Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๕. สญฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Sañcarittasikkhāpadavaṇṇanā
๒๙๖. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควาติ สญฺจริตฺตํฯ ตตฺถ ปณฺฑิตาติ ปณฺฑิเจฺจน สมนฺนาคตา คติมนฺตาฯ พฺยตฺตาติ เวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคตา, อุปาเยน สมนฺนาคตา อุปายญฺญู วิสารทาฯ เมธาวินีติ เมธาย สมนฺนาคตา, ทิฎฺฐํ ทิฎฺฐํ กโรติฯ ทกฺขาติ เฉกาฯ อนลสาติ อุฎฺฐานวีริยสมฺปนฺนาฯ ฉนฺนาติ อนุจฺฉวิกาฯ
296.Tenasamayena buddho bhagavāti sañcarittaṃ. Tattha paṇḍitāti paṇḍiccena samannāgatā gatimantā. Byattāti veyyattiyena samannāgatā, upāyena samannāgatā upāyaññū visāradā. Medhāvinīti medhāya samannāgatā, diṭṭhaṃ diṭṭhaṃ karoti. Dakkhāti chekā. Analasāti uṭṭhānavīriyasampannā. Channāti anucchavikā.
กิสฺมิํ วิยาติ กิจฺฉํ วิย กิเลโส วิย, หิริ วิย อมฺหากํ โหตีติ อธิปฺปาโยฯ กุมาริกาย วตฺตุนฺติ ‘‘อิมํ ตุเมฺห คณฺหถา’’ติ กุมาริกาย การณา วตฺตุํฯ
Kismiṃ viyāti kicchaṃ viya kileso viya, hiri viya amhākaṃ hotīti adhippāyo. Kumārikāya vattunti ‘‘imaṃ tumhe gaṇhathā’’ti kumārikāya kāraṇā vattuṃ.
อาวาหาทีสุ อาวาโหติ ทารกสฺส ปรกุลโต ทาริกาย อาหรณํฯ วิวาโหติ อตฺตโน ทาริกาย ปรกุลเปสนํฯ วาเรยฺยนฺติ ‘‘เทถ โน ทารกสฺส ทาริก’’นฺติ ยาจนํ, ทิวสนกฺขตฺตมุหุตฺตปริเจฺฉทกรณํ วาฯ
Āvāhādīsu āvāhoti dārakassa parakulato dārikāya āharaṇaṃ. Vivāhoti attano dārikāya parakulapesanaṃ. Vāreyyanti ‘‘detha no dārakassa dārika’’nti yācanaṃ, divasanakkhattamuhuttaparicchedakaraṇaṃ vā.
๒๙๗. ปุราณคณกิยาติ เอกสฺส คณกสฺส ภริยาย, สา ตสฺมิํ ชีวมาเน คณกีติ ปญฺญายิตฺถ, มเต ปน ปุราณคณกีติ สงฺขํ คตาฯ ติโรคาโมติ พหิคาโม, อโญฺญ คาโมติ อธิปฺปาโยฯ มนุสฺสาติ อุทายิสฺส อิมํ สญฺจริตฺตกเมฺม ยุตฺตปยุตฺตภาวํ ชานนกมนุสฺสาฯ
297.Purāṇagaṇakiyāti ekassa gaṇakassa bhariyāya, sā tasmiṃ jīvamāne gaṇakīti paññāyittha, mate pana purāṇagaṇakīti saṅkhaṃ gatā. Tirogāmoti bahigāmo, añño gāmoti adhippāyo. Manussāti udāyissa imaṃ sañcarittakamme yuttapayuttabhāvaṃ jānanakamanussā.
สุณิสโภเคนาติ เยน โภเคน สุณิสา ภุญฺชิตพฺพา โหติ รนฺธาปนปจาปนปอเวสนาทินา, เตน ภุญฺชิํสุฯ ตโต อปเรน ทาสิโภเคนาติ มาสาติกฺกเม เยน โภเคน ทาสี ภุญฺชิตพฺพา โหติ เขตฺตกมฺมกจวรฉฑฺฑนอุทกาหรณาทินา, เตน ภุญฺชิํสุฯ ทุคฺคตาติ ทลิทฺทา, ยตฺถ วา คตา ทุคฺคตา โหติ ตาทิสํ กุลํ คตาฯ มาโยฺย อิมํ กุมาริกนฺติ มา อโยฺย อิมํ กุมาริกํฯ อาหารูปหาโรติ อาหาโร จ อุปหาโร จ คหณญฺจ ทานญฺจ, น อเมฺหหิ กิญฺจิ อาหฎํ น อุปาหฎํ ตยา สทฺธิํ กยวิกฺกโย โวหาโร อมฺหากํ นตฺถีติ ทีเปนฺติฯ สมเณน ภวิตพฺพํ อพฺยาวเฎน, สมโณ อสฺส สุสมโณติ สมเณน นาม อีทิเสสุ กเมฺมสุ อพฺยาวเฎน อพฺยาปาเรน ภวิตพฺพํ, เอวํ ภวโนฺต หิ สมโณ สุสมโณ อสฺสาติ, เอวํ นํ อปสาเทตฺวา ‘‘คจฺฉ ตฺวํ น มยํ ตํ ชานามา’’ติ อาหํสุฯ
Suṇisabhogenāti yena bhogena suṇisā bhuñjitabbā hoti randhāpanapacāpanapaavesanādinā, tena bhuñjiṃsu. Tato aparena dāsibhogenāti māsātikkame yena bhogena dāsī bhuñjitabbā hoti khettakammakacavarachaḍḍanaudakāharaṇādinā, tena bhuñjiṃsu. Duggatāti daliddā, yattha vā gatā duggatā hoti tādisaṃ kulaṃ gatā. Māyyo imaṃ kumārikanti mā ayyo imaṃ kumārikaṃ. Āhārūpahāroti āhāro ca upahāro ca gahaṇañca dānañca, na amhehi kiñci āhaṭaṃ na upāhaṭaṃ tayā saddhiṃ kayavikkayo vohāro amhākaṃ natthīti dīpenti. Samaṇena bhavitabbaṃ abyāvaṭena, samaṇo assa susamaṇoti samaṇena nāma īdisesu kammesu abyāvaṭena abyāpārena bhavitabbaṃ, evaṃ bhavanto hi samaṇo susamaṇo assāti, evaṃ naṃ apasādetvā ‘‘gaccha tvaṃ na mayaṃ taṃ jānāmā’’ti āhaṃsu.
๒๙๘. สชฺชิโตติ สพฺพูปกรณสมฺปโนฺน มณฺฑิตปสาธิโต วาฯ
298.Sajjitoti sabbūpakaraṇasampanno maṇḍitapasādhito vā.
๓๐๐. ธุตฺตาติ อิตฺถิธุตฺตาฯ ปริจาเรนฺตาติ มนาปิเยสุ รูปาทีสุ อิโต จิโต จ สมนฺตา อินฺทฺริยานิ จาเรนฺตา, กีฬนฺตา อภิรมนฺตาติ วุตฺตํ โหติฯ อพฺภุตมกํสูติ ยทิ กริสฺสติ ตฺวํ เอตฺตกํ ชิโต, ยทิ น กริสฺสติ อหํ เอตฺตกนฺติ ปณมกํสุฯ ภิกฺขูนํ ปน อพฺภุตํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ โย กโรติ ปราชิเตน ทาตพฺพนฺติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ
300.Dhuttāti itthidhuttā. Paricārentāti manāpiyesu rūpādīsu ito cito ca samantā indriyāni cārentā, kīḷantā abhiramantāti vuttaṃ hoti. Abbhutamakaṃsūti yadi karissati tvaṃ ettakaṃ jito, yadi na karissati ahaṃ ettakanti paṇamakaṃsu. Bhikkhūnaṃ pana abbhutaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Yo karoti parājitena dātabbanti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ.
กถญฺหิ นาม อโยฺย อุทายี ตงฺขณิกนฺติ เอตฺถ ตงฺขโณติ อจิรกาโล วุจฺจติฯ ตงฺขณิกนฺติ อจิรกาลาธิการิกํฯ
Kathañhi nāma ayyo udāyī taṅkhaṇikanti ettha taṅkhaṇoti acirakālo vuccati. Taṅkhaṇikanti acirakālādhikārikaṃ.
๓๐๑. สญฺจริตฺตํ สมาปเชฺชยฺยาติ สญฺจรณภาวํ สมาปเชฺชยฺยฯ ยสฺมา ปน ตํ สมาปชฺชเนฺตน เกนจิ เปสิเตน กตฺถจิ คนฺตพฺพํ โหติ, ปรโต จ ‘‘อิตฺถิยา วา ปุริสมติ’’นฺติ อาทิวจนโต อิธ อิตฺถิปุริสา อธิเปฺปตา, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิตฺถิยา วา ปหิโต ปุริสสฺส สนฺติเก คจฺฉติ, ปุริเสน วา ปหิโต อิตฺถิยา สนฺติเก คจฺฉตี’’ติ เอวมสฺส ปทภาชนํ วุตฺตํฯ อิตฺถิยา วา ปุริสมติํ ปุริสสฺส วา อิตฺถิมตินฺติ เอตฺถ อาโรเจยฺยาติ ปาฐเสโส ทฎฺฐโพฺพ, เตเนวสฺส ปทภาชเน ‘‘ปุริสสฺส มติํ อิตฺถิยา อาโรเจติ, อิตฺถิยา มติํ ปุริสสฺส อาโรเจตี’’ติ วุตฺตํฯ
301.Sañcarittaṃ samāpajjeyyāti sañcaraṇabhāvaṃ samāpajjeyya. Yasmā pana taṃ samāpajjantena kenaci pesitena katthaci gantabbaṃ hoti, parato ca ‘‘itthiyā vā purisamati’’nti ādivacanato idha itthipurisā adhippetā, tasmā tamatthaṃ dassetuṃ ‘‘itthiyā vā pahito purisassa santike gacchati, purisena vā pahito itthiyā santike gacchatī’’ti evamassa padabhājanaṃ vuttaṃ. Itthiyā vā purisamatiṃ purisassa vā itthimatinti ettha āroceyyāti pāṭhaseso daṭṭhabbo, tenevassa padabhājane ‘‘purisassa matiṃ itthiyā āroceti, itthiyā matiṃ purisassa ārocetī’’ti vuttaṃ.
อิทานิ ยทตฺถํ ตํ เตสํ มติํ อธิปฺปายํ อชฺฌาสยํ ฉนฺทํ รุจิํ อาโรเจติ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ชายตฺตเน วา ชารตฺตเน วา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ชายตฺตเนติ ชายาภาเวฯ ชารตฺตเนติ ชารภาเวฯ ปุริสสฺส หิ มติํ อิตฺถิยา อาโรเจโนฺต ชายตฺตเน อาโรเจติ, อิตฺถิยา มติํ ปุริสสฺส อาโรเจโนฺต ชารตฺตเน อาโรเจติ; อปิจ ปุริสเสฺสว มติํ อิตฺถิยา อาโรเจโนฺต ชายตฺตเน วา อาโรเจติ นิพทฺธภริยาภาเว, ชารตฺตเน วา มิจฺฉาจารภาเวฯ ยสฺมา ปเนตํ อาโรเจเนฺตน ‘‘ตฺวํ กิรสฺส ชายา ภวิสฺสสี’’ติอาทิ วตฺตพฺพํ โหติ, ตสฺมา ตํ วตฺตพฺพตาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘ชายตฺตเน วาติ ชายา ภวิสฺสสิ, ชารตฺตเน วาติ ชารี ภวิสฺสสี’’ติ อสฺส ปทภาชนํ วุตฺตํฯ เอเตเนว จ อุปาเยน อิตฺถิยา มติํ ปุริสสฺส อาโรจเนปิ ปติ ภวิสฺสสิ, สามิโก ภวิสฺสสิ, ชาโร ภวิสฺสสีติ วตฺตพฺพตากาโร เวทิตโพฺพฯ
Idāni yadatthaṃ taṃ tesaṃ matiṃ adhippāyaṃ ajjhāsayaṃ chandaṃ ruciṃ āroceti, taṃ dassento ‘‘jāyattane vā jārattane vā’’tiādimāha. Tattha jāyattaneti jāyābhāve. Jārattaneti jārabhāve. Purisassa hi matiṃ itthiyā ārocento jāyattane āroceti, itthiyā matiṃ purisassa ārocento jārattane āroceti; apica purisasseva matiṃ itthiyā ārocento jāyattane vā āroceti nibaddhabhariyābhāve, jārattane vā micchācārabhāve. Yasmā panetaṃ ārocentena ‘‘tvaṃ kirassa jāyā bhavissasī’’tiādi vattabbaṃ hoti, tasmā taṃ vattabbatākāraṃ dassetuṃ ‘‘jāyattane vāti jāyā bhavissasi, jārattane vāti jārī bhavissasī’’ti assa padabhājanaṃ vuttaṃ. Eteneva ca upāyena itthiyā matiṃ purisassa ārocanepi pati bhavissasi, sāmiko bhavissasi, jāro bhavissasīti vattabbatākāro veditabbo.
อนฺตมโส ตงฺขณิกายปีติ สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน ยา อยํ ตงฺขเณ มุหุตฺตมเตฺต ปฎิสํวสิตพฺพโต ตงฺขณิกาติ วุจฺจติ, มุหุตฺติกาติ อโตฺถฯ ตสฺสาปิ ‘‘มุหุตฺติกา ภวิสฺสสี’’ติ เอวํ ปุริสมติํ อาโรเจนฺตสฺส สงฺฆาทิเสโสฯ เอเตเนวุปาเยน ‘‘มุหุตฺติโก ภวิสฺสสี’’ติ เอวํ ปุริสสฺส อิตฺถิมติํ อาโรเจโนฺตปิ สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชตีติ เวทิตโพฺพฯ
Antamaso taṅkhaṇikāyapīti sabbantimena paricchedena yā ayaṃ taṅkhaṇe muhuttamatte paṭisaṃvasitabbato taṅkhaṇikāti vuccati, muhuttikāti attho. Tassāpi ‘‘muhuttikā bhavissasī’’ti evaṃ purisamatiṃ ārocentassa saṅghādiseso. Etenevupāyena ‘‘muhuttiko bhavissasī’’ti evaṃ purisassa itthimatiṃ ārocentopi saṅghādisesaṃ āpajjatīti veditabbo.
๓๐๓. อิทานิ ‘‘อิตฺถิยา วา ปุริสมติ’’นฺติ เอตฺถ อธิเปฺปตา อิตฺถิโย ปเภทโต ทเสฺสตฺวา ตาสุ สญฺจริตฺตวเสน อาปตฺติเภทํ ทเสฺสตุํ ‘‘ทส อิตฺถิโย’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ มาตุรกฺขิตาติ มาตรา รกฺขิตาฯ ยถา ปุริเสน สํวาสํ น กเปฺปติ, เอวํ มาตรา รกฺขิตา, เตนสฺส ปทภาชเนปิ วุตฺตํ – ‘‘มาตา รกฺขติ โคเปติ อิสฺสริยํ กาเรติ วสํ วเตฺตตี’’ติฯ ตตฺถ รกฺขตีติ กตฺถจิ คนฺตุํ น เทติฯ โคเปตีติ ยถา อเญฺญ น ปสฺสนฺติ, เอวํ คุตฺตฎฺฐาเน ฐเปติฯ อิสฺสริยํ กาเรตีติ เสริวิหารมสฺสา นิเสเธนฺตี อภิภวิตฺวา ปวตฺตติฯ วสํ วเตฺตตีติ ‘‘อิทํ กโรหิ, อิทํ มา อกาสี’’ติ เอวํ อตฺตโน วสํ ตสฺสา อุปริ วเตฺตติฯ เอเตนุปาเยน ปิตุรกฺขิตาทโยปิ ญาตพฺพาฯ โคตฺตํ วา ธโมฺม วา น รกฺขติ, สโคเตฺตหิ ปน สหธมฺมิเกหิ จ เอกํ สตฺถารํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิเตหิ เอกคณปริยาปเนฺนหิ จ รกฺขิตา ‘‘โคตฺตรกฺขิตา ธมฺมรกฺขิตา’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา เตสํ ปทานํ ‘‘สโคตฺตา รกฺขนฺตี’’ติอาทินา นเยน ปทภาชนํ วุตฺตํฯ
303. Idāni ‘‘itthiyā vā purisamati’’nti ettha adhippetā itthiyo pabhedato dassetvā tāsu sañcarittavasena āpattibhedaṃ dassetuṃ ‘‘dasa itthiyo’’tiādimāha. Tattha māturakkhitāti mātarā rakkhitā. Yathā purisena saṃvāsaṃ na kappeti, evaṃ mātarā rakkhitā, tenassa padabhājanepi vuttaṃ – ‘‘mātā rakkhati gopeti issariyaṃ kāreti vasaṃ vattetī’’ti. Tattha rakkhatīti katthaci gantuṃ na deti. Gopetīti yathā aññe na passanti, evaṃ guttaṭṭhāne ṭhapeti. Issariyaṃ kāretīti serivihāramassā nisedhentī abhibhavitvā pavattati. Vasaṃ vattetīti ‘‘idaṃ karohi, idaṃ mā akāsī’’ti evaṃ attano vasaṃ tassā upari vatteti. Etenupāyena piturakkhitādayopi ñātabbā. Gottaṃ vā dhammo vā na rakkhati, sagottehi pana sahadhammikehi ca ekaṃ satthāraṃ uddissa pabbajitehi ekagaṇapariyāpannehi ca rakkhitā ‘‘gottarakkhitā dhammarakkhitā’’ti vuccati, tasmā tesaṃ padānaṃ ‘‘sagottā rakkhantī’’tiādinā nayena padabhājanaṃ vuttaṃ.
สห อารเกฺขนาติ สารกฺขาฯ สห ปริทเณฺฑนาติ สปริทณฺฑาฯ ตาสํ นิเทฺทสา ปากฎาวฯ อิมาสุ ทสสุ ปจฺฉิมานํ ทฺวินฺนเมว ปุริสนฺตรํ คจฺฉนฺตีนํ มิจฺฉาจาโร โหติ, น อิตราสํฯ
Saha ārakkhenāti sārakkhā. Saha paridaṇḍenāti saparidaṇḍā. Tāsaṃ niddesā pākaṭāva. Imāsu dasasu pacchimānaṃ dvinnameva purisantaraṃ gacchantīnaṃ micchācāro hoti, na itarāsaṃ.
ธนกฺกีตาทีสุ อเปฺปน วา พหุนา วา ธเนน กีตา ธนกฺกีตาฯ ยสฺมา ปน สา น กีตมตฺตา เอว สํวาสตฺถาย ปน กีตตฺตา ภริยา, ตสฺมาสฺส นิเทฺทเส ธเนน กิณิตฺวา วาเสตีติ วุตฺตํฯ
Dhanakkītādīsu appena vā bahunā vā dhanena kītā dhanakkītā. Yasmā pana sā na kītamattā eva saṃvāsatthāya pana kītattā bhariyā, tasmāssa niddese dhanena kiṇitvā vāsetīti vuttaṃ.
ฉเนฺทน อตฺตโน รุจิยา วสตีติ ฉนฺทวาสินีฯ ยสฺมา ปน สา น อตฺตโน ฉนฺทมเตฺตเนว ภริยา โหติ ปุริเสน ปน สมฺปฎิจฺฉิตตฺตา, ตสฺมาสฺส นิเทฺทเส ‘‘ปิโย ปิยํ วาเสตี’’ติ วุตฺตํฯ
Chandena attano ruciyā vasatīti chandavāsinī. Yasmā pana sā na attano chandamatteneva bhariyā hoti purisena pana sampaṭicchitattā, tasmāssa niddese ‘‘piyo piyaṃ vāsetī’’ti vuttaṃ.
โภเคน วสตีติ โภควาสินีฯ อุทุกฺขลมุสลาทิฆรูปกรณํ ลภิตฺวา ภริยาภาวํ คจฺฉนฺติยา ชนปทิตฺถิยา เอตํ อธิวจนํฯ
Bhogena vasatīti bhogavāsinī. Udukkhalamusalādigharūpakaraṇaṃ labhitvā bhariyābhāvaṃ gacchantiyā janapaditthiyā etaṃ adhivacanaṃ.
ปเฎน วสตีติ ปฎวาสินีฯ นิวาสนมตฺตมฺปิ ปาวุรณมตฺตมฺปิ ลภิตฺวา ภริยาภาวํ อุปคจฺฉนฺติยา ทลิทฺทิตฺถิยา เอตํ อธิวจนํฯ
Paṭena vasatīti paṭavāsinī. Nivāsanamattampi pāvuraṇamattampi labhitvā bhariyābhāvaṃ upagacchantiyā dalidditthiyā etaṃ adhivacanaṃ.
โอทปตฺตกินีติ อุภินฺนํ เอกิสฺสา อุทกปาติยา หเตฺถ โอตาเรตฺวา ‘‘อิทํ อุทกํ วิย สํสฎฺฐา อเภชฺชา โหถา’’ติ วตฺวา ปริคฺคหิตาย โวหารนามเมตํ, นิเทฺทเสปิสฺส ‘‘ตาย สห อุทกปตฺตํ อามสิตฺวา ตํ วาเสตี’’ติ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Odapattakinīti ubhinnaṃ ekissā udakapātiyā hatthe otāretvā ‘‘idaṃ udakaṃ viya saṃsaṭṭhā abhejjā hothā’’ti vatvā pariggahitāya vohāranāmametaṃ, niddesepissa ‘‘tāya saha udakapattaṃ āmasitvā taṃ vāsetī’’ti evamattho veditabbo.
โอภฎํ โอโรปิตํ จุมฺพฎมสฺสาติ โอภฎจุมฺพฎา, กฎฺฐหาริกาทีนํ อญฺญตรา, ยสฺสา สีสโต จุมฺพฎํ โอโรเปตฺวา ฆเร วาเสติ, ตสฺสา เอตํ อธิวจนํฯ
Obhaṭaṃ oropitaṃ cumbaṭamassāti obhaṭacumbaṭā, kaṭṭhahārikādīnaṃ aññatarā, yassā sīsato cumbaṭaṃ oropetvā ghare vāseti, tassā etaṃ adhivacanaṃ.
ทาสี จาติ อตฺตโนเยว ทาสี จ โหติ ภริยา จฯ
Dāsī cāti attanoyeva dāsī ca hoti bhariyā ca.
กมฺมการี นาม เคเห ภติยา กมฺมํ กโรติ, ตาย สทฺธิํ โกจิ ฆราวาสํ กเปฺปติ อตฺตโน ภริยาย อนตฺถิโก หุตฺวาฯ อยํ วุจฺจติ ‘‘กมฺมการี จ ภริยา จา’’ติฯ
Kammakārī nāma gehe bhatiyā kammaṃ karoti, tāya saddhiṃ koci gharāvāsaṃ kappeti attano bhariyāya anatthiko hutvā. Ayaṃ vuccati ‘‘kammakārī ca bhariyā cā’’ti.
ธเชน อาหฎา ธชาหฎา, อุสฺสิตทฺธชาย เสนาย คนฺตฺวา ปรวิสยํ วิลุมฺปิตฺวา อานีตาติ วุตฺตํ โหติ, ตํ โกจิ ภริยํ กโรติ, อยํ ธชาหฎา นามฯ มุหุตฺติกา วุตฺตนยาเอว, เอตาสํ ทสนฺนมฺปิ ปุริสนฺตรคมเน มิจฺฉาจาโร โหติฯ ปุริสานํ ปน วีสติยาปิ เอตาสุ มิจฺฉาจาโร โหติ, ภิกฺขุโน จ สญฺจริตฺตํ โหตีติฯ
Dhajena āhaṭā dhajāhaṭā, ussitaddhajāya senāya gantvā paravisayaṃ vilumpitvā ānītāti vuttaṃ hoti, taṃ koci bhariyaṃ karoti, ayaṃ dhajāhaṭā nāma. Muhuttikā vuttanayāeva, etāsaṃ dasannampi purisantaragamane micchācāro hoti. Purisānaṃ pana vīsatiyāpi etāsu micchācāro hoti, bhikkhuno ca sañcarittaṃ hotīti.
๓๐๕. อิทานิ ปุริโส ภิกฺขุํ ปหิณตีติอาทีสุ ปฎิคฺคณฺหาตีติ โส ภิกฺขุ ตสฺส ปุริสสฺส ‘‘คจฺฉ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนามํ มาตุรกฺขิตํ พฺรูหิ, โหหิ กิร อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา ธนกฺกีตา’’ติ เอวํ วุตฺตวจนํ ‘‘สาธุ อุปาสกา’’ติ วา ‘‘โหตู’’ติ วา ‘‘อาโรเจสฺสามี’’ติ วา เยน เกนจิ อากาเรน วจีเภทํ กตฺวา วา สีสกมฺปนาทีหิ วา สมฺปฎิจฺฉติฯ วีมํสตีติ เอวํ ปฎิคฺคณฺหิตฺวา ตสฺสา อิตฺถิยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ สาสนํ อาโรเจติฯ ปจฺจาหรตีติ เตน อาโรจิเต สา อิตฺถี ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉตุ วา ปฎิกฺขิปตุ วา ลชฺชาย วา ตุณฺหี โหตุ, ปุน อาคนฺตฺวา ตสฺส ปุริสสฺส ตํ ปวตฺติํ อาโรเจติฯ
305. Idāni puriso bhikkhuṃ pahiṇatītiādīsu paṭiggaṇhātīti so bhikkhu tassa purisassa ‘‘gaccha, bhante, itthannāmaṃ māturakkhitaṃ brūhi, hohi kira itthannāmassa bhariyā dhanakkītā’’ti evaṃ vuttavacanaṃ ‘‘sādhu upāsakā’’ti vā ‘‘hotū’’ti vā ‘‘ārocessāmī’’ti vā yena kenaci ākārena vacībhedaṃ katvā vā sīsakampanādīhi vā sampaṭicchati. Vīmaṃsatīti evaṃ paṭiggaṇhitvā tassā itthiyā santikaṃ gantvā taṃ sāsanaṃ āroceti. Paccāharatīti tena ārocite sā itthī ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchatu vā paṭikkhipatu vā lajjāya vā tuṇhī hotu, puna āgantvā tassa purisassa taṃ pavattiṃ āroceti.
เอตฺตาวตา อิมาย ปฎิคฺคหณาโรจนปจฺจาหรณสงฺขาตาย ติวงฺคสมฺปตฺติยา สงฺฆาทิเสโส โหติฯ สา ปน ตสฺส ภริยา โหตุ วา มา วา, อการณเมตํฯ สเจ ปน โส มาตุรกฺขิตาย สนฺติกํ เปสิโต ตํ อทิสฺวา ตสฺสา มาตุยา ตํ สาสนํ อาโรเจติ, พหิทฺธา วิมฎฺฐํ นาม โหติ, ตสฺมา วิสเงฺกตนฺติ มหาปทุมเตฺถโร อาหฯ มหาสุมเตฺถโร ปน มาตา วา โหตุ ปิตา วา อนฺตมโส เคหทาสีปิ อโญฺญ วาปิ โย โกจิ ตํ กิริยํ สมฺปาเทสฺสติ, ตสฺส วุเตฺตปิ วิมฎฺฐํ นาม น โหติ, ติวงฺคสมฺปตฺติกาเล อาปตฺติเยวฯ
Ettāvatā imāya paṭiggahaṇārocanapaccāharaṇasaṅkhātāya tivaṅgasampattiyā saṅghādiseso hoti. Sā pana tassa bhariyā hotu vā mā vā, akāraṇametaṃ. Sace pana so māturakkhitāya santikaṃ pesito taṃ adisvā tassā mātuyā taṃ sāsanaṃ āroceti, bahiddhā vimaṭṭhaṃ nāma hoti, tasmā visaṅketanti mahāpadumatthero āha. Mahāsumatthero pana mātā vā hotu pitā vā antamaso gehadāsīpi añño vāpi yo koci taṃ kiriyaṃ sampādessati, tassa vuttepi vimaṭṭhaṃ nāma na hoti, tivaṅgasampattikāle āpattiyeva.
นนุ ยถา ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติ วตฺตุกาโม วิรชฺฌิตฺวา ‘‘ธมฺมํ ปจฺจกฺขามี’’ติ วเทยฺย ปจฺจกฺขาตาวสฺส สิกฺขาฯ ยถา วา ‘‘ปฐมํ ฌานํ สมาปชฺชามี’’ติ วตฺตุกาโม วิรชฺฌิตฺวา ‘‘ทุติยํ ฌานํ สมาปชฺชามี’’ติ วเทยฺย อาปโนฺนวสฺส ปาราชิกํฯ เอวํสมฺปทมิทนฺติ อาหฯ ตํ ปเนตํ ‘‘ปฎิคฺคณฺหาติ, อเนฺตวาสิํ วีมํสาเปตฺวา อตฺตนา ปจฺจาหรติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ อิมินา สเมติ, ตสฺมา สุภาสิตํฯ
Nanu yathā ‘‘buddhaṃ paccakkhāmī’’ti vattukāmo virajjhitvā ‘‘dhammaṃ paccakkhāmī’’ti vadeyya paccakkhātāvassa sikkhā. Yathā vā ‘‘paṭhamaṃ jhānaṃ samāpajjāmī’’ti vattukāmo virajjhitvā ‘‘dutiyaṃ jhānaṃ samāpajjāmī’’ti vadeyya āpannovassa pārājikaṃ. Evaṃsampadamidanti āha. Taṃ panetaṃ ‘‘paṭiggaṇhāti, antevāsiṃ vīmaṃsāpetvā attanā paccāharati, āpatti saṅghādisesassā’’ti iminā sameti, tasmā subhāsitaṃ.
ยถา จ ‘‘มาตุรกฺขิตํ พฺรูหี’’ติ วุตฺตสฺส คนฺตฺวา ตสฺสา อาโรเจตุํ สมตฺถานํ มาตาทีนมฺปิ วทโต วิสเงฺกโต นตฺถิ, เอวเมว ‘‘โหหิ กิร อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา ธนกฺกีตา’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘โหหิ กิร อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา ฉนฺทวาสินี’’ติ เอวํ ปาฬิยํ วุเตฺตสุ ฉนฺทวาสินิอาทีสุ วจเนสุ อญฺญตรวเสน วา อวุเตฺตสุปิ ‘‘โหหิ กิร อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา ชายา ปชาปติ ปุตฺตมาตา ฆรณี ฆรสามินี ภตฺตรนฺธิกา สุสฺสูสิกา ปริจาริกา’’ติเอวมาทีสุ สํวาสปริทีปเกสุ วจเนสุ อญฺญตรวเสน วา วทนฺตสฺสาปิ วิสเงฺกโต นตฺถิ ติวงฺคสมฺปตฺติยา อาปตฺติเยวฯ ‘‘มาตุรกฺขิตํ พฺรูหี’’ติ เปสิตสฺส ปน คนฺตฺวา อญฺญาสุ ปิตุรกฺขิตาทีสุ อญฺญตรํ วทนฺตสฺส วิสเงฺกตํฯ เอส นโย ‘‘ปิตุรกฺขิตํ พฺรูหี’’ติอาทีสุปิฯ
Yathā ca ‘‘māturakkhitaṃ brūhī’’ti vuttassa gantvā tassā ārocetuṃ samatthānaṃ mātādīnampi vadato visaṅketo natthi, evameva ‘‘hohi kira itthannāmassa bhariyā dhanakkītā’’ti vattabbe ‘‘hohi kira itthannāmassa bhariyā chandavāsinī’’ti evaṃ pāḷiyaṃ vuttesu chandavāsiniādīsu vacanesu aññataravasena vā avuttesupi ‘‘hohi kira itthannāmassa bhariyā jāyā pajāpati puttamātā gharaṇī gharasāminī bhattarandhikā sussūsikā paricārikā’’tievamādīsu saṃvāsaparidīpakesu vacanesu aññataravasena vā vadantassāpi visaṅketo natthi tivaṅgasampattiyā āpattiyeva. ‘‘Māturakkhitaṃ brūhī’’ti pesitassa pana gantvā aññāsu piturakkhitādīsu aññataraṃ vadantassa visaṅketaṃ. Esa nayo ‘‘piturakkhitaṃ brūhī’’tiādīsupi.
เกวลเญฺหตฺถ เอกมูลกทุมูลกาทิวเสน ‘‘ปุริสสฺส มาตา ภิกฺขุํ ปหิณติ, มาตุรกฺขิตาย มาตา ภิกฺขุํ ปหิณตี’’ติ เอวมาทีนํ มูลฎฺฐานญฺจ วเสน เปยฺยาลเภโทเยว วิเสโส ฯ โสปิ ปุเพฺพ วุตฺตนยตฺตา ปาฬิอนุสาเรเนว สกฺกา ชานิตุนฺติ นาสฺส วิภาคํ ทเสฺสตุํ อาทรํ กริมฺหฯ
Kevalañhettha ekamūlakadumūlakādivasena ‘‘purisassa mātā bhikkhuṃ pahiṇati, māturakkhitāya mātā bhikkhuṃ pahiṇatī’’ti evamādīnaṃ mūlaṭṭhānañca vasena peyyālabhedoyeva viseso . Sopi pubbe vuttanayattā pāḷianusāreneva sakkā jānitunti nāssa vibhāgaṃ dassetuṃ ādaraṃ karimha.
๓๓๘. ปฎิคฺคณฺหาตีติอาทีสุ ปน ทฺวีสุ จตุเกฺกสุ ปฐมจตุเกฺก อาทิปเทน ติวงฺคสมฺปตฺติยา สงฺฆาทิเสโส, มเชฺฌ ทฺวีหิ ทุวงฺคสมฺปตฺติยา ถุลฺลจฺจยํ, อเนฺต เอเกน เอกงฺคสมฺปตฺติยา ทุกฺกฎํฯ ทุติยจตุเกฺก อาทิปเทน ทุวงฺคสมฺปตฺติยา ถุลฺลจฺจยํ, มเชฺฌ ทฺวีหิ เอกงฺคสมฺปตฺติยา ทุกฺกฎํ, อเนฺต เอเกน องฺคาภาวโต อนาปตฺติฯ ตตฺถ ปฎิคฺคณฺหาตีติ อาณาปกสฺส สาสนํ ปฎิคฺคณฺหาติฯ วีมํสตีติ ปหิตฎฺฐานํ คนฺตฺวา ตํ อาโรเจติฯ ปจฺจาหรตีติ ปุน อาคนฺตฺวา มูลฎฺฐสฺส อาโรเจติฯ
338. Paṭiggaṇhātītiādīsu pana dvīsu catukkesu paṭhamacatukke ādipadena tivaṅgasampattiyā saṅghādiseso, majjhe dvīhi duvaṅgasampattiyā thullaccayaṃ, ante ekena ekaṅgasampattiyā dukkaṭaṃ. Dutiyacatukke ādipadena duvaṅgasampattiyā thullaccayaṃ, majjhe dvīhi ekaṅgasampattiyā dukkaṭaṃ, ante ekena aṅgābhāvato anāpatti. Tattha paṭiggaṇhātīti āṇāpakassa sāsanaṃ paṭiggaṇhāti. Vīmaṃsatīti pahitaṭṭhānaṃ gantvā taṃ āroceti. Paccāharatīti puna āgantvā mūlaṭṭhassa āroceti.
น ปจฺจาหรตีติ อาโรเจตฺวา เอโตฺตว ปกฺกมติฯ ปฎิคฺคณฺหาติ น วีมํสตีติ ปุริเสน ‘‘อิตฺถนฺนามํ คนฺตฺวา พฺรูหี’’ติ วุจฺจมาโน ‘‘สาธู’’ติ ตสฺส สาสนํ ปฎิคฺคณฺหิตฺวา ตํ ปมุสฺสิตฺวา วา อปฺปมุสฺสิตฺวา วา อเญฺญน กรณีเยน ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา กิญฺจิเทว กถํ กเถโนฺต นิสีทติ, เอตฺตาวตา ‘‘ปฎิคฺคณฺหาติ น วีมํสติ นามา’’ติ วุจฺจติฯ อถ นํ สา อิตฺถี สยเมว วทติ ‘‘ตุมฺหากํ กิร อุปฎฺฐาโก มํ เคเห กาตุกาโม’’ติ เอวํ วตฺวา จ ‘‘อหํ ตสฺส ภริยา ภวิสฺสามี’’ติ วา ‘‘น ภวิสฺสามี’’ติ วา วทติฯ โส ตสฺสา วจนํ อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฎิโกฺกสิตฺวา ตุณฺหีภูโตว อุฎฺฐายาสนา ตสฺส ปุริสสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺติํ อาโรเจติ, เอตฺตาวตา ‘‘น วีมํสติ ปจฺจาหรติ นามา’’ติ วุจฺจติฯ น วีมํสติ น ปจฺจาหรตีติ เกวลํ สาสนาโรจนกาเล ปฎิคฺคณฺหาติเยว, อิตรํ ปน ทฺวยํ น กโรติฯ
Na paccāharatīti ārocetvā ettova pakkamati. Paṭiggaṇhāti na vīmaṃsatīti purisena ‘‘itthannāmaṃ gantvā brūhī’’ti vuccamāno ‘‘sādhū’’ti tassa sāsanaṃ paṭiggaṇhitvā taṃ pamussitvā vā appamussitvā vā aññena karaṇīyena tassā santikaṃ gantvā kiñcideva kathaṃ kathento nisīdati, ettāvatā ‘‘paṭiggaṇhāti na vīmaṃsati nāmā’’ti vuccati. Atha naṃ sā itthī sayameva vadati ‘‘tumhākaṃ kira upaṭṭhāko maṃ gehe kātukāmo’’ti evaṃ vatvā ca ‘‘ahaṃ tassa bhariyā bhavissāmī’’ti vā ‘‘na bhavissāmī’’ti vā vadati. So tassā vacanaṃ anabhinanditvā appaṭikkositvā tuṇhībhūtova uṭṭhāyāsanā tassa purisassa santikaṃ āgantvā taṃ pavattiṃ āroceti, ettāvatā ‘‘na vīmaṃsati paccāharati nāmā’’ti vuccati. Na vīmaṃsati na paccāharatīti kevalaṃ sāsanārocanakāle paṭiggaṇhātiyeva, itaraṃ pana dvayaṃ na karoti.
น ปฎิคฺคณฺหาติ วีมํสติ ปจฺจาหรตีติ โกจิ ปุริโส ภิกฺขุสฺส ฐิตฎฺฐาเน วา นิสินฺนฎฺฐาเน วา ตถารูปิํ กถํ กเถติ, ภิกฺขุ เตน อปฺปหิโตปิ ปหิโต วิย หุตฺวา อิตฺถิยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘โหหิ กิร อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา’’ติอาทินา นเยน วีมํสิตฺวา ตสฺสา รุจิํ วา อรุจิํ วา ปุน อาคนฺตฺวา อิมสฺส อาโรเจติฯ เตเนว นเยน วีมํสิตฺวา อปจฺจาหรโนฺต ‘‘น ปฎิคฺคณฺหาติ วีมํสติ น ปจฺจาหรตี’’ติ วุจฺจติฯ เตเนว นเยน คโต อวีมํสิตฺวา ตาย สมุฎฺฐาปิตํ กถํ สุตฺวา ปฐมจตุกฺกสฺส ตติยปเท วุตฺตนเยน อาคนฺตฺวา อิมสฺส อาโรเจโนฺต ‘‘น ปฎิคฺคณฺหาติ น วีมํสติ ปจฺจาหรตี’’ติ วุจฺจติฯ จตุตฺถปทํ ปากฎเมวฯ
Na paṭiggaṇhāti vīmaṃsati paccāharatīti koci puriso bhikkhussa ṭhitaṭṭhāne vā nisinnaṭṭhāne vā tathārūpiṃ kathaṃ katheti, bhikkhu tena appahitopi pahito viya hutvā itthiyā santikaṃ gantvā ‘‘hohi kira itthannāmassa bhariyā’’tiādinā nayena vīmaṃsitvā tassā ruciṃ vā aruciṃ vā puna āgantvā imassa āroceti. Teneva nayena vīmaṃsitvā apaccāharanto ‘‘na paṭiggaṇhāti vīmaṃsati na paccāharatī’’ti vuccati. Teneva nayena gato avīmaṃsitvā tāya samuṭṭhāpitaṃ kathaṃ sutvā paṭhamacatukkassa tatiyapade vuttanayena āgantvā imassa ārocento ‘‘na paṭiggaṇhāti na vīmaṃsati paccāharatī’’ti vuccati. Catutthapadaṃ pākaṭameva.
สมฺพหุเล ภิกฺขู อาณาเปตีติอาทินยา ปากฎาเยวฯ ยถา ปน สมฺพหุลาปิ เอกวตฺถุมฺหิ อาปชฺชนฺติ, เอวํ เอกสฺสปิ สมฺพหุลวตฺถูสุ สมฺพหุลา อาปตฺติโย เวทิตพฺพาฯ กถํ? ปุริโส ภิกฺขุํ อาณาเปติ ‘‘คจฺฉ, ภเนฺต, อสุกสฺมิํ นาม ปาสาเท สฎฺฐิมตฺตา วา สตฺตติมตฺตา วา อิตฺถิโย ฐิตา ตา วเทหิ, โหถ กิร อิตฺถนฺนามสฺส ภริยาโย’’ติฯ โส สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา อาโรเจตฺวา ปุน ตํ สาสนํ ปจฺจาหรติฯ ยตฺตกา อิตฺถิโย ตตฺตกา อาปตฺติโย อาปชฺชติฯ วุตฺตเญฺหตํ ปริวาเรปิ –
Sambahule bhikkhū āṇāpetītiādinayā pākaṭāyeva. Yathā pana sambahulāpi ekavatthumhi āpajjanti, evaṃ ekassapi sambahulavatthūsu sambahulā āpattiyo veditabbā. Kathaṃ? Puriso bhikkhuṃ āṇāpeti ‘‘gaccha, bhante, asukasmiṃ nāma pāsāde saṭṭhimattā vā sattatimattā vā itthiyo ṭhitā tā vadehi, hotha kira itthannāmassa bhariyāyo’’ti. So sampaṭicchitvā tattha gantvā ārocetvā puna taṃ sāsanaṃ paccāharati. Yattakā itthiyo tattakā āpattiyo āpajjati. Vuttañhetaṃ parivārepi –
‘‘ปทวีติหารมเตฺตน, วาจาย ภณิเตน จ;
‘‘Padavītihāramattena, vācāya bhaṇitena ca;
สพฺพานิ ครุกานิ สปฺปฎิกมฺมานิ;
Sabbāni garukāni sappaṭikammāni;
จตุสฎฺฐิ อาปตฺติโย อาปเชฺชยฺย เอกโต;
Catusaṭṭhi āpattiyo āpajjeyya ekato;
ปญฺหาเมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติฯ (ปริ. ๔๘๐);
Pañhāmesā kusalehi cintitā’’ti. (pari. 480);
อิมํ กิร อตฺถวสํ ปฎิจฺจ อยํ ปโญฺห วุโตฺตฯ วจนสิลิฎฺฐตาย เจตฺถ ‘‘จตุสฎฺฐิ อาปตฺติโย’’ติ วุตฺตํฯ เอวํ กโรโนฺต ปน สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ อาปชฺชตีติฯ ยถา จ เอเกน เปสิตสฺส เอกสฺส สมฺพหุลาสุ อิตฺถีสุ สมฺพหุลา อาปตฺติโย, เอวํ เอโก ปุริโส สมฺพหุเล ภิกฺขู เอกิสฺสา สนฺติกํ เปเสติ, สเพฺพสํ สงฺฆาทิเสโสฯ เอโก สมฺพหุเล ภิกฺขู สมฺพหุลานํ อิตฺถีนํ สนฺติกํ เปเสติ, อิตฺถิคณนาย สงฺฆาทิเสสาฯ สมฺพหุลา ปุริสา เอกํ ภิกฺขุํ เอกิสฺสา สนฺติกํ เปเสนฺติ, ปุริสคณนาย สงฺฆาทิเสสาฯ สมฺพหุลา เอกํ สมฺพหุลานํ อิตฺถีนํ สนฺติกํ เปเสนฺติ, วตฺถุคณนาย สงฺฆาทิเสสาฯ สมฺพหุลา สมฺพหุเล เอกิสฺสา สนฺติกํ เปเสนฺติ, วตฺถุคณนาย สงฺฆาทิเสสาฯ สมฺพหุลา ปุริสา สมฺพหุเล ภิกฺขู สมฺพหุลานํ อิตฺถีนํ สนฺติกํ เปเสนฺติ, วตฺถุคณนาย สงฺฆาทิเสสาฯ เอส นโย ‘‘เอกา อิตฺถี เอกํ ภิกฺขุ’’นฺติอาทีสุปิฯ เอตฺถ จ สภาควิภาคตา นาม อปฺปมาณํ, มาตาปิตุนมฺปิ ปญฺจสหธมฺมิกานมฺปิ สญฺจริตฺตกมฺมํ กโรนฺตสฺส อาปตฺติเยวฯ
Imaṃ kira atthavasaṃ paṭicca ayaṃ pañho vutto. Vacanasiliṭṭhatāya cettha ‘‘catusaṭṭhi āpattiyo’’ti vuttaṃ. Evaṃ karonto pana satampi sahassampi āpajjatīti. Yathā ca ekena pesitassa ekassa sambahulāsu itthīsu sambahulā āpattiyo, evaṃ eko puriso sambahule bhikkhū ekissā santikaṃ peseti, sabbesaṃ saṅghādiseso. Eko sambahule bhikkhū sambahulānaṃ itthīnaṃ santikaṃ peseti, itthigaṇanāya saṅghādisesā. Sambahulā purisā ekaṃ bhikkhuṃ ekissā santikaṃ pesenti, purisagaṇanāya saṅghādisesā. Sambahulā ekaṃ sambahulānaṃ itthīnaṃ santikaṃ pesenti, vatthugaṇanāya saṅghādisesā. Sambahulā sambahule ekissā santikaṃ pesenti, vatthugaṇanāya saṅghādisesā. Sambahulā purisā sambahule bhikkhū sambahulānaṃ itthīnaṃ santikaṃ pesenti, vatthugaṇanāya saṅghādisesā. Esa nayo ‘‘ekā itthī ekaṃ bhikkhu’’ntiādīsupi. Ettha ca sabhāgavibhāgatā nāma appamāṇaṃ, mātāpitunampi pañcasahadhammikānampi sañcarittakammaṃ karontassa āpattiyeva.
ปุริโส ภิกฺขุํ อาณาเปติ คจฺฉ ภเนฺตติ จตุกฺกํ องฺควเสน อาปตฺติเภท ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ตสฺส ปจฺฉิมปเท อเนฺตวาสี วีมํสิตฺวา พหิทฺธา ปจฺจาหรตีติ อาคนฺตฺวา อาจริยสฺส อนาโรเจตฺวา เอโตฺตว คนฺตฺวา ตสฺส ปุริสสฺส อาโรเจติฯ อาปตฺติ อุภินฺนํ ถุลฺลจฺจยสฺสาติ อาจริยสฺส ปฎิคฺคหิตตฺตา จ วีมํสาปิตตฺตา จ ทฺวีหเงฺคหิ ถุลฺลจฺจยํ, อเนฺตวาสิกสฺส วีมํสิตตฺตา จ ปจฺจาหฎตฺตา จ ทฺวีหเงฺคหิ ถุลฺลจฺจยํฯ เสสํ ปากฎเมวฯ
Purisobhikkhuṃ āṇāpeti gaccha bhanteti catukkaṃ aṅgavasena āpattibheda dassanatthaṃ vuttaṃ. Tassa pacchimapade antevāsī vīmaṃsitvā bahiddhā paccāharatīti āgantvā ācariyassa anārocetvā ettova gantvā tassa purisassa āroceti. Āpatti ubhinnaṃ thullaccayassāti ācariyassa paṭiggahitattā ca vīmaṃsāpitattā ca dvīhaṅgehi thullaccayaṃ, antevāsikassa vīmaṃsitattā ca paccāhaṭattā ca dvīhaṅgehi thullaccayaṃ. Sesaṃ pākaṭameva.
๓๓๙. คจฺฉโนฺต สมฺปาเทตีติ ปฎิคฺคณฺหาติ เจว วีมํสติ จฯ อาคจฺฉโนฺต วิสํวาเทตีติ น ปจฺจาหรติฯ คจฺฉโนฺต วิสํวาเทตีติ น ปฎิคฺคณฺหาติฯ อาคจฺฉโนฺต สมฺปาเทตีติ วีมํสติ เจว ปจฺจาหรติ จฯ เอวํ อุภยตฺถ ทฺวีหเงฺคหิ ถุลฺลจฺจยํฯ ตติยปเท อาปตฺติ, จตุเตฺถ อนาปตฺติฯ
339.Gacchanto sampādetīti paṭiggaṇhāti ceva vīmaṃsati ca. Āgacchanto visaṃvādetīti na paccāharati. Gacchanto visaṃvādetīti na paṭiggaṇhāti. Āgacchanto sampādetīti vīmaṃsati ceva paccāharati ca. Evaṃ ubhayattha dvīhaṅgehi thullaccayaṃ. Tatiyapade āpatti, catutthe anāpatti.
๓๔๐. อนาปตฺติ สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา คิลานสฺส วา กรณีเยน คจฺฉติ อุมฺมตฺตกสฺส อาทิกมฺมิกสฺสาติ เอตฺถ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสถาคารํ วา กิญฺจิ วา วิปฺปกตํ โหติฯ ตตฺถ การุกานํ ภตฺตเวตนตฺถาย อุปาสโก วา อุปาสิกาย สนฺติกํ ภิกฺขุํ ปหิเณยฺย, อุํปาสิกา วา อุปาสกสฺส, เอวรูเปน สงฺฆสฺส กรณีเยน คจฺฉนฺตสฺส อนาปตฺติฯ เจติยกเมฺม กยิรมาเนปิ เอเสว นโยฯ คิลานสฺส เภสชฺชตฺถายปิ อุปาสเกน วา อุปาสิกาย สนฺติกํ อุปาสิกาย วา อุปาสกสฺส สนฺติกํ ปหิตสฺส คจฺฉโต อนาปตฺติฯ อุมฺมตฺตกอาทิกมฺมิกา วุตฺตนยา เอวฯ
340.Anāpatti saṅghassa vā cetiyassa vā gilānassa vā karaṇīyena gacchati ummattakassa ādikammikassāti ettha bhikkhusaṅghassa uposathāgāraṃ vā kiñci vā vippakataṃ hoti. Tattha kārukānaṃ bhattavetanatthāya upāsako vā upāsikāya santikaṃ bhikkhuṃ pahiṇeyya, uṃpāsikā vā upāsakassa, evarūpena saṅghassa karaṇīyena gacchantassa anāpatti. Cetiyakamme kayiramānepi eseva nayo. Gilānassa bhesajjatthāyapi upāsakena vā upāsikāya santikaṃ upāsikāya vā upāsakassa santikaṃ pahitassa gacchato anāpatti. Ummattakaādikammikā vuttanayā eva.
ปทภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Padabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
สมุฎฺฐานาทีสุ อิทํ สิกฺขาปทํ ฉสมุฎฺฐานํ, สีสุกฺขิปนาทินา กายวิกาเรน สาสนํ คเหตฺวา คนฺตฺวา หตฺถมุทฺทาย วีมํสิตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา หตฺถมุทฺทาย เอว อาโรเจนฺตสฺส กายโต สมุฎฺฐาติฯ อาสนสาลาย นิสินฺนสฺส ‘‘อิตฺถนฺนามา อาคมิสฺสติ, ตสฺสา จิตฺตํ ชาเนยฺยาถา’’ติ เกนจิ วุเตฺต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตํ อาคตํ วตฺวา ตสฺสา คตาย ปุน ตสฺมิํ ปุริเส อาคเต อาโรเจนฺตสฺส วาจโต สมุฎฺฐาติฯ วาจาย ‘‘สาธู’’ติ สาสนํ คเหตฺวา อเญฺญน กรณีเยน ตสฺสา ฆรํ คนฺตฺวา อญฺญตฺถ วา คมนกาเล ตํ ทิสฺวา วจีเภเทเนว วีมํสิตฺวา ปุน อเญฺญเนว กรณีเยน ตโต อปกฺกมฺม กทาจิเทว ตํ ปุริสํ ทิสฺวา อาโรเจนฺตสฺสาปิ วาจโตว สมุฎฺฐาติฯ ปณฺณตฺติํ อชานนฺตสฺส ปน ขีณาสวสฺสาปิ กายวาจโต สมุฎฺฐาติฯ กถํ? สเจ หิสฺส มาตาปิตโร กุชฺฌิตฺวา อลํวจนียา โหนฺติ, ตญฺจ ภิกฺขุํ ฆรํ อุปคตํ เถรปิตา วทติ ‘‘มาตา เต ตาต มํ มหลฺลกํ ฉเฑฺฑตฺวา ญาติกุลํ คตา, คจฺฉ ตํ มํ อุปฎฺฐาตุํ เปเสหี’’ติฯ โส เจ คนฺตฺวา ตํ วตฺวา ปุน ปิตุโน ตสฺสา อาคมนํ วา อนาคมนํ วา อาโรเจติ, สงฺฆาทิเสโสฯ อิมานิ ตีณิ อจิตฺตกสมุฎฺฐานานิฯ
Samuṭṭhānādīsu idaṃ sikkhāpadaṃ chasamuṭṭhānaṃ, sīsukkhipanādinā kāyavikārena sāsanaṃ gahetvā gantvā hatthamuddāya vīmaṃsitvā puna āgantvā hatthamuddāya eva ārocentassa kāyato samuṭṭhāti. Āsanasālāya nisinnassa ‘‘itthannāmā āgamissati, tassā cittaṃ jāneyyāthā’’ti kenaci vutte ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā taṃ āgataṃ vatvā tassā gatāya puna tasmiṃ purise āgate ārocentassa vācato samuṭṭhāti. Vācāya ‘‘sādhū’’ti sāsanaṃ gahetvā aññena karaṇīyena tassā gharaṃ gantvā aññattha vā gamanakāle taṃ disvā vacībhedeneva vīmaṃsitvā puna aññeneva karaṇīyena tato apakkamma kadācideva taṃ purisaṃ disvā ārocentassāpi vācatova samuṭṭhāti. Paṇṇattiṃ ajānantassa pana khīṇāsavassāpi kāyavācato samuṭṭhāti. Kathaṃ? Sace hissa mātāpitaro kujjhitvā alaṃvacanīyā honti, tañca bhikkhuṃ gharaṃ upagataṃ therapitā vadati ‘‘mātā te tāta maṃ mahallakaṃ chaḍḍetvā ñātikulaṃ gatā, gaccha taṃ maṃ upaṭṭhātuṃ pesehī’’ti. So ce gantvā taṃ vatvā puna pituno tassā āgamanaṃ vā anāgamanaṃ vā āroceti, saṅghādiseso. Imāni tīṇi acittakasamuṭṭhānāni.
ปณฺณตฺติํ ปน ชานิตฺวา เอเตเหว ตีหิ นเยหิ สญฺจริตฺตํ สมาปชฺชโต กายจิตฺตโต วาจาจิตฺตโต กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติฯ อิมานิ ตีณิ ปณฺณตฺติชานนจิเตฺตน สจิตฺตกสมุฎฺฐานานิฯ กิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, กุสลาทิวเสน เจตฺถ ตีณิ จิตฺตานิ, สุขาทิวเสน ติโสฺส เวทนาติฯ
Paṇṇattiṃ pana jānitvā eteheva tīhi nayehi sañcarittaṃ samāpajjato kāyacittato vācācittato kāyavācācittato ca samuṭṭhāti. Imāni tīṇi paṇṇattijānanacittena sacittakasamuṭṭhānāni. Kiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, kusalādivasena cettha tīṇi cittāni, sukhādivasena tisso vedanāti.
๓๔๑. วินีตวตฺถูสุ อาทิโต วตฺถุปญฺจเก ปฎิคฺคหิตมตฺตตฺตา ทุกฺกฎํฯ
341. Vinītavatthūsu ādito vatthupañcake paṭiggahitamattattā dukkaṭaṃ.
กลหวตฺถุสฺมิํ สโมฺมทนียํ อกาสีติ ตํ สญฺญาเปตฺวา ปุน เคหคมนียํ
Kalahavatthusmiṃ sammodanīyaṃ akāsīti taṃ saññāpetvā puna gehagamanīyaṃ
อกาสิฯ นาลํวจนียาติ น ปริจฺจตฺตาติ อโตฺถฯ ยา หิ ยถา ยถา เยสุ เยสุ ชนปเทสุ ปริจฺจตฺตา ปริจฺจตฺตาว โหติ, ภริยาภาวํ อติกฺกมติ, อยํ ‘‘อลํวจนียา’’ติ วุจฺจติฯ เอสา ปน น อลํวจนียา เกนจิเทว การเณน กลหํ กตฺวา คตา, เตเนเวตฺถ ภควา ‘‘อนาปตฺตี’’ติ อาหฯ ยสฺมา ปน กายสํสเคฺค ยกฺขิยา ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํ, ตสฺมา ทุฎฺฐุลฺลาทีสุปิ ยกฺขิเปติโย ถุลฺลจฺจยวตฺถุเมวาติ เวทิตพฺพาฯ อฎฺฐกถาสุ ปเนตํ น วิจาริตํฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
Akāsi. Nālaṃvacanīyāti na pariccattāti attho. Yā hi yathā yathā yesu yesu janapadesu pariccattā pariccattāva hoti, bhariyābhāvaṃ atikkamati, ayaṃ ‘‘alaṃvacanīyā’’ti vuccati. Esā pana na alaṃvacanīyā kenacideva kāraṇena kalahaṃ katvā gatā, tenevettha bhagavā ‘‘anāpattī’’ti āha. Yasmā pana kāyasaṃsagge yakkhiyā thullaccayaṃ vuttaṃ, tasmā duṭṭhullādīsupi yakkhipetiyo thullaccayavatthumevāti veditabbā. Aṭṭhakathāsu panetaṃ na vicāritaṃ. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.
สญฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sañcarittasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๕. สญฺจริตฺตสิกฺขาปทํ • 5. Sañcarittasikkhāpadaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๕. สญฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Sañcarittasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā
๕. สญฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Sañcarittasikkhāpadavaṇṇanā
ปทภาชนียวณฺณนา • Padabhājanīyavaṇṇanā
วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๕. สญฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Sañcarittasikkhāpadavaṇṇanā