Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๑๐. สมุทฺทงฺคปโญฺห

    10. Samuddaṅgapañho

    ๑๐. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ‘สมุทฺทสฺส ปญฺจ องฺคานิ คเหตพฺพานี’ติ ยํ วเทสิ, กตมานิ ตานิ ปญฺจ องฺคานิ คเหตพฺพานี’’ติ? ‘‘ยถา, มหาราช, มหาสมุโทฺท มเตน กุณเปน สทฺธิํ น สํวสติ, เอวเมว โข, มหาราช, โยคินา โยคาวจเรน ราคโทสโมหมานทิฎฺฐิมกฺขปฬาสอิสฺสามจฺฉริยมายาสาเฐยฺยกุฎิลวิสมทุจฺจริตกิเลสมเลหิ สทฺธิํ น สํวสิตพฺพํฯ อิทํ, มหาราช, สมุทฺทสฺส ปฐมํ องฺคํ คเหตพฺพํฯ

    10. ‘‘Bhante nāgasena, ‘samuddassa pañca aṅgāni gahetabbānī’ti yaṃ vadesi, katamāni tāni pañca aṅgāni gahetabbānī’’ti? ‘‘Yathā, mahārāja, mahāsamuddo matena kuṇapena saddhiṃ na saṃvasati, evameva kho, mahārāja, yoginā yogāvacarena rāgadosamohamānadiṭṭhimakkhapaḷāsaissāmacchariyamāyāsāṭheyyakuṭilavisamaduccaritakilesamalehi saddhiṃ na saṃvasitabbaṃ. Idaṃ, mahārāja, samuddassa paṭhamaṃ aṅgaṃ gahetabbaṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, มหาสมุโทฺท มุตฺตามณิเวฬุริยสงฺขสิลาปวาฬผลิกมณิวิวิธรตนนิจยํ ธาเรโนฺต ปิทหติ, น พหิ วิกิรติฯ เอวเมว โข, มหาราช, โยคินา โยคาวจเรน มคฺคผลฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺติวิปสฺสนาภิญฺญาวิวิธคุณรตนานิ อธิคนฺตฺวา ปิทหิตพฺพานิ, น พหิ นีหริตพฺพานิฯ อิทํ, มหาราช, สมุทฺทสฺส ทุติยํ องฺคํ คเหตพฺพํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, mahāsamuddo muttāmaṇiveḷuriyasaṅkhasilāpavāḷaphalikamaṇivividharatananicayaṃ dhārento pidahati, na bahi vikirati. Evameva kho, mahārāja, yoginā yogāvacarena maggaphalajhānavimokkhasamādhisamāpattivipassanābhiññāvividhaguṇaratanāni adhigantvā pidahitabbāni, na bahi nīharitabbāni. Idaṃ, mahārāja, samuddassa dutiyaṃ aṅgaṃ gahetabbaṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, มหาสมุโทฺท มหเนฺตหิ มหาภูเตหิ สทฺธิํ สํวสติฯ เอวเมว โข, มหาราช, โยคินา โยคาวจเรน อปฺปิจฺฉํ สนฺตุฎฺฐํ ธุตวาทํ สเลฺลขวุตฺติํ อาจารสมฺปนฺนํ ลชฺชิํ เปสลํ ครุํ ภาวนียํ วตฺตารํ วจนกฺขมํ โจทกํ ปาปครหิํ โอวาทกํ อนุสาสกํ วิญฺญาปกํ สนฺทสฺสกํ สมาทปกํ สมุเตฺตชกํ สมฺปหํสกํ กลฺยาณมิตฺตํ สพฺรหฺมจาริํ นิสฺสาย วสิตพฺพํฯ อิทํ, มหาราช, มหาสมุทฺทสฺส ตติยํ องฺคํ คเหตพฺพํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, mahāsamuddo mahantehi mahābhūtehi saddhiṃ saṃvasati. Evameva kho, mahārāja, yoginā yogāvacarena appicchaṃ santuṭṭhaṃ dhutavādaṃ sallekhavuttiṃ ācārasampannaṃ lajjiṃ pesalaṃ garuṃ bhāvanīyaṃ vattāraṃ vacanakkhamaṃ codakaṃ pāpagarahiṃ ovādakaṃ anusāsakaṃ viññāpakaṃ sandassakaṃ samādapakaṃ samuttejakaṃ sampahaṃsakaṃ kalyāṇamittaṃ sabrahmacāriṃ nissāya vasitabbaṃ. Idaṃ, mahārāja, mahāsamuddassa tatiyaṃ aṅgaṃ gahetabbaṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, มหาสมุโทฺท นวสลิลสมฺปุณฺณาหิ คงฺคายมุนาอจิรวตีสรภูมหีอาทีหิ นทีสตสหเสฺสหิ อนฺตลิเกฺข สลิลธาราหิ จ ปูริโตปิ สกํ เวลํ นาติวตฺตติฯ เอวเมว โข, มหาราช, โยคินา โยคาวจเรน ลาภสกฺการสิโลกวนฺทนมานนปูชนการณา ชีวิตเหตุปิ สญฺจิจฺจ สิกฺขาปทวีติกฺกโม น กรณีโยฯ อิทํ, มหาราช, มหาสมุทฺทสฺส จตุตฺถํ องฺคํ คเหตพฺพํฯ ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา เทวาติเทเวน –

    ‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, mahāsamuddo navasalilasampuṇṇāhi gaṅgāyamunāaciravatīsarabhūmahīādīhi nadīsatasahassehi antalikkhe saliladhārāhi ca pūritopi sakaṃ velaṃ nātivattati. Evameva kho, mahārāja, yoginā yogāvacarena lābhasakkārasilokavandanamānanapūjanakāraṇā jīvitahetupi sañcicca sikkhāpadavītikkamo na karaṇīyo. Idaṃ, mahārāja, mahāsamuddassa catutthaṃ aṅgaṃ gahetabbaṃ. Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā devātidevena –

    ‘เสยฺยถาปิ, มหาราช 1, มหาสมุโทฺท ฐิตธโมฺม เวลํ นาติกฺกมติ, เอวเมว โข, มหาราช, ยํ มหา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ, ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺตี’ติฯ

    ‘Seyyathāpi, mahārāja 2, mahāsamuddo ṭhitadhammo velaṃ nātikkamati, evameva kho, mahārāja, yaṃ mahā sāvakānaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ, taṃ mama sāvakā jīvitahetupi nātikkamantī’ti.

    ‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, มหาสมุโทฺท สพฺพสวนฺตีหิ คงฺคายมุนาอจิรวตีสรภูมหีหิ อนฺตลิเกฺข อุทกธาราหิปิ น ปริปูรติฯ เอวเมว โข, มหาราช, โยคินา โยคาวจเรน อุเทฺทสปริปุจฺฉาสวนธารณวินิจฺฉยอภิธมฺมวินยคาฬฺหสุตฺตนฺตวิคฺคหปทนิเกฺขปปทสนฺธิ ปทวิภตฺตินวงฺคชินสาสนวรํ สุณเนฺตนาปิ น ตปฺปิตพฺพํฯ อิทํ, มหาราช, มหาสมุทฺทสฺส ปญฺจมํ องฺคํ คเหตพฺพํฯ ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา เทวาติเทเวน สุตโสมชาตเก –

    ‘‘Puna caparaṃ, mahārāja, mahāsamuddo sabbasavantīhi gaṅgāyamunāaciravatīsarabhūmahīhi antalikkhe udakadhārāhipi na paripūrati. Evameva kho, mahārāja, yoginā yogāvacarena uddesaparipucchāsavanadhāraṇavinicchayaabhidhammavinayagāḷhasuttantaviggahapadanikkhepapadasandhi padavibhattinavaṅgajinasāsanavaraṃ suṇantenāpi na tappitabbaṃ. Idaṃ, mahārāja, mahāsamuddassa pañcamaṃ aṅgaṃ gahetabbaṃ. Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā devātidevena sutasomajātake –

    ‘‘‘อคฺคิ ยถา ติณกฎฺฐํ ทหโนฺต, น ตปฺปติ สาคโร วา นทีหิ;

    ‘‘‘Aggi yathā tiṇakaṭṭhaṃ dahanto, na tappati sāgaro vā nadīhi;

    เอวมฺปิ เจ 3 ปณฺฑิตา ราชเสฎฺฐ, สุตฺวา น ตปฺปนฺติ สุภาสิเตนา’’’ติฯ

    Evampi ce 4 paṇḍitā rājaseṭṭha, sutvā na tappanti subhāsitenā’’’ti.

    สมุทฺทงฺคปโญฺห ทสโมฯสมุทฺทวโคฺค ทุติโยฯ

    Samuddaṅgapañho dasamo.Samuddavaggo dutiyo.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    ลาพุลตา จ ปทุมํ, พีชํ สาลกลฺยาณิกา;

    Lābulatā ca padumaṃ, bījaṃ sālakalyāṇikā;

    นาวา จ นาวาลคฺคนํ, กูโป นิยามโก ตถา;

    Nāvā ca nāvālagganaṃ, kūpo niyāmako tathā;

    กมฺมกาโร สมุโทฺท จ, วโคฺค เตน ปวุจฺจตีติฯ

    Kammakāro samuddo ca, vaggo tena pavuccatīti.







    Footnotes:
    1. ปหาราธ (สี. ปี.)
    2. pahārādha (sī. pī.)
    3. เอวมฺปิ เว (สฺยา.), เอวํ หิ เม (ก.) ชา. ๑ อสีตินิปาเต
    4. evampi ve (syā.), evaṃ hi me (ka.) jā. 1 asītinipāte

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact