Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๖. สํสปฺปนียสุตฺตํ

    6. Saṃsappanīyasuttaṃ

    ๒๑๖. ‘‘สํสปฺปนียปริยายํ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมปริยายํ เทเสสฺสามิฯ ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –

    216. ‘‘Saṃsappanīyapariyāyaṃ vo, bhikkhave, dhammapariyāyaṃ desessāmi. Taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –

    ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, สํสปฺปนียปริยาโย ธมฺมปริยาโย? กมฺมสฺสกา, ภิกฺขเว, สตฺตา กมฺมทายาทา กมฺมโยนี กมฺมพนฺธู กมฺมปฎิสรณา, ยํ กมฺมํ กโรนฺติ – กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา – ตสฺส ทายาทา ภวนฺติฯ

    ‘‘Katamo ca, bhikkhave, saṃsappanīyapariyāyo dhammapariyāyo? Kammassakā, bhikkhave, sattā kammadāyādā kammayonī kammabandhū kammapaṭisaraṇā, yaṃ kammaṃ karonti – kalyāṇaṃ vā pāpakaṃ vā – tassa dāyādā bhavanti.

    ‘‘อิธ , ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปาณาติปาตี โหติ ลุโทฺท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิโฎฺฐ, อทยาปโนฺน สพฺพปาณภูเตสุฯ โส สํสปฺปติ กาเยน, สํสปฺปติ วาจาย, สํสปฺปติ มนสาฯ ตสฺส ชิมฺหํ กายกมฺมํ โหติ, ชิมฺหํ วจีกมฺมํ, ชิมฺหํ มโนกมฺมํ, ชิมฺหา คติ, ชิมฺหุปปตฺติฯ

    ‘‘Idha , bhikkhave, ekacco pāṇātipātī hoti luddo lohitapāṇi hatapahate niviṭṭho, adayāpanno sabbapāṇabhūtesu. So saṃsappati kāyena, saṃsappati vācāya, saṃsappati manasā. Tassa jimhaṃ kāyakammaṃ hoti, jimhaṃ vacīkammaṃ, jimhaṃ manokammaṃ, jimhā gati, jimhupapatti.

    ‘‘ชิมฺหคติกสฺส โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, ชิมฺหุปปตฺติกสฺส ทฺวินฺนํ คตีนํ อญฺญตรํ คติํ วทามิ – เย วา เอกนฺตทุกฺขา นิรยา ยา วา สํสปฺปชาติกา ติรจฺฉานโยนิฯ กตมา จ สา, ภิกฺขเว, สํสปฺปชาติกา ติรจฺฉานโยนิ? อหิ วิจฺฉิกา สตปที นกุลา พิฬารา มูสิกา อุลูกา, เย วา ปนเญฺญปิ เกจิ ติรจฺฉานโยนิกา สตฺตา มนุเสฺส ทิสฺวา สํสปฺปนฺติฯ อิติ โข, ภิกฺขเว, ภูตา ภูตสฺส อุปปตฺติ โหติฯ ยํ กโรติ เตน อุปปชฺชติฯ อุปปนฺนเมนํ ผสฺสา ผุสนฺติฯ เอวมหํ, ภิกฺขเว, ‘กมฺมทายาทา สตฺตา’ติ วทามิฯ

    ‘‘Jimhagatikassa kho panāhaṃ, bhikkhave, jimhupapattikassa dvinnaṃ gatīnaṃ aññataraṃ gatiṃ vadāmi – ye vā ekantadukkhā nirayā yā vā saṃsappajātikā tiracchānayoni. Katamā ca sā, bhikkhave, saṃsappajātikā tiracchānayoni? Ahi vicchikā satapadī nakulā biḷārā mūsikā ulūkā, ye vā panaññepi keci tiracchānayonikā sattā manusse disvā saṃsappanti. Iti kho, bhikkhave, bhūtā bhūtassa upapatti hoti. Yaṃ karoti tena upapajjati. Upapannamenaṃ phassā phusanti. Evamahaṃ, bhikkhave, ‘kammadāyādā sattā’ti vadāmi.

    ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ อทินฺนาทายี โหติ…เป.… กาเมสุมิจฺฉาจารี โหติ… มุสาวาที โหติ… ปิสุณวาโจ โหติ… ผรุสวาโจ โหติ… สมฺผปฺปลาปี โหติ… อภิชฺฌาลุ โหติ… พฺยาปนฺนจิโตฺต โหติ… มิจฺฉาทิฎฺฐิโก โหติ วิปรีตทสฺสโน – ‘นตฺถิ ทินฺนํ…เป.… สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติฯ โส สํสปฺปติ กาเยน, สํสปฺปติ วาจาย, สํสปฺปติ มนสาฯ ตสฺส ชิมฺหํ กายกมฺมํ โหติ, ชิมฺหํ วจีกมฺมํ, ชิมฺหํ มโนกมฺมํ, ชิมฺหา คติ, ชิมฺหุปปตฺติ ฯ

    ‘‘Idha pana, bhikkhave, ekacco adinnādāyī hoti…pe… kāmesumicchācārī hoti… musāvādī hoti… pisuṇavāco hoti… pharusavāco hoti… samphappalāpī hoti… abhijjhālu hoti… byāpannacitto hoti… micchādiṭṭhiko hoti viparītadassano – ‘natthi dinnaṃ…pe… sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedentī’ti. So saṃsappati kāyena, saṃsappati vācāya, saṃsappati manasā. Tassa jimhaṃ kāyakammaṃ hoti, jimhaṃ vacīkammaṃ, jimhaṃ manokammaṃ, jimhā gati, jimhupapatti .

    ‘‘ชิมฺหคติกสฺส โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, ชิมฺหุปปตฺติกสฺส ทฺวินฺนํ คตีนํ อญฺญตรํ คติํ วทามิ – เย วา เอกนฺตทุกฺขา นิรยา ยา วา สํสปฺปชาติกา ติรจฺฉานโยนิฯ กตมา จ สา, ภิกฺขเว, สํสปฺปชาติกา ติรจฺฉานโยนิ ? อหิ วิจฺฉิกา สตปที นกุลา พิฬารา มูสิกา อุลูกา, เย วา ปนเญฺญปิ เกจิ ติรจฺฉานโยนิกา สตฺตา มนุเสฺส ทิสฺวา สํสปฺปนฺติฯ อิติ โข, ภิกฺขเว, ภูตา ภูตสฺส อุปปตฺติ โหติ, ยํ กโรติ เตน อุปปชฺชติฯ อุปปนฺนเมนํ ผสฺสา ผุสนฺติฯ เอวมหํ, ภิกฺขเว, ‘กมฺมทายาทา สตฺตา’ติ วทามิฯ กมฺมสฺสกา, ภิกฺขเว, สตฺตา กมฺมทายาทา กมฺมโยนี กมฺมพนฺธู กมฺมปฎิสรณา, ยํ กมฺมํ กโรนฺติ – กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา – ตสฺส ทายาทา ภวนฺติฯ

    ‘‘Jimhagatikassa kho panāhaṃ, bhikkhave, jimhupapattikassa dvinnaṃ gatīnaṃ aññataraṃ gatiṃ vadāmi – ye vā ekantadukkhā nirayā yā vā saṃsappajātikā tiracchānayoni. Katamā ca sā, bhikkhave, saṃsappajātikā tiracchānayoni ? Ahi vicchikā satapadī nakulā biḷārā mūsikā ulūkā, ye vā panaññepi keci tiracchānayonikā sattā manusse disvā saṃsappanti. Iti kho, bhikkhave, bhūtā bhūtassa upapatti hoti, yaṃ karoti tena upapajjati. Upapannamenaṃ phassā phusanti. Evamahaṃ, bhikkhave, ‘kammadāyādā sattā’ti vadāmi. Kammassakā, bhikkhave, sattā kammadāyādā kammayonī kammabandhū kammapaṭisaraṇā, yaṃ kammaṃ karonti – kalyāṇaṃ vā pāpakaṃ vā – tassa dāyādā bhavanti.

    ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ นิหิตทโณฺฑ นิหิตสโตฺถ, ลชฺชี ทยาปโนฺน สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรติฯ โส น สํสปฺปติ กาเยน, น สํสปฺปติ วาจาย, น สํสปฺปติ มนสาฯ ตสฺส อุชุ กายกมฺมํ โหติ, อุชุ วจีกมฺมํ, อุชุ มโนกมฺมํ, อุชุ คติ, อุชุปปตฺติฯ

    ‘‘Idha, bhikkhave, ekacco pāṇātipātaṃ pahāya pāṇātipātā paṭivirato hoti nihitadaṇḍo nihitasattho, lajjī dayāpanno sabbapāṇabhūtahitānukampī viharati. So na saṃsappati kāyena, na saṃsappati vācāya, na saṃsappati manasā. Tassa uju kāyakammaṃ hoti, uju vacīkammaṃ, uju manokammaṃ, uju gati, ujupapatti.

    ‘‘อุชุคติกสฺส โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, อุชุปปตฺติกสฺส ทฺวินฺนํ คตีนํ อญฺญตรํ คติํ วทามิ – เย วา เอกนฺตสุขา สคฺคา ยานิ วา ปน ตานิ อุจฺจากุลานิ ขตฺติยมหาสาลกุลานิ วา พฺราหฺมณมหาสาลกุลานิ วา คหปติมหาสาลกุลานิ วา อฑฺฒานิ มหทฺธนานิ มหาโภคานิ ปหูตชาตรูปรชตานิ ปหูตวิตฺตูปกรณานิ ปหูตธนธญฺญานิฯ อิติ โข, ภิกฺขเว, ภูตา ภูตสฺส อุปปตฺติ โหติฯ ยํ กโรติ เตน อุปปชฺชติฯ อุปปนฺนเมนํ ผสฺสา ผุสนฺติฯ เอวมหํ, ภิกฺขเว, ‘กมฺมทายาทา สตฺตา’ติ วทามิฯ

    ‘‘Ujugatikassa kho panāhaṃ, bhikkhave, ujupapattikassa dvinnaṃ gatīnaṃ aññataraṃ gatiṃ vadāmi – ye vā ekantasukhā saggā yāni vā pana tāni uccākulāni khattiyamahāsālakulāni vā brāhmaṇamahāsālakulāni vā gahapatimahāsālakulāni vā aḍḍhāni mahaddhanāni mahābhogāni pahūtajātarūparajatāni pahūtavittūpakaraṇāni pahūtadhanadhaññāni. Iti kho, bhikkhave, bhūtā bhūtassa upapatti hoti. Yaṃ karoti tena upapajjati. Upapannamenaṃ phassā phusanti. Evamahaṃ, bhikkhave, ‘kammadāyādā sattā’ti vadāmi.

    ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ…เป.… กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรโต โหติ… มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฎิวิรโต โหติ… ปิสุณํ วาจํ ปหาย ปิสุณาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ… ผรุสํ วาจํ ปหาย ผรุสาย วาจาย ปฎิวิรโต โหติ… สมฺผปฺปลาปํ ปหาย สมฺผปฺปลาปา ปฎิวิรโต โหติ… อนภิชฺฌาลุ โหติ… อพฺยาปนฺนจิโตฺต โหติ… สมฺมาทิฎฺฐิโก โหติ อวิปรีตทสฺสโน – ‘อตฺถิ ทินฺนํ…เป.… เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติฯ โส น สํสปฺปติ กาเยน, น สํสปฺปติ วาจาย, น สํสปฺปติ มนสาฯ ตสฺส อุชุ กายกมฺมํ โหติ, อุชุ วจีกมฺมํ, อุชุ มโนกมฺมํ, อุชุ คติ, อุชุปปตฺติฯ

    ‘‘Idha pana, bhikkhave, ekacco adinnādānaṃ pahāya adinnādānā paṭivirato hoti…pe… kāmesumicchācārā paṭivirato hoti… musāvādaṃ pahāya musāvādā paṭivirato hoti… pisuṇaṃ vācaṃ pahāya pisuṇāya vācāya paṭivirato hoti… pharusaṃ vācaṃ pahāya pharusāya vācāya paṭivirato hoti… samphappalāpaṃ pahāya samphappalāpā paṭivirato hoti… anabhijjhālu hoti… abyāpannacitto hoti… sammādiṭṭhiko hoti aviparītadassano – ‘atthi dinnaṃ…pe… ye imañca lokaṃ parañca lokaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedentī’ti. So na saṃsappati kāyena, na saṃsappati vācāya, na saṃsappati manasā. Tassa uju kāyakammaṃ hoti, uju vacīkammaṃ, uju manokammaṃ, uju gati, ujupapatti.

    ‘‘อุชุคติกสฺส โข ปน อหํ, ภิกฺขเว, อุชุปปตฺติกสฺส ทฺวินฺนํ คตีนํ อญฺญตรํ คติํ วทามิ – เย วา เอกนฺตสุขา สคฺคา ยานิ วา ปน ตานิ อุจฺจากุลานิ ขตฺติยมหาสาลกุลานิ วา พฺราหฺมณมหาสาลกุลานิ วา คหปติมหาสาลกุลานิ วา อฑฺฒานิ มหทฺธนานิ มหาโภคานิ ปหูตชาตรูปรชตานิ ปหูตวิตฺตูปกรณานิ ปหูตธนธญฺญานิฯ อิติ โข, ภิกฺขเว, ภูตา ภูตสฺส อุปปตฺติ โหติฯ ยํ กโรติ เตน อุปปชฺชติฯ อุปปนฺนเมนํ ผสฺสา ผุสนฺติฯ เอวมหํ, ภิกฺขเว, ‘กมฺมทายาทา สตฺตา’ติ วทามิฯ

    ‘‘Ujugatikassa kho pana ahaṃ, bhikkhave, ujupapattikassa dvinnaṃ gatīnaṃ aññataraṃ gatiṃ vadāmi – ye vā ekantasukhā saggā yāni vā pana tāni uccākulāni khattiyamahāsālakulāni vā brāhmaṇamahāsālakulāni vā gahapatimahāsālakulāni vā aḍḍhāni mahaddhanāni mahābhogāni pahūtajātarūparajatāni pahūtavittūpakaraṇāni pahūtadhanadhaññāni. Iti kho, bhikkhave, bhūtā bhūtassa upapatti hoti. Yaṃ karoti tena upapajjati. Upapannamenaṃ phassā phusanti. Evamahaṃ, bhikkhave, ‘kammadāyādā sattā’ti vadāmi.

    ‘‘กมฺมสฺสกา , ภิกฺขเว, สตฺตา กมฺมทายาทา กมฺมโยนี กมฺมพนฺธู กมฺมปฎิสรณา, ยํ กมฺมํ กโรนฺติ – กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา – ตสฺส ทายาทา ภวนฺติฯ อยํ โข โส, ภิกฺขเว, สํสปฺปนียปริยาโย ธมฺมปริยาโย’’ติฯ ฉฎฺฐํฯ

    ‘‘Kammassakā , bhikkhave, sattā kammadāyādā kammayonī kammabandhū kammapaṭisaraṇā, yaṃ kammaṃ karonti – kalyāṇaṃ vā pāpakaṃ vā – tassa dāyādā bhavanti. Ayaṃ kho so, bhikkhave, saṃsappanīyapariyāyo dhammapariyāyo’’ti. Chaṭṭhaṃ.







    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๖. สํสปฺปนียสุตฺตวณฺณนา • 6. Saṃsappanīyasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๕๓๖. ปฐมนิรยสคฺคสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-536. Paṭhamanirayasaggasuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact