Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๕. สญฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Sañcarittasikkhāpadavaṇṇanā
สญฺจรณํ สญฺจโร, โส เอตสฺส อตฺถีติ สญฺจรี, สญฺจรณสีโลติ วา สญฺจรี, ตสฺส ภาโว สญฺจริตฺตํ, สญฺจรณนฺติ อโตฺถฯ ตญฺจ ปรโต ‘‘อิตฺถิยา วา ปุริสมติ’’นฺติอาทิวจนโต อิตฺถิปุริสานํ เวมเชฺฌติ อาห ‘‘อิตฺถิปุริสานํ อนฺตเร สญฺจรณภาว’’นฺติฯ ปฎิคฺคณฺหนวีมํสนปจฺจาหรณานีติ เอตฺถ ปฎิคฺคณฺหนํ นาม ปุริเสน วา อิตฺถิยา วา อุภินฺนํ มาตาทีหิ วา ‘‘ภเนฺต, อิตฺถนฺนามํ อิตฺถิํ วา ปุริสํ วา เอวํ ภณาหี’’ติ วุเตฺต เตสํ วจนํ ‘‘สาธู’’ติ วา ‘‘โหตู’’ติ วา ‘‘ภณามี’’ติ วา เยน เกนจิ อากาเรน วจีเภทํ กตฺวา, สีสกมฺปนาทีหิ วา สมฺปฎิจฺฉนํฯ วีมํสนํ นาม วุตฺตปฺปกาเรน สาสนํ คเหตฺวา ตสฺสา อิตฺถิยา วา ปุริสสฺส วา เตสํ อวสฺสํ อาโรจนกานํ มาตาปิตุภาตาภคินิอาทีนํ วา สนฺติกํ คนฺตฺวา ตสฺส สาสนสฺส อาโรจนํฯ ปจฺจาหรณํ นาม เตน คนฺตฺวา อาโรจิเต สา อิตฺถี วา ปุริโส วา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉตุ วา, มา วา, ลชฺชาย วา ตุณฺหี โหตุ, ปุน อาคนฺตฺวา ตสฺสา อิตฺถิยา วา ปุริสสฺส วา ตสฺสา ปวตฺติยา อาโรจนํฯ อาปเชฺชยฺยาติ ปฎิปเชฺชยฺยฯ
Sañcaraṇaṃ sañcaro, so etassa atthīti sañcarī, sañcaraṇasīloti vā sañcarī, tassa bhāvo sañcarittaṃ, sañcaraṇanti attho. Tañca parato ‘‘itthiyā vā purisamati’’ntiādivacanato itthipurisānaṃ vemajjheti āha ‘‘itthipurisānaṃ antare sañcaraṇabhāva’’nti. Paṭiggaṇhanavīmaṃsanapaccāharaṇānīti ettha paṭiggaṇhanaṃ nāma purisena vā itthiyā vā ubhinnaṃ mātādīhi vā ‘‘bhante, itthannāmaṃ itthiṃ vā purisaṃ vā evaṃ bhaṇāhī’’ti vutte tesaṃ vacanaṃ ‘‘sādhū’’ti vā ‘‘hotū’’ti vā ‘‘bhaṇāmī’’ti vā yena kenaci ākārena vacībhedaṃ katvā, sīsakampanādīhi vā sampaṭicchanaṃ. Vīmaṃsanaṃ nāma vuttappakārena sāsanaṃ gahetvā tassā itthiyā vā purisassa vā tesaṃ avassaṃ ārocanakānaṃ mātāpitubhātābhaginiādīnaṃ vā santikaṃ gantvā tassa sāsanassa ārocanaṃ. Paccāharaṇaṃ nāma tena gantvā ārocite sā itthī vā puriso vā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchatu vā, mā vā, lajjāya vā tuṇhī hotu, puna āgantvā tassā itthiyā vā purisassa vā tassā pavattiyā ārocanaṃ. Āpajjeyyāti paṭipajjeyya.
อิตฺถิยา วา ปุริสมติํ ปุริสสฺส วา อิตฺถิมตินฺติ เอตฺถ ‘‘อาโรเจยฺยา’’ติ ปาฐเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ เตเนวาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิฯ ชายาภาเวติ ภริยาภาเวฯ ชารภาเวติ ปติภาเว, นิมิตฺตเตฺถ เจตํ ภุมฺมวจนํฯ ตสฺมา ภริยาภาวนิมิตฺตํ ปติภาวนิมิตฺตํ, ภริยาภาวเหตุ ปติภาวเหตุ, ภริยาภาวปจฺจยา ปติภาวปจฺจยา อาโรเจตีติ อโตฺถฯ เอส นโย ‘‘ชายตฺตเน อาโรเจตี’’ติอาทีสุปิฯ ‘‘ชายตฺตเน วา ชารตฺตเน วา’’ติ หิ อิทํ ยทตฺถํ ตํ เตสํ มติํ อาโรเจติ , ตํ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ อิทานิ ปน ปทภาชนิยํ (ปารา. ๓๐๒) วุตฺตนเยนาปิ อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาหฯ กิญฺจาปิ อิตฺถิลิงฺควเสน ปทภาชนิยํ วุตฺตํ, ‘‘ชายตฺตเน วา ชารตฺตเน วา’’ติ ปน นิเทฺทสสฺส อุภยลิงฺคสาธารณตฺตา ปุริสลิงฺควเสนาปิ โยเชตฺวา วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘เอเตเนว อุปาเยนา’’ติอาทิฯ มุหุตฺติกาติ คณิกาฯ ‘‘อนฺตมโส ตงฺขณิกายปี’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตนฺติ อาห ‘‘เอเตเนว อุปาเยนา’’ติอาทิฯ
Itthiyā vā purisamatiṃ purisassa vā itthimatinti ettha ‘‘āroceyyā’’ti pāṭhaseso daṭṭhabbo. Tenevāha ‘‘tatthā’’tiādi. Jāyābhāveti bhariyābhāve. Jārabhāveti patibhāve, nimittatthe cetaṃ bhummavacanaṃ. Tasmā bhariyābhāvanimittaṃ patibhāvanimittaṃ, bhariyābhāvahetu patibhāvahetu, bhariyābhāvapaccayā patibhāvapaccayā ārocetīti attho. Esa nayo ‘‘jāyattane ārocetī’’tiādīsupi. ‘‘Jāyattane vā jārattane vā’’ti hi idaṃ yadatthaṃ taṃ tesaṃ matiṃ āroceti , taṃ dassanatthaṃ vuttaṃ. Idāni pana padabhājaniyaṃ (pārā. 302) vuttanayenāpi atthaṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādimāha. Kiñcāpi itthiliṅgavasena padabhājaniyaṃ vuttaṃ, ‘‘jāyattane vā jārattane vā’’ti pana niddesassa ubhayaliṅgasādhāraṇattā purisaliṅgavasenāpi yojetvā vattabbanti āha ‘‘eteneva upāyenā’’tiādi. Muhuttikāti gaṇikā. ‘‘Antamaso taṅkhaṇikāyapī’’ti idaṃ nidassanamattanti āha ‘‘eteneva upāyenā’’tiādi.
อญฺญตฺร นาลํวจนียายาติ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๓๓๙-๓๔๐) เทสจาริตฺตวเสน ปณฺณทานาทินา อปริจฺจตฺตํ ฐเปตฺวาฯ สญฺจริตฺตวเสน ภิกฺขุนา วจนียา น โหตีติ นาลํวจนียา, ตํ ฐเปตฺวาติ เกจิฯ อเปฺปน วา พหุนา วา ธเนน กีตา ธนกฺกีตาฯ ยสฺมา ปน สา น กีตมตฺตาเยว ภริยา, สํวาสตฺถาย ปน กีตตฺตา ภริยา, ตสฺมาสฺส นิเทฺทเส ‘‘ธเนน กิณิตฺวา วาเสตี’’ติ (ปารา. ๓๐๔) วุตฺตํฯ ฉนฺทวาสินีติ ฉเนฺทน อตฺตโน รุจิยา วสตีติ ฉนฺทวาสินีฯ ยสฺมา ปน สา น อตฺตโน ฉนฺทมเตฺตเนว ภริยา โหติ, ปุริเสน ปน สมฺปฎิจฺฉิตตฺตา, ตสฺมาสฺส นิเทฺทเส ‘‘ปิโย ปิยํ วาเสตี’’ติ (ปารา. ๓๐๔) วุตฺตํฯ อาทิสเทฺทน ‘‘โภควาสินี, ปฎวาสินี, โอทปตฺตกินี, โอภฎจุมฺพฎา, ทาสี จ ภริยา จ, กมฺมการี จ ภริยา จ, ธชาหฎา, มุหุตฺติกา’’ติ (ปารา. ๓๐๔) อิเมสํ อฎฺฐนฺนํ อาการานํ คหณํฯ ยถา จ ‘‘ฉนฺทวาสินี’’ติอาทีสุ อญฺญตรวเสน วทโต วิสเงฺกโต นตฺถิ, เอวํ ปาฬิยํ อวุเตฺตสุปิ ‘‘โหหิ กิร อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา, ชายา, ปชาปติ, ปุตฺตมาตา, ฆรณี, ฆรสามินี, ภตฺตรนฺธิกา, สุสฺสูสิกา, ปริจาริกา’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๓๐๕) เอวมาทีสุ สํวาสปริทีปเกสุ วจเนสุ อญฺญตรวเสน วทนฺตสฺสาปิ วิสเงฺกโต นตฺถิ, ติวงฺคสมฺปตฺติยา อาปตฺติเยวฯ
Aññatranālaṃvacanīyāyāti (sārattha. ṭī. 2.339-340) desacārittavasena paṇṇadānādinā apariccattaṃ ṭhapetvā. Sañcarittavasena bhikkhunā vacanīyā na hotīti nālaṃvacanīyā, taṃ ṭhapetvāti keci. Appena vā bahunā vā dhanena kītā dhanakkītā. Yasmā pana sā na kītamattāyeva bhariyā, saṃvāsatthāya pana kītattā bhariyā, tasmāssa niddese ‘‘dhanena kiṇitvā vāsetī’’ti (pārā. 304) vuttaṃ. Chandavāsinīti chandena attano ruciyā vasatīti chandavāsinī. Yasmā pana sā na attano chandamatteneva bhariyā hoti, purisena pana sampaṭicchitattā, tasmāssa niddese ‘‘piyo piyaṃ vāsetī’’ti (pārā. 304) vuttaṃ. Ādisaddena ‘‘bhogavāsinī, paṭavāsinī, odapattakinī, obhaṭacumbaṭā, dāsī ca bhariyā ca, kammakārī ca bhariyā ca, dhajāhaṭā, muhuttikā’’ti (pārā. 304) imesaṃ aṭṭhannaṃ ākārānaṃ gahaṇaṃ. Yathā ca ‘‘chandavāsinī’’tiādīsu aññataravasena vadato visaṅketo natthi, evaṃ pāḷiyaṃ avuttesupi ‘‘hohi kira itthannāmassa bhariyā, jāyā, pajāpati, puttamātā, gharaṇī, gharasāminī, bhattarandhikā, sussūsikā, paricārikā’’ti (pārā. aṭṭha. 2.305) evamādīsu saṃvāsaparidīpakesu vacanesu aññataravasena vadantassāpi visaṅketo natthi, tivaṅgasampattiyā āpattiyeva.
มาตุรกฺขิตํ พฺรูหีติ เอตฺถ มาตุรกฺขิตา นาม มาตรา รกฺขิตา, ยถา ปุริเสน สห สํวาสํ น กเปฺปติ, เอวํ มาตรา รกฺขิตาติ อโตฺถฯ เตเนวสฺส ปทภาชเนปิ ‘‘มาตา รกฺขติ โคเปติ, อิสฺสริยํ กาเรติ, วสํ วเตฺตตี’’ติ (ปารา. ๓๐๔) วุตฺตํฯ ปิตุรกฺขิตาทีสูติ ‘‘ปิตุรกฺขิตา, มาตาปิตุรกฺขิตา, ภาตุรกฺขิตา, ภคินิรกฺขิตา, ญาติรกฺขิตา, โคตฺตรกฺขิตา, ธมฺมรกฺขิตา, สารกฺขา, สปริทณฺฑา’’ติ (ปารา. ๓๐๓) เอวํ วุเตฺตสุ ปิตุรกฺขิตาทีสุฯ ยถา จ เอตฺถ, เอวํ ‘‘ปิตุรกฺขิตํ พฺรูหี’’ติอาทีสุปิ นโย เวทิตโพฺพฯ
Māturakkhitaṃ brūhīti ettha māturakkhitā nāma mātarā rakkhitā, yathā purisena saha saṃvāsaṃ na kappeti, evaṃ mātarā rakkhitāti attho. Tenevassa padabhājanepi ‘‘mātā rakkhati gopeti, issariyaṃ kāreti, vasaṃ vattetī’’ti (pārā. 304) vuttaṃ. Piturakkhitādīsūti ‘‘piturakkhitā, mātāpiturakkhitā, bhāturakkhitā, bhaginirakkhitā, ñātirakkhitā, gottarakkhitā, dhammarakkhitā, sārakkhā, saparidaṇḍā’’ti (pārā. 303) evaṃ vuttesu piturakkhitādīsu. Yathā ca ettha, evaṃ ‘‘piturakkhitaṃ brūhī’’tiādīsupi nayo veditabbo.
สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา คิลานสฺส วา กิเจฺจน คจฺฉนฺตสฺสาติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๓๔๐) เอตฺถ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสถาคารํ วา กิญฺจิ วา วิปฺปกตํ โหติฯ ตตฺถ การุกานํ ภตฺตเวตนตฺถาย อุปาสโก วา อุปาสิกาย สนฺติกํ ภิกฺขุํ ปหิเณยฺย, อุปาสิกา วา อุปาสกสฺส, เอวรูเปน สงฺฆกิเจฺจน คจฺฉนฺตสฺส อนาปตฺติฯ เจติยกเมฺม กริยมาเนปิ เอเสว นโยฯ คิลานสฺส เภสชฺชตฺถายปิ อุปาสเกน วา อุปาสิกาย สนฺติกํ, อุปาสิกาย วา อุปาสกสฺส สนฺติกํ ปหิตสฺส คจฺฉโต อนาปตฺติฯ
Saṅghassa vā cetiyassa vā gilānassa vā kiccena gacchantassāti (pārā. aṭṭha. 2.340) ettha bhikkhusaṅghassa uposathāgāraṃ vā kiñci vā vippakataṃ hoti. Tattha kārukānaṃ bhattavetanatthāya upāsako vā upāsikāya santikaṃ bhikkhuṃ pahiṇeyya, upāsikā vā upāsakassa, evarūpena saṅghakiccena gacchantassa anāpatti. Cetiyakamme kariyamānepi eseva nayo. Gilānassa bhesajjatthāyapi upāsakena vā upāsikāya santikaṃ, upāsikāya vā upāsakassa santikaṃ pahitassa gacchato anāpatti.
กิญฺจาปิ เอตฺถ ‘‘อิตฺถี นาม มนุสฺสิตฺถี, น ยกฺขี น เปตี น ติรจฺฉานคตาฯ ปุริโส นาม มนุสฺสปุริโส, น ยโกฺข’’ติอาทิ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๓๔๑) นตฺถิ, ตถาปิ มนุสฺสชาติกาว อิตฺถิปุริสา อิธ อธิเปฺปตาติ อาห ‘‘เตสํ มนุสฺสชาติกตา’’ติฯ นนาลํวจนียตาติ ยถาวุตฺตนเยน ปริจฺจตฺตา อลํวจนียาฯ นิวารณโตฺถ หิ เอตฺถ อลํ-สโทฺทฯ น อลํวจนียา นาลํวจนียา, น นาลํวจนียา, ตสฺสา ภาโว นนาลํวจนียตา, ‘‘อลํวจนียตา’’อิเจฺจว วุตฺตํ โหติฯ
Kiñcāpi ettha ‘‘itthī nāma manussitthī, na yakkhī na petī na tiracchānagatā. Puriso nāma manussapuriso, na yakkho’’tiādi (sārattha. ṭī. 2.341) natthi, tathāpi manussajātikāva itthipurisā idha adhippetāti āha ‘‘tesaṃ manussajātikatā’’ti. Nanālaṃvacanīyatāti yathāvuttanayena pariccattā alaṃvacanīyā. Nivāraṇattho hi ettha alaṃ-saddo. Na alaṃvacanīyā nālaṃvacanīyā, na nālaṃvacanīyā, tassā bhāvo nanālaṃvacanīyatā, ‘‘alaṃvacanīyatā’’icceva vuttaṃ hoti.
ปณฺณตฺตินฺติ, อิมํ สิกฺขาปทํฯ กายวิกาเรนาติ สีสุกฺขิปนาทิกายวิกาเรนฯ ตเถว วีมํสิตฺวา ตเถว ปจฺจาหรนฺตสฺสาติ หตฺถมุทฺทาทินา กายวิกาเรน วีมํสิตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา ตเถว อาโรเจนฺตสฺสฯ อาคมิสฺสตีติ ตว สนฺติเก ธมฺมสฺสวนาทิอตฺถํ อาคมิสฺสติฯ เกนจิ วุเตฺตติ อาสนสาลาทีสุ นิสินฺนสฺส เกนจิ ปุริเสน วุเตฺตฯ สเจ หิ ขีณาสวสฺส มาตาปิตโร กุชฺฌิตฺวา อลํวจนียา โหนฺติ, ตญฺจ ภิกฺขุํ ฆรํ อุปคตํ ปิตา วทติ ‘‘มาตา เต, ตาต, มํ มหลฺลกํ ฉเฑฺฑตฺวา ญาติกุลํ คตา, คจฺฉ นํ มํ อุปฎฺฐาตุํ เปเสหี’’ติฯ โส เจ คนฺตฺวา ตํ วตฺวา ปุน ปิตุโน ตสฺสา อาคมนํ วา อนาคมนํ วา อาโรเจติ, เอวํ อาโรเจนฺตสฺส ตสฺสปิ กายวาจโต สมุฎฺฐาติฯ เตนาห ‘‘ปณฺณตฺติํ อชานนฺตสฺส ปนา’’ติอาทิฯ ขีณาสวสฺสปีติ เอตฺถ ปิ-สเทฺทน เสกฺขปุถุชฺชนานํ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทีเปติฯ ปิตุวจเนนาติ อตฺตโน ปิตุวจเนนฯ คนฺตฺวาติ ตสฺสา สมีปํ คนฺตฺวาฯ ปณฺณตฺติํ, อลํวจนียภาวญฺจาติ อุภยํ อชานนฺตสฺสปิ กายวาจโต สมุฎฺฐาติฯ ตทุภยนฺติ ปณฺณตฺติํ, อลํวจนียภาวญฺจฯ ยํ ปน ปณฺณตฺติํ ชานิตฺวา เอเตเหว ตีหิ นเยหิ สญฺจริตฺตํ สมาปชฺชโต กายจิตฺตโต, วาจาจิตฺตโต, กายวาจาจิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติฯ อิมานิ ตีณิ ปณฺณตฺติชานนจิเตฺตน ‘‘สจิตฺตกสมุฎฺฐานานี’’ติ วุตฺตํ, ตํ อยุตฺตํฯ น หิ ปณฺณตฺติํ ชานิตฺวาปิ ‘‘นาลํวจนียา’’ติ มญฺญมานสฺส สจิตฺตเกหิ สมุฎฺฐาเนหิ อาปตฺติ สมุฎฺฐาตีติ วตฺตุํ ยุชฺชติ วีติกฺกมเจตนาย อสมฺภวโตฯ
Paṇṇattinti, imaṃ sikkhāpadaṃ. Kāyavikārenāti sīsukkhipanādikāyavikārena. Tatheva vīmaṃsitvā tatheva paccāharantassāti hatthamuddādinā kāyavikārena vīmaṃsitvā puna āgantvā tatheva ārocentassa. Āgamissatīti tava santike dhammassavanādiatthaṃ āgamissati. Kenaci vutteti āsanasālādīsu nisinnassa kenaci purisena vutte. Sace hi khīṇāsavassa mātāpitaro kujjhitvā alaṃvacanīyā honti, tañca bhikkhuṃ gharaṃ upagataṃ pitā vadati ‘‘mātā te, tāta, maṃ mahallakaṃ chaḍḍetvā ñātikulaṃ gatā, gaccha naṃ maṃ upaṭṭhātuṃ pesehī’’ti. So ce gantvā taṃ vatvā puna pituno tassā āgamanaṃ vā anāgamanaṃ vā āroceti, evaṃ ārocentassa tassapi kāyavācato samuṭṭhāti. Tenāha ‘‘paṇṇattiṃ ajānantassa panā’’tiādi. Khīṇāsavassapīti ettha pi-saddena sekkhaputhujjanānaṃ vattabbameva natthīti dīpeti. Pituvacanenāti attano pituvacanena. Gantvāti tassā samīpaṃ gantvā. Paṇṇattiṃ, alaṃvacanīyabhāvañcāti ubhayaṃ ajānantassapi kāyavācato samuṭṭhāti. Tadubhayanti paṇṇattiṃ, alaṃvacanīyabhāvañca. Yaṃ pana paṇṇattiṃ jānitvā eteheva tīhi nayehi sañcarittaṃ samāpajjato kāyacittato, vācācittato, kāyavācācittato ca samuṭṭhāti. Imāni tīṇi paṇṇattijānanacittena ‘‘sacittakasamuṭṭhānānī’’ti vuttaṃ, taṃ ayuttaṃ. Na hi paṇṇattiṃ jānitvāpi ‘‘nālaṃvacanīyā’’ti maññamānassa sacittakehi samuṭṭhānehi āpatti samuṭṭhātīti vattuṃ yujjati vītikkamacetanāya asambhavato.
สญฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Sañcarittasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.