva musāvādūpasañhitanti bhassasamācāre ṭhitopi kathāmaggaṃ anupacchinditvā kathentopi idhekacco bhikkhu na ceva musāvādūpasañhitaṃ bhāsati. Aṭṭha anariyavohāre vajjetvā aṭṭha ariyavohārayuttameva bhāsati. Naca vebhūtiyanti bhassasamācāre ṭhitopi bhedakaravācaṃ na bhāsati. Na ca pesuṇiyanti tassāyevetaṃ vevacanaṃ. Vebhūtiyavācā hi piyabhāvassa suññakaraṇato ‘‘pesuṇiya’’nti vuccati. Nāmamevassā etanti mahāsīvatthero avoca. Na ca sārambhajanti sārambhajā ca yā vācā, tañca na bhāsati. ‘‘Tvaṃ dussīlo’’ti vutte, ‘‘tvaṃ dussīlo tavācariyo dussīlo’’ti vā, ‘‘tuyhaṃ āpattī’’ti vutte, ‘‘ahaṃ piṇḍāya caritvā pāṭaliputtaṃ gato’’tiādinā nayena bahiddhā vikkhepakathāpavattaṃ vā karaṇuttariyavācaṃ na bhāsati. Jayāpekkhoti jayapurekkhāro hutvā, yathā hatthako sakyaputto titthiyā nāma dhammenapi adhammenapi jetabbāti saccālikaṃ yaṃkiñci bhāsati, evaṃ jayāpekkho jayapurekkhāro hutvā na bhāsatīti attho. Mantā mantā ca vācaṃ bhāsatīti ettha mantāti vuccati paññā, mantāya paññāya. Puna mantāti upaparikkhitvā. Idaṃ vuttaṃ hoti, bhassasamācāre ṭhito divasabhāgampi kathento paññāya upaparikkhitvā yuttakathameva kathetīti. Nidhānavatinti hadayepi nidahitabbayuttaṃ. Kālenāti yuttapattakālena.

    เอวํ ภาสิตา หิ วาจา อมุสา เจว โหติ อปิสุณา จ อผรุสา จ อสฐา จ อสมฺผปฺปลาปา จฯ เอวรูปา จ อยํ วาจา จตุสจฺจนิสฺสิตาติปิ สิกฺขตฺตยนิสฺสิตาติปิ ทสกถาวตฺถุนิสฺสิตาติปิ เตรสธุตงฺคนิสฺสิตาติปิ สตฺตตฺติํสโพธิปกฺขิยธมฺมนิสฺสิตาติปิ มคฺคนิสฺสิตาติปิ วุจฺจติฯ เตนาห เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, ภสฺสสมาจาเรติ ตํ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ

    Evaṃ bhāsitā hi vācā amusā ceva hoti apisuṇā ca apharusā ca asaṭhā ca asamphappalāpā ca. Evarūpā ca ayaṃ vācā catusaccanissitātipi sikkhattayanissitātipi dasakathāvatthunissitātipi terasadhutaṅganissitātipi sattattiṃsabodhipakkhiyadhammanissitātipi magganissitātipi vuccati. Tenāha etadānuttariyaṃ, bhante, bhassasamācāreti taṃ purimanayeneva yojetabbaṃ.

    สโจฺจ จสฺส สโทฺธ จาติ สีลาจาเร ฐิโต ภิกฺขุ สโจฺจ จ ภเวยฺย สจฺจกโถ สโทฺธ จ สทฺธาสมฺปโนฺนฯ นนุ เหฎฺฐา สจฺจํ กถิตเมว, อิธ กสฺมา ปุน วุตฺตนฺติ? เหฎฺฐา วาจาสจฺจํ กถิตํฯ สีลาจาเร ฐิโต ปน ภิกฺขุ อนฺตมโส หสนกถายปิ มุสาวาทํ น กโรตีติ ทเสฺสตุํ อิธ วุตฺตํฯ อิทานิ โส ธเมฺมน สเมน ชีวิตํ กเปฺปตีติ ทสฺสนตฺถํ น จ กุหโกติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘กุหโก’’ติอาทีนิ พฺรหฺมชาเล วิตฺถาริตานิฯ

    Sacco cassa saddho cāti sīlācāre ṭhito bhikkhu sacco ca bhaveyya saccakatho saddho ca saddhāsampanno. Nanu heṭṭhā saccaṃ kathitameva, idha kasmā puna vuttanti? Heṭṭhā vācāsaccaṃ kathitaṃ. Sīlācāre ṭhito pana bhikkhu antamaso hasanakathāyapi musāvādaṃ na karotīti dassetuṃ idha vuttaṃ. Idāni so dhammena samena jīvitaṃ kappetīti dassanatthaṃ na ca kuhakotiādi vuttaṃ. Tattha ‘‘kuhako’’tiādīni brahmajāle vitthāritāni.

    อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร, โภชเน มตฺตญฺญูติ ฉสุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเนปิ ปมาณญฺญูฯ สมการีติ สมจารี, กาเยน วาจาย มนสา จ กายวงฺกาทีนิ ปหาย สมํ จรตีติ อโตฺถฯ ชาคริยานุโยคมนุยุโตฺตติ รตฺตินฺทิวํ ฉ โกฎฺฐาเส กตฺวา ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชายา’’ติ วุตฺตนเยเนว ชาคริยานุโยคํ ยุตฺตปฺปยุโตฺต วิหรติฯ อตนฺทิโตติ นิตฺตนฺที กายาลสิยวิรหิโตฯ อารทฺธวีริโยติ กายิกวีริเยนาปิ อารทฺธวีริโย โหติ, คณสงฺคณิกํ วิโนเทตฺวา จตูสุ อิริยาปเถสุ อฎฺฐอารพฺภวตฺถุวเสน เอกวิหารีฯ เจตสิกวีริเยนาปิ อารทฺธวีริโย โหติ, กิเลสสงฺคณิกํ ปหาย วิโนเทตฺวา อฎฺฐสมาปตฺติวเสน เอกวิหารีฯ อปิ จ ยถา ตถา กิเลสุปฺปตฺติํ นิวาเรโนฺต เจตสิกวีริเยน อารทฺธวีริโย โหติฯ ฌายีติ อารมฺมณลกฺขณูปนิชฺฌานวเสน ฌายีฯ สติมาติ จิรกตาทิอนุสฺสรณสมตฺถาย สติยา สมนฺนาคโตฯ

    Indriyesu guttadvāro, bhojane mattaññūti chasu indriyesu guttadvāro bhojanepi pamāṇaññū. Samakārīti samacārī, kāyena vācāya manasā ca kāyavaṅkādīni pahāya samaṃ caratīti attho. Jāgariyānuyogamanuyuttoti rattindivaṃ cha koṭṭhāse katvā ‘‘divasaṃ caṅkamena nisajjāyā’’ti vuttanayeneva jāgariyānuyogaṃ yuttappayutto viharati. Atanditoti nittandī kāyālasiyavirahito. Āraddhavīriyoti kāyikavīriyenāpi āraddhavīriyo hoti, gaṇasaṅgaṇikaṃ vinodetvā catūsu iriyāpathesu aṭṭhaārabbhavatthuvasena ekavihārī. Cetasikavīriyenāpi āraddhavīriyo hoti, kilesasaṅgaṇikaṃ pahāya vinodetvā aṭṭhasamāpattivasena ekavihārī. Api ca yathā tathā kilesuppattiṃ nivārento cetasikavīriyena āraddhavīriyo hoti. Jhāyīti ārammaṇalakkhaṇūpanijjhānavasena jhāyī. Satimāti cirakatādianussaraṇasamatthāya satiyā samannāgato.

    กลฺยาณปฎิภาโนติ วากฺกรณสมฺปโนฺน เจว โหติ ปฎิภานสมฺปโนฺน จฯ ยุตฺตปฎิภาโน โข ปน โหติ โน มุตฺตปฎิภาโนฯ สีลสมาจารสฺมิญฺหิ ฐิตภิกฺขุ มุตฺตปฎิภาโน น โหติ, ยุตฺตปฎิภาโน ปน โหติ วงฺคีสเตฺถโร วิยฯ คติมาติ คมนสมตฺถาย ปญฺญาย สมนฺนาคโตฯ ธิติมาติ ธารณสมตฺถาย ปญฺญาย สมนฺนาคโตฯ มติมาติ เอตฺถ ปน มตีติ ปญฺญาย นามเมว, ตสฺมา ปญฺญวาติ อโตฺถฯ อิติ ตีหิปิ อิเมหิ ปเทหิ ปญฺญาว กถิตาฯ ตตฺถ เหฎฺฐา สมณธมฺมกรณวีริยํ กถิตํ, อิธ พุทฺธวจนคณฺหนวีริยํฯ ตถา เหฎฺฐา วิปสฺสนาปญฺญา กถิตา, อิธ พุทฺธวจนคณฺหนปญฺญาฯ น จ กาเมสุ คิโทฺธติ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ อคิโทฺธฯ สโต จ นิปโก จาติ อภิกฺกนฺตปฎิกฺกนฺตาทีสุ สตฺตสุ ฐาเนสุ สติยา เจว ญาเณน จ สมนฺนาคโต จรตีติ อโตฺถฯ เนปกฺกนฺติ ปญฺญา, ตาย สมนฺนาคตตฺตา นิปโกติ วุโตฺตฯ เสสมิธาปิ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ

    Kalyāṇapaṭibhānoti vākkaraṇasampanno ceva hoti paṭibhānasampanno ca. Yuttapaṭibhāno kho pana hoti no muttapaṭibhāno. Sīlasamācārasmiñhi ṭhitabhikkhu muttapaṭibhāno na hoti, yuttapaṭibhāno pana hoti vaṅgīsatthero viya. Gatimāti gamanasamatthāya paññāya samannāgato. Dhitimāti dhāraṇasamatthāya paññāya samannāgato. Matimāti ettha pana matīti paññāya nāmameva, tasmā paññavāti attho. Iti tīhipi imehi padehi paññāva kathitā. Tattha heṭṭhā samaṇadhammakaraṇavīriyaṃ kathitaṃ, idha buddhavacanagaṇhanavīriyaṃ. Tathā heṭṭhā vipassanāpaññā kathitā, idha buddhavacanagaṇhanapaññā. Na ca kāmesu giddhoti vatthukāmakilesakāmesu agiddho. Sato ca nipako cāti abhikkantapaṭikkantādīsu sattasu ṭhānesu satiyā ceva ñāṇena ca samannāgato caratīti attho. Nepakkanti paññā, tāya samannāgatattā nipakoti vutto. Sesamidhāpi purimanayeneva yojetabbaṃ.

    อนุสาสนวิธาทิวณฺณนา

    Anusāsanavidhādivaṇṇanā

    ๑๕๔. ปจฺจตฺตํ โยนิโส มนสิการาติ อตฺตโน อุปายมนสิกาเรนฯ ยถานุสิฎฺฐํ ตถา ปฎิปชฺชมาโนติ ยถา มยา อนุสิฎฺฐํ อนุสาสนี ทินฺนา, ตถา ปฎิปชฺชมาโนฯ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยาติอาทิ วุตฺตตฺถเมวฯ เสสมิธาปิ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ

    154.Paccattaṃ yoniso manasikārāti attano upāyamanasikārena. Yathānusiṭṭhaṃ tathā paṭipajjamānoti yathā mayā anusiṭṭhaṃ anusāsanī dinnā, tathā paṭipajjamāno. Tiṇṇaṃsaṃyojanānaṃ parikkhayātiādi vuttatthameva. Sesamidhāpi purimanayeneva yojetabbaṃ.

    ๑๕๕. ปรปุคฺคลวิมุตฺติญาเณติ โสตาปนฺนาทีนํ ปรปุคฺคลานํ เตน เตน มเคฺคน กิเลสวิมุตฺติญาเณฯ เสสมิธาปิ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ

    155.Parapuggalavimuttiñāṇeti sotāpannādīnaṃ parapuggalānaṃ tena tena maggena kilesavimuttiñāṇe. Sesamidhāpi purimanayeneva yojetabbaṃ.

    ๑๕๖. อมุตฺราสิํ เอวํนาโมติ เอโก ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรโนฺต นามโคตฺตํ ปริยาทิยมาโน คจฺฉติฯ เอโก สุทฺธขเนฺธเยว อนุสฺสรติ, เอโก หิ สโกฺกติ, เอโก น สโกฺกติฯ ตตฺถ โย สโกฺกติ, ตสฺส วเสน อคฺคเหตฺวา อสโกฺกนฺตสฺส วเสน คหิตํฯ อสโกฺกโนฺต ปน กิํ กโรติ? สุทฺธขเนฺธเยว อนุสฺสรโนฺต คนฺตฺวา อเนกชาติสตสหสฺสมตฺถเก ฐตฺวา นามโคตฺตํ ปริยาทิยมาโน โอตรติฯ ตํ ทเสฺสโนฺต เอวํนาโมติอาทิมาห ฯ โส เอวมาหาติ โส ทิฎฺฐิคติโก เอวมาหฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ สสฺสโตติ วตฺวา ‘‘เต จ สตฺตา สํสรนฺตี’’ติ วทนฺตสฺส วจนํ ปุพฺพาปรวิรุทฺธํ โหติฯ ทิฎฺฐิคติกตฺตา ปเนส เอตํ น สลฺลเกฺขสิฯ ทิฎฺฐิคติกสฺส หิ ฐานํ วา นิยโม วา นตฺถิฯ อิมํ คเหตฺวา อิมํ วิสฺสเชฺชติ, อิมํ วิสฺสเชฺชตฺวา อิมํ คณฺหาตีติ พฺรหฺมชาเล วิตฺถาริตเมเวตํฯ อยํ ตติโย สสฺสตวาโทติ เถโร ลาภิเสฺสว วเสน ตโย สสฺสตวาเท อาหฯ ภควตา ปน ตกฺกีวาทมฺปิ คเหตฺวา พฺรหฺมชาเล จตฺตาโร วุตฺตาฯ เอเตสํ ปน ติณฺณํ วาทานํ วิตฺถารกถา พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๓๐) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ เสสมิธาปิ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํฯ

    156.Amutrāsiṃ evaṃnāmoti eko pubbenivāsaṃ anussaranto nāmagottaṃ pariyādiyamāno gacchati. Eko suddhakhandheyeva anussarati, eko hi sakkoti, eko na sakkoti. Tattha yo sakkoti, tassa vasena aggahetvā asakkontassa vasena gahitaṃ. Asakkonto pana kiṃ karoti? Suddhakhandheyeva anussaranto gantvā anekajātisatasahassamatthake ṭhatvā nāmagottaṃ pariyādiyamāno otarati. Taṃ dassento evaṃnāmotiādimāha . So evamāhāti so diṭṭhigatiko evamāha. Tattha kiñcāpi sassatoti vatvā ‘‘te ca sattā saṃsarantī’’ti vadantassa vacanaṃ pubbāparaviruddhaṃ hoti. Diṭṭhigatikattā panesa etaṃ na sallakkhesi. Diṭṭhigatikassa hi ṭhānaṃ vā niyamo vā natthi. Imaṃ gahetvā imaṃ vissajjeti, imaṃ vissajjetvā imaṃ gaṇhātīti brahmajāle vitthāritamevetaṃ. Ayaṃ tatiyo sassatavādoti thero lābhisseva vasena tayo sassatavāde āha. Bhagavatā pana takkīvādampi gahetvā brahmajāle cattāro vuttā. Etesaṃ pana tiṇṇaṃ vādānaṃ vitthārakathā brahmajāle (dī. ni. aṭṭha. 1.30) vuttanayeneva veditabbā. Sesamidhāpi purimanayeneva vitthāretabbaṃ.

    ๑๕๗. คณนาย วาติ ปิณฺฑคณนายฯ สงฺขาเนนาติ อจฺฉิทฺทกวเสน มโนคณนายฯ อุภยถาปิ ปิณฺฑคณนเมว ทเสฺสติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ, วสฺสานํ สตวเสน สหสฺสวเสน สตสหสฺสวเสน โกฎิวเสน ปิณฺฑํ กตฺวาปิ เอตฺตกานิ วสฺสสตานีติ วา เอตฺตกา วสฺสโกฎิโยติ วา เอวํ สงฺขาตุํ น สกฺกาฯ ตุเมฺห ปน อตฺตโน ทสนฺนํ ปารมีนํ ปูริตตฺตา สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส สุปฺปฎิวิทฺธตฺตา ยสฺมา โว อนาวรณญาณํ สูรํ วหติฯ ตสฺมา เทสนาญาณกุสลตํ ปุรกฺขตฺวา วสฺสคณนายปิ ปริยนฺติกํ กตฺวา กปฺปคณนายปิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา เอตฺตกนฺติ ทเสฺสถาติ ทีเปติฯ ปาฬิยโตฺถ ปเนตฺถ วุตฺตนโยเยวฯ เสสมิธาปิ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ

    157.Gaṇanāya vāti piṇḍagaṇanāya. Saṅkhānenāti acchiddakavasena manogaṇanāya. Ubhayathāpi piṇḍagaṇanameva dasseti. Idaṃ vuttaṃ hoti, vassānaṃ satavasena sahassavasena satasahassavasena koṭivasena piṇḍaṃ katvāpi ettakāni vassasatānīti vā ettakā vassakoṭiyoti vā evaṃ saṅkhātuṃ na sakkā. Tumhe pana attano dasannaṃ pāramīnaṃ pūritattā sabbaññutaññāṇassa suppaṭividdhattā yasmā vo anāvaraṇañāṇaṃ sūraṃ vahati. Tasmā desanāñāṇakusalataṃ purakkhatvā vassagaṇanāyapi pariyantikaṃ katvā kappagaṇanāyapi paricchinditvā ettakanti dassethāti dīpeti. Pāḷiyattho panettha vuttanayoyeva. Sesamidhāpi purimanayeneva yojetabbaṃ.

    ๑๕๘. เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, สตฺตานํ จุตูปปาตญาเณติ ภเนฺต ยาปิ อยํ สตฺตานํ จุติปฎิสนฺธิวเสน ญาณเทสนา, สาปิ ตุมฺหากํเยว อนุตฺตราฯ อตีตพุทฺธาปิ เอวเมว เทเสสุํฯ อนาคตาปิ เอวเมว เทเสสฺสนฺติฯ ตุเมฺห เตสํ อตีตานาคตพุทฺธานํ ญาเณน สํสนฺทิตฺวาว เทสยิตฺถฯ ‘‘อิมินาปิ การเณน เอวํปสโนฺน อหํ ภเนฺต ภควตี’’ติ ทีเปติฯ ปาฬิยโตฺถ ปเนตฺถ วิตฺถาริโตเยวฯ

    158.Etadānuttariyaṃ, bhante, sattānaṃ cutūpapātañāṇeti bhante yāpi ayaṃ sattānaṃ cutipaṭisandhivasena ñāṇadesanā, sāpi tumhākaṃyeva anuttarā. Atītabuddhāpi evameva desesuṃ. Anāgatāpi evameva desessanti. Tumhe tesaṃ atītānāgatabuddhānaṃ ñāṇena saṃsanditvāva desayittha. ‘‘Imināpi kāraṇena evaṃpasanno ahaṃ bhante bhagavatī’’ti dīpeti. Pāḷiyattho panettha vitthāritoyeva.

    ๑๕๙. สาสวา สอุปธิกาติ สโทสา สอุปารมฺภาฯ โน อริยาติ วุจฺจตีติ อริยิทฺธีติ น วุจฺจติฯ อนาสวา อนุปธิกาติ นิโทฺทสา อนุปารมฺภาฯ อริยาติ วุจฺจตีติ อริยิทฺธีติ วุจฺจติฯ อปฺปฎิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรตีติ กถํ อปฺปฎิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรตีติ? ปฎิกูเล สเตฺต เมตฺตํ ผรติ, สงฺขาเร ธาตุสญฺญํ อุปสํหรติฯ ยถาห ‘‘กถํ ปฎิกูเล อปฺปฎิกูลสญฺญี วิหรติ (ปฎิ. ม. ๓.๙๗)? อนิฎฺฐสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ เมตฺตาย วา ผรติ, ธาตุโต วา อุปสํหรตี’’ติฯ ปฎิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรตีติ อปฺปฎิกูเล สเตฺต อสุภสญฺญํ ผรติ, สงฺขาเร อนิจฺจสญฺญํ อุปสํหรติฯ ยถาห ‘‘กถํ อปฺปฎิกูเล ปฎิกูลสญฺญี วิหรติ? อิฎฺฐสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ อสุภาย วา ผรติ, อนิจฺจโต วา อุปสํหรตี’’ติฯ เอวํ เสสปเทสุปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    159.Sāsavā saupadhikāti sadosā saupārambhā. No ariyāti vuccatīti ariyiddhīti na vuccati. Anāsavā anupadhikāti niddosā anupārambhā. Ariyāti vuccatīti ariyiddhīti vuccati. Appaṭikūlasaññītattha viharatīti kathaṃ appaṭikūlasaññī tattha viharatīti? Paṭikūle satte mettaṃ pharati, saṅkhāre dhātusaññaṃ upasaṃharati. Yathāha ‘‘kathaṃ paṭikūle appaṭikūlasaññī viharati (paṭi. ma. 3.97)? Aniṭṭhasmiṃ vatthusmiṃ mettāya vā pharati, dhātuto vā upasaṃharatī’’ti. Paṭikūlasaññī tattha viharatīti appaṭikūle satte asubhasaññaṃ pharati, saṅkhāre aniccasaññaṃ upasaṃharati. Yathāha ‘‘kathaṃ appaṭikūle paṭikūlasaññī viharati? Iṭṭhasmiṃ vatthusmiṃ asubhāya vā pharati, aniccato vā upasaṃharatī’’ti. Evaṃ sesapadesupi attho veditabbo.

    อุเปกฺขโก ตตฺถ วิหรตีติ อิเฎฺฐ อรชฺชโนฺต อนิเฎฺฐ อทุสฺสโนฺต ยถา อเญฺญ อสมเปกฺขเนน โมหํ อุปฺปาเทนฺติ, เอวํ อนุปฺปาเทโนฺต ฉสุ อารมฺมเณสุ ฉฬงฺคุเปกฺขาย อุเปกฺขโก วิหรติฯ เอตทานุตฺตริยํ, ภเนฺต, อิทฺธิวิธาสูติ, ภเนฺต, ยา อยํ ทฺวีสุ อิทฺธีสุ เอวํเทสนา, เอตทานุตฺตริยํฯ ตํ ภควาติ ตํ เทสนํ ภควา อเสสํ สกลํ อภิชานาติฯ ตํ ภควโตติ ตํ เทสนํ ภควโต อเสสํ อภิชานโตฯ อุตฺตริ อภิเญฺญยฺยํ นตฺถีติ อุตฺตริ อภิชานิตพฺพํ นตฺถิฯ อยํ นาม อิโต อโญฺญ ธโมฺม วา ปุคฺคโล วา ยํ ภควา น ชานาติ อิทํ นตฺถิฯ ยทภิชานํ อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วาติ ยํ ตุเมฺหหิ อนภิญฺญาตํ อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อภิชานโนฺต ภควตา ภิโยฺยภิญฺญตโร อสฺส, อธิกตรปโญฺญ ภเวยฺยฯ ยทิทํ อิทฺธิวิธาสูติ เอตฺถ ยทิทนฺติ นิปาตมตฺตํฯ อิทฺธิวิธาสุ ภควตา อุตฺตริตโร นตฺถิฯ อตีตพุทฺธาปิ หิ อิมา เทฺว อิทฺธิโย เทเสสุํ, อนาคตาปิ อิมาว เทเสสฺสนฺติฯ ตุเมฺหปิ เตสํ ญาเณน สํสนฺทิตฺวา อิมาว เทสยิตฺถฯ อิติ ภควา อิทฺธิวิธาสุ อนุตฺตโรติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิมินาปิ การเณน เอวํปสโนฺน อหํ, ภเนฺต, ภควตี’’ติ ทีเปติฯ เอตฺตาวตา เย ธมฺมเสนาปติ ทิวาฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา โสฬส อปรมฺปริยธเมฺม สมฺมสิ, เตว ทสฺสิตา โหนฺติฯ

    Upekkhako tattha viharatīti iṭṭhe arajjanto aniṭṭhe adussanto yathā aññe asamapekkhanena mohaṃ uppādenti, evaṃ anuppādento chasu ārammaṇesu chaḷaṅgupekkhāya upekkhako viharati. Etadānuttariyaṃ, bhante, iddhividhāsūti, bhante, yā ayaṃ dvīsu iddhīsu evaṃdesanā, etadānuttariyaṃ. Taṃ bhagavāti taṃ desanaṃ bhagavā asesaṃ sakalaṃ abhijānāti. Taṃ bhagavatoti taṃ desanaṃ bhagavato asesaṃ abhijānato. Uttari abhiññeyyaṃ natthīti uttari abhijānitabbaṃ natthi. Ayaṃ nāma ito añño dhammo vā puggalo vā yaṃ bhagavā na jānāti idaṃ natthi. Yadabhijānaṃ añño samaṇo vā brāhmaṇo vāti yaṃ tumhehi anabhiññātaṃ añño samaṇo vā brāhmaṇo vā abhijānanto bhagavatā bhiyyobhiññataro assa, adhikatarapañño bhaveyya. Yadidaṃ iddhividhāsūti ettha yadidanti nipātamattaṃ. Iddhividhāsu bhagavatā uttaritaro natthi. Atītabuddhāpi hi imā dve iddhiyo desesuṃ, anāgatāpi imāva desessanti. Tumhepi tesaṃ ñāṇena saṃsanditvā imāva desayittha. Iti bhagavā iddhividhāsu anuttaroti dassento ‘‘imināpi kāraṇena evaṃpasanno ahaṃ, bhante, bhagavatī’’ti dīpeti. Ettāvatā ye dhammasenāpati divāṭṭhāne nisīditvā soḷasa aparampariyadhamme sammasi, teva dassitā honti.

    อญฺญถาสตฺถุคุณทสฺสนาทิวณฺณนา

    Aññathāsatthuguṇadassanādivaṇṇanā

    ๑๖๐. อิทานิ อปเรนปิ อากาเรน ภควโต คุเณ ทเสฺสโนฺต ยํ ตํ ภเนฺตติอาทิมาหฯ ตตฺถ สเทฺธน กุลปุเตฺตนาติ สทฺธา กุลปุตฺตา นาม อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา โพธิสตฺตาฯ ตสฺมา ยํ สพฺพญฺญุโพธิสเตฺตน ปตฺตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติฯ กิํ ปน เตน ปตฺตพฺพํ? นว โลกุตฺตรธมฺมาฯ อารทฺธวีริเยนาติอาทีสุ ‘‘วีริยํ ถาโม’’ติอาทีนิ สพฺพาเนว วีริยเววจนานิฯ ตตฺถ อารทฺธวีริเยนาติ ปคฺคหิตวีริเยนฯ ถามวตาติ ถามสมฺปเนฺนน ถิรวีริเยนฯ ปุริสถาเมนาติ เตน ถามวตา ยํ ปุริสถาเมน ปตฺตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อนนฺตรปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ปุริสโธรเยฺหนาติ ยา อสมธุเรหิ พุเทฺธหิ วหิตพฺพา ธุรา, ตํ ธุรํ วหนสมเตฺถน มหาปุริเสนฯ อนุปฺปตฺตํ ตํ ภควตาติ ตํ สพฺพํ อตีตานาคตพุเทฺธหิ ปตฺตพฺพํ, สพฺพเมว อนุปฺปตฺตํ, ภควโต เอกคุโณปิ อูโน นตฺถีติ ทเสฺสติฯ กาเมสุ กามสุขลฺลิกานุโยคนฺติ วตฺถุกาเมสุ กามสุขลฺลิกานุโยคํฯ ยถา อเญฺญ เกณิยชฎิลาทโย สมณพฺราหฺมณา ‘‘โก ชานาติ ปรโลกํ ฯ สุโข อิมิสฺสา ปริพฺพาชิกาย มุทุกาย โลมสาย พาหาย สมฺผโสฺส’’ติ โมฬิพนฺธาหิ ปริพฺพาชิกาหิ ปริจาเรนฺติ สมฺปตฺตํ สมฺปตฺตํ รูปาทิอารมฺมณํ อนุภวมานา กามสุขมนุยุตฺตา, น เอวมนุยุโตฺตติ ทเสฺสติฯ

    160. Idāni aparenapi ākārena bhagavato guṇe dassento yaṃ taṃ bhantetiādimāha. Tattha saddhena kulaputtenāti saddhā kulaputtā nāma atītānāgatapaccuppannā bodhisattā. Tasmā yaṃ sabbaññubodhisattena pattabbanti vuttaṃ hoti. Kiṃ pana tena pattabbaṃ? Nava lokuttaradhammā. Āraddhavīriyenātiādīsu ‘‘vīriyaṃ thāmo’’tiādīni sabbāneva vīriyavevacanāni. Tattha āraddhavīriyenāti paggahitavīriyena. Thāmavatāti thāmasampannena thiravīriyena. Purisathāmenāti tena thāmavatā yaṃ purisathāmena pattabbanti vuttaṃ hoti. Anantarapadadvayepi eseva nayo. Purisadhorayhenāti yā asamadhurehi buddhehi vahitabbā dhurā, taṃ dhuraṃ vahanasamatthena mahāpurisena. Anuppattaṃ taṃ bhagavatāti taṃ sabbaṃ atītānāgatabuddhehi pattabbaṃ, sabbameva anuppattaṃ, bhagavato ekaguṇopi ūno natthīti dasseti. Kāmesu kāmasukhallikānuyoganti vatthukāmesu kāmasukhallikānuyogaṃ. Yathā aññe keṇiyajaṭilādayo samaṇabrāhmaṇā ‘‘ko jānāti paralokaṃ . Sukho imissā paribbājikāya mudukāya lomasāya bāhāya samphasso’’ti moḷibandhāhi paribbājikāhi paricārenti sampattaṃ sampattaṃ rūpādiārammaṇaṃ anubhavamānā kāmasukhamanuyuttā, na evamanuyuttoti dasseti.

    หีนนฺติ ลามกํฯ คมฺมนฺติ คามวาสีนํ ธมฺมํฯ โปถุชฺชนิกนฺติ ปุถุชฺชเนหิ เสวิตพฺพํฯ อนริยนฺติ น นิโทฺทสํฯ น วา อริเยหิ เสวิตพฺพํฯ อนตฺถสญฺหิตนฺติ อนตฺถสํยุตฺตํฯ อตฺตกิลมถานุโยคนฺติ อตฺตโน อาตาปนปริตาปนานุโยคํฯ ทุกฺขนฺติ ทุกฺขยุตฺตํ, ทุกฺขมํ วาฯ ยถา เอเก สมณพฺราหฺมณา กามสุขลฺลิกานุโยคํ ปริวเชฺชสฺสามาติ กายกิลมถํ อนุธาวนฺติ, ตโต มุญฺจิสฺสามาติ กามสุขํ อนุธาวนฺติ, น เอวํ ภควาฯ ภควา ปน อุโภ เอเต อเนฺต วเชฺชตฺวา ยา สา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, มชฺฌิมา ปฎิปทา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา จกฺขุกรณี’’ติ เอวํ วุตฺตา สมฺมาปฎิปตฺติ, ตเมว ปฎิปโนฺนฯ ตสฺมา ‘‘น จ อตฺตกิลมถานุโยค’’นฺติอาทิมาหฯ

    Hīnanti lāmakaṃ. Gammanti gāmavāsīnaṃ dhammaṃ. Pothujjanikanti puthujjanehi sevitabbaṃ. Anariyanti na niddosaṃ. Na vā ariyehi sevitabbaṃ. Anatthasañhitanti anatthasaṃyuttaṃ. Attakilamathānuyoganti attano ātāpanaparitāpanānuyogaṃ. Dukkhanti dukkhayuttaṃ, dukkhamaṃ vā. Yathā eke samaṇabrāhmaṇā kāmasukhallikānuyogaṃ parivajjessāmāti kāyakilamathaṃ anudhāvanti, tato muñcissāmāti kāmasukhaṃ anudhāvanti, na evaṃ bhagavā. Bhagavā pana ubho ete ante vajjetvā yā sā ‘‘atthi, bhikkhave, majjhimā paṭipadā tathāgatena abhisambuddhā cakkhukaraṇī’’ti evaṃ vuttā sammāpaṭipatti, tameva paṭipanno. Tasmā ‘‘na ca attakilamathānuyoga’’ntiādimāha.

    อาภิเจตสิกานนฺติ อภิเจตสิกานํ, กามาวจรจิตฺตานิ อติกฺกมิตฺวา ฐิตานนฺติ อโตฺถฯ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานนฺติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว สุขวิหารานํฯ โปฎฺฐปาทสุตฺตนฺตสฺมิญฺหิ สปฺปีติกทุติยชฺฌานผลสมาปตฺติ กถิตา (ที. นิ. ๑.๔๓๒)ฯ ปาสาทิกสุตฺตเนฺต สห มเคฺคน วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํฯ ทสุตฺตรสุตฺตเนฺต จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺติฯ อิมสฺมิํ สมฺปสาทนีเย ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารชฺฌานานิ กถิตานิฯ นิกามลาภีติ ยถากามลาภีฯ อกิจฺฉลาภีติ อทุกฺขลาภีฯ อกสิรลาภีติ วิปุลลาภีฯ

    Ābhicetasikānanti abhicetasikānaṃ, kāmāvacaracittāni atikkamitvā ṭhitānanti attho. Diṭṭhadhammasukhavihārānanti imasmiṃyeva attabhāve sukhavihārānaṃ. Poṭṭhapādasuttantasmiñhi sappītikadutiyajjhānaphalasamāpatti kathitā (dī. ni. 1.432). Pāsādikasuttante saha maggena vipassanāpādakajjhānaṃ. Dasuttarasuttante catutthajjhānikaphalasamāpatti. Imasmiṃ sampasādanīye diṭṭhadhammasukhavihārajjhānāni kathitāni. Nikāmalābhīti yathākāmalābhī. Akicchalābhīti adukkhalābhī. Akasiralābhīti vipulalābhī.

    อนุโยคทานปฺปการวณฺณนา

    Anuyogadānappakāravaṇṇanā

    ๑๖๑. เอกิสฺสา โลกธาตุยาติ ทสสหสฺสิโลกธาตุยาฯ ตีณิ หิ เขตฺตานิ – ชาติเขตฺตํ อาณาเขตฺตํ วิสยเขตฺตํฯ ตตฺถ ชาติเขตฺตํ นาม ทสสหสฺสี โลกธาตุฯ สา หิ ตถาคตสฺส มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมนกาเล นิกฺขมนกาเล สโมฺพธิกาเล ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน อายุสงฺขาโรสฺสชฺชเน ปรินิพฺพาเน จ กมฺปติฯ โกฎิสตสหสฺสจกฺกวาฬํ ปน อาณาเขตฺตํ นามฯ อาฎานาฎิยโมรปริตฺตธชคฺคปริตฺตรตนปริตฺตาทีนญฺหิ เอตฺถ อาณา วตฺตติฯ วิสยเขตฺตสฺส ปน ปริมาณํ นตฺถิ, พุทฺธานญฺหิ ‘‘ยาวตกํ ญาณํ, ตาวตกํ เญยฺยํ, ยาวตกํ เญยฺยํ ตาวตกํ ญาณํ, ญาณปริยนฺติกํ เญยฺยํ, เญยฺยปริยนฺติกํ ญาณ’’นฺติ (มหานิ. ๕๕) วจนโต อวิสโย นาม นตฺถิฯ

    161.Ekissā lokadhātuyāti dasasahassilokadhātuyā. Tīṇi hi khettāni – jātikhettaṃ āṇākhettaṃ visayakhettaṃ. Tattha jātikhettaṃ nāma dasasahassī lokadhātu. Sā hi tathāgatassa mātukucchiṃ okkamanakāle nikkhamanakāle sambodhikāle dhammacakkappavattane āyusaṅkhārossajjane parinibbāne ca kampati. Koṭisatasahassacakkavāḷaṃ pana āṇākhettaṃ nāma. Āṭānāṭiyamoraparittadhajaggaparittaratanaparittādīnañhi ettha āṇā vattati. Visayakhettassa pana parimāṇaṃ natthi, buddhānañhi ‘‘yāvatakaṃ ñāṇaṃ, tāvatakaṃ ñeyyaṃ, yāvatakaṃ ñeyyaṃ tāvatakaṃ ñāṇaṃ, ñāṇapariyantikaṃ ñeyyaṃ, ñeyyapariyantikaṃ ñāṇa’’nti (mahāni. 55) vacanato avisayo nāma natthi.

    อิเมสุ ปน ตีสุ เขเตฺตสุ ฐเปตฺวา อิมํ จกฺกวาฬํ อญฺญสฺมิํ จกฺกวาเฬ พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺตีติ สุตฺตํ นตฺถิ, นุปฺปญฺชนฺตีติ ปน อตฺถิฯ ตีณิ ปิฎกานิ วินยปิฎกํ, สุตฺตนฺตปิฎกํ อภิธมฺมปิฎกํฯ ติโสฺส สงฺคีติโย มหากสฺสปเตฺถรสฺส สงฺคีติ, ยสเตฺถรสฺส สงฺคีติ, โมคฺคลิปุตฺตติสฺสเตฺถรสฺส สงฺคีตีติฯ อิมา ติโสฺส สงฺคีติโย อารุเฬฺห เตปิฎเก พุทฺธวจเน ‘‘อิมํ จกฺกวาฬํ มุญฺจิตฺวา อญฺญตฺถ พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ สุตฺตํ นตฺถิ, นุปฺปชฺชนฺตีติ ปน อตฺถิฯ

    Imesu pana tīsu khettesu ṭhapetvā imaṃ cakkavāḷaṃ aññasmiṃ cakkavāḷe buddhā uppajjantīti suttaṃ natthi, nuppañjantīti pana atthi. Tīṇi piṭakāni vinayapiṭakaṃ, suttantapiṭakaṃ abhidhammapiṭakaṃ. Tisso saṅgītiyo mahākassapattherassa saṅgīti, yasattherassa saṅgīti, moggaliputtatissattherassa saṅgītīti. Imā tisso saṅgītiyo āruḷhe tepiṭake buddhavacane ‘‘imaṃ cakkavāḷaṃ muñcitvā aññattha buddhā uppajjantī’’ti suttaṃ natthi, nuppajjantīti pana atthi.

    อปุพฺพํ อจริมนฺติ อปุเร อปจฺฉา เอกโต นุปฺปชฺชนฺติ, ปุเร วา ปจฺฉา วา อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ โพธิปลฺลเงฺก ‘‘โพธิํ อปตฺวา น อุฎฺฐหิสฺสามี’’ติ นิสินฺนกาลโต ปฎฺฐาย ยาว มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิคฺคหณํ, ตาว ปุเพฺพติ น เวทิตพฺพํฯ โพธิสตฺตสฺส หิ ปฎิสนฺธิคฺคหเณ ทสสหสฺสจกฺกวาฬกมฺปเนเนว เขตฺตปริคฺคโห กโตฯ อญฺญสฺส พุทฺธสฺส อุปฺปตฺติปิ นิวาริตา โหติฯ ปรินิพฺพานโต ปฎฺฐาย จ ยาว สาสปมตฺตาปิ ธาตุโย ติฎฺฐนฺติ, ตาว ปจฺฉาติ น เวทิตพฺพํฯ ธาตูสุ หิ ฐิตาสุ พุทฺธาปิ ฐิตาว โหนฺติฯ ตสฺมา เอตฺถนฺตเร อญฺญสฺส พุทฺธสฺส อุปฺปตฺติ นิวาริตาว โหติฯ ธาตุปรินิพฺพาเน ปน ชาเต อญฺญสฺส พุทฺธสฺส อุปฺปตฺติ น นิวาริตาฯ

    Apubbaṃ acarimanti apure apacchā ekato nuppajjanti, pure vā pacchā vā uppajjantīti vuttaṃ hoti. Tattha bodhipallaṅke ‘‘bodhiṃ apatvā na uṭṭhahissāmī’’ti nisinnakālato paṭṭhāya yāva mātukucchismiṃ paṭisandhiggahaṇaṃ, tāva pubbeti na veditabbaṃ. Bodhisattassa hi paṭisandhiggahaṇe dasasahassacakkavāḷakampaneneva khettapariggaho kato. Aññassa buddhassa uppattipi nivāritā hoti. Parinibbānato paṭṭhāya ca yāva sāsapamattāpi dhātuyo tiṭṭhanti, tāva pacchāti na veditabbaṃ. Dhātūsu hi ṭhitāsu buddhāpi ṭhitāva honti. Tasmā etthantare aññassa buddhassa uppatti nivāritāva hoti. Dhātuparinibbāne pana jāte aññassa buddhassa uppatti na nivāritā.

    ติปิฎกอนฺตรธานกถา

    Tipiṭakaantaradhānakathā

    ตีณิ อนฺตรธานานิ นาม ปริยตฺติอนฺตรธานํ, ปฎิเวธอนฺตรธานํ, ปฎิปตฺติอนฺตรธานนฺติฯ ตตฺถ ปริยตฺตีติ ตีณิ ปิฎกานิฯ ปฎิเวโธติ สจฺจปฺปฎิเวโธฯ ปฎิปตฺตีติ ปฎิปทาฯ ตตฺถ ปฎิเวโธ จ ปฎิปตฺติ จ โหติปิ น โหติปิฯ เอกสฺมิญฺหิ กาเล ปฎิเวธกรา ภิกฺขู พหู โหนฺติ, เอส ภิกฺขุ ปุถุชฺชโนติ องฺคุลิํ ปสาเรตฺวา ทเสฺสตโพฺพ โหติฯ อิมสฺมิํเยว ทีเป เอกวารํ ปุถุชฺชนภิกฺขุ นาม นาโหสิฯ ปฎิปตฺติปูรกาปิ กทาจิ พหู โหนฺติ, กทาจิ อปฺปาฯ อิติ ปฎิเวโธ จ ปฎิปตฺติ จ โหติปิ น โหติปิฯ สาสนฎฺฐิติยา ปน ปริยตฺติ ปมาณํฯ ปณฺฑิโต หิ เตปิฎกํ สุตฺวา เทฺวปิ ปูเรติฯ

    Tīṇi antaradhānāni nāma pariyattiantaradhānaṃ, paṭivedhaantaradhānaṃ, paṭipattiantaradhānanti. Tattha pariyattīti tīṇi piṭakāni. Paṭivedhoti saccappaṭivedho. Paṭipattīti paṭipadā. Tattha paṭivedho ca paṭipatti ca hotipi na hotipi. Ekasmiñhi kāle paṭivedhakarā bhikkhū bahū honti, esa bhikkhu puthujjanoti aṅguliṃ pasāretvā dassetabbo hoti. Imasmiṃyeva dīpe ekavāraṃ puthujjanabhikkhu nāma nāhosi. Paṭipattipūrakāpi kadāci bahū honti, kadāci appā. Iti paṭivedho ca paṭipatti ca hotipi na hotipi. Sāsanaṭṭhitiyā pana pariyatti pamāṇaṃ. Paṇḍito hi tepiṭakaṃ sutvā dvepi pūreti.

    ยถา อมฺหากํ โพธิสโตฺต อาฬารสฺส สนฺติเก ปญฺจาภิญฺญา สตฺต จ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติยา ปริกมฺมํ ปุจฺฉิ, โส น ชานามีติ อาหฯ ตโต อุทกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อธิคตวิเสสํ สํสนฺทิตฺวา เนวสญฺญานาสญฺญายตนสฺส ปริกมฺมํ ปุจฺฉิ, โส อาจิกฺขิ, ตสฺส วจนสมนนฺตรเมว มหาสโตฺต ตํ ฌานํ สมฺปาเทสิ, เอวเมว ปญฺญวา ภิกฺขุ ปริยตฺติํ สุตฺวา เทฺวปิ ปูเรติฯ ตสฺมา ปริยตฺติยา ฐิตาย สาสนํ ฐิตํ โหติฯ ยทา ปน สา อนฺตรธายติ, ตทา ปฐมํ อภิธมฺมปิฎกํ นสฺสติฯ ตตฺถ ปฎฺฐานํ สพฺพปฐมํ อนฺตรธายติฯ อนุกฺกเมน ปจฺฉา ธมฺมสงฺคโห , ตสฺมิํ อนฺตรหิเต อิตเรสุ ทฺวีสุ ปิฎเกสุ ฐิเตสุปิ สาสนํ ฐิตเมว โหติฯ

    Yathā amhākaṃ bodhisatto āḷārassa santike pañcābhiññā satta ca samāpattiyo nibbattetvā nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiyā parikammaṃ pucchi, so na jānāmīti āha. Tato udakassa santikaṃ gantvā adhigatavisesaṃ saṃsanditvā nevasaññānāsaññāyatanassa parikammaṃ pucchi, so ācikkhi, tassa vacanasamanantarameva mahāsatto taṃ jhānaṃ sampādesi, evameva paññavā bhikkhu pariyattiṃ sutvā dvepi pūreti. Tasmā pariyattiyā ṭhitāya sāsanaṃ ṭhitaṃ hoti. Yadā pana sā antaradhāyati, tadā paṭhamaṃ abhidhammapiṭakaṃ nassati. Tattha paṭṭhānaṃ sabbapaṭhamaṃ antaradhāyati. Anukkamena pacchā dhammasaṅgaho , tasmiṃ antarahite itaresu dvīsu piṭakesu ṭhitesupi sāsanaṃ ṭhitameva hoti.

    ตตฺถ สุตฺตนฺตปิฎเก อนฺตรธายมาเน ปฐมํ องฺคุตฺตรนิกาโย เอกาทสกโต ปฎฺฐาย ยาว เอกกา อนฺตรธายติ, ตทนนฺตรํ สํยุตฺตนิกาโย จกฺกเปยฺยาลโต ปฎฺฐาย ยาว โอฆตรณา อนฺตรธายติฯ ตทนนฺตรํ มชฺฌิมนิกาโย อินฺทฺริยภาวนโต ปฎฺฐาย ยาว มูลปริยายา อนฺตรธายติฯ ตทนนฺตรํ ทีฆนิกาโย ทสุตฺตรโต ปฎฺฐาย ยาว พฺรหฺมชาลา อนฺตรธายติฯ เอกิสฺสาปิ ทฺวินฺนมฺปิ คาถานํ ปุจฺฉา อทฺธานํ คจฺฉติ, สาสนํ ธาเรตุํ น สโกฺกติ, สภิยปุจฺฉา อาฬวกปุจฺฉา วิย จฯ เอตา กิร กสฺสปพุทฺธกาลิกา อนฺตรา สาสนํ ธาเรตุํ นาสกฺขิํสุฯ

    Tattha suttantapiṭake antaradhāyamāne paṭhamaṃ aṅguttaranikāyo ekādasakato paṭṭhāya yāva ekakā antaradhāyati, tadanantaraṃ saṃyuttanikāyo cakkapeyyālato paṭṭhāya yāva oghataraṇā antaradhāyati. Tadanantaraṃ majjhimanikāyo indriyabhāvanato paṭṭhāya yāva mūlapariyāyā antaradhāyati. Tadanantaraṃ dīghanikāyo dasuttarato paṭṭhāya yāva brahmajālā antaradhāyati. Ekissāpi dvinnampi gāthānaṃ pucchā addhānaṃ gacchati, sāsanaṃ dhāretuṃ na sakkoti, sabhiyapucchā āḷavakapucchā viya ca. Etā kira kassapabuddhakālikā antarā sāsanaṃ dhāretuṃ nāsakkhiṃsu.

    ทฺวีสุ ปน ปิฎเกสุ อนฺตรหิเตสุปิ วินยปิฎเก ฐิเต สาสนํ ติฎฺฐติฯ ปริวารกฺขนฺธเกสุ อนฺตรหิเตสุ อุภโตวิภเงฺค ฐิเต ฐิตเมว โหติฯ อุภโตวิภเงฺค อนฺตรหิเต มาติกายปิ ฐิตาย ฐิตเมว โหติฯ มาติกาย อนฺตรหิตาย ปาติโมกฺขปพฺพชฺชาอุปสมฺปทาสุ ฐิตาสุ สาสนํ ติฎฺฐติฯ ลิงฺคํ อทฺธานํ คจฺฉติฯ เสตวตฺถสมณวํโส ปน กสฺสปพุทฺธกาลโต ปฎฺฐาย สาสนํ ธาเรตุํ นาสกฺขิฯ ปฎิสมฺภิทาปเตฺตหิ วสฺสสหสฺสํ อฎฺฐาสิฯ ฉฬภิเญฺญหิ วสฺสสหสฺสํฯ เตวิเชฺชหิ วสฺสสหสฺสํฯ สุกฺขวิปสฺสเกหิ วสฺสสหสฺสํฯ ปาติโมเกฺขหิ วสฺสสหสฺสํ อฎฺฐาสิฯ ปจฺฉิมกสฺส ปน สจฺจปฺปฎิเวธโต ปจฺฉิมกสฺส สีลเภทโต ปฎฺฐาย สาสนํ โอสกฺกิตํ นาม โหติฯ ตโต ปฎฺฐาย อญฺญสฺส พุทฺธสฺส อุปฺปตฺติ น นิวาริตาฯ

    Dvīsu pana piṭakesu antarahitesupi vinayapiṭake ṭhite sāsanaṃ tiṭṭhati. Parivārakkhandhakesu antarahitesu ubhatovibhaṅge ṭhite ṭhitameva hoti. Ubhatovibhaṅge antarahite mātikāyapi ṭhitāya ṭhitameva hoti. Mātikāya antarahitāya pātimokkhapabbajjāupasampadāsu ṭhitāsu sāsanaṃ tiṭṭhati. Liṅgaṃ addhānaṃ gacchati. Setavatthasamaṇavaṃso pana kassapabuddhakālato paṭṭhāya sāsanaṃ dhāretuṃ nāsakkhi. Paṭisambhidāpattehi vassasahassaṃ aṭṭhāsi. Chaḷabhiññehi vassasahassaṃ. Tevijjehi vassasahassaṃ. Sukkhavipassakehi vassasahassaṃ. Pātimokkhehi vassasahassaṃ aṭṭhāsi. Pacchimakassa pana saccappaṭivedhato pacchimakassa sīlabhedato paṭṭhāya sāsanaṃ osakkitaṃ nāma hoti. Tato paṭṭhāya aññassa buddhassa uppatti na nivāritā.

    สาสนอนฺตรหิตวณฺณนา

    Sāsanaantarahitavaṇṇanā

    ตีณิ ปรินิพฺพานานิ นาม กิเลสปรินิพฺพานํ ขนฺธปรินิพฺพานํ ธาตุปรินิพฺพานนฺติฯ ตตฺถ กิเลสปรินิพฺพานํ โพธิปลฺลเงฺก อโหสิฯ ขนฺธปรินิพฺพานํ กุสินารายํฯ ธาตุปรินิพฺพานํ อนาคเต ภวิสฺสติฯ สาสนสฺส กิร โอสกฺกนกาเล อิมสฺมิํ ตมฺพปณฺณิทีเป ธาตุโย สนฺนิปติตฺวา มหาเจติยํ คมิสฺสนฺติฯ มหาเจติยโต นาคทีเป ราชายตนเจติยํฯ ตโต มหาโพธิปลฺลงฺกํ คมิสฺสนฺติฯ นาคภวนโตปิ เทวโลกโตปิ พฺรหฺมโลกโตปิ ธาตุโย มหาโพธิปลฺลงฺกเมว คมิสฺสนฺติฯ สาสปมตฺตาปิ ธาตุโย น อนฺตรา นสฺสิสฺสนฺติฯ สพฺพธาตุโย มหาโพธิปลฺลเงฺก ราสิภูตา สุวณฺณกฺขโนฺธ วิย เอกคฺฆนา หุตฺวา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย วิสฺสเชฺชสฺสนฺติฯ

    Tīṇi parinibbānāni nāma kilesaparinibbānaṃ khandhaparinibbānaṃ dhātuparinibbānanti. Tattha kilesaparinibbānaṃ bodhipallaṅke ahosi. Khandhaparinibbānaṃ kusinārāyaṃ. Dhātuparinibbānaṃ anāgate bhavissati. Sāsanassa kira osakkanakāle imasmiṃ tambapaṇṇidīpe dhātuyo sannipatitvā mahācetiyaṃ gamissanti. Mahācetiyato nāgadīpe rājāyatanacetiyaṃ. Tato mahābodhipallaṅkaṃ gamissanti. Nāgabhavanatopi devalokatopi brahmalokatopi dhātuyo mahābodhipallaṅkameva gamissanti. Sāsapamattāpi dhātuyo na antarā nassissanti. Sabbadhātuyo mahābodhipallaṅke rāsibhūtā suvaṇṇakkhandho viya ekagghanā hutvā chabbaṇṇarasmiyo vissajjessanti.

    ตา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริสฺสนฺติ, ตโต ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา ‘‘อชฺช สตฺถา ปรินิพฺพาติ, อชฺช สาสนํ โอสกฺกติ, ปจฺฉิมทสฺสนํ ทานิ อิทํ อมฺหาก’’นฺติ ทสพลสฺส ปรินิพฺพุตทิวสโต มหนฺตตรํ การุญฺญํ กริสฺสนฺติฯ ฐเปตฺวา อนาคามิขีณาสเว อวเสสา สกภาเวน สนฺธาเรตุํ น สกฺขิสฺสนฺติฯ ธาตูสุ เตโชธาตุ อุฎฺฐหิตฺวา ยาว พฺรหฺมโลกา อุคฺคจฺฉิสฺสติฯ สาสปมตฺตายปิ ธาตุยา สติ เอกชาลา ภวิสฺสติฯ ธาตูสุ ปริยาทานํ คตาสุ อุปจฺฉิชฺชิสฺสติฯ เอวํ มหนฺตํ อานุภาวํ ทเสฺสตฺวา ธาตูสุ อนฺตรหิตาสุ สาสนํ อนฺตรหิตํ นาม โหติฯ

    Tā dasasahassilokadhātuṃ pharissanti, tato dasasahassacakkavāḷadevatā sannipatitvā ‘‘ajja satthā parinibbāti, ajja sāsanaṃ osakkati, pacchimadassanaṃ dāni idaṃ amhāka’’nti dasabalassa parinibbutadivasato mahantataraṃ kāruññaṃ karissanti. Ṭhapetvā anāgāmikhīṇāsave avasesā sakabhāvena sandhāretuṃ na sakkhissanti. Dhātūsu tejodhātu uṭṭhahitvā yāva brahmalokā uggacchissati. Sāsapamattāyapi dhātuyā sati ekajālā bhavissati. Dhātūsu pariyādānaṃ gatāsu upacchijjissati. Evaṃ mahantaṃ ānubhāvaṃ dassetvā dhātūsu antarahitāsu sāsanaṃ antarahitaṃ nāma hoti.

    ยาว น เอวํ อนฺตรธายติ, ตาว อจริมํ นาม โหติฯ เอวํ อปุพฺพํ อจริมํ อุปฺปเชฺชยฺยุํ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ กสฺมา ปน อปุพฺพํ อจริมํ นุปฺปชฺชนฺตีติ? อนจฺฉริยตฺตาฯ พุทฺธา หิ อจฺฉริยมนุสฺสาฯ ยถาห – ‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ อจฺฉริยมนุโสฺสฯ กตโม เอกปุคฺคโล? ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๗๒)ฯ ยทิ จ เทฺว วา จตฺตาโร วา อฎฺฐ วา โสฬส วา เอกโต อุปฺปเชฺชยฺยุํ, อนจฺฉริยา ภเวยฺยุํฯ เอกสฺมิญฺหิ วิหาเร ทฺวินฺนํ เจติยานมฺปิ ลาภสกฺกาโร อุฬาโร น โหติฯ ภิกฺขูปิ พหุตาย น อจฺฉริยา ชาตา, เอวํ พุทฺธาปิ ภเวยฺยุํ, ตสฺมา นุปฺปชฺชนฺติฯ เทสนาย จ วิเสสาภาวโตฯ ยญฺหิ สติปฎฺฐานาทิเภทํ ธมฺมํ เอโก เทเสติฯ อเญฺญน อุปฺปชฺชิตฺวาปิ โสว เทเสตโพฺพ สิยา, ตโต อนจฺฉริโย สิยาฯ เอกสฺมิํ ปน ธมฺมํ เทเสเนฺต เทสนาปิ อจฺฉริยา โหติ, วิวาทภาวโต จฯ พหูสุ หิ พุเทฺธสุ อุปฺปเนฺนสุ พหูนํ อาจริยานํ อเนฺตวาสิกา วิย อมฺหากํ พุโทฺธ ปาสาทิโก, อมฺหากํ พุโทฺธ มธุรสฺสโร ลาภี ปุญฺญวาติ วิวเทยฺยุํฯ ตสฺมาปิ เอวํ นุปฺปชฺชนฺติฯ อปิ เจตํ การณํ มิลินฺทรญฺญาปิ ปุเฎฺฐน นาคเสนเตฺถเรน วิตฺถาริตเมวฯ วุตฺตญฺหิ ตตฺถ –

    Yāva na evaṃ antaradhāyati, tāva acarimaṃ nāma hoti. Evaṃ apubbaṃ acarimaṃ uppajjeyyuṃ, netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Kasmā pana apubbaṃ acarimaṃ nuppajjantīti? Anacchariyattā. Buddhā hi acchariyamanussā. Yathāha – ‘‘ekapuggalo, bhikkhave, loke uppajjamāno uppajjati acchariyamanusso. Katamo ekapuggalo? Tathāgato arahaṃ sammāsambuddho’’ti (a. ni. 1.172). Yadi ca dve vā cattāro vā aṭṭha vā soḷasa vā ekato uppajjeyyuṃ, anacchariyā bhaveyyuṃ. Ekasmiñhi vihāre dvinnaṃ cetiyānampi lābhasakkāro uḷāro na hoti. Bhikkhūpi bahutāya na acchariyā jātā, evaṃ buddhāpi bhaveyyuṃ, tasmā nuppajjanti. Desanāya ca visesābhāvato. Yañhi satipaṭṭhānādibhedaṃ dhammaṃ eko deseti. Aññena uppajjitvāpi sova desetabbo siyā, tato anacchariyo siyā. Ekasmiṃ pana dhammaṃ desente desanāpi acchariyā hoti, vivādabhāvato ca. Bahūsu hi buddhesu uppannesu bahūnaṃ ācariyānaṃ antevāsikā viya amhākaṃ buddho pāsādiko, amhākaṃ buddho madhurassaro lābhī puññavāti vivadeyyuṃ. Tasmāpi evaṃ nuppajjanti. Api cetaṃ kāraṇaṃ milindaraññāpi puṭṭhena nāgasenattherena vitthāritameva. Vuttañhi tattha –

    ภเนฺต, นาคเสน, ภาสิตมฺปิ เหตํ ภควตา ‘‘อฎฺฐานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา เทฺว อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา อปุพฺพํ อจริมํ อุปฺปเชฺชยฺยุํ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’ติฯ เทสยนฺตา จ, ภเนฺต นาคเสน, สเพฺพปิ ตถาคตา สตฺตติํส โพธิปกฺขิเย ธเมฺม เทเสนฺติ, กถยมานา จ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ กเถนฺติ, สิกฺขาเปนฺตา จ ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขาเปนฺติ, อนุสาสมานา จ อปฺปมาทปฺปฎิปตฺติยํ อนุสาสนฺติฯ ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, สเพฺพสมฺปิ ตถาคตานํ เอกา เทสนา เอกา กถา เอกสิกฺขา เอกานุสาสนี, เกน การเณน เทฺว ตถาคตา เอกกฺขเณ นุปฺปชฺชนฺติฯ เอเกนปิ ตาว พุทฺธุปฺปาเทน อยํ โลโก โอภาสชาโต, ยทิ ทุติโย พุโทฺธ ภเวยฺย, ทฺวินฺนํ ปภาย อยํ โลโก ภิโยฺยโสมตฺตาย โอภาสชาโต ภเวยฺย, โอวทมานา จ เทฺว ตถาคตา สุขํ โอวเทยฺยุํ, อนุสาสมานา จ สุขํ อนุสาเสยฺยุํ, ตตฺถ เม การณํ เทเสหิ, ยถาหํ นิสฺสํสโย ภเวยฺย’’นฺติฯ

    Bhante, nāgasena, bhāsitampi hetaṃ bhagavatā ‘‘aṭṭhānametaṃ, bhikkhave, anavakāso, yaṃ ekissā lokadhātuyā dve arahanto sammāsambuddhā apubbaṃ acarimaṃ uppajjeyyuṃ, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’ti. Desayantā ca, bhante nāgasena, sabbepi tathāgatā sattatiṃsa bodhipakkhiye dhamme desenti, kathayamānā ca cattāri ariyasaccāni kathenti, sikkhāpentā ca tīsu sikkhāsu sikkhāpenti, anusāsamānā ca appamādappaṭipattiyaṃ anusāsanti. Yadi, bhante nāgasena, sabbesampi tathāgatānaṃ ekā desanā ekā kathā ekasikkhā ekānusāsanī, kena kāraṇena dve tathāgatā ekakkhaṇe nuppajjanti. Ekenapi tāva buddhuppādena ayaṃ loko obhāsajāto, yadi dutiyo buddho bhaveyya, dvinnaṃ pabhāya ayaṃ loko bhiyyosomattāya obhāsajāto bhaveyya, ovadamānā ca dve tathāgatā sukhaṃ ovadeyyuṃ, anusāsamānā ca sukhaṃ anusāseyyuṃ, tattha me kāraṇaṃ desehi, yathāhaṃ nissaṃsayo bhaveyya’’nti.

    อยํ, มหาราช, ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกพุทฺธธารณี, เอกเสฺสว ตถาคตสฺส คุณํ ธาเรติ, ยทิ ทุติโย พุโทฺธ อุปฺปเชฺชยฺย, นายํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ ธาเรยฺย, จเลยฺย, กเมฺปยฺย, นเมยฺย, โอณเมยฺย, วินเมยฺย, วิกิเรยฺย, วิธเมยฺย, วิทฺธํเสยฺย, น ฐานมุปคเจฺฉยฺยฯ

    Ayaṃ, mahārāja, dasasahassī lokadhātu ekabuddhadhāraṇī, ekasseva tathāgatassa guṇaṃ dhāreti, yadi dutiyo buddho uppajjeyya, nāyaṃ dasasahassī lokadhātu dhāreyya, caleyya, kampeyya, nameyya, oṇameyya, vinameyya, vikireyya, vidhameyya, viddhaṃseyya, na ṭhānamupagaccheyya.

    ยถา, มหาราช, นาวา เอกปุริสสนฺธารณี ภเวยฺย, เอกปุริเส อภิรูเฬฺห สา นาวา สมุปาทิกา ภเวยฺย, อถ ทุติโย ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ตาทิโส อายุนา วเณฺณน วเยน ปมาเณน กิสถูเลน สพฺพงฺคปจฺจเงฺคน, โส ตํ นาวํ อภิรูเหยฺย, อปิ นุ สา, มหาราช, นาวา ทฺวินฺนมฺปิ ธาเรยฺยาติ? น หิ, ภเนฺต, จเลยฺย, กเมฺปยฺย, นเมยฺย, โอณเมยฺย, วินเมยฺย, วิกิเรยฺย, วิธเมยฺย, วิทฺธํเสยฺย, น ฐานมุปคเจฺฉยฺย โอสีเทยฺย อุทเกติฯ เอวเมว โข, มหาราช, อยํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกพุทฺธธารณี, เอกเสฺสว ตถาคตสฺส คุณํ ธาเรติ, ยทิ ทุติโย พุโทฺธ อุปฺปเชฺชยฺย, นายํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ ธาเรยฺย…เป.… น ฐานมุปคเจฺฉยฺยฯ

    Yathā, mahārāja, nāvā ekapurisasandhāraṇī bhaveyya, ekapurise abhirūḷhe sā nāvā samupādikā bhaveyya, atha dutiyo puriso āgaccheyya tādiso āyunā vaṇṇena vayena pamāṇena kisathūlena sabbaṅgapaccaṅgena, so taṃ nāvaṃ abhirūheyya, api nu sā, mahārāja, nāvā dvinnampi dhāreyyāti? Na hi, bhante, caleyya, kampeyya, nameyya, oṇameyya, vinameyya, vikireyya, vidhameyya, viddhaṃseyya, na ṭhānamupagaccheyya osīdeyya udaketi. Evameva kho, mahārāja, ayaṃ dasasahassī lokadhātu ekabuddhadhāraṇī, ekasseva tathāgatassa guṇaṃ dhāreti, yadi dutiyo buddho uppajjeyya, nāyaṃ dasasahassī lokadhātu dhāreyya…pe… na ṭhānamupagaccheyya.

    ยถา วา ปน, มหาราช, ปุริโส ยาวทตฺถํ โภชนํ ภุเญฺชยฺย ฉาเทนฺตํ ยาว กณฺฐมภิปูรยิตฺวา, โส ธาโต ปีณิโต ปริปุโณฺณ นิรนฺตโร ตนฺทีกโต อโนณมิตทณฺฑชาโต ปุนเทว ตาวตกํ โภชนํ ภุเญฺชยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, ปุริโส สุขิโต ภเวยฺยาติ? น หิ, ภเนฺต , สกิํ ภุโตฺตว มเรยฺยาติ; เอวเมว โข, มหาราช, อยํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกพุทฺธธารณี …เป.… น ฐานมุปคเจฺฉยฺยาติฯ

    Yathā vā pana, mahārāja, puriso yāvadatthaṃ bhojanaṃ bhuñjeyya chādentaṃ yāva kaṇṭhamabhipūrayitvā, so dhāto pīṇito paripuṇṇo nirantaro tandīkato anoṇamitadaṇḍajāto punadeva tāvatakaṃ bhojanaṃ bhuñjeyya, api nu kho so, mahārāja, puriso sukhito bhaveyyāti? Na hi, bhante , sakiṃ bhuttova mareyyāti; evameva kho, mahārāja, ayaṃ dasasahassī lokadhātu ekabuddhadhāraṇī …pe… na ṭhānamupagaccheyyāti.

    กิํ นุ โข, ภเนฺต นาคเสน, อติธมฺมภาเรน ปถวี จลตีติ? อิธ, มหาราช, เทฺว สกฎา รตนปูริตา ภเวยฺยุํ ยาว มุขสมา, เอกสฺมา สกฎโต รตนํ คเหตฺวา เอกสฺมิํ สกเฎ อากิเรยฺยุํ, อปิ นุ โข ตํ, มหาราช, สกฎํ ทฺวินฺนมฺปิ สกฎานํ รตนํ ธาเรยฺยาติ? น หิ, ภเนฺต, นาภิปิ ตสฺส ผเลยฺย, อราปิ ตสฺส ภิเชฺชยฺยุํ, เนมิปิ ตสฺส โอปเตยฺย, อโกฺขปิ ตสฺส ภิเชฺชยฺยาติฯ กิํ นุ โข, มหาราช, อติรตนภาเรน สกฎํ ภิชฺชตีติ? อาม, ภเนฺต,ติฯ เอวเมว โข, มหาราช, อติธมฺมภาเรน ปถวี จลติฯ

    Kiṃ nu kho, bhante nāgasena, atidhammabhārena pathavī calatīti? Idha, mahārāja, dve sakaṭā ratanapūritā bhaveyyuṃ yāva mukhasamā, ekasmā sakaṭato ratanaṃ gahetvā ekasmiṃ sakaṭe ākireyyuṃ, api nu kho taṃ, mahārāja, sakaṭaṃ dvinnampi sakaṭānaṃ ratanaṃ dhāreyyāti? Na hi, bhante, nābhipi tassa phaleyya, arāpi tassa bhijjeyyuṃ, nemipi tassa opateyya, akkhopi tassa bhijjeyyāti. Kiṃ nu kho, mahārāja, atiratanabhārena sakaṭaṃ bhijjatīti? Āma, bhante,ti. Evameva kho, mahārāja, atidhammabhārena pathavī calati.

    อปิจ, มหาราช, อิมํ การณํ พุทฺธพลปริทีปนาย โอสาริตํ อญฺญมฺปิ ตตฺถ อติรูปํ การณํ สุโณหิ, เยน การเณน เทฺว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ นุปฺปชฺชนฺติฯ ยทิ, มหาราช, เทฺว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ อุปฺปเชฺชยฺยุํ, เตสํ ปริสาย วิวาโท อุปฺปเชฺชยฺย ‘‘ตุมฺหากํ พุโทฺธ อมฺหากํ พุโทฺธ’’ติ, อุภโต ปกฺขชาตา ภเวยฺยุํฯ ยถา, มหาราช, ทฺวินฺนํ พลวามจฺจานํ ปริสาย วิวาโท อุปฺปเชฺชยฺย ‘‘ตุมฺหากํ อมโจฺจ อมฺหากํ อมโจฺจ’’ติ, อุภโต ปกฺขชาตา โหนฺติ; เอวเมว โข, มหาราช, ยทิ เทฺว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ อุปฺปเชฺชยฺยุํ, เตสํ ปริสาย วิวาโท อุปฺปเชฺชยฺย ‘‘ตุมฺหากํ พุโทฺธ, อมฺหากํ พุโทฺธ’’ติ, อุภโต ปกฺขชาตา ภเวยฺยุํ, อิทํ ตาว, มหาราช, เอกํ การณํ, เยน การเณน เทฺว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ นุปฺปชฺชนฺติฯ

    Apica, mahārāja, imaṃ kāraṇaṃ buddhabalaparidīpanāya osāritaṃ aññampi tattha atirūpaṃ kāraṇaṃ suṇohi, yena kāraṇena dve sammāsambuddhā ekakkhaṇe nuppajjanti. Yadi, mahārāja, dve sammāsambuddhā ekakkhaṇe uppajjeyyuṃ, tesaṃ parisāya vivādo uppajjeyya ‘‘tumhākaṃ buddho amhākaṃ buddho’’ti, ubhato pakkhajātā bhaveyyuṃ. Yathā, mahārāja, dvinnaṃ balavāmaccānaṃ parisāya vivādo uppajjeyya ‘‘tumhākaṃ amacco amhākaṃ amacco’’ti, ubhato pakkhajātā honti; evameva kho, mahārāja, yadi dve sammāsambuddhā ekakkhaṇe uppajjeyyuṃ, tesaṃ parisāya vivādo uppajjeyya ‘‘tumhākaṃ buddho, amhākaṃ buddho’’ti, ubhato pakkhajātā bhaveyyuṃ, idaṃ tāva, mahārāja, ekaṃ kāraṇaṃ, yena kāraṇena dve sammāsambuddhā ekakkhaṇe nuppajjanti.

    อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตริํ การณํ สุโณหิ, เยน การเณน เทฺว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ นุปฺปชฺชนฺติฯ ยทิ, มหาราช, เทฺว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ อุปฺปเชฺชยฺยุํ, ‘‘อโคฺค พุโทฺธ’’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา ภเวยฺย, ‘‘เชโฎฺฐ พุโทฺธ’’ติ, เสโฎฺฐ พุโทฺธติ, วิสิโฎฺฐ พุโทฺธติ, อุตฺตโม พุโทฺธติ, ปวโร พุโทฺธติ, อสโม พุโทฺธติ , อสมสโม พุโทฺธติ, อปฺปฎิโม พุโทฺธติ, อปฺปฎิภาโค พุโทฺธติ, อปฺปฎิปุคฺคโล พุโทฺธติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา ภเวยฺยฯ อิมมฺปิ โข ตฺวํ, มหาราช, การณํ อตฺถโต สมฺปฎิจฺฉ, เยน การเณน เทฺว สมฺมาสมฺพุทฺธา เอกกฺขเณ นุปฺปชฺชนฺติฯ

    Aparampi, mahārāja, uttariṃ kāraṇaṃ suṇohi, yena kāraṇena dve sammāsambuddhā ekakkhaṇe nuppajjanti. Yadi, mahārāja, dve sammāsambuddhā ekakkhaṇe uppajjeyyuṃ, ‘‘aggo buddho’’ti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā bhaveyya, ‘‘jeṭṭho buddho’’ti, seṭṭho buddhoti, visiṭṭho buddhoti, uttamo buddhoti, pavaro buddhoti, asamo buddhoti , asamasamo buddhoti, appaṭimo buddhoti, appaṭibhāgo buddhoti, appaṭipuggalo buddhoti yaṃ vacanaṃ, taṃ micchā bhaveyya. Imampi kho tvaṃ, mahārāja, kāraṇaṃ atthato sampaṭiccha, yena kāraṇena dve sammāsambuddhā ekakkhaṇe nuppajjanti.

    อปิจ โข, มหาราช, พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สภาวปกติ เอสา, ยํ เอโกเยว พุโทฺธ โลเก อุปฺปชฺชติฯ กสฺมา การณา? มหนฺตตาย สพฺพญฺญุพุทฺธคุณานํ, ยํ อญฺญมฺปิ, มหาราช, มหนฺตํ โหติ, ตํ เอกํเยว โหติฯ ปถวี, มหาราช, มหนฺตี, สา เอกาเยวฯ สาคโร มหโนฺต, โส เอโกเยวฯ สิเนรุ คิริราชา มหโนฺต, โส เอโกเยวฯ อากาโส มหโนฺต, โส เอโกเยวฯ สโกฺก มหโนฺต, โส เอโกเยวฯ มาโร มหโนฺต , โส เอโกเยวฯ มหาพฺรหฺมา มหโนฺต, โส เอโกเยวฯ ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ มหโนฺต, โส เอโกเยว โลกสฺมิํฯ ยตฺถ เต อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ อเญฺญสํ โอกาโส น โหติฯ ตสฺมา, มหาราช, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ เอโกเยว โลเก อุปฺปชฺชตีติฯ สุกถิโต, ภเนฺต นาคเสน, ปโญฺห โอปเมฺมหิ การเณหีติ (มิ. ป. ๕.๑.๑)ฯ

    Apica kho, mahārāja, buddhānaṃ bhagavantānaṃ sabhāvapakati esā, yaṃ ekoyeva buddho loke uppajjati. Kasmā kāraṇā? Mahantatāya sabbaññubuddhaguṇānaṃ, yaṃ aññampi, mahārāja, mahantaṃ hoti, taṃ ekaṃyeva hoti. Pathavī, mahārāja, mahantī, sā ekāyeva. Sāgaro mahanto, so ekoyeva. Sineru girirājā mahanto, so ekoyeva. Ākāso mahanto, so ekoyeva. Sakko mahanto, so ekoyeva. Māro mahanto , so ekoyeva. Mahābrahmā mahanto, so ekoyeva. Tathāgato arahaṃ sammāsambuddho mahanto, so ekoyeva lokasmiṃ. Yattha te uppajjanti, tattha aññesaṃ okāso na hoti. Tasmā, mahārāja, tathāgato arahaṃ sammāsambuddho ekoyeva loke uppajjatīti. Sukathito, bhante nāgasena, pañho opammehi kāraṇehīti (mi. pa. 5.1.1).

    ธมฺมสฺส จานุธมฺมนฺติ นววิธสฺส โลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุธมฺมํ ปุพฺพภาคปฺปฎิปทํฯ สหธมฺมิโกติ สการโณฯ วาทานุวาโทติ วาโทเยวฯ

    Dhammassa cānudhammanti navavidhassa lokuttaradhammassa anudhammaṃ pubbabhāgappaṭipadaṃ. Sahadhammikoti sakāraṇo. Vādānuvādoti vādoyeva.

    อจฺฉริยอพฺภุตวณฺณนา

    Acchariyaabbhutavaṇṇanā

    ๑๖๒. อายสฺมา อุทายีติ ตโย เถรา อุทายี นาม – ลาฬุทายี, กาฬุทายี, มหาอุทายีติฯ อิธ มหาอุทายี อธิเปฺปโตฯ ตสฺส กิร อิมํ สุตฺตํ อาทิโต ปฎฺฐาย ยาว ปริโยสานา สุณนฺตสฺส อพฺภนฺตเร ปญฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชิตฺวา ปาทปิฎฺฐิโต สีสมตฺถกํ คจฺฉติ, สีสมตฺถกโต ปาทปิฎฺฐิํ อาคจฺฉติ, อุภโต ปฎฺฐาย มชฺฌํ โอตรติ, มชฺฌโต ปฎฺฐาย อุภโต คจฺฉติฯ โส นิรนฺตรํ ปีติยา ผุฎสรีโร พลวโสมนเสฺสน ทสพลสฺส คุณํ กเถโนฺต อจฺฉริยํ ภเนฺตติอาทิมาหฯ อปฺปิจฺฉตาติ นิตฺตณฺหตาฯ สนฺตุฎฺฐิตาติ จตูสุ ปจฺจเยสุ ตีหากาเรหิ สโนฺตโสฯ สเลฺลขตาติ สพฺพกิเลสานํ สลฺลิขิตภาโวฯ ยตฺร หิ นามาติ โย นามฯ น อตฺตานํ ปาตุกริสฺสตีติ อตฺตโน คุเณ น อาวิ กริสฺสติฯ ปฎากํ ปริหเรยฺยุนฺติ ‘‘โก อเมฺหหิ สทิโส อตฺถี’’ติ วทนฺตา ปฎากํ อุกฺขิปิตฺวา นาฬนฺทํ วิจเรยฺยุํฯ

    162.Āyasmā udāyīti tayo therā udāyī nāma – lāḷudāyī, kāḷudāyī, mahāudāyīti. Idha mahāudāyī adhippeto. Tassa kira imaṃ suttaṃ ādito paṭṭhāya yāva pariyosānā suṇantassa abbhantare pañcavaṇṇā pīti uppajjitvā pādapiṭṭhito sīsamatthakaṃ gacchati, sīsamatthakato pādapiṭṭhiṃ āgacchati, ubhato paṭṭhāya majjhaṃ otarati, majjhato paṭṭhāya ubhato gacchati. So nirantaraṃ pītiyā phuṭasarīro balavasomanassena dasabalassa guṇaṃ kathento acchariyaṃ bhantetiādimāha. Appicchatāti nittaṇhatā. Santuṭṭhitāti catūsu paccayesu tīhākārehi santoso. Sallekhatāti sabbakilesānaṃ sallikhitabhāvo. Yatra hi nāmāti yo nāma. Na attānaṃ pātukarissatīti attano guṇe na āvi karissati. Paṭākaṃ parihareyyunti ‘‘ko amhehi sadiso atthī’’ti vadantā paṭākaṃ ukkhipitvā nāḷandaṃ vicareyyuṃ.

    ปสฺส โข ตฺวํ, อุทายิ, ตถาคตสฺส อปฺปิจฺฉตาติ ปสฺส อุทายิ ยาทิสี ตถาคตสฺส อปฺปิจฺฉตาติ เถรสฺส วจนํ สมฺปฎิจฺฉโนฺต อาหฯ กิํ ปน ภควา เนว อตฺตานํ ปาตุกโรติ, น อตฺตโน คุณํ กเถตีติ เจ? น, น กเถติฯ อปฺปิจฺฉตาทีหิ กเถตพฺพํ, จีวราทิเหตุํ น กเถติฯ เตเนวาห – ‘‘ปสฺส โข ตฺวํ, อุทายิ, ตถาคตสฺส อปฺปิจฺฉตา’’ติอาทิฯ พุชฺฌนกสตฺตํ ปน อาคมฺม เวเนยฺยวเสน กเถติฯ ยถาห –

    Passakho tvaṃ, udāyi, tathāgatassa appicchatāti passa udāyi yādisī tathāgatassa appicchatāti therassa vacanaṃ sampaṭicchanto āha. Kiṃ pana bhagavā neva attānaṃ pātukaroti, na attano guṇaṃ kathetīti ce? Na, na katheti. Appicchatādīhi kathetabbaṃ, cīvarādihetuṃ na katheti. Tenevāha – ‘‘passa kho tvaṃ, udāyi, tathāgatassa appicchatā’’tiādi. Bujjhanakasattaṃ pana āgamma veneyyavasena katheti. Yathāha –

    ‘‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ;

    ‘‘Na me ācariyo atthi, sadiso me na vijjati;

    สเทวกสฺมิํ โลกสฺมิํ, นตฺถิ เม ปฎิปุคฺคโล’’ติฯ (มหาว. ๑๑);

    Sadevakasmiṃ lokasmiṃ, natthi me paṭipuggalo’’ti. (mahāva. 11);

    เอวํ ตถาคตสฺส คุณทีปิกา พหู คาถาปิ สุตฺตนฺตาปิ วิตฺถาเรตพฺพาฯ

    Evaṃ tathāgatassa guṇadīpikā bahū gāthāpi suttantāpi vitthāretabbā.

    ๑๖๓. อภิกฺขณํ ภาเสยฺยาสีติ ปุนปฺปุนํ ภาเสยฺยาสิฯ ปุพฺพณฺหสมเย เม กถิตนฺติ มา มชฺฌนฺหิกาทีสุ น กถยิตฺถฯ อชฺช วา เม กถิตนฺติ มา ปรทิวสาทีสุ น กถยิตฺถาติ อโตฺถฯ ปเวเทสีติ กเถสิฯ อิมสฺส เวยฺยากรณสฺสาติ นิคฺคาถกตฺตา อิทํ สุตฺตํ ‘‘เวยฺยากรณ’’นฺติ วุตฺตํฯ อธิวจนนฺติ นามํฯ อิทํ ปน ‘‘อิติ หิท’’นฺติ ปฎฺฐาย ปทํ สงฺคีติกาเรหิ ฐปิตํฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    163.Abhikkhaṇaṃ bhāseyyāsīti punappunaṃ bhāseyyāsi. Pubbaṇhasamaye me kathitanti mā majjhanhikādīsu na kathayittha. Ajja vā me kathitanti mā paradivasādīsu na kathayitthāti attho. Pavedesīti kathesi. Imassa veyyākaraṇassāti niggāthakattā idaṃ suttaṃ ‘‘veyyākaraṇa’’nti vuttaṃ. Adhivacananti nāmaṃ. Idaṃ pana ‘‘iti hida’’nti paṭṭhāya padaṃ saṅgītikārehi ṭhapitaṃ. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.

    สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถาย

    Sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāya

    สมฺปสาทนียสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sampasādanīyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๕. สมฺปสาทนียสุตฺตํ • 5. Sampasādanīyasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๕. สมฺปสาทนียสุตฺตวณฺณนา • 5. Sampasādanīyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact