Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    ๕. สญฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา

    5. Sañcarittasikkhāpadavaṇṇanā

    ๒๙๖. ปญฺจเม ปณฺฑิตสฺส ภาโว ปณฺฑิจฺจํ, ญาณเสฺสตํ อธิวจนํฯ คติมนฺตาติ ญาณคติยา สมนฺนาคตาฯ ปณฺฑิตาติ อิมินา สภาวญาเณน สมนฺนาคตตา วุตฺตา, พฺยตฺตาติ อิมินา อิตฺถิกตฺตเพฺพสุ วิสารทปญฺญายฯ เตนาห ‘‘อุปายญฺญู วิสารทา’’ติฯ เมธาวินีติ ฐานุปฺปตฺติปญฺญาสงฺขาตาย ตสฺมิํ ตสฺมิํ อตฺถกิเจฺจ อุปฎฺฐิเต ฐานโส ตงฺขเณ เอว อุปฺปชฺชนปญฺญาย สมนฺนาคตาฯ เตนาห ‘‘ทิฎฺฐํ ทิฎฺฐํ กโรตี’’ติฯ เฉกาติ ยาคุภตฺตสมฺปาทนาทีสุ นิปุณาฯ อุฎฺฐานวีริยสมฺปนฺนาติ กายิเกน วีริเยน สมนฺนาคตา, ยถา อญฺญา กุสีตา นิสินฺนฎฺฐาเน นิสินฺนาว โหนฺติ, ฐิตฎฺฐาเน ฐิตาว, เอวํ อหุตฺวา วิปฺผาริเกน จิเตฺตน สพฺพกิจฺจํ นิปฺผาเทตีติ วุตฺตํ โหติฯ กุมาริกายาติ นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมํ, เหตุมฺหิ วา กรณวจนํฯ เตนาห ‘‘กุมาริกาย การณา’’ติฯ อาวหนํ อาวาโห, ปริคฺคหภาเวน ทาริกาย คณฺหาปนํ, ตถา ทาปนํ วิวาโหฯ เตนาห ‘‘ทารกสฺสา’’ติอาทิฯ

    296. Pañcame paṇḍitassa bhāvo paṇḍiccaṃ, ñāṇassetaṃ adhivacanaṃ. Gatimantāti ñāṇagatiyā samannāgatā. Paṇḍitāti iminā sabhāvañāṇena samannāgatatā vuttā, byattāti iminā itthikattabbesu visāradapaññāya. Tenāha ‘‘upāyaññū visāradā’’ti. Medhāvinīti ṭhānuppattipaññāsaṅkhātāya tasmiṃ tasmiṃ atthakicce upaṭṭhite ṭhānaso taṅkhaṇe eva uppajjanapaññāya samannāgatā. Tenāha ‘‘diṭṭhaṃ diṭṭhaṃ karotī’’ti. Chekāti yāgubhattasampādanādīsu nipuṇā. Uṭṭhānavīriyasampannāti kāyikena vīriyena samannāgatā, yathā aññā kusītā nisinnaṭṭhāne nisinnāva honti, ṭhitaṭṭhāne ṭhitāva, evaṃ ahutvā vipphārikena cittena sabbakiccaṃ nipphādetīti vuttaṃ hoti. Kumārikāyāti nimittatthe bhummaṃ, hetumhi vā karaṇavacanaṃ. Tenāha ‘‘kumārikāya kāraṇā’’ti. Āvahanaṃ āvāho, pariggahabhāvena dārikāya gaṇhāpanaṃ, tathā dāpanaṃ vivāho. Tenāha ‘‘dārakassā’’tiādi.

    ๒๙๗-๒๙๘. ภตฺตปาจนํ สนฺธาย รนฺธาปนํ วุตฺตํ, ยสฺส กสฺสจิ ปาจนํ สนฺธาย ปจาปนํ วุตฺตํฯ ทุฎฺฐุํ กุลํ คตา ทุคฺคตาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยตฺถ วา คตา’’ติอาทิมาหฯ อาหรณํ อาหาโรน อุปาหฎนฺติ น ทินฺนํฯ กโย คหณํ, วิกฺกโย ทานํฯ ตทุภยํ สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘โวหาโร’’ติ วุตฺตํฯ มณฺฑิตปสาธิโตติ เอตฺถ พาหิรุปกรเณน อลงฺกรณํ มณฺฑนํ, อชฺฌตฺติกานํ เกสาทีนํเยว สณฺฐปนํ ปสาธนํ

    297-298. Bhattapācanaṃ sandhāya randhāpanaṃ vuttaṃ, yassa kassaci pācanaṃ sandhāya pacāpanaṃ vuttaṃ. Duṭṭhuṃ kulaṃ gatā duggatāti imamatthaṃ dassento ‘‘yattha vā gatā’’tiādimāha. Āharaṇaṃ āhāro. Na upāhaṭanti na dinnaṃ. Kayo gahaṇaṃ, vikkayo dānaṃ. Tadubhayaṃ saṅgaṇhitvā ‘‘vohāro’’ti vuttaṃ. Maṇḍitapasādhitoti ettha bāhirupakaraṇena alaṅkaraṇaṃ maṇḍanaṃ, ajjhattikānaṃ kesādīnaṃyeva saṇṭhapanaṃ pasādhanaṃ.

    ๓๐๐. ‘‘อพฺภุตํ กาตุํ น วฎฺฎตี’’ติ อิมินา ทุกฺกฎํ โหตีติ ทีเปติฯ ‘‘ปราชิเตน ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตตฺตา อเทโนฺต ธุรนิเกฺขเปน กาเรตโพฺพฯ อจิรกาเล อธิกาโร เอตสฺส อตฺถีติ อจิรกาลาธิการิกํ, สญฺจริตฺตํฯ ‘‘อจิรกาลาจาริก’’นฺติ วา ปาโฐ, อจิรกาเล อาจาโร อชฺฌาจาโร เอตสฺสาติ อจิรกาลาจาริกํ

    300. ‘‘Abbhutaṃ kātuṃ na vaṭṭatī’’ti iminā dukkaṭaṃ hotīti dīpeti. ‘‘Parājitena dātabba’’nti vuttattā adento dhuranikkhepena kāretabbo. Acirakāle adhikāro etassa atthīti acirakālādhikārikaṃ, sañcarittaṃ. ‘‘Acirakālācārika’’nti vā pāṭho, acirakāle ācāro ajjhācāro etassāti acirakālācārikaṃ.

    กิญฺจาปิ เอหิภิกฺขูปสมฺปนฺนา เจว สรณคมนูปสมฺปนฺนา จ สญฺจริตฺตาทิปณฺณตฺติวชฺชํ อาปตฺติํ อาปชฺชนฺติ, เตสํ ปน น สพฺพกาลิกตฺตา เต วเชฺชตฺวา สพฺพกาลานุรูปํ ตนฺติํ ฐเปโนฺต ภควา อิธาปิ ญตฺติจตุเตฺถเนว กเมฺมน อุปสมฺปนฺนํ ภิกฺขุํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺร ยฺวายํ ภิกฺขุ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขู’’ติ ปทภาชนํ อาห, น ปน เนสํ สญฺจริตฺตาทิอาปชฺชเน อภพฺพภาวโตฯ ขีณาสวาปิ หิ อปฺปสฺสุตา กิญฺจาปิ โลกวชฺชํ นาปชฺชนฺติ, ปณฺณตฺติยํ ปน อโกวิทตฺตา วิหารการํ กุฎิการํ สหาคารํ สหเสยฺยนฺติ เอวรูปา กายทฺวาเร อาปตฺติโย อาปชฺชนฺติ, สญฺจริตฺตํ ปทโสธมฺมํ อุตฺตริฉปฺปญฺจวาจํ ภูตาโรจนนฺติ เอวรูปา วจีทฺวาเร อาปตฺติโย อาปชฺชนฺติ, อุปนิกฺขิตฺตสาทิยนวเสน มโนทฺวาเร รูปิยปฎิคฺคหณาปตฺติํ อาปชฺชนฺติฯ

    Kiñcāpi ehibhikkhūpasampannā ceva saraṇagamanūpasampannā ca sañcarittādipaṇṇattivajjaṃ āpattiṃ āpajjanti, tesaṃ pana na sabbakālikattā te vajjetvā sabbakālānurūpaṃ tantiṃ ṭhapento bhagavā idhāpi ñatticatuttheneva kammena upasampannaṃ bhikkhuṃ dassetuṃ ‘‘tatra yvāyaṃ bhikkhu…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhū’’ti padabhājanaṃ āha, na pana nesaṃ sañcarittādiāpajjane abhabbabhāvato. Khīṇāsavāpi hi appassutā kiñcāpi lokavajjaṃ nāpajjanti, paṇṇattiyaṃ pana akovidattā vihārakāraṃ kuṭikāraṃ sahāgāraṃ sahaseyyanti evarūpā kāyadvāre āpattiyo āpajjanti, sañcarittaṃ padasodhammaṃ uttarichappañcavācaṃ bhūtārocananti evarūpā vacīdvāre āpattiyo āpajjanti, upanikkhittasādiyanavasena manodvāre rūpiyapaṭiggahaṇāpattiṃ āpajjanti.

    ๓๐๑. สญฺจรณํ สญฺจโร, โส เอตสฺส อตฺถีติ สญฺจรี, ตสฺส ภาโว สญฺจริตฺตํฯ เตนาห ‘‘สญฺจรณภาว’’นฺติ, อิตฺถิปุริสานํ อนฺตเร สญฺจรณภาวนฺติ อโตฺถฯ ชายตฺตเน ชารตฺตเนติ จ นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมํ, ชายภาวตฺถํ ชารภาวตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ชายภาเวติ ภริยภาวายฯ ชารภาเวติ สามิกภาวายฯ กิญฺจาปิ อิมสฺส ปทภาชเน ‘‘ชารี ภวิสฺสสี’’ติ อิตฺถิลิงฺควเสน ปทภาชนํ วุตฺตํ, ชารตฺตเนติ ปน นิเทฺทสสฺส อุภยลิงฺคสาธารณตฺตา ปุริสลิงฺควเสนปิ โยเชตฺวา อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิตฺถิยา มติํ ปุริสสฺส อาโรเจโนฺต ชารตฺตเน อาโรเจตี’’ติอาทิมาหฯ เอตฺถ หิ ‘‘ชาโร ภวิสฺสสี’’ติ อิตฺถิยา มติํ ปุริสสฺส อาโรเจโนฺต ชารตฺตเน อาโรเจติ นามฯ ปาฬิยํ ปน อิตฺถิลิงฺควเสเนว โยชนา กตา, ตทนุสาเรน ปุริสลิงฺควเสนปิ สกฺกา โยเชตุนฺติฯ

    301. Sañcaraṇaṃ sañcaro, so etassa atthīti sañcarī, tassa bhāvo sañcarittaṃ. Tenāha ‘‘sañcaraṇabhāva’’nti, itthipurisānaṃ antare sañcaraṇabhāvanti attho. Jāyattane jārattaneti ca nimittatthe bhummaṃ, jāyabhāvatthaṃ jārabhāvatthanti vuttaṃ hoti. Jāyabhāveti bhariyabhāvāya. Jārabhāveti sāmikabhāvāya. Kiñcāpi imassa padabhājane ‘‘jārī bhavissasī’’ti itthiliṅgavasena padabhājanaṃ vuttaṃ, jārattaneti pana niddesassa ubhayaliṅgasādhāraṇattā purisaliṅgavasenapi yojetvā atthaṃ dassento ‘‘itthiyā matiṃ purisassa ārocento jārattane ārocetī’’tiādimāha. Ettha hi ‘‘jāro bhavissasī’’ti itthiyā matiṃ purisassa ārocento jārattane āroceti nāma. Pāḷiyaṃ pana itthiliṅgavaseneva yojanā katā, tadanusārena purisaliṅgavasenapi sakkā yojetunti.

    อิทานิ ปาฬิยํ วุตฺตนเยนปิ อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาหฯ ปติ ภวิสฺสสีติ วุตฺตเมวตฺถํ ‘‘สามิโก ภวิสฺสสี’’ติ ปริยายวจเนน วิเสเสตฺวา ทเสฺสติฯ อิทญฺจ ชารตฺตเนติ นิเทฺทสสฺส อุภยลิงฺคสาธารณตฺตา วุตฺตํฯ มุหุตฺติกา ภวิสฺสสีติ อสามิกํ สนฺธาย วุตฺตํ, ชารี ภวิสฺสสีติ สสามิกํ สนฺธายฯ อนฺตมโส ตงฺขณิกายปีติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตนฺติ อาห ‘‘เอเตเนวุปาเยนา’’ติอาทิฯ

    Idāni pāḷiyaṃ vuttanayenapi atthaṃ dassento ‘‘apicā’’tiādimāha. Pati bhavissasīti vuttamevatthaṃ ‘‘sāmiko bhavissasī’’ti pariyāyavacanena visesetvā dasseti. Idañca jārattaneti niddesassa ubhayaliṅgasādhāraṇattā vuttaṃ. Muhuttikā bhavissasīti asāmikaṃ sandhāya vuttaṃ, jārī bhavissasīti sasāmikaṃ sandhāya. Antamaso taṅkhaṇikāyapīti idaṃ nidassanamattanti āha ‘‘etenevupāyenā’’tiādi.

    ๓๐๓. เสริวิหารนฺติ สจฺฉนฺทจารํฯ อตฺตโน วสนฺติ อตฺตโน อาณํฯ โคตฺตนฺติ โคตมโคตฺตาทิกํ โคตฺตํฯ ธโมฺมติ ปณฺฑรงฺคปริพฺพาชกาทีนํ, เตสํ เตสํ วา กุลานํ ธโมฺมฯ โคตฺตวเนฺตสุ โคตฺตสโทฺท, ธมฺมจารีสุ จ ธมฺมสโทฺท วตฺตตีติ อาห ‘‘สโคเตฺตหี’’ติอาทิฯ ตตฺถ สโคเตฺตหีติ สมานโคเตฺตหิ, เอกวํสชาเตหีติ อโตฺถฯ สหธมฺมิเกหีติ เอกสฺส สตฺถุสาสเน สหจริตพฺพธเมฺมหิ, สมานกุลธเมฺมหิ วาฯ เตเนวาห ‘‘เอกํ สตฺถาร’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ ‘‘เอกํ สตฺถารํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิเตหี’’ติ อิมินา ปณฺฑรงฺคปริพฺพาชกาทโย วุตฺตา, เอกคณปริยาปเนฺนหีติ มาลาการาทิเอกคณปริยาปเนฺนหิฯ

    303.Serivihāranti sacchandacāraṃ. Attano vasanti attano āṇaṃ. Gottanti gotamagottādikaṃ gottaṃ. Dhammoti paṇḍaraṅgaparibbājakādīnaṃ, tesaṃ tesaṃ vā kulānaṃ dhammo. Gottavantesu gottasaddo, dhammacārīsu ca dhammasaddo vattatīti āha ‘‘sagottehī’’tiādi. Tattha sagottehīti samānagottehi, ekavaṃsajātehīti attho. Sahadhammikehīti ekassa satthusāsane sahacaritabbadhammehi, samānakuladhammehi vā. Tenevāha ‘‘ekaṃ satthāra’’ntiādi. Tattha ‘‘ekaṃ satthāraṃ uddissa pabbajitehī’’ti iminā paṇḍaraṅgaparibbājakādayo vuttā, ekagaṇapariyāpannehīti mālākārādiekagaṇapariyāpannehi.

    สสามิกา สารกฺขาฯ ยสฺสา คมเน รญฺญา ทโณฺฑ ฐปิโต, สา สปริทณฺฑาปจฺฉิมานํ ทฺวินฺนนฺติ สารกฺขสปริทณฺฑานํ มิจฺฉาจาโร โหติ ตาสํ สสามิกภาวโตฯ น อิตราสนฺติ อิตราสํ มาตุรกฺขิตาทีนํ อฎฺฐนฺนํ ปุริสนฺตรคมเน นตฺถิ มิจฺฉาจาโร ตาสํ อสามิกภาวโตฯ ยา หิ สามิกสฺส สนฺตกํ ผสฺสํ เถเนตฺวา ปเรสํ อภิรติํ อุปฺปาเทนฺติ, ตาสํ มิจฺฉาจาโร, น จ มาตาทโย ตาสํ ผเสฺส อิสฺสราฯ มาตาทโย หิ น อตฺตนา ผสฺสานุภวนตฺถํ ตา รกฺขนฺติ, เกวลํ อนาจารํ นิเสเธนฺตา ปุริสนฺตรคมนํ ตาสํ วาเรนฺติฯ ปุริสสฺส ปน เอตาสุ อฎฺฐสุปิ โหติเยว มิจฺฉาจาโร มาตาทีหิ ยถา ปุริเสน สทฺธิํ สํวาสํ น กเปฺปติ, ตถา รกฺขิตตฺตา ปเรสํ รกฺขิตโคปิตํ ผสฺสํ เถเนตฺวา ผุฎฺฐภาวโตฯ

    Sasāmikā sārakkhā. Yassā gamane raññā daṇḍo ṭhapito, sā saparidaṇḍā. Pacchimānaṃ dvinnanti sārakkhasaparidaṇḍānaṃ micchācāro hoti tāsaṃ sasāmikabhāvato. Na itarāsanti itarāsaṃ māturakkhitādīnaṃ aṭṭhannaṃ purisantaragamane natthi micchācāro tāsaṃ asāmikabhāvato. Yā hi sāmikassa santakaṃ phassaṃ thenetvā paresaṃ abhiratiṃ uppādenti, tāsaṃ micchācāro, na ca mātādayo tāsaṃ phasse issarā. Mātādayo hi na attanā phassānubhavanatthaṃ tā rakkhanti, kevalaṃ anācāraṃ nisedhentā purisantaragamanaṃ tāsaṃ vārenti. Purisassa pana etāsu aṭṭhasupi hotiyeva micchācāro mātādīhi yathā purisena saddhiṃ saṃvāsaṃ na kappeti, tathā rakkhitattā paresaṃ rakkhitagopitaṃ phassaṃ thenetvā phuṭṭhabhāvato.

    ธเนน กีตาติ ภริยภาวตฺถํ ธเนน กีตาฯ เตนาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิฯ โภเคนาติ โภคเหตุฯ โภคตฺถญฺหิ วสนฺตี ‘‘โภควาสินี’’ติ วุจฺจติฯ ลภิตฺวาติ โย นํ วาเสติ, ตสฺส หตฺถโต ลภิตฺวาฯ อุทกปตฺตํ อามสิตฺวา คหิตา โอทปตฺตกินีฯ เตนาห ‘‘อุภินฺน’’นฺติอาทิฯ ธเชน อาหฎาติ เอตฺถ ธชโยคโต เสนาว ธชสเทฺทน วุตฺตา, อุสฺสิตทฺธชาย เสนาย อาหฎาติ วุตฺตํ โหติฯ เตนาห ‘‘อุสฺสิตทฺธชายา’’ติอาทิฯ

    Dhanena kītāti bhariyabhāvatthaṃ dhanena kītā. Tenāha ‘‘yasmā panā’’tiādi. Bhogenāti bhogahetu. Bhogatthañhi vasantī ‘‘bhogavāsinī’’ti vuccati. Labhitvāti yo naṃ vāseti, tassa hatthato labhitvā. Udakapattaṃ āmasitvā gahitā odapattakinī. Tenāha ‘‘ubhinna’’ntiādi. Dhajena āhaṭāti ettha dhajayogato senāva dhajasaddena vuttā, ussitaddhajāya senāya āhaṭāti vuttaṃ hoti. Tenāha ‘‘ussitaddhajāyā’’tiādi.

    ๓๐๕. พหิทฺธา วิมฎฺฐํ นาม โหตีติ อญฺญตฺถ อาโรจิตํ นาม โหติฯ ตํ กิริยํ สมฺปาเทสฺสตีติ ตสฺสา อาโรเจตฺวา ตํ กิจฺจํ สมฺปาเทตุ วา มา วา, ตํกิริยาสมฺปาทเน โยคฺยตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ทารกํ ทาริกญฺจ อชานาเปตฺวา เตสํ มาตาปิตุอาทีหิ มาตาปิตุอาทีนํเยว สนฺติกํ สาสเน เปสิเตปิ หรณวีมํสนปจฺจาหรณสงฺขาตาย ติวงฺคสมฺปตฺติยา สงฺฆาทิเสโส โหติเยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ยํ อุทฺทิสฺส สาสนํ เปสิตํ, ตํเยว สนฺธาย ตสฺสา มาตุอาทีนํ อาโรจิเต วตฺถุโน เอกตฺตา มาตุอาทโยปิ เขตฺตเมวาติ เขตฺตเมว โอติณฺณภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทิ อุทาหฎํฯ อิมินา สเมตีติ เอตฺถายมธิปฺปาโย – ยถา สยํ อนาโรเจตฺวา อเญฺญน อเนฺตวาสิอาทินา อาโรจาเปนฺตสฺส วิสเงฺกโต นตฺถิ, เอวํ ตสฺสา สยํ อนาโรเจตฺวา อาโรจนตฺถํ มาตุอาทีนํ วทนฺตสฺสปิ นตฺถิ วิสเงฺกโตติฯ ฆรํ นยตีติ ฆรณีมูลฎฺฐานญฺจ วเสนาติ เอตฺถ ปุริสสฺส มาตุอาทโย สาสนเปสเน มูลภูตตฺตา ‘‘มูลฎฺฐา’’ติ วุจฺจนฺติฯ มาตุรกฺขิตาย มาตา ภิกฺขุํ ปหิณตีติ เอตฺถ อตฺตโน วา ธีตุ สนฺติกํ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา โหตู’’ติ ภิกฺขุํ ปหิณติ, ปุริสสฺส วา สนฺติกํ ‘‘มม ธีตา อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา โหตู’’ติ ปหิณตีติ คเหตพฺพํฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ปุเพฺพ วุตฺตนยตฺตาติ ปฐมสงฺฆาทิเสเส วุตฺตนยตฺตาฯ

    305.Bahiddhā vimaṭṭhaṃ nāma hotīti aññattha ārocitaṃ nāma hoti. Taṃ kiriyaṃ sampādessatīti tassā ārocetvā taṃ kiccaṃ sampādetu vā mā vā, taṃkiriyāsampādane yogyataṃ sandhāya vuttaṃ. Dārakaṃ dārikañca ajānāpetvā tesaṃ mātāpituādīhi mātāpituādīnaṃyeva santikaṃ sāsane pesitepi haraṇavīmaṃsanapaccāharaṇasaṅkhātāya tivaṅgasampattiyā saṅghādiseso hotiyevāti daṭṭhabbaṃ. Yaṃ uddissa sāsanaṃ pesitaṃ, taṃyeva sandhāya tassā mātuādīnaṃ ārocite vatthuno ekattā mātuādayopi khettamevāti khettameva otiṇṇabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘buddhaṃ paccakkhāmī’’tiādi udāhaṭaṃ. Iminā sametīti etthāyamadhippāyo – yathā sayaṃ anārocetvā aññena antevāsiādinā ārocāpentassa visaṅketo natthi, evaṃ tassā sayaṃ anārocetvā ārocanatthaṃ mātuādīnaṃ vadantassapi natthi visaṅketoti. Gharaṃ nayatīti gharaṇī. Mūlaṭṭhānañca vasenāti ettha purisassa mātuādayo sāsanapesane mūlabhūtattā ‘‘mūlaṭṭhā’’ti vuccanti. Māturakkhitāya mātā bhikkhuṃ pahiṇatīti ettha attano vā dhītu santikaṃ ‘‘itthannāmassa bhariyā hotū’’ti bhikkhuṃ pahiṇati, purisassa vā santikaṃ ‘‘mama dhītā itthannāmassa bhariyā hotū’’ti pahiṇatīti gahetabbaṃ. Esa nayo sesesupi. Pubbe vuttanayattāti paṭhamasaṅghādisese vuttanayattā.

    ๓๓๘. เอโตฺตว ปกฺกมตีติ ปุน อาคนฺตฺวา อาณาปกสฺส อนาโรเจตฺวา ตโตเยว ปกฺกมติฯ อเญฺญน กรณีเยนาติ คมนเหตุวิสุทฺธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ เตเนว ปน กรณีเยน คนฺตฺวาปิ กิญฺจิ อนาโรเจโนฺต น วีมํสติ นามฯ อนภินนฺทิตฺวาติ อิทํ ตถา ปฎิปชฺชมานํ สนฺธาย วุตฺตํ, สติปิ อภินนฺทเน สาสนํ อนาโรเจโนฺต ปน น วีมํสติ นามฯ ตติยปเท วุตฺตนเยนาติ ‘‘โส ตสฺสา วจนํ อนภินนฺทิตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตนเยนฯ วตฺถุคณนายาติ สมฺพหุลานํ อิตฺถิปุริสานํ สมภาเว สติ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ อิตฺถิปุริสวตฺถูนํ คณนายฯ สเจ ปน เอกโต อธิกา โหนฺติ, อธิกานํ คณนาย อาปตฺติเภโท เวทิตโพฺพฯ

    338.Ettova pakkamatīti puna āgantvā āṇāpakassa anārocetvā tatoyeva pakkamati. Aññena karaṇīyenāti gamanahetuvisuddhidassanatthaṃ vuttaṃ. Teneva pana karaṇīyena gantvāpi kiñci anārocento na vīmaṃsati nāma. Anabhinanditvāti idaṃ tathā paṭipajjamānaṃ sandhāya vuttaṃ, satipi abhinandane sāsanaṃ anārocento pana na vīmaṃsati nāma. Tatiyapade vuttanayenāti ‘‘so tassā vacanaṃ anabhinanditvā’’tiādinā vuttanayena. Vatthugaṇanāyāti sambahulānaṃ itthipurisānaṃ samabhāve sati dvinnaṃ dvinnaṃ itthipurisavatthūnaṃ gaṇanāya. Sace pana ekato adhikā honti, adhikānaṃ gaṇanāya āpattibhedo veditabbo.

    ๓๓๙-๓๔๐. ปาฬิยํ จตุตฺถวาเร อสติปิ ‘‘คจฺฉโนฺต น สมฺปาเทติ, อาคจฺฉโนฺต วิสํวาเทติ, อนาปตฺตี’’ติ อิทํ อตฺถโต อาปนฺนเมวาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘จตุเตฺถ อนาปตฺตี’’ติฯ การุกานนฺติ วฑฺฒกีอาทีนํฯ ตจฺฉกอโยการตนฺตวายรชกนฺหาปิตกา ปญฺจ การโว ‘‘การุกา’’ติ วุจฺจนฺติฯ เอวรูเปน…เป.… อนาปตฺตีติ ตาทิสํ คิหิเวยฺยาวจฺจมฺปิ น โหตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ

    339-340. Pāḷiyaṃ catutthavāre asatipi ‘‘gacchanto na sampādeti, āgacchanto visaṃvādeti, anāpattī’’ti idaṃ atthato āpannamevāti katvā vuttaṃ ‘‘catutthe anāpattī’’ti. Kārukānanti vaḍḍhakīādīnaṃ. Tacchakaayokāratantavāyarajakanhāpitakā pañca kāravo ‘‘kārukā’’ti vuccanti. Evarūpena…pe… anāpattīti tādisaṃ gihiveyyāvaccampi na hotīti katvā vuttaṃ.

    กายโต สมุฎฺฐาตีติ ปณฺณตฺติํ วา อลํวจนียภาวํ วา อชานนฺตสฺส กายโต สมุฎฺฐาติฯ วาจโต สมุฎฺฐาตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ กายวาจโต สมุฎฺฐาตีติ ปณฺณตฺติํ ชานิตฺวา อลํวจนียภาวํ อชานนฺตสฺสปิ กายวาจโต สมุฎฺฐาตีติ เวทิตพฺพํฯ อลํวจนียา โหนฺตีติ เทสจาริตฺตวเสน ปณฺณทานาทินา ปริจฺจตฺตา โหนฺติฯ ปณฺณตฺติํ ปน ชานิตฺวาติ เอตฺถ อลํวจนียภาวํ วาติ จ ทฎฺฐพฺพํฯ เตเนว มาติกาฎฺฐกถายํ (กงฺขา. อฎฺฐ. สญฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ตทุภยํ ปน ชานิตฺวา เอเตเหว ตีหิ นเยหิ สมาปชฺชนฺตสฺส ตาเนว ตีณิ ตทุภยชานนจิเตฺตน สจิตฺตกานิ โหนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺมา ปณฺณตฺติชานนจิเตฺตนาติ เอตฺถาปิ ตทุภยชานนํ วตฺตพฺพํฯ ภิกฺขุํ อชานาเปตฺวา อตฺตโน อธิปฺปายํ ปเณฺณ ลิขิตฺวา ทินฺนํ หรนฺตสฺสปิ อาปตฺติ โหติ, อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส อจิตฺตกตฺตาติ น คเหตพฺพํฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘อาโรเจตี’’ติ วุตฺตตฺตา อฎฺฐกถายญฺจ ตตฺถ ตตฺถ อาโรจนเสฺสว ทสฺสิตตฺตา กาเยน วา วาจาย วา อาโรเจนฺตเสฺสว อาปตฺติ โหตีติ คเหตพฺพํฯ

    Kāyato samuṭṭhātīti paṇṇattiṃ vā alaṃvacanīyabhāvaṃ vā ajānantassa kāyato samuṭṭhāti. Vācato samuṭṭhātīti etthāpi eseva nayo. Kāyavācato samuṭṭhātīti paṇṇattiṃ jānitvā alaṃvacanīyabhāvaṃ ajānantassapi kāyavācato samuṭṭhātīti veditabbaṃ. Alaṃvacanīyā hontīti desacārittavasena paṇṇadānādinā pariccattā honti. Paṇṇattiṃpana jānitvāti ettha alaṃvacanīyabhāvaṃ vāti ca daṭṭhabbaṃ. Teneva mātikāṭṭhakathāyaṃ (kaṅkhā. aṭṭha. sañcarittasikkhāpadavaṇṇanā) ‘‘tadubhayaṃ pana jānitvā eteheva tīhi nayehi samāpajjantassa tāneva tīṇi tadubhayajānanacittena sacittakāni hontī’’ti vuttaṃ. Tasmā paṇṇattijānanacittenāti etthāpi tadubhayajānanaṃ vattabbaṃ. Bhikkhuṃ ajānāpetvā attano adhippāyaṃ paṇṇe likhitvā dinnaṃ harantassapi āpatti hoti, imassa sikkhāpadassa acittakattāti na gahetabbaṃ. Pāḷiyaṃ pana ‘‘ārocetī’’ti vuttattā aṭṭhakathāyañca tattha tattha ārocanasseva dassitattā kāyena vā vācāya vā ārocentasseva āpatti hotīti gahetabbaṃ.

    ๓๔๑. ทุฎฺฐุลฺลาทีสุปีติ อาทิ-สเทฺทน สญฺจริตฺตมฺปิ สงฺคณฺหาติฯ เอตฺถ ปน กิญฺจาปิ อิตฺถี นาม มนุสฺสิตฺถี, น ยกฺขี, น เปตี, น ติรจฺฉานคตา, ปุริโส นาม มนุสฺสปุริโส, น ยโกฺขติอาทิ น วุตฺตํ, ตถาปิ มนุสฺสชาติกาว อิตฺถิปุริสา อิธ อธิเปฺปตาฯ ตสฺมา เยสุ สญฺจริตฺตํ สมาปชฺชติ, เตสํ มนุสฺสชาติกตา, น นาลํวจนียตา, ปฎิคฺคณฺหนวีมํสนปจฺจาหรณานีติ อิมาเนตฺถ ปญฺจงฺคานิฯ

    341.Duṭṭhullādīsupīti ādi-saddena sañcarittampi saṅgaṇhāti. Ettha pana kiñcāpi itthī nāma manussitthī, na yakkhī, na petī, na tiracchānagatā, puriso nāma manussapuriso, na yakkhotiādi na vuttaṃ, tathāpi manussajātikāva itthipurisā idha adhippetā. Tasmā yesu sañcarittaṃ samāpajjati, tesaṃ manussajātikatā, na nālaṃvacanīyatā, paṭiggaṇhanavīmaṃsanapaccāharaṇānīti imānettha pañcaṅgāni.

    สญฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sañcarittasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๕. สญฺจริตฺตสิกฺขาปทํ • 5. Sañcarittasikkhāpadaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๕. สญฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Sañcarittasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๕. สญฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Sañcarittasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact