Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā |
๒. สาณวาสิเตฺถรเปตวตฺถุวณฺณนา
2. Sāṇavāsittherapetavatthuvaṇṇanā
กุณฺฑินาคริโย เถโรติ อิทํ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรเนฺต อายสฺมโต สาณวาสิเตฺถรสฺส ญาติเปเต อารพฺภ วุตฺตํฯ อตีเต กิร พาราณสิยํ กิตวสฺส นาม รโญฺญ ปุโตฺต อุยฺยานกีฬํ กีฬิตฺวา นิวตฺตโนฺต สุเนตฺตํ นาม ปเจฺจกพุทฺธํ ปิณฺฑาย จริตฺวา นครโต นิกฺขมนฺตํ ทิสฺวา อิสฺสริยมทมโตฺต หุตฺวา ‘‘กถญฺหิ นาม มยฺหํ อญฺชลิํ อกตฺวา อยํ มุณฺฑโก คจฺฉตี’’ติ ปทุฎฺฐจิโตฺต หตฺถิกฺขนฺธโต โอตริตฺวา ‘‘กจฺจิ เต ปิณฺฑปาโต ลโทฺธ’’ติ อาลปโนฺต หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ปถวิยํ ปาเตตฺวา ภินฺทิฯ อถ นํ สพฺพตฺถ ตาทิภาวปฺปตฺติยา นิพฺพิการํ กรุณาวิปฺผารโสมนสฺสนิปาตปสนฺนจิตฺตเมว โอโลเกนฺตํ อฎฺฐานาฆาเตน ทูสิตจิโตฺต ‘‘กิํ มํ กิตวสฺส รโญฺญ ปุตฺตํ น ชานาสิ, ตฺวํ โอโลกยโนฺต มยฺหํ กิํ กริสฺสสี’’ติ วตฺวา อวหสโนฺต ปกฺกามิฯ ปกฺกนฺตมตฺตเสฺสว จสฺส นรกคฺคิทาหปฎิภาโค พลวสรีรทาโห อุปฺปชฺชิฯ โส เตน มหาสนฺตาเปนาภิภูตกาโย อติพาฬฺหํ ทุกฺขเวทนาภิตุโนฺน กาลํ กตฺวา อวีจีมหานิรเย นิพฺพตฺติฯ
Kuṇḍināgariyo theroti idaṃ satthari veḷuvane viharante āyasmato sāṇavāsittherassa ñātipete ārabbha vuttaṃ. Atīte kira bārāṇasiyaṃ kitavassa nāma rañño putto uyyānakīḷaṃ kīḷitvā nivattanto sunettaṃ nāma paccekabuddhaṃ piṇḍāya caritvā nagarato nikkhamantaṃ disvā issariyamadamatto hutvā ‘‘kathañhi nāma mayhaṃ añjaliṃ akatvā ayaṃ muṇḍako gacchatī’’ti paduṭṭhacitto hatthikkhandhato otaritvā ‘‘kacci te piṇḍapāto laddho’’ti ālapanto hatthato pattaṃ gahetvā pathaviyaṃ pātetvā bhindi. Atha naṃ sabbattha tādibhāvappattiyā nibbikāraṃ karuṇāvipphārasomanassanipātapasannacittameva olokentaṃ aṭṭhānāghātena dūsitacitto ‘‘kiṃ maṃ kitavassa rañño puttaṃ na jānāsi, tvaṃ olokayanto mayhaṃ kiṃ karissasī’’ti vatvā avahasanto pakkāmi. Pakkantamattasseva cassa narakaggidāhapaṭibhāgo balavasarīradāho uppajji. So tena mahāsantāpenābhibhūtakāyo atibāḷhaṃ dukkhavedanābhitunno kālaṃ katvā avīcīmahāniraye nibbatti.
โส ตตฺถ ทกฺขิณปเสฺสน วามปเสฺสน อุตฺตาโน อวกุโชฺชติ พหูหิ ปกาเรหิ ปริวตฺติตฺวา จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ ปจฺจิตฺวา ตโต จุโต เปเตสุ อปิริมิตกาลํ ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขํ อนุภวิตฺวา ตโต จุโต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท กุณฺฑินครสฺส สมีเป เกวฎฺฎคาเม นิพฺพตฺติฯ ตสฺส ชาติสฺสรญาณํ อุปฺปชฺชิ, เตน โส ปุเพฺพ อตฺตนา อนุภูตปุพฺพํ ทุกฺขํ อนุสฺสรโนฺต วยปฺปโตฺตปิ ปาปภเยน ญาตเกหิปิ สทฺธิํ มจฺฉพนฺธนตฺถํ น คจฺฉติฯ เตสุ คจฺฉเนฺตสุ มเจฺฉ ฆาเตตุํ อนิจฺฉโนฺต นิลียติ, คโต จ ชาลํ ภินฺทติ, ชีวเนฺต วา มเจฺฉ คเหตฺวา อุทเก วิสฺสเชฺชติ, ตสฺส ตํ กิริยํ อโรจนฺตา ญาตกา เคหโต ตํ นีหริํสุฯ เอโก ปนสฺส ภาตา สิเนหพทฺธหทโย อโหสิฯ
So tattha dakkhiṇapassena vāmapassena uttāno avakujjoti bahūhi pakārehi parivattitvā caturāsīti vassasahassāni paccitvā tato cuto petesu apirimitakālaṃ khuppipāsādidukkhaṃ anubhavitvā tato cuto imasmiṃ buddhuppāde kuṇḍinagarassa samīpe kevaṭṭagāme nibbatti. Tassa jātissarañāṇaṃ uppajji, tena so pubbe attanā anubhūtapubbaṃ dukkhaṃ anussaranto vayappattopi pāpabhayena ñātakehipi saddhiṃ macchabandhanatthaṃ na gacchati. Tesu gacchantesu macche ghātetuṃ anicchanto nilīyati, gato ca jālaṃ bhindati, jīvante vā macche gahetvā udake vissajjeti, tassa taṃ kiriyaṃ arocantā ñātakā gehato taṃ nīhariṃsu. Eko panassa bhātā sinehabaddhahadayo ahosi.
เตน จ สมเยน อายสฺมา อานโนฺท กุณฺฑินครํ อุปนิสฺสาย สาณปพฺพเต วิหรติฯ อถ โส เกวฎฺฎปุโตฺต ญาตเกหิ ปริจฺจโตฺต หุตฺวา อิโต จิโต จ ปริพฺภมโนฺต ตํ ปเทสํ ปโตฺต โภชนเวลาย เถรสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิฯ เถโร ตํ ปุจฺฉิตฺวา โภชเนน อตฺถิกภาวํ ญตฺวา ตสฺส ภตฺตํ ทตฺวา กตภตฺตกิโจฺจ สพฺพํ ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา ธมฺมกถาย ปสนฺนมานสํ ญตฺวา ‘‘ปพฺพชิสฺสสิ, อาวุโส’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต, ปพฺพชิสฺสามี’’ติฯ เถโร ตํ ปพฺพาเชตฺวา เตน สทฺธิํ ภควโต สนฺติกํ อคมาสิฯ อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘อานนฺท, อิมํ สามเณรํ อนุกเมฺปยฺยาสี’’ติฯ โส จ อกตกุสลตฺตา อปฺปลาโภ อโหสิฯ อถ นํ สตฺถา อนุคฺคณฺหโนฺต ภิกฺขูนํ ปริโภคตฺถาย ปานียฆฎานํ ปริปูรเณ นิโยเชสิฯ ตํ ทิสฺวา อุปาสกา ตสฺส พหูนิ นิจฺจภตฺตานิ ปฎฺฐเปสุํฯ
Tena ca samayena āyasmā ānando kuṇḍinagaraṃ upanissāya sāṇapabbate viharati. Atha so kevaṭṭaputto ñātakehi pariccatto hutvā ito cito ca paribbhamanto taṃ padesaṃ patto bhojanavelāya therassa santikaṃ upasaṅkami. Thero taṃ pucchitvā bhojanena atthikabhāvaṃ ñatvā tassa bhattaṃ datvā katabhattakicco sabbaṃ taṃ pavattiṃ ñatvā dhammakathāya pasannamānasaṃ ñatvā ‘‘pabbajissasi, āvuso’’ti? ‘‘Āma, bhante, pabbajissāmī’’ti. Thero taṃ pabbājetvā tena saddhiṃ bhagavato santikaṃ agamāsi. Atha naṃ satthā āha – ‘‘ānanda, imaṃ sāmaṇeraṃ anukampeyyāsī’’ti. So ca akatakusalattā appalābho ahosi. Atha naṃ satthā anuggaṇhanto bhikkhūnaṃ paribhogatthāya pānīyaghaṭānaṃ paripūraṇe niyojesi. Taṃ disvā upāsakā tassa bahūni niccabhattāni paṭṭhapesuṃ.
โส อปเรน สมเยน ลทฺธูปสมฺปโท อรหตฺตํ ปตฺวา เถโร หุตฺวา ทฺวาทสหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ สาณปพฺพเต วสิฯ ตสฺส ปน ญาตกา ปญฺจสตมตฺตา อนุปจิตกุสลกมฺมา อุปจิตมเจฺฉราทิปาปธมฺมา กาลํ กตฺวา เปเตสุ นิพฺพตฺติํสุฯ ตสฺส ปน มาตาปิตโร ‘‘เอส อเมฺหหิ ปุเพฺพ เคหโต นิกฺกฑฺฒิโต’’ติ สารชฺชมานา ตํ อนุปสงฺกมิตฺวา ตสฺมิํ พทฺธสิเนหํ ภาติกํ เปเสสุํฯ โส เถรสฺส คามํ ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐสมเย ทกฺขิณชาณุมณฺฑลํ ปถวิยํ ปติฎฺฐาเปตฺวา กตญฺชลี อตฺตานํ ทเสฺสตฺวา ‘‘มาตา ปิตา จ เต, ภเนฺต’’ติอาทิคาถา อโวจฯ กุณฺฑินาคริโย เถโรติอาทโย ปน อาทิโต ปญฺจ คาถา ตาสํ สมฺพนฺธทสฺสนตฺถํ ธมฺมสงฺคาหเกหิ ฐปิตาฯ
So aparena samayena laddhūpasampado arahattaṃ patvā thero hutvā dvādasahi bhikkhūhi saddhiṃ sāṇapabbate vasi. Tassa pana ñātakā pañcasatamattā anupacitakusalakammā upacitamaccherādipāpadhammā kālaṃ katvā petesu nibbattiṃsu. Tassa pana mātāpitaro ‘‘esa amhehi pubbe gehato nikkaḍḍhito’’ti sārajjamānā taṃ anupasaṅkamitvā tasmiṃ baddhasinehaṃ bhātikaṃ pesesuṃ. So therassa gāmaṃ piṇḍāya paviṭṭhasamaye dakkhiṇajāṇumaṇḍalaṃ pathaviyaṃ patiṭṭhāpetvā katañjalī attānaṃ dassetvā ‘‘mātā pitā ca te, bhante’’tiādigāthā avoca. Kuṇḍināgariyo therotiādayo pana ādito pañca gāthā tāsaṃ sambandhadassanatthaṃ dhammasaṅgāhakehi ṭhapitā.
๔๐๘.
408.
‘‘กุณฺฑินาคริโย เถโร, สาณวาสินิวาสิโก;
‘‘Kuṇḍināgariyo thero, sāṇavāsinivāsiko;
โปฎฺฐปาโทติ นาเมน, สมโณ ภาวิตินฺทฺริโยฯ
Poṭṭhapādoti nāmena, samaṇo bhāvitindriyo.
๔๐๙.
409.
‘‘ตสฺส มาตา ปิตา ภาตา, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;
‘‘Tassa mātā pitā bhātā, duggatā yamalokikā;
ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตาฯ
Pāpakammaṃ karitvāna, petalokaṃ ito gatā.
๔๑๐.
410.
‘‘เต ทุคฺคตา สูจิกฎฺฎา, กิลนฺตา นคฺคิโน กิสา;
‘‘Te duggatā sūcikaṭṭā, kilantā naggino kisā;
อุตฺตสนฺตา มหตฺตาสา, น ทเสฺสนฺติ กุรูริโนฯ
Uttasantā mahattāsā, na dassenti kurūrino.
๔๑๑.
411.
‘‘ตสฺส ภาตา วิตริตฺวา, นโคฺค เอกปเถกโก;
‘‘Tassa bhātā vitaritvā, naggo ekapathekako;
จตุกุณฺฑิโก ภวิตฺวาน, เถรสฺส ทสฺสยีตุมํฯ
Catukuṇḍiko bhavitvāna, therassa dassayītumaṃ.
๔๑๒.
412.
‘‘เถโร จามนสิกตฺวา, ตุณฺหีภูโต อติกฺกมิ;
‘‘Thero cāmanasikatvā, tuṇhībhūto atikkami;
โส จ วิญฺญาปยี เถรํ, ‘ภาตา เปตคโต อหํ’ฯ
So ca viññāpayī theraṃ, ‘bhātā petagato ahaṃ’.
๔๑๓.
413.
‘‘มาตา ปิตา จ เต ภเนฺต, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;
‘‘Mātā pitā ca te bhante, duggatā yamalokikā;
ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตาฯ
Pāpakammaṃ karitvāna, petalokaṃ ito gatā.
๔๑๔.
414.
‘‘เตน ทุคฺคตา สูจิกฎฺฎา, กิลนฺตา นคฺคิโน กิสา;
‘‘Tena duggatā sūcikaṭṭā, kilantā naggino kisā;
อุตฺตสนฺตา มหตฺตาสา, น ทเสฺสนฺติ กุรูริโนฯ
Uttasantā mahattāsā, na dassenti kurūrino.
๔๑๕.
415.
‘‘อนุกมฺปสฺสุ การุณิโก, ทตฺวา อนฺวาทิสาหิ โน;
‘‘Anukampassu kāruṇiko, datvā anvādisāhi no;
ตว ทิเนฺนน ทาเนน, ยาเปสฺสนฺติ กุรูริโน’’ติฯ
Tava dinnena dānena, yāpessanti kurūrino’’ti.
๔๐๘-๙. ตตฺถ กุณฺฑินาคริโย เถโรติ เอวํนามเก นคเร ชาตสํวฑฺฒเตฺถโร, ‘‘กุณฺฑิกนคโร เถโร’’ติปิ ปาโฐ, โส เอวโตฺถฯ สาณวาสินิวาสิโกติ สาณปพฺพตวาสีฯ โปฎฺฐปาโทติ นาเมนาติ นาเมน โปฎฺฐปาโท นามฯ สมโณติ สมิตปาโปฯ ภาวิตินฺทฺริโยติ อริยมคฺคภาวนาย ภาวิตสทฺธาทิอินฺทฺริโย, อรหาติ อโตฺถฯ ตสฺสาติ ตสฺส สาณวาสิเตฺถรสฺสฯ ทุคฺคตาติ ทุคฺคติคตาฯ
408-9. Tattha kuṇḍināgariyo theroti evaṃnāmake nagare jātasaṃvaḍḍhatthero, ‘‘kuṇḍikanagaro thero’’tipi pāṭho, so evattho. Sāṇavāsinivāsikoti sāṇapabbatavāsī. Poṭṭhapādoti nāmenāti nāmena poṭṭhapādo nāma. Samaṇoti samitapāpo. Bhāvitindriyoti ariyamaggabhāvanāya bhāvitasaddhādiindriyo, arahāti attho. Tassāti tassa sāṇavāsittherassa. Duggatāti duggatigatā.
๔๑๐. สูจิกฎฺฎาติ ปูตินา ลูขคตฺตา อฎฺฎกา, สูจิกาติ ลทฺธนามาย ขุปฺปิปาสาย อฎฺฎา ปีฬิตาฯ ‘‘สูจิกณฺฐา’’ติ เกจิ ปฐนฺติ, สูจิฉิทฺทสทิสมุขทฺวาราติ อโตฺถฯ กิลนฺตาติ กิลนฺตกายจิตฺตาฯ นคฺคิโนติ นคฺครูปา นิโจฺจฬาฯ กิสาติ อฎฺฐิตฺตจมตฺตสรีรตาย กิสเทหาฯ อุตฺตสนฺตาติ ‘‘อยํ สมโณ อมฺหากํ ปุโตฺต’’ติ โอตฺตเปฺปน อุตฺราสํ อาปชฺชนฺตา ฯ มหตฺตาสาติ อตฺตนา ปุเพฺพ กตกมฺมํ ปฎิจฺจ สญฺชาตมหาภยาฯ น ทเสฺสนฺตีติ อตฺตานํ น ทเสฺสนฺติ, สมฺมุขีภาวํ น คจฺฉนฺติฯ กุรูริโนติ ทารุณกมฺมนฺตาฯ
410.Sūcikaṭṭāti pūtinā lūkhagattā aṭṭakā, sūcikāti laddhanāmāya khuppipāsāya aṭṭā pīḷitā. ‘‘Sūcikaṇṭhā’’ti keci paṭhanti, sūcichiddasadisamukhadvārāti attho. Kilantāti kilantakāyacittā. Nagginoti naggarūpā niccoḷā. Kisāti aṭṭhittacamattasarīratāya kisadehā. Uttasantāti ‘‘ayaṃ samaṇo amhākaṃ putto’’ti ottappena utrāsaṃ āpajjantā . Mahattāsāti attanā pubbe katakammaṃ paṭicca sañjātamahābhayā. Na dassentīti attānaṃ na dassenti, sammukhībhāvaṃ na gacchanti. Kurūrinoti dāruṇakammantā.
๔๑๑. ตสฺส ภาตาติ สาณวาสิเตฺถรสฺส ภาตาฯ วิตริตฺวาติ วิติโณฺณ หุตฺวา, โอตฺตปฺปสนฺตาสภยาติ อโตฺถฯ วิตุริตฺวาติ วา ปาโฐ, ตุริโต หุตฺวา, ตรมานรูโป หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ เอกปเถติ เอกปทิกมเคฺคฯ เอกโกติ เอกิโก อทุติโยฯ จตุกุณฺฑิโก ภวิตฺวานาติ จตูหิ อเงฺคหิ กุเณฺฑติ อตฺตภาวํ ปวเตฺตตีติ จตุกุณฺฑิโก, ทฺวีหิ ชาณูหิ ทฺวีหิ หเตฺถหิ คจฺฉโนฺต ติฎฺฐโนฺต จ, เอวํภูโต หุตฺวาติ อโตฺถฯ โส หิ เอวํ ปุรโต โกปีนปฎิจฺฉาทนา โหตีติ ตถา อกาสิฯ เถรสฺส ทสฺสยีตุมนฺติ เถรสฺส อตฺตานํ อุทฺทิสยิ ทเสฺสสิฯ
411.Tassa bhātāti sāṇavāsittherassa bhātā. Vitaritvāti vitiṇṇo hutvā, ottappasantāsabhayāti attho. Vituritvāti vā pāṭho, turito hutvā, taramānarūpo hutvāti vuttaṃ hoti. Ekapatheti ekapadikamagge. Ekakoti ekiko adutiyo. Catukuṇḍiko bhavitvānāti catūhi aṅgehi kuṇḍeti attabhāvaṃ pavattetīti catukuṇḍiko, dvīhi jāṇūhi dvīhi hatthehi gacchanto tiṭṭhanto ca, evaṃbhūto hutvāti attho. So hi evaṃ purato kopīnapaṭicchādanā hotīti tathā akāsi. Therassa dassayītumanti therassa attānaṃ uddisayi dassesi.
๔๑๒. อมนสิกตฺวาติ ‘‘อยํ นาม เอโส’’ติ เอวํ มนสิ อกริตฺวา อนาวเชฺชตฺวาฯ โส จาติ โส เปโตฯ ภาตา เปตคโต อหนฺติ ‘‘อหํ อตีตตฺตภาเว ภาตา, อิทานิ เปตภูโต อิธาคโต’’ติ วตฺวา วิญฺญาปยิ เถรนฺติ โยชนาฯ
412.Amanasikatvāti ‘‘ayaṃ nāma eso’’ti evaṃ manasi akaritvā anāvajjetvā. So cāti so peto. Bhātā petagato ahanti ‘‘ahaṃ atītattabhāve bhātā, idāni petabhūto idhāgato’’ti vatvā viññāpayi theranti yojanā.
๔๑๓-๕. ยถา ปน วิญฺญาปยิ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘มาตา ปิตา จา’’ติอาทินา ติโสฺส คาถา วุตฺตาฯ ตตฺถ มาตา ปิตา จ เตติ ตว มาตา จ ปิตา จฯ อนุกมฺปสฺสูติ อนุคฺคณฺห อนุทยํ กโรหิฯ อนฺวาทิสาหีติ อาทิสฯ โนติ อมฺหากํฯ ตว ทิเนฺนนาติ ตยา ทิเนฺนนฯ
413-5. Yathā pana viññāpayi, taṃ dassetuṃ ‘‘mātā pitā cā’’tiādinā tisso gāthā vuttā. Tattha mātā pitā ca teti tava mātā ca pitā ca. Anukampassūti anuggaṇha anudayaṃ karohi. Anvādisāhīti ādisa. Noti amhākaṃ. Tava dinnenāti tayā dinnena.
ตํ สุตฺวา เถโร ยถา ปฎิปชฺชิ, ตํ ทเสฺสตุํ –
Taṃ sutvā thero yathā paṭipajji, taṃ dassetuṃ –
๔๑๖.
416.
‘‘เถโร จริตฺวา ปิณฺฑาย, ภิกฺขู อเญฺญ จ ทฺวาทส;
‘‘Thero caritvā piṇḍāya, bhikkhū aññe ca dvādasa;
เอกชฺฌํ สนฺนิปติํสุ, ภตฺตวิสฺสคฺคการณาฯ
Ekajjhaṃ sannipatiṃsu, bhattavissaggakāraṇā.
๔๑๗.
417.
‘‘เถโร สเพฺพว เต อาห, ยถาลทฺธํ ททาถ เม;
‘‘Thero sabbeva te āha, yathāladdhaṃ dadātha me;
สงฺฆภตฺตํ กริสฺสามิ, อนุกมฺปาย ญาตินํฯ
Saṅghabhattaṃ karissāmi, anukampāya ñātinaṃ.
๔๑๘.
418.
‘‘นิยฺยาทยิํสุ เถรสฺส, เถโร สงฺฆํ นิมนฺตยิ;
‘‘Niyyādayiṃsu therassa, thero saṅghaṃ nimantayi;
ทตฺวา อนฺวาทิสิ เถโร, มาตุ ปิตุ จ ภาตุโน;
Datvā anvādisi thero, mātu pitu ca bhātuno;
‘อิทํ เม ญาตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ ญาตโย’ฯ
‘Idaṃ me ñātīnaṃ hotu, sukhitā hontu ñātayo’.
๔๑๙.
419.
‘‘สมนนฺตรานุทฺทิเฎฺฐ, โภชนํ อุทปชฺชถ;
‘‘Samanantarānuddiṭṭhe, bhojanaṃ udapajjatha;
สุจิํ ปณีตํ สมฺปนฺนํ, อเนกรสพฺยญฺชนํฯ
Suciṃ paṇītaṃ sampannaṃ, anekarasabyañjanaṃ.
๔๒๐.
420.
‘‘ตโต อุทฺทสฺสยี ภาตา, วณฺณวา พลวา สุขี;
‘‘Tato uddassayī bhātā, vaṇṇavā balavā sukhī;
ปหูตํ โภชนํ ภเนฺต, ปสฺส นคฺคามฺหเส มยํ;
Pahūtaṃ bhojanaṃ bhante, passa naggāmhase mayaṃ;
ตถา ภเนฺต ปรกฺกม, ยถา วตฺถํ ลภามเสฯ
Tathā bhante parakkama, yathā vatthaṃ labhāmase.
๔๒๑.
421.
‘‘เถโร สงฺการกูฎมฺหา, อุจฺจินิตฺวาน นนฺตเก;
‘‘Thero saṅkārakūṭamhā, uccinitvāna nantake;
ปิโลติกํ ปฎํ กตฺวา, สเงฺฆ จาตุทฺทิเส อทาฯ
Pilotikaṃ paṭaṃ katvā, saṅghe cātuddise adā.
๔๒๒.
422.
‘‘ทตฺวา อนฺวาทิสี เถโร, มาตุ ปิตุ จ ภาตุโน;
‘‘Datvā anvādisī thero, mātu pitu ca bhātuno;
‘อิทํ เม ญาตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ ญาตโย’ฯ
‘Idaṃ me ñātīnaṃ hotu, sukhitā hontu ñātayo’.
๔๒๓.
423.
‘‘สมนนฺตรานุทฺทิเฎฺฐ, วตฺถานิ อุทปชฺชิสุํ;
‘‘Samanantarānuddiṭṭhe, vatthāni udapajjisuṃ;
ตโต สุวตฺถวสโน, เถรสฺส ทสฺสยีตุมํฯ
Tato suvatthavasano, therassa dassayītumaṃ.
๔๒๔.
424.
‘‘ยาวตา นนฺทราชสฺส, วิชิตสฺมิํ ปฎิจฺฉทา;
‘‘Yāvatā nandarājassa, vijitasmiṃ paṭicchadā;
ตโต พหุตรา ภเนฺต, วตฺถานจฺฉาทนานิ โนฯ
Tato bahutarā bhante, vatthānacchādanāni no.
๔๒๕.
425.
‘‘โกเสยฺยกมฺพลียานิ, โขมกปฺปาสิกานิ จ;
‘‘Koseyyakambalīyāni, khomakappāsikāni ca;
วิปุลา จ มหคฺฆา จ, เตปากาเสวลมฺพเรฯ
Vipulā ca mahagghā ca, tepākāsevalambare.
๔๒๖.
426.
‘‘เต มยํ ปริทหาม, ยํ ยญฺหิ มนโส ปิยํ;
‘‘Te mayaṃ paridahāma, yaṃ yañhi manaso piyaṃ;
ตถา ภเนฺต ปรกฺกม, ยถา เคหํ ลภามเสฯ
Tathā bhante parakkama, yathā gehaṃ labhāmase.
๔๒๗.
427.
‘‘เถโร ปณฺณกุฎิํ กตฺวา, สเงฺฆ จาตุทฺทิเส อทา;
‘‘Thero paṇṇakuṭiṃ katvā, saṅghe cātuddise adā;
ทตฺวา จ อนฺวาทิสี เถโร, มาตุ ปิตุ จ ภาตุโน;
Datvā ca anvādisī thero, mātu pitu ca bhātuno;
‘อิทํ เม ญาตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ ญาตโย’ฯ
‘Idaṃ me ñātīnaṃ hotu, sukhitā hontu ñātayo’.
๔๒๘.
428.
‘‘สมนนฺตรานุทฺทิเฎฺฐ, ฆรานิ อุทปชฺชิสุํ;
‘‘Samanantarānuddiṭṭhe, gharāni udapajjisuṃ;
กูฎาคารนิเวสนา, วิภตฺตา ภาคโส มิตาฯ
Kūṭāgāranivesanā, vibhattā bhāgaso mitā.
๔๒๙.
429.
‘‘น มนุเสฺสสุ อีทิสา, ยาทิสา โน ฆรา อิธ;
‘‘Na manussesu īdisā, yādisā no gharā idha;
อปิ ทิเพฺพสุ ยาทิสา, ตาทิสา โน ฆรา อิธฯ
Api dibbesu yādisā, tādisā no gharā idha.
๔๓๐.
430.
‘‘ททฺทลฺลมานา อาเภนฺติ, สมนฺตา จตุโร ทิสา;
‘‘Daddallamānā ābhenti, samantā caturo disā;
ตถา ภเนฺต ปรกฺกม, ยถา ปานียํ ลภามเสฯ
Tathā bhante parakkama, yathā pānīyaṃ labhāmase.
๔๓๑.
431.
‘‘เถโร กรณํ ปูเรตฺวา, สเงฺฆ จาตุทฺทิเส อทา;
‘‘Thero karaṇaṃ pūretvā, saṅghe cātuddise adā;
ทตฺวา อนฺวาทิสี เถโร, มาตุ ปิตุ จ ภาตุโน;
Datvā anvādisī thero, mātu pitu ca bhātuno;
‘อิทํ เม ญาตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ ญาตโย’ฯ
‘Idaṃ me ñātīnaṃ hotu, sukhitā hontu ñātayo’.
๔๓๒.
432.
‘‘สมนนฺตรานุทฺทิเฎฺฐ, ปานียํ อุทปชฺชถ;
‘‘Samanantarānuddiṭṭhe, pānīyaṃ udapajjatha;
คมฺภีรา จตุรสฺสา จ, โปกฺขรโญฺญ สุนิมฺมิตาฯ
Gambhīrā caturassā ca, pokkharañño sunimmitā.
๔๓๓.
433.
‘‘สีโตทิกา สุปฺปติตฺถา, สีตา อปฺปฎิคนฺธิยา;
‘‘Sītodikā suppatitthā, sītā appaṭigandhiyā;
ปทุมุปฺปลสญฺฉนฺนา, วาริกิญฺชกฺขปูริตาฯ
Padumuppalasañchannā, vārikiñjakkhapūritā.
๔๓๔.
434.
‘‘ตตฺถ นฺหตฺวา ปิวิตฺวา จ, เถรสฺส ปฎิทสฺสยุํ;
‘‘Tattha nhatvā pivitvā ca, therassa paṭidassayuṃ;
ปหูตํ ปานียํ ภเนฺต, ปาทา ทุกฺขา ผลนฺติ โนฯ
Pahūtaṃ pānīyaṃ bhante, pādā dukkhā phalanti no.
๔๓๕.
435.
‘‘อาหิณฺฑมานา ขญฺชาม, สกฺขเร กุสกณฺฎเก;
‘‘Āhiṇḍamānā khañjāma, sakkhare kusakaṇṭake;
ตถา ภเนฺต ปรกฺกม, ยถา ยานํ ลภามเสฯ
Tathā bhante parakkama, yathā yānaṃ labhāmase.
๔๓๖.
436.
‘‘เถโร สิปาฎิกํ ลทฺธา, สเงฺฆ จาตุทฺทิเส อทา;
‘‘Thero sipāṭikaṃ laddhā, saṅghe cātuddise adā;
ทตฺวา อนฺวาทิสี เถโร, มาตุ ปิตุ จ ภาตุโน;
Datvā anvādisī thero, mātu pitu ca bhātuno;
‘อิทํ เม ญาตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ ญาตโย’ฯ
‘Idaṃ me ñātīnaṃ hotu, sukhitā hontu ñātayo’.
๔๓๗.
437.
‘‘สมนนฺตรานุทฺทิเฎฺฐ , เปตา รเถน มาคมุํ;
‘‘Samanantarānuddiṭṭhe , petā rathena māgamuṃ;
อนุกมฺปิตมฺห ภทเนฺต, ภเตฺตนจฺฉาทเนน จฯ
Anukampitamha bhadante, bhattenacchādanena ca.
๔๓๘.
438.
‘‘ฆเรน ปานียทาเนน, ยานทาเนน จูภยํ;
‘‘Gharena pānīyadānena, yānadānena cūbhayaṃ;
มุนิํ การุณิกํ โลเก, ภเนฺต วนฺทิตุมาคตา’’ติฯ – คาถาโย อาหํสุ;
Muniṃ kāruṇikaṃ loke, bhante vanditumāgatā’’ti. – gāthāyo āhaṃsu;
๔๑๖-๗. ตตฺถ เถโร จริตฺวา ปิณฺฑายาติ เถโร ปิณฺฑาปาตจาริกาย จริตฺวาฯ ภิกฺขู อเญฺญ จ ทฺวาทสาติ เถเรน สห วสนฺตา อเญฺญ จ ทฺวาทส ภิกฺขู เอกชฺฌํ เอกโต สนฺนิปติํสุฯ กสฺมาติ เจ? ภตฺตวิสฺสคฺคการณาติ ภตฺตกิจฺจการณา ภุญฺชนนิมิตฺตํฯ เตติ เต ภิกฺขูฯ ยถาลทฺธนฺติ ยํ ยํ ลทฺธํฯ ททาถาติ เทถฯ
416-7. Tattha thero caritvā piṇḍāyāti thero piṇḍāpātacārikāya caritvā. Bhikkhū aññe ca dvādasāti therena saha vasantā aññe ca dvādasa bhikkhū ekajjhaṃ ekato sannipatiṃsu. Kasmāti ce? Bhattavissaggakāraṇāti bhattakiccakāraṇā bhuñjananimittaṃ. Teti te bhikkhū. Yathāladdhanti yaṃ yaṃ laddhaṃ. Dadāthāti detha.
๔๑๘. นิยฺยาทยิํสูติ อทํสุฯ สงฺฆํ นิมนฺตยีติ เต เอว ทฺวาทส ภิกฺขู สงฺฆุเทฺทสวเสน ตํ ภตฺตํ ทาตุํ นิมเนฺตสิฯ อนฺวาทิสีติ อาทิสิฯ ตตฺถ เยสํ อนฺวาทิสิ, เต ทเสฺสตุํ ‘‘มาตุ ปิตุ จ ภาตุโน, อิทํ เม ญาตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ ญาตโย’’ติ วุตฺตํฯ
418.Niyyādayiṃsūti adaṃsu. Saṅghaṃ nimantayīti te eva dvādasa bhikkhū saṅghuddesavasena taṃ bhattaṃ dātuṃ nimantesi. Anvādisīti ādisi. Tattha yesaṃ anvādisi, te dassetuṃ ‘‘mātu pitu ca bhātuno, idaṃ me ñātīnaṃ hotu, sukhitā hontu ñātayo’’ti vuttaṃ.
๔๑๙. สมนนฺตรานุทฺทิเฎฺฐติ อุทฺทิฎฺฐสมนนฺตรเมวฯ โภชนํ อุทปชฺชถาติ เตสํ เปตานํ โภชนํ อุปฺปชฺชิฯ กีทิสนฺติ อาห ‘‘สุจิ’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ อเนกรสพฺยญฺชนนฺติ นานารเสหิ พฺยญฺชเนหิ ยุตฺตํ, อถ วา อเนกรสํ อเนกพฺยญฺชนญฺจฯ ตโตติ โภชนลาภโต ปจฺฉาฯ
419.Samanantarānuddiṭṭheti uddiṭṭhasamanantarameva. Bhojanaṃ udapajjathāti tesaṃ petānaṃ bhojanaṃ uppajji. Kīdisanti āha ‘‘suci’’ntiādi. Tattha anekarasabyañjananti nānārasehi byañjanehi yuttaṃ, atha vā anekarasaṃ anekabyañjanañca. Tatoti bhojanalābhato pacchā.
๔๒๐. อุทฺทสฺสยี ภาตาติ ภาติกภูโต เปโต เถรสฺส อตฺตานํ ทเสฺสสิฯ วณฺณวา พลวา สุขีติ เตน โภชนลาเภน ตาวเทว รูปสมฺปโนฺน พลสมฺปโนฺน สุขิโตว หุตฺวาฯ ปหูตํ โภชนํ, ภเนฺตติ, ภเนฺต, ตว ทานานุภาเวน ปหูตํ อนปฺปกํ โภชนํ อเมฺหหิ ลทฺธํฯ ปสฺส นคฺคามฺหเสติ โอโลเกหิ, นคฺคิกา ปน อมฺห, ตสฺมา ตถา, ภเนฺต, ปรกฺกม ปโยคํ กโรหิฯ ยถา วตฺถํ ลภามเสติ เยน ปกาเรน ยาทิเสน ปโยเคน สเพฺพว มยํ วตฺถานิ ลเภยฺยาม, ตถา วายมถาติ อโตฺถฯ
420.Uddassayī bhātāti bhātikabhūto peto therassa attānaṃ dassesi. Vaṇṇavā balavā sukhīti tena bhojanalābhena tāvadeva rūpasampanno balasampanno sukhitova hutvā. Pahūtaṃ bhojanaṃ, bhanteti, bhante, tava dānānubhāvena pahūtaṃ anappakaṃ bhojanaṃ amhehi laddhaṃ. Passa naggāmhaseti olokehi, naggikā pana amha, tasmā tathā, bhante, parakkama payogaṃ karohi. Yathā vatthaṃ labhāmaseti yena pakārena yādisena payogena sabbeva mayaṃ vatthāni labheyyāma, tathā vāyamathāti attho.
๔๒๑. สงฺการกูฎมฺหาติ ตตฺถ ตตฺถ สงฺการฎฺฐานโตฯ อุจฺจินิตฺวานาติ คเวสนวเสน คเหตฺวาฯ นนฺตเกติ ฉินฺนปริยเนฺต ฉฑฺฑิตทุสฺสขเณฺฑ ฯ เต ปน ยสฺมา ขณฺฑภูตา ปิโลติกา นาม โหนฺติ, ตาหิ จ เถโร จีวรํ กตฺวา สงฺฆสฺส อทาสิ, ตสฺมา อาห ‘‘ปิโลติกํ ปฎํ กตฺวา, สเงฺฆ จาตุทฺทิเส อทา’’ติฯ ตตฺถ สเงฺฆ จาตุทฺทิเส อทาติ จตูหิปิ ทิสาหิ อาคตภิกฺขุสงฺฆสฺส อทาสิฯ สมฺปทานเตฺถ หิ อิทํ ภุมฺมวจนํฯ
421.Saṅkārakūṭamhāti tattha tattha saṅkāraṭṭhānato. Uccinitvānāti gavesanavasena gahetvā. Nantaketi chinnapariyante chaḍḍitadussakhaṇḍe . Te pana yasmā khaṇḍabhūtā pilotikā nāma honti, tāhi ca thero cīvaraṃ katvā saṅghassa adāsi, tasmā āha ‘‘pilotikaṃ paṭaṃ katvā, saṅghe cātuddise adā’’ti. Tattha saṅghe cātuddise adāti catūhipi disāhi āgatabhikkhusaṅghassa adāsi. Sampadānatthe hi idaṃ bhummavacanaṃ.
๔๒๓-๔. สุวตฺถวสโนติ สุนฺทรวตฺถวสโนฯ เถรสฺส ทสฺสยีตุมนฺติ เถรสฺส อตฺตานํ ทสฺสยิ ทเสฺสสิ, ปากโฎ อโหสิฯ ปฎิจฺฉาทยติ เอตฺถาติ ปฎิจฺฉทาฯ
423-4.Suvatthavasanoti sundaravatthavasano. Therassa dassayītumanti therassa attānaṃ dassayi dassesi, pākaṭo ahosi. Paṭicchādayati etthāti paṭicchadā.
๔๒๘-๙. กูฎาคารนิเวสนาติ กูฎาคารภูตา ตทญฺญนิเวสนสงฺขาตา จ ฆราฯ ลิงฺควิปลฺลาสวเสน เหตํ วุตฺตํฯ วิภตฺตาติ สมจตุรสฺสอายตวฎฺฎสณฺฐานาทิวเสน วิภตฺตาฯ ภาคโส มิตาติ ภาเคน ปริจฺฉินฺนาฯ โนติ อมฺหากํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ เปตโลเกฯ อปิ ทิเพฺพสูติ อปีติ นิปาตมตฺตํ, เทวโลเกสูติ อโตฺถฯ
428-9.Kūṭāgāranivesanāti kūṭāgārabhūtā tadaññanivesanasaṅkhātā ca gharā. Liṅgavipallāsavasena hetaṃ vuttaṃ. Vibhattāti samacaturassaāyatavaṭṭasaṇṭhānādivasena vibhattā. Bhāgaso mitāti bhāgena paricchinnā. Noti amhākaṃ. Idhāti imasmiṃ petaloke. Api dibbesūti apīti nipātamattaṃ, devalokesūti attho.
๔๓๑. กรณนฺติ ธมกรณํฯ ปูเรตฺวาติ อุทกสฺส ปูเรตฺวาฯ วาริกิญฺชกฺขปูริตาติ ตตฺถ ตตฺถ วาริมตฺถเก ปทุมุปฺปลาทีนํ เกสรภาเรหิ สญฺฉาทิตวเสน ปูริตาฯ ผลนฺตีติ ปุปฺผนฺติ, ปณฺหิกปริยนฺตาทีสุ วิทาเลนฺตีติ อโตฺถฯ
431.Karaṇanti dhamakaraṇaṃ. Pūretvāti udakassa pūretvā. Vārikiñjakkhapūritāti tattha tattha vārimatthake padumuppalādīnaṃ kesarabhārehi sañchāditavasena pūritā. Phalantīti pupphanti, paṇhikapariyantādīsu vidālentīti attho.
๔๓๕-๖. อาหิณฺฑมานาติ วิจรมานาฯ ขญฺชามาติ ขญฺชนวเสน คจฺฉามฯ สกฺขเร กุสกณฺฎเกติ สกฺขรวติ กุสกณฺฎกวติ จ ภูมิภาเค, สกฺขเร กุสกณฺฎเก จ อกฺกมนฺตาติ อโตฺถฯ ยานนฺติ รถวยฺหาทิกํ ยํกิญฺจิ ยานํฯ สิปาฎิกนฺติ เอกปฎลอุปาหนํฯ
435-6.Āhiṇḍamānāti vicaramānā. Khañjāmāti khañjanavasena gacchāma. Sakkhare kusakaṇṭaketi sakkharavati kusakaṇṭakavati ca bhūmibhāge, sakkhare kusakaṇṭake ca akkamantāti attho. Yānanti rathavayhādikaṃ yaṃkiñci yānaṃ. Sipāṭikanti ekapaṭalaupāhanaṃ.
๔๓๗-๘. รเถน มาคมุนฺติ มกาโร ปทสนฺธิกโร, รเถน อาคมํสุฯ อุภยนฺติ อุภเยน ทาเนน, ยานทาเนน เจว ภตฺตาทิจตุปจฺจยทาเนน จฯ ปานียทาเนน เหตฺถ เภสชฺชทานมฺปิ สงฺคหิตํฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมวาติฯ
437-8.Rathena māgamunti makāro padasandhikaro, rathena āgamaṃsu. Ubhayanti ubhayena dānena, yānadānena ceva bhattādicatupaccayadānena ca. Pānīyadānena hettha bhesajjadānampi saṅgahitaṃ. Sesaṃ heṭṭhā vuttanayattā uttānamevāti.
เถโร ตํ ปวตฺติํ ภควโต อาโรเจสิฯ ภควา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา ‘‘ยถา อิเม เอตรหิ, เอวํ ตฺวมฺปิ อิโต อนนฺตราตีเต อตฺตภาเว เปโต หุตฺวา มหาทุกฺขํ อนุภวี’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต สุตฺตเปตวตฺถุํ กเถตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิฯ ตํ สุตฺวา มหาชโน สญฺชาตสํเวโค ทานสีลาทิปุญฺญกมฺมนิรโต อโหสีติฯ
Thero taṃ pavattiṃ bhagavato ārocesi. Bhagavā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā ‘‘yathā ime etarahi, evaṃ tvampi ito anantarātīte attabhāve peto hutvā mahādukkhaṃ anubhavī’’ti vatvā therena yācito suttapetavatthuṃ kathetvā sampattaparisāya dhammaṃ desesi. Taṃ sutvā mahājano sañjātasaṃvego dānasīlādipuññakammanirato ahosīti.
สาณวาสิเตฺถรเปตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sāṇavāsittherapetavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๒. สาณวาสีเถรเปตวตฺถุ • 2. Sāṇavāsītherapetavatthu