Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๗. สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา
7. Saṃvidhānasikkhāpadavaṇṇanā
๑๘๑. สตฺตมสิกฺขาปเท – ปจฺฉา คจฺฉนฺตีนํ โจรา อจฺฉินฺทิํสูติ ปจฺฉา คจฺฉนฺตีนํ ปตฺตจีวรํ โจรา หริํสุฯ ทูเสสุนฺติ ตา ภิกฺขุนิโย โจรา ทูสยิํสุ, สีลวินาสํ ปาปยิํสูติ อโตฺถ ฯ
181. Sattamasikkhāpade – pacchā gacchantīnaṃ corā acchindiṃsūti pacchā gacchantīnaṃ pattacīvaraṃ corā hariṃsu. Dūsesunti tā bhikkhuniyo corā dūsayiṃsu, sīlavināsaṃ pāpayiṃsūti attho .
๑๘๒-๓. สํวิธายาติ สํวิทหิตฺวา, คมนกาเล สเงฺกตํ กตฺวาติ อโตฺถฯ กุกฺกุฎสมฺปาเทติ เอตฺถ ยสฺมา คามา นิกฺขมิตฺวา กุกฺกุโฎ ปทสาว อญฺญํ คามํ คจฺฉติ, อยํ กุกฺกุฎสมฺปาโทติ วุจฺจติฯ ตตฺรายํ วจนโตฺถ – สมฺปทนฺติ เอตฺถาติ สมฺปาโทฯ เก สมฺปทนฺติ? กุกฺกุฎาฯ กุกฺกุฎานํ สมฺปาโท กุกฺกุฎสมฺปาโทฯ อถ วา สมฺปาโทติ คมนํ, กุกฺกุฎานํ สมฺปาโท เอตฺถ อตฺถีติปิ กุกฺกุฎสมฺปาโทฯ กุกฺกุฎสมฺปาเต อิติปิ ปาโฐ, ตตฺถ ยสฺส คามสฺส เคหจฺฉทนปิฎฺฐิโต กุกฺกุโฎ อุปฺปติตฺวา อญฺญสฺส เคหจฺฉทนปิฎฺฐิยํ ปตติ, อยํ กุกฺกุฎสมฺปาโตติ วุจฺจติฯ วจนโตฺถ ปเนตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ ทฺวิธา วุตฺตปฺปกาโรปิ เจส คาโม อจฺจาสโนฺน โหติ, อุปจาโร น ลพฺภติฯ ยสฺมิํ ปน คาเม ปจฺจูเส วสฺสนฺตสฺส กุกฺกุฎสฺส สโทฺท อนนฺตเร คาเม สุยฺยติ, ตาทิเสหิ คาเมหิ สมฺปุณฺณรเฎฺฐ คามนฺตเร คามนฺตเร ปาจิตฺติยนฺติ อฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ กิญฺจาปิ วุตฺตํ, ‘‘คามนฺตเร คามนฺตเร อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสา’’ติ วจนโต ปน สเจปิ รตนมตฺตนฺตโร คาโม โหติ, โย ตสฺส มนุเสฺสหิ ฐปิตอุปจาโร, ตํ โอกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติเยวฯ
182-3.Saṃvidhāyāti saṃvidahitvā, gamanakāle saṅketaṃ katvāti attho. Kukkuṭasampādeti ettha yasmā gāmā nikkhamitvā kukkuṭo padasāva aññaṃ gāmaṃ gacchati, ayaṃ kukkuṭasampādoti vuccati. Tatrāyaṃ vacanattho – sampadanti etthāti sampādo. Ke sampadanti? Kukkuṭā. Kukkuṭānaṃ sampādo kukkuṭasampādo. Atha vā sampādoti gamanaṃ, kukkuṭānaṃ sampādo ettha atthītipi kukkuṭasampādo. Kukkuṭasampāte itipi pāṭho, tattha yassa gāmassa gehacchadanapiṭṭhito kukkuṭo uppatitvā aññassa gehacchadanapiṭṭhiyaṃ patati, ayaṃ kukkuṭasampātoti vuccati. Vacanattho panettha vuttanayeneva veditabbo. Dvidhā vuttappakāropi cesa gāmo accāsanno hoti, upacāro na labbhati. Yasmiṃ pana gāme paccūse vassantassa kukkuṭassa saddo anantare gāme suyyati, tādisehi gāmehi sampuṇṇaraṭṭhe gāmantare gāmantare pācittiyanti aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ. Kiñcāpi vuttaṃ, ‘‘gāmantare gāmantare āpatti pācittiyassā’’ti vacanato pana sacepi ratanamattantaro gāmo hoti, yo tassa manussehi ṭhapitaupacāro, taṃ okkamantassa āpattiyeva.
ตตฺรายํ อาปตฺติวินิจฺฉโย – สํวิธานกาเล หิ สเจ อุโภปิ ภิกฺขุนุปสฺสเย วา อนฺตราราเม วา อาสนสาลาย วา ติตฺถิยเสยฺยาย วา ฐตฺวา สํวิทหนฺติ, อนาปตฺติ กปฺปิยภูมิ กิรายํฯ ตสฺมา เอตฺถ สํวิทหนปจฺจยา ทุกฺกฎาปตฺติํ น วทนฺติ, คจฺฉนฺตสฺส ยถาวตฺถุกเมวฯ สเจ ปน อโนฺตคาเม ภิกฺขุนุปสฺสยทฺวาเร รถิกาย อเญฺญสุ วา จตุกฺกสิงฺฆาฎกหตฺถิสาลาทีสุ สํวิทหนฺติ, ภิกฺขุโน อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ เอวํ สํวิทหิตฺวา คามโต นิกฺขมนฺติ, นิกฺขมเน อนาปตฺติ, อนนฺตรคามสฺส อุปจาโรกฺกมเน ปน ภิกฺขุโน ปาจิตฺติยํฯ ตตฺราปิ ‘‘ปฐมปาเท ทุกฺกฎํ, ทุติยปาเท ปาจิตฺติย’’นฺติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ คามโต นิกฺขมิตฺวา ปน ยาว อนนฺตรคามสฺส อุปจารํ น โอกฺกมนฺติ , เอตฺถนฺตเร สํวิทหิเตปิ ภิกฺขุโน ทุกฺกฎํ, อนนฺตรคามสฺส อุปจาโรกฺกมเน ปุริมนเยเนว อาปตฺติฯ สเจ ทูรํ คนฺตุกามา โหนฺติ, คามูปจารคณนาย โอกฺกมเน โอกฺกมเน อาปตฺติ, ตสฺส ตสฺส ปน คามสฺส อติกฺกมเน อนาปตฺติฯ สเจ ปน ภิกฺขุนี ‘‘อสุกํ นาม คามํ คมิสฺสามี’’ติ อุปสฺสยโต นิกฺขมติ, ภิกฺขุปิ ตเมว คามํ สนฺธาย ‘‘อสุกํ นาม คามํ คมิสฺสามี’’ติ วิหารโต นิกฺขมติฯ อถ เทฺวปิ คามทฺวาเร สมาคนฺตฺวา ‘‘ตุเมฺห กุหิํ คจฺฉถ, อสุกํ นาม คามํ ตุเมฺห กุหินฺติ, มยมฺปิ ตเตฺถวา’’ติ วตฺวา ‘‘เอหิ ทานิ, คจฺฉามา’’ติ สํวิธาย คจฺฉนฺติ, อนาปตฺติฯ กสฺมา? ปุพฺพเมว คมิสฺสามาติ นิกฺขนฺตตฺตาติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ ตํ เนว ปาฬิยา น เสสอฎฺฐกถาย สเมติฯ
Tatrāyaṃ āpattivinicchayo – saṃvidhānakāle hi sace ubhopi bhikkhunupassaye vā antarārāme vā āsanasālāya vā titthiyaseyyāya vā ṭhatvā saṃvidahanti, anāpatti kappiyabhūmi kirāyaṃ. Tasmā ettha saṃvidahanapaccayā dukkaṭāpattiṃ na vadanti, gacchantassa yathāvatthukameva. Sace pana antogāme bhikkhunupassayadvāre rathikāya aññesu vā catukkasiṅghāṭakahatthisālādīsu saṃvidahanti, bhikkhuno āpatti dukkaṭassa. Evaṃ saṃvidahitvā gāmato nikkhamanti, nikkhamane anāpatti, anantaragāmassa upacārokkamane pana bhikkhuno pācittiyaṃ. Tatrāpi ‘‘paṭhamapāde dukkaṭaṃ, dutiyapāde pācittiya’’nti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Gāmato nikkhamitvā pana yāva anantaragāmassa upacāraṃ na okkamanti , etthantare saṃvidahitepi bhikkhuno dukkaṭaṃ, anantaragāmassa upacārokkamane purimanayeneva āpatti. Sace dūraṃ gantukāmā honti, gāmūpacāragaṇanāya okkamane okkamane āpatti, tassa tassa pana gāmassa atikkamane anāpatti. Sace pana bhikkhunī ‘‘asukaṃ nāma gāmaṃ gamissāmī’’ti upassayato nikkhamati, bhikkhupi tameva gāmaṃ sandhāya ‘‘asukaṃ nāma gāmaṃ gamissāmī’’ti vihārato nikkhamati. Atha dvepi gāmadvāre samāgantvā ‘‘tumhe kuhiṃ gacchatha, asukaṃ nāma gāmaṃ tumhe kuhinti, mayampi tatthevā’’ti vatvā ‘‘ehi dāni, gacchāmā’’ti saṃvidhāya gacchanti, anāpatti. Kasmā? Pubbameva gamissāmāti nikkhantattāti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Taṃ neva pāḷiyā na sesaaṭṭhakathāya sameti.
อทฺธโยชเน อทฺธโยชเนติ เอกเมกํ อทฺธโยชนํ อติกฺกมนฺตสฺส อิทานิ อติกฺกมิสฺสตีติ ปฐมปาเท ทุกฺกฎํ, ทุติยปาเท ปาจิตฺติยํฯ อิมสฺมิญฺหิ นเย อติกฺกมเน อาปตฺติ, โอกฺกมเน อนาปตฺติฯ
Addhayojane addhayojaneti ekamekaṃ addhayojanaṃ atikkamantassa idāni atikkamissatīti paṭhamapāde dukkaṭaṃ, dutiyapāde pācittiyaṃ. Imasmiñhi naye atikkamane āpatti, okkamane anāpatti.
๑๘๔. ภิกฺขุ สํวิทหตีติ นครทฺวาเร วา รถิกาย วา ภิกฺขุนิํ ทิสฺวา ‘‘อสุกํ คามํ นาม คตปุพฺพตฺถา’’ติ วทติ, ‘‘นามฺหิ อยฺย คตปุพฺพา’’ติ ‘‘เอหิ คจฺฉามา’’ติ วา ‘‘เสฺว อหํ คมิสฺสามิ, ตฺวมฺปิ อาคเจฺฉยฺยาสี’’ติ วา วทติฯ ภิกฺขุนี สํวิทหตีติ คามนฺตเร เจติยวนฺทนตฺถํ คามโต นิกฺขมนฺตํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ‘‘อยฺย กุหิํ คจฺฉถา’’ติ วทติฯ ‘‘อสุกํ นาม คามํ เจติยวนฺทนตฺถ’’นฺติฯ ‘‘อหมฺปิ อยฺย อาคจฺฉามี’’ติ เอวํ ภิกฺขุนีเยว สํวิทหติ, น ภิกฺขุฯ
184.Bhikkhu saṃvidahatīti nagaradvāre vā rathikāya vā bhikkhuniṃ disvā ‘‘asukaṃ gāmaṃ nāma gatapubbatthā’’ti vadati, ‘‘nāmhi ayya gatapubbā’’ti ‘‘ehi gacchāmā’’ti vā ‘‘sve ahaṃ gamissāmi, tvampi āgaccheyyāsī’’ti vā vadati. Bhikkhunī saṃvidahatīti gāmantare cetiyavandanatthaṃ gāmato nikkhamantaṃ bhikkhuṃ disvā ‘‘ayya kuhiṃ gacchathā’’ti vadati. ‘‘Asukaṃ nāma gāmaṃ cetiyavandanattha’’nti. ‘‘Ahampi ayya āgacchāmī’’ti evaṃ bhikkhunīyeva saṃvidahati, na bhikkhu.
๑๘๕. วิสเงฺกเตนาติ เอตฺถ ‘‘ปุเรภตฺตํ คจฺฉิสฺสามา’’ติ วตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ คจฺฉนฺติ, ‘‘อชฺช วา คมิสฺสามา’’ติ วตฺวา เสฺว คจฺฉนฺติฯ เอวํ กาลวิสเงฺกเตเยว อนาปตฺติ, ทฺวารวิสเงฺกเต ปน มคฺควิสเงฺกเต วา สติปิ อาปตฺติเยวฯ อาปทาสูติ รฎฺฐเภเท จกฺกสมารุฬฺหา ชนปทา ปริยายนฺติ เอวรูปาสุ อาปทาสุ อนาปตฺติฯ เสสํ อุตฺตานเมวาติฯ
185.Visaṅketenāti ettha ‘‘purebhattaṃ gacchissāmā’’ti vatvā pacchābhattaṃ gacchanti, ‘‘ajja vā gamissāmā’’ti vatvā sve gacchanti. Evaṃ kālavisaṅketeyeva anāpatti, dvāravisaṅkete pana maggavisaṅkete vā satipi āpattiyeva. Āpadāsūti raṭṭhabhede cakkasamāruḷhā janapadā pariyāyanti evarūpāsu āpadāsu anāpatti. Sesaṃ uttānamevāti.
จตุสมุฎฺฐานํ – กายโต กายวาจโต กายจิตฺตโต กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติ, กิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Catusamuṭṭhānaṃ – kāyato kāyavācato kāyacittato kāyavācācittato ca samuṭṭhāti, kiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
สํวิธานสิกฺขาปทํ สตฺตมํฯ
Saṃvidhānasikkhāpadaṃ sattamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๓. โอวาทวโคฺค • 3. Ovādavaggo
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๗. สํวิทหนสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Saṃvidahanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๗. สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Saṃvidhānasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๗. สํวิธานสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Saṃvidhānasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๗. สํวิธานสิกฺขาปทํ • 7. Saṃvidhānasikkhāpadaṃ