Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā

    ๕. สญฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา

    5. Sañcarittasikkhāpadavaṇṇanā

    ๒๙๖. ปญฺจเม ปณฺฑิเจฺจนาติ สภาวญาเณนฯ คติมนฺตาติ สภาวญาณคติยุตฺตาฯ เวยฺยตฺติเยนาติ อิตฺถิกตฺตเพฺพสุ สิกฺขิตญาเณนฯ เมธายาติ อสิกฺขิเตสุปิ ตํอิตฺถิกตฺตเพฺพสุ ฐานุปฺปตฺติยา ปญฺญายฯ เฉกาติ กาเยน ปจนาทิกุสลาฯ

    296. Pañcame paṇḍiccenāti sabhāvañāṇena. Gatimantāti sabhāvañāṇagatiyuttā. Veyyattiyenāti itthikattabbesu sikkhitañāṇena. Medhāyāti asikkhitesupi taṃitthikattabbesu ṭhānuppattiyā paññāya. Chekāti kāyena pacanādikusalā.

    อาวหนํ อาวาโห, ทาริกาย คหณํฯ วิธินา ปรกุเล วหนํ เปสนํ วิวาโห, ทาริกาย ทานํฯ

    Āvahanaṃ āvāho, dārikāya gahaṇaṃ. Vidhinā parakule vahanaṃ pesanaṃ vivāho, dārikāya dānaṃ.

    ๒๙๗. รนฺธาปนํ ภตฺตปจาปนํฯ พฺยญฺชนาทิสมฺปาทนํ ปจาปนํฯ น อุปาหฎนฺติ น ทินฺนํฯ กโย นาม คหณํฯ วิกฺกโย นาม ทานํฯ ตทุภยํ สงฺคเหตฺวา ‘‘โวหาโร’’ติ วุตฺตํฯ

    297.Randhāpanaṃ bhattapacāpanaṃ. Byañjanādisampādanaṃ pacāpanaṃ. Na upāhaṭanti na dinnaṃ. Kayo nāma gahaṇaṃ. Vikkayo nāma dānaṃ. Tadubhayaṃ saṅgahetvā ‘‘vohāro’’ti vuttaṃ.

    ๓๐๐. ‘‘อพฺภุตํ กาตุํ น วฎฺฎตี’’ติ อิมินา ทุกฺกฎํ โหตีติ ทีเปติฯ ‘‘ปราชิเตน ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตตฺตา อเทโนฺต ธุรนิเกฺขเปน กาเรตโพฺพฯ อจิรกาเล อธิกาโร เอตสฺส อตฺถีติ อจิรกาลาธิการิกํ, สญฺจริตฺตํฯ ‘‘อจิรกาลาจาริก’’นฺติ วา ปาโฐฯ อจิรกาเล อาจาโร อชฺฌาจาโร เอตสฺสาติ โยชนาฯ

    300.‘‘Abbhutaṃ kātuṃ na vaṭṭatī’’ti iminā dukkaṭaṃ hotīti dīpeti. ‘‘Parājitena dātabba’’nti vuttattā adento dhuranikkhepena kāretabbo. Acirakāle adhikāro etassa atthīti acirakālādhikārikaṃ, sañcarittaṃ. ‘‘Acirakālācārika’’nti vā pāṭho. Acirakāle ācāro ajjhācāro etassāti yojanā.

    ๓๐๑. กิญฺจาปิ เอหิภิกฺขุอาทิกาปิ สญฺจริตฺตาทิปณฺณตฺติวชฺชํ อาปตฺติํ อาปชฺชนฺติ, เตสํ ปน อสพฺพกาลิกตฺตา, อปฺปกตฺตา จ อิธาปิ ญตฺติจตุเตฺถเนว กเมฺมน อุปสมฺปนฺนํ สนฺธาย ‘‘ยฺวาย’’นฺติอาทิปทภาชนมาหฯ สญฺจรณํ สญฺจโร, โส เอตสฺส อตฺถีติ สญฺจรี, ตสฺส ภาโว สญฺจริตฺตํฯ เตนาห ‘‘สญฺจรณภาว’’นฺติฯ สญฺจรตีติ สญฺจรโณ, ปุคฺคโล, ตสฺส ภาโว สญฺจรณภาโว, ตํ อิตฺถิปุริสานํ อนฺตเร สญฺจรณภาวนฺติ อโตฺถฯ

    301. Kiñcāpi ehibhikkhuādikāpi sañcarittādipaṇṇattivajjaṃ āpattiṃ āpajjanti, tesaṃ pana asabbakālikattā, appakattā ca idhāpi ñatticatuttheneva kammena upasampannaṃ sandhāya ‘‘yvāya’’ntiādipadabhājanamāha. Sañcaraṇaṃ sañcaro, so etassa atthīti sañcarī, tassa bhāvo sañcarittaṃ. Tenāha ‘‘sañcaraṇabhāva’’nti. Sañcaratīti sañcaraṇo, puggalo, tassa bhāvo sañcaraṇabhāvo, taṃ itthipurisānaṃ antare sañcaraṇabhāvanti attho.

    ชายาภาเวติ ภริยภาวายฯ ชารภาเวติ สามิภาวาย, ตํนิมิตฺตนฺติ อโตฺถฯ นิมิตฺตเตฺถ หิ เอตํ ภุมฺมวจนํฯ กิญฺจาปิ ‘‘ชารตฺตเน’’ติ ปทสฺส ปทภาชเน ‘‘ชารี ภวิสฺสสี’’ติ (ปารา. ๓๐๒) อิตฺถิลิงฺควเสน ปทภาชนํ วุตฺตํ, ‘‘สญฺจริตฺตํ สมาปเชฺชยฺยา’’ติ ปทสฺส ปน นิเทฺทเส ‘‘อิตฺถิยา วา ปหิโต ปุริสสฺส สนฺติเก คจฺฉติ, ปุริเสน วา ปหิโต อิตฺถิยา สนฺติเก คจฺฉตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปุริสสฺสาปิ สนฺติเก วตฺตพฺพาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘ชารตฺตเน’’ติ นิเทฺทสสฺส อิตฺถิปุริสสาธารณตฺตา ‘‘อิตฺถิยา มติํ ปุริสสฺส อาโรเจโนฺต ชารตฺตเน อาโรเจตี’’ติ วุตฺตํฯ ปาฬิยํ ปน ปุริสสฺส มติํ อิตฺถิยา อาโรจนวเสเนว ปททฺวเยปิ โยชนา กตา, ตทนุสาเรน อิตฺถิยา มติํ ปุริสสฺส อาโรจนากาโรปิ สกฺกา วิญฺญาตุนฺติฯ

    Jāyābhāveti bhariyabhāvāya. Jārabhāveti sāmibhāvāya, taṃnimittanti attho. Nimittatthe hi etaṃ bhummavacanaṃ. Kiñcāpi ‘‘jārattane’’ti padassa padabhājane ‘‘jārī bhavissasī’’ti (pārā. 302) itthiliṅgavasena padabhājanaṃ vuttaṃ, ‘‘sañcarittaṃ samāpajjeyyā’’ti padassa pana niddese ‘‘itthiyā vā pahito purisassa santike gacchati, purisena vā pahito itthiyā santike gacchatī’’ti vuttattā purisassāpi santike vattabbākāraṃ dassetuṃ ‘‘jārattane’’ti niddesassa itthipurisasādhāraṇattā ‘‘itthiyā matiṃ purisassa ārocento jārattane ārocetī’’ti vuttaṃ. Pāḷiyaṃ pana purisassa matiṃ itthiyā ārocanavaseneva padadvayepi yojanā katā, tadanusārena itthiyā matiṃ purisassa ārocanākāropi sakkā viññātunti.

    อิทานิ ปาฬิยํ วุตฺตนเยนาปิ อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาหฯ ‘‘ปติ ภวิสฺสสี’’ติ อิทํ ชายาสทฺทสฺส อิตฺถิลิงฺคนิยมโต ปุริสปริยาเยน วุตฺตํ, นิพทฺธสามิโก ภวิสฺสสีติ อโตฺถฯ ชาโร ภวิสฺสสีติ มิจฺฉาจารภาเวน อุปคจฺฉนโก ภวิสฺสสีติ อธิปฺปาโยฯ

    Idāni pāḷiyaṃ vuttanayenāpi atthaṃ dassento ‘‘apicā’’tiādimāha. ‘‘Pati bhavissasī’’ti idaṃ jāyāsaddassa itthiliṅganiyamato purisapariyāyena vuttaṃ, nibaddhasāmiko bhavissasīti attho. Jāro bhavissasīti micchācārabhāvena upagacchanako bhavissasīti adhippāyo.

    ๓๐๓. เสริวิหารนฺติ สจฺฉนฺทจารํฯ อตฺตโน วสนฺติ อตฺตโน อาณํฯ โคตฺตวเนฺตสุ โคตฺต-สโทฺท, ธมฺมจารีสุ จ ธมฺม-สโทฺท วตฺตตีติ อาห ‘‘สโคเตฺตหี’’ติอาทิฯ ตตฺถ สโคเตฺตหีติ สมานโคเตฺตหิฯ สหธมฺมิเกหีติ เอกสฺส สตฺถุ สาสเน สหจริตพฺพธเมฺมหิ, สมานกุลธเมฺมหิ วาฯ เตเนวาห ‘‘เอกํ สตฺถาร’’นฺติอาทิฯ เอกคณปริยาปเนฺนหีติ มาลาการาทิเอกคณปริยาปเนฺนหิฯ

    303.Serivihāranti sacchandacāraṃ. Attano vasanti attano āṇaṃ. Gottavantesu gotta-saddo, dhammacārīsu ca dhamma-saddo vattatīti āha ‘‘sagottehī’’tiādi. Tattha sagottehīti samānagottehi. Sahadhammikehīti ekassa satthu sāsane sahacaritabbadhammehi, samānakuladhammehi vā. Tenevāha ‘‘ekaṃ satthāra’’ntiādi. Ekagaṇapariyāpannehīti mālākārādiekagaṇapariyāpannehi.

    สสฺสามิกา สารกฺขาฯ ยสฺสา คมเน รญฺญา ทโณฺฑ ฐปิโต, สา สปริทณฺฑาฯ ปจฺฉิมานํ ทฺวินฺนนฺติ สารกฺขสปริทณฺฑานํฯ มิจฺฉาจาโร โหตีติ ตาสุ คตปุริสานํ วิย ตาสมฺปิ มิจฺฉาจาโร โหติ สสฺสามิกภาวโตฯ น อิตราสนฺติ มาตุรกฺขิตาทีนํ อฎฺฐนฺนํ มิจฺฉาจาโร นตฺถิ อสฺสามิกตฺตา, ตาสุ คตานํ ปุริสานเมว มิจฺฉาจาโร โหติ มาตาทีหิ รกฺขิตตฺตาฯ ปุริสา หิ ปเรหิ เยหิ เกหิจิ โคปิตํ อิตฺถิํ คนฺตุํ น ลภนฺติ, อิตฺถิโย ปน เกนจิ ปุริเสน ภริยาภาเวน คหิตาว ปุริสนฺตรํ คนฺตุํ น ลภนฺติ, น อิตรา อตฺตโน ผสฺสสฺส สยํ สามิกตฺตาฯ น หิ มาตาทโย สยํ ตาสํ ผสฺสานุภวนตฺถํ ตา รกฺขนฺติ, เกวลํ ปุริสคมนเมว ตาสํ วาเรนฺติฯ ตสฺมา เกนจิ อปริคฺคหิตผสฺสตฺตา, อตฺตโน ผสฺสตฺตา จ อิตฺถีนํ น มิจฺฉาจาโร, ปุริสานํ ปน ปเรหิ วาริเต อตฺตโน อสนฺตกฎฺฐาเน ปวิฎฺฐตฺตา มิจฺฉาจาโรติ เวทิตโพฺพฯ

    Sassāmikā sārakkhā. Yassā gamane raññā daṇḍo ṭhapito, sā saparidaṇḍā. Pacchimānaṃ dvinnanti sārakkhasaparidaṇḍānaṃ. Micchācāro hotīti tāsu gatapurisānaṃ viya tāsampi micchācāro hoti sassāmikabhāvato. Na itarāsanti māturakkhitādīnaṃ aṭṭhannaṃ micchācāro natthi assāmikattā, tāsu gatānaṃ purisānameva micchācāro hoti mātādīhi rakkhitattā. Purisā hi parehi yehi kehici gopitaṃ itthiṃ gantuṃ na labhanti, itthiyo pana kenaci purisena bhariyābhāvena gahitāva purisantaraṃ gantuṃ na labhanti, na itarā attano phassassa sayaṃ sāmikattā. Na hi mātādayo sayaṃ tāsaṃ phassānubhavanatthaṃ tā rakkhanti, kevalaṃ purisagamanameva tāsaṃ vārenti. Tasmā kenaci apariggahitaphassattā, attano phassattā ca itthīnaṃ na micchācāro, purisānaṃ pana parehi vārite attano asantakaṭṭhāne paviṭṭhattā micchācāroti veditabbo.

    โภเคนาติ โภคเหตุฯ อุทปตฺตํ อามสิตฺวา คหิตา โอทปตฺตกินีฯ ธช-สเทฺทน เสนา เอว อุปลกฺขิตาติ อาห ‘‘อุสฺสิตทฺธชายา’’ติอาทิฯ

    Bhogenāti bhogahetu. Udapattaṃ āmasitvā gahitā odapattakinī. Dhaja-saddena senā eva upalakkhitāti āha ‘‘ussitaddhajāyā’’tiādi.

    ๓๐๕. พหิทฺธา วิมฎฺฐนฺติ อญฺญตฺถ อาโรจิตํฯ ตํ กิริยํ สมฺปาเทสฺสตีติ ตสฺสา อาโรเจตฺวา ตํ กิจฺจํ สมฺปาเทตุ วา มา วา, ตํ กิริยํ สมฺปาทเน สามตฺถิยํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ทารกํ, ทาริกญฺจ อชานาเปตฺวา มาตาปิตุอาทีหิ มาตาปิตุอาทีนเญฺญว สนฺติกํ สาสเน เปสิเตปิ ปฎิคฺคณฺหนวีมํสนปจฺจาหรณสงฺขาตาย ติวงฺคสมฺปตฺติยา สงฺฆาทิเสโส โหติ เอวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    305.Bahiddhā vimaṭṭhanti aññattha ārocitaṃ. Taṃ kiriyaṃ sampādessatīti tassā ārocetvā taṃ kiccaṃ sampādetu vā mā vā, taṃ kiriyaṃ sampādane sāmatthiyaṃ sandhāya vuttaṃ. Dārakaṃ, dārikañca ajānāpetvā mātāpituādīhi mātāpituādīnaññeva santikaṃ sāsane pesitepi paṭiggaṇhanavīmaṃsanapaccāharaṇasaṅkhātāya tivaṅgasampattiyā saṅghādiseso hoti evāti daṭṭhabbaṃ.

    ยํ อุทฺทิสฺส สาสนํ เปสิตํ, ตํ เอว สนฺธาย ตสฺสา มาตุอาทีนํ อาโรจิเตปิ เขตฺตเมว โอติณฺณภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺขามี’’ติอาทิ อุทาหฎํ, อิทญฺจ วจนพฺยตฺตยเหตุพฺยตฺตยานํ เภเทปิ พฺยตฺตยสามญฺญโต อุทาหฎนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตมฺปิ อุทาหรณโทสํ ปริหริตฺวา สุตฺตานุโลมตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิมินา สเมตีติ เอตฺถายมธิปฺปาโย – ยถา สยํ อนาโรเจตฺวา อเญฺญสํ อเนฺตวาสิกาทีนํ วตฺวา วีมํสาเปตฺวา ปจฺจาหรนฺตสฺส นตฺถิ วิสเงฺกโต, เอวํ ตสฺสา สยํ อนาโรเจตฺวา อาโรจนตฺถํ มาตุอาทีนํ วทนฺตสฺสาปิ มาตุอาทโย ตํ กิริยํ สมฺปาเทนฺตุ วา มา วาฯ ยทิ หิ เตสํ มาตุอาทีนํ ตุณฺหีภูตภาวมฺปิ ปจฺจาหรติ, วิสเงฺกโต นตฺถีติฯ

    Yaṃ uddissa sāsanaṃ pesitaṃ, taṃ eva sandhāya tassā mātuādīnaṃ ārocitepi khettameva otiṇṇabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘buddhaṃ paccakkhāmī’’tiādi udāhaṭaṃ, idañca vacanabyattayahetubyattayānaṃ bhedepi byattayasāmaññato udāhaṭanti daṭṭhabbaṃ. Tampi udāharaṇadosaṃ pariharitvā suttānulomataṃ dassetuṃ ‘‘taṃ panā’’tiādi vuttaṃ. Iminā sametīti etthāyamadhippāyo – yathā sayaṃ anārocetvā aññesaṃ antevāsikādīnaṃ vatvā vīmaṃsāpetvā paccāharantassa natthi visaṅketo, evaṃ tassā sayaṃ anārocetvā ārocanatthaṃ mātuādīnaṃ vadantassāpi mātuādayo taṃ kiriyaṃ sampādentu vā mā vā. Yadi hi tesaṃ mātuādīnaṃ tuṇhībhūtabhāvampi paccāharati, visaṅketo natthīti.

    ฆรกิจฺจํ เนตีติ ฆรณีฯ อญฺญตรํ วทนฺตสฺส วิสเงฺกตํ อทินฺนาทานาทีสุ อาณตฺติยํ วตฺถุสเงฺกโต วิยาติ อธิปฺปาโยฯ มูลฎฺฐานญฺจ วเสนาติ เอตฺถ ปุริสสฺส มาตุอาทโย สาสนเปสเน มูลภูตตฺตา ‘‘มูลฎฺฐา’’ติ วุตฺตาฯ

    Gharakiccaṃ netīti gharaṇī. Aññataraṃ vadantassa visaṅketaṃ adinnādānādīsu āṇattiyaṃ vatthusaṅketo viyāti adhippāyo. Mūlaṭṭhānañca vasenāti ettha purisassa mātuādayo sāsanapesane mūlabhūtattā ‘‘mūlaṭṭhā’’ti vuttā.

    ๓๒๒. ปาฬิยํ มาตุรกฺขิตาย มาตา ภิกฺขุํ ปหิณตีติ เอตฺถ อตฺตโน วา ธีตุ สนฺติกํ ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา โหตู’’ติ ภิกฺขุํ ปหิณติ, ปุริสสฺส วา ตสฺส ญาตกานํ วา สนฺติกํ ‘‘มม ธีตา อิตฺถนฺนามสฺส ภริยา โหตู’’ติ ปหิณตีติ คเหตพฺพํฯ เอเสว นโย เสเสสุปิฯ ปุเพฺพ วุตฺตนยตฺตาติ ปฐมสงฺฆาทิเสเส วุตฺตนยตฺตาฯ

    322. Pāḷiyaṃ māturakkhitāya mātā bhikkhuṃ pahiṇatīti ettha attano vā dhītu santikaṃ ‘‘itthannāmassa bhariyā hotū’’ti bhikkhuṃ pahiṇati, purisassa vā tassa ñātakānaṃ vā santikaṃ ‘‘mama dhītā itthannāmassa bhariyā hotū’’ti pahiṇatīti gahetabbaṃ. Eseva nayo sesesupi. Pubbe vuttanayattāti paṭhamasaṅghādisese vuttanayattā.

    ๓๓๘. อเนฺต เอเกนาติ เอเกน ปเทนฯ เอโตฺตว ปกฺกมตีติ อปจฺจาหริตฺวา ตโตว ปกฺกมติฯ ‘‘อนภินนฺทิตฺวา’’ติ อิทํ ตถา ปฎิปชฺชมานํ สนฺธาย วุตฺตํฯ สติปิ อภินนฺทเน สาสนํ อนาโรเจโนฺต ปน น วีมํสติ นามฯ ตติยปเท วุตฺตนเยนาติ ‘‘โส ตสฺสา วจนํ อนภินนฺทิตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตนเยนฯ ปาฬิยํ อเนฺตวาสิํ วีมํสาเปตฺวาติ ‘‘อยํ เตสํ วตฺตุํ สมโตฺถ’’ติ อเนฺตวาสินา วีมํสาเปตฺวาฯ สเจ ปน โส อเนฺตวาสิโก ตํ วจนํ อาทิยิตฺวา ตุณฺหี โหติ, ตสฺสาปิ ตํ ปวตฺติํ ปจฺจาหรนฺตสฺส อาจริยสฺส สงฺฆาทิเสโสว มาตุอาทีสุ ตุณฺหีภูเตสุ เตสํ ตุณฺหิภาวํ ปจฺจาหรนฺตสฺส วิยาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    338.Ante ekenāti ekena padena. Ettova pakkamatīti apaccāharitvā tatova pakkamati. ‘‘Anabhinanditvā’’ti idaṃ tathā paṭipajjamānaṃ sandhāya vuttaṃ. Satipi abhinandane sāsanaṃ anārocento pana na vīmaṃsati nāma. Tatiyapade vuttanayenāti ‘‘so tassā vacanaṃ anabhinanditvā’’tiādinā vuttanayena. Pāḷiyaṃ antevāsiṃ vīmaṃsāpetvāti ‘‘ayaṃ tesaṃ vattuṃ samattho’’ti antevāsinā vīmaṃsāpetvā. Sace pana so antevāsiko taṃ vacanaṃ ādiyitvā tuṇhī hoti, tassāpi taṃ pavattiṃ paccāharantassa ācariyassa saṅghādisesova mātuādīsu tuṇhībhūtesu tesaṃ tuṇhibhāvaṃ paccāharantassa viyāti daṭṭhabbaṃ.

    ปาฬิยํ จตุตฺถวาเร อสติปิ คจฺฉโนฺต สมฺปาเทติ, อาคจฺฉโนฺต วิสํวาเทติ อนาปตฺตีติ อตฺถโต อาปนฺนเมวาติกตฺวา วุตฺตํ ‘‘จตุเตฺถ อนาปตฺตี’’ติฯ

    Pāḷiyaṃ catutthavāre asatipi gacchanto sampādeti, āgacchanto visaṃvādeti anāpattīti atthato āpannamevātikatvā vuttaṃ ‘‘catutthe anāpattī’’ti.

    ๓๔๐. การุกานนฺติ วฑฺฒกีอาทีนํ ตจฺฉกอโยการตนฺตวายรชกนฺหาปิตกา ปญฺจ การโว ‘‘การุกา’’ติ วุจฺจนฺติฯ เอวรูเปน…เป.… อนาปตฺตีติ ตาทิสํ คิหิเวยฺยาวจฺจมฺปิ น โหตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ

    340.Kārukānanti vaḍḍhakīādīnaṃ tacchakaayokāratantavāyarajakanhāpitakā pañca kāravo ‘‘kārukā’’ti vuccanti. Evarūpena…pe… anāpattīti tādisaṃ gihiveyyāvaccampi na hotīti katvā vuttaṃ.

    กายโต สมุฎฺฐาตีติ ปณฺณตฺติํ วา อลํวจนียภาวํ วา ตทุภยํ วา อชานนฺตสฺส กายโต สมุฎฺฐาติฯ เอส นโย อิตรทฺวเยปิฯ อลํวจนียา โหนฺตีติ อิตฺถี วา ปุริโส วา อุโภปิ วา ชายาภาเว, สามิกภาเว จ นิกฺขิตฺตฉนฺทตาย อจฺจนฺตวิยุตฺตตฺตา ปุน อญฺญมญฺญํ สมาคมตฺถํ ‘‘มา เอวํ อกริตฺถา’’ติอาทินา วจนียตาย วตฺตพฺพตาย อลํ อรหาติ อลํวจนียา, อลํ วา กตฺตุํ อรหํ สนฺธานวจนเมเตสุ อิตฺถิปุริเสสูติ อลํวจนียา, สนฺธานการสฺส วจนํ วินา อสงฺคจฺฉนกา ปริจฺจตฺตาเยวาติ อธิปฺปาโยฯ

    Kāyato samuṭṭhātīti paṇṇattiṃ vā alaṃvacanīyabhāvaṃ vā tadubhayaṃ vā ajānantassa kāyato samuṭṭhāti. Esa nayo itaradvayepi. Alaṃvacanīyā hontīti itthī vā puriso vā ubhopi vā jāyābhāve, sāmikabhāve ca nikkhittachandatāya accantaviyuttattā puna aññamaññaṃ samāgamatthaṃ ‘‘mā evaṃ akaritthā’’tiādinā vacanīyatāya vattabbatāya alaṃ arahāti alaṃvacanīyā, alaṃ vā kattuṃ arahaṃ sandhānavacanametesu itthipurisesūti alaṃvacanīyā, sandhānakārassa vacanaṃ vinā asaṅgacchanakā pariccattāyevāti adhippāyo.

    ปณฺณตฺติํ ปน ชานิตฺวาติ เอตฺถ อลํวจนียภาวํ วาติ วตฺตพฺพํฯ เตเนว มาติกาฎฺฐกถายญฺจ ‘‘ตทุภยํ ปน ชานิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ภิกฺขุํ อชานาเปตฺวา อตฺตโน อธิปฺปายํ ปเณฺณ ลิขิตฺวา ‘‘อิมํ ปณฺณํ อสุกสฺส เทหี’’ติ ทินฺนํ หรนฺตสฺส สญฺจริตฺตํ น โหติฯ ปณฺณตฺติอลํวจนียภาวอชานนวเสเนว หิ อิมํ สิกฺขาปทํ อจิตฺตกํ, น สเพฺพน สพฺพํ สญฺจรณภาวมฺปิ อชานนวเสน, ปาฬิยญฺจ อฎฺฐกถายญฺจ อาโรจนเมว ทสฺสิตํฯ ตสฺมา สนฺทสฺสนตฺถํ ญตฺวา ปณฺณสนฺทสฺสนวเสนาปิ กาเยน วา วาจาย วา อาโรเจนฺตเสฺสว อาปตฺติ โหตีติ คเหตพฺพํฯ

    Paṇṇattiṃ pana jānitvāti ettha alaṃvacanīyabhāvaṃ vāti vattabbaṃ. Teneva mātikāṭṭhakathāyañca ‘‘tadubhayaṃ pana jānitvā’’tiādi vuttaṃ. Bhikkhuṃ ajānāpetvā attano adhippāyaṃ paṇṇe likhitvā ‘‘imaṃ paṇṇaṃ asukassa dehī’’ti dinnaṃ harantassa sañcarittaṃ na hoti. Paṇṇattialaṃvacanīyabhāvaajānanavaseneva hi imaṃ sikkhāpadaṃ acittakaṃ, na sabbena sabbaṃ sañcaraṇabhāvampi ajānanavasena, pāḷiyañca aṭṭhakathāyañca ārocanameva dassitaṃ. Tasmā sandassanatthaṃ ñatvā paṇṇasandassanavasenāpi kāyena vā vācāya vā ārocentasseva āpatti hotīti gahetabbaṃ.

    ๓๔๑. ยถา ยถา เยสุ เยสุ ชนปเทสูติ ปริจฺจตฺตภาวปฺปกาสนตฺถํ กตฺตพฺพํ ปณฺณทานญาติชนิสฺสราทิชานาปนาทิตํตํเทสนิยตํ ปการํ ทเสฺสติ, อิทญฺจ นิพทฺธภริยาภาเวน คหิตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อตฺตโน รุจิยา สงฺคตานํ ปน อิตฺถีนํ, มุหุตฺติกาย จ ปุริเส จิตฺตสฺส วิรชฺชนเมว อลํวจนียภาเว การณนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ทุฎฺฐุลฺลาทีสุปีติ อาทิ-สเทฺทน อตฺตกามสญฺจริตฺตานิ สงฺคณฺหาติ, เอตฺถ ปน ปาฬิยํ กิญฺจาปิ ‘‘อิตฺถี นาม มนุสฺสิตฺถี น ยกฺขี’’ติอาทินา มนุสฺสิตฺถิปุริสา น ทสฺสิตา, ตถาปิ ‘‘ทส อิตฺถิโย มาตุรกฺขิตา’’ติอาทินา มนุสฺสิตฺถีนเญฺญว ทสฺสิตตฺตา ปุริสานมฺปิ ตทนุคุณานเมว คเหตพฺพโต มนุสฺสชาติกาว อิตฺถิปุริสา อิธาธิเปฺปตาฯ ตสฺมา เยสุ สญฺจริตฺตํ สมาปชฺชติ, เตสํ มนุสฺสชาติกตา, น นาลํวจนียตา, ปฎิคฺคณฺหน, วีมํสน, ปจฺจาหรณานีติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ

    341.Yathā yathā yesu yesu janapadesūti pariccattabhāvappakāsanatthaṃ kattabbaṃ paṇṇadānañātijanissarādijānāpanāditaṃtaṃdesaniyataṃ pakāraṃ dasseti, idañca nibaddhabhariyābhāvena gahitaṃ sandhāya vuttaṃ. Attano ruciyā saṅgatānaṃ pana itthīnaṃ, muhuttikāya ca purise cittassa virajjanameva alaṃvacanīyabhāve kāraṇanti daṭṭhabbaṃ. Duṭṭhullādīsupīti ādi-saddena attakāmasañcarittāni saṅgaṇhāti, ettha pana pāḷiyaṃ kiñcāpi ‘‘itthī nāma manussitthī na yakkhī’’tiādinā manussitthipurisā na dassitā, tathāpi ‘‘dasa itthiyo māturakkhitā’’tiādinā manussitthīnaññeva dassitattā purisānampi tadanuguṇānameva gahetabbato manussajātikāva itthipurisā idhādhippetā. Tasmā yesu sañcarittaṃ samāpajjati, tesaṃ manussajātikatā, na nālaṃvacanīyatā, paṭiggaṇhana, vīmaṃsana, paccāharaṇānīti imānettha pañca aṅgāni.

    สญฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sañcarittasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๕. สญฺจริตฺตสิกฺขาปทํ • 5. Sañcarittasikkhāpadaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๕. สญฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Sañcarittasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๕. สญฺจริตฺตสิกฺขาปทวณฺณนา • 5. Sañcarittasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact