Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๔๓๖] ๑๐. สมุคฺคชาตกวณฺณนา

    [436] 10. Samuggajātakavaṇṇanā

    กุโต นุ อาคจฺฉถาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ ตญฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺฐิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘กสฺมา ภิกฺขุ มาตุคามํ ปเตฺถสิ, มาตุคาโม นาเมส อสโพฺภ อกตญฺญู, ปุเพฺพ ทานวรกฺขสา คิลิตฺวา กุจฺฉินา ปริหรนฺตาปิ มาตุคามํ รกฺขิตุํ เอกปุริสนิสฺสิตํ กาตุํ นาสกฺขิํสุ, ตฺวํ กถํ สกฺขิสฺสสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Kutonu āgacchathāti idaṃ satthā jetavane viharanto ukkaṇṭhitabhikkhuṃ ārabbha kathesi. Tañhi satthā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ bhikkhu ukkaṇṭhitosī’’ti pucchitvā ‘‘saccaṃ, bhante’’ti vutte ‘‘kasmā bhikkhu mātugāmaṃ patthesi, mātugāmo nāmesa asabbho akataññū, pubbe dānavarakkhasā gilitvā kucchinā pariharantāpi mātugāmaṃ rakkhituṃ ekapurisanissitaṃ kātuṃ nāsakkhiṃsu, tvaṃ kathaṃ sakkhissasī’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต กาเม ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา ผลาผเลน ยาเปโนฺต วิหาสิฯ ตสฺส ปณฺณสาลาย อวิทูเร เอโก ทานวรกฺขโส วสติฯ โส อนฺตรนฺตรา มหาสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุณาติ, อฎวิยํ ปน มนุสฺสานํ สญฺจรณมเคฺค ฐตฺวา อาคตาคเต มนุเสฺส คเหตฺวา ขาทติฯ ตสฺมิํ กาเล เอกา กาสิรเฎฺฐ กุลธีตา อุตฺตมรูปธรา อญฺญตรสฺมิํ ปจฺจนฺตคาเม นิวุตฺถา โหติฯ ตสฺสา เอกทิวสํ มาตาปิตูนํ ทสฺสนตฺถาย คนฺตฺวา ปจฺจาคมนกาเล ปริวารมนุเสฺส ทิสฺวา โส ทานโว เภรวรูเปน ปกฺขนฺทิฯ มนุสฺสา ภีตา คหิตคหิตาวุธานิ ฉเฑฺฑตฺวา ปลายิํสุฯ ทานโว ยาเน นิสินฺนํ อภิรูปํ มาตุคามํ ทิสฺวา ปฎิพทฺธจิโตฺต หุตฺวา ตํ อตฺตโน คุหํ เนตฺวา ภริยํ อกาสิฯ ตโต ปฎฺฐาย สปฺปิเตลตณฺฑุลมจฺฉมํสาทีนิ เจว มธุรผลาผลานิ จ อาหริตฺวา ตํ โปเสสิ, วตฺถาลงฺกาเรหิ จ นํ อลงฺกริตฺวา รกฺขณตฺถาย เอกสฺมิํ กรณฺฑเก ปกฺขิปิตฺวา กรณฺฑกํ คิลิตฺวา กุจฺฉินา ปริหรติฯ โส เอกทิวสํ นฺหายิตุกามตาย เอกํ สรํ คนฺตฺวา กรณฺฑกํ อุคฺคิลิตฺวา ตํ ตโต นีหริตฺวา นฺหาเปตฺวา วิลิเมฺปตฺวา อลงฺกาเรตฺวา ‘‘โถกํ ตว สรีรํ อุตุํ คณฺหาเปหี’’ติ ตํ กรณฺฑกสมีเป ฐเปตฺวา สยํ นฺหานติตฺถํ โอตริตฺวา ตํ อนาสงฺกมาโน โถกํ ทูรํ คนฺตฺวา นฺหายิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto kāme pahāya himavantaṃ pavisitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā abhiññā ca samāpattiyo ca nibbattetvā phalāphalena yāpento vihāsi. Tassa paṇṇasālāya avidūre eko dānavarakkhaso vasati. So antarantarā mahāsattaṃ upasaṅkamitvā dhammaṃ suṇāti, aṭaviyaṃ pana manussānaṃ sañcaraṇamagge ṭhatvā āgatāgate manusse gahetvā khādati. Tasmiṃ kāle ekā kāsiraṭṭhe kuladhītā uttamarūpadharā aññatarasmiṃ paccantagāme nivutthā hoti. Tassā ekadivasaṃ mātāpitūnaṃ dassanatthāya gantvā paccāgamanakāle parivāramanusse disvā so dānavo bheravarūpena pakkhandi. Manussā bhītā gahitagahitāvudhāni chaḍḍetvā palāyiṃsu. Dānavo yāne nisinnaṃ abhirūpaṃ mātugāmaṃ disvā paṭibaddhacitto hutvā taṃ attano guhaṃ netvā bhariyaṃ akāsi. Tato paṭṭhāya sappitelataṇḍulamacchamaṃsādīni ceva madhuraphalāphalāni ca āharitvā taṃ posesi, vatthālaṅkārehi ca naṃ alaṅkaritvā rakkhaṇatthāya ekasmiṃ karaṇḍake pakkhipitvā karaṇḍakaṃ gilitvā kucchinā pariharati. So ekadivasaṃ nhāyitukāmatāya ekaṃ saraṃ gantvā karaṇḍakaṃ uggilitvā taṃ tato nīharitvā nhāpetvā vilimpetvā alaṅkāretvā ‘‘thokaṃ tava sarīraṃ utuṃ gaṇhāpehī’’ti taṃ karaṇḍakasamīpe ṭhapetvā sayaṃ nhānatitthaṃ otaritvā taṃ anāsaṅkamāno thokaṃ dūraṃ gantvā nhāyi.

    ตสฺมิํ สมเย วายุสฺสปุโตฺต นาม วิชฺชาธโร สนฺนทฺธขโคฺค อากาเสน คจฺฉติฯ สา ตํ ทิสฺวา ‘‘เอหี’’ติ หตฺถมุทฺทํ อกาสิ, วิชฺชาธโร ขิปฺปํ โอตริฯ อถ นํ สา กรณฺฑเก ปกฺขิปิตฺวา ทานวสฺส อาคมนํ โอโลเกนฺตี กรณฺฑกูปริ นิสีทิตฺวา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตสฺส อตฺตานํ ทเสฺสตฺวา ตสฺมิํ กรณฺฑกสมีปํ อสมฺปเตฺตเยว กรณฺฑกํ วิวริตฺวา อโนฺต ปวิสิตฺวา วิชฺชาธรสฺส อุปริ นิปชฺชิตฺวา อตฺตโน สาฎกํ ปารุปิฯ ทานโว อาคนฺตฺวา กรณฺฑกํ อโสเธตฺวา ‘‘มาตุคาโมเยว เม’’ติ สญฺญาย กรณฺฑกํ คิลิตฺวา อตฺตโน คุหํ คจฺฉโนฺต อนฺตรามเคฺค จิเนฺตสิ ‘‘ตาปโส เม จิรํ ทิโฎฺฐ, อชฺช ตาว นํ คนฺตฺวา วนฺทิสฺสามี’’ติฯ โส ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิฯ ตาปโสปิ นํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ทฺวินฺนํ ชนานํ กุจฺฉิคตภาวํ ญตฺวา สลฺลปโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Tasmiṃ samaye vāyussaputto nāma vijjādharo sannaddhakhaggo ākāsena gacchati. Sā taṃ disvā ‘‘ehī’’ti hatthamuddaṃ akāsi, vijjādharo khippaṃ otari. Atha naṃ sā karaṇḍake pakkhipitvā dānavassa āgamanaṃ olokentī karaṇḍakūpari nisīditvā taṃ āgacchantaṃ disvā tassa attānaṃ dassetvā tasmiṃ karaṇḍakasamīpaṃ asampatteyeva karaṇḍakaṃ vivaritvā anto pavisitvā vijjādharassa upari nipajjitvā attano sāṭakaṃ pārupi. Dānavo āgantvā karaṇḍakaṃ asodhetvā ‘‘mātugāmoyeva me’’ti saññāya karaṇḍakaṃ gilitvā attano guhaṃ gacchanto antarāmagge cintesi ‘‘tāpaso me ciraṃ diṭṭho, ajja tāva naṃ gantvā vandissāmī’’ti. So tassa santikaṃ agamāsi. Tāpasopi naṃ dūratova āgacchantaṃ disvā dvinnaṃ janānaṃ kucchigatabhāvaṃ ñatvā sallapanto paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๘๗.

    87.

    ‘‘กุโต นุ อาคจฺฉถ โภ ตโย ชนา, สฺวาคตา เอถ นิสีทถาสเน;

    ‘‘Kuto nu āgacchatha bho tayo janā, svāgatā etha nisīdathāsane;

    กจฺจิตฺถ, โภโนฺต กุสลํ อนามยํ, จิรสฺสมพฺภาคมนญฺหิ โว อิธา’’ติฯ

    Kaccittha, bhonto kusalaṃ anāmayaṃ, cirassamabbhāgamanañhi vo idhā’’ti.

    ตตฺถ โภติ อาลปนํฯ กจฺจิตฺถาติ กจฺจิ โหถ ภวถ วิชฺชถฯ โภโนฺตติ ปุน อาลปโนฺต อาหฯ กุสลํ อนามยนฺติ กจฺจิ ตุมฺหากํ กุสลํ อาโรคฺยํฯ จิรสฺสมพฺภาคมนญฺหิ โว อิธาติ อชฺช ตุมฺหากํ อิธ อพฺภาคมนญฺจ จิรํ ชาตํฯ

    Tattha bhoti ālapanaṃ. Kaccitthāti kacci hotha bhavatha vijjatha. Bhontoti puna ālapanto āha. Kusalaṃ anāmayanti kacci tumhākaṃ kusalaṃ ārogyaṃ. Cirassamabbhāgamanañhi vo idhāti ajja tumhākaṃ idha abbhāgamanañca ciraṃ jātaṃ.

    ตํ สุตฺวา ทานโว ‘‘อหํ อิมสฺส ตาปสสฺส สนฺติกํ เอกโกว อาคโต, อยญฺจ ตาปโส ‘ตโย ชนา’ติ วทติ, กิํ นาเมส กเถติ, กิํ นุ โข สภาวํ ญตฺวา กเถติ, อุทาหุ อุมฺมตฺตโก หุตฺวา วิลปตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตาปสํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา เตน สทฺธิํ สลฺลปโนฺต ทุติยํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā dānavo ‘‘ahaṃ imassa tāpasassa santikaṃ ekakova āgato, ayañca tāpaso ‘tayo janā’ti vadati, kiṃ nāmesa katheti, kiṃ nu kho sabhāvaṃ ñatvā katheti, udāhu ummattako hutvā vilapatī’’ti cintetvā tāpasaṃ upasaṅkamitvā vanditvā ekamantaṃ nisīditvā tena saddhiṃ sallapanto dutiyaṃ gāthamāha –

    ๘๘.

    88.

    ‘‘อหเมว เอโก อิธ มชฺช ปโตฺต, น จาปิ เม ทุติโย โกจิ วิชฺชติ;

    ‘‘Ahameva eko idha majja patto, na cāpi me dutiyo koci vijjati;

    กิเมว สนฺธาย เต ภาสิตํ อิเส, กุโต นุ อาคจฺฉถ โภ ตโย ชนา’’ติฯ

    Kimeva sandhāya te bhāsitaṃ ise, kuto nu āgacchatha bho tayo janā’’ti.

    ตตฺถ อิธ มชฺชาติ อิธ อชฺชฯ กิเมว สนฺธาย เต ภาสิตํ อิเสติ ภเนฺต, อิสิ กิํ นาเมตํ สนฺธาย ตยา ภาสิตํ, ปากฎํ ตาว เม กตฺวา กเถหีติฯ

    Tattha idha majjāti idha ajja. Kimeva sandhāya te bhāsitaṃ iseti bhante, isi kiṃ nāmetaṃ sandhāya tayā bhāsitaṃ, pākaṭaṃ tāva me katvā kathehīti.

    ตาปโส ‘‘เอกํเสเนวาวุโส โสตุกาโมสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘เตน หิ สุณาหี’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –

    Tāpaso ‘‘ekaṃsenevāvuso sotukāmosī’’ti pucchitvā ‘‘āma, bhante’’ti vutte ‘‘tena hi suṇāhī’’ti vatvā tatiyaṃ gāthamāha –

    ๘๙.

    89.

    ‘‘ตุวญฺจ เอโก ภริยา จ เต ปิยา, สมุคฺคปกฺขิตฺตนิกิณฺณมนฺตเร;

    ‘‘Tuvañca eko bhariyā ca te piyā, samuggapakkhittanikiṇṇamantare;

    สา รกฺขิตา กุจฺฉิคตาว เต สทา, วายุสฺสปุเตฺตน สหา ตหิํ รตา’’ติฯ

    Sā rakkhitā kucchigatāva te sadā, vāyussaputtena sahā tahiṃ ratā’’ti.

    ตตฺถ ตุวญฺจ เอโกติ ปฐมํ ตาว ตฺวํ เอโก ชโนฯ ปกฺขิตฺตนิกิณฺณมนฺตเรติ ปกฺขิตฺตานิกิณฺณอนฺตเร ตํ ตตฺถ ภริยํ รกฺขิตุกาเมน สทา ตยา สมุเคฺค ปกฺขิตฺตา สทฺธิํ สมุเคฺคน นิกิณฺณา อนฺตเร, อโนฺตกุจฺฉิยํ ฐปิตาติ อโตฺถฯ วายุสฺสปุเตฺตน สหาติ เอวํนามเกน วิชฺชาธเรน สทฺธิํฯ ตหิํ รตาติ ตตฺถ ตว อโนฺตกุจฺฉิยเญฺญว กิเลสรติยา รตาฯ โส ทานิ ตฺวํ มาตุคามํ ‘‘เอกํ ปุริสนิสฺสิตํ กริสฺสามี’’ติ กุจฺฉินาปิ ปริหรโนฺต ตสฺสา ชารํ อุกฺขิปิตฺวา จรสีติฯ

    Tattha tuvañca ekoti paṭhamaṃ tāva tvaṃ eko jano. Pakkhittanikiṇṇamantareti pakkhittānikiṇṇaantare taṃ tattha bhariyaṃ rakkhitukāmena sadā tayā samugge pakkhittā saddhiṃ samuggena nikiṇṇā antare, antokucchiyaṃ ṭhapitāti attho. Vāyussaputtena sahāti evaṃnāmakena vijjādharena saddhiṃ. Tahiṃ ratāti tattha tava antokucchiyaññeva kilesaratiyā ratā. So dāni tvaṃ mātugāmaṃ ‘‘ekaṃ purisanissitaṃ karissāmī’’ti kucchināpi pariharanto tassā jāraṃ ukkhipitvā carasīti.

    ตํ สุตฺวา ทานโว ‘‘วิชฺชาธรา นาม พหุมายา โหนฺติ, สจสฺส ขโคฺค หตฺถคโต ภวิสฺสติ, กุจฺฉิํ เม ผาเลตฺวาปิ ปลายิสฺสตี’’ติ ภีตตสิโต หุตฺวา ขิปฺปํ กรณฺฑกํ อุคฺคิลิตฺวา ปุรโต ฐเปสิฯ สตฺถา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา ตํ ปวตฺติํ ปกาเสโนฺต จตุตฺถํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā dānavo ‘‘vijjādharā nāma bahumāyā honti, sacassa khaggo hatthagato bhavissati, kucchiṃ me phāletvāpi palāyissatī’’ti bhītatasito hutvā khippaṃ karaṇḍakaṃ uggilitvā purato ṭhapesi. Satthā abhisambuddho hutvā taṃ pavattiṃ pakāsento catutthaṃ gāthamāha –

    ๙๐.

    90.

    ‘‘สํวิคฺครูโป อิสินา วิยากโต, โส ทานโว ตตฺถ สมุคฺคมุคฺคิลิ;

    ‘‘Saṃviggarūpo isinā viyākato, so dānavo tattha samuggamuggili;

    อทฺทกฺขิ ภริยํ สุจิมาลธารินิํ, วายุสฺสปุเตฺตน สหา ตหิํ รต’’นฺติฯ

    Addakkhi bhariyaṃ sucimāladhāriniṃ, vāyussaputtena sahā tahiṃ rata’’nti.

    ตตฺถ อทฺทกฺขีติ โส กรณฺฑกํ วิวริตฺวา อทฺทสฯ

    Tattha addakkhīti so karaṇḍakaṃ vivaritvā addasa.

    กรณฺฑเก ปน วิวฎมเตฺตเยว วิชฺชาธโร วิชฺชํ ชปฺปิตฺวา ขคฺคํ คเหตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิฯ ตํ ทิสฺวา ทานโว มหาสตฺตสฺส ตุสฺสิตฺวา ถุติปุพฺพงฺคมา เสสคาถา อภาสิ –

    Karaṇḍake pana vivaṭamatteyeva vijjādharo vijjaṃ jappitvā khaggaṃ gahetvā ākāsaṃ pakkhandi. Taṃ disvā dānavo mahāsattassa tussitvā thutipubbaṅgamā sesagāthā abhāsi –

    ๙๑.

    91.

    ‘‘สุทิฎฺฐรูปมุคฺคตปานุวตฺตินา, หีนา นรา เย ปมทาวสํ คตา;

    ‘‘Sudiṭṭharūpamuggatapānuvattinā, hīnā narā ye pamadāvasaṃ gatā;

    ยถา หเว ปาณริเวตฺถ รกฺขิตา, ทุฎฺฐา มยี อญฺญมภิปฺปโมทยิฯ

    Yathā have pāṇarivettha rakkhitā, duṭṭhā mayī aññamabhippamodayi.

    ๙๒.

    92.

    ‘‘ทิวา จ รโตฺต จ มยา อุปฎฺฐิตา, ตปสฺสินา โชติริวา วเน วสํ;

    ‘‘Divā ca ratto ca mayā upaṭṭhitā, tapassinā jotirivā vane vasaṃ;

    สา ธมฺมมุกฺกมฺม อธมฺมมาจริ, อกิริยรูโป ปมทาหิ สนฺถโวฯ

    Sā dhammamukkamma adhammamācari, akiriyarūpo pamadāhi santhavo.

    ๙๓.

    93.

    ‘‘สรีรมชฺฌมฺหิ ฐิตาติ มญฺญหํ, มยฺหํ อยนฺติ อสติํ อสญฺญตํ;

    ‘‘Sarīramajjhamhi ṭhitāti maññahaṃ, mayhaṃ ayanti asatiṃ asaññataṃ;

    สา ธมฺมมุกฺกมฺม อธมฺมมาจริ, อกิริยรูโป ปมทาหิ สนฺถโวฯ

    Sā dhammamukkamma adhammamācari, akiriyarūpo pamadāhi santhavo.

    ๙๔.

    94.

    ‘‘สุรกฺขิตํ เมติ กถํ นุ วิสฺสเส, อเนกจิตฺตาสุ น หตฺถิ รกฺขณา;

    ‘‘Surakkhitaṃ meti kathaṃ nu vissase, anekacittāsu na hatthi rakkhaṇā;

    เอตา หิ ปาตาลปปาตสนฺนิภา, เอตฺถปฺปมโตฺต พฺยสนํ นิคจฺฉติฯ

    Etā hi pātālapapātasannibhā, etthappamatto byasanaṃ nigacchati.

    ๙๕.

    95.

    ‘‘ตสฺมา หิ เต สุขิโน วีตโสกา, เย มาตุคาเมหิ จรนฺติ นิสฺสฎา;

    ‘‘Tasmā hi te sukhino vītasokā, ye mātugāmehi caranti nissaṭā;

    เอตํ สิวํ อุตฺตมมาภิปตฺถยํ, น มาตุคาเมหิ กเรยฺย สนฺถว’’นฺติฯ

    Etaṃ sivaṃ uttamamābhipatthayaṃ, na mātugāmehi kareyya santhava’’nti.

    ตตฺถ สุทิฎฺฐรูปมุคฺคตปานุวตฺตินาติ ภเนฺต, อิสิ อุคฺคตปานุวตฺตินา ตยา สุทิฎฺฐรูปํ อิทํ การณํฯ หีนาติ นีจาฯ ยถา หเว ปาณริเวตฺถ รกฺขิตาติ อยํ มยา อตฺตโน ปาณา วิย เอตฺถ อโนฺตกุจฺฉิยํ ปริหรเนฺตน รกฺขิตาฯ ทุฎฺฐา มยีติ อิทานิ มยิ มิตฺตทุพฺภิกมฺมํ กตฺวา ทุฎฺฐา อญฺญํ ปุริสํ อภิปฺปโมทติฯ โชติริวา วเน วสนฺติ วเน วสเนฺตน ตปสฺสินา อคฺคิ วิย มยา อุปฎฺฐิตา ปริจริตาฯ สา ธมฺมมุกฺกมฺมาติ สา เอสา ธมฺมํ โอกฺกมิตฺวา อติกฺกมิตฺวาฯ อกิริยรูโปติ อกตฺตพฺพรูโปฯ สรีรมชฺฌมฺหิ ฐิตาติ มญฺญหํ, มยฺหํ อยนฺติ อสติํ อสญฺญตนฺติ อิมํ อสติํ อสปฺปุริสธมฺมสมนฺนาคตํ อสญฺญตํ ทุสฺสีลํ ‘‘มยฺหํ สรีรมชฺฌมฺหิ ฐิตา’’ติ จ ‘‘มยฺหํ อย’’นฺติ จ มญฺญามิฯ

    Tattha sudiṭṭharūpamuggatapānuvattināti bhante, isi uggatapānuvattinā tayā sudiṭṭharūpaṃ idaṃ kāraṇaṃ. Hīnāti nīcā. Yathā have pāṇarivettha rakkhitāti ayaṃ mayā attano pāṇā viya ettha antokucchiyaṃ pariharantena rakkhitā. Duṭṭhā mayīti idāni mayi mittadubbhikammaṃ katvā duṭṭhā aññaṃ purisaṃ abhippamodati. Jotirivā vane vasanti vane vasantena tapassinā aggi viya mayā upaṭṭhitā paricaritā. Sā dhammamukkammāti sā esā dhammaṃ okkamitvā atikkamitvā. Akiriyarūpoti akattabbarūpo. Sarīramajjhamhi ṭhitāti maññahaṃ, mayhaṃ ayanti asatiṃ asaññatanti imaṃ asatiṃ asappurisadhammasamannāgataṃ asaññataṃ dussīlaṃ ‘‘mayhaṃ sarīramajjhamhi ṭhitā’’ti ca ‘‘mayhaṃ aya’’nti ca maññāmi.

    สุรกฺขิตํ เมติ กถํ นุ วิสฺสเสติ อยํ มยา สุรกฺขิตาติ กถํ ปณฺฑิโต วิสฺสาเสยฺย, ยตฺร หิ นาม มาทิโสปิ อโนฺตกุจฺฉิยํ รกฺขโนฺต รกฺขิตุํ นาสกฺขิฯ ปาตาลปปาตสนฺนิภาติ โลกสฺสาเทน ทุปฺปูรณียตฺตา มหาสมุเทฺท ปาตาลสงฺขาเตน ปปาเตน สทิสาฯ เอตฺถปฺปมโตฺตติ เอตาสุ เอวรูปาสุ นิคฺคุณาสุ ปมโตฺต ปุริโส มหาพฺยสนํ ปาปุณาติฯ ตสฺมา หีติ ยสฺมา มาตุคามวสํ คตา มหาวินาสํ ปาปุณนฺติ, ตสฺมา เย มาตุคาเมหิ นิสฺสฎา หุตฺวา จรนฺติ, เต สุขิโนฯ เอตํ สิวนฺติ ยเทตํ มาตุคามโต นิสฺสฎานํ วิสํสฎฺฐานํ จรณํ, เอตํ ฌานสุขเมว สิวํ เขมํ อุตฺตมํ อภิปเตฺถตพฺพํ, เอตํ ปตฺถยมาโน มาตุคาเมหิ สทฺธิํ สนฺถวํ น กเรยฺยาติฯ

    Surakkhitaṃ meti kathaṃ nu vissaseti ayaṃ mayā surakkhitāti kathaṃ paṇḍito vissāseyya, yatra hi nāma mādisopi antokucchiyaṃ rakkhanto rakkhituṃ nāsakkhi. Pātālapapātasannibhāti lokassādena duppūraṇīyattā mahāsamudde pātālasaṅkhātena papātena sadisā. Etthappamattoti etāsu evarūpāsu nigguṇāsu pamatto puriso mahābyasanaṃ pāpuṇāti. Tasmā hīti yasmā mātugāmavasaṃ gatā mahāvināsaṃ pāpuṇanti, tasmā ye mātugāmehi nissaṭā hutvā caranti, te sukhino. Etaṃ sivanti yadetaṃ mātugāmato nissaṭānaṃ visaṃsaṭṭhānaṃ caraṇaṃ, etaṃ jhānasukhameva sivaṃ khemaṃ uttamaṃ abhipatthetabbaṃ, etaṃ patthayamāno mātugāmehi saddhiṃ santhavaṃ na kareyyāti.

    เอวญฺจ ปน วตฺวา ทานโว มหาสตฺตสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘ภเนฺต, ตุเมฺห นิสฺสาย มยา ชีวิตํ ลทฺธํ, อหํ อิมาย ปาปธมฺมาย วิชฺชาธเรน มาราปิโต’’ติ มหาสตฺตํ อภิตฺถวิฯ โสปิสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘อิมิสฺสา มา กิญฺจิ ปาปํ อกาสิ, สีลานิ คณฺหาหี’’ติ ตํ ปญฺจสุ สีเลสุ ปติฎฺฐาเปสิฯ ทานโว ‘‘อหํ กุจฺฉินา ปริหรโนฺตปิ ตํ รกฺขิตุํ น สโกฺกมิ, อโญฺญ โก รกฺขิสฺสตี’’ติ ตํ อุโยฺยเชตฺวา อตฺตโน อรญฺญเมว อคมาสิฯ

    Evañca pana vatvā dānavo mahāsattassa pādesu nipatitvā ‘‘bhante, tumhe nissāya mayā jīvitaṃ laddhaṃ, ahaṃ imāya pāpadhammāya vijjādharena mārāpito’’ti mahāsattaṃ abhitthavi. Sopissa dhammaṃ desetvā ‘‘imissā mā kiñci pāpaṃ akāsi, sīlāni gaṇhāhī’’ti taṃ pañcasu sīlesu patiṭṭhāpesi. Dānavo ‘‘ahaṃ kucchinā pariharantopi taṃ rakkhituṃ na sakkomi, añño ko rakkhissatī’’ti taṃ uyyojetvā attano araññameva agamāsi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ตทา ทิพฺพจกฺขุกตาปโส อหเมว อโหสินฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne ukkaṇṭhitabhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi. Tadā dibbacakkhukatāpaso ahameva ahosinti.

    สมุคฺคชาตกวณฺณนา ทสมาฯ

    Samuggajātakavaṇṇanā dasamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๓๖. สมุคฺคชาตกํ • 436. Samuggajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact