Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā)

    ๕. สมฺปสาทนียสุตฺตวณฺณนา

    5. Sampasādanīyasuttavaṇṇanā

    สาริปุตฺตสีหนาทวณฺณนา

    Sāriputtasīhanādavaṇṇanā

    ๑๔๑. ปาวาเรนฺติ สญฺฉาเทนฺติ สรีรํ เอเตนาติ ปาวาโร, วตฺถํฯ ปาวรณํ วา ปาวาโร, ‘‘วตฺถํ ทุสฺส’’นฺติ ปริยายสทฺทา เอเตติ ทุสฺสเมว ปาวาโร, โส เอตสฺส พหุวิโธ อเนกโกฎิปฺปเภโท ภณฺฑภูโต อตฺถีติ ทุสฺสปาวาริโกฯ โส กิร ปุเพฺพ ทหรกาเล ทุสฺสปาวารภณฺฑเมว พหุํ ปริคฺคเหตฺวา วาณิชฺชํ อกาสิ, เตน นํ เสฎฺฐิฎฺฐาเน ฐิตมฺปิ ‘‘ปาวาริโก’’ เตฺวว สญฺชานนฺติฯ ภควตีติ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ, ปการโตฺถ วา, เตน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เถเรน วุตฺตวจนํ สพฺพํ สงฺคณฺหาติฯ ‘‘กสฺมา เอวํ อโวจา’’ติ ตถาวจเน การณํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โสมนสฺสปเวทนตฺถ’’นฺติ กสฺมา ปโยชนํ วิสฺสชฺชิตํ, ตยิทํ อมฺพํ ปุฎฺฐสฺส ลพุชํ พฺยากรณสทิสนฺติ? นยิทเมวํ จิเนฺตตพฺพํฯ ยา หิสฺส เถรสฺส ตทา ภควติ โสมนสฺสุปฺปตฺติ, สา นิทฺธาริตรูปา การณภาเวน โจทิตา, ตสฺมา เอวํ อโวจาติ, สา เอว จ ยสฺมา นิทฺธาริตรูปา ปเวทนวเสน ภควโต สมฺมุขา ตถาวจนํ ปโยเชติ, ตสฺมา ‘‘อตฺตโน อุปฺปนฺนโสมนสฺสปเวทนตฺถ’’นฺติ ปโยชนภาเวน วิสฺสชฺชิตํฯ

    141. Pāvārenti sañchādenti sarīraṃ etenāti pāvāro, vatthaṃ. Pāvaraṇaṃ vā pāvāro, ‘‘vatthaṃ dussa’’nti pariyāyasaddā eteti dussameva pāvāro, so etassa bahuvidho anekakoṭippabhedo bhaṇḍabhūto atthīti dussapāvāriko. So kira pubbe daharakāle dussapāvārabhaṇḍameva bahuṃ pariggahetvā vāṇijjaṃ akāsi, tena naṃ seṭṭhiṭṭhāne ṭhitampi ‘‘pāvāriko’’ tveva sañjānanti. Bhagavatīti iti-saddo ādiattho, pakārattho vā, tena bhagavantaṃ upasaṅkamitvā therena vuttavacanaṃ sabbaṃ saṅgaṇhāti. ‘‘Kasmā evaṃ avocā’’ti tathāvacane kāraṇaṃ pucchitvā ‘‘somanassapavedanattha’’nti kasmā payojanaṃ vissajjitaṃ, tayidaṃ ambaṃ puṭṭhassa labujaṃ byākaraṇasadisanti? Nayidamevaṃ cintetabbaṃ. Yā hissa therassa tadā bhagavati somanassuppatti, sā niddhāritarūpā kāraṇabhāvena coditā, tasmā evaṃ avocāti, sā eva ca yasmā niddhāritarūpā pavedanavasena bhagavato sammukhā tathāvacanaṃ payojeti, tasmā ‘‘attano uppannasomanassapavedanattha’’nti payojanabhāvena vissajjitaṃ.

    ตตฺราติ ตสฺมิํ โสมนสฺสปเวทเนฯ วิหาเร นิวาสปริวตฺตนวเสน สุนิวตฺถนิวาสโนฯ อาภุชิตฺวาติ อาพนฺธิตฺวาฯ

    Tatrāti tasmiṃ somanassapavedane. Vihāre nivāsaparivattanavasena sunivatthanivāsano. Ābhujitvāti ābandhitvā.

    สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย ‘‘อโห สโนฺต วตายํ อริยวิหาโร’’ติ สมาปตฺติสุขปจฺจเวกฺขณมุเขน อตฺตโน คุเณ อนุสฺสริตุํ อารโทฺธ, อารภิตฺวา จ เนสํ ตํ ตํ สามญฺญวิเสสวิภาควเสน อนุสฺสริฯ ตถา หิ ‘‘สมาธี’’ติ สามญฺญโต คหิตเสฺสว ‘‘ปฐมํ ฌาน’’นฺติอาทินา วิเสสวิภาโค, ‘‘ปญฺญา’’ติ สามญฺญโต จ คหิตเสฺสว ‘‘วิปสฺสนาญาณ’’นฺติอาทินา วิเสสวิภาโค อุทฺธโฎฯ ‘‘โลกิยาภิญฺญาสุ ทิพฺพจกฺขุญาณเสฺสว คหณํ เถรสฺส อิตเรหิ สาติสยนฺติ ทเสฺสตุ’’นฺติ วทนฺติ, ปุเพฺพนิวาสญาณมฺปิ ปน ‘‘กปฺปสตสหสฺสาธิกสฺสา’’ติอาทินา กิจฺจวเสน ทสฺสิตเมว, ลกฺขณหารวเสน วา อิตเรสํ เปตฺถ คหิตตา เวทิตพฺพาฯ

    Samāpattito vuṭṭhāya ‘‘aho santo vatāyaṃ ariyavihāro’’ti samāpattisukhapaccavekkhaṇamukhena attano guṇe anussarituṃ āraddho, ārabhitvā ca nesaṃ taṃ taṃ sāmaññavisesavibhāgavasena anussari. Tathā hi ‘‘samādhī’’ti sāmaññato gahitasseva ‘‘paṭhamaṃ jhāna’’ntiādinā visesavibhāgo, ‘‘paññā’’ti sāmaññato ca gahitasseva ‘‘vipassanāñāṇa’’ntiādinā visesavibhāgo uddhaṭo. ‘‘Lokiyābhiññāsu dibbacakkhuñāṇasseva gahaṇaṃ therassa itarehi sātisayanti dassetu’’nti vadanti, pubbenivāsañāṇampi pana ‘‘kappasatasahassādhikassā’’tiādinā kiccavasena dassitameva, lakkhaṇahāravasena vā itaresaṃ pettha gahitatā veditabbā.

    อตฺถปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ อเตฺถ ปเภทคตํ ญาณํ อตฺถปฎิสมฺภิทาฯ ตถา ธมฺมปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ธเมฺม ปเภทคตํ ญาณํ ธมฺมปฎิสมฺภิทาฯ นิรุตฺติปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ นิรุตฺติยํ ปเภทคตํ ญาณํ นิรุตฺติปฎิสมฺภิทาฯ ปฎิภานปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถาน กรณสมตฺถํ ปฎิภาเน ปเภทคตํ ญาณํ ปฎิภานปฎิสมฺภิทาฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมเคฺค, (วิสุทฺธิ. ๒.๔๒๘) ตํ สํวณฺณนาสุ (วิสุทฺธิ. ฎี. ๒.๔๒๘) วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ สาวกวิสเย ปรมุกฺกํสคตํ ญาณํ สาวกปารมิญาณํ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ วิย สพฺพเญยฺยธเมฺมสุฯ ตสฺสาปิ หิ วิสุํ ปริกมฺมํ นาม นตฺถิ, สาวกปารมิยา ปน สมฺมเทว ปริปูริตตฺตา อคฺคมคฺคสมธิคเมเนวสฺส สมธิคโม โหติฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณเสฺสว สมฺมาสมฺพุทฺธานํ ยาว นิสินฺนปลฺลงฺกา อนุสฺสรโตติ โยชนาฯ

    Atthappabhedassa sallakkhaṇavibhāvanavavatthānakaraṇasamatthaṃ atthe pabhedagataṃ ñāṇaṃ atthapaṭisambhidā. Tathā dhammappabhedassa sallakkhaṇavibhāvanavavatthānakaraṇasamatthaṃ dhamme pabhedagataṃ ñāṇaṃ dhammapaṭisambhidā. Niruttipabhedassa sallakkhaṇavibhāvanavavatthānakaraṇasamatthaṃ niruttiyaṃ pabhedagataṃ ñāṇaṃ niruttipaṭisambhidā. Paṭibhānappabhedassa sallakkhaṇavibhāvanavavatthāna karaṇasamatthaṃ paṭibhāne pabhedagataṃ ñāṇaṃ paṭibhānapaṭisambhidā. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimagge, (visuddhi. 2.428) taṃ saṃvaṇṇanāsu (visuddhi. ṭī. 2.428) vuttanayeneva veditabbo. Sāvakavisaye paramukkaṃsagataṃ ñāṇaṃ sāvakapāramiñāṇaṃ sabbaññutaññāṇaṃ viya sabbañeyyadhammesu. Tassāpi hi visuṃ parikammaṃ nāma natthi, sāvakapāramiyā pana sammadeva paripūritattā aggamaggasamadhigamenevassa samadhigamo hoti. Sabbaññutaññāṇasseva sammāsambuddhānaṃ yāva nisinnapallaṅkā anussaratoti yojanā.

    ภควโต สีลํ นิสฺสาย คุเณ อนุสฺสริตุมารโทฺธติ โยชนาฯ ยสฺมา คุณานํ พหุภาวโต เนสํ เอกชฺฌํ อาปาถาคมนํ นตฺถิ, สติ จ ตสฺมิํ อนิรูปิตรูเปเนว อนุสฺสรเณน ภวิตพฺพํ, ตสฺมา เถโร สวิสเย ฐตฺวา เต อนุปทํ สรูปโต อนุสฺสริ, อนุสฺสรโนฺต จ สพฺพปฐมํ สีลํ อนุสฺสริ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ภควโต สีลํ นิสฺสายา’’ติ อาห, สีลํ อารพฺภาติ อโตฺถฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ ยสฺมา เจตฺถ เถโร เอเกกวเสน ภควโต คุเณ อนุสฺสริตฺวา ตโต ปรํ จตุกฺกปญฺจกาทิวเสน อนุสฺสริ, ตสฺมา ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาเท’’ติ วตฺวา ตโต ปรํ โพชฺฌงฺคภาวนาสามเญฺญน อินฺทฺริเยสุ วตฺตเพฺพสุ ตานิ อคฺคเหตฺวา ‘‘จตฺตาโร มเคฺค’’ติอาทิ วุตฺตํฯ จตุโยนิปริเจฺฉทกญาณํ มหาสีหนาทสุเตฺต (ม. นิ. ๑.๑๕๒) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ จตฺตาโร อริยวํสา อริยวํสสุเตฺต (อ. นิ. ๔.๒๘) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ

    Bhagavato sīlaṃ nissāya guṇe anussaritumāraddhoti yojanā. Yasmā guṇānaṃ bahubhāvato nesaṃ ekajjhaṃ āpāthāgamanaṃ natthi, sati ca tasmiṃ anirūpitarūpeneva anussaraṇena bhavitabbaṃ, tasmā thero savisaye ṭhatvā te anupadaṃ sarūpato anussari, anussaranto ca sabbapaṭhamaṃ sīlaṃ anussari, taṃ dassento ‘‘bhagavato sīlaṃ nissāyā’’ti āha, sīlaṃ ārabbhāti attho. Sesapadesupi eseva nayo. Yasmā cettha thero ekekavasena bhagavato guṇe anussaritvā tato paraṃ catukkapañcakādivasena anussari, tasmā ‘‘cattāro iddhipāde’’ti vatvā tato paraṃ bojjhaṅgabhāvanāsāmaññena indriyesu vattabbesu tāni aggahetvā ‘‘cattāro magge’’tiādi vuttaṃ. Catuyoniparicchedakañāṇaṃ mahāsīhanādasutte (ma. ni. 1.152) āgatanayeneva veditabbaṃ. Cattāro ariyavaṃsā ariyavaṃsasutte (a. ni. 4.28) āgatanayeneva veditabbā.

    ปธานิยงฺคาทโย สงฺคีติ (ที. นิ. ๓.๓๑๗) ทสุตฺตรสุเตฺตสุ (ที. นิ. ๓.๓๕๕) อาคมิสฺสนฺติฯ ฉ สารณีย ธมฺมา ปรินิพฺพานสุเตฺต (ที. นิ. ๒.๑๔๑) อาคตา เอวฯ สุขํ สุปนาทโย (อ. นิ. ๑๑.๑๕; ปฎิ. ม. ๒.๒๒) เอกาทส เมตฺตานิสํสา ฯ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจ’’นฺติอาทินา สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑, มหาว. ๑๕, ปฎิ. ม. ๒.๓๐) จตูสุ อริยสเจฺจสุ ติปริวตฺตวเสน อาคตา ทฺวาทส ธมฺมจกฺกาการาฯ มคฺคผเลสุ ปวตฺตานิ อฎฺฐ ญาณานิ, ฉ อสาธารณญาณานิ จาติ จุทฺทส พุทฺธญาณานิฯ ปญฺจทส วิมุตฺติปริปาจนิยา ธมฺมา เมฆิยสุตฺตวณฺณนายํ (อุทา. อฎฺฐ. ๓๑) คเหตพฺพา, โสฬสวิธา อานาปานสฺสติ อานาปานสฺสติสุเตฺต (ม. นิ. ๓.๑๔๘), อฎฺฐารส พุทฺธธมฺมา (มหานิ. ๖๙, ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฎิ. ม. ๓.๕; ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๓๐๕) เอวํ เวทิตพฺพา –

    Padhāniyaṅgādayo saṅgīti (dī. ni. 3.317) dasuttarasuttesu (dī. ni. 3.355) āgamissanti. Cha sāraṇīya dhammā parinibbānasutte (dī. ni. 2.141) āgatā eva. Sukhaṃ supanādayo (a. ni. 11.15; paṭi. ma. 2.22) ekādasa mettānisaṃsā . ‘‘Idaṃ dukkhaṃ ariyasacca’’ntiādinā saṃ. ni. 5.1081, mahāva. 15, paṭi. ma. 2.30) catūsu ariyasaccesu tiparivattavasena āgatā dvādasa dhammacakkākārā. Maggaphalesu pavattāni aṭṭha ñāṇāni, cha asādhāraṇañāṇāni cāti cuddasa buddhañāṇāni. Pañcadasa vimuttiparipācaniyā dhammā meghiyasuttavaṇṇanāyaṃ (udā. aṭṭha. 31) gahetabbā, soḷasavidhā ānāpānassati ānāpānassatisutte (ma. ni. 3.148), aṭṭhārasa buddhadhammā (mahāni. 69, 156; cūḷani. 85; paṭi. ma. 3.5; dī. ni. aṭṭha. 3.305) evaṃ veditabbā –

    อตีตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฎิหตํ ญาณํ, อนาคตํเส, ปจฺจุปฺปนฺนํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฎิหตํ ญาณํฯ อิเมหิ ตีหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สพฺพํ กายกมฺมํ ญาณปุพฺพงฺคมํ ญาณานุปริวตฺติ, สพฺพํ วจีกมฺมํ, สพฺพํ มโนกมฺมํ ญาณปุพฺพงฺคมํ ญาณานุปริวตฺติฯ อิเมหิ ฉหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต นตฺถิ ฉนฺทสฺส หานิ, นตฺถิ ธมฺมเทสนาย หานิ, นตฺถิ วีริยสฺส หานิ, นตฺถิ สมาธิสฺส หานิ, นตฺถิ ปญฺญาย หานิ, นตฺถิ วิมุตฺติยา หานิฯ อิเมหิ ทฺวาทสหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต นตฺถิ ทวา, นตฺถิ รวา, นตฺถิ อปฺผุฎฺฐํ, นตฺถิ เวคายิตตฺตํ, นตฺถิ อพฺยาวฎมโน, นตฺถิ อปฺปฎิสงฺขานุเปกฺขาติฯ

    Atītaṃse buddhassa bhagavato appaṭihataṃ ñāṇaṃ, anāgataṃse, paccuppannaṃse buddhassa bhagavato appaṭihataṃ ñāṇaṃ. Imehi tīhi dhammehi samannāgatassa buddhassa bhagavato sabbaṃ kāyakammaṃ ñāṇapubbaṅgamaṃ ñāṇānuparivatti, sabbaṃ vacīkammaṃ, sabbaṃ manokammaṃ ñāṇapubbaṅgamaṃ ñāṇānuparivatti. Imehi chahi dhammehi samannāgatassa buddhassa bhagavato natthi chandassa hāni, natthi dhammadesanāya hāni, natthi vīriyassa hāni, natthi samādhissa hāni, natthi paññāya hāni, natthi vimuttiyā hāni. Imehi dvādasahi dhammehi samannāgatassa buddhassa bhagavato natthi davā, natthi ravā, natthi apphuṭṭhaṃ, natthi vegāyitattaṃ, natthi abyāvaṭamano, natthi appaṭisaṅkhānupekkhāti.

    ตตฺถ ‘‘นตฺถิ ทวาติ ขิฑฺฑาธิปฺปาเยน กิริยา นตฺถิฯ นตฺถิ รวาติ สหสา กิริยา นตฺถี’’ติ วทนฺติฯ สหสา ปน กิริยา ทวา, ‘‘อญฺญํ กริสฺสามี’’ติ อญฺญสฺส กรณํ รวาฯ นตฺถิ อปฺผุฎนฺติ ญาเณน อผุสิตํ นตฺถิฯ นตฺถิ เวคายิตตฺตนฺติ ตุริตกิริยา นตฺถิฯ นตฺถิ อพฺยาวฎมโนติ นิรตฺถกจิตฺตสมุทาจาโร นตฺถิฯ นตฺถิ อปฺปฎิสงฺขานุเปกฺขาติ อญฺญาณุเปกฺขา นตฺถิฯ เกจิ ปน ‘‘นตฺถิ ธมฺมเทสนาย หานี’’ติ อปฐิตฺวา ‘‘นตฺถิ ฉนฺทสฺส หานิ, นตฺถิ วีริยสฺส หานิ, นตฺถิ สติยา [สตฺติยา (วิภ. มูลฎี. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา)] หานี’’ติ ปฐนฺติฯ

    Tattha ‘‘natthi davāti khiḍḍādhippāyena kiriyā natthi. Natthi ravāti sahasā kiriyā natthī’’ti vadanti. Sahasā pana kiriyā davā, ‘‘aññaṃ karissāmī’’ti aññassa karaṇaṃ ravā. Natthi apphuṭanti ñāṇena aphusitaṃ natthi. Natthi vegāyitattanti turitakiriyā natthi. Natthi abyāvaṭamanoti niratthakacittasamudācāro natthi. Natthi appaṭisaṅkhānupekkhāti aññāṇupekkhā natthi. Keci pana ‘‘natthi dhammadesanāya hānī’’ti apaṭhitvā ‘‘natthi chandassa hāni, natthi vīriyassa hāni, natthi satiyā [sattiyā (vibha. mūlaṭī. suttantabhājanīyavaṇṇanā)] hānī’’ti paṭhanti.

    ชรามรณาทีสุ เอกาทสสุ ปฎิจฺจสมุปฺปาทเงฺคสุ ปเจฺจกํ จตุสจฺจโยชนาวเสน ปวตฺตานิ จตุจตฺตาลีส ญาณานิเยว (สํ. นิ. ๒.๓๓) สุขวิเสสานํ อธิฎฺฐานภาวโต ญาณวตฺถูนิฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Jarāmaraṇādīsu ekādasasu paṭiccasamuppādaṅgesu paccekaṃ catusaccayojanāvasena pavattāni catucattālīsa ñāṇāniyeva (saṃ. ni. 2.33) sukhavisesānaṃ adhiṭṭhānabhāvato ñāṇavatthūni. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ยโต โข ภิกฺขเว อริยสาวโก เอวํ ชรามรณํ ปชานาติ, เอวํ ชรามรณสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ ชรามรณนิโรธํ ปชานาติ, เอวํ ชรามรณนิโรธคามินิํ ปฎิปทํ ปชานาตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๓๓)ฯ

    ‘‘Yato kho bhikkhave ariyasāvako evaṃ jarāmaraṇaṃ pajānāti, evaṃ jarāmaraṇasamudayaṃ pajānāti, evaṃ jarāmaraṇanirodhaṃ pajānāti, evaṃ jarāmaraṇanirodhagāminiṃ paṭipadaṃ pajānātī’’tiādi (saṃ. ni. 2.33).

    ชรามรณสมุทโยติ เจตฺถ ชาติ อธิเปฺปตาฯ เสสปเทสุ ภวาทโย เวทิตพฺพาฯ

    Jarāmaraṇasamudayoti cettha jāti adhippetā. Sesapadesu bhavādayo veditabbā.

    กุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ ผสฺสาทโย ปโรปณฺณาส กุสลธมฺมาฯ

    Kusalacittuppādesu phassādayo paropaṇṇāsa kusaladhammā.

    ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ ญาณํ, ‘‘อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณ’’นฺติ ญาณํ, อตีตมฺปิ อทฺธานํ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ ญาณํ, ‘‘อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณ’’นฺติ ญาณํ, อนาคตมฺปิ อทฺธานํ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ ญาณํ, ‘‘อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณ’’นฺติ ญาณํฯ ‘‘ยมฺปิ อิทํ ธมฺมฎฺฐิติญาณํ, ตมฺปิ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺม’’นฺติ ญาณนฺติ เอวํ ชรามรณาทีสุ เอกาทสสุ ปฎิจฺจสมุปฺปาทเงฺคสุ ปเจฺจกํ สตฺต สตฺต กตฺวา สตฺตสตฺตติ ญาณวตฺถูนิ (สํ. นิ. ๒.๓๔) เวทิตพฺพานิฯ ตตฺถ ยมฺปีติ ฉพฺพิธมฺปิ ปจฺจเวกฺขณญาณํ วิปสฺสนารมฺมณภาเวน เอกชฺฌํ คเหตฺวา วุตฺตํฯ ธมฺมฎฺฐิติญาณนฺติ ฉปิ ญาณานิ สงฺขิปิตฺวา วุตฺตํ ญาณํฯ ‘‘ขยธมฺม’’นฺติอาทินา ปน ปกาเรน ปวตฺตญาณสฺส ทสฺสนํ, วิปสฺสนาทสฺสนโต วิปสฺสนา ปฎิวิปสฺสนาทสฺสนมตฺตเมวาติ น ตํ ‘‘องฺค’’นฺติ วทนฺติ, ปาฬิยํ (สํ. นิ. ๒.๓๔) ปน สพฺพตฺถ ญาณวเสน องฺคานํ วุตฺตตฺตา ‘‘นิโรธธมฺมนฺติ ญาณ’’นฺติ อิติ-สเทฺทน ปกาเสตฺวา วุตฺตํ วิปสฺสนาญาณํ สตฺตมํ ญาณนฺติ อยมโตฺถ ทิสฺสติฯ น หิ ยมฺปิ อิทํ ธมฺมฎฺฐิติญาณํ, ตมฺปิ ญาณนฺติ สมฺพโนฺธ โหติ ญาณคฺคหเณน เอตสฺมิํ ญาณภาวทสฺสนสฺส อนธิเปฺปตตฺตา, ‘‘ขยธมฺมํ…เป.… นิโรธธมฺม’’นฺติ เอเตสํ สมฺพนฺธภาวปฺปสโงฺค จาติฯ จตุวีสติ…เป.… วชิรญาณนฺติ เอตฺถ เกจิ ตาว อาหุ ‘‘ภควา เทวสิกํ ทฺวาทสโกฎิสตสหสฺสกฺขตฺตุํ มหากรุณาสมาปตฺติํ สมาปชฺชติ, ทฺวาทสโกฎิสตสหสฺสกฺขตฺตุเมว จ อรหตฺตผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชติ, ตาสํ ปุเรจรํ, สหวจรญฺจ ญาณํ ปฎิปเกฺขหิ อเภชฺชตํ, มหตฺตญฺจ อุปาทาย มหาวชิรญาณํ นามฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –

    ‘‘Jātipaccayā jarāmaraṇa’’nti ñāṇaṃ, ‘‘asati jātiyā natthi jarāmaraṇa’’nti ñāṇaṃ, atītampi addhānaṃ ‘‘jātipaccayā jarāmaraṇa’’nti ñāṇaṃ, ‘‘asati jātiyā natthi jarāmaraṇa’’nti ñāṇaṃ, anāgatampi addhānaṃ ‘‘jātipaccayā jarāmaraṇa’’nti ñāṇaṃ, ‘‘asati jātiyā natthi jarāmaraṇa’’nti ñāṇaṃ. ‘‘Yampi idaṃ dhammaṭṭhitiñāṇaṃ, tampi khayadhammaṃ vayadhammaṃ virāgadhammaṃ nirodhadhamma’’nti ñāṇanti evaṃ jarāmaraṇādīsu ekādasasu paṭiccasamuppādaṅgesu paccekaṃ satta satta katvā sattasattati ñāṇavatthūni (saṃ. ni. 2.34) veditabbāni. Tattha yampīti chabbidhampi paccavekkhaṇañāṇaṃ vipassanārammaṇabhāvena ekajjhaṃ gahetvā vuttaṃ. Dhammaṭṭhitiñāṇanti chapi ñāṇāni saṅkhipitvā vuttaṃ ñāṇaṃ. ‘‘Khayadhamma’’ntiādinā pana pakārena pavattañāṇassa dassanaṃ, vipassanādassanato vipassanā paṭivipassanādassanamattamevāti na taṃ ‘‘aṅga’’nti vadanti, pāḷiyaṃ (saṃ. ni. 2.34) pana sabbattha ñāṇavasena aṅgānaṃ vuttattā ‘‘nirodhadhammanti ñāṇa’’nti iti-saddena pakāsetvā vuttaṃ vipassanāñāṇaṃ sattamaṃ ñāṇanti ayamattho dissati. Na hi yampi idaṃ dhammaṭṭhitiñāṇaṃ, tampi ñāṇanti sambandho hoti ñāṇaggahaṇena etasmiṃ ñāṇabhāvadassanassa anadhippetattā, ‘‘khayadhammaṃ…pe… nirodhadhamma’’nti etesaṃ sambandhabhāvappasaṅgo cāti. Catuvīsati…pe… vajirañāṇanti ettha keci tāva āhu ‘‘bhagavā devasikaṃ dvādasakoṭisatasahassakkhattuṃ mahākaruṇāsamāpattiṃ samāpajjati, dvādasakoṭisatasahassakkhattumeva ca arahattaphalasamāpattiṃ samāpajjati, tāsaṃ purecaraṃ, sahavacarañca ñāṇaṃ paṭipakkhehi abhejjataṃ, mahattañca upādāya mahāvajirañāṇaṃ nāma. Vuttañhetaṃ bhagavatā –

    ‘ตถาคตํ , ภิกฺขเว, อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เทฺว วิตกฺกา พหุลํ สมุทาจรนฺติ – เขโม จ วิตโกฺก, ปวิเวโก จ วิตโกฺก’ติ (อิติวุ. ๓๘)ฯ

    ‘Tathāgataṃ , bhikkhave, arahantaṃ sammāsambuddhaṃ dve vitakkā bahulaṃ samudācaranti – khemo ca vitakko, paviveko ca vitakko’ti (itivu. 38).

    เขมวิตโกฺก หิ ภควโต มหากรุณาสมาปตฺติํ ปูเรตฺวา ฐิโต, ปวิเวกวิตโกฺก อรหตฺตผลสมาปตฺติํฯ พุทฺธานญฺหิ ภวงฺคปริวาโส ลหุโก, มตฺถกปฺปโตฺต สมาปตฺตีสุ วสีภาโว, ตสฺมา สมาปชฺชนวุฎฺฐานานิ กติปยจิตฺตกฺขเณเหว อิชฺฌนฺติฯ ปญฺจ รูปาวจรสมาปตฺติโย จตโสฺส อรูปสมาปตฺติโย อปฺปมญฺญาสมาปตฺติยา สทฺธิํ ทส, นิโรธสมาปตฺติ, อรหตฺตผลสมาปตฺติ จาติ ทฺวาทเสตา สมาปตฺติโย ภควา ปเจฺจกํ ทิวเส ทิวเส โกฎิสตสหสฺสกฺขตฺตุํ ปุเรภตฺตํ สมาปชฺชติ, ตถา ปจฺฉาภตฺต’’นฺติฯ ‘‘เอวํ สมาปชฺชิตพฺพสมาปตฺติสญฺจาริตญาณํ มหาวชิรญาณํ นามา’’ติ เกจิฯ

    Khemavitakko hi bhagavato mahākaruṇāsamāpattiṃ pūretvā ṭhito, pavivekavitakko arahattaphalasamāpattiṃ. Buddhānañhi bhavaṅgaparivāso lahuko, matthakappatto samāpattīsu vasībhāvo, tasmā samāpajjanavuṭṭhānāni katipayacittakkhaṇeheva ijjhanti. Pañca rūpāvacarasamāpattiyo catasso arūpasamāpattiyo appamaññāsamāpattiyā saddhiṃ dasa, nirodhasamāpatti, arahattaphalasamāpatti cāti dvādasetā samāpattiyo bhagavā paccekaṃ divase divase koṭisatasahassakkhattuṃ purebhattaṃ samāpajjati, tathā pacchābhatta’’nti. ‘‘Evaṃ samāpajjitabbasamāpattisañcāritañāṇaṃ mahāvajirañāṇaṃ nāmā’’ti keci.

    อปเร ปน ‘‘ยํ ตํ ภควตา อภิสโมฺพธิทิวเส ปจฺฉิมยาเม ปฎิจฺจสมุปฺปาทมุเขน ปฎิโลมนเยน ชรามรณโต ปฎฺฐาย ญาณํ โอตาเรตฺวา อนุปทธมฺมวิปสฺสนํ อารภเนฺตน ยถา นาม ปุริโส สุวิทุคฺคํ มหาคหนํ มหาวนํ ฉินฺทโนฺต อนฺตรนฺตรา นิสานสิลายํ ผรสุํ สุนิสิตํ กโรติ, เอวเมว นิสานสิลาสทิสิโย สมาปตฺติโย อนฺตรนฺตรา สมาปชฺชิตฺวา ญาณสฺส ติกฺขวิสทสูรภาวํ สมฺปาเทตุํ อนุโลมปฎิโลมโต ปเจฺจกํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทงฺควเสน สมฺมสโนฺต ทิวเส ทิวเส ลกฺขโกฎิลกฺขโกฎิผลสมาปตฺติโย สมาปชฺชติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘จตุวีสติ…เป.… มหาวชิรญาณํ นิสฺสายา’ติ’’ฯ นนุ ภควโต สมาปตฺติสมาปชฺชเน ปริกเมฺม ปโยชนํ นตฺถีติ? นยิทํ เอกนฺติกํฯ ตถา หิ เวทนาปฎิปฺปณามนาทีสุ สวิเสสํ ปริกมฺมปุพฺพงฺคเมน สมาปตฺติโย สมาปชฺชิฯ อปเร ปน ‘‘โลกิยสมาปตฺติสมาปชฺชเน ปริกเมฺมน ปโยชนํ นตฺถิฯ โลกุตฺตรสมาปตฺติสมาปชฺชเน ตชฺชํ ปริกมฺมํ อิจฺฉิตพฺพเมวา’’ติ วทนฺติฯ

    Apare pana ‘‘yaṃ taṃ bhagavatā abhisambodhidivase pacchimayāme paṭiccasamuppādamukhena paṭilomanayena jarāmaraṇato paṭṭhāya ñāṇaṃ otāretvā anupadadhammavipassanaṃ ārabhantena yathā nāma puriso suviduggaṃ mahāgahanaṃ mahāvanaṃ chindanto antarantarā nisānasilāyaṃ pharasuṃ sunisitaṃ karoti, evameva nisānasilāsadisiyo samāpattiyo antarantarā samāpajjitvā ñāṇassa tikkhavisadasūrabhāvaṃ sampādetuṃ anulomapaṭilomato paccekaṃ paṭiccasamuppādaṅgavasena sammasanto divase divase lakkhakoṭilakkhakoṭiphalasamāpattiyo samāpajjati, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘catuvīsati…pe… mahāvajirañāṇaṃ nissāyā’ti’’. Nanu bhagavato samāpattisamāpajjane parikamme payojanaṃ natthīti? Nayidaṃ ekantikaṃ. Tathā hi vedanāpaṭippaṇāmanādīsu savisesaṃ parikammapubbaṅgamena samāpattiyo samāpajji. Apare pana ‘‘lokiyasamāpattisamāpajjane parikammena payojanaṃ natthi. Lokuttarasamāpattisamāpajjane tajjaṃ parikammaṃ icchitabbamevā’’ti vadanti.

    ‘‘อปรมฺปรา’’ติ ปทํ เยสํ เทสนาย อตฺถิ, เต อปรมฺปริยาวฯ กุสลปญฺญตฺติยนฺติ กุสลธมฺมานํ ปญฺญาปเนฯ อนุตฺตโรติ อุตฺตโมฯ อุปนิสฺสเย ฐตฺวาติ ญาณูปนิสฺสเย ฐตฺวา ยาทิโส ปุพฺพูปนิสฺสโย ปุพฺพโยโค, ตตฺถ ปติฎฺฐายฯ มหนฺตโต สทฺทหติ ปฎิปกฺขวิคเมน ญาณสฺส วิย สทฺธายปิ ติกฺขวิสทภาวาปตฺติโตฯ อวเสสอรหเนฺตหีติ ปกติสาวเกหิฯ อสีติ มหาเถรา ปรมตฺถทีปนิยํ เถรคาถาวณฺณนายํ นามโต อุทฺธฎาฯ จตฺตาโร มหาเถราติ มหากสฺสปอนุรุทฺธมหากจฺจานมหาโกฎฺฐิกเตฺถราฯ เตสุปิ อคฺคสาวเกสุ สาริปุตฺตเตฺถโร ปญฺญาย วิสิฎฺฐภาวโตฯ สาริปุตฺตเตฺถรโตปิ เอโก ปเจฺจกพุโทฺธ ติกฺขวิสทญาโณ อภินีหารมหนฺตตาย สมฺภตญาณสมฺภารตฺตาฯ สติปิ ปเจฺจกโพธิยา อวิเสเสสุ พหูสุ เอกชฺฌํ สนฺนิปติเตสุ ปุพฺพโยควเสน โลกิเย วิสเย สิยา กสฺสจิ ญาณสฺส วิสิฎฺฐตาติ ทเสฺสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘สพฺพญฺญุพุโทฺธว พุทฺธคุเณ มหนฺตโต สทฺทหตี’’ติ อิทํ เหฎฺฐา อาคตเทสนาโสตวเสน วุตฺตํฯ พุทฺธา หิ พุทฺธคุเณ มหตฺตํ ปจฺจกฺขโตว ปสฺสนฺติ, น สทฺทหนวเสนฯ

    ‘‘Aparamparā’’ti padaṃ yesaṃ desanāya atthi, te aparampariyāva. Kusalapaññattiyanti kusaladhammānaṃ paññāpane. Anuttaroti uttamo. Upanissaye ṭhatvāti ñāṇūpanissaye ṭhatvā yādiso pubbūpanissayo pubbayogo, tattha patiṭṭhāya. Mahantato saddahati paṭipakkhavigamena ñāṇassa viya saddhāyapi tikkhavisadabhāvāpattito. Avasesaarahantehīti pakatisāvakehi. Asīti mahātherā paramatthadīpaniyaṃ theragāthāvaṇṇanāyaṃ nāmato uddhaṭā. Cattāro mahātherāti mahākassapaanuruddhamahākaccānamahākoṭṭhikattherā. Tesupi aggasāvakesu sāriputtatthero paññāya visiṭṭhabhāvato. Sāriputtattheratopi eko paccekabuddho tikkhavisadañāṇo abhinīhāramahantatāya sambhatañāṇasambhārattā. Satipi paccekabodhiyā avisesesu bahūsu ekajjhaṃ sannipatitesu pubbayogavasena lokiye visaye siyā kassaci ñāṇassa visiṭṭhatāti dassetuṃ ‘‘sace panā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Sabbaññubuddhova buddhaguṇe mahantato saddahatī’’ti idaṃ heṭṭhā āgatadesanāsotavasena vuttaṃ. Buddhā hi buddhaguṇe mahattaṃ paccakkhatova passanti, na saddahanavasena.

    อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘เสยฺยถาปิ นามา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ คมฺภีโร อุตฺตาโนติ คมฺภีโร วา อุตฺตาโน วาติ ชานนตฺถํฯ ‘‘เอวเมวา’’ติอาทิ ยถาทสฺสิตาย อุปมาย อุปเมเยฺยน สํสนฺทนํฯ พุทฺธคุเณสุ อปฺปมตฺตวิสยมฺปิ โลกิยมหาชนสฺส ญาณํ อปวตฺติตรูเปเนว ปวตฺตติ อนวตฺติตสภาวตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘เอกพฺยาม…เป.… เวทิตพฺพา’’ติฯ ตตฺถ ญาตอุทกํ วิยาติ ปมาณโต ญาตอุทกํ วิยฯ อริยานํ ปน ตตฺถ อตฺตโน วิสเย ปวตฺตนกญาณํ ปวตฺติตรูเปเนว ปวตฺตติ อตฺตโน ปฎิเวธานุรูปํ, อภินีหารานุรูปญฺจ อวตฺติตสภาวตฺตาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ทสพฺยามโยเตฺตนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปฎิวิทฺธสจฺจานมฺปิ ปฎิปกฺขวิธมนปุพฺพโยควิเสสวเสน ญาณํ สาติสยํ, มหานุภาวญฺจ โหตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสตุํ โสตาปนฺนญาณสฺส ทสพฺยามอุทกํ โอปมฺมภาเวน ทเสฺสตฺวา ตโต ปเรสํ ทสุตฺตรทิคุณทสคุณอสีติคุณวิสิฎฺฐํ อุทกํ โอปมฺมํ กตฺวา ทสฺสิตํฯ นนุ เอวํ สเนฺต พุทฺธคุณา ปริมิตปริจฺฉินฺนา, เถเรน จ เต ปริจฺฉิชฺช ญาตาติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถ ยถา โส ปุริโส’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ โส ปุริโสติ โส จตุราสีติพฺยามสหสฺสปฺปมาเณน โยเตฺตน จตุราสีติพฺยามสหสฺสฎฺฐาเน มหาสมุเทฺท อุทกํ มินิตฺวา ฐิโต ปุริโสฯ โส หิ เถรสฺส อุปมาภาเวน คหิโตฯ ธมฺมนฺวเยนาติ อนุมานญาเณนฯ ตญฺหิ สิทฺธํ ธมฺมํ อนุคนฺตฺวา ปวตฺตนโต ‘‘ธมฺมนฺวโย’’ติ วุจฺจติ, ตถา อนฺวยวเสน อตฺถสฺส พุชฺฌนโต อนฺวยพุทฺธิ, อนุเมยฺยํ อนุมิโนตีติ อนุมานํ, นิทสฺสเน ทิฎฺฐนเยน อนุเมยฺยํ คณฺหาตีติ ‘‘นยคฺคาโห’’ติ จ วุจฺจติฯ เตนาห ‘‘ธมฺมนฺวเยนา’’ติอาทิฯ สฺวายํ ธมฺมนฺวโย น ยสฺส กสฺสจิ โหติ, อถ โข ตถารูปสฺส อคฺคสาวกเสฺสวาติ อาห ‘‘สาวกปารมิญาเณ ฐตฺวา’’ติฯ ยทิ เถโร พุทฺธคุเณ เอกเทสโต ปจฺจเกฺข กตฺวา ตทเญฺญ นยคฺคาเหน คณฺหิ, นนุ เอวํ สเนฺต พุทฺธคุณา ปริมิตปริจฺฉินฺนา อาปนฺนาติ? นยิทํ เอวนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนนฺตา อปริมาณา’’ติฯ

    Idāni yathāvuttamatthaṃ upamāya vibhāvetuṃ ‘‘seyyathāpi nāmā’’tiādi āraddhaṃ. Gambhīro uttānoti gambhīro vā uttāno vāti jānanatthaṃ. ‘‘Evamevā’’tiādi yathādassitāya upamāya upameyyena saṃsandanaṃ. Buddhaguṇesu appamattavisayampi lokiyamahājanassa ñāṇaṃ apavattitarūpeneva pavattati anavattitasabhāvattāti vuttaṃ ‘‘ekabyāma…pe… veditabbā’’ti. Tattha ñātaudakaṃ viyāti pamāṇato ñātaudakaṃ viya. Ariyānaṃ pana tattha attano visaye pavattanakañāṇaṃ pavattitarūpeneva pavattati attano paṭivedhānurūpaṃ, abhinīhārānurūpañca avattitasabhāvattāti dassento ‘‘dasabyāmayottenā’’tiādimāha. Tattha paṭividdhasaccānampi paṭipakkhavidhamanapubbayogavisesavasena ñāṇaṃ sātisayaṃ, mahānubhāvañca hotīti imamatthaṃ dassetuṃ sotāpannañāṇassa dasabyāmaudakaṃ opammabhāvena dassetvā tato paresaṃ dasuttaradiguṇadasaguṇaasītiguṇavisiṭṭhaṃ udakaṃ opammaṃ katvā dassitaṃ. Nanu evaṃ sante buddhaguṇā parimitaparicchinnā, therena ca te paricchijja ñātāti āpajjatīti? Nāpajjatīti dassento ‘‘tattha yathā so puriso’’tiādimāha. Tattha so purisoti so caturāsītibyāmasahassappamāṇena yottena caturāsītibyāmasahassaṭṭhāne mahāsamudde udakaṃ minitvā ṭhito puriso. So hi therassa upamābhāvena gahito. Dhammanvayenāti anumānañāṇena. Tañhi siddhaṃ dhammaṃ anugantvā pavattanato ‘‘dhammanvayo’’ti vuccati, tathā anvayavasena atthassa bujjhanato anvayabuddhi, anumeyyaṃ anuminotīti anumānaṃ, nidassane diṭṭhanayena anumeyyaṃ gaṇhātīti ‘‘nayaggāho’’ti ca vuccati. Tenāha ‘‘dhammanvayenā’’tiādi. Svāyaṃ dhammanvayo na yassa kassaci hoti, atha kho tathārūpassa aggasāvakassevāti āha ‘‘sāvakapāramiñāṇe ṭhatvā’’ti. Yadi thero buddhaguṇe ekadesato paccakkhe katvā tadaññe nayaggāhena gaṇhi, nanu evaṃ sante buddhaguṇā parimitaparicchinnā āpannāti? Nayidaṃ evanti dassento ‘‘anantā aparimāṇā’’ti.

    ‘‘สทฺทหตี’’ติ วตฺวา ปุน ตเมวตฺถํ วิภาเวโนฺต ‘‘เถเรน หิ…เป.… พหุตรา’’ติ อาหฯ กถํ ปนายมโตฺถ เอวํ ทฎฺฐโพฺพติ เอวํ อธิปฺปายเภทกํ อุปมาย สญฺญาเปตุํ ‘‘ยถา กถํ วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ ‘‘อุปมายมิเธกเจฺจ วิญฺญู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๗) อิโต นว อิโต นวาติ อิโต มชฺฌฎฺฐานโต ยาว ทกฺขิณตีรา นว อิโต มชฺฌฎฺฐานโต ยาว อุตฺตรตีรา นวฯ อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ สุเตฺตน สมเตฺถตุํ ‘‘พุโทฺธปี’’ติ คาถมาหฯ

    ‘‘Saddahatī’’ti vatvā puna tamevatthaṃ vibhāvento ‘‘therena hi…pe… bahutarā’’ti āha. Kathaṃ panāyamattho evaṃ daṭṭhabboti evaṃ adhippāyabhedakaṃ upamāya saññāpetuṃ ‘‘yathā kathaṃ viyā’’tiādi vuttaṃ ‘‘upamāyamidhekacce viññū purisā bhāsitassa atthaṃ ājānantī’’ti (saṃ. ni. 2.67) ito nava ito navāti ito majjhaṭṭhānato yāva dakkhiṇatīrā nava ito majjhaṭṭhānato yāva uttaratīrā nava. Idāni yathāvuttamatthaṃ suttena samatthetuṃ ‘‘buddhopī’’ti gāthamāha.

    ยมกยุคฬมหานทีมโหโฆ วิยาติ ทฺวินฺนํ เอกโต สมาคตตฺตา ยุคฬภูตานํ มหานทีนํ มโหโฆ วิยฯ

    Yamakayugaḷamahānadīmahogho viyāti dvinnaṃ ekato samāgatattā yugaḷabhūtānaṃ mahānadīnaṃ mahogho viya.

    อนุจฺฉวิกํ กตฺวาติ โยยํ มม ปสาโท พุทฺธคุเณ อารพฺภ โอคาโฬฺห หุตฺวา อุปฺปโนฺน, ตํ อนุจฺฉวิกํ อนุรูปํ กตฺวาฯ ปฎิคฺคเหตุํ สมฺปฎิจฺฉิตุํ อโญฺญ โกจิ น สกฺขิสฺสติ ยาถาวโต อนวพุชฺฌนโตฯ ปฎิคฺคเหตุํ สโกฺกติ ตสฺส เหตุโต, ปจฺจยโต, สภาวโต, กิจฺจโต, ผลโต สมฺมเทว ปฎิวิชฺฌนโตฯ ปูรตฺตนฺติ ปุณฺณภาโวฯ ปคฺฆรณกาเลติ วิกิรณกาเล, ปตนกาเลติ อโตฺถฯ ‘‘ปสโนฺน’’ติ อิมินา ปสาทสฺส วตฺตมานตา ทีปิตาติ ‘‘อุปฺปนฺนสโทฺธ’’ติ อิมินาปิ สทฺธาย ปจฺจุปฺปนฺนตา ปกาสิตาติ อาห ‘‘เอวํ สทฺทหามีติ อโตฺถ’’ติฯ อภิญฺญายตีติ อภิโญฺญ, อธิโก อภิโญฺญ ภิโยฺยภิโญฺญ, โส เอว อติสยวจนิจฺฉาวเสน ‘‘ภิโยฺยภิญฺญตโร’’ติ วุโตฺตติ อาห ‘‘ภิยฺยตโร อภิญฺญาโต’’ติฯ ทุติยวิกเปฺป ปน อภิชานาตีติ อภิญฺญา, อภิวิสิฎฺฐา ปญฺญา, ภิโยฺย อภิญฺญา เอตสฺสาติ ภิโยฺยภิโญฺญ, โส เอว อติสยวจนิจฺฉาวเสน ภิโยฺยภิญฺญตโร, สฺวายมสฺส อติสโย อภิญฺญาย ภิโยฺยภาวกโตติ อาห ‘‘ภิยฺยตราภิโญฺญ วา’’ติฯ สมฺพุชฺฌติ เอตายาติ สโมฺพธิ, สพฺพญฺญุตญฺญาณํ, อคฺคมคฺคญาณญฺจฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณปทฎฺฐานญฺหิ อคฺคมคฺคญาณํ, อคฺคมคฺคญาณปทฎฺฐานญฺจ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ สโมฺพธิ นามฯ ตตฺถ ปธานวเสน ตทตฺถทสฺสเน ปฐมวิกโปฺป, ปทฎฺฐานวเสน ทุติยวิกโปฺปฯ กสฺมา ปเนตฺถ อรหตฺตมคฺคญาณเสฺสว คหณํ, นนุ เหฎฺฐิมานิปิ ภควโต มคฺคญาณานิ สวาสนเมว ยถาสกํ ปฎิปกฺขวิธมนวเสน ปวตฺตานิฯ สวาสนปฺปหานญฺหิ เญยฺยาวรณปฺปหานนฺติ? สจฺจเมตํ, ตํ ปน อปริปุณฺณํ ปฎิปกฺขวิธมนสฺส วิปฺปกตภาวโตติ อาห ‘‘อรหตฺตมคฺคญาเณ วา’’ติฯ อคฺคมคฺควเสน เจตฺถ อริยานํ โพธิตฺตยปาริปูรีติ ทเสฺสตุํ ‘‘อรหตฺตมเคฺคเนว หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นิปฺปเทสาติ อนวเสสาฯ คหิตา โหนฺตีติ อรหตฺตมเคฺคน คหิเตน อธิคเตน คหิตา อธิคตา โหนฺติฯ สพฺพนฺติ เตหิ อธิคนฺตพฺพํฯ เตนาติ สโมฺพธินา สพฺพญฺญุตญฺญาณปทฎฺฐาเนน อรหตฺตมคฺคญาเณนฯ

    Anucchavikaṃkatvāti yoyaṃ mama pasādo buddhaguṇe ārabbha ogāḷho hutvā uppanno, taṃ anucchavikaṃ anurūpaṃ katvā. Paṭiggahetuṃ sampaṭicchituṃ añño koci na sakkhissati yāthāvato anavabujjhanato. Paṭiggahetuṃ sakkoti tassa hetuto, paccayato, sabhāvato, kiccato, phalato sammadeva paṭivijjhanato. Pūrattanti puṇṇabhāvo. Paggharaṇakāleti vikiraṇakāle, patanakāleti attho. ‘‘Pasanno’’ti iminā pasādassa vattamānatā dīpitāti ‘‘uppannasaddho’’ti imināpi saddhāya paccuppannatā pakāsitāti āha ‘‘evaṃ saddahāmīti attho’’ti. Abhiññāyatīti abhiñño, adhiko abhiñño bhiyyobhiñño, so eva atisayavacanicchāvasena ‘‘bhiyyobhiññataro’’ti vuttoti āha ‘‘bhiyyataro abhiññāto’’ti. Dutiyavikappe pana abhijānātīti abhiññā, abhivisiṭṭhā paññā, bhiyyo abhiññā etassāti bhiyyobhiñño, so eva atisayavacanicchāvasena bhiyyobhiññataro, svāyamassa atisayo abhiññāya bhiyyobhāvakatoti āha ‘‘bhiyyatarābhiñño vā’’ti. Sambujjhati etāyāti sambodhi, sabbaññutaññāṇaṃ, aggamaggañāṇañca. Sabbaññutaññāṇapadaṭṭhānañhi aggamaggañāṇaṃ, aggamaggañāṇapadaṭṭhānañca sabbaññutaññāṇaṃ sambodhi nāma. Tattha padhānavasena tadatthadassane paṭhamavikappo, padaṭṭhānavasena dutiyavikappo. Kasmā panettha arahattamaggañāṇasseva gahaṇaṃ, nanu heṭṭhimānipi bhagavato maggañāṇāni savāsanameva yathāsakaṃ paṭipakkhavidhamanavasena pavattāni. Savāsanappahānañhi ñeyyāvaraṇappahānanti? Saccametaṃ, taṃ pana aparipuṇṇaṃ paṭipakkhavidhamanassa vippakatabhāvatoti āha ‘‘arahattamaggañāṇe vā’’ti. Aggamaggavasena cettha ariyānaṃ bodhittayapāripūrīti dassetuṃ ‘‘arahattamaggeneva hī’’tiādi vuttaṃ. Nippadesāti anavasesā. Gahitā hontīti arahattamaggena gahitena adhigatena gahitā adhigatā honti. Sabbanti tehi adhigantabbaṃ. Tenāti sambodhinā sabbaññutaññāṇapadaṭṭhānena arahattamaggañāṇena.

    ๑๔๒. ขาทนียานํ อุฬารตา สาตรสานุภาเวนาติ อาห ‘‘มธุเร อาคจฺฉตี’’ติฯ ปสํสาย อุฬารตา วิสิฎฺฐภาเวนาติ อาห ‘‘เสเฎฺฐ’’ติ, โอภาสสฺส อุฬารตา มหนฺตภาเวนาติ วุตฺตํ ‘‘วิปุเล’’ติฯ อุสภสฺส อยนฺติ อาสภี, อิธ ปน อาสภี วิยาติ อาสภีฯ เตนาห ‘‘อุสภสฺส วาจาสทิสี’’ติฯ เยน ปน คุเณนสฺสา ตํสทิสตา, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อจลา อสมฺปเวธี’’ติ วุตฺตํฯ ยโต กุโตจิ อนุสฺสวนํ อนุสฺสโวฯ วิชฺชาฎฺฐาเนสุ กตปริจยานํ อาจริยานํ ตํ ตมตฺถํ วิญฺญาเปนฺตี ปเวณี อาจริยปรมฺปราฯ เกวลํ อตฺตโน มติยา ‘‘อิติกิร เอวํกิรา’’ติ ปริกปฺปนา อิติกิรฯ ปิฎกสฺส คนฺถสฺส สมฺปทานโต สยํ สมฺปทานภาเวน คหณํ ปิฎกสมฺปทานํฯ ยถาสุตานํ อตฺถานํ อาการสฺส ปริวิตกฺกนํ อาการปริวิตโกฺกฯ ตเถว ‘‘เอวเมต’’นฺติ ทิฎฺฐิยา นิชฺฌานกฺขมนํ ทิฎฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติฯ อาคมาธิคเมหิ วินา ตกฺกมคฺคํ นิสฺสาย ตกฺกนํ ตโกฺกฯ อนุมานวิธิํ นิสฺสาย นยคฺคาโหฯ ยสฺมา พุทฺธวิสเย ฐตฺวา ภควโต อยํ เถรสฺส โจทนา, เถรสฺส จ โส อวิสโย, ตสฺมา ‘‘ปจฺจกฺขโต ญาเณน ปฎิวิชฺฌิตฺวา วิยา’’ติ วุตฺตํฯ สีหนาโท วิยาติ สีหนาโท, ตํสทิสตา จสฺส เสฎฺฐภาเวน, โส เจตฺถ เอวํ เวทิตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สีหนาโท’’ติอาทิมาหฯ เนว ทนฺธายเนฺตนาติ น มนฺทายเนฺตนฯ น ภคฺครายเนฺตนาติ อปริสงฺกเนฺตนฯ

    142. Khādanīyānaṃ uḷāratā sātarasānubhāvenāti āha ‘‘madhure āgacchatī’’ti. Pasaṃsāya uḷāratā visiṭṭhabhāvenāti āha ‘‘seṭṭhe’’ti, obhāsassa uḷāratā mahantabhāvenāti vuttaṃ ‘‘vipule’’ti. Usabhassa ayanti āsabhī, idha pana āsabhī viyāti āsabhī. Tenāha ‘‘usabhassa vācāsadisī’’ti. Yena pana guṇenassā taṃsadisatā, taṃ dassetuṃ ‘‘acalā asampavedhī’’ti vuttaṃ. Yato kutoci anussavanaṃ anussavo. Vijjāṭṭhānesu kataparicayānaṃ ācariyānaṃ taṃ tamatthaṃ viññāpentī paveṇī ācariyaparamparā. Kevalaṃ attano matiyā ‘‘itikira evaṃkirā’’ti parikappanā itikira. Piṭakassa ganthassa sampadānato sayaṃ sampadānabhāvena gahaṇaṃ piṭakasampadānaṃ. Yathāsutānaṃ atthānaṃ ākārassa parivitakkanaṃ ākāraparivitakko. Tatheva ‘‘evameta’’nti diṭṭhiyā nijjhānakkhamanaṃ diṭṭhinijjhānakkhanti. Āgamādhigamehi vinā takkamaggaṃ nissāya takkanaṃ takko. Anumānavidhiṃ nissāya nayaggāho. Yasmā buddhavisaye ṭhatvā bhagavato ayaṃ therassa codanā, therassa ca so avisayo, tasmā ‘‘paccakkhato ñāṇena paṭivijjhitvā viyā’’ti vuttaṃ. Sīhanādo viyāti sīhanādo, taṃsadisatā cassa seṭṭhabhāvena, so cettha evaṃ veditabboti dassento ‘‘sīhanādo’’tiādimāha. Neva dandhāyantenāti na mandāyantena. Na bhaggarāyantenāti aparisaṅkantena.

    อนุโยคทาปนตฺถนฺติ อนุโยคํ โสธาเปตุํฯ วิมทฺทกฺขมญฺหิ สีหนาทํ นทโนฺต อตฺถโต ตตฺถ อนุโยคํ โสเธติ นามฯ อนุยุญฺชโนฺต จ นํ โสธาเปติ นามฯ ทาตุนฺติ โสเธตุํฯ เกจิ ‘‘ทานตฺถ’’นฺติ อตฺถํ วทนฺติ, ตทยุตฺตํฯ น หิ โย สีหนาทํ นทติ, โส เอว ตตฺถ อนุโยคํ เทตีติ ยุชฺชติฯ นิฆํสนนฺติ วิมทฺทนํฯ ธมมานนฺติ ตาปยมานํ, ตาปนเญฺจตฺถ คคฺคริยา ธมาปนสีเสน วทติฯ สเพฺพ เตติ สเพฺพ เต อตีเต นิรุเทฺธ สมฺมาสมฺพุเทฺธ, เตเนตํ ทเสฺสติ – เย เต อเหสุํ อตีตํ อทฺธานํ ตว อภินีหารโต โอรํ สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสํ ตาว สาวกญาณโคจเร ธเมฺม ปริจฺฉินฺทโนฺต มาราทโย วิย พุทฺธานํ โลกิยจิตฺตจารํ ตฺวํ ชาเนยฺยาสิฯ เย ปน เต อพฺภตีตา ตโต ปรโต ฉินฺนวฎุมา ฉินฺนปปญฺจา ปริยาทิณฺณวฎฺฎา สพฺพทุกฺขวีติวตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสํ สเพฺพสมฺปิ สาวกญาณสฺส อวิสยภูเต ธเมฺม กถํ ชานิสฺสสีติฯ

    Anuyogadāpanatthanti anuyogaṃ sodhāpetuṃ. Vimaddakkhamañhi sīhanādaṃ nadanto atthato tattha anuyogaṃ sodheti nāma. Anuyuñjanto ca naṃ sodhāpeti nāma. Dātunti sodhetuṃ. Keci ‘‘dānattha’’nti atthaṃ vadanti, tadayuttaṃ. Na hi yo sīhanādaṃ nadati, so eva tattha anuyogaṃ detīti yujjati. Nighaṃsananti vimaddanaṃ. Dhamamānanti tāpayamānaṃ, tāpanañcettha gaggariyā dhamāpanasīsena vadati. Sabbe teti sabbe te atīte niruddhe sammāsambuddhe, tenetaṃ dasseti – ye te ahesuṃ atītaṃ addhānaṃ tava abhinīhārato oraṃ sammāsambuddhā, tesaṃ tāva sāvakañāṇagocare dhamme paricchindanto mārādayo viya buddhānaṃ lokiyacittacāraṃ tvaṃ jāneyyāsi. Ye pana te abbhatītā tato parato chinnavaṭumā chinnapapañcā pariyādiṇṇavaṭṭā sabbadukkhavītivattā sammāsambuddhā, tesaṃ sabbesampi sāvakañāṇassa avisayabhūte dhamme kathaṃ jānissasīti.

    อนาคตพุทฺธานํ ปนาติ ปน-สโทฺท วิเสสตฺถโชตโน, เตน อตีเตสุ ตาว ขนฺธานํ ภูตปุพฺพตฺตา ตตฺถ สิยา ญาณสฺส สวิสเย คติ, อนาคเตสุ ปน สพฺพโส อสญฺชาเตสุ กถนฺติ อิมมตฺถํ โชเตติฯ เตนาห ‘‘อนาคตาปี’’ติอาทิ ฯ ‘‘จิเตฺตน ปริจฺฉินฺทิตฺวา วิทิตา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อตีตานาคเต สตฺตาเห เอว ปวตฺตํ จิตฺตํ เจโตปริยญาณสฺส วิสโย, น ตโต ปรนฺติ? นยิทํ เจโตปริยญาณกิจฺจวเสน วุตฺตํ, อถ โข ปุเพฺพนิวาสอนาคตํสญาณวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา นายํ โทโสฯ

    Anāgatabuddhānaṃ panāti pana-saddo visesatthajotano, tena atītesu tāva khandhānaṃ bhūtapubbattā tattha siyā ñāṇassa savisaye gati, anāgatesu pana sabbaso asañjātesu kathanti imamatthaṃ joteti. Tenāha ‘‘anāgatāpī’’tiādi . ‘‘Cittena paricchinditvā viditā’’ti kasmā vuttaṃ, nanu atītānāgate sattāhe eva pavattaṃ cittaṃ cetopariyañāṇassa visayo, na tato paranti? Nayidaṃ cetopariyañāṇakiccavasena vuttaṃ, atha kho pubbenivāsaanāgataṃsañāṇavasena vuttaṃ, tasmā nāyaṃ doso.

    วิทิตฎฺฐาเน น กโรติ สิกฺขาปเทเนว ตาทิสสฺส ปฎิเกฺขปสฺส ปฎิกฺขิตฺตตฺตา, เสตุฆาตโต จฯ กถํ ปน เถโร ทฺวยสมฺภเว ปฎิเกฺขปเมว อกาสิ, น วิภชฺช พฺยากาสีติ อาห ‘‘เถโร กิรา’’ติอาทิฯ ปารํ ปริยนฺตํ มิโนตีติ ปารมี, สา เอว ญาณนฺติ ปารมิญาณํ, สาวกานํ ปารมิญาณํ สาวกปารมิญาณํ, ตสฺมิํฯ สาวกานํ อุกฺกํสปริยนฺตคเต ชานเน นายํ อนุโยโค, อถ โข สพฺพญฺญุตญฺญาเณ สพฺพญฺญุตาย ชานเนฯ เกจิ ปน ‘‘สาวกปารมิญาเณติ สาวกปารมิญาณวิสเย’’ติ อตฺถํ วทนฺติฯ ตถา เสสปเทสุปิฯ สีล ..เป.… สมตฺถนฺติ สีลสมาธิปญฺญาวิมุตฺติสงฺขาตการณานํ ชานนสมตฺถํฯ พุทฺธสีลาทโย หิ พุทฺธานํ พุทฺธกิจฺจสฺส, ปเรหิ ‘‘พุทฺธา’’ติ ชานนสฺส จ การณํฯ

    Viditaṭṭhāne na karoti sikkhāpadeneva tādisassa paṭikkhepassa paṭikkhittattā, setughātato ca. Kathaṃ pana thero dvayasambhave paṭikkhepameva akāsi, na vibhajja byākāsīti āha ‘‘thero kirā’’tiādi. Pāraṃ pariyantaṃ minotīti pāramī, sā eva ñāṇanti pāramiñāṇaṃ, sāvakānaṃ pāramiñāṇaṃ sāvakapāramiñāṇaṃ, tasmiṃ. Sāvakānaṃ ukkaṃsapariyantagate jānane nāyaṃ anuyogo, atha kho sabbaññutaññāṇe sabbaññutāya jānane. Keci pana ‘‘sāvakapāramiñāṇeti sāvakapāramiñāṇavisaye’’ti atthaṃ vadanti. Tathā sesapadesupi. Sīla..pe… samatthanti sīlasamādhipaññāvimuttisaṅkhātakāraṇānaṃ jānanasamatthaṃ. Buddhasīlādayo hi buddhānaṃ buddhakiccassa, parehi ‘‘buddhā’’ti jānanassa ca kāraṇaṃ.

    ๑๔๓. อนุมานญาณํ วิย สํสยปิฎฺฐิกํ อหุตฺวา ‘‘อิทมิท’’นฺติ ยถาสภาวโต เญยฺยํ ธาเรติ นิจฺฉิโนตีติ ธโมฺม, ปจฺจกฺขญาณนฺติ อาห ‘‘ธมฺมสฺส ปจฺจกฺขโต ญาณสฺสา’’ติฯ อนุเอตีติ อนฺวโยติ อาห ‘‘อนุโยคํ อนุคนฺตฺวา’’ติฯ ปจฺจกฺขสิทฺธญฺหิ อตฺถํ อนุคนฺตฺวา อนุมานญาณสฺส ปวตฺติ ทิเฎฺฐน อทิฎฺฐสฺส อนุมานนฺติ เวทิตโพฺพฯ วิทิเต เวทกมฺปิ ญาณํ อตฺถโต วิทิตเมว โหตีติ ‘‘อนุมานญาณํ นยคฺคาโห วิทิโต’’ติ วุตฺตํฯ วิทิโตติ วิโทฺธ ปฎิลโทฺธ, อธิคโตติ อโตฺถฯ อปฺปมาโณติ อปริมาโณ มหาวิสยตฺตาฯ เตนาห ‘‘อปริยโนฺต’’ติฯ เตนาติ อปริยนฺตตฺตา, เตน วา อปริยเนฺตน ญาเณน, เอเตเนว เถโร ยํ ยํ อนุเมยฺยมตฺถํ ญาตุกาโม โหติ, ตตฺถ ตตฺถสฺส อสงฺคมปฺปฎิหฎอนุมานญาณํ ปวตฺตตีติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘โส อิมินา’’ติอาทิฯ ตตฺถ อิมินาติ อิมินา การเณนฯ ปาการสฺส ถิรภาวํ อุทฺธมุทฺธํ อาเปตีติ อุทฺธาปํ, ปาการมูลํฯ อาทิ-สเทฺทน ปาการทฺวารพนฺธปริขาทีนํ สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ ปจฺจเนฺต ภวํ ปจฺจนฺติมํฯ ปณฺฑิตโทวาริกฎฺฐานิยํ กตฺวา เถโร อตฺตานํ ทเสฺสตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอกทฺวารนฺติ กสฺมา อาหา’’ติ โจทนํ สมุฎฺฐาเปสิฯ ยสฺสา ปญฺญาย วเสน ปุริโส ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ วุจฺจติ, ตํ ปณฺฑิจฺจนฺติ อาห ‘‘ปณฺฑิเจฺจน สมนฺนาคโต’’ติฯ ตํตํอิติกตฺตพฺพตาสุ เฉกภาโว พฺยตฺตภาโว เวยฺยตฺติยํฯ เมธติ สโมฺมสํ หิํสติ วิธมตีติ เมธา, สา เอตสฺส อตฺถีติ เมธาวีฯ ฐาเน ฐาเน อุปฺปตฺติ เอติสฺสา อตฺถีติ ฐานุปฺปตฺติกา, ฐานโส อุปฺปชฺชนกปญฺญาฯ อนุปริยายนฺติ เอเตนาติ อนุปริยาโย, โส เอว ปโถติ อนุปริยายปโถ, ปริโต ปาการสฺส อนุสํยายนมโคฺคฯ ปาการภาคา สนฺธาตพฺพา เอตฺถาติ ปาการสนฺธิ, ปาการสฺส ผุลฺลิตปฺปเทโสฯ โส ปน เหฎฺฐิมเนฺตน ทฺวินฺนมฺปิ อิฎฺฐกานํ วิคเมน เอวํ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ทฺวินฺนํ อิฎฺฐกานํ อปคตฎฺฐาน’’นฺติฯ ฉินฺนฎฺฐานนฺติ ฉินฺนภินฺนปฺปเทโส, ฉินฺนฎฺฐานํ วาฯ ตญฺหิ ‘‘วิวร’’นฺติ วุจฺจติฯ

    143. Anumānañāṇaṃ viya saṃsayapiṭṭhikaṃ ahutvā ‘‘idamida’’nti yathāsabhāvato ñeyyaṃ dhāreti nicchinotīti dhammo, paccakkhañāṇanti āha ‘‘dhammassa paccakkhato ñāṇassā’’ti. Anuetīti anvayoti āha ‘‘anuyogaṃ anugantvā’’ti. Paccakkhasiddhañhi atthaṃ anugantvā anumānañāṇassa pavatti diṭṭhena adiṭṭhassa anumānanti veditabbo. Vidite vedakampi ñāṇaṃ atthato viditameva hotīti ‘‘anumānañāṇaṃ nayaggāho vidito’’ti vuttaṃ. Viditoti viddho paṭiladdho, adhigatoti attho. Appamāṇoti aparimāṇo mahāvisayattā. Tenāha ‘‘apariyanto’’ti. Tenāti apariyantattā, tena vā apariyantena ñāṇena, eteneva thero yaṃ yaṃ anumeyyamatthaṃ ñātukāmo hoti, tattha tatthassa asaṅgamappaṭihaṭaanumānañāṇaṃ pavattatīti dasseti. Tenāha ‘‘so iminā’’tiādi. Tattha imināti iminā kāraṇena. Pākārassa thirabhāvaṃ uddhamuddhaṃ āpetīti uddhāpaṃ, pākāramūlaṃ. Ādi-saddena pākāradvārabandhaparikhādīnaṃ saṅgaho veditabbo. Paccante bhavaṃ paccantimaṃ. Paṇḍitadovārikaṭṭhāniyaṃ katvā thero attānaṃ dassetīti dassento ‘‘ekadvāranti kasmā āhā’’ti codanaṃ samuṭṭhāpesi. Yassā paññāya vasena puriso ‘‘paṇḍito’’ti vuccati, taṃ paṇḍiccanti āha ‘‘paṇḍiccena samannāgato’’ti. Taṃtaṃitikattabbatāsu chekabhāvo byattabhāvo veyyattiyaṃ. Medhati sammosaṃ hiṃsati vidhamatīti medhā, sā etassa atthīti medhāvī. Ṭhāne ṭhāne uppatti etissā atthīti ṭhānuppattikā, ṭhānaso uppajjanakapaññā. Anupariyāyanti etenāti anupariyāyo, so eva pathoti anupariyāyapatho, parito pākārassa anusaṃyāyanamaggo. Pākārabhāgā sandhātabbā etthāti pākārasandhi, pākārassa phullitappadeso. So pana heṭṭhimantena dvinnampi iṭṭhakānaṃ vigamena evaṃ vuccatīti āha ‘‘dvinnaṃ iṭṭhakānaṃ apagataṭṭhāna’’nti. Chinnaṭṭhānanti chinnabhinnappadeso, chinnaṭṭhānaṃ vā. Tañhi ‘‘vivara’’nti vuccati.

    กิลิฎฺฐนฺติ มลีนํฯ อุปตาเปนฺตีติ กิเลสปริฬาเหน สนฺตาเปนฺติฯ วิพาเธนฺตีติ ปีเฬนฺติฯ อุปฺปนฺนาย ปญฺญาย นีวรเณหิ น กิญฺจิ กาตุํ สกฺกาติ อาห ‘‘อนุปฺปนฺนาย ปญฺญาย อุปฺปชฺชิตุํ น เทนฺตี’’ติฯ ตสฺมาติ ปจฺจยูปฆาเตน อุปฺปชฺชิตุํ อปฺปทานโตฯ จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุฎฺฐุ ฐปิตจิตฺตาติ จตุพฺพิธายปิ สติปฎฺฐานภาวนาย สมฺมเทว ฐปิตจิตฺตาฯ ยถาสภาเวน ภาเวตฺวาติ อวิปรีตสภาเวน ยถา ปฎิปกฺขา สมุจฺฉิชฺชนฺติ, เอวํ ภาเวตฺวาฯ

    Kiliṭṭhanti malīnaṃ. Upatāpentīti kilesapariḷāhena santāpenti. Vibādhentīti pīḷenti. Uppannāya paññāya nīvaraṇehi na kiñci kātuṃ sakkāti āha ‘‘anuppannāya paññāya uppajjituṃ na dentī’’ti. Tasmāti paccayūpaghātena uppajjituṃ appadānato. Catūsu satipaṭṭhānesu suṭṭhu ṭhapitacittāti catubbidhāyapi satipaṭṭhānabhāvanāya sammadeva ṭhapitacittā. Yathāsabhāvena bhāvetvāti aviparītasabhāvena yathā paṭipakkhā samucchijjanti, evaṃ bhāvetvā.

    ปุริมนเย สติปฎฺฐานานิ, โพชฺฌงฺคา จ มิสฺสกา อธิเปฺปตาติ ตโต อญฺญถา วตฺตุํ ‘‘อปิเจตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ มิสฺสกาติ สมถวิปสฺสนามคฺควเสน มิสฺสกาฯ ‘‘จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุปฺปติฎฺฐิตจิตฺตา’’ติอาทิโต วุตฺตตฺตา สติปฎฺฐาเน วิปสฺสนาติ คเหตฺวา ‘‘สตฺต โพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา, มคฺคปริยาปนฺนานํเยว จ เนสํ นิปฺปริยายโพชฺฌงฺคภาวโต, เตสุ จ สพฺพโส อธิคเตสุ โลกนาเถน สพฺพญฺญุตญฺญาณมฺปิ อธิคตเมว โหตีติ ‘‘โพชฺฌเงฺค มโคฺค, สพฺพญฺญุตญฺญาณญฺจาติ คหิเต สุนฺทโร ปโญฺห ภเวยฺยา’’ติ มหาสิวเตฺถโร อาห, น ปเนวํ คหิตํ โปราเณหีติ อธิปฺปาโยฯ อิตีติ วุตฺตปฺปการปรามสนํฯ เถโรติ สาริปุตฺตเตฺถโรฯ

    Purimanaye satipaṭṭhānāni, bojjhaṅgā ca missakā adhippetāti tato aññathā vattuṃ ‘‘apicetthā’’tiādi vuttaṃ. Missakāti samathavipassanāmaggavasena missakā. ‘‘Catūsu satipaṭṭhānesu suppatiṭṭhitacittā’’tiādito vuttattā satipaṭṭhāne vipassanāti gahetvā ‘‘satta bojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvetvā’’ti vuttattā, maggapariyāpannānaṃyeva ca nesaṃ nippariyāyabojjhaṅgabhāvato, tesu ca sabbaso adhigatesu lokanāthena sabbaññutaññāṇampi adhigatameva hotīti ‘‘bojjhaṅge maggo, sabbaññutaññāṇañcāti gahite sundaro pañho bhaveyyā’’ti mahāsivatthero āha, na panevaṃ gahitaṃ porāṇehīti adhippāyo. Itīti vuttappakāraparāmasanaṃ. Theroti sāriputtatthero.

    ตตฺถาติ เตสุ ปจฺจนฺตนคราทีสุฯ นครํ วิย นิพฺพานํ ตทตฺถิเกหิ อุปคนฺตพฺพโต, อุปคตานญฺจ ปริสฺสยรหิตสุขาธิคมนฎฺฐานโตฯ ปากาโร วิย สีลํ ตทุปคตานํ ปริโต อารกฺขภาวโตฯ ปริยายปโถ วิย หิรี สีลปาการสฺส อธิฎฺฐานภาวโตฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘ปริยายปโถติ โข ภิกฺขุ หิริยา เอตํ อธิวจน’’นฺติฯ ทฺวารํ วิย อริยมโคฺค นิพฺพานนครปฺปเวสนอญฺชสภาวโตฯ ปณฺฑิตโทวาริโก วิย ธมฺมเสนาปติ นิพฺพานนครปวิฎฺฐปวิสนกานํ สตฺตานํ สลฺลกฺขณโตฯ ทิโนฺนติ ทาปิโต, โสธิโตติ อโตฺถฯ

    Tatthāti tesu paccantanagarādīsu. Nagaraṃ viya nibbānaṃ tadatthikehi upagantabbato, upagatānañca parissayarahitasukhādhigamanaṭṭhānato. Pākāro viya sīlaṃ tadupagatānaṃ parito ārakkhabhāvato. Pariyāyapatho viya hirī sīlapākārassa adhiṭṭhānabhāvato. Vuttañhetaṃ ‘‘pariyāyapathoti kho bhikkhu hiriyā etaṃ adhivacana’’nti. Dvāraṃ viya ariyamaggo nibbānanagarappavesanaañjasabhāvato. Paṇḍitadovāriko viya dhammasenāpati nibbānanagarapaviṭṭhapavisanakānaṃ sattānaṃ sallakkhaṇato. Dinnoti dāpito, sodhitoti attho.

    ๑๔๔. นิปฺผตฺติทสฺสนตฺถนฺติ สิทฺธิทสฺสนตฺถํ, อธิคมทสฺสนตฺถนฺติ อโตฺถฯ ‘‘ปญฺจนวุติปาสเณฺฑ’’ติ อิทํ ยสฺมา เถโร ปริพฺพาชโก หุตฺวา ตโต ปุเพฺพว นิพฺพานปริเยสนํ จรมาโน เต เต ปาสณฺฑิโน อุปสงฺกมิตฺวา นิพฺพานํ ปุจฺฉิ, เต นาสฺส จิตฺตํ อาราเธสุํ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เต ปน ปาสณฺฑา เหฎฺฐา วุตฺตา เอวฯ ตเตฺถวาติ ตสฺสเยว ภาคิเนยฺยสฺส เทสิยมานาย เทสนายฯ ปรสฺส วฑฺฒิตํ ภตฺตํ ภุญฺชโนฺต วิย สาวกปารมิญาณํ หตฺถคตํ อกาสิ อธิคจฺฉิฯ อุตฺตรุตฺตรนฺติ เหฎฺฐิมสฺส เหฎฺฐิมสฺส อุตฺตรณโต อติกฺกมนโต อุตฺตรุตฺตรํ, ตโต เอว ปธานภาวํ ปาปิตตาย ปณีตปณีตํฯ อุตฺตรุตฺตรนฺติ วา อุปรูปริฯ ปณีตปณีตนฺติ ปณีตตรํ, ปณีตตมญฺจาติ อโตฺถฯ กณฺหนฺติ กาฬกํ สํกิเลสธมฺมํฯ สุกฺกนฺติ โอทาตํ โวทานธมฺมํฯ สวิปกฺขํ กตฺวาติ ปหาตพฺพปหายกภาวทสฺสนวเสน ยถากฺกมํ อุภยํ สวิปกฺขํ กตฺวาฯ ‘‘อยํ กณฺหธโมฺม, อิมสฺส อยํ ปหายโก’’ติ เอวํ กณฺหํ ปฎิพาหิตฺวา เทสนาวเสน นีหริตฺวา สุกฺกํ, ‘‘อยํ สุกฺกธโมฺม, อิมินา อยํ ปหาตโพฺพ’’ติ เอวํ สุกฺกํ ปฎิพาหิตฺวา กณฺหํฯ สอุสฺสาหนฺติ ผลุปฺปาทนสมตฺถตาวเสน สพฺยาปารํฯ เตนาห ‘‘สวิปาก’’นฺติฯ วิปากธมฺมนฺติ อโตฺถฯ

    144.Nipphattidassanatthanti siddhidassanatthaṃ, adhigamadassanatthanti attho. ‘‘Pañcanavutipāsaṇḍe’’ti idaṃ yasmā thero paribbājako hutvā tato pubbeva nibbānapariyesanaṃ caramāno te te pāsaṇḍino upasaṅkamitvā nibbānaṃ pucchi, te nāssa cittaṃ ārādhesuṃ, taṃ sandhāya vuttaṃ. Te pana pāsaṇḍā heṭṭhā vuttā eva. Tatthevāti tassayeva bhāgineyyassa desiyamānāya desanāya. Parassa vaḍḍhitaṃ bhattaṃ bhuñjanto viya sāvakapāramiñāṇaṃ hatthagataṃ akāsi adhigacchi. Uttaruttaranti heṭṭhimassa heṭṭhimassa uttaraṇato atikkamanato uttaruttaraṃ, tato eva padhānabhāvaṃ pāpitatāya paṇītapaṇītaṃ. Uttaruttaranti vā uparūpari. Paṇītapaṇītanti paṇītataraṃ, paṇītatamañcāti attho. Kaṇhanti kāḷakaṃ saṃkilesadhammaṃ. Sukkanti odātaṃ vodānadhammaṃ. Savipakkhaṃ katvāti pahātabbapahāyakabhāvadassanavasena yathākkamaṃ ubhayaṃ savipakkhaṃ katvā. ‘‘Ayaṃ kaṇhadhammo, imassa ayaṃ pahāyako’’ti evaṃ kaṇhaṃ paṭibāhitvā desanāvasena nīharitvā sukkaṃ, ‘‘ayaṃ sukkadhammo, iminā ayaṃ pahātabbo’’ti evaṃ sukkaṃ paṭibāhitvā kaṇhaṃ.Saussāhanti phaluppādanasamatthatāvasena sabyāpāraṃ. Tenāha ‘‘savipāka’’nti. Vipākadhammanti attho.

    ตสฺมิํ เทสิเต ธเมฺมติ ตสฺมิํ วุตฺตนเยน ภควา ตุเมฺหหิ เทสิเต ธเมฺม เอกจฺจํ ธมฺมํ นาม สาวกปารมิญาณํ ชานิตฺวา ปฎิวิชฺฌิตฺวาฯ ตํชานเน หิ วุเตฺต จตุสจฺจธมฺมชานนํ อวุตฺตสิทฺธนฺติฯ ‘‘จตุสจฺจธเมฺมสู’’ติ อิทํ โปราณฎฺฐกถายํ วุตฺตาการทสฺสนํฯ วิปโกฺข ปน ปรโต อาคมิสฺสติฯ เอตฺถาติ ‘‘ธเมฺมสุ นิฎฺฐํ อคม’’นฺติ เอตสฺมิํ ปเทฯ เถรสลฺลาโปติ เถรานํ สลฺลาปสทิโส วินิจฺฉยวาโท ฯ กาฬวลฺลวาสีติ กาฬวลฺลวิหารวาสีฯ อิทานีติ เอตรหิ ‘‘อิทาหํ ภเนฺต’’ติอาทิวจนกาเลฯ อิมสฺมิํ ปน ฐาเนติ ‘‘ธเมฺมสุ นิฎฺฐํ อคม’’นฺติ อิมสฺมิํ ปเทเส, อิมสฺมิํ วา นิฎฺฐานการณภูเต โยนิโส ปริวิตกฺกเนฯ ‘‘อิมสฺมิํ ปน ฐาเน พุทฺธคุเณสุ นิฎฺฐงฺคโต’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ สาวกปารมิญาณสมธิคตกาเล เอว เถโร พุทฺธคุเณสุ นิฎฺฐงฺคโตติ? สจฺจเมตํ, อิทานิ ปน ตํ ปากฎํ ชาตนฺติ เอวํ วุตฺตํฯ สพฺพนฺติ ‘‘จตุสจฺจธเมฺมสู’’ติอาทิ สุมเตฺถเรน วุตฺตํ สพฺพํฯ อรหเตฺต นิฎฺฐงฺคโตติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว อนุโยคปริหารา เวทิตพฺพาฯ ยทิปิ ธมฺมเสนาปติ ‘‘สาวกปารมิญาณํ มยา สมธิคต’’นฺติ อิโต ปุเพฺพปิ ชานาติเยว, อิทานิ ปน อสเงฺขฺยยฺยาปริเมยฺยเภเท พุทฺธคุเณ นยคฺคาหวเสน ปริคฺคเหตฺวา กิจฺจสิทฺธิยา ตสฺมิํ ญาเณ นิฎฺฐงฺคโต อโหสีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘มหาสิวเตฺถโร…เป.… ธเมฺมสูติ สาวกปารมิญาเณ นิฎฺฐงฺคโต’’ติ อโวจฯ

    Tasmiṃdesite dhammeti tasmiṃ vuttanayena bhagavā tumhehi desite dhamme ekaccaṃ dhammaṃ nāma sāvakapāramiñāṇaṃ jānitvā paṭivijjhitvā. Taṃjānane hi vutte catusaccadhammajānanaṃ avuttasiddhanti. ‘‘Catusaccadhammesū’’ti idaṃ porāṇaṭṭhakathāyaṃ vuttākāradassanaṃ. Vipakkho pana parato āgamissati. Etthāti ‘‘dhammesu niṭṭhaṃ agama’’nti etasmiṃ pade. Therasallāpoti therānaṃ sallāpasadiso vinicchayavādo . Kāḷavallavāsīti kāḷavallavihāravāsī. Idānīti etarahi ‘‘idāhaṃ bhante’’tiādivacanakāle. Imasmiṃ pana ṭhāneti ‘‘dhammesu niṭṭhaṃ agama’’nti imasmiṃ padese, imasmiṃ vā niṭṭhānakāraṇabhūte yoniso parivitakkane. ‘‘Imasmiṃ pana ṭhāne buddhaguṇesu niṭṭhaṅgato’’ti kasmā vuttaṃ, nanu sāvakapāramiñāṇasamadhigatakāle eva thero buddhaguṇesu niṭṭhaṅgatoti? Saccametaṃ, idāni pana taṃ pākaṭaṃ jātanti evaṃ vuttaṃ. Sabbanti ‘‘catusaccadhammesū’’tiādi sumattherena vuttaṃ sabbaṃ. Arahatte niṭṭhaṅgatoti etthāpi vuttanayeneva anuyogaparihārā veditabbā. Yadipi dhammasenāpati ‘‘sāvakapāramiñāṇaṃ mayā samadhigata’’nti ito pubbepi jānātiyeva, idāni pana asaṅkhyeyyāparimeyyabhede buddhaguṇe nayaggāhavasena pariggahetvā kiccasiddhiyā tasmiṃ ñāṇe niṭṭhaṅgato ahosīti dassento ‘‘mahāsivatthero…pe… dhammesūti sāvakapāramiñāṇe niṭṭhaṅgato’’ti avoca.

    พุทฺธคุณา ปน นยโต อาคตา, เต นยคฺคาหโต ยาถาวโต ชานโนฺต สาวกปารมิญาเณ ตถาชานนวเสน นิฎฺฐงฺคตตฺตา สาวกปารมิญาณเมว ตสฺส อปราปรุปฺปตฺติวเสน, เตน เตน ภาเวตพฺพกิจฺจพหุตาวเสน จ ‘‘ธเมฺมสู’’ติ ปุถุวจเนน วุตฺตํฯ อนนฺตาปริเมยฺยานํ อนญฺญวิสยานํ พุทฺธคุณานํ นยโต ปริคฺคณฺหเนน เถรสฺส สาติสโย ภควติ ปสาโท อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘ภิโยฺยโสมตฺตายา’’ติอาทิฯ ‘‘สุฎฺฐุ อกฺขาโต’’ติ วตฺวา ตํ เอวสฺส สุฎฺฐุ อกฺขาตตํ ทเสฺสตุํ ‘‘นิยฺยานิโก มโคฺค’’ติ วุตฺตํฯ สฺวากฺขาตตา หิ ธมฺมสฺส ยทตฺถํ เทสิโต, ตทตฺถสาธเนน เวทิตพฺพาฯ ผลตฺถาย นิยฺยาตีติ อนนฺตรวิปากตฺตา, อตฺตโน อุปฺปตฺติสมนนฺตรเมว ผลนิปฺผาทนวเสน ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ วฎฺฎจารกโต นิยฺยาตีติ วา นิยฺยานิโก, นิยฺยานสีโลติ วาฯ ราคโทสโมหนิมฺมทนสมโตฺถติ อิธาปิ ‘‘ปสโนฺนสฺมิ ภควตีติ ทเสฺสตี’’ติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ วงฺกาทีติ อาทิ-สเทฺทน ชิมฺหกุฎิเล, อเญฺญ จ ปฎิปตฺติโทเส สงฺคณฺหาติฯ ภควา ตุมฺหากํ พุทฺธสุพุทฺธตา วิย ธมฺมสุธมฺมตา, สงฺฆสุปฺปฎิปตฺติ จ ธเมฺมสุ นิฎฺฐงฺคมเนน สาวกปารมิญาเณ นิฎฺฐงฺคตตฺตา มยฺหํ สุฎฺฐุ วิภูตา สุปากฎา ชาตาติ ทเสฺสโนฺต เถโร ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม, สุปฺปฎิปโนฺน สโงฺฆติ ปสีทิ’’นฺติ อโวจฯ

    Buddhaguṇā pana nayato āgatā, te nayaggāhato yāthāvato jānanto sāvakapāramiñāṇe tathājānanavasena niṭṭhaṅgatattā sāvakapāramiñāṇameva tassa aparāparuppattivasena, tena tena bhāvetabbakiccabahutāvasena ca ‘‘dhammesū’’ti puthuvacanena vuttaṃ. Anantāparimeyyānaṃ anaññavisayānaṃ buddhaguṇānaṃ nayato pariggaṇhanena therassa sātisayo bhagavati pasādo uppajjatīti āha ‘‘bhiyyosomattāyā’’tiādi. ‘‘Suṭṭhu akkhāto’’ti vatvā taṃ evassa suṭṭhu akkhātataṃ dassetuṃ ‘‘niyyāniko maggo’’ti vuttaṃ. Svākkhātatā hi dhammassa yadatthaṃ desito, tadatthasādhanena veditabbā. Phalatthāya niyyātīti anantaravipākattā, attano uppattisamanantarameva phalanipphādanavasena pavattatīti attho. Vaṭṭacārakato niyyātīti vā niyyāniko, niyyānasīloti vā. Rāgadosamohanimmadanasamatthoti idhāpi ‘‘pasannosmi bhagavatīti dassetī’’ti ānetvā sambandho. Vaṅkādīti ādi-saddena jimhakuṭile, aññe ca paṭipattidose saṅgaṇhāti. Bhagavā tumhākaṃ buddhasubuddhatā viya dhammasudhammatā, saṅghasuppaṭipatti ca dhammesu niṭṭhaṅgamanena sāvakapāramiñāṇe niṭṭhaṅgatattā mayhaṃ suṭṭhu vibhūtā supākaṭā jātāti dassento thero ‘‘svākkhāto bhagavatā dhammo, suppaṭipanno saṅghoti pasīdi’’nti avoca.

    กุสลธมฺมเทสนาวณฺณนา

    Kusaladhammadesanāvaṇṇanā

    ๑๔๕. อนุตฺตรภาโวติ เสฎฺฐภาโวฯ อนุตฺตโร ภควา เยน คุเณน, โส อนุตฺตรภาโว, ตํ อนุตฺตริยํฯ ยสฺมา ตสฺสาปิ คุณสฺส กิญฺจิ อุตฺตริตรํ นตฺถิ เอว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สา ตุมฺหากํ เทสนา อนุตฺตราติ วทตี’’ติฯ กุสเลสุ ธเมฺมสูติ กุสลธมฺมนิมิตฺตํฯ นิมิตฺตเตฺถ หิ เอตํ ภุมฺมํ, ตสฺมา กุสลธมฺมเทสนาเหตุปิ ภควาว อนุตฺตโรติ อโตฺถฯ ภูมิํ ทเสฺสโนฺตติ วิสยํ ทเสฺสโนฺตฯ กุสลธมฺมเทสนาย หิ กุสลา ธมฺมา วิสโยฯ วุตฺตปเทติ ‘‘กุสเลสุ ธเมฺมสู’’ติ เอวํ วุตฺตวาเกฺย, เอวํ วา วุตฺตธมฺมโกฎฺฐาเสฯ ‘‘ปญฺจธา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เฉกเฎฺฐนปิ กุสลํ อิจฺฉิตพฺพํ ‘‘กุสโล ตฺวํ รถสฺส องฺคปจฺจงฺคาน’’นฺติอาทีสูติ (ม. นิ. ๒.๘๗)? สจฺจเมตํ, โส ปน เฉกโฎฺฐ โกสลฺลสมฺภูตเฎฺฐเนว สงฺคหิโตติ วิสุํ น คหิโตฯ ‘‘กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ, กจฺจิ โภโต อนามย’’นฺติ (ชา. ๑.๑๕.๑๔๖; ๒.๒๒.๒๐๐๘) ชาตเก อาคตตฺตา ‘‘ชาตกปริยายํ ปตฺวา อาโรคฺยเฎฺฐน กุสลํ วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, คหปตโย, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วา สาวชฺชา วา อนวชฺชา วา’’ติอาทีสุ สุตฺตปเทเสสุ ‘‘กุสลา’’ติ วุตฺตธมฺมา เอว ‘‘อนวชฺชา’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘สุตฺตนฺตปริยายํ ปตฺวา อนวชฺชเฎฺฐน กุสลํ วฎฺฎตี’’ติฯ อภิธเมฺม ‘‘โกสลฺล’’นฺติ ปญฺญา อาคตาติ โยนิโสมนสิการเหตุกสฺส กุสลสฺส โกสลฺลสมฺมูตโฎฺฐ, ทรถาภาวทีปนโต นิทฺทรถโฎฺฐ, ‘‘กุสลสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา’’ติ วตฺวา อิฎฺฐวิปากนิทฺทิสนโต สุขวิปากโฎฺฐ จ อภิธมฺมนยสิโทฺธติ อาห ‘‘อภิธมฺม…เป.… วิปากเฎฺฐนา’’ติฯ พาหิติกสุเตฺต (ม. นิ. ๒.๓๕๘) ภควโต กายสมาจาราทิเก วเณฺณเนฺตน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ‘‘โย โข มหาราช กายสมาจาโร อนวโชฺช’’ติ กุสโล กายสมาจาโร รโญฺญ ปเสนทิสฺส วุโตฺตฯ น หิ ภควโต สุขวิปากกมฺมํ อตฺถีติ สพฺพสาวชฺชรหิตา กายสมาจาราทโย ‘‘กุสลา’’ติ วุตฺตา, อิธ ปน ‘‘กุสเลสุ ธเมฺมสู’’ติ โพธิปกฺขิยธมฺมา ‘‘กุสลา’’ติ วุตฺตา, เต จ สมถวิปสฺสนา มคฺคสมฺปยุตฺตา เอกเนฺตน สุขวิปากา เอวาติ อวชฺชรหิตตามตฺตํ อุปาทาย อนวชฺชโตฺถ กุสล-สโทฺทติ อาห ‘‘อิมสฺมิํ ปน…เป.… ทฎฺฐพฺพ’’นฺติฯ เอวญฺจ กตฺวา ‘‘ผลสติปฎฺฐานํ ปน อิธ อนธิเปฺปต’’นฺติ อิทญฺจ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ สวิปากเสฺสว คหณนฺติ กตฺวาฯ

    145.Anuttarabhāvoti seṭṭhabhāvo. Anuttaro bhagavā yena guṇena, so anuttarabhāvo, taṃ anuttariyaṃ. Yasmā tassāpi guṇassa kiñci uttaritaraṃ natthi eva, tasmā vuttaṃ ‘‘sā tumhākaṃ desanā anuttarāti vadatī’’ti. Kusalesu dhammesūti kusaladhammanimittaṃ. Nimittatthe hi etaṃ bhummaṃ, tasmā kusaladhammadesanāhetupi bhagavāva anuttaroti attho. Bhūmiṃ dassentoti visayaṃ dassento. Kusaladhammadesanāya hi kusalā dhammā visayo. Vuttapadeti ‘‘kusalesu dhammesū’’ti evaṃ vuttavākye, evaṃ vā vuttadhammakoṭṭhāse. ‘‘Pañcadhā’’ti kasmā vuttaṃ, nanu chekaṭṭhenapi kusalaṃ icchitabbaṃ ‘‘kusalo tvaṃ rathassa aṅgapaccaṅgāna’’ntiādīsūti (ma. ni. 2.87)? Saccametaṃ, so pana chekaṭṭho kosallasambhūtaṭṭheneva saṅgahitoti visuṃ na gahito. ‘‘Kacci nu bhoto kusalaṃ, kacci bhoto anāmaya’’nti (jā. 1.15.146; 2.22.2008) jātake āgatattā ‘‘jātakapariyāyaṃ patvā ārogyaṭṭhena kusalaṃ vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, gahapatayo, ime dhammā kusalā vā akusalā vā sāvajjā vā anavajjā vā’’tiādīsu suttapadesesu ‘‘kusalā’’ti vuttadhammā eva ‘‘anavajjā’’ti vuttāti āha ‘‘suttantapariyāyaṃ patvā anavajjaṭṭhena kusalaṃ vaṭṭatī’’ti. Abhidhamme ‘‘kosalla’’nti paññā āgatāti yonisomanasikārahetukassa kusalassa kosallasammūtaṭṭho, darathābhāvadīpanato niddarathaṭṭho, ‘‘kusalassa katattā upacitattā’’ti vatvā iṭṭhavipākaniddisanato sukhavipākaṭṭho ca abhidhammanayasiddhoti āha ‘‘abhidhamma…pe… vipākaṭṭhenā’’ti. Bāhitikasutte (ma. ni. 2.358) bhagavato kāyasamācārādike vaṇṇentena dhammabhaṇḍāgārikena ‘‘yo kho mahārāja kāyasamācāro anavajjo’’ti kusalo kāyasamācāro rañño pasenadissa vutto. Na hi bhagavato sukhavipākakammaṃ atthīti sabbasāvajjarahitā kāyasamācārādayo ‘‘kusalā’’ti vuttā, idha pana ‘‘kusalesu dhammesū’’ti bodhipakkhiyadhammā ‘‘kusalā’’ti vuttā, te ca samathavipassanā maggasampayuttā ekantena sukhavipākā evāti avajjarahitatāmattaṃ upādāya anavajjattho kusala-saddoti āha ‘‘imasmiṃ pana…pe… daṭṭhabba’’nti. Evañca katvā ‘‘phalasatipaṭṭhānaṃ pana idha anadhippeta’’nti idañca vacanaṃ samatthitaṃ hoti savipākasseva gahaṇanti katvā.

    ‘‘จุทฺทสวิเธนา’’ติอาทิ สติปฎฺฐาเน (ที. นิ. ๒.๓๗๖; ม. นิ. ๑.๑๐๙) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ ปคฺคหเฎฺฐนาติ กุสลปกฺขสฺส ปคฺคณฺหนสภาเวนฯ กิจฺจวเสนาติ อนุปฺปนฺนากุสลานุปฺปาทนาทิกิจฺจวเสนฯ ตโต เอว จสฺส จตุพฺพิธตาฯ อิชฺฌนเฎฺฐนาติ นิปฺปชฺชนสภาเวนฯ ฉนฺทาทโย เอว อิทฺธิปาเทสุ วิสิฎฺฐสภาวา, อิตเร อวิสิฎฺฐา, เตสมฺปิ วิเสโส ฉนฺทาทิกโตติ อาห ‘‘ฉนฺทาทิวเสน นานาสภาวา’’ติฯ

    ‘‘Cuddasavidhenā’’tiādi satipaṭṭhāne (dī. ni. 2.376; ma. ni. 1.109) vuttanayena veditabbaṃ. Paggahaṭṭhenāti kusalapakkhassa paggaṇhanasabhāvena. Kiccavasenāti anuppannākusalānuppādanādikiccavasena. Tato eva cassa catubbidhatā. Ijjhanaṭṭhenāti nippajjanasabhāvena. Chandādayo eva iddhipādesu visiṭṭhasabhāvā, itare avisiṭṭhā, tesampi viseso chandādikatoti āha ‘‘chandādivasena nānāsabhāvā’’ti.

    อธิโมกฺขาทิสภาววเสนาติ ปสาทาธิโมกฺขาทิสลกฺขณวเสนฯ อุปตฺถมฺภนเฎฺฐนาติ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อุปตฺถมฺภนกภาเวนฯ อกมฺปิยเฎฺฐนาติ ปฎิปเกฺขหิ อกมฺปิยสภาเวนฯ สลกฺขเณนาติ อธิโมกฺขาทิสภาเวนฯ นิยฺยานเฎฺฐนาติ สํกิเลสปกฺขโต, วฎฺฎจารกโต จ นิคฺคมนเฎฺฐนฯ อุปฎฺฐานาทินาติ อุปฎฺฐานธมฺมวิจยปคฺคหสมฺปิยายนปสฺสมฺภนสมาธานอชฺฌุเปกฺขนสงฺขาเตน อตฺตโน สภาเวนฯ เหตุเฎฺฐนาติ นิพฺพานสฺส สมฺปาปกเหตุภาเวนฯ ทสฺสนาทินาติ ทสฺสนาภินิโรปนปริคฺคหสมุฎฺฐาปนโวทาปนปคฺคหุปฎฺฐานสมาธานสงฺขาเตน อตฺตโน สภาเวนฯ

    Adhimokkhādisabhāvavasenāti pasādādhimokkhādisalakkhaṇavasena. Upatthambhanaṭṭhenāti sampayuttadhammānaṃ upatthambhanakabhāvena. Akampiyaṭṭhenāti paṭipakkhehi akampiyasabhāvena. Salakkhaṇenāti adhimokkhādisabhāvena. Niyyānaṭṭhenāti saṃkilesapakkhato, vaṭṭacārakato ca niggamanaṭṭhena. Upaṭṭhānādināti upaṭṭhānadhammavicayapaggahasampiyāyanapassambhanasamādhānaajjhupekkhanasaṅkhātena attano sabhāvena. Hetuṭṭhenāti nibbānassa sampāpakahetubhāvena. Dassanādināti dassanābhiniropanapariggahasamuṭṭhāpanavodāpanapaggahupaṭṭhānasamādhānasaṅkhātena attano sabhāvena.

    สาสนสฺส ปริโยสานทสฺสนตฺถนฺติ สาสนํ นาม นิปฺปริยายโต สตฺตติํส โพธิปกฺขิยธมฺมาฯ ตตฺถ เย สมถวิปสฺสนาสหคตา, เต สาสนสฺส อาทิ, มคฺคปริยาปนฺนา มเชฺฌ, ผลภูตา ปริโยสานํ, ตํทสฺสนตฺถํฯ เตนาห ‘‘สาสนสฺส หี’’ติอาทิฯ

    Sāsanassapariyosānadassanatthanti sāsanaṃ nāma nippariyāyato sattatiṃsa bodhipakkhiyadhammā. Tattha ye samathavipassanāsahagatā, te sāsanassa ādi, maggapariyāpannā majjhe, phalabhūtā pariyosānaṃ, taṃdassanatthaṃ. Tenāha ‘‘sāsanassa hī’’tiādi.

    ปุน เอตทานุตฺตริยํ ภเนฺตติ ยถารทฺธาย เทสนาย นิคมนํฯ วุตฺตเสฺสว อตฺถสฺส ปุน วจนญฺหิ นิคมนํ วุตฺตํฯ ตํ เทสนนฺติ ตํ กุสเลสุ ธเมฺมสุ เทสนาปฺปการํ, เทสนาวิธิํ, เทเสตพฺพญฺจ, สกลํ วา สมฺปุณฺณํ อนวเสสํ อภิชานาติ อภิวิสิเฎฺฐน ญาเณน ชานาติ, อเสสํ อภิชานนโต เอว อุตฺตริ อุปริ อภิเญฺญยฺยํ นตฺถิฯ อิโตติ ภควตา อภิญฺญาตโตฯ อโญฺญ ปรมตฺถวเสน ธโมฺม วา ปญฺญตฺติวเสน ปุคฺคโล วา อยํ นาม ยํ ภควา น ชานาตีติ อิทํ นตฺถิ น อุปลพฺภติ สพฺพเสฺสว สมฺมเทว ตุเมฺหหิ อภิญฺญาตตฺตาฯ กุสเลสุ ธเมฺมสุ อภิชานเน, เทสนายญฺจ ภควโต อุตฺตริตโร นตฺถิฯ

    Puna etadānuttariyaṃ bhanteti yathāraddhāya desanāya nigamanaṃ. Vuttasseva atthassa puna vacanañhi nigamanaṃ vuttaṃ. Taṃ desananti taṃ kusalesu dhammesu desanāppakāraṃ, desanāvidhiṃ, desetabbañca, sakalaṃ vā sampuṇṇaṃ anavasesaṃ abhijānāti abhivisiṭṭhena ñāṇena jānāti, asesaṃ abhijānanato eva uttari upari abhiññeyyaṃ natthi. Itoti bhagavatā abhiññātato. Añño paramatthavasena dhammo vā paññattivasena puggalo vā ayaṃ nāma yaṃ bhagavā na jānātīti idaṃ natthi na upalabbhati sabbasseva sammadeva tumhehi abhiññātattā. Kusalesu dhammesu abhijānane, desanāyañca bhagavato uttaritaro natthi.

    อายตนปณฺณตฺติเทสนาวณฺณนา

    Āyatanapaṇṇattidesanāvaṇṇanā

    ๑๔๖. อายตนปญฺญาปนาสูติ จกฺขาทีนํ, รูปาทีนญฺจ อายตนานํ สโมฺพธเนสุ, เตสํ อชฺฌตฺติกพาหิรวิภาคโต, สภาควิภาคโต, สมุทยโต, อตฺถงฺคมโต, อาหารโต, อาทีนวโต, นิสฺสรณโต จ เทสนายนฺติ อโตฺถฯ

    146.Āyatanapaññāpanāsūti cakkhādīnaṃ, rūpādīnañca āyatanānaṃ sambodhanesu, tesaṃ ajjhattikabāhiravibhāgato, sabhāgavibhāgato, samudayato, atthaṅgamato, āhārato, ādīnavato, nissaraṇato ca desanāyanti attho.

    คพฺภาวกฺกนฺติเทสนาวณฺณนา

    Gabbhāvakkantidesanāvaṇṇanā

    ๑๔๗. คโพฺภกฺกมเนสูติ คพฺภภาเวน มาตุกุจฺฉิยํ อวกฺกมเนสุ อนุปฺปเวเสสุ, คเพฺภ วา มาตุกุจฺฉิสฺมิํ อวกฺกมเนสุฯ ปวิสตีติ ปจฺจยวเสน ตตฺถ นิพฺพเตฺตโนฺต ปวิสโนฺต วิย โหตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ ฐาตีติ สนฺตานฎฺฐิติยา ปวตฺตติ, ตถาภูโต จ ตตฺถ วสโนฺต วิย โหตีติ อาห ‘‘วสตี’’ติฯ ปกติโลกิยมนุสฺสานํ ปฐมา คพฺภาวกฺกนฺตีติ ปจุรมนุสฺสานํ คพฺภาวกฺกนฺติ เทสนาวเสน อิธ ปฐมาฯ ‘‘ทุติยา คพฺภาวกฺกนฺตี’’ติอาทีสุปิ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพาฯ

    147.Gabbhokkamanesūti gabbhabhāvena mātukucchiyaṃ avakkamanesu anuppavesesu, gabbhe vā mātukucchismiṃ avakkamanesu. Pavisatīti paccayavasena tattha nibbattento pavisanto viya hotīti katvā vuttaṃ. Ṭhātīti santānaṭṭhitiyā pavattati, tathābhūto ca tattha vasanto viya hotīti āha ‘‘vasatī’’ti. Pakatilokiyamanussānaṃ paṭhamā gabbhāvakkantīti pacuramanussānaṃ gabbhāvakkanti desanāvasena idha paṭhamā. ‘‘Dutiyā gabbhāvakkantī’’tiādīsupi evaṃ yojanā veditabbā.

    อลเมวาติ ยุตฺตเมวฯ

    Alamevāti yuttameva.

    ขิปิตุํ น สโกฺกนฺตีติ ตถา วาตานํ อนุปฺปชฺชนเมว วทติฯ เสสนฺติ ปุน ‘‘เอตทานุตฺตริย’’ติอาทิ ปาฐปฺปเทสํ วทติฯ

    Khipituṃna sakkontīti tathā vātānaṃ anuppajjanameva vadati. Sesanti puna ‘‘etadānuttariya’’tiādi pāṭhappadesaṃ vadati.

    อาเทสนวิธาเทสนาวณฺณนา

    Ādesanavidhādesanāvaṇṇanā

    ๑๔๘. ปรสฺส จิตฺตํ อาทิสติ เอเตหีติ อาเทสนานิ, ยถาอุปฎฺฐิตนิมิตฺตาทีนิ, ตานิ เอว อญฺญมญฺญสฺส อสํกิณฺณรูเปน ฐิตตฺตา อาเทสนวิธา, อาเทสนาภาคา, ตาสุ อาเทสนวิธาสุฯ เตนาห ‘‘อาเทสนโกฎฺฐาเสสู’’ติฯ อาคตนิมิเตฺตนาติ ยสฺส อาทิสติ, ตสฺส, อตฺตโน จ อุปคตนิมิเตฺตน, นิมิตฺตปฺปตฺตสฺส ลาภาลาภาทิอาทิสนวิธิทสฺสนสฺส ปวตฺตตฺตา ‘‘อิทํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘เอวมฺปิ เต มโน’’ติอาทินา ปรสฺส จิตฺตาทิสนเมว อาคตํ, ตํ นิทสฺสนมตฺตํ กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตถา หิ ‘‘อิทํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ วุตฺตเสฺสว อตฺถสฺส วิภาวนวเสน วตฺถุ อาคตํฯ คตนิมิตฺตํ นาม คมนนิมิตฺตํฯ ฐิตนิมิตฺตํ นาม อตฺตโน สมีเป ฐานนิมิตฺตํ, ปรสฺส คมนวเสน, ฐานวเสน จ คเหตพฺพนิมิตฺตํฯ มนุสฺสานํ ปรจิตฺตวิทูนํ, อิตเรสมฺปิ วา สวนวเสน ปรสฺส จิตฺตํ ญตฺวา กเถนฺตานํ สทฺทํ สุตฺวาฯ ยกฺขปิสาจาทีนนฺติ หิงฺการยกฺขานเญฺจว กณฺณปิสาจาทิปิสาจานํ, กุมฺภณฺฑนาคาทีนญฺจฯ

    148. Parassa cittaṃ ādisati etehīti ādesanāni, yathāupaṭṭhitanimittādīni, tāni eva aññamaññassa asaṃkiṇṇarūpena ṭhitattā ādesanavidhā, ādesanābhāgā, tāsu ādesanavidhāsu. Tenāha ‘‘ādesanakoṭṭhāsesū’’ti. Āgatanimittenāti yassa ādisati, tassa, attano ca upagatanimittena, nimittappattassa lābhālābhādiādisanavidhidassanassa pavattattā ‘‘idaṃ nāma bhavissatī’’ti vuttaṃ. Pāḷiyaṃ pana ‘‘evampi te mano’’tiādinā parassa cittādisanameva āgataṃ, taṃ nidassanamattaṃ katanti daṭṭhabbaṃ. Tathā hi ‘‘idaṃ nāma bhavissatī’’ti vuttasseva atthassa vibhāvanavasena vatthu āgataṃ. Gatanimittaṃ nāma gamananimittaṃ. Ṭhitanimittaṃ nāma attano samīpe ṭhānanimittaṃ, parassa gamanavasena, ṭhānavasena ca gahetabbanimittaṃ. Manussānaṃ paracittavidūnaṃ, itaresampi vā savanavasena parassa cittaṃ ñatvā kathentānaṃ saddaṃ sutvā. Yakkhapisācādīnanti hiṅkārayakkhānañceva kaṇṇapisācādipisācānaṃ, kumbhaṇḍanāgādīnañca.

    วิตกฺกวิปฺผารวเสนาติ วิปฺผาริกภาเวน ปวตฺตวิตกฺกสฺส วเสนฯ อุปฺปนฺนนฺติ ตโต สมุฎฺฐิตํฯ วิปฺปลปนฺตานนฺติ กสฺสจิ อตฺถสฺส อโพธนโต วิรูปํ, วิวิธํ วา ปลปนฺตานํฯ สุตฺตปมตฺตาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน เวทนาฎฺฎขิตฺตจิตฺตาทีนํ สงฺคโหฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน ‘‘อิทํ วกฺขามิ, เอวํ วกฺขามีติ วิตกฺกยโต วิตกฺกวิปฺผารสโทฺท นาม อุปฺปชฺชตี’’ติ (อภิ. อฎฺฐ. ๑.วจีกมฺมทฺวารกถาปิ) อาคตตฺตา ชาครนฺตานํ ปกติยํ ฐิตานํ อวิปฺปลปนฺตานํ วิตกฺกวิปฺผารสโทฺท กทาจิ อุปฺปชฺชตีติ วิญฺญายติ, โย โลเก ‘‘มนฺตชโปฺป’’ติ วุจฺจติฯ ยสฺส มหาอฎฺฐกถายํ อโสตวิเญฺญยฺยตา วุตฺตาฯ ตาทิสญฺหิ สนฺธาย วิญฺญตฺติสหชเมว ‘‘ชิวฺหาตาลุจลนาทิกรวิตกฺกสมุฎฺฐิตํ สุขุมสทฺทํ ทิพฺพโสเตน สุตฺวา อาทิสตีติ สุเตฺต วุตฺต’’นฺติ (ธ. ส. มูลฎี. วจีกมฺมทฺวารกถาวณฺณนา) อานนฺทาจริโย อโวจฯ วุตฺตลกฺขโณ เอว ปน นาติสุขุโม อตฺตโน, อจฺจาสนฺนปฺปเทเส ฐิตสฺส จ มํสโสตสฺสาปิ อาปาถํ คจฺฉตีติ สกฺกา วิญฺญาตุํฯ ตสฺสาติ ตสฺส ปุคฺคลสฺสฯ ตสฺส วเสนาติ ตสฺส วิตกฺกสฺส วเสนฯ เอวํ อยมฺปิ อาเทสนวิธา เจโตปริยญาณวเสเนว อาคตาติ เวทิตพฺพา ฯ เกจิ ปน ‘‘ตสฺส วเสนาติ ตสฺส สทฺทสฺส วเสนา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ตํ อยุตฺตํฯ น หิ สทฺทคฺคหเณน ตํสมุฎฺฐาปกจิตฺตํ คยฺหติ, สทฺทคฺคหณานุสาเรนปิ ตทตฺถเสฺสว คหณํ โหติ, น จิตฺตสฺสฯ เอเตเนว ยเทเก ‘‘ยํ วิตกฺกยโตติ ยมตฺถํ วิตกฺกยโต’’ติ วตฺวา ‘‘ตสฺส วเสนาติ ตสฺส อตฺถสฺส วเสนา’’ติ วเณฺณนฺติ, ตมฺปิ ปฎิกฺขิตฺตํฯ

    Vitakkavipphāravasenāti vipphārikabhāvena pavattavitakkassa vasena. Uppannanti tato samuṭṭhitaṃ. Vippalapantānanti kassaci atthassa abodhanato virūpaṃ, vividhaṃ vā palapantānaṃ. Suttapamattādīnanti ādi-saddena vedanāṭṭakhittacittādīnaṃ saṅgaho. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘idaṃ vakkhāmi, evaṃ vakkhāmīti vitakkayato vitakkavipphārasaddo nāma uppajjatī’’ti (abhi. aṭṭha. 1.vacīkammadvārakathāpi) āgatattā jāgarantānaṃ pakatiyaṃ ṭhitānaṃ avippalapantānaṃ vitakkavipphārasaddo kadāci uppajjatīti viññāyati, yo loke ‘‘mantajappo’’ti vuccati. Yassa mahāaṭṭhakathāyaṃ asotaviññeyyatā vuttā. Tādisañhi sandhāya viññattisahajameva ‘‘jivhātālucalanādikaravitakkasamuṭṭhitaṃ sukhumasaddaṃ dibbasotena sutvā ādisatīti sutte vutta’’nti (dha. sa. mūlaṭī. vacīkammadvārakathāvaṇṇanā) ānandācariyo avoca. Vuttalakkhaṇo eva pana nātisukhumo attano, accāsannappadese ṭhitassa ca maṃsasotassāpi āpāthaṃ gacchatīti sakkā viññātuṃ. Tassāti tassa puggalassa. Tassa vasenāti tassa vitakkassa vasena. Evaṃ ayampi ādesanavidhā cetopariyañāṇavaseneva āgatāti veditabbā . Keci pana ‘‘tassa vasenāti tassa saddassa vasenā’’ti atthaṃ vadanti, taṃ ayuttaṃ. Na hi saddaggahaṇena taṃsamuṭṭhāpakacittaṃ gayhati, saddaggahaṇānusārenapi tadatthasseva gahaṇaṃ hoti, na cittassa. Eteneva yadeke ‘‘yaṃ vitakkayatoti yamatthaṃ vitakkayato’’ti vatvā ‘‘tassa vasenāti tassa atthassa vasenā’’ti vaṇṇenti, tampi paṭikkhittaṃ.

    มนสา สงฺขรียนฺตีติ มโนสงฺขารา, เวทนาสญฺญาฯ ปณิหิตาติ ปุริมปริพนฺธวินเยน ปธานภาเวน นิหิตา ฐปิตาฯ เตนาห ‘‘จิตฺตสงฺขารา สุฎฺฐปิตา’’ติฯ วิตกฺกสฺส วิตกฺกนํ นาม อุปฺปาทนเมวาติ อาห ‘‘ปวเตฺตสฺสตี’’ติฯ ‘‘ปชานาตี’’ติ ปุเพฺพ วุตฺตปทสมฺพนฺธทสฺสนวเสน อาเนติฯ อาคมเนนาติ ฌานสฺส อาคมนฎฺฐานวเสนฯ ปุพฺพภาเคนาติ มคฺคสฺส สพฺพปุพฺพภาเคน วิปสฺสนารเมฺภนฯ อุภยํ เปตํ โย สยํ ฌานลาภี, อธิคตมโคฺค จ อญฺญํ ตทตฺถาย ปฎิปชฺชนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อิมินา นีหาเรน ปฎิปชฺชโนฺต อทฺธา ฌานํ ลภิสฺสติ, มคฺคํ อธิคมิสฺสตี’’ติ อภิญฺญาย วินา อนุมานวเสน ชานาติ, ตํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘อาคมเนน ชานาติ นามา’’ติอาทิฯ อนนฺตราติ วุฎฺฐิตกาลํ สนฺธายาหฯ ตทา หิ ปวตฺตวิตกฺกปชานเนเนว ฌานสฺส หานภาคิยตาทิวิเสสปชานนํฯ

    Manasā saṅkharīyantīti manosaṅkhārā, vedanāsaññā. Paṇihitāti purimaparibandhavinayena padhānabhāvena nihitā ṭhapitā. Tenāha ‘‘cittasaṅkhārā suṭṭhapitā’’ti. Vitakkassa vitakkanaṃ nāma uppādanamevāti āha ‘‘pavattessatī’’ti. ‘‘Pajānātī’’ti pubbe vuttapadasambandhadassanavasena āneti. Āgamanenāti jhānassa āgamanaṭṭhānavasena. Pubbabhāgenāti maggassa sabbapubbabhāgena vipassanārambhena. Ubhayaṃ petaṃ yo sayaṃ jhānalābhī, adhigatamaggo ca aññaṃ tadatthāya paṭipajjantaṃ disvā ‘‘ayaṃ iminā nīhārena paṭipajjanto addhā jhānaṃ labhissati, maggaṃ adhigamissatī’’ti abhiññāya vinā anumānavasena jānāti, taṃ dassetuṃ vuttaṃ. Tenāha ‘‘āgamanena jānāti nāmā’’tiādi. Anantarāti vuṭṭhitakālaṃ sandhāyāha. Tadā hi pavattavitakkapajānaneneva jhānassa hānabhāgiyatādivisesapajānanaṃ.

    กิํ ปนิทํ เจโตปริยญาณํ ปรสฺส จิตฺตํ ปริจฺฉิชฺช ชานนฺตํ อิทฺธิจิตฺตภาวโต อวิเสสโต สเพฺพสมฺปิ จิตฺตํ ชานาตีติ? โนติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาหฯ น อริยานนฺติ เยน จิเตฺตน เต อริยา นาม ชาตา, ตํ โลกุตฺตรจิตฺตํ น ชานาติ อปฺปฎิวิทฺธภาวโต ฯ ยถา หิ ปุถุชฺชโน สเพฺพสมฺปิ อริยานํ โลกุตฺตรจิตฺตํ น ชานาติ อปฺปฎิวิทฺธตฺตา, เอวํ อริโยปิ เหฎฺฐิโม อุปริมสฺส โลกุตฺตรจิตฺตํ น ชานาติ อปฺปฎิวิทฺธตฺตา เอว ฯ ยถา ปน อุปริโม เหฎฺฐิมํ ผลสมาปตฺติํ น สมาปชฺชติ, กิํ เอวํ โส ตสฺส โลกุตฺตรจิตฺตํ น ชานาตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อุปริโม ปน เหฎฺฐิมสฺส ชานาตี’’ติ, ปฎิวิทฺธตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘อุปริโม เหฎฺฐิมํ น สมาปชฺชตี’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘เตสญฺหี’’ติอาทิฯ เตสนฺติ อริยานํฯ เหฎฺฐิมา เหฎฺฐิมา สมาปตฺติ ภูมนฺตรปฺปตฺติยา ปฎิปฺปสฺสทฺธิกปฺปาฯ เตนาห ‘‘ตตฺรุปปตฺติเยว โหตี’’ติ, น อุปริภูมิปตฺติฯ นิมิตฺตาทิวเสน ญาตสฺส กทาจิ พฺยภิจาโรปิ สิยา, น ปน อภิญฺญาญาเณน ญาตสฺสาติ อาห ‘‘เจโต…เป.… นตฺถี’’ติฯ ‘‘ตํ ภควา’’ติอาทิ เสสํ นามฯ

    Kiṃ panidaṃ cetopariyañāṇaṃ parassa cittaṃ paricchijja jānantaṃ iddhicittabhāvato avisesato sabbesampi cittaṃ jānātīti? Noti dassento ‘‘tatthā’’tiādimāha. Na ariyānanti yena cittena te ariyā nāma jātā, taṃ lokuttaracittaṃ na jānāti appaṭividdhabhāvato . Yathā hi puthujjano sabbesampi ariyānaṃ lokuttaracittaṃ na jānāti appaṭividdhattā, evaṃ ariyopi heṭṭhimo uparimassa lokuttaracittaṃ na jānāti appaṭividdhattā eva . Yathā pana uparimo heṭṭhimaṃ phalasamāpattiṃ na samāpajjati, kiṃ evaṃ so tassa lokuttaracittaṃ na jānātīti codanaṃ sandhāyāha ‘‘uparimo pana heṭṭhimassa jānātī’’ti, paṭividdhattāti adhippāyo. ‘‘Uparimo heṭṭhimaṃ na samāpajjatī’’ti vatvā tattha kāraṇamāha ‘‘tesañhī’’tiādi. Tesanti ariyānaṃ. Heṭṭhimā heṭṭhimā samāpatti bhūmantarappattiyā paṭippassaddhikappā. Tenāha ‘‘tatrupapattiyeva hotī’’ti, na uparibhūmipatti. Nimittādivasena ñātassa kadāci byabhicāropi siyā, na pana abhiññāñāṇena ñātassāti āha ‘‘ceto…pe… natthī’’ti. ‘‘Taṃ bhagavā’’tiādi sesaṃ nāma.

    ทสฺสนสมาปตฺติเทสนาวณฺณนา

    Dassanasamāpattidesanāvaṇṇanā

    ๑๔๙. พฺรหฺมชาเลติ พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนายํฯ อุตฺตรปทโลเปน เหส นิเทฺทโสฯ อาตปฺปนฺติ วีริยํ อาตปฺปติ โกสชฺชํ สพฺพมฺปิ สํกิเลสปกฺขนฺติฯ กุสลวีริยเสฺสว เหตฺถ คหณํ อปฺปมาทาทิปทนฺตรสนฺนิธานโตฯ ปทหิตพฺพโตติ ปทหนโต, ภาวนํ อุทฺทิสฺส วายมนโตติ อโตฺถฯ อนุยุญฺชิตพฺพโตติ อนุยุญฺชนโตฯ อีทิสานํ ปทานํ พหุลํกตฺตุวิสยตาย อิจฺฉิตพฺพตฺตา อาตปฺปปทสฺส วิย อิตเรสมฺปิ กตฺตุสาธนตา ทฎฺฐพฺพาฯ ปฎิปตฺติยํ นปฺปมชฺชติ เอเตนาติ อปฺปมาโท, สติอวิปฺปวาโสฯ สมฺมา มนสิ กโรติ เอเตนาติ สมฺมามนสิกาโร, ตถาปวโตฺต กุสลจิตฺตุปฺปาโทฯ ภาวนานุโยคเมว ตถา วทติฯ เทสนากฺกเมน ปฐมา, ทสฺสนสมาปตฺติ นาม กรชกาเย ปฎิกฺกูลาการสฺส สมฺมเทว ทสฺสนวเสน ปวตฺตสมาปตฺติภาวโตฯ นิปฺปริยาเยเนวาติ วุตฺตลกฺขณทสฺสนสมาปตฺติสนฺนิสฺสยตฺตา, ทสฺสนมคฺคผลภาวโต จ ปฐมสามญฺญผลํ ปริยาเยน วินา ทสฺสนสมาปตฺติฯ

    149.Brahmajāleti brahmajālasuttavaṇṇanāyaṃ. Uttarapadalopena hesa niddeso. Ātappanti vīriyaṃ ātappati kosajjaṃ sabbampi saṃkilesapakkhanti. Kusalavīriyasseva hettha gahaṇaṃ appamādādipadantarasannidhānato. Padahitabbatoti padahanato, bhāvanaṃ uddissa vāyamanatoti attho. Anuyuñjitabbatoti anuyuñjanato. Īdisānaṃ padānaṃ bahulaṃkattuvisayatāya icchitabbattā ātappapadassa viya itaresampi kattusādhanatā daṭṭhabbā. Paṭipattiyaṃ nappamajjati etenāti appamādo, satiavippavāso. Sammā manasi karoti etenāti sammāmanasikāro, tathāpavatto kusalacittuppādo. Bhāvanānuyogameva tathā vadati. Desanākkamena paṭhamā, dassanasamāpatti nāma karajakāye paṭikkūlākārassa sammadeva dassanavasena pavattasamāpattibhāvato. Nippariyāyenevāti vuttalakkhaṇadassanasamāpattisannissayattā, dassanamaggaphalabhāvato ca paṭhamasāmaññaphalaṃ pariyāyena vinā dassanasamāpatti.

    อติกฺกมฺม ฉวิมํสโลหิตํ อฎฺฐิํ ปจฺจเวกฺขตีติ ตานิ อปจฺจเวกฺขิตฺวา อฎฺฐิเมว ปจฺจเวกฺขติฯ อฎฺฐิอารมฺมณา ทิพฺพจกฺขุปาทกชฺฌานสมาปตฺตีติ วุตฺตนเยน อฎฺฐิอารมฺมณา ทิพฺพจกฺขุอธิฎฺฐานา ปฐมชฺฌานสมาปตฺติฯ โย หิ ภิกฺขุ อาโลกกสิเณ จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา อธิคตทิพฺพจกฺขุญาโณ หุตฺวา สวิญฺญาณเก กาเย อฎฺฐิํ ปริคฺคเหตฺวา ตตฺถ ปฎิกฺกูลมนสิการวเสน ปฐมํ ฌานํ นิพฺพเตฺตติ, ตสฺสายํ ปฐมชฺฌานสมาปตฺติ ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อฎฺฐิ อฎฺฐี’’ติอาทิฯ โย ปเนตฺถ ปาฬิยํ ทฺวตฺติํสาการมนสิกาโร วุโตฺต, โส มคฺคโสธนวเสน วุโตฺตฯ ตตฺถ วา กตปริจยสฺส สุเขเนว วุตฺตนยา อฎฺฐิปจฺจเวกฺขณา สมิชฺฌตีติฯ เตเนเวตฺถ ‘‘อิมํ เจวา’’ติ ‘‘อติกฺกมฺม จา’’ติ -สโทฺท สมุจฺจยโตฺถ วุโตฺตฯ ตํ ฌานนฺติ ยถาวุตฺตํ ปฐมชฺฌานํฯ อยนฺติ อยํ สกทาคามิผลสมาปตฺติ ฯ สาติสยํ จตุสจฺจทสฺสนาคมนโต ปริยาเยน วินา มุขฺยา ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺติฯ ยาว ตติยมคฺคา วตฺตตีติ อาห ‘‘ขีณาสวสฺส วเสน จตุตฺถา ทสฺสนสมาปตฺติ กถิตา’’ติฯ

    Atikkamma chavimaṃsalohitaṃ aṭṭhiṃ paccavekkhatīti tāni apaccavekkhitvā aṭṭhimeva paccavekkhati. Aṭṭhiārammaṇā dibbacakkhupādakajjhānasamāpattīti vuttanayena aṭṭhiārammaṇā dibbacakkhuadhiṭṭhānā paṭhamajjhānasamāpatti. Yo hi bhikkhu ālokakasiṇe catutthajjhānaṃ nibbattetvā taṃ pādakaṃ katvā adhigatadibbacakkhuñāṇo hutvā saviññāṇake kāye aṭṭhiṃ pariggahetvā tattha paṭikkūlamanasikāravasena paṭhamaṃ jhānaṃ nibbatteti, tassāyaṃ paṭhamajjhānasamāpatti dutiyā dassanasamāpatti. Tena vuttaṃ ‘‘aṭṭhi aṭṭhī’’tiādi. Yo panettha pāḷiyaṃ dvattiṃsākāramanasikāro vutto, so maggasodhanavasena vutto. Tattha vā kataparicayassa sukheneva vuttanayā aṭṭhipaccavekkhaṇā samijjhatīti. Tenevettha ‘‘imaṃ cevā’’ti ‘‘atikkamma cā’’ti ca-saddo samuccayattho vutto. Taṃ jhānanti yathāvuttaṃ paṭhamajjhānaṃ. Ayanti ayaṃ sakadāgāmiphalasamāpatti . Sātisayaṃ catusaccadassanāgamanato pariyāyena vinā mukhyā dutiyā dassanasamāpatti. Yāva tatiyamaggā vattatīti āha ‘‘khīṇāsavassa vasena catutthā dassanasamāpatti kathitā’’ti.

    ปาฬิยํ ปุริสสฺส จาติ -สโทฺท พฺยติเรเก, เตน ยถาวุตฺตสมาปตฺติทฺวยโต วุจฺจมานํเยว อิมสฺส วิเสสํ โชเตติฯ อวิเจฺฉเทน ปวตฺติยา โสตสทิสตาย วิญฺญาณเมว วิญฺญาณโสตํ, ตเทตํ วิญฺญาณํ ปุริมโต อนนฺตรปจฺจยํ ลภิตฺวา ปจฺฉิมสฺส อนนฺตรปจฺจโย หุตฺวา ปวตฺตตีติ อยํ อสฺส โสตาคตตาย โสตสทิสตา, ตสฺมา ปชานิตพฺพภาเวน วุตฺตํ เอกเมว เจตฺถ วิญฺญาณํ , ตสฺมา อฎฺฐกถายํ ‘‘วิญฺญาณโสตนฺติ วิญฺญาณเมวา’’ติ วุตฺตํฯ ทฺวีหิปิ ภาเคหีติ โอรภาคปรภาเคหิฯ อิธโลโก หิสฺส โอรภาโค, ปรโลโก ปรภาโค ทฺวินฺนมฺปิ วเสเนตํ สมฺพนฺธนฺติฯ เตนาห ‘‘อิธโลเก ปติฎฺฐิต’’นฺติอาทิฯ วิญฺญาณสฺส ขเณ ขเณ ภิชฺชนฺตสฺส กามํ นตฺถิ กสฺสจิ ปติฎฺฐิตตา, ตณฺหาวเสน ปน ตํ ‘‘ปติฎฺฐิต’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ฉนฺทราควเสนา’’ติฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Pāḷiyaṃ purisassa cāti ca-saddo byatireke, tena yathāvuttasamāpattidvayato vuccamānaṃyeva imassa visesaṃ joteti. Avicchedena pavattiyā sotasadisatāya viññāṇameva viññāṇasotaṃ, tadetaṃ viññāṇaṃ purimato anantarapaccayaṃ labhitvā pacchimassa anantarapaccayo hutvā pavattatīti ayaṃ assa sotāgatatāya sotasadisatā, tasmā pajānitabbabhāvena vuttaṃ ekameva cettha viññāṇaṃ , tasmā aṭṭhakathāyaṃ ‘‘viññāṇasotanti viññāṇamevā’’ti vuttaṃ. Dvīhipi bhāgehīti orabhāgaparabhāgehi. Idhaloko hissa orabhāgo, paraloko parabhāgo dvinnampi vasenetaṃ sambandhanti. Tenāha ‘‘idhaloke patiṭṭhita’’ntiādi. Viññāṇassa khaṇe khaṇe bhijjantassa kāmaṃ natthi kassaci patiṭṭhitatā, taṇhāvasena pana taṃ ‘‘patiṭṭhita’’nti vuccatīti āha ‘‘chandarāgavasenā’’ti. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘กพฬีกาเร เจ ภิกฺขเว อาหาเร อตฺถิ ราโค, อตฺถิ นนฺที, อตฺถิ ตณฺหา, ปติฎฺฐิตํ ตตฺถ วิญฺญาณํ วิรุฬฺหํฯ ยตฺถ ปติฎฺฐิตํ วิญฺญาณํ วิรุฬฺหํ…เป.… อตฺถิ ตตฺถ อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๖๔; กถา. ๒๙๖; มหานิ. ๗)ฯ

    ‘‘Kabaḷīkāre ce bhikkhave āhāre atthi rāgo, atthi nandī, atthi taṇhā, patiṭṭhitaṃ tattha viññāṇaṃ viruḷhaṃ. Yattha patiṭṭhitaṃ viññāṇaṃ viruḷhaṃ…pe… atthi tattha āyatiṃ punabbhavābhinibbattī’’tiādi (saṃ. ni. 2.64; kathā. 296; mahāni. 7).

    กมฺมนฺติ กุสลากุสลกมฺมํ, อุปโยควจนเมตํฯ กมฺมโต อุปคจฺฉนฺตนฺติ กมฺมภาเวน อุปคจฺฉนฺตํ, วิญฺญาณนฺติ อธิปฺปาโยฯ อภิสงฺขารวิญฺญาณญฺหิ เยน กมฺมุนา สหคตํ, อญฺญทตฺถุ ตพฺภาวเมว อุปคตํ หุตฺวา ปวตฺตติฯ อิธโลเก ปติฎฺฐิตํ นาม อิธ กตูปจิตกมฺมภาวูปคมนโตฯ กมฺมภวํ อากฑฺฒนฺตนฺติ กมฺมวิญฺญาณํ อตฺตนา สมฺปยุตฺตกมฺมํ ชวาเปตฺวา ปฎิสนฺธินิพฺพตฺตเนน ตทภิมุขํ อากฑฺฒนฺตํฯ เตเนว ปฎิสนฺธินิพฺพตฺตนสามตฺถิเยน ปรโลเก ปติฎฺฐิตํ นาม อตฺตโน ผลสฺส ตตฺถ ปติฎฺฐาปเนนฯ เกจิ ปน ‘‘อภิสงฺขารวิญฺญาณํ ปรโต วิปากํ ทาตุํ อสมตฺถํ อิธโลเก ปติฎฺฐิตํ นาม, ทาตุํ สมตฺถํ ปน ปรโลเก ปติฎฺฐิตํ นามา’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ‘‘อุภยโต อโพฺพจฺฉินฺน’’นฺติ วุตฺตตฺตาฯ ยญฺจ เตหิ ‘‘ปรโลเก ปติฎฺฐิต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อิธโลเกปิ ปติฎฺฐิตเมวฯ น หิ ตสฺส อิธโลเก ปติฎฺฐิตภาเวน วินา ปรโลเก ปติฎฺฐิตภาโว สมฺภวติฯ เสกฺขปุถุชฺชนานํ เจโตปริยญาณนฺติ เสกฺขานํ , ปุถุชฺชนานญฺจ เจตโส ปริจฺฉินฺทนกญาณํฯ กถิตํ ปริจฺฉินฺทิตพฺพสฺส เจตโส ฉนฺทราควเสน ปติฎฺฐิตภาวโชตนโตฯ

    Kammanti kusalākusalakammaṃ, upayogavacanametaṃ. Kammato upagacchantanti kammabhāvena upagacchantaṃ, viññāṇanti adhippāyo. Abhisaṅkhāraviññāṇañhi yena kammunā sahagataṃ, aññadatthu tabbhāvameva upagataṃ hutvā pavattati. Idhaloke patiṭṭhitaṃ nāma idha katūpacitakammabhāvūpagamanato. Kammabhavaṃ ākaḍḍhantanti kammaviññāṇaṃ attanā sampayuttakammaṃ javāpetvā paṭisandhinibbattanena tadabhimukhaṃ ākaḍḍhantaṃ. Teneva paṭisandhinibbattanasāmatthiyena paraloke patiṭṭhitaṃ nāma attano phalassa tattha patiṭṭhāpanena. Keci pana ‘‘abhisaṅkhāraviññāṇaṃ parato vipākaṃ dātuṃ asamatthaṃ idhaloke patiṭṭhitaṃ nāma, dātuṃ samatthaṃ pana paraloke patiṭṭhitaṃ nāmā’’ti vadanti, taṃ tesaṃ matimattaṃ ‘‘ubhayato abbocchinna’’nti vuttattā. Yañca tehi ‘‘paraloke patiṭṭhita’’nti vuttaṃ, taṃ idhalokepi patiṭṭhitameva. Na hi tassa idhaloke patiṭṭhitabhāvena vinā paraloke patiṭṭhitabhāvo sambhavati. Sekkhaputhujjanānaṃcetopariyañāṇanti sekkhānaṃ , puthujjanānañca cetaso paricchindanakañāṇaṃ. Kathitaṃ paricchinditabbassa cetaso chandarāgavasena patiṭṭhitabhāvajotanato.

    จตุตฺถาย ทสฺสนสมาปตฺติยา ตติยทสฺสนสมาปตฺติยํ วุตฺตปฺปฎิเกฺขเปน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Catutthāya dassanasamāpattiyā tatiyadassanasamāpattiyaṃ vuttappaṭikkhepena attho veditabbo.

    ปุริมานํ ทฺวินฺนํ สมาปตฺตีนํ ปุเพฺพ สมถวเสน อตฺถสฺส วุตฺตตฺตา อิทานิ วิปสฺสนาวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นิจฺจลเมว ปุเพฺพ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส อปเนตพฺพโตฯ อตฺถนฺตรตฺถตาย ทสฺสิยมานาย ปทํ จลิตํ นาม โหติฯ อปโร นโยติ เอตฺถ ปฐมชฺฌานสฺส ปฐมทสฺสนสมาปตฺติภาเว อปุพฺพํ นตฺถิฯ ทุติยชฺฌานํ ทุติยาติ เอตฺถ ปน ‘‘อฎฺฐิกวณฺณกสิณวเสน ปฎิลทฺธทุติยชฺฌานํ ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺตี’’ติ วทนฺติ, ตติยชฺฌานมฺปิ ตเถว ปฎิลทฺธํฯ ทสฺสนสมาปตฺติภาโว ปน โย ภิกฺขุ อาโลกกสิเณ จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา อธิคตทิพฺพจกฺขุโก หุตฺวา สวิญฺญาณเก อฎฺฐิํ ปริคฺคเหตฺวา ตตฺถ วณฺณกสิณวเสน เหฎฺฐิมานิ ตีณิ ฌานานิ นิพฺพเตฺตติ, ตสฺสฯ ตติยชฺฌานํ ตติยา ทสฺสนสมาปตฺติ อธิฎฺฐานภูตสฺส ทิพฺพจกฺขุญาณสฺส วเสนฯ จตุตฺถชฺฌานํ จตุตฺถาติ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา อธิคตทิพฺพจกฺขุญาณสฺส ตํ จตุตฺถชฺฌานํ จตุตฺถา ทสฺสนสมาปตฺติฯ อิธาปิ เสกฺขปุถุชฺชนานํ เจตโส ปริจฺฉินฺทเนน ตติยา ทสฺสนสมาปตฺติ, อรหโต จิตฺตสฺส ปริจฺฉินฺทเนน จตุตฺถา ทสฺสนสมาปตฺติ เวทิตพฺพาฯ เอวเญฺหสา อตฺถวณฺณนา ปาฬิยา สํสเนฺทยฺยฯ ‘‘ปฐมมโคฺค’’ติอาทีสุ อฎฺฐิอารมฺมณปฐมชฺฌานปาทโก ปฐมมโคฺค ปฐมา ทสฺสนสมาปตฺติฯ อฎฺฐิอารมฺมณทุติยชฺฌานปาทโก ทุติยมโคฺค ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺติฯ ปรจิตฺตญาณสหคตา จตุตฺถชฺฌานปาทกา ตติยจตุตฺถมคฺคา ตติยจตุตฺถทสฺสนสมาปตฺติโยติ ฯ ปุริสสฺส วิญฺญาณปชานนํ ปเนตฺถ อสโมฺมหวเสน ทฎฺฐพฺพํฯ

    Purimānaṃ dvinnaṃ samāpattīnaṃ pubbe samathavasena atthassa vuttattā idāni vipassanāvasena dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Niccalameva pubbe vuttassa atthassa apanetabbato. Atthantaratthatāya dassiyamānāya padaṃ calitaṃ nāma hoti. Aparo nayoti ettha paṭhamajjhānassa paṭhamadassanasamāpattibhāve apubbaṃ natthi. Dutiyajjhānaṃ dutiyāti ettha pana ‘‘aṭṭhikavaṇṇakasiṇavasena paṭiladdhadutiyajjhānaṃ dutiyā dassanasamāpattī’’ti vadanti, tatiyajjhānampi tatheva paṭiladdhaṃ. Dassanasamāpattibhāvo pana yo bhikkhu ālokakasiṇe catutthajjhānaṃ nibbattetvā taṃ pādakaṃ katvā adhigatadibbacakkhuko hutvā saviññāṇake aṭṭhiṃ pariggahetvā tattha vaṇṇakasiṇavasena heṭṭhimāni tīṇi jhānāni nibbatteti, tassa. Tatiyajjhānaṃ tatiyā dassanasamāpatti adhiṭṭhānabhūtassa dibbacakkhuñāṇassa vasena. Catutthajjhānaṃ catutthāti rūpāvacaracatutthajjhānaṃ nibbattetvā taṃ pādakaṃ katvā adhigatadibbacakkhuñāṇassa taṃ catutthajjhānaṃ catutthā dassanasamāpatti. Idhāpi sekkhaputhujjanānaṃ cetaso paricchindanena tatiyā dassanasamāpatti, arahato cittassa paricchindanena catutthā dassanasamāpatti veditabbā. Evañhesā atthavaṇṇanā pāḷiyā saṃsandeyya. ‘‘Paṭhamamaggo’’tiādīsu aṭṭhiārammaṇapaṭhamajjhānapādako paṭhamamaggo paṭhamā dassanasamāpatti. Aṭṭhiārammaṇadutiyajjhānapādako dutiyamaggo dutiyā dassanasamāpatti. Paracittañāṇasahagatā catutthajjhānapādakā tatiyacatutthamaggā tatiyacatutthadassanasamāpattiyoti . Purisassa viññāṇapajānanaṃ panettha asammohavasena daṭṭhabbaṃ.

    ปุคฺคลปณฺณตฺติเทสนาวณฺณนา

    Puggalapaṇṇattidesanāvaṇṇanā

    ๑๕๐. ปุคฺคลปณฺณตฺตีสูติ ปุคฺคลานํ ปญฺญาปเนสุฯ คุณวิเสสวเสน อญฺญมญฺญํ อสงฺกรโต ฐปเนสุฯ โลกโวหารวเสนาติ โลกสมฺมุติวเสนฯ โลกโวหาโร เหส, ยทิทํ ‘‘สโตฺต ปุคฺคโล’’ติอาทิฯ รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย สโตฺตฯ ตสฺส ตสฺส สตฺตนิกายสฺส ปูรณโต คลนโต, มรณวเสน ปตนโต จ ปุคฺคโลฯ สนฺตติยา นยนโต นโรฯ อตฺตภาวสฺส โปสนโต โปโสฯ เอวํ ปญฺญาเปตพฺพาสุ โวหริตพฺพาสุฯ ‘‘สพฺพเมตํ ปุคฺคโล’’ติ อิมิสฺสา สาธารณปญฺญตฺติยา วิภาวนวเสน วุตฺตํ, น อิธาธิเปฺปตอสาธารณปญฺญตฺติยา, ตสฺมา โลกปญฺญตฺตีสูติ สตฺตโลกคตปญฺญตฺตีสุฯ อนุตฺตโร โหติ อนญฺญสาธารณตฺตา ตสฺส ปญฺญาปนสฺสฯ

    150.Puggalapaṇṇattīsūti puggalānaṃ paññāpanesu. Guṇavisesavasena aññamaññaṃ asaṅkarato ṭhapanesu. Lokavohāravasenāti lokasammutivasena. Lokavohāro hesa, yadidaṃ ‘‘satto puggalo’’tiādi. Rūpādīsu sattavisattatāya satto. Tassa tassa sattanikāyassa pūraṇato galanato, maraṇavasena patanato ca puggalo. Santatiyā nayanato naro. Attabhāvassa posanato poso. Evaṃ paññāpetabbāsu voharitabbāsu. ‘‘Sabbametaṃ puggalo’’ti imissā sādhāraṇapaññattiyā vibhāvanavasena vuttaṃ, na idhādhippetaasādhāraṇapaññattiyā, tasmā lokapaññattīsūti sattalokagatapaññattīsu. Anuttaro hoti anaññasādhāraṇattā tassa paññāpanassa.

    ทฺวีหิ ภาเคหีติ การเณ, นิสฺสเกฺก เจตํ ปุถุวจนํ, อาวุตฺติอาทิวเสน จายมโตฺถ เวทิตโพฺพติ อาห ‘‘อรูปสมาปตฺติยา’’ติอาทิ, เอเตน ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมเกฺขน, มเคฺคน สมุเจฺฉทวิโมเกฺขน วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุโตฺต’’ติ เอวํ ปวโตฺต ติปิฎกจูฬนาคเตฺถรวาโท, ‘‘นามกายโต, รูปกายโต จ วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุโตฺต’’ติ เอวํ ปวโตฺต ติปิฎกมหาธมฺมรกฺขิตเตฺถรวาโท, ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมเกฺขน เอกวารํ วิมุโตฺตว มเคฺคน สมุเจฺฉทวิโมเกฺขน เอกวารํ วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุโตฺต’’ติ เอวํ ปวโตฺต ติปิฎกจูฬาภยเตฺถรวาโท จาติ อิเมสํ ติณฺณมฺปิ เถรวาทานํ เอกชฺฌํ สงฺคโห กโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ วิมุโตฺตติ กิเลเสหิ วิมุโตฺต, กิเลสวิกฺขมฺภนสมุเจฺฉทเนหิ วา กายทฺวยโต วิมุโตฺตติ อโตฺถฯ อรูปสมาปตฺตีนนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํฯ อรหตฺตปฺปตฺตอนาคามิโนติ ภูตปุพฺพคติยา วุตฺตํฯ น หิ อรหตฺตปฺปโตฺต อนาคามี นาม โหติฯ ปาฬีติ ปุคฺคลปญฺญตฺติปาฬิฯ อฎฺฐ วิโมเกฺข กาเยน ผุสิตฺวาติ อฎฺฐ สมาปตฺติโย สหชาตนามกาเยน ปฎิลภิตฺวาฯ ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ วิปสฺสนาปญฺญาย สงฺขารคตํ, มคฺคปญฺญาย จตฺตาริ สจฺจานิ ปสฺสิตฺวา จตฺตาโรปิ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติฯ ทิสฺวาติ ทสฺสนเหตุฯ น หิ อาสเว ปญฺญาย ปสฺสนฺติ, ทสฺสนการณา ปน ปริกฺขีณา ‘‘ทิสฺวา ปริกฺขีณา’’ติ วุตฺตา ทสฺสนายตฺตปริกฺขีณตฺตาฯ เอวญฺหิ ทสฺสนํ อาสวานํ ขยสฺส ปุริมกิริยาภาเวน วุตฺตํฯ

    Dvīhi bhāgehīti kāraṇe, nissakke cetaṃ puthuvacanaṃ, āvuttiādivasena cāyamattho veditabboti āha ‘‘arūpasamāpattiyā’’tiādi, etena ‘‘samāpattiyā vikkhambhanavimokkhena, maggena samucchedavimokkhena vimuttattā ubhatobhāgavimutto’’ti evaṃ pavatto tipiṭakacūḷanāgattheravādo, ‘‘nāmakāyato, rūpakāyato ca vimuttattā ubhatobhāgavimutto’’ti evaṃ pavatto tipiṭakamahādhammarakkhitattheravādo, ‘‘samāpattiyā vikkhambhanavimokkhena ekavāraṃ vimuttova maggena samucchedavimokkhena ekavāraṃ vimuttattā ubhatobhāgavimutto’’ti evaṃ pavatto tipiṭakacūḷābhayattheravādo cāti imesaṃ tiṇṇampi theravādānaṃ ekajjhaṃ saṅgaho katoti daṭṭhabbaṃ. Vimuttoti kilesehi vimutto, kilesavikkhambhanasamucchedanehi vā kāyadvayato vimuttoti attho. Arūpasamāpattīnanti niddhāraṇe sāmivacanaṃ. Arahattappattaanāgāminoti bhūtapubbagatiyā vuttaṃ. Na hi arahattappatto anāgāmī nāma hoti. Pāḷīti puggalapaññattipāḷi. Aṭṭha vimokkhe kāyena phusitvāti aṭṭha samāpattiyo sahajātanāmakāyena paṭilabhitvā. Paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā hontīti vipassanāpaññāya saṅkhāragataṃ, maggapaññāya cattāri saccāni passitvā cattāropi āsavā parikkhīṇā honti. Disvāti dassanahetu. Na hi āsave paññāya passanti, dassanakāraṇā pana parikkhīṇā ‘‘disvā parikkhīṇā’’ti vuttā dassanāyattaparikkhīṇattā. Evañhi dassanaṃ āsavānaṃ khayassa purimakiriyābhāvena vuttaṃ.

    ปญฺญาย วิเสสโต มุโตฺตติ ปญฺญาวิมุโตฺต อนวเสสโต อาสวานํ ปริกฺขีณตฺตาฯ อฎฺฐวิโมกฺขปฎิเกฺขปวเสเนว, น ตเทกเทสภูตรูปชฺฌานปฎิเกฺขปวเสนฯ เอวญฺหิ อรูปชฺฌาเนกเทสาภาเวปิ อฎฺฐวิโมกฺขปฎิเกฺขโป น โหตีติ สิทฺธํ โหติฯ อรูปาวจรชฺฌาเนสุ หิ เอกสฺมิมฺปิ สติ อุภโตภาควิมุโตฺตเยว นาม โหติ, น ปญฺญาวิมุโตฺตติฯ

    Paññāya visesato muttoti paññāvimutto anavasesato āsavānaṃ parikkhīṇattā. Aṭṭhavimokkhapaṭikkhepavaseneva, na tadekadesabhūtarūpajjhānapaṭikkhepavasena. Evañhi arūpajjhānekadesābhāvepi aṭṭhavimokkhapaṭikkhepo na hotīti siddhaṃ hoti. Arūpāvacarajjhānesu hi ekasmimpi sati ubhatobhāgavimuttoyeva nāma hoti, na paññāvimuttoti.

    ผุฎฺฐนฺตํ สจฺฉิกโรตีติ ผุฎฺฐานํ อโนฺต ผุฎฺฐโนฺต, ผุฎฺฐานํ อรูปชฺฌานานํ อนนฺตโร กาโลติ อธิปฺปาโย, อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ, ผุฎฺฐานนฺตรกาลเมว สจฺฉิกาตพฺพํ, สจฺฉิกโต สจฺฉิกรณูปาเยนาติ วุตฺตํ โหติฯ เตนาห ‘‘โส ฌานผสฺส’’นฺติอาทิฯ เอกเจฺจ อาสวาติ เหฎฺฐิมมคฺคตฺตยวชฺฌา อาสวาฯ โย หิ อรูปชฺฌาเนน รูปกายโต, นามกาเยกเทสโต จ วิกฺขมฺภนวิโมเกฺขน วิมุโตฺต, เตน นิโรธสงฺขาโต วิโมโกฺข อาโลจิโต ปกาสิโต วิย โหติ, น ปน กาเยน สจฺฉิกโตฯ นิโรธํ ปน อารมฺมณํ กตฺวา เอกเจฺจสุ อาสเวสุ เขปิเตสุ เตน สจฺฉิกโต โหติ, ตสฺมา โส สจฺฉิกาตพฺพํ นิโรธํ ยถาโลจิตํ นามกาเยน สจฺฉิกโรตีติ กายสกฺขีติ วุจฺจติ, น ตุ วิมุโตฺตติ เอกจฺจานํ อาสวานํ อปริกฺขีณตฺตาฯ

    Phuṭṭhantaṃ sacchikarotīti phuṭṭhānaṃ anto phuṭṭhanto, phuṭṭhānaṃ arūpajjhānānaṃ anantaro kāloti adhippāyo, accantasaṃyoge cetaṃ upayogavacanaṃ, phuṭṭhānantarakālameva sacchikātabbaṃ, sacchikato sacchikaraṇūpāyenāti vuttaṃ hoti. Tenāha ‘‘so jhānaphassa’’ntiādi. Ekacce āsavāti heṭṭhimamaggattayavajjhā āsavā. Yo hi arūpajjhānena rūpakāyato, nāmakāyekadesato ca vikkhambhanavimokkhena vimutto, tena nirodhasaṅkhāto vimokkho ālocito pakāsito viya hoti, na pana kāyena sacchikato. Nirodhaṃ pana ārammaṇaṃ katvā ekaccesu āsavesu khepitesu tena sacchikato hoti, tasmā so sacchikātabbaṃ nirodhaṃ yathālocitaṃ nāmakāyena sacchikarotīti kāyasakkhīti vuccati, na tu vimuttoti ekaccānaṃ āsavānaṃ aparikkhīṇattā.

    ทิฎฺฐนฺตํ ปโตฺตติ ทสฺสนสงฺขาตสฺส โสตาปตฺติมคฺคญาณสฺส อนนฺตรํ ปโตฺตติ อโตฺถฯ ‘‘ทิฎฺฐตฺตา ปโตฺต’’ติปิ ปาโฐ, เตน จตุสจฺจทสฺสนสงฺขาตาย ทิฎฺฐิยา นิโรธสฺส ปตฺตตํ ทีเปติฯ เตนาห ‘‘ทุกฺขา สงฺขารา’’ติอาทิฯ ปฐมผลโต ปฎฺฐาย ยาว อคฺคมคฺคา ทิฎฺฐิปฺปโตฺตติ อาห ‘‘เอโสปิ กายสกฺขี วิย ฉพฺพิโธ โหตี’’ติฯ อิทํ ทุกฺขนฺติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต อุทฺธํ ทุกฺข’’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ยสฺมา อิทํ ยาถาวสรสโต ปชานาติ, ปชานโนฺต จ ฐเปตฺวา ตณฺหํ ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธ ‘‘ทุกฺขสจฺจ’’นฺติ ปชานาติฯ ตณฺหํ ปน อิทํ ทุกฺขํ อิโต สมุเทติ, ตสฺมา ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ยสฺมา อิทํ ทุกฺขญฺจ สมุทโย จ นิพฺพานํ ปตฺวา นิรุชฺฌนฺติ วูปสมนฺติ อปฺปวตฺติํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ อริโย ปน อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ตํ ทุกฺขนิโรธํ คจฺฉติ, เตน ตํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ เอตฺตาวตา นานกฺขเณ สจฺจววตฺถานํ ทสฺสิตํฯ อิทานิ ตํ เอกกฺขเณ ทเสฺสตุํ ‘‘ตถาคตปฺปเวทิตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตถาคตปฺปเวทิตาติ ตถาคเตน โพธิมเณฺฑ ปฎิวิทฺธา วิทิตา ปากฎา กตาฯ ธมฺมาติ จตุสจฺจธมฺมาฯ โวทิฎฺฐา โหนฺตีติ สุทิฎฺฐา โหนฺติฯ โวจริตาติ สุจริตา, เตสุ เตน ปญฺญา สุฎฺฐุ จราปิตาติ อโตฺถฯ อยนฺติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ‘‘ทิฎฺฐิปฺปโตฺต’’ติ วุจฺจติฯ

    Diṭṭhantaṃ pattoti dassanasaṅkhātassa sotāpattimaggañāṇassa anantaraṃ pattoti attho. ‘‘Diṭṭhattā patto’’tipi pāṭho, tena catusaccadassanasaṅkhātāya diṭṭhiyā nirodhassa pattataṃ dīpeti. Tenāha ‘‘dukkhā saṅkhārā’’tiādi. Paṭhamaphalato paṭṭhāya yāva aggamaggā diṭṭhippattoti āha ‘‘esopi kāyasakkhī viya chabbidho hotī’’ti. Idaṃ dukkhanti ‘‘idaṃ dukkhaṃ, ettakaṃ dukkhaṃ, na ito uddhaṃ dukkha’’nti yathābhūtaṃ pajānāti. Yasmā idaṃ yāthāvasarasato pajānāti, pajānanto ca ṭhapetvā taṇhaṃ pañcupādānakkhandhe ‘‘dukkhasacca’’nti pajānāti. Taṇhaṃ pana idaṃ dukkhaṃ ito samudeti, tasmā ‘‘ayaṃ dukkhasamudayo’’ti yathābhūtaṃ pajānāti. Yasmā idaṃ dukkhañca samudayo ca nibbānaṃ patvā nirujjhanti vūpasamanti appavattiṃ gacchanti, tasmā taṃ ‘‘ayaṃ dukkhanirodho’’ti yathābhūtaṃ pajānāti. Ariyo pana aṭṭhaṅgiko maggo taṃ dukkhanirodhaṃ gacchati, tena taṃ ‘‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’’ti yathābhūtaṃ pajānāti. Ettāvatā nānakkhaṇe saccavavatthānaṃ dassitaṃ. Idāni taṃ ekakkhaṇe dassetuṃ ‘‘tathāgatappaveditā’’tiādi vuttaṃ. Tathāgatappaveditāti tathāgatena bodhimaṇḍe paṭividdhā viditā pākaṭā katā. Dhammāti catusaccadhammā. Vodiṭṭhā hontīti sudiṭṭhā honti. Vocaritāti sucaritā, tesu tena paññā suṭṭhu carāpitāti attho. Ayanti ayaṃ evarūpo puggalo ‘‘diṭṭhippatto’’ti vuccati.

    สทฺธาย วิมุโตฺตติ สทฺทหนวเสน วิมุโตฺต, เอเตน สพฺพถา อวิมุตฺตสฺสปิ สทฺธามเตฺตน วิมุตฺตภาวํ ทเสฺสติฯ สทฺธาวิมุโตฺตติ วา สทฺธาย อธิมุโตฺตติ อโตฺถฯ วุตฺตนเยเนวาติ กายสกฺขิมฺหิ วุตฺตนเยเนวฯ โน จ โข ยถา ทิฎฺฐิปฺปตฺตสฺสาติ ยถา ทิฎฺฐิปฺปตฺตสฺส อาสวา ปริกฺขีณา, น เอวํ สทฺธาย วิมุตฺตสฺสาติ อโตฺถฯ กิํ ปน เนสํ กิเลสปฺปหาเน นานตฺตํ อตฺถีติ? นตฺถิฯ อถ กสฺมา สทฺธาวิมุโตฺต ทิฎฺฐิปฺปตฺตํ น ปาปุณาตีติ? อาคมนียนานเตฺตนฯ ทิฎฺฐิปฺปโตฺต หิ อาคมนมฺหิ กิเลเส วิกฺขเมฺภโนฺต อปฺปทุเกฺขน, อกิลมโนฺต จ สโกฺกติ วิกฺขเมฺภตุํ, สทฺธาวิมุโตฺต ทุเกฺขน กิลมโนฺต วิกฺขเมฺภติ, ตสฺมา ทิฎฺฐิปฺปตฺตํ น ปาปุณาติฯ เตนาห ‘‘เอเตสุ หี’’ติอาทิฯ

    Saddhāyavimuttoti saddahanavasena vimutto, etena sabbathā avimuttassapi saddhāmattena vimuttabhāvaṃ dasseti. Saddhāvimuttoti vā saddhāya adhimuttoti attho. Vuttanayenevāti kāyasakkhimhi vuttanayeneva. No ca kho yathā diṭṭhippattassāti yathā diṭṭhippattassa āsavā parikkhīṇā, na evaṃ saddhāya vimuttassāti attho. Kiṃ pana nesaṃ kilesappahāne nānattaṃ atthīti? Natthi. Atha kasmā saddhāvimutto diṭṭhippattaṃ na pāpuṇātīti? Āgamanīyanānattena. Diṭṭhippatto hi āgamanamhi kilese vikkhambhento appadukkhena, akilamanto ca sakkoti vikkhambhetuṃ, saddhāvimutto dukkhena kilamanto vikkhambheti, tasmā diṭṭhippattaṃ na pāpuṇāti. Tenāha ‘‘etesu hī’’tiādi.

    อารมฺมณํ ยาถาวโต ธาเรติ อวธาเรตีติ ธโมฺม, ปญฺญาฯ ปญฺญาปุพฺพงฺคมนฺติ ปญฺญาปธานํฯ ปญฺญํ วาเหตีติ ปญฺญาวาหี, ปญฺญํ สาติสยํ ปวเตฺตตีติ อโตฺถฯ ปญฺญา วา อิมํ ปุคฺคลํ วาเหติ, นิพฺพานาภิมุขํ คเมตีติ อโตฺถฯ สทฺธานุสารินิเทฺทเสปิ เอเสว นโยฯ

    Ārammaṇaṃ yāthāvato dhāreti avadhāretīti dhammo, paññā. Paññāpubbaṅgamanti paññāpadhānaṃ. Paññaṃ vāhetīti paññāvāhī, paññaṃ sātisayaṃ pavattetīti attho. Paññā vā imaṃ puggalaṃ vāheti, nibbānābhimukhaṃ gametīti attho. Saddhānusāriniddesepi eseva nayo.

    ตสฺมาติ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๗๗๐, ๗๗๖) วุตฺตตฺตา, ตโต เอว วิสุทฺธิมเคฺค, ตํ สํวณฺณนาสุ (วิสุทฺธิ. ฎี. ๒.๗๗๖) วุตฺตนเยเนตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Tasmāti visuddhimagge (visuddhi. 2.770, 776) vuttattā, tato eva visuddhimagge, taṃ saṃvaṇṇanāsu (visuddhi. ṭī. 2.776) vuttanayenettha attho veditabbo.

    ปธานเทสนาวณฺณนา

    Padhānadesanāvaṇṇanā

    ๑๕๑. ปทหนวเสนาติ ภาวนานุโยควเสนฯ สตฺต โพชฺฌงฺคา ปธานาติ วุตฺตา วิเวกนิสฺสิตาทิภาเวน ปทหิตพฺพโต ภาเวตพฺพโตฯ

    151.Padahanavasenāti bhāvanānuyogavasena. Satta bojjhaṅgā padhānāti vuttā vivekanissitādibhāvena padahitabbato bhāvetabbato.

    ปฎิปทาเทสนาวณฺณนา

    Paṭipadādesanāvaṇṇanā

    ๑๕๒. ทุเกฺขน กสิเรน สมาธิํ อุปฺปาเทนฺตสฺสาติ ปุพฺพภาเค อาคมนกาเล กิเจฺฉน ทุเกฺขน สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กิลมนฺตสฺส กิเลเส วิกฺขเมฺภตฺวา โลกุตฺตรสมาธิํ อุปฺปาเทนฺตสฺสฯ ทนฺธํ ตํ ฐานํ อภิชานนฺตสฺสาติ วิกฺขมฺภิเตสุ กิเลเสสุ วิปสฺสนาปริวาเส จิรํ วสิตฺวา ตํ โลกุตฺตรสมาธิสงฺขาตํ ฐานํ ทนฺธํ สณิกํ อภิชานนฺตสฺส ปฎิวิชฺฌนฺตสฺส, สจฺฉิกโรนฺตสฺส ปาปุณนฺตสฺสาติ อโตฺถฯ อยํ วุจฺจตีติ ยา เอสา เอวํ อุปฺปชฺชติ, อยํ กิเลสวิกฺขมฺภนปฎิปทาย ทุกฺขตฺตา, วิปสฺสนาปริวาสปญฺญาย จ ทนฺธตฺตา มคฺคกาเล เอกจิตฺตกฺขเณ อุปฺปนฺนาปิ ปญฺญา อาคมนวเสน ‘‘ทุกฺขปฎิปทา ทนฺธาภิญฺญา นามา’’ติ วุจฺจติฯ อุปริ ตีสุ ปเทสุปิ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    152.Dukkhenakasirena samādhiṃ uppādentassāti pubbabhāge āgamanakāle kicchena dukkhena sasaṅkhārena sappayogena kilamantassa kilese vikkhambhetvā lokuttarasamādhiṃ uppādentassa. Dandhaṃ taṃ ṭhānaṃ abhijānantassāti vikkhambhitesu kilesesu vipassanāparivāse ciraṃ vasitvā taṃ lokuttarasamādhisaṅkhātaṃ ṭhānaṃ dandhaṃ saṇikaṃ abhijānantassa paṭivijjhantassa, sacchikarontassa pāpuṇantassāti attho. Ayaṃ vuccatīti yā esā evaṃ uppajjati, ayaṃ kilesavikkhambhanapaṭipadāya dukkhattā, vipassanāparivāsapaññāya ca dandhattā maggakāle ekacittakkhaṇe uppannāpi paññā āgamanavasena ‘‘dukkhapaṭipadā dandhābhiññā nāmā’’ti vuccati. Upari tīsu padesupi imināva nayena attho veditabbo.

    ภสฺสสมาจาราทิเทสนาวณฺณนา

    Bhassasamācārādidesanāvaṇṇanā

    ๑๕๓. ภสฺสสมาจาเรติ วจีสมาจาเรฯ ฐิโตติ ยถารทฺธํ ตํ อวิเจฺฉทวเสน กเถโนฺตฯ เตนาห ‘‘กถามคฺคํ อนุปจฺฉินฺทิตฺวา กเถโนฺต’’ติฯ มุสาวาทูปสญฺหิตนฺติ อนฺตรนฺตรา ปวเตฺตน มุสาวาเทน อุปสํหิตํฯ วิภูติ วุจฺจติ วิสุํภาโว, ตตฺถ นิยุตฺตนฺติ เวภูติกํ, ตเทว เวภูติยํ, เปสุญฺญํฯ เตนาห ‘‘เภทกรวาจ’’นฺติฯ กรณุตฺตริยลกฺขณโต สารมฺภโต ชาตาติ สารมฺภชาฯ ตสฺสา ปวตฺติอาการทสฺสนตฺถํ ‘‘ตฺวํ ทุสฺสีโล’’ติอาทิ วุตฺตํฯ พหิทฺธากถา อมนาปา, มนาปาปิ ปรสฺส จิตฺตวิฆาตาวหตฺตา กรณุตฺตริยปกฺขิยเมวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตุยฺห’’นฺติอาทิมาหฯ วิเกฺขปกถาปวตฺตนฺติ วิเกฺขปกถาวเสน ปวตฺตํฯ ชยปุเรกฺขาโร หุตฺวาติ อตฺตโน ชยํ ปุรกฺขตฺวาฯ ยํ กิญฺจิ น ภาสตีติ โยชนาฯ ‘‘มนฺตา’’ติ วุจฺจติ ปญฺญา, มนฺตนํ ชานนนฺติ กตฺวาฯ ‘‘มนฺตา’’ติ อิทํ ‘‘มเนฺตตฺวา’’ติ อิมินา สมานตฺถํ นิปาตปทนฺติ อาห ‘‘อุปปริกฺขิตฺวา’’ติฯ ยุตฺตกถเมวาติ อตฺตโน, สุณนฺตสฺส จ ยุตฺตรูปเมว กถํฯ หทเย นิทหิตพฺพยุตฺตนฺติ อตฺถสมฺปตฺติยา, พฺยญฺชนสมฺปตฺติยา อตฺถเวทาทิปฎิลาภนิมิตฺตตฺตา จิเตฺต ฐเปตพฺพํ, วิมุตฺตายตนภาเวน มนสิ กาตพฺพนฺติ อโตฺถฯ สพฺพงฺคสมฺปนฺนาปิ วาจา อกาเล ภาสิตา อภาชเน ภาสิตา วิย น อตฺถาวหาติ อาห ‘‘ยุตฺตปตฺตกาเลนา’’ติฯ อยญฺจ จตุรงฺคสมนฺนาคตา สุภาสิตวาจา สจฺจสโมฺพธาวหาทิตาย สตฺตานํ มหิทฺธิกา มหานิสํสาติ ทเสฺสตุํ ‘‘เอวํ ภาสิตา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    153.Bhassasamācāreti vacīsamācāre. Ṭhitoti yathāraddhaṃ taṃ avicchedavasena kathento. Tenāha ‘‘kathāmaggaṃ anupacchinditvā kathento’’ti. Musāvādūpasañhitanti antarantarā pavattena musāvādena upasaṃhitaṃ. Vibhūti vuccati visuṃbhāvo, tattha niyuttanti vebhūtikaṃ, tadeva vebhūtiyaṃ, pesuññaṃ. Tenāha ‘‘bhedakaravāca’’nti. Karaṇuttariyalakkhaṇato sārambhato jātāti sārambhajā. Tassā pavattiākāradassanatthaṃ ‘‘tvaṃ dussīlo’’tiādi vuttaṃ. Bahiddhākathā amanāpā, manāpāpi parassa cittavighātāvahattā karaṇuttariyapakkhiyamevāti dassento ‘‘tuyha’’ntiādimāha. Vikkhepakathāpavattanti vikkhepakathāvasena pavattaṃ. Jayapurekkhāro hutvāti attano jayaṃ purakkhatvā. Yaṃ kiñci na bhāsatīti yojanā. ‘‘Mantā’’ti vuccati paññā, mantanaṃ jānananti katvā. ‘‘Mantā’’ti idaṃ ‘‘mantetvā’’ti iminā samānatthaṃ nipātapadanti āha ‘‘upaparikkhitvā’’ti. Yuttakathamevāti attano, suṇantassa ca yuttarūpameva kathaṃ. Hadaye nidahitabbayuttanti atthasampattiyā, byañjanasampattiyā atthavedādipaṭilābhanimittattā citte ṭhapetabbaṃ, vimuttāyatanabhāvena manasi kātabbanti attho. Sabbaṅgasampannāpi vācā akāle bhāsitā abhājane bhāsitā viya na atthāvahāti āha ‘‘yuttapattakālenā’’ti. Ayañca caturaṅgasamannāgatā subhāsitavācā saccasambodhāvahāditāya sattānaṃ mahiddhikā mahānisaṃsāti dassetuṃ ‘‘evaṃ bhāsitā hī’’tiādi vuttaṃ.

    สีลาจาเรติ สีเล จ อาจาเร จ ปริสุทฺธสีเล เจว ปริสุทฺธมโนสมาจาเร จฯ ฐิโตติ ปติฎฺฐหโนฺตฯ สจฺจํ เอตสฺส อตฺถีติ สโจฺจติ อาห ‘‘สจฺจกโถ’’ติฯ เอส นโย สโทฺธติ เอตฺถาปิฯ เตนาห ‘‘สทฺธาสมฺปโนฺน’’ติฯ ‘‘นนุ จ เหฎฺฐา สจฺจํ กถิตเมวา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ? เหฎฺฐา หิ วจีสมาจารํ กเถเนฺตน สจฺจํ กถิตํ, ปฎิปกฺขปฎิเกฺขปวเสน อิธ สีลํ กเถเนฺตน ตํ ปริปุณฺณํ กตฺวา ทเสฺสตุํ สจฺจํ สรูเปเนว กถิตํฯ ‘‘ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย กถาย อารพฺภนฺตรเญฺจตํ, ตถาปิ สจฺจํ วตฺวา อนนฺตรเมว สจฺจสฺส กถนํ ปุนรุตฺตํ โหตีติ ปรสฺส โจทนาวสโร มา โหตู’’ติ ตตฺถ ปริหารํ ทาตุกาโม ‘‘อิธ กสฺมา ปุน วุตฺต’’นฺติ อาหฯ เหฎฺฐา วาจาสจฺจํ กถิตํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ สุภาสิตวาจํ ทเสฺสเนฺตนฯ อนฺตมโส…เป.… ทเสฺสตุํ อิธ วุตฺตํ ‘‘เอวํ สีลํ สุปริสุทฺธํ โหตี’’ติฯ อิมสฺมิํ ปนเตฺถ ‘‘เอวํ ปริตฺตกํ โข, ราหุล, เตสํ สามญฺญํ, เยสํ นตฺถิ สมฺปชานมุสาวาเท ลชฺชา’’ติอาทิ นยปฺปวตฺตํ ราหุโลวาทสุตฺตํ ทเสฺสตพฺพํฯ

    Sīlācāreti sīle ca ācāre ca parisuddhasīle ceva parisuddhamanosamācāre ca. Ṭhitoti patiṭṭhahanto. Saccaṃ etassa atthīti saccoti āha ‘‘saccakatho’’ti. Esa nayo saddhoti etthāpi. Tenāha ‘‘saddhāsampanno’’ti. ‘‘Nanu ca heṭṭhā saccaṃ kathitamevā’’ti kasmā vuttaṃ? Heṭṭhā hi vacīsamācāraṃ kathentena saccaṃ kathitaṃ, paṭipakkhapaṭikkhepavasena idha sīlaṃ kathentena taṃ paripuṇṇaṃ katvā dassetuṃ saccaṃ sarūpeneva kathitaṃ. ‘‘Puggalādhiṭṭhānāya kathāya ārabbhantarañcetaṃ, tathāpi saccaṃ vatvā anantarameva saccassa kathanaṃ punaruttaṃ hotīti parassa codanāvasaro mā hotū’’ti tattha parihāraṃ dātukāmo ‘‘idha kasmā puna vutta’’nti āha. Heṭṭhā vācāsaccaṃ kathitaṃ caturaṅgasamannāgataṃ subhāsitavācaṃ dassentena. Antamaso…pe… dassetuṃ idha vuttaṃ ‘‘evaṃ sīlaṃ suparisuddhaṃ hotī’’ti. Imasmiṃ panatthe ‘‘evaṃ parittakaṃ kho, rāhula, tesaṃ sāmaññaṃ, yesaṃ natthi sampajānamusāvāde lajjā’’tiādi nayappavattaṃ rāhulovādasuttaṃ dassetabbaṃ.

    คุตฺตา สติกวาเฎน ปิทหิตา ทฺวารา เอเตนาติ คุตฺตทฺวาโรติ อาห ‘‘ฉสุ อินฺทฺริเยสู’’ติอาทิ ฯ ปริเยสนปฎิคฺคณฺหนปริโภควิสฺสชฺชนวเสน โภชเน มตฺตํ ชานาตีติ โภชเน มตฺตญฺญูฯ สมนฺติ อวิสมํฯ สมจาริตา หิ กายวิสมาทีนิ ปหาย กายสมาทิปูรณํฯ นิสชฺชายาติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ, เตน ‘‘อาวรณีเยหิ ธเมฺมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติ เอวมาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ภาวนาย จิตฺตปริโสธนญฺหิ ชาคริยานุโยโค, น นิทฺทาวิโนทนมตฺตํฯ นิตฺตนฺทีติ วิคตถินมิโทฺธฯ สา ปน นิตฺตนฺทิตา กายาลสิยวิคมเน ปากฎา โหตีติ วุตฺตํ ‘‘กายาลสิยวิรหิโต’’ติฯ ‘‘อารทฺธวีริโย’’ติ อิมินา ทุวิโธปิ วีริยารโมฺภ คหิโตติ ตํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘กายิกวีริเยนาปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สงฺคมฺม คณวิหาโร สหวาโส สงฺคณิกา, สา ปน กิเลเสหิปิ เอวํ โหตีติ ตโต วิเสเสตุํ ‘‘คณสงฺคณิก’’นฺติ วุตฺตํฯ คเณน สงฺคณิกํ คณสงฺคณิกนฺติฯ อารมฺภวตฺถุวเสนาติ อนธิคตวิเสสาธิคมการณวเสน เอกวิหารี, น เกวลํ เอกีภาววเสนฯ กิเลสสงฺคณิกนฺติ กิเลสสหิตจิตฺตตํฯ ยถา ตถาติ วิปสฺสนาวเสน, ปฎิสงฺขานวเสน วาฯ สมถวเสน อารมฺมณูปนิชฺฌานํฯ วิปสฺสนาวเสน ลกฺขณูปนิชฺฌานํฯ

    Guttā satikavāṭena pidahitā dvārā etenāti guttadvāroti āha ‘‘chasu indriyesū’’tiādi . Pariyesanapaṭiggaṇhanaparibhogavissajjanavasena bhojane mattaṃ jānātīti bhojane mattaññū. Samanti avisamaṃ. Samacāritā hi kāyavisamādīni pahāya kāyasamādipūraṇaṃ. Nisajjāyāti ettha iti-saddo ādiattho, tena ‘‘āvaraṇīyehi dhammehi cittaṃ parisodhetī’’ti evamādiṃ saṅgaṇhāti. Bhāvanāya cittaparisodhanañhi jāgariyānuyogo, na niddāvinodanamattaṃ. Nittandīti vigatathinamiddho. Sā pana nittanditā kāyālasiyavigamane pākaṭā hotīti vuttaṃ ‘‘kāyālasiyavirahito’’ti. ‘‘Āraddhavīriyo’’ti iminā duvidhopi vīriyārambho gahitoti taṃ vibhajitvā dassetuṃ ‘‘kāyikavīriyenāpī’’tiādi vuttaṃ. Saṅgamma gaṇavihāro sahavāso saṅgaṇikā, sā pana kilesehipi evaṃ hotīti tato visesetuṃ ‘‘gaṇasaṅgaṇika’’nti vuttaṃ. Gaṇena saṅgaṇikaṃ gaṇasaṅgaṇikanti. Ārambhavatthuvasenāti anadhigatavisesādhigamakāraṇavasena ekavihārī, na kevalaṃ ekībhāvavasena. Kilesasaṅgaṇikanti kilesasahitacittataṃ. Yathā tathāti vipassanāvasena, paṭisaṅkhānavasena vā. Samathavasena ārammaṇūpanijjhānaṃ. Vipassanāvasena lakkhaṇūpanijjhānaṃ.

    กลฺยาณปฎิภาโนติ สุนฺทรปฎิภาโน, สา ปนสฺส ปฎิภานสมฺปทา วจนจาตุริยสหิตาว อิจฺฉิตาติ อาห ‘‘วากฺกรณ…เป.… สมฺปโนฺน จา’’ติฯ ‘‘ปฎิภาน’’นฺติ หิ ญาณมฺปิ วุจฺจติ ญาณสฺส อุปฎฺฐิตวจนมฺปิฯ ตตฺถ อตฺถยุตฺตํ การณยุตฺตํ ปฎิภานมสฺสาติ ยุตฺตปฎิภาโนฯ ปุจฺฉิตานนฺตรเมว สีฆํ พฺยากาตุํ อสมตฺถตาย โน มุตฺตปฎิภานํ อสฺสาติ โน มุตฺตปฎิภาโนฯ อิธ ปน วิกิณฺณวาโจ มุตฺตปฎิภาโน อธิเปฺปโตติ อธิปฺปาเยน ‘‘สีลสมาจารสฺมิญฺหิ ฐิตภิกฺขุ มุตฺตปฎิภาโน น โหตี’’ติ วุตฺตํฯ คมนสมตฺถายาติ อสฺสุตํ ธมฺมํ คเมตุํ สมตฺถายฯ ธารณสมตฺถายาติ สาติสยํ สติวีริยสหิตตาย ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ ธาเรตุํ สมตฺถายฯ มุนนโต อนุมินนโต มุตีติ อนุมาน ปญฺญาย นามํฯ ตีหิ ปเทหีติ ‘‘คติมา ธิติมา มุติมา’’ติ ตีหิ ปเทหิฯ เหฎฺฐาติ เหฎฺฐา ‘‘อารทฺธวีริโย’’ติ วุตฺตฎฺฐาเนฯ อิธาติ ‘‘ธิติมา’’ติ วุตฺตฎฺฐาเนฯ วีริยมฺปิ เหฎฺฐา คุณภูตํ คหิตนฺติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ เหฎฺฐาติ ‘‘ชาคริยานุโยคมนุยุโตฺต, ฌายี’’ติ เอตฺถ วิปสฺสนาปญฺญา กถิตาฯ อิธาติ ‘‘ธิติมา มุติมา’’ติ เอตฺถ พุทฺธวจนคณฺหนปญฺญา กถิตา กรณปุพฺพาปรโกสลฺลปญฺญาทีปนโตฯ กิเลสกาโมปิ วตฺถุกาโม วิย ยถาปวโตฺต อสฺสาทียตีติ วุตฺตํ ‘‘วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ อคิโทฺธ’’ติฯ

    Kalyāṇapaṭibhānoti sundarapaṭibhāno, sā panassa paṭibhānasampadā vacanacāturiyasahitāva icchitāti āha ‘‘vākkaraṇa…pe… sampanno cā’’ti. ‘‘Paṭibhāna’’nti hi ñāṇampi vuccati ñāṇassa upaṭṭhitavacanampi. Tattha atthayuttaṃ kāraṇayuttaṃ paṭibhānamassāti yuttapaṭibhāno. Pucchitānantarameva sīghaṃ byākātuṃ asamatthatāya no muttapaṭibhānaṃ assāti no muttapaṭibhāno. Idha pana vikiṇṇavāco muttapaṭibhāno adhippetoti adhippāyena ‘‘sīlasamācārasmiñhi ṭhitabhikkhu muttapaṭibhāno na hotī’’ti vuttaṃ. Gamanasamatthāyāti assutaṃ dhammaṃ gametuṃ samatthāya. Dhāraṇasamatthāyāti sātisayaṃ sativīriyasahitatāya yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ dhāretuṃ samatthāya. Munanato anuminanato mutīti anumāna paññāya nāmaṃ. Tīhi padehīti ‘‘gatimā dhitimā mutimā’’ti tīhi padehi. Heṭṭhāti heṭṭhā ‘‘āraddhavīriyo’’ti vuttaṭṭhāne. Idhāti ‘‘dhitimā’’ti vuttaṭṭhāne. Vīriyampi heṭṭhā guṇabhūtaṃ gahitanti vuttovāyamattho. Heṭṭhāti ‘‘jāgariyānuyogamanuyutto, jhāyī’’ti ettha vipassanāpaññā kathitā. Idhāti ‘‘dhitimā mutimā’’ti ettha buddhavacanagaṇhanapaññā kathitā karaṇapubbāparakosallapaññādīpanato. Kilesakāmopi vatthukāmo viya yathāpavatto assādīyatīti vuttaṃ ‘‘vatthukāmakilesakāmesu agiddho’’ti.

    อนุสาสนวิธาเทสนาทิวณฺณนา

    Anusāsanavidhādesanādivaṇṇanā

    ๑๕๔. อตฺตโน อุปายมนสิกาเรนาติ อตฺตนิ สมฺภูเตน ปถมนสิกาเรน ภาวนามนสิกาเรนฯ ปฎิปชฺชมาโนติ วิสุทฺธิํ ปฎิปชฺชมาโนฯ

    154.Attano upāyamanasikārenāti attani sambhūtena pathamanasikārena bhāvanāmanasikārena. Paṭipajjamānoti visuddhiṃ paṭipajjamāno.

    ๑๕๕. กิเลสวิมุตฺติญาเณติ กิเลสปฺปหานชานเนฯ

    155.Kilesavimuttiñāṇeti kilesappahānajānane.

    ๑๕๖. ปริยาทิยมาโนติ ปริจฺฉิชฺช คณฺหโนฺตติ อโตฺถฯ สุทฺธกฺขเนฺธเยว อนุสฺสรติ นามโคตฺตํ ปริยาทิยิตุํ อสโกฺกโนฺตฯ วุตฺตเมวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เอโก หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สโกฺกติ ปริยาทิยิตุํฯ อสโกฺกนฺตสฺส วเสน คหิตํ, ‘‘อมุตฺราสิํ เอวํนาโม’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ อโตฺถฯ อสโกฺกนฺตสฺสาติ จ อาโรหเน อสโกฺกนฺตสฺส, โอโรหเน ปน ญาณสฺส ถิรภูตตฺตาฯ เตนาห ‘‘สุทฺธกฺขเนฺธเยว อนุสฺสรโนฺต’’ติอาทิฯ เอตนฺติ ปุพฺพาปรวิโรธํฯ น สลฺลเกฺขสิ ทิฎฺฐาภินิเวเสน กุณฺฐญาณตฺตาฯ เตนาห ‘‘ทิฎฺฐิคติกตฺตา’’ติฯ ฐานนฺติ เอกสฺมิํ ปเกฺข อวฎฺฐานํฯ นิยโมติ วาทนิยโม ปฎินิยตวาทตาฯ เตนาห ‘‘อิมํ คเหตฺวา’’ติอาทิฯ

    156.Pariyādiyamānoti paricchijja gaṇhantoti attho. Suddhakkhandheyeva anussarati nāmagottaṃ pariyādiyituṃ asakkonto. Vuttamevatthaṃ vivarituṃ ‘‘eko hī’’tiādi vuttaṃ. Sakkoti pariyādiyituṃ. Asakkontassavasena gahitaṃ, ‘‘amutrāsiṃ evaṃnāmo’’tiādi vuttanti attho. Asakkontassāti ca ārohane asakkontassa, orohane pana ñāṇassa thirabhūtattā. Tenāha ‘‘suddhakkhandheyeva anussaranto’’tiādi. Etanti pubbāparavirodhaṃ. Na sallakkhesi diṭṭhābhinivesena kuṇṭhañāṇattā. Tenāha ‘‘diṭṭhigatikattā’’ti. Ṭhānanti ekasmiṃ pakkhe avaṭṭhānaṃ. Niyamoti vādaniyamo paṭiniyatavādatā. Tenāha ‘‘imaṃ gahetvā’’tiādi.

    ๑๕๗. ปิณฺฑคณนายาติ ‘‘เอกํ เทฺว’’ติอาทินา อคเณตฺวา สงฺกลนปทุปฺปาทนาทินา ปิณฺฑนวเสน คณนายฯ อจฺฉิทฺทกวเสนาติ อวิจฺฉินฺทกคณนาวเสน คณนา กมคณนํ มุญฺจิตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ รุเกฺข เอตฺตกานิ ปณฺณานี’’ติ วา ‘‘อิมสฺมิํ ชลาสเย เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกานี’’ติ วา เอวํ คเณตพฺพสฺส เอกชฺฌมฺปิ ปิเณฺฑตฺวา คณนาฯ กมคณนา หิ อนฺตรนฺตรา วิจฺฉิชฺช ปวตฺติยา ปจฺฉินฺทิกาฯ สา ปเนสา คณนา สวนนฺตรํ อนเปกฺขิตฺวา มนสาว คเณตพฺพโต ‘‘มโนคณนา’’ติปิ วุจฺจตีติ อาห ‘‘มโนคณนายา’’ติฯ ปิณฺฑคณนเมว ทเสฺสติ, น วิภาคคณนํฯ สงฺขาตุํ น สกฺกา อเญฺญหิ อสเงฺขฺยยฺยาภาวโตฯ ปญฺญาปารมิยา ปูริตภาวํ ทเสฺสโนฺต อิตราสํ ปูรเณน วินา ตสฺสา ปูรณํ นตฺถีติ ‘‘ทสนฺนํ ปารมีนํ ปูริตตฺตา’’ติ อาหฯ เตนาห ‘‘สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส สุปฺปฎิวิทฺธตฺตา’’ติฯ เอตฺตกนฺติ ทเสฺสถาติ ทีเปติ เถโรฯ ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘สาการํ สอุเทฺทสํ อนุสฺสรตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ตสฺส อนุสฺสรณมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อายุโน วสฺสาทิคณนาย ปริจฺฉินฺทนํ ตสฺส อวิสยภาวโตฯ

    157.Piṇḍagaṇanāyāti ‘‘ekaṃ dve’’tiādinā agaṇetvā saṅkalanapaduppādanādinā piṇḍanavasena gaṇanāya. Acchiddakavasenāti avicchindakagaṇanāvasena gaṇanā kamagaṇanaṃ muñcitvā ‘‘imasmiṃ rukkhe ettakāni paṇṇānī’’ti vā ‘‘imasmiṃ jalāsaye ettakāni udakāḷhakānī’’ti vā evaṃ gaṇetabbassa ekajjhampi piṇḍetvā gaṇanā. Kamagaṇanā hi antarantarā vicchijja pavattiyā pacchindikā. Sā panesā gaṇanā savanantaraṃ anapekkhitvā manasāva gaṇetabbato ‘‘manogaṇanā’’tipi vuccatīti āha ‘‘manogaṇanāyā’’ti. Piṇḍagaṇanameva dasseti, na vibhāgagaṇanaṃ. Saṅkhātuṃ na sakkā aññehi asaṅkhyeyyābhāvato. Paññāpāramiyā pūritabhāvaṃ dassento itarāsaṃ pūraṇena vinā tassā pūraṇaṃ natthīti ‘‘dasannaṃ pāramīnaṃ pūritattā’’ti āha. Tenāha ‘‘sabbaññutaññāṇassa suppaṭividdhattā’’ti. Ettakanti dassethāti dīpeti thero. Yaṃ pana pāḷiyaṃ ‘‘sākāraṃ sauddesaṃ anussaratī’’ti vuttaṃ, taṃ tassa anussaraṇamattaṃ sandhāya vuttaṃ, na āyuno vassādigaṇanāya paricchindanaṃ tassa avisayabhāvato.

    ๑๕๘. ตุมฺหากํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ เยว อนุตฺตรา อนญฺญสาธารณตฺตาฯ อิทานิ ตสฺสา เทสนาย มเชฺฌ ภินฺนสุวณฺณสฺส วิย วิภาคาภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘อตีตพุทฺธาปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิมินาปิ การเณนาติ อนุตฺตรภาเวน, อเญฺญหิ พุเทฺธหิ เอกสทิสภาเวน จฯ

    158.Tumhākaṃ sammāsambuddhānaṃ yeva anuttarā anaññasādhāraṇattā. Idāni tassā desanāya majjhe bhinnasuvaṇṇassa viya vibhāgābhāvaṃ dassetuṃ ‘‘atītabuddhāpī’’tiādi vuttaṃ. Imināpi kāraṇenāti anuttarabhāvena, aññehi buddhehi ekasadisabhāvena ca.

    ๑๕๙. อาสวานํ อารมฺมณภาวูปคมเนน สาสวาฯ อุเปจฺจ อาธียนฺตีติ อุปาธี, โทสาโรปนานิ, สห อุปาธีหีติ สอุปาธิกาฯ อนริยิทฺธิยญฺหิ อตฺตโน จิตฺตโทเสน เอกเจฺจ อุปารมฺภํ ททนฺติ, สฺวายมโตฺถ เกวฎฺฎสุเตฺตน ทีเปตโพฺพฯ โน ‘‘อริยา’’ติ วุจฺจติ สาสวภาวโตฯ นิโทฺทเสหิ ขีณาสเวหิ ปวเตฺตตพฺพโต นิโทฺทสา โทเสหิ สห อปฺปวตฺตนโตฯ ตโต เอว อนุปารมฺภาฯ อริยานํ อิทฺธีติ อริยิทฺธีติ วุจฺจติฯ

    159. Āsavānaṃ ārammaṇabhāvūpagamanena sāsavā. Upecca ādhīyantīti upādhī, dosāropanāni, saha upādhīhīti saupādhikā. Anariyiddhiyañhi attano cittadosena ekacce upārambhaṃ dadanti, svāyamattho kevaṭṭasuttena dīpetabbo. No ‘‘ariyā’’ti vuccati sāsavabhāvato. Niddosehi khīṇāsavehi pavattetabbato niddosā dosehi saha appavattanato. Tato eva anupārambhā. Ariyānaṃ iddhīti ariyiddhīti vuccati.

    อปฺปฎิกฺกูลสญฺญีติ อิฎฺฐสญฺญี อิฎฺฐากาเรน ปวตฺตจิโตฺตฯ ปฎิกฺกูเลติ อมนุเญฺญ อนิเฎฺฐ ฯ ธาตุสญฺญนฺติ ‘‘ธาตุโย’’ติ สญฺญํฯ อุปสํหรตีติ อุปเนติ ปวเตฺตติฯ อนิฎฺฐสฺมิํ วตฺถุสฺมินฺติ อนิเฎฺฐ สตฺตสญฺญิเต อารมฺมเณฯ เมตฺตาย วา ผรตีติ เมตฺตํ หิเตสิตํ อุปสํหรโนฺต สพฺพตฺถกเมว ตํ ตตฺถ ผรติฯ ธาตุโต วา อุปสํหรตีติ ธมฺมสภาวจินฺตเนน ธาตุโส, ปจฺจเวกฺขณาย ธาตุมนสิการํ วา ตตฺถ ปวเตฺตติฯ อปฺปฎิกฺกูเล สเตฺต ญาติมิตฺตาทิเก ยาถาวโต ธมฺมสภาวจินฺตเนน อนิจฺจสญฺญาย วิสภาคภูเต ‘‘เกสาทิ อสุจิโกฎฺฐาสเมวา’’ติ อสุภสญฺญํ ผรติ อสุภมนสิการํ ปวเตฺตติฯ ฉฬงฺคุเปกฺขายาติ อิฎฺฐานิฎฺฐฉฬารมฺมณาปาเถ ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนลกฺขณาย ฉสุ ทฺวาเรสุ ปวตฺตนโต ‘‘ฉฬงฺคุเปกฺขายา’’ติ ลทฺธนามาย ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขายฯ

    Appaṭikkūlasaññīti iṭṭhasaññī iṭṭhākārena pavattacitto. Paṭikkūleti amanuññe aniṭṭhe . Dhātusaññanti ‘‘dhātuyo’’ti saññaṃ. Upasaṃharatīti upaneti pavatteti. Aniṭṭhasmiṃ vatthusminti aniṭṭhe sattasaññite ārammaṇe. Mettāya vā pharatīti mettaṃ hitesitaṃ upasaṃharanto sabbatthakameva taṃ tattha pharati. Dhātuto vā upasaṃharatīti dhammasabhāvacintanena dhātuso, paccavekkhaṇāya dhātumanasikāraṃ vā tattha pavatteti. Appaṭikkūle satte ñātimittādike yāthāvato dhammasabhāvacintanena aniccasaññāya visabhāgabhūte ‘‘kesādi asucikoṭṭhāsamevā’’ti asubhasaññaṃ pharati asubhamanasikāraṃ pavatteti. Chaḷaṅgupekkhāyāti iṭṭhāniṭṭhachaḷārammaṇāpāthe parisuddhapakatibhāvāvijahanalakkhaṇāya chasu dvāresu pavattanato ‘‘chaḷaṅgupekkhāyā’’ti laddhanāmāya tatramajjhattupekkhāya.

    ตํ เทสนนฺติ ตํ ทฺวีสุ อิทฺธิวิธาสุ เทสนปฺปการํ เทสนาวิธิํฯ อเสสํ สกลนฺติ อเสสํ นิรวเสสํ สมฺปุณฺณํ อภิวิสิเฎฺฐน ญาเณน ชานาติฯ อเสสํ อภิชานโต ตโต อุตฺตริ อภิเญฺญยฺยํ นตฺถิฯ อิโตติ ภควโต อภิญฺญาตโตฯ อโญฺญ ปรมตฺถวเสน ธโมฺม วา ปญฺญตฺติวเสน ปุคฺคโล วา อยํ นาม ยํ ภควา น ชานาตีติ อิทํ นตฺถิ น อุปลพฺภติ สพฺพเสฺสว สมฺมเทว ตุเมฺหหิ อภิญฺญาตตฺตาฯ ทฺวีสุ อิทฺธิวิธาสุ อภิชานเน, เทสนายญฺจ ภควโต อุตฺตริตโร นตฺถิฯ อิมินาปีติ ปิ-สโทฺท น เกวลํ วุตฺตตฺถสมุจฺจยโตฺถ, อถ โข อวุตฺตตฺถสมุจฺจยโตฺถปิ ทฎฺฐโพฺพฯ ยํ ตํ ภเนฺตติอาทินาปิ หิ ภควโต คุณทสฺสนํ ตเสฺสว ปสาทสฺส การณวิภาวนํฯ

    Taṃ desananti taṃ dvīsu iddhividhāsu desanappakāraṃ desanāvidhiṃ. Asesaṃ sakalanti asesaṃ niravasesaṃ sampuṇṇaṃ abhivisiṭṭhena ñāṇena jānāti. Asesaṃ abhijānato tato uttari abhiññeyyaṃnatthi. Itoti bhagavato abhiññātato. Añño paramatthavasena dhammo vā paññattivasena puggalo vā ayaṃ nāma yaṃ bhagavā na jānātīti idaṃ natthi na upalabbhati sabbasseva sammadeva tumhehi abhiññātattā. Dvīsu iddhividhāsu abhijānane, desanāyañca bhagavato uttaritaro natthi. Imināpīti pi-saddo na kevalaṃ vuttatthasamuccayattho, atha kho avuttatthasamuccayatthopi daṭṭhabbo. Yaṃ taṃ bhantetiādināpi hi bhagavato guṇadassanaṃ tasseva pasādassa kāraṇavibhāvanaṃ.

    อญฺญถาสตฺถุคุณทสฺสนาทิวณฺณนา

    Aññathāsatthuguṇadassanādivaṇṇanā

    ๑๖๐. ปุเพฺพ ‘‘เอตทานุตฺตริยํ ภเนฺต’’ติอาทินา ยถาวุตฺตพุทฺธคุณา ทสฺสิตา, ตโต อโญฺญ เอวายํ ปกาโร ‘‘ยํ ตํ ภเนฺต’’ติอาทินา อารโทฺธติ อาห ‘‘อปเรนาปิ อากาเรนา’’ติฯ พุทฺธานํ สมฺมาสโมฺพธิยา สทฺทหนโต วิเสสโต สทฺธา กุลปุตฺตา นาม โพธิสตฺตา, มหาโพธิสตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ เต หิ มหาภินีหารโต ปฎฺฐาย มหาโพธิยํ สตฺตา อาสตฺตา ลคฺคา นิยตภาวูปคมเนน เกนจิ อสํหาริยภาวโตฯ ยโต เนสํ น กถญฺจิ ตตฺถ สทฺธาย อญฺญถตฺตํ โหติ, เอเตเนว เตสํ กมฺมผลํ สทฺธายปิ อญฺญถตฺตาภาโว ทีปิโต ทฎฺฐโพฺพฯ ตสฺมาติ ยสฺมา อติสยวจนิจฺฉาวเสน, ‘‘อนุปฺปตฺตํ ตํ ภควตา’’ติ สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน จ วิสิฎฺฐวิสยํ ‘‘สเทฺธน กุลปุเตฺตนา’’ติ อิทํ ปทํ, ตสฺมาฯ โลกุตฺตรธมฺมสมธิคมมูลกตฺตา สพฺพพุทฺธคุณสมธิคมสฺส ‘‘นว โลกุตฺตรธมฺมา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อารทฺธวีริเยนา’’ติอาทีสุ สมาสปเทสุ ‘‘วีริยํ ถาโม’’ติอาทีนิ อวยวปทานิฯ อาทิ-สเทฺทน ปรกฺกมปทํ สงฺคณฺหาติ, น โธรยฺหปทํฯ น หิ ตํ วีริยเววจนํ, อถ โข วีริยวนฺตวาจกํฯ ธุราย นิยุโตฺตติ หิ โธรโยฺหฯ เตนาห ‘‘ตํ ธุรํ วหนสมเตฺถน มหาปุริเสนา’’ติฯ ปคฺคหิตวีริเยนาติ อสิถิลวีริเยนฯ ถิรวีริเยนาติ อุโสฺสฬฺหีภาวูปคมเนน ถิรภาวปฺปตฺตวีริเยนฯ อสมธุเรหีติ อนญฺญสาธารณธุเรหิฯ ปเรสํ อสยฺหสหนา หิ โลกนาถาฯ ตํ สพฺพํ อจิเนฺตยฺยาปริเมยฺยเภทํ พุทฺธานํ คุณชาตํฯ ปารมิตา, พุทฺธคุณา, เวเนยฺยสตฺตาติ ยสฺมา อิทํ ตยํ สเพฺพสมฺปิ พุทฺธานํ สมานเมว, ตสฺมา อาห ‘‘อตีตานาคต…เป.… อูโน นตฺถี’’ติฯ

    160. Pubbe ‘‘etadānuttariyaṃ bhante’’tiādinā yathāvuttabuddhaguṇā dassitā, tato añño evāyaṃ pakāro ‘‘yaṃ taṃ bhante’’tiādinā āraddhoti āha ‘‘aparenāpi ākārenā’’ti. Buddhānaṃ sammāsambodhiyā saddahanato visesato saddhā kulaputtā nāma bodhisattā, mahābodhisattāti adhippāyo. Te hi mahābhinīhārato paṭṭhāya mahābodhiyaṃ sattā āsattā laggā niyatabhāvūpagamanena kenaci asaṃhāriyabhāvato. Yato nesaṃ na kathañci tattha saddhāya aññathattaṃ hoti, eteneva tesaṃ kammaphalaṃ saddhāyapi aññathattābhāvo dīpito daṭṭhabbo. Tasmāti yasmā atisayavacanicchāvasena, ‘‘anuppattaṃ taṃ bhagavatā’’ti saddantarasannidhānena ca visiṭṭhavisayaṃ ‘‘saddhena kulaputtenā’’ti idaṃ padaṃ, tasmā. Lokuttaradhammasamadhigamamūlakattā sabbabuddhaguṇasamadhigamassa ‘‘nava lokuttaradhammā’’ti vuttaṃ. ‘‘Āraddhavīriyenā’’tiādīsu samāsapadesu ‘‘vīriyaṃ thāmo’’tiādīni avayavapadāni. Ādi-saddena parakkamapadaṃ saṅgaṇhāti, na dhorayhapadaṃ. Na hi taṃ vīriyavevacanaṃ, atha kho vīriyavantavācakaṃ. Dhurāya niyuttoti hi dhorayho. Tenāha ‘‘taṃ dhuraṃ vahanasamatthena mahāpurisenā’’ti. Paggahitavīriyenāti asithilavīriyena. Thiravīriyenāti ussoḷhībhāvūpagamanena thirabhāvappattavīriyena. Asamadhurehīti anaññasādhāraṇadhurehi. Paresaṃ asayhasahanā hi lokanāthā. Taṃ sabbaṃ acinteyyāparimeyyabhedaṃ buddhānaṃ guṇajātaṃ. Pāramitā, buddhaguṇā, veneyyasattāti yasmā idaṃ tayaṃ sabbesampi buddhānaṃ samānameva, tasmā āha ‘‘atītānāgata…pe… ūno natthī’’ti.

    กามสุขลฺลิกานุโยคนฺติ กามสุเข อลฺลีนา หุตฺวา อนุยุญฺชนํฯ โก ชานาติ ปรโลกํ ‘‘อตฺถี’’ติ, เอตฺถ ‘‘โก เอกวิสโยยํ อินฺทฺริยโคจโร’’ติ เอวํทิฎฺฐิ หุตฺวาติ อธิปฺปาโยฯ สุโขติ อิโฎฺฐ สุขาวโหฯ ปริพฺพาชิกายาติ ตาปสปริพฺพาชิกาย ตรุณิยาฯ มุทุกายาติ สุขุมาลายฯ โลมสายาติ ตรุณมุทุโลมวติยาฯ โมฬิพนฺธาหีติ โมฬิํ กตฺวา พนฺธเกสาหิฯ ปริจาเรนฺตีติ อตฺตโน ปาริจาริกํ กโรนฺติ, อินฺทฺริยานิ วา ตตฺถ ปริโต จาเรนฺติฯ ลามกนฺติ ปฎิกิลิฎฺฐํฯ คามวาสีนํ พาลานํ ธมฺมํฯ ปุถุชฺชนานมิทนฺติ โปถุชฺชนิกํฯ ยถา ปน ตํ ‘‘ปุถุชฺชนานมิท’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปุถุชฺชเนหิ เสวิตพฺพ’’นฺติ อาหฯ อนริเยหิ เสวิตพฺพนฺติ วา อนริยํฯ ยสฺมา ปน นิโทฺทสโตฺถ อริยโตฺถ, ตสฺมา ‘‘อนริยนฺติ น นิโทฺทส’’นฺติ วุตฺตํฯ อนตฺถสํยุตฺตนฺติ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกาทิวิวิธวิปุลานตฺถสญฺหิตํฯ อตฺตกิลมถานุโยคนฺติ อตฺตโน กิลมถสฺส เขทนสฺส อนุยุญฺชนํฯ ทุกฺขํ เอตสฺส อตฺถีติ ทุกฺขํฯ ทุกฺขมนํ เอตสฺสาติ ทุกฺขมํฯ

    Kāmasukhallikānuyoganti kāmasukhe allīnā hutvā anuyuñjanaṃ. Ko jānāti paralokaṃ ‘‘atthī’’ti, ettha ‘‘ko ekavisayoyaṃ indriyagocaro’’ti evaṃdiṭṭhi hutvāti adhippāyo. Sukhoti iṭṭho sukhāvaho. Paribbājikāyāti tāpasaparibbājikāya taruṇiyā. Mudukāyāti sukhumālāya. Lomasāyāti taruṇamudulomavatiyā. Moḷibandhāhīti moḷiṃ katvā bandhakesāhi. Paricārentīti attano pāricārikaṃ karonti, indriyāni vā tattha parito cārenti. Lāmakanti paṭikiliṭṭhaṃ. Gāmavāsīnaṃ bālānaṃ dhammaṃ. Puthujjanānamidanti pothujjanikaṃ. Yathā pana taṃ ‘‘puthujjanānamida’’nti vattabbataṃ labhati, taṃ dassetuṃ ‘‘puthujjanehi sevitabba’’nti āha. Anariyehi sevitabbanti vā anariyaṃ. Yasmā pana niddosattho ariyattho, tasmā ‘‘anariyanti na niddosa’’nti vuttaṃ. Anatthasaṃyuttanti diṭṭhadhammikasamparāyikādivividhavipulānatthasañhitaṃ. Attakilamathānuyoganti attano kilamathassa khedanassa anuyuñjanaṃ. Dukkhaṃ etassa atthīti dukkhaṃ. Dukkhamanaṃ etassāti dukkhamaṃ.

    อาภิเจตสิกานนฺติ อภิเจโต วุจฺจติ อภิกฺกนฺตํ วิสุทฺธํ จิตฺตํ, อธิจิตฺตํ วา, ตสฺมิํ อภิเจตสิ ชาตานีติ อาภิเจตสิกานิ, อภิเจโตสนฺนิสฺสิตานิ วาฯ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานนฺติ ทิฎฺฐธเมฺม สุขวิหารานํ, ทิฎฺฐธโมฺม วุจฺจติ ปจฺจโกฺข อตฺตภาโว, ตตฺถ สุขวิหารภูตานนฺติ อโตฺถ, รูปาวจรฌานานเมตํ อธิวจนํฯ ตานิ หิ อเปฺปตฺวา นิสินฺนา ฌายิโน อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว อสํกิลิฎฺฐํ เนกฺขมฺมสุขํ วินฺทนฺติ, ตสฺมา ‘‘ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานี’’ติ วุจฺจนฺตีติฯ กถิตา ‘‘ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาโร’’ติ สปฺปีติกตฺตา, โลกุตฺตรวิปากสุขุมสญฺหิตตฺตา จฯ สห มเคฺคน วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํ กถิตํ ‘‘จตฺตาโรเม จุนฺท สุขลฺลิกานุโยคา เอกนฺตนิพฺพิทายา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๘๔) จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺตีติ จตุตฺถชฺฌานิกา ผลสมาปตฺติ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารภาเวน กถิตาฯ จตฺตาริ รูปาวจรานิ ‘‘ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารชฺฌานานี’’ติ กถิตานีติ อโตฺถฯ นิกามลาภีติ นิกาเมน ลาภี อตฺตโน อิจฺฉาวเสน ลาภีฯ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตุํ สมโตฺถติ อโตฺถ ฯ เตนาห ‘‘ยถากามลาภี’’ติฯ อทุกฺขลาภีติ สุเขเนว ปจฺจนีกธมฺมานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา สมาปชฺชิตุํ สมโตฺถฯ อกสิรลาภีติ อกสิรานํ วิปุลานํ ลาภี, ยถาปริเจฺฉเทเนว วุฎฺฐาตุํ สมโตฺถฯ เอกโจฺจ หิ ลาภีเยว โหติ, น ปน สโกฺกติ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตุํฯ เอกโจฺจ ตถา สมาปชฺชิตุํ สโกฺกติ, ปาริพนฺธเก ปน กิเจฺฉน วิกฺขเมฺภติฯ เอกโจฺจ ตถา จ สมาปชฺชติ, ปาริพนฺธเก จ อกิเจฺฉเนว วิกฺขเมฺภติ , น สโกฺกติ นาฬิกยนฺตํ วิย ยถาปริเจฺฉเท วุฎฺฐาตุํฯ ภควา ปน สพฺพโส สมุจฺฉินฺนปาริพนฺธกตฺตา วสิภาวสฺส สมฺมเทว สมธิคตตฺตา สพฺพเมตํ สมฺมเทว สโกฺกติฯ

    Ābhicetasikānanti abhiceto vuccati abhikkantaṃ visuddhaṃ cittaṃ, adhicittaṃ vā, tasmiṃ abhicetasi jātānīti ābhicetasikāni, abhicetosannissitāni vā. Diṭṭhadhammasukhavihārānanti diṭṭhadhamme sukhavihārānaṃ, diṭṭhadhammo vuccati paccakkho attabhāvo, tattha sukhavihārabhūtānanti attho, rūpāvacarajhānānametaṃ adhivacanaṃ. Tāni hi appetvā nisinnā jhāyino imasmiṃyeva attabhāve asaṃkiliṭṭhaṃ nekkhammasukhaṃ vindanti, tasmā ‘‘diṭṭhadhammasukhavihārānī’’ti vuccantīti. Kathitā ‘‘diṭṭhadhammasukhavihāro’’ti sappītikattā, lokuttaravipākasukhumasañhitattā ca. Saha maggena vipassanāpādakajjhānaṃ kathitaṃ ‘‘cattārome cunda sukhallikānuyogā ekantanibbidāyā’’tiādinā (dī. ni. 3.184) catutthajjhānikaphalasamāpattīti catutthajjhānikā phalasamāpatti diṭṭhadhammasukhavihārabhāvena kathitā. Cattāri rūpāvacarāni ‘‘diṭṭhadhammasukhavihārajjhānānī’’ti kathitānīti attho. Nikāmalābhīti nikāmena lābhī attano icchāvasena lābhī. Icchiticchitakkhaṇe samāpajjituṃ samatthoti attho . Tenāha ‘‘yathākāmalābhī’’ti. Adukkhalābhīti sukheneva paccanīkadhammānaṃ samucchinnattā samāpajjituṃ samattho. Akasiralābhīti akasirānaṃ vipulānaṃ lābhī, yathāparicchedeneva vuṭṭhātuṃ samattho. Ekacco hi lābhīyeva hoti, na pana sakkoti icchiticchitakkhaṇe samāpajjituṃ. Ekacco tathā samāpajjituṃ sakkoti, pāribandhake pana kicchena vikkhambheti. Ekacco tathā ca samāpajjati, pāribandhake ca akiccheneva vikkhambheti , na sakkoti nāḷikayantaṃ viya yathāparicchede vuṭṭhātuṃ. Bhagavā pana sabbaso samucchinnapāribandhakattā vasibhāvassa sammadeva samadhigatattā sabbametaṃ sammadeva sakkoti.

    อนุโยคทานปฺปการวณฺณนา

    Anuyogadānappakāravaṇṇanā

    ๑๖๑. ทสสหสฺสิโลกธาตุยาติ อิมาย โลกธาตุยา สทฺธิํ อิมํ โลกธาตุํ ปริวาเรตฺวา ฐิตาย ทสสหสฺสิโลกธาตุยาฯ ชาติเขตฺตภาเวน หิ ตํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘เอกิสฺสา โลกธาตุยา’’ติ วุตฺตํ, ตตฺตกาย เอว ชาติเขตฺตภาโว ธมฺมตาวเสน เวทิตโพฺพฯ ‘‘ปริคฺคหวเสนา’’ติ เกจิฯ สเพฺพสมฺปิ พุทฺธานํ ตตฺตกํ เอว ชาติเขตฺตํฯ ‘‘ตนฺนิวาสีนํเยว จ เทวานํ ธมฺมาภิสมโย’’ติ วทนฺติฯ ปกมฺปนเทวตูปสงฺกมนาทินา ชาตจกฺกวาเฬน สมานโยคกฺขมฎฺฐานํ ชาติเขตฺตํฯ สรเสเนว อาณาปวตฺตนฎฺฐานํ อาณาเขตฺตํฯ พุทฺธญาณสฺส วิสยภูตํ ฐานํ วิสยเขตฺตํฯ โอกฺกมนาทีนํ ฉนฺนเมว คหณํ นิทสฺสนมตฺตํ มหาภินีหาราทิกาเลปิ ตสฺส ปกมฺปนลพฺภนโตฯ อาณาเขตฺตํ นาม, ยํ เอกจฺจํ สํวฎฺฎติ, วิวฎฺฎติ จฯ อาณา วตฺตติ ตนฺนิวาสิเทวตานํ สิรสา สมฺปฎิจฺฉเนน, ตญฺจ โข เกวลํ พุทฺธานํ อานุภาเวเนว, น อธิปฺปายวเสนฯ ‘‘ยาวตา ปน อากเงฺขยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๑) วจนโต ตโต ปรมฺปิ อาณา ปวเตฺตเยฺยวฯ

    161.Dasasahassilokadhātuyāti imāya lokadhātuyā saddhiṃ imaṃ lokadhātuṃ parivāretvā ṭhitāya dasasahassilokadhātuyā. Jātikhettabhāvena hi taṃ ekajjhaṃ gahetvā ‘‘ekissā lokadhātuyā’’ti vuttaṃ, tattakāya eva jātikhettabhāvo dhammatāvasena veditabbo. ‘‘Pariggahavasenā’’ti keci. Sabbesampi buddhānaṃ tattakaṃ eva jātikhettaṃ. ‘‘Tannivāsīnaṃyeva ca devānaṃ dhammābhisamayo’’ti vadanti. Pakampanadevatūpasaṅkamanādinā jātacakkavāḷena samānayogakkhamaṭṭhānaṃ jātikhettaṃ. Saraseneva āṇāpavattanaṭṭhānaṃ āṇākhettaṃ. Buddhañāṇassa visayabhūtaṃ ṭhānaṃ visayakhettaṃ. Okkamanādīnaṃ channameva gahaṇaṃ nidassanamattaṃ mahābhinīhārādikālepi tassa pakampanalabbhanato. Āṇākhettaṃ nāma, yaṃ ekaccaṃ saṃvaṭṭati, vivaṭṭati ca. Āṇā vattati tannivāsidevatānaṃ sirasā sampaṭicchanena, tañca kho kevalaṃ buddhānaṃ ānubhāveneva, na adhippāyavasena. ‘‘Yāvatā pana ākaṅkheyyā’’ti (a. ni. 3.81) vacanato tato parampi āṇā pavatteyyeva.

    นุปฺปชฺชนฺตีติ ปน อตฺถีติ ‘‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕) อิมิสฺสา โลกธาตุยา ฐตฺวา วทเนฺตน ภควตา, อิมสฺมิํเยว สุเตฺต ‘‘กิํ ปนาวุโส, สาริปุตฺต, อเตฺถตรหิ อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา สมสโม สโมฺพธิย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๖๑) เอวํ ปุโฎฺฐ ‘‘อหํ ภเนฺต โนติ วเทยฺย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๖๑) วตฺวา ตสฺส การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส, ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา เทฺว อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๖๑; ม. นิ. ๓.๑๒๙; อ. นิ. ๑.๒๗๗; เนตฺติ. ๕๗; มิ. ป. ๕.๑.๑) อิมํ สุตฺตํ ทเสฺสเนฺตน ธมฺมเสนาปตินา จ พุทฺธเขตฺตภูตํ อิมํ โลกธาตุํ ฐเปตฺวา อญฺญตฺถ อนุปฺปตฺติ วุตฺตา โหตีติ อธิปฺปาโยฯ

    Nuppajjantīti pana atthīti ‘‘na me ācariyo atthi, sadiso me na vijjatī’’ti (ma. ni. 1.285; 2.341; mahāva. 11; kathā. 405) imissā lokadhātuyā ṭhatvā vadantena bhagavatā, imasmiṃyeva sutte ‘‘kiṃ panāvuso, sāriputta, atthetarahi añño samaṇo vā brāhmaṇo vā bhagavatā samasamo sambodhiya’’nti (dī. ni. 3.161) evaṃ puṭṭho ‘‘ahaṃ bhante noti vadeyya’’nti (dī. ni. 3.161) vatvā tassa kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘aṭṭhānametaṃ anavakāso, yaṃ ekissā lokadhātuyā dve arahanto sammāsambuddhā’’ti (dī. ni. 3.161; ma. ni. 3.129; a. ni. 1.277; netti. 57; mi. pa. 5.1.1) imaṃ suttaṃ dassentena dhammasenāpatinā ca buddhakhettabhūtaṃ imaṃ lokadhātuṃ ṭhapetvā aññattha anuppatti vuttā hotīti adhippāyo.

    เอกโตติ สห, เอกสฺมิํ กาเลติ อโตฺถฯ โส ปน กาโล กถํ ปริจฺฉิโนฺนติ? จริมภเว ปฎิสนฺธิคฺคหณโต ปฎฺฐาย ยาว ธาตุปรินิพฺพานนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถ โพธิปลฺลเงฺก’’ติอาทิมาหฯ นิสินฺนกาลโต ปฎฺฐายาติ ปฎิโลมกฺกเมน วทติฯ เขตฺตปริคฺคโห กโตว โหติ ‘‘อิทํ พุทฺธานํ ชาติเขตฺต’’นฺติฯ เกน ปน ปริคฺคโห กโต? อุปฺปชฺชมาเนน โพธิสเตฺตนฯ ปรินิพฺพานโต ปฎฺฐายาติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพานโต ปฎฺฐายฯ เอตฺถนฺตเรติ จริมภเว โพธิสตฺตสฺส ปฎิสนฺธิคฺคหณํ, ธาตุปรินิพฺพานนฺติ อิเมหิ ทฺวีหิ ปริจฺฉิเนฺน เอตสฺมิํ อนฺตเรฯ

    Ekatoti saha, ekasmiṃ kāleti attho. So pana kālo kathaṃ paricchinnoti? Carimabhave paṭisandhiggahaṇato paṭṭhāya yāva dhātuparinibbānanti dassento ‘‘tattha bodhipallaṅke’’tiādimāha. Nisinnakālato paṭṭhāyāti paṭilomakkamena vadati. Khettapariggaho katova hoti ‘‘idaṃ buddhānaṃ jātikhetta’’nti. Kena pana pariggaho kato? Uppajjamānena bodhisattena. Parinibbānato paṭṭhāyāti anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbānato paṭṭhāya. Etthantareti carimabhave bodhisattassa paṭisandhiggahaṇaṃ, dhātuparinibbānanti imehi dvīhi paricchinne etasmiṃ antare.

    ติปิฎกอนฺตรธานกถาวณฺณนา

    Tipiṭakaantaradhānakathāvaṇṇanā

    ‘‘น นิวาริตา’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตีณิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปฎิปตฺติอนฺตรธาเนน สาสนสฺส โอสกฺกิตตฺตา อปรสฺส อุปฺปตฺติ ลทฺธาวสรา โหติฯ ปฎิปทาติ ปฎิเวธาวหา ปุพฺพภาคปฎิปทาฯ

    ‘‘Na nivāritā’’ti vatvā tattha kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘tīṇi hī’’tiādi vuttaṃ. Paṭipattiantaradhānena sāsanassa osakkitattā aparassa uppatti laddhāvasarā hoti. Paṭipadāti paṭivedhāvahā pubbabhāgapaṭipadā.

    ‘‘ปริยตฺติ ปมาณ’’นฺติ วตฺวา ตมตฺถํ โพธิสตฺตํ นิทสฺสนํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตยิทํ หีนํ นิทสฺสนํ กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ นิยฺยานิกธมฺมสฺส หิ ฐิติํ ทเสฺสโนฺต อนิยฺยานิกธมฺมํ นิทเสฺสติฯ

    ‘‘Pariyatti pamāṇa’’nti vatvā tamatthaṃ bodhisattaṃ nidassanaṃ katvā dassetuṃ ‘‘yathā’’tiādi vuttaṃ. Tayidaṃ hīnaṃ nidassanaṃ katanti daṭṭhabbaṃ. Niyyānikadhammassa hi ṭhitiṃ dassento aniyyānikadhammaṃ nidasseti.

    มาติกาย อนฺตรหิตายาติ ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติอาทิ (ปารา. ๓๙, ๔๔; ปาจิ. ๔๕) นยปฺปวตฺตาย สิกฺขาปทปาฬิมาติกาย อนฺตรหิตายฯ นิทานุเทฺทสสงฺขาเต ปาติโมเกฺข, ปพฺพชฺชาอุปสมฺปทากเมฺมสุ จ สาสนํ ติฎฺฐติฯ ยถา วา ปาติโมเกฺข ธรเนฺต เอว ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา จ, เอวํ สติ เอว ตทุภเย ปาติโมกฺขํ ตทุภยาภาเว ปาติโมกฺขาภาวโตฯ ตสฺมา ตยิทํ ตยํ สาสนสฺส ฐิติเหตูติ อาห ‘‘ปาติโมกฺขปพฺพชฺชาอุปสมฺปทาสุ ฐิตาสุ สาสนํ ติฎฺฐตี’’ติฯ ยสฺมา วา อุปสมฺปทาธีนํ ปาติโมกฺขํ อนุปสมฺปนฺนสฺส อนิจฺฉิตตฺตา, อุปสมฺปทา จ ปพฺพชฺชาธีนา, ตสฺมา ปาติโมเกฺข, ตํ สิทฺธิยา สิทฺธาสุ ปพฺพชฺชุปสมฺปทาสุ จ สาสนํ ติฎฺฐติฯ โอสกฺกิตํ นามาติ ปจฺฉิมกปฎิเวธสีลเภททฺวยํ เอกโต กตฺวา ตโต ปรํ วินฎฺฐํ นาม โหติ, ปจฺฉิมกปฎิเวธโต ปรํ ปฎิเวธสาสนํ, ปจฺฉิมกสีลเภทโต ปรํ ปฎิปตฺติสาสนํ วินฎฺฐํ นาม โหตีติ อโตฺถฯ

    Mātikāya antarahitāyāti ‘‘yo pana bhikkhū’’tiādi (pārā. 39, 44; pāci. 45) nayappavattāya sikkhāpadapāḷimātikāya antarahitāya. Nidānuddesasaṅkhāte pātimokkhe, pabbajjāupasampadākammesu ca sāsanaṃ tiṭṭhati. Yathā vā pātimokkhe dharante eva pabbajjā upasampadā ca, evaṃ sati eva tadubhaye pātimokkhaṃ tadubhayābhāve pātimokkhābhāvato. Tasmā tayidaṃ tayaṃ sāsanassa ṭhitihetūti āha ‘‘pātimokkhapabbajjāupasampadāsu ṭhitāsu sāsanaṃ tiṭṭhatī’’ti. Yasmā vā upasampadādhīnaṃ pātimokkhaṃ anupasampannassa anicchitattā, upasampadā ca pabbajjādhīnā, tasmā pātimokkhe, taṃ siddhiyā siddhāsu pabbajjupasampadāsu ca sāsanaṃ tiṭṭhati. Osakkitaṃ nāmāti pacchimakapaṭivedhasīlabhedadvayaṃ ekato katvā tato paraṃ vinaṭṭhaṃ nāma hoti, pacchimakapaṭivedhato paraṃ paṭivedhasāsanaṃ, pacchimakasīlabhedato paraṃ paṭipattisāsanaṃ vinaṭṭhaṃ nāma hotīti attho.

    สาสนอนฺตรหิตวณฺณนา

    Sāsanaantarahitavaṇṇanā

    เอเตน กามํ ‘‘สาสนฎฺฐิติยา ปริยตฺติ ปมาณ’’นฺติ วุตฺตํ, ปริยตฺติ ปน ปฎิปตฺติเหตุกาติ ปฎิปตฺติยา อสติ สา อปฺปติฎฺฐา โหติ ปฎิเวโธ วิย, ตสฺมา ปฎิปตฺติอนฺตรธานํ สาสโนสกฺกนสฺส วิเสสการณนฺติ ทเสฺสตฺวา ตยิทํ สาสโนสกฺกนํ ธาตุปรินิพฺพาโนสานนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตีณิ ปรินิพฺพานานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ธาตูนํ สนฺนิปาตนาทิ พุทฺธานํ อธิฎฺฐาเนเนวาติ เวทิตพฺพํฯ

    Etena kāmaṃ ‘‘sāsanaṭṭhitiyā pariyatti pamāṇa’’nti vuttaṃ, pariyatti pana paṭipattihetukāti paṭipattiyā asati sā appatiṭṭhā hoti paṭivedho viya, tasmā paṭipattiantaradhānaṃ sāsanosakkanassa visesakāraṇanti dassetvā tayidaṃ sāsanosakkanaṃ dhātuparinibbānosānanti dassetuṃ ‘‘tīṇi parinibbānānī’’tiādi vuttaṃ. Dhātūnaṃ sannipātanādi buddhānaṃ adhiṭṭhānenevāti veditabbaṃ.

    ตาติ รสฺมิโยฯ การุญฺญนฺติ ปริเทวนการุญฺญํฯ ชมฺพุทีเป, ทีปนฺตเรสุ, เทวนาคพฺรหฺมโลเกสุ จ วิปฺปกิริตฺวา ฐิตานํ ธาตูนํ มหาโพธิปลฺลงฺกฎฺฐาเน เอกชฺฌํ สนฺนิปาตนํ, รสฺมิวิสฺสชฺชนํ, ตตฺถ เตโชธาตุยา อุฎฺฐานํ, เอกชาลิภาโว จาติ สพฺพเมตํ สตฺถุ อธิฎฺฐานวเสเนวาติ เวทิตพฺพํฯ

    ti rasmiyo. Kāruññanti paridevanakāruññaṃ. Jambudīpe, dīpantaresu, devanāgabrahmalokesu ca vippakiritvā ṭhitānaṃ dhātūnaṃ mahābodhipallaṅkaṭṭhāne ekajjhaṃ sannipātanaṃ, rasmivissajjanaṃ, tattha tejodhātuyā uṭṭhānaṃ, ekajālibhāvo cāti sabbametaṃ satthu adhiṭṭhānavasenevāti veditabbaṃ.

    อนจฺฉริยตฺตาติ ทฺวีสุปิ อุปฺปชฺชมาเนสุ อจฺฉริยตฺตาภาวโทสโตติ อโตฺถฯ พุทฺธา นาม มเชฺฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย เอกสทิสาติ เตสํ เทสนาปิ เอกรสา เอวาติ อาห ‘‘เทสนาย จ วิเสสาภาวโต’’ติ, เอเตน จ อนจฺฉริยตฺตเมว สาเธติฯ ‘‘วิวาทภาวโต’’ติ เอเตน วิวาทาภาวตฺถํ เทฺว เอกโต น อุปฺปชฺชนฺตีติ ทเสฺสติฯ

    Anacchariyattāti dvīsupi uppajjamānesu acchariyattābhāvadosatoti attho. Buddhā nāma majjhe bhinnasuvaṇṇaṃ viya ekasadisāti tesaṃ desanāpi ekarasā evāti āha ‘‘desanāya ca visesābhāvato’’ti, etena ca anacchariyattameva sādheti. ‘‘Vivādabhāvato’’ti etena vivādābhāvatthaṃ dve ekato na uppajjantīti dasseti.

    ตตฺถาติ มิลินฺทปเญฺห (มิ. ป. ๕.๑.๑)ฯ เอกุเทฺทโสติ เอโก เอกวิโธ อภิโนฺน อุเทฺทโสฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ

    Tatthāti milindapañhe (mi. pa. 5.1.1). Ekuddesoti eko ekavidho abhinno uddeso. Sesapadesupi eseva nayo.

    เอกํ เอว พุทฺธํ ธาเรตีติ เอกพุทฺธธารณี, เอเตน เอวํสภาวา เอเต พุทฺธคุณา, เยน ทุติยํ พุทฺธคุณํ ธาเรตุํ อสมตฺถา อยํ โลกธาตูติ ทเสฺสติฯ ปจฺจยวิเสสนิปฺผนฺนานญฺหิ ธมฺมานํ สภาววิเสโส น สกฺกา นิวาเรตุนฺติฯ ‘‘น ธาเรยฺยา’’ติ วตฺวา ตเมว อธารณํ ปริยาเยหิ ปกาเสโนฺต ‘‘จเลยฺยา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ จเลยฺยาติ ปริปฺผเนฺทยฺยฯ กเมฺปยฺยาติ ปเวเธยฺยฯ นเมยฺยาติ เอกปเสฺสน นตา ภเวยฺยฯ โอณเมยฺยาติ โอสีเทยฺยฯ วินเมยฺยาติ วิวิธา อิโต จิโต จ นเมยฺยฯ วิกิเรยฺยาติ วาเตน ภุสมุฎฺฐิ วิย วิปฺปกิเรยฺยฯ วิธเมยฺยาติ วินเสฺสยฺยฯ วิทฺธํเสยฺยาติ สพฺพโส วิทฺธสฺตา ภเวยฺยฯ ตถาภูตา จ น กตฺถจิ ติเฎฺฐยฺยาติ อาห ‘‘น ฐานํ อุปคเจฺฉยฺยา’’ติฯ

    Ekaṃ eva buddhaṃ dhāretīti ekabuddhadhāraṇī, etena evaṃsabhāvā ete buddhaguṇā, yena dutiyaṃ buddhaguṇaṃ dhāretuṃ asamatthā ayaṃ lokadhātūti dasseti. Paccayavisesanipphannānañhi dhammānaṃ sabhāvaviseso na sakkā nivāretunti. ‘‘Na dhāreyyā’’ti vatvā tameva adhāraṇaṃ pariyāyehi pakāsento ‘‘caleyyā’’tiādimāha. Tattha caleyyāti paripphandeyya. Kampeyyāti pavedheyya. Nameyyāti ekapassena natā bhaveyya. Oṇameyyāti osīdeyya. Vinameyyāti vividhā ito cito ca nameyya. Vikireyyāti vātena bhusamuṭṭhi viya vippakireyya. Vidhameyyāti vinasseyya. Viddhaṃseyyāti sabbaso viddhastā bhaveyya. Tathābhūtā ca na katthaci tiṭṭheyyāti āha ‘‘na ṭhānaṃ upagaccheyyā’’ti.

    อิทานิ ตตฺถ นิทสฺสนํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยถา มหาราชา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สมุปาทิกาติ สมํ อุทฺธํ ปชฺชติ ปวตฺตตีติ สมุปาทิกา, อุทกสฺส อุปริ สมํคามินีติ อโตฺถฯ วเณฺณนาติ สณฺฐาเนนฯ ปมาเณนาติ อาโรเหนฯ กิสถูเลนาติ กิสถูลภาเวน, ปริณาเหนาติ อโตฺถฯ ทฺวินฺนมฺปีติ เทฺวปิ, ทฺวินฺนมฺปิ วา สรีรภารํฯ

    Idāni tattha nidassanaṃ dassento ‘‘yathā mahārājā’’tiādimāha. Tattha samupādikāti samaṃ uddhaṃ pajjati pavattatīti samupādikā, udakassa upari samaṃgāminīti attho. Vaṇṇenāti saṇṭhānena. Pamāṇenāti ārohena. Kisathūlenāti kisathūlabhāvena, pariṇāhenāti attho. Dvinnampīti dvepi, dvinnampi vā sarīrabhāraṃ.

    ฉาเทนฺตนฺติ โรเจนฺตํ รุจิํ อุปฺปาเทนฺตํฯ ตนฺทีกโตติ เตน โภชเนน ตนฺทีภูโตฯ อโนณมิตทณฺฑชาโตติ ยาวทตฺถโภชเนน โอณมิตุํ อสมตฺถตาย อโนณมิตทโณฺฑ วิย ชาโตฯ สกิํ ภุโตฺตวาติ เอกํ วฑฺฒิตกํ ภุตฺตมโตฺตว มเรยฺยาติฯ อติธมฺมภาเรนาติ ธเมฺมน นาม ปถวี ติเฎฺฐยฺย, สกิํ เตเนว จลติ วินสฺสตีติ อธิปฺปาเยน ปุจฺฉติฯ ปุน เถโร รตนํ นาม โลเก กุฎุมฺพํ สนฺธาเรนฺตํ, อภิมตญฺจ โลเกน; ตํ อตฺตโน ครุสภาวตาย สกฎภงฺคสฺส การณํ อติภารภูตํ ทิฎฺฐเมวํ ธโมฺม จ หิตสุขวิเสเสหิ ตํสมงฺคินํ ธาเรโนฺต, อภิมโต จ วิญฺญูนํ คมฺภีรปฺปเมยฺยภาเวน ครุสภาวตฺตา อติภารภูโต ปถวิจลนสฺส การณํ โหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิธ มหาราช เทฺว สกฎา’’ติอาทิมาห, เอเตเนว ตถาคตสฺส มาตุกุจฺฉิโอกฺกมนาทิกาเล ปถวิกมฺปนการณํ สํวณฺณิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอกสฺสาติ เอกสฺมา, เอกสฺส วา สกฎสฺส รตนํ ตสฺมา สกฎโต คเหตฺวาติ อโตฺถฯ

    Chādentanti rocentaṃ ruciṃ uppādentaṃ. Tandīkatoti tena bhojanena tandībhūto. Anoṇamitadaṇḍajātoti yāvadatthabhojanena oṇamituṃ asamatthatāya anoṇamitadaṇḍo viya jāto. Sakiṃbhuttovāti ekaṃ vaḍḍhitakaṃ bhuttamattova mareyyāti. Atidhammabhārenāti dhammena nāma pathavī tiṭṭheyya, sakiṃ teneva calati vinassatīti adhippāyena pucchati. Puna thero ratanaṃ nāma loke kuṭumbaṃ sandhārentaṃ, abhimatañca lokena; taṃ attano garusabhāvatāya sakaṭabhaṅgassa kāraṇaṃ atibhārabhūtaṃ diṭṭhamevaṃ dhammo ca hitasukhavisesehi taṃsamaṅginaṃ dhārento, abhimato ca viññūnaṃ gambhīrappameyyabhāvena garusabhāvattā atibhārabhūto pathavicalanassa kāraṇaṃ hotīti dassento ‘‘idha mahārāja dve sakaṭā’’tiādimāha, eteneva tathāgatassa mātukucchiokkamanādikāle pathavikampanakāraṇaṃ saṃvaṇṇitanti daṭṭhabbaṃ. Ekassāti ekasmā, ekassa vā sakaṭassa ratanaṃ tasmā sakaṭato gahetvāti attho.

    โอสาริตนฺติ อุจฺจาริตํ, กถิตนฺติ อโตฺถฯ

    Osāritanti uccāritaṃ, kathitanti attho.

    อโคฺคติ สพฺพสเตฺตหิ อโคฺคฯ

    Aggoti sabbasattehi aggo.

    สภาวปกติกาติ สภาวภูตา อกิตฺติมา ปกติกาฯ การณมหนฺตตฺตาติ การณานํ มหนฺตตาย, มหเนฺตหิ พุทฺธกรธเมฺมหิ ปารมิสงฺขาเตหิ การเณหิ พุทฺธคุณานํ นิพฺพตฺติโตติ วุตฺตํ โหติฯ ปถวิอาทีนิ มหนฺตานิ วตฺถูนิ, มหนฺตา จ สกฺกภาวาทโย อตฺตโน อตฺตโน วิสเย เอเกกาว, เอวํ สมฺมาสมฺพุโทฺธปิ มหโนฺต อตฺตโน วิสเย เอโก เอวฯ โก จ ตสฺส วิสโย? พุทฺธภูมิ, ยาวตกํ วา เญยฺยเมวํ ‘‘อากาโส วิย อนนฺตวิสโย ภควา เอโก เอว โหตี’’ติ วทโนฺต ‘‘เอกิสฺสา โลกธาตุยา’’ติ วุตฺตโลกธาตุโต อเญฺญสุปิ จกฺกวาเฬสุ อปรสฺส พุทฺธสฺส อภาวํ ทเสฺสติฯ

    Sabhāvapakatikāti sabhāvabhūtā akittimā pakatikā. Kāraṇamahantattāti kāraṇānaṃ mahantatāya, mahantehi buddhakaradhammehi pāramisaṅkhātehi kāraṇehi buddhaguṇānaṃ nibbattitoti vuttaṃ hoti. Pathaviādīni mahantāni vatthūni, mahantā ca sakkabhāvādayo attano attano visaye ekekāva, evaṃ sammāsambuddhopi mahanto attano visaye eko eva. Ko ca tassa visayo? Buddhabhūmi, yāvatakaṃ vā ñeyyamevaṃ ‘‘ākāso viya anantavisayo bhagavā eko eva hotī’’ti vadanto ‘‘ekissā lokadhātuyā’’ti vuttalokadhātuto aññesupi cakkavāḷesu aparassa buddhassa abhāvaṃ dasseti.

    ‘‘สมฺมุขา เมต’’นฺติอาทินา ปวตฺติตํ อตฺตโน พฺยากรณํ อวิปรีตตฺถตาย สตฺถริ ปสาทุปฺปาทเนน สมฺมาปฎิปชฺชมานสฺส อนุกฺกเมน โลกุตฺตรธมฺมาวหมฺปิ โหตีติ อาห ‘‘ธมฺมสฺส…เป.… ปฎิปท’’นฺติฯ วาทสฺส อนุปตนํ อนุปฺปวตฺติ วาทานุปาโตติ อาห ‘‘วาโทเยวา’’ติฯ

    ‘‘Sammukhā meta’’ntiādinā pavattitaṃ attano byākaraṇaṃ aviparītatthatāya satthari pasāduppādanena sammāpaṭipajjamānassa anukkamena lokuttaradhammāvahampi hotīti āha ‘‘dhammassa…pe… paṭipada’’nti. Vādassa anupatanaṃ anuppavatti vādānupātoti āha ‘‘vādoyevā’’ti.

    อจฺฉริยอพฺภุตวณฺณนา

    Acchariyaabbhutavaṇṇanā

    ๑๖๒. อุทายีติ นามํ, มหาสรีรตาย ปน เถโร มหาอุทายีติ ปญฺญายิตฺถ, ยสฺส วเสน วินเย นิสีทนสฺส ทสา อนุญฺญาตาฯ ปญฺจวณฺณาติ ขุทฺทิกาทิเภทโต ปญฺจปฺปการาฯ ปีติสมุฎฺฐาเนหิ ปณีตรูเปหิ อติพฺยาปิตเทโห ‘‘นิรนฺตรํ ปีติยา ผุฎสรีโร’’ติ วุโตฺต, ตโต เอวสฺสา ปริยายโต ผรณลกฺขณมฺปิ วุตฺตํฯ อปฺป-สโทฺท ‘‘อปฺปกสิเรเนวา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๐๑; ๕.๑๕๘; อ. นิ. ๗.๗๑) วิย อิธ อภาวโตฺถติ อาห ‘‘อปฺปิจฺฉตาติ นิตฺตณฺหตา’’ติฯ ตีหากาเรหีติ ยถาลาภยถาพลยถาสารุปฺปปฺปกาเรหิฯ

    162.Udāyīti nāmaṃ, mahāsarīratāya pana thero mahāudāyīti paññāyittha, yassa vasena vinaye nisīdanassa dasā anuññātā. Pañcavaṇṇāti khuddikādibhedato pañcappakārā. Pītisamuṭṭhānehi paṇītarūpehi atibyāpitadeho ‘‘nirantaraṃ pītiyā phuṭasarīro’’ti vutto, tato evassā pariyāyato pharaṇalakkhaṇampi vuttaṃ. Appa-saddo ‘‘appakasirenevā’’tiādīsu (saṃ. ni. 1.101; 5.158; a. ni. 7.71) viya idha abhāvatthoti āha ‘‘appicchatāti nittaṇhatā’’ti. Tīhākārehīti yathālābhayathābalayathāsāruppappakārehi.

    น น กเถติ กเถติเยวฯ จีวราทิเหตุนฺติ จีวรุปฺปาทาทิเหตุภูตํ ปยุตฺตกถํ น กเถติฯ เวเนยฺยวเสนาติ วิเนตพฺพปุคฺคลวเสนฯ กเถติ ‘‘เอวมยํ วินยํ อุปคจฺฉตี’’ติฯ ‘‘สพฺพาภิภู สพฺพวิทูหมสฺมี’’ติอาทิกา (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕; ธ. ป. ๓๕๓) คาถาปิ ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต, ภิกฺขเว, ตถาคโต’’ติอาทิกา (สํ. นิ. ๒.๒๑, ๒๒) สุตฺตนฺตาปิฯ

    Na na katheti kathetiyeva. Cīvarādihetunti cīvaruppādādihetubhūtaṃ payuttakathaṃ na katheti. Veneyyavasenāti vinetabbapuggalavasena. Katheti ‘‘evamayaṃ vinayaṃ upagacchatī’’ti. ‘‘Sabbābhibhū sabbavidūhamasmī’’tiādikā (ma. ni. 1.285; 2.341; mahāva. 11; kathā. 405; dha. pa. 353) gāthāpi ‘‘dasabalasamannāgato, bhikkhave, tathāgato’’tiādikā (saṃ. ni. 2.21, 22) suttantāpi.

    ๑๖๓. อภิกฺขณนฺติ อภิณฺหํฯ นิคฺคาถกตฺตา, ปุจฺฉนวิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺติตตฺตา จ ‘‘เวยฺยากรณ’’นฺติ วุตฺตํฯ เสสํ สพฺพํ สุวิเญฺญยฺยํ เอวาติฯ

    163.Abhikkhaṇanti abhiṇhaṃ. Niggāthakattā, pucchanavissajjanavasena pavattitattā ca ‘‘veyyākaraṇa’’nti vuttaṃ. Sesaṃ sabbaṃ suviññeyyaṃ evāti.

    สมฺปสาทนียสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ

    Sampasādanīyasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๕. สมฺปสาทนียสุตฺตํ • 5. Sampasādanīyasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๕. สมฺปสาทนียสุตฺตวณฺณนา • 5. Sampasādanīyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact