Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā |
๑๐. สํวรกถาวณฺณนา
10. Saṃvarakathāvaṇṇanā
๓๗๙. อาฎานาฎิยสุเตฺต ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, ยกฺขา เยภุเยฺยน ปาณาติปาตา อปฺปฎิวิรตา’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๗๖, ๒๘๖) อาคตตฺตา จาตุมหาราชิกานํ สํวราสํวรสพฺภาโว อวิวาทสิโทฺธฯ ยตฺถ ปน วิวาโท, ตเมว ทเสฺสเนฺตน ตาวติํสาทโย คหิตาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘จาตุมหาราชิกาน’’นฺติ วุตฺตํฯ เอวํ สตีติ ยทิ ตาวติํเสสุ สํวราสํวโร นตฺถิ, เอวํ สเนฺตฯ สุราปานนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘สุยฺยตี’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ กถํ สุยฺยตีติ? วุตฺตเญฺหตํ กุมฺภชาตเก –
379. Āṭānāṭiyasutte ‘‘santi, bhikkhave, yakkhā yebhuyyena pāṇātipātā appaṭiviratā’’ti (dī. ni. 3.276, 286) āgatattā cātumahārājikānaṃ saṃvarāsaṃvarasabbhāvo avivādasiddho. Yattha pana vivādo, tameva dassentena tāvatiṃsādayo gahitāti imamatthaṃ dassetuṃ ‘‘cātumahārājikāna’’nti vuttaṃ. Evaṃ satīti yadi tāvatiṃsesu saṃvarāsaṃvaro natthi, evaṃ sante. Surāpānanti etthāpi ‘‘suyyatī’’ti padaṃ ānetvā sambandhitabbaṃ. Kathaṃ suyyatīti? Vuttañhetaṃ kumbhajātake –
‘‘ยํ เว ปิวิตฺวา ปุพฺพเทวา ปมตฺตา,
‘‘Yaṃ ve pivitvā pubbadevā pamattā,
ติทิวา จุตา สสฺสติยา สมายา;
Tidivā cutā sassatiyā samāyā;
ตํ ตาทิสํ มชฺชมิมํ นิรตฺถํ,
Taṃ tādisaṃ majjamimaṃ niratthaṃ,
ชานํ มหาราช กถํ ปิเวยฺยา’’ติฯ (ชา. ๑.๑๖.๕๘);
Jānaṃ mahārāja kathaṃ piveyyā’’ti. (jā. 1.16.58);
ตตฺถ ปุพฺพเทวา นาม อสุราฯ เต หิ ตาวติํสานํ อุปฺปตฺติโต ปุพฺพเทวาติ ปญฺญายิํสุฯ ปมตฺตาติ สุราปาเนน ปมาทํ อาปนฺนาฯ ติทิวาติ มนุสฺสจาตุมหาราชิกโลเก อุปาทาย ตติยโลกภูตา เทวฎฺฐานา, นามเมว วา เอตํ ตสฺส เทวฎฺฐานสฺสฯ สสฺสติยาติ เกวลํ ทีฆายุกตํ สนฺธาย วทติฯ สมายา สห อตฺตโน อสุรมายาย, อสุรมเนฺตหิ สทฺธิํ จุตาติ อโตฺถฯ อฎฺฐกถายญฺจ วุตฺตํ ‘‘อาคนฺตุกเทวปุตฺตา อาคตาติ เนวาสิกา คนฺธปานํ สชฺชยิํสุฯ สโกฺก สกปริสาย สญฺญมทาสี’’ติฯ เตนาห ‘‘เตสํ สุราปานํ อสํวโร น โหตีติ วตฺตพฺพํ โหตี’’ติฯ เอตฺถ จ ตาวติํสานํ ปาตุภาวโต ปฎฺฐาย สุราปานมฺปิ ตตฺถ นาโหสิ, ปเคว ปาณาติปาตาทโยติ วิรมิตพฺพาภาวโต เอว ตาวติํสโต ปฎฺฐาย อุปริ เทวโลเกสุ สมาทานสมฺปตฺตวิรติวเสน ปุเรตพฺพา สํวรา น สนฺติ, โลกุตฺตรา ปน สนฺติเยวฯ ตถา เตหิ ปหาตพฺพา อสํวราฯ น หิ อปฺปหีนานุสยานํ มคฺควชฺฌา กิเลสา น สนฺตีติฯ
Tattha pubbadevā nāma asurā. Te hi tāvatiṃsānaṃ uppattito pubbadevāti paññāyiṃsu. Pamattāti surāpānena pamādaṃ āpannā. Tidivāti manussacātumahārājikaloke upādāya tatiyalokabhūtā devaṭṭhānā, nāmameva vā etaṃ tassa devaṭṭhānassa. Sassatiyāti kevalaṃ dīghāyukataṃ sandhāya vadati. Samāyā saha attano asuramāyāya, asuramantehi saddhiṃ cutāti attho. Aṭṭhakathāyañca vuttaṃ ‘‘āgantukadevaputtā āgatāti nevāsikā gandhapānaṃ sajjayiṃsu. Sakko sakaparisāya saññamadāsī’’ti. Tenāha ‘‘tesaṃ surāpānaṃ asaṃvaro na hotīti vattabbaṃ hotī’’ti. Ettha ca tāvatiṃsānaṃ pātubhāvato paṭṭhāya surāpānampi tattha nāhosi, pageva pāṇātipātādayoti viramitabbābhāvato eva tāvatiṃsato paṭṭhāya upari devalokesu samādānasampattavirativasena puretabbā saṃvarā na santi, lokuttarā pana santiyeva. Tathā tehi pahātabbā asaṃvarā. Na hi appahīnānusayānaṃ maggavajjhā kilesā na santīti.
สํวรกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṃvarakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
ตติยวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / กถาวตฺถุปาฬิ • Kathāvatthupāḷi / (๓๐) ๑๐. สํวรกถา • (30) 10. Saṃvarakathā
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๑๐. สํวรกถาวณฺณนา • 10. Saṃvarakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๑๐. สํวรกถาวณฺณนา • 10. Saṃvarakathāvaṇṇanā