Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๖. สนฺทกสุตฺตวณฺณนา

    6. Sandakasuttavaṇṇanā

    ๒๒๓. เอวํ เม สุตนฺติ สนฺทกสุตฺตํฯ ตตฺถ ปิลกฺขคุหายนฺติ ตสฺสา คุหาย ทฺวาเร ปิลกฺขรุโกฺข อโหสิ, ตสฺมา ปิลกฺขคุหาเตฺวว สงฺขํ คตาฯ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโตติ วิเวกโต วุฎฺฐิโตฯ เทวกตโสโพฺภติ วโสฺสทเกเนว ตินฺนฎฺฐาเน ชาโต มหาอุทกรหโทฯ คุหาทสฺสนายาติ เอตฺถ คุหาติ ปํสุคุหาฯ สา อุนฺนเม อุทกมุตฺตฎฺฐาเน อโหสิ, เอกโต อุมงฺคํ กตฺวา ขาณุเก จ ปํสุญฺจ นีหริตฺวา อโนฺต ถเมฺภ อุสฺสาเปตฺวา มตฺถเก ปทรจฺฉนฺนเคหสเงฺขเปน กตา, ตตฺถ เต ปริพฺพาชกา วสนฺติฯ สา วสฺสาเน อุทกปุณฺณา ติฎฺฐติ, นิทาเฆ ตตฺถ วสนฺติฯ ตํ สนฺธาย ‘‘คุหาทสฺสนายา’’ติ อาหฯ วิหารทสฺสนตฺถญฺหิ อนมตคฺคิยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สมุทฺทปพฺพตทสฺสนตฺถํ วาปิ คนฺตุํ วฎฺฎตีติฯ

    223.Evaṃme sutanti sandakasuttaṃ. Tattha pilakkhaguhāyanti tassā guhāya dvāre pilakkharukkho ahosi, tasmā pilakkhaguhātveva saṅkhaṃ gatā. Paṭisallānā vuṭṭhitoti vivekato vuṭṭhito. Devakatasobbhoti vassodakeneva tinnaṭṭhāne jāto mahāudakarahado. Guhādassanāyāti ettha guhāti paṃsuguhā. Sā unname udakamuttaṭṭhāne ahosi, ekato umaṅgaṃ katvā khāṇuke ca paṃsuñca nīharitvā anto thambhe ussāpetvā matthake padaracchannagehasaṅkhepena katā, tattha te paribbājakā vasanti. Sā vassāne udakapuṇṇā tiṭṭhati, nidāghe tattha vasanti. Taṃ sandhāya ‘‘guhādassanāyā’’ti āha. Vihāradassanatthañhi anamataggiyaṃ paccavekkhitvā samuddapabbatadassanatthaṃ vāpi gantuṃ vaṭṭatīti.

    อุนฺนาทินิยาติ อุจฺจํ นทมานายฯ เอวํ นทมานาย จสฺสา อุทฺธงฺคมนวเสน อุโจฺจ, ทิสาสุ ปตฺถฎวเสน มหาสโทฺทติ อุจฺจาสทฺทมหาสโทฺท, ตาย อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทายฯ เตสํ ปริพฺพาชกานํ ปาโตว อุฎฺฐาย กตฺตพฺพํ นาม เจติยวตฺตํ วา โพธิวตฺตํ วา อาจริยุปชฺฌายวตฺตํ วา โยนิโสมนสิกาโร วา นตฺถิฯ เตน เต ปาโตว อุฎฺฐาย พาลาตเป นิสินฺนา, สายํ วา กถาย ผาสุกตฺถาย สนฺนิปติตา ‘‘อิมสฺส หโตฺถ โสภโณ อิมสฺส ปาโท’’ติ เอวํ อญฺญมญฺญสฺส หตฺถปาทาทีนิ วา อารพฺภ อิตฺถิปุริสทารกทาริกาวเณฺณ วา อญฺญํ วา กามสฺสาทภวสฺสาทาทิวตฺถุํ อารพฺภ กถํ ปฎฺฐเปตฺวา อนุปุเพฺพน ราชกถาทิอเนกวิธํ ติรจฺฉานกถํ กเถนฺติฯ สา หิ อนิยฺยานิกตฺตา สคฺคโมกฺขมคฺคานํ ติรจฺฉานภูตา กถาติ ติรจฺฉานกถาฯ ตตฺถ ราชานํ อารพฺภ ‘‘มหาสมฺมโต มนฺธาตา ธมฺมาโสโก เอวํมหานุภาโว’’ติอาทินา นเยน ปวตฺตา กถา ราชกถาฯ เอส นโย โจรกถาทีสุ

    Unnādiniyāti uccaṃ nadamānāya. Evaṃ nadamānāya cassā uddhaṅgamanavasena ucco, disāsu patthaṭavasena mahāsaddoti uccāsaddamahāsaddo, tāya uccāsaddamahāsaddāya. Tesaṃ paribbājakānaṃ pātova uṭṭhāya kattabbaṃ nāma cetiyavattaṃ vā bodhivattaṃ vā ācariyupajjhāyavattaṃ vā yonisomanasikāro vā natthi. Tena te pātova uṭṭhāya bālātape nisinnā, sāyaṃ vā kathāya phāsukatthāya sannipatitā ‘‘imassa hattho sobhaṇo imassa pādo’’ti evaṃ aññamaññassa hatthapādādīni vā ārabbha itthipurisadārakadārikāvaṇṇe vā aññaṃ vā kāmassādabhavassādādivatthuṃ ārabbha kathaṃ paṭṭhapetvā anupubbena rājakathādianekavidhaṃ tiracchānakathaṃ kathenti. Sā hi aniyyānikattā saggamokkhamaggānaṃ tiracchānabhūtā kathāti tiracchānakathā. Tattha rājānaṃ ārabbha ‘‘mahāsammato mandhātā dhammāsoko evaṃmahānubhāvo’’tiādinā nayena pavattā kathā rājakathā. Esa nayo corakathādīsu.

    เตสุ ‘‘อสุโก ราชา อภิรูโป ทสฺสนีโย’’ติอาทินา นเยน เคหสฺสิตกถาว ติรจฺฉานกถา โหติฯ ‘‘โสปิ นาม เอวํ มหานุภาโว ขยํ คโต’’ติ เอวํ ปวตฺตา ปน กมฺมฎฺฐานภาเว ติฎฺฐติฯ โจเรสุปิ ‘‘มูลเทโว เอวํมหานุภาโว, เมฆมาโล เอวํมหานุภาโว’’ติ เตสํ กมฺมํ ปฎิจฺจ อโห สูราติ เคหสฺสิตกถาว ติรจฺฉานกถาฯ ยุเทฺธปิ ภารตยุทฺธาทีสุ ‘‘อสุเกน อสุโก เอวํ มาริโต เอวํ วิโทฺธ’’ติ กามสฺสาทวเสเนว กถา ติรจฺฉานกถาฯ ‘‘เตปิ นาม ขยํ คตา’’ติ เอวํ ปวตฺตา ปน สพฺพตฺถ กถา กมฺมฎฺฐานเมว โหติฯ อปิจ อนฺนาทีสุ ‘‘เอวํ วณฺณวนฺตํ คนฺธวนฺตํ รสวนฺตํ ผสฺสสมฺปนฺนํ ขาทิมฺห ภุญฺชิมฺห ปิวิมฺห ปริภุญฺชิมฺหา’’ติ กามสฺสาทวเสน กเถตุํ น วฎฺฎติ, สาตฺถกํ ปน กตฺวา – ‘‘ปุเพฺพ เอวํ วณฺณาทิสมฺปนฺนํ อนฺนํ ปานํ วตฺถํ สยนํ มาลํ คนฺธํ สีลวนฺตานํ อทมฺห, เจติเย ปูชํ อกริมฺหา’’ติ กเถตุํ วฎฺฎติฯ

    Tesu ‘‘asuko rājā abhirūpo dassanīyo’’tiādinā nayena gehassitakathāva tiracchānakathā hoti. ‘‘Sopi nāma evaṃ mahānubhāvo khayaṃ gato’’ti evaṃ pavattā pana kammaṭṭhānabhāve tiṭṭhati. Coresupi ‘‘mūladevo evaṃmahānubhāvo, meghamālo evaṃmahānubhāvo’’ti tesaṃ kammaṃ paṭicca aho sūrāti gehassitakathāva tiracchānakathā. Yuddhepi bhāratayuddhādīsu ‘‘asukena asuko evaṃ mārito evaṃ viddho’’ti kāmassādavaseneva kathā tiracchānakathā. ‘‘Tepi nāma khayaṃ gatā’’ti evaṃ pavattā pana sabbattha kathā kammaṭṭhānameva hoti. Apica annādīsu ‘‘evaṃ vaṇṇavantaṃ gandhavantaṃ rasavantaṃ phassasampannaṃ khādimha bhuñjimha pivimha paribhuñjimhā’’ti kāmassādavasena kathetuṃ na vaṭṭati, sātthakaṃ pana katvā – ‘‘pubbe evaṃ vaṇṇādisampannaṃ annaṃ pānaṃ vatthaṃ sayanaṃ mālaṃ gandhaṃ sīlavantānaṃ adamha, cetiye pūjaṃ akarimhā’’ti kathetuṃ vaṭṭati.

    ญาติกถาทีสุปิ ‘‘อมฺหากํ ญาตกา สูรา สมตฺถา’’ติ วา ‘‘ปุเพฺพ มยํ เอวํ วิจิเตฺรหิ ยาเนหิ จริมฺหา’’ติ วา อสฺสาทวเสน วตฺตุํ น วฎฺฎติ, สาตฺถกํ ปน กตฺวา ‘‘เตปิ โน ญาตกา ขยํ คตา’’ติ วา ‘‘ปุเพฺพ มยํ เอวรูปา อุปาหนา สงฺฆสฺส อทมฺหา’’ติ วา กเถตพฺพาฯ คามกถาปิ สุนิวิฎฺฐทุนฺนิวิฎฺฐสุภิกฺขทุพฺภิกฺขาทิวเสน วา ‘‘อสุกคามวาสิโน สูรา สมตฺถา’’ติ วา เอวํ อสฺสาทวเสน น วฎฺฎติ, สาตฺถกํ ปน กตฺวา สทฺธา ปสนฺนาติ วา ขยวยํ คตาติ วา วตฺตุํ วฎฺฎติฯ นิคมนครชนปทกถาสุปิ เอเสว นโยฯ อิตฺถิกถาปิ วณฺณสณฺฐานาทีนิ ปฎิจฺจ อสฺสาทวเสน น วฎฺฎติ, สทฺธา ปสนฺนา ขยํ คตาติ เอวเมว วฎฺฎติฯ สูรกถาปิ นนฺทิมิโตฺต นาม โยโธ สูโร อโหสีติ อสฺสาทวเสเนว น วฎฺฎติ, สโทฺธ ปสโนฺน อโหสิ ขยํ คโตติ เอวเมว วฎฺฎติฯ วิสิขากถาปิ อสุกา วิสิขา สุนิวิฎฺฐา ทุนฺนิวิฎฺฐา สูรา สมตฺถาติ อสฺสาทวเสเนว น วฎฺฎติ, สทฺธา ปสนฺนา ขยํ คตา อิเจฺจวํ วฎฺฎติฯ

    Ñātikathādīsupi ‘‘amhākaṃ ñātakā sūrā samatthā’’ti vā ‘‘pubbe mayaṃ evaṃ vicitrehi yānehi carimhā’’ti vā assādavasena vattuṃ na vaṭṭati, sātthakaṃ pana katvā ‘‘tepi no ñātakā khayaṃ gatā’’ti vā ‘‘pubbe mayaṃ evarūpā upāhanā saṅghassa adamhā’’ti vā kathetabbā. Gāmakathāpi suniviṭṭhadunniviṭṭhasubhikkhadubbhikkhādivasena vā ‘‘asukagāmavāsino sūrā samatthā’’ti vā evaṃ assādavasena na vaṭṭati, sātthakaṃ pana katvā saddhā pasannāti vā khayavayaṃ gatāti vā vattuṃ vaṭṭati. Nigamanagarajanapadakathāsupi eseva nayo. Itthikathāpi vaṇṇasaṇṭhānādīni paṭicca assādavasena na vaṭṭati, saddhā pasannā khayaṃ gatāti evameva vaṭṭati. Sūrakathāpi nandimitto nāma yodho sūro ahosīti assādavaseneva na vaṭṭati, saddho pasanno ahosi khayaṃ gatoti evameva vaṭṭati. Visikhākathāpi asukā visikhā suniviṭṭhā dunniviṭṭhā sūrā samatthāti assādavaseneva na vaṭṭati, saddhā pasannā khayaṃ gatā iccevaṃ vaṭṭati.

    กุมฺภฎฺฐานกถาติ กุมฺภฎฺฐานอุทกติตฺถกถา วา วุจฺจติ กุมฺภทาสิกถา วาฯ สาปิ ‘‘ปาสาทิกา นจฺจิตุํ คายิตุํ เฉกา’’ติ อสฺสาทวเสน น วฎฺฎติ, สทฺธา ปสนฺนาติอาทินา นเยเนว วฎฺฎติฯ ปุพฺพเปตกถาติ อตีตญาติกถาฯ ตตฺถ วตฺตมานญาติกถาสทิโสว วินิจฺฉโยฯ

    Kumbhaṭṭhānakathāti kumbhaṭṭhānaudakatitthakathā vā vuccati kumbhadāsikathā vā. Sāpi ‘‘pāsādikā naccituṃ gāyituṃ chekā’’ti assādavasena na vaṭṭati, saddhā pasannātiādinā nayeneva vaṭṭati. Pubbapetakathāti atītañātikathā. Tattha vattamānañātikathāsadisova vinicchayo.

    นานตฺตกถาติ ปุริมปจฺฉิมกถาวิมุตฺตา อวเสสา นานาสภาวา นิรตฺถกกถาฯ โลกกฺขายิกาติ อยํ โลโก เกน นิมฺมิโต, อสุเกน นาม นิมฺมิโต, กากา เสตา อฎฺฐีนํ เสตตฺตา, พกา รตฺตา โลหิตสฺส รตฺตตฺตาติ เอวมาทิกา โลกายตวิตณฺฑสลฺลาปกถาฯ

    Nānattakathāti purimapacchimakathāvimuttā avasesā nānāsabhāvā niratthakakathā. Lokakkhāyikāti ayaṃ loko kena nimmito, asukena nāma nimmito, kākā setā aṭṭhīnaṃ setattā, bakā rattā lohitassa rattattāti evamādikā lokāyatavitaṇḍasallāpakathā.

    สมุทฺทกฺขายิกา นาม กสฺมา สมุโทฺท สาคโร, สาครเทเวน ขณิตตฺตา สาคโร, ขโต เมติ หตฺถมุทฺทาย นิเวทิตตฺตา สมุโทฺทติ เอวมาทิกา นิรตฺถกา สมุทฺทกฺขายิกกถาฯ อิติ ภโว, อิติ อภโวติ ยํ วา ตํ วา นิรตฺถกการณํ วตฺวา ปวตฺติตกถา อิติภวาภวกถาฯ เอตฺถ จ ภโวติ สสฺสตํ, อภโวติ อุเจฺฉทํฯ ภโวติ วฑฺฒิ, อภโวติ หานิฯ ภโวติ กามสุขํ, อภโวติ อตฺตกิลมโถฯ อิติ อิมาย ฉพฺพิธาย อิติภวาภวกถาย สทฺธิํ พาตฺติํสติรจฺฉานกถา นาม โหติฯ เอวรูปิํ ติรจฺฉานกถํ กเถนฺติยา นิสิโนฺน โหติฯ

    Samuddakkhāyikā nāma kasmā samuddo sāgaro, sāgaradevena khaṇitattā sāgaro, khato meti hatthamuddāya niveditattā samuddoti evamādikā niratthakā samuddakkhāyikakathā. Iti bhavo, iti abhavoti yaṃ vā taṃ vā niratthakakāraṇaṃ vatvā pavattitakathā itibhavābhavakathā. Ettha ca bhavoti sassataṃ, abhavoti ucchedaṃ. Bhavoti vaḍḍhi, abhavoti hāni. Bhavoti kāmasukhaṃ, abhavoti attakilamatho. Iti imāya chabbidhāya itibhavābhavakathāya saddhiṃ bāttiṃsatiracchānakathā nāma hoti. Evarūpiṃ tiracchānakathaṃ kathentiyā nisinno hoti.

    ตโต สนฺทโก ปริพฺพาชโก เต ปริพฺพาชเก โอโลเกตฺวา – ‘‘อิเม ปริพฺพาชกา อติวิย อญฺญมญฺญํ อคารวา อปฺปติสฺสา, มยญฺจ สมณสฺส โคตมสฺส ปาตุภาวโต ปฎฺฐาย สูริยุคฺคมเน ขโชฺชปนกูปมา ชาตา, ลาภสกฺกาโรปิ โน ปริหีโนฯ สเจ ปน อิมํ ฐานํ สมโณ โคตโม โคตมสาวโก วา คิหิอุปฎฺฐาโกปิ วาสฺส อาคเจฺฉยฺย, อติวิย ลชฺชนียํ ภวิสฺสติฯ ปริสโทโส โข ปน ปริสเชฎฺฐกเสฺสว อุปริ อาโรหตี’’ติ อิโต จิโต จ วิโลเกโนฺต เถรํ อทฺทสฯ เตน วุตฺตํ อทฺทสา โข สนฺทโก ปริพฺพาชโก…เป.… ตุณฺหี อเหสุนฺติฯ

    Tato sandako paribbājako te paribbājake oloketvā – ‘‘ime paribbājakā ativiya aññamaññaṃ agāravā appatissā, mayañca samaṇassa gotamassa pātubhāvato paṭṭhāya sūriyuggamane khajjopanakūpamā jātā, lābhasakkāropi no parihīno. Sace pana imaṃ ṭhānaṃ samaṇo gotamo gotamasāvako vā gihiupaṭṭhākopi vāssa āgaccheyya, ativiya lajjanīyaṃ bhavissati. Parisadoso kho pana parisajeṭṭhakasseva upari ārohatī’’ti ito cito ca vilokento theraṃ addasa. Tena vuttaṃ addasā kho sandako paribbājako…pe… tuṇhī ahesunti.

    ตตฺถ สณฺฐเปสีติ สิกฺขาเปสิ, วชฺชมสฺสา ปฎิจฺฉาเทสิฯ ยถา สุฎฺฐปิตา โหติ, ตถา นํ ฐเปสิฯ ยถา นาม ปริสมชฺฌํ ปวิสโนฺต ปุริโส วชฺชปฎิจฺฉาทนตฺถํ นิวาสนํ สณฺฐเปติ, ปารุปนํ สณฺฐเปติ, รโชกิณฺณฎฺฐานํ ปุญฺฉติ, เอวมสฺสา วชฺชปฎิจฺฉาทนตฺถํ ‘‘อปฺปสทฺทา โภโนฺต’’ติ สิกฺขาเปโนฺต ยถา สุฎฺฐปิตา โหติ, ตถา นํ ฐเปสีติ อโตฺถฯ อปฺปสทฺทกามาติ อปฺปสทฺทํ อิจฺฉนฺติ, เอกกา นิสีทนฺติ, เอกกา ติฎฺฐนฺติ, น คณสงฺคณิกาย ยาเปนฺติฯ อปฺปสทฺทวินีตาติ อปฺปสเทฺทน นิรเวน พุเทฺธน วินีตาฯ อปฺปสทฺทสฺส วณฺณวาทิโนติ ยํ ฐานํ อปฺปสทฺทํ นิสฺสทฺทํฯ ตสฺส วณฺณวาทิโนฯ อุปสงฺกมิตพฺพํ มเญฺญยฺยาติ อิธาคนฺตพฺพํ มเญฺญยฺยฯ

    Tattha saṇṭhapesīti sikkhāpesi, vajjamassā paṭicchādesi. Yathā suṭṭhapitā hoti, tathā naṃ ṭhapesi. Yathā nāma parisamajjhaṃ pavisanto puriso vajjapaṭicchādanatthaṃ nivāsanaṃ saṇṭhapeti, pārupanaṃ saṇṭhapeti, rajokiṇṇaṭṭhānaṃ puñchati, evamassā vajjapaṭicchādanatthaṃ ‘‘appasaddā bhonto’’ti sikkhāpento yathā suṭṭhapitā hoti, tathā naṃ ṭhapesīti attho. Appasaddakāmāti appasaddaṃ icchanti, ekakā nisīdanti, ekakā tiṭṭhanti, na gaṇasaṅgaṇikāya yāpenti. Appasaddavinītāti appasaddena niravena buddhena vinītā. Appasaddassavaṇṇavādinoti yaṃ ṭhānaṃ appasaddaṃ nissaddaṃ. Tassa vaṇṇavādino. Upasaṅkamitabbaṃ maññeyyāti idhāgantabbaṃ maññeyya.

    กสฺมา ปเนส เถรสฺส อุปสงฺกมนํ ปจฺจาสีสตีติฯ อตฺตโน วุทฺธิํ ปตฺถยมาโนฯ ปริพฺพาชกา กิร พุเทฺธสุ วา พุทฺธสาวเกสุ วา อตฺตโน สนฺติกํ อาคเตสุ – ‘‘อชฺช อมฺหากํ สนฺติกํ สมโณ โคตโม อาคโต, สาริปุโตฺต อาคโต, น โข ปเนเต ยสฺส วา ตสฺส วา สนฺติกํ คจฺฉนฺติ, ปสฺสถ อมฺหากํ อุตฺตมภาว’’นฺติ อตฺตโน อุปฎฺฐากานํ สนฺติเก อตฺตานํ อุกฺขิปนฺติ อุเจฺจ ฐาเน ฐเปนฺติฯ ภควโตปิ อุปฎฺฐาเก คณฺหิตุํ วายมนฺติฯ เต กิร ภควโต อุปฎฺฐาเก ทิสฺวา เอวํ วทนฺติ – ‘‘ตุมฺหากํ สตฺถา ภวํ โคตโมปิ โคตมสฺส สาวกาปิ อมฺหากํ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺติ, มยํ อญฺญมญฺญํ สมคฺคาฯ ตุเมฺห ปน อเมฺห อกฺขีหิ ปสฺสิตุํ น อิจฺฉถ, สามีจิกมฺมํ น กโรถ, กิํ โว อเมฺหหิ อปรทฺธ’’นฺติฯ อเปฺปกเจฺจ มนุสฺสา – ‘‘พุทฺธาปิ เอเตสํ สนฺติกํ คจฺฉนฺติ, กิํ อมฺหาก’’นฺติ ตโต ปฎฺฐาย เต ทิสฺวา นปฺปมชฺชนฺติฯ ตุณฺหี อเหสุนฺติ สนฺทกํ ปริวาเรตฺวา นิสฺสทฺทา นิสีทิํสุฯ

    Kasmā panesa therassa upasaṅkamanaṃ paccāsīsatīti. Attano vuddhiṃ patthayamāno. Paribbājakā kira buddhesu vā buddhasāvakesu vā attano santikaṃ āgatesu – ‘‘ajja amhākaṃ santikaṃ samaṇo gotamo āgato, sāriputto āgato, na kho panete yassa vā tassa vā santikaṃ gacchanti, passatha amhākaṃ uttamabhāva’’nti attano upaṭṭhākānaṃ santike attānaṃ ukkhipanti ucce ṭhāne ṭhapenti. Bhagavatopi upaṭṭhāke gaṇhituṃ vāyamanti. Te kira bhagavato upaṭṭhāke disvā evaṃ vadanti – ‘‘tumhākaṃ satthā bhavaṃ gotamopi gotamassa sāvakāpi amhākaṃ santikaṃ āgacchanti, mayaṃ aññamaññaṃ samaggā. Tumhe pana amhe akkhīhi passituṃ na icchatha, sāmīcikammaṃ na karotha, kiṃ vo amhehi aparaddha’’nti. Appekacce manussā – ‘‘buddhāpi etesaṃ santikaṃ gacchanti, kiṃ amhāka’’nti tato paṭṭhāya te disvā nappamajjanti. Tuṇhī ahesunti sandakaṃ parivāretvā nissaddā nisīdiṃsu.

    ๒๒๔. สฺวาคตํ โภโต อานนฺทสฺสาติ สุอาคมนํ โภโต อานนฺทสฺสฯ ภวเนฺต หิ โน อาคเต อานโนฺท โหติ, คเต โสโกติ ทีเปติฯ จิรสฺสํ โขติ ปิยสมุทาจารวจนเมตํฯ เถโร ปน กาเลน กาลํ ปริพฺพาชการามํ จาริกตฺถาย คจฺฉตีติ ปุริมคมนํ คเหตฺวา เอวมาหฯ เอวญฺจ ปน วตฺวา น มานตฺถโทฺธ หุตฺวา นิสีทิ, อตฺตโน ปน อาสนา วุฎฺฐาย ตํ อาสนํ ปโปฺผเฎตฺวา เถรํ อาสเนน นิมเนฺตโนฺต นิสีทตุ ภวํ อานโนฺท, อิทมาสนํ ปญฺญตฺตนฺติ อาหฯ

    224.Svāgataṃ bhoto ānandassāti suāgamanaṃ bhoto ānandassa. Bhavante hi no āgate ānando hoti, gate sokoti dīpeti. Cirassaṃ khoti piyasamudācāravacanametaṃ. Thero pana kālena kālaṃ paribbājakārāmaṃ cārikatthāya gacchatīti purimagamanaṃ gahetvā evamāha. Evañca pana vatvā na mānatthaddho hutvā nisīdi, attano pana āsanā vuṭṭhāya taṃ āsanaṃ papphoṭetvā theraṃ āsanena nimantento nisīdatu bhavaṃ ānando, idamāsanaṃ paññattanti āha.

    อนฺตรากถา วิปฺปกตาติ นิสินฺนานํ โว อารมฺภโต ปฎฺฐาย ยาว มมาคมนํ เอตสฺมิํ อนฺตเร กา นาม กถา วิปฺปกตา, มมาคมนปจฺจยา กตมา กถา ปริยนฺตํ น คตาติ ปุจฺฉติฯ

    Antarākathāvippakatāti nisinnānaṃ vo ārambhato paṭṭhāya yāva mamāgamanaṃ etasmiṃ antare kā nāma kathā vippakatā, mamāgamanapaccayā katamā kathā pariyantaṃ na gatāti pucchati.

    อถ ปริพฺพาชโก ‘‘นิรตฺถกกถาว เอสา นิสฺสารา วฎฺฎสนฺนิสฺสิตา, น ตุมฺหากํ ปุรโต วตฺตพฺพตํ อรหตี’’ติ ทีเปโนฺต ติฎฺฐเตสา, โภติอาทิมาหฯ เนสา โภโตติ สเจ ภวํ โสตุกาโม ภวิสฺสติ, ปจฺฉาเปสา กถา น ทุลฺลภา ภวิสฺสติ, อมฺหากํ ปนิมาย อโตฺถ นตฺถิฯ โภโต ปน อาคมนํ ลภิตฺวา อญฺญเทว สุการณํ กถํ โสตุกามมฺหาติ ทีเปติฯ ตโต ธมฺมเทสนํ ยาจโนฺต สาธุ วต ภวนฺตํ เย วาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อาจริยเกติ อาจริยสมเยฯ อนสฺสาสิกานีติ อสฺสาสวิรหิตานิฯ สสกฺกนฺติ เอกํสเตฺถ นิปาโต, วิญฺญู ปุริโส เอกํเสเนว น วเสยฺยาติ อโตฺถฯ วสโนฺต จ นาราเธยฺยาติ น สมฺปาเทยฺย, น ปริปูเรยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ ญายํ ธมฺมํ กุสลนฺติ การณภูตํ อนวชฺชเฎฺฐน กุสลํ ธมฺมํฯ

    Atha paribbājako ‘‘niratthakakathāva esā nissārā vaṭṭasannissitā, na tumhākaṃ purato vattabbataṃ arahatī’’ti dīpento tiṭṭhatesā, bhotiādimāha. Nesā bhototi sace bhavaṃ sotukāmo bhavissati, pacchāpesā kathā na dullabhā bhavissati, amhākaṃ panimāya attho natthi. Bhoto pana āgamanaṃ labhitvā aññadeva sukāraṇaṃ kathaṃ sotukāmamhāti dīpeti. Tato dhammadesanaṃ yācanto sādhu vata bhavantaṃ ye vātiādimāha. Tattha ācariyaketi ācariyasamaye. Anassāsikānīti assāsavirahitāni. Sasakkanti ekaṃsatthe nipāto, viññū puriso ekaṃseneva na vaseyyāti attho. Vasanto ca nārādheyyāti na sampādeyya, na paripūreyyāti vuttaṃ hoti. Ñāyaṃ dhammaṃ kusalanti kāraṇabhūtaṃ anavajjaṭṭhena kusalaṃ dhammaṃ.

    ๒๒๕. อิธาติ อิมสฺมิํ โลเกฯ นตฺถิ ทินฺนนฺติอาทีนิ สาเลยฺยกสุเตฺต (ม. นิ. ๑.๔๔๐) วุตฺตานิฯ จาตุมหาภูติโกติ จตุมหาภูตมโยฯ ปถวี ปถวีกายนฺติ อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ พาหิรปถวีธาตุํฯ อนุเปตีติ อนุยาติฯ อนุปคจฺฉตีติ ตเสฺสว เววจนํ, อนุคจฺฉตีติปิ อโตฺถ, อุภเยนาปิ อุเปติ อุปคจฺฉตีติ ทเสฺสติฯ อาปาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อินฺทฺริยานีติ มนจฺฉฎฺฐานิ อินฺทฺริยานิ อากาสํ ปกฺขนฺทนฺติฯ อาสนฺทิปญฺจมาติ นิปนฺนมเญฺจน ปญฺจมา, มโญฺจ เจว, จตฺตาโร มญฺจปาเท คเหตฺวา ฐิตา จตฺตาโร ปุริสา จาติ อโตฺถฯ ยาวาฬาหนาติ ยาว สุสานาฯ ปทานีติ อยํ เอวํ สีลวา อโหสิ, เอวํ ทุสฺสีโลติอาทินา นเยน ปวตฺตานิ คุณปทานิฯ สรีรเมว วา เอตฺถ ปทานีติ อธิเปฺปตํฯ กาโปตกานีติ กโปตกวณฺณานิ, ปาราวตปกฺขวณฺณานีติ อโตฺถฯ

    225.Idhāti imasmiṃ loke. Natthi dinnantiādīni sāleyyakasutte (ma. ni. 1.440) vuttāni. Cātumahābhūtikoti catumahābhūtamayo. Pathavī pathavīkāyanti ajjhattikā pathavīdhātu bāhirapathavīdhātuṃ. Anupetīti anuyāti. Anupagacchatīti tasseva vevacanaṃ, anugacchatītipi attho, ubhayenāpi upeti upagacchatīti dasseti. Āpādīsupi eseva nayo. Indriyānīti manacchaṭṭhāni indriyāni ākāsaṃ pakkhandanti. Āsandipañcamāti nipannamañcena pañcamā, mañco ceva, cattāro mañcapāde gahetvā ṭhitā cattāro purisā cāti attho. Yāvāḷāhanāti yāva susānā. Padānīti ayaṃ evaṃ sīlavā ahosi, evaṃ dussīlotiādinā nayena pavattāni guṇapadāni. Sarīrameva vā ettha padānīti adhippetaṃ. Kāpotakānīti kapotakavaṇṇāni, pārāvatapakkhavaṇṇānīti attho.

    ภสฺสนฺตาติ ภสฺมนฺตา, อยเมว วา ปาฬิฯ อาหุติโยติ ยํ ปเหณกสกฺการาทิเภทํ ทินฺนทานํ, สพฺพํ ตํ ฉาริกาวสานเมว โหติ, น ตโต ปรํ ผลทายกํ หุตฺวา คจฺฉตีติ อโตฺถฯ ทตฺตุปญฺญตฺตนฺติ ทตฺตูหิ พาลมนุเสฺสหิ ปญฺญตฺตํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – พาเลหิ อพุทฺธีหิ ปญฺญตฺตมิทํ ทานํ, น ปณฺฑิเตหิฯ พาลา เทนฺติ, ปณฺฑิตา คณฺหนฺตีติ ทเสฺสติฯ อตฺถิกวาทนฺติ อตฺถิ ทินฺนํ ทินฺนผลนฺติ อิมํ อตฺถิกวาทํเยว วทนฺติ เตสํ ตุจฺฉํ วจนํ มุสาวิลาโปฯ พาเล จ ปณฺฑิเต จาติ พาลา จ ปณฺฑิตา จฯ

    Bhassantāti bhasmantā, ayameva vā pāḷi. Āhutiyoti yaṃ paheṇakasakkārādibhedaṃ dinnadānaṃ, sabbaṃ taṃ chārikāvasānameva hoti, na tato paraṃ phaladāyakaṃ hutvā gacchatīti attho. Dattupaññattanti dattūhi bālamanussehi paññattaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – bālehi abuddhīhi paññattamidaṃ dānaṃ, na paṇḍitehi. Bālā denti, paṇḍitā gaṇhantīti dasseti. Atthikavādanti atthi dinnaṃ dinnaphalanti imaṃ atthikavādaṃyeva vadanti tesaṃ tucchaṃ vacanaṃ musāvilāpo. Bāleca paṇḍite cāti bālā ca paṇḍitā ca.

    อกเตน เม เอตฺถ กตนฺติ มยฺหํ อกเตเนว สมณกเมฺมน เอตฺถ เอตสฺส สมเย กมฺมํ กตํ นาม โหติ, อวุสิเตเนว พฺรหฺมจริเยน วุสิตํ นาม โหติฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ สมณธเมฺมฯ สมสมาติ อติวิย สมา, สเมน วา คุเณน สมาฯ สามญฺญํ ปตฺตาติ สมานภาวํ ปตฺตาฯ

    Akatena me ettha katanti mayhaṃ akateneva samaṇakammena ettha etassa samaye kammaṃ kataṃ nāma hoti, avusiteneva brahmacariyena vusitaṃ nāma hoti. Etthāti etasmiṃ samaṇadhamme. Samasamāti ativiya samā, samena vā guṇena samā. Sāmaññaṃ pattāti samānabhāvaṃ pattā.

    ๒๒๖. กรโตติอาทีนิ อปณฺณกสุเตฺต วุตฺตานิฯ ตถา นตฺถิ เหตูติอาทีนิฯ

    226.Karatotiādīni apaṇṇakasutte vuttāni. Tathā natthi hetūtiādīni.

    ๒๒๘. จตุตฺถพฺรหฺมจริยวาเส อกฎาติ อกตาฯ อกฎวิธาติ อกตวิธานา, เอวํ กโรหีติ เกนจิ การาปิตา น โหนฺตีติ อโตฺถฯ อนิมฺมิตาติ อิทฺธิยาปิ น นิมฺมิตาฯ อนิมฺมาตาติ อนิมฺมาปิตาฯ เกจิ อนิมฺมิตพฺพาติ ปทํ วทนฺติ, ตํ เนว ปาฬิยํ, น อฎฺฐกถายํ สนฺทิสฺสติฯ วญฺฌาติ วญฺฌปสุวญฺฌตาลาทโย วิย อผลา, กสฺสจิ อชนกาติ อโตฺถฯ เอเตน ปถวีกายาทีนํ รูปาทิชนกภาวํ ปฎิกฺขิปติฯ ปพฺพตกูฎา วิย ฐิตาติ กูฎฎฺฐาฯ อีสิกฎฺฐายิฎฺฐิตาติ มุเญฺช อีสิกา วิย ฐิตาฯ ตตฺรายมธิปฺปาโย – ยมิทํ ชายตีติ วุจฺจติ, ตํ มุญฺชโต อีสิกา วิย วิชฺชมานเมว นิกฺขมตีติฯ ‘‘เอสิกฎฺฐายิฎฺฐิตา’’ติปิ ปาโฐ, สุนิขาโต เอสิกตฺถโมฺภ นิจฺจโล ติฎฺฐติ, เอวํ ฐิตาติ อโตฺถฯ อุภเยนปิ เตสํ วินาสาภาวํ ทีเปติฯ น อิญฺชนฺตีติ เอสิกตฺถโมฺภ วิย ฐิตตฺตา น จลนฺติฯ น วิปริณาเมนฺตีติ ปกติํ น ชหนฺติฯ น อญฺญมญฺญํ พฺยาพาเธนฺตีติ อญฺญมญฺญํ น อุปหนนฺติฯ นาลนฺติ น สมตฺถาฯ

    228. Catutthabrahmacariyavāse akaṭāti akatā. Akaṭavidhāti akatavidhānā, evaṃ karohīti kenaci kārāpitā na hontīti attho. Animmitāti iddhiyāpi na nimmitā. Animmātāti animmāpitā. Keci animmitabbāti padaṃ vadanti, taṃ neva pāḷiyaṃ, na aṭṭhakathāyaṃ sandissati. Vañjhāti vañjhapasuvañjhatālādayo viya aphalā, kassaci ajanakāti attho. Etena pathavīkāyādīnaṃ rūpādijanakabhāvaṃ paṭikkhipati. Pabbatakūṭā viya ṭhitāti kūṭaṭṭhā. Īsikaṭṭhāyiṭṭhitāti muñje īsikā viya ṭhitā. Tatrāyamadhippāyo – yamidaṃ jāyatīti vuccati, taṃ muñjato īsikā viya vijjamānameva nikkhamatīti. ‘‘Esikaṭṭhāyiṭṭhitā’’tipi pāṭho, sunikhāto esikatthambho niccalo tiṭṭhati, evaṃ ṭhitāti attho. Ubhayenapi tesaṃ vināsābhāvaṃ dīpeti. Na iñjantīti esikatthambho viya ṭhitattā na calanti. Na vipariṇāmentīti pakatiṃ na jahanti. Na aññamaññaṃ byābādhentīti aññamaññaṃ na upahananti. Nālanti na samatthā.

    ปถวีกาโยติอาทีสุ ปถวีเยว ปถวีกาโย, ปถวีสมูโห วาฯ ตตฺถาติ เตสุ ชีวสตฺตเมสุ กาเยสุฯ นตฺถิ หนฺตา วาติ หนฺตุํ วา ฆาเตตุํ วา โสตุํ วา สาเวตุํ วา ชานิตุํ วา ชานาเปตุํ วา สมโตฺถ นาม นตฺถีติ ทีเปติฯ สตฺตนฺนํเตฺวว กายานนฺติ ยถา มุคฺคราสิอาทีสุ ปหฎํ สตฺถํ มุคฺคราสิอาทีนํ อนฺตเรน ปวิสติ, เอวํ สตฺตนฺนํ กายานํ อนฺตเรน ฉิเทฺทน วิวเรน สตฺถํ ปวิสติฯ ตตฺถ ‘‘อหํ อิมํ ชีวิตา โวโรเปมี’’ติ เกวลํ สญฺญามตฺตเมว โหตีติ ทเสฺสติฯ โยนิปมุขสตสหสฺสานีติ ปมุขโยนีนํ อุตฺตมโยนีนํ จุทฺทสสตสหสฺสานิ อญฺญานิ จ สฎฺฐิสตานิ อญฺญานิ จ ฉสตานิฯ ปญฺจ จ กมฺมุโน สตานีติ ปญฺจ กมฺมสตานิ จ, เกวลํ ตกฺกมตฺตเกน นิรตฺถกํ ทิฎฺฐิํ ทีเปติฯ ปญฺจ จ กมฺมานิ ตีณิ จ กมฺมานีติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เกจิ ปนาหุ ปญฺจ กมฺมานีติ ปญฺจินฺทฺริยวเสน ภณติฯ ตีณีติ กายกมฺมาทิวเสนาติฯ กเมฺม จ อฑฺฒกเมฺม จาติ เอตฺถ ปนสฺส กายกมฺมญฺจ วจีกมฺมญฺจ กมฺมนฺติ ลทฺธิ, มโนกมฺมํ อุปฑฺฒกมฺมนฺติฯ ทฺวฎฺฐิปฎิปทาติ ทฺวาสฎฺฐิ ปฎิปทาติ วทติฯ ทฺวฎฺฐนฺตรกปฺปาติ เอกสฺมิํ กเปฺป จตุสฎฺฐิ อนฺตรกปฺปา นาม โหนฺติ, อยํ ปน อเญฺญ เทฺว อชานโนฺต เอวมาหฯ ฉฬาภิชาติโย อปณฺณกสุเตฺต วิตฺถาริตาฯ

    Pathavīkāyotiādīsu pathavīyeva pathavīkāyo, pathavīsamūho vā. Tatthāti tesu jīvasattamesu kāyesu. Natthi hantā vāti hantuṃ vā ghātetuṃ vā sotuṃ vā sāvetuṃ vā jānituṃ vā jānāpetuṃ vā samattho nāma natthīti dīpeti. Sattannaṃtveva kāyānanti yathā muggarāsiādīsu pahaṭaṃ satthaṃ muggarāsiādīnaṃ antarena pavisati, evaṃ sattannaṃ kāyānaṃ antarena chiddena vivarena satthaṃ pavisati. Tattha ‘‘ahaṃ imaṃ jīvitā voropemī’’ti kevalaṃ saññāmattameva hotīti dasseti. Yonipamukhasatasahassānīti pamukhayonīnaṃ uttamayonīnaṃ cuddasasatasahassāni aññāni ca saṭṭhisatāni aññāni ca chasatāni. Pañca ca kammuno satānīti pañca kammasatāni ca, kevalaṃ takkamattakena niratthakaṃ diṭṭhiṃ dīpeti. Pañca ca kammāni tīṇi ca kammānītiādīsupi eseva nayo. Keci panāhu pañca kammānīti pañcindriyavasena bhaṇati. Tīṇīti kāyakammādivasenāti. Kamme ca aḍḍhakamme cāti ettha panassa kāyakammañca vacīkammañca kammanti laddhi, manokammaṃ upaḍḍhakammanti. Dvaṭṭhipaṭipadāti dvāsaṭṭhi paṭipadāti vadati. Dvaṭṭhantarakappāti ekasmiṃ kappe catusaṭṭhi antarakappā nāma honti, ayaṃ pana aññe dve ajānanto evamāha. Chaḷābhijātiyo apaṇṇakasutte vitthāritā.

    อฎฺฐ ปุริสภูมิโยติ มนฺทภูมิ ขิฑฺฑาภูมิ วีมํสกภูมิ อุชุคตภูมิ เสกฺขภูมิ สมณภูมิ ชินภูมิ ปนฺนภูมีติ อิมา อฎฺฐ ปุริสภูมิโยติ วทติฯ ตตฺถ ชาตทิวสโต ปฎฺฐาย สตฺตทิวเส สมฺพาธฎฺฐานโต นิกฺขนฺตตฺตา สตฺตา มนฺทา โหนฺติ โมมูหาฯ อยํ มนฺทภูมีติ วทติฯ เย ปน ทุคฺคติโต อาคตา โหนฺติ, เต อภิณฺหํ โรทนฺติ เจว วิรวนฺติ จฯ สุคติโต อาคตา ตํ อนุสฺสริตฺวา อนุสฺสริตฺวา หสนฺติฯ อยํ ขิฑฺฑาภูมิ นามฯ มาตาปิตูนํ หตฺถํ วา ปาทํ วา มญฺจํ วา ปีฐํ วา คเหตฺวา ภูมิยํ ปทนิกฺขิปนํ วีมํสกภูมิ นามฯ ปทสาว คนฺตุํ สมตฺถกาโล อุชุคตภูมิ นามฯ สิปฺปานํ สิกฺขนกาโล เสกฺขภูมิ นามฯ ฆรา นิกฺขมฺม ปพฺพชนกาโล สมณภูมิ นามฯ อาจริยํ เสวิตฺวา ชานนกาโล ชินภูมิ นามฯ ภิกฺขุ จ ปนฺนโก ชิโน น กิญฺจิ อาหาติ เอวํ อลาภิํ สมณํ ปนฺนภูมีติ วทติฯ

    Aṭṭha purisabhūmiyoti mandabhūmi khiḍḍābhūmi vīmaṃsakabhūmi ujugatabhūmi sekkhabhūmi samaṇabhūmi jinabhūmi pannabhūmīti imā aṭṭha purisabhūmiyoti vadati. Tattha jātadivasato paṭṭhāya sattadivase sambādhaṭṭhānato nikkhantattā sattā mandā honti momūhā. Ayaṃ mandabhūmīti vadati. Ye pana duggatito āgatā honti, te abhiṇhaṃ rodanti ceva viravanti ca. Sugatito āgatā taṃ anussaritvā anussaritvā hasanti. Ayaṃ khiḍḍābhūmi nāma. Mātāpitūnaṃ hatthaṃ vā pādaṃ vā mañcaṃ vā pīṭhaṃ vā gahetvā bhūmiyaṃ padanikkhipanaṃ vīmaṃsakabhūmi nāma. Padasāva gantuṃ samatthakālo ujugatabhūmi nāma. Sippānaṃ sikkhanakālo sekkhabhūmi nāma. Gharā nikkhamma pabbajanakālo samaṇabhūmi nāma. Ācariyaṃ sevitvā jānanakālo jinabhūmi nāma. Bhikkhu ca pannako jino na kiñci āhāti evaṃ alābhiṃ samaṇaṃ pannabhūmīti vadati.

    เอกูนปญฺญาส อาชีวสเตติ เอกูนปญฺญาส อาชีววุตฺติสตานิฯ ปริพฺพาชกสเตติ ปริพฺพาชกปพฺพชฺชสตานิฯ นาคาวาสสเตติ นาคมณฺฑลสตานิฯ วีเส อินฺทฺริยสเตติ วีส อินฺทฺริยสตานิฯ ติํเส นิรยสเตติ ติํส นิรยสตานิฯ รโชธาตุโยติ รชโอกิรณฎฺฐานานิฯ หตฺถปิฎฺฐิปาทปิฎฺฐาทีนิ สนฺธาย วทติฯ สตฺต สญฺญีคพฺภาติ โอฎฺฐโคณคทฺรภอชปสุมิคมหิํเส สนฺธาย วทติฯ อสญฺญีคพฺภาติ สาลิยวโคธุมมุคฺคกงฺคุวรกกุทฺรูสเก สนฺธาย วทติฯ นิคณฺฐิคพฺภาติ นิคณฺฐิมฺหิ ชาตคพฺภา, อุจฺฉุเวฬุนฬาทโย สนฺธาย วทติฯ สตฺต เทวาติ พหู เทวา, โส ปน สตฺตาติ วทติฯ มานุสาปิ อนนฺตา, โส สตฺตาติ วทติฯ สตฺต ปิสาจาติ ปิสาจา มหนฺตา, สตฺตาติ วทติฯ

    Ekūnapaññāsaājīvasateti ekūnapaññāsa ājīvavuttisatāni. Paribbājakasateti paribbājakapabbajjasatāni. Nāgāvāsasateti nāgamaṇḍalasatāni. Vīse indriyasateti vīsa indriyasatāni. Tiṃse nirayasateti tiṃsa nirayasatāni. Rajodhātuyoti rajaokiraṇaṭṭhānāni. Hatthapiṭṭhipādapiṭṭhādīni sandhāya vadati. Satta saññīgabbhāti oṭṭhagoṇagadrabhaajapasumigamahiṃse sandhāya vadati. Asaññīgabbhāti sāliyavagodhumamuggakaṅguvarakakudrūsake sandhāya vadati. Nigaṇṭhigabbhāti nigaṇṭhimhi jātagabbhā, ucchuveḷunaḷādayo sandhāya vadati. Satta devāti bahū devā, so pana sattāti vadati. Mānusāpi anantā, so sattāti vadati. Satta pisācāti pisācā mahantā, sattāti vadati.

    สราติ มหาสราฯ กณฺณมุณฺฑ-รถการ-อโนตตฺต-สีหปปาตกุฬิร-มุจลินฺท-กุณาลทเห คเหตฺวา วทติฯ ปวุฎาติ คณฺฐิกาฯ ปปาตาติ มหาปปาตาฯ ปปาตสตานีติ ขุทฺทกปปาตสตานิฯ สุปินาติ มหาสุปินาฯ สุปินสตานีติ ขุทฺทกสุปินสตานิฯ มหากปฺปิโนติ มหากปฺปานํฯ เอตฺถ เอกมฺหา สรา วสฺสสเต วสฺสสเต กุสเคฺคน เอกํ อุทกพินฺทุํ นีหริตฺวา นีหริตฺวา สตฺตกฺขตฺตุํ ตมฺหิ สเร นิรุทเก กเต เอโก มหากโปฺปติ วทติฯ เอวรูปานํ มหากปฺปานํ จตุราสีติสตสหสฺสานิ เขเปตฺวา พาลา จ ปณฺฑิตา จ ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรนฺตีติ อยมสฺส ลทฺธิฯ ปณฺฑิโตปิ กิร อนฺตรา สุชฺฌิตุํ น สโกฺกติ, พาโลปิ ตโต อุทฺธํ น คจฺฉติฯ

    Sarāti mahāsarā. Kaṇṇamuṇḍa-rathakāra-anotatta-sīhapapātakuḷira-mucalinda-kuṇāladahe gahetvā vadati. Pavuṭāti gaṇṭhikā. Papātāti mahāpapātā. Papātasatānīti khuddakapapātasatāni. Supināti mahāsupinā. Supinasatānīti khuddakasupinasatāni. Mahākappinoti mahākappānaṃ. Ettha ekamhā sarā vassasate vassasate kusaggena ekaṃ udakabinduṃ nīharitvā nīharitvā sattakkhattuṃ tamhi sare nirudake kate eko mahākappoti vadati. Evarūpānaṃ mahākappānaṃ caturāsītisatasahassāni khepetvā bālā ca paṇḍitā ca dukkhassantaṃ karontīti ayamassa laddhi. Paṇḍitopi kira antarā sujjhituṃ na sakkoti, bālopi tato uddhaṃ na gacchati.

    สีเลนาติ อเจลกสีเลน วา อเญฺญน วา เยน เกนจิฯ วเตนาติ ตาทิเสน วเตนฯ ตเปนาติ ตโปกเมฺมนฯ อปริปกฺกํ ปริปาเจติ นาม โย ‘‘อหํ ปณฺฑิโต’’ติ อนฺตรา วิสุชฺฌติฯ ปริปกฺกํ ผุสฺส ผุสฺส พฺยนฺติํ กโรติ นาม โย ‘‘อหํ พาโล’’ติ วุตฺตปริมาณํ กาลํ อติกฺกมิตฺวา ยาติฯ เหวํ นตฺถีติ เอวํ นตฺถิฯ ตญฺหิ อุภยมฺปิ น สกฺกา กาตุนฺติ ทีเปติฯ โทณมิเตติ โทเณน มิตํ วิยฯ สุขทุเกฺขติ สุขทุกฺขํฯ ปริยนฺตกเตติ วุตฺตปริมาเณน กาเลน กตปริยโนฺตฯ นตฺถิ หายนวฑฺฒเนติ นตฺถิ หายนวฑฺฒนานิฯ น สํสาโร ปณฺฑิตสฺส หายติ, น พาลสฺส วฑฺฒตีติ อโตฺถฯ อุกฺกํสาวกํเสติ อุกฺกํสาวกํสา, หาปนวฑฺฒนานเมเวตํ เววจนํฯ อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย สาเธโนฺต เสยฺยถาปิ นามาติอาทิมาหฯ ตตฺถ สุตฺตคุเฬติ เวเฐตฺวา กตสุตฺตคุฬํฯ นิเพฺพฐิยมานเมว ปเลตีติ ปพฺพเต วา รุกฺขเคฺค วา ฐตฺวา ขิตฺตํ สุตฺตปมาเณน นิเพฺพฐิยมานํ คจฺฉติ, สุเตฺต ขีเณ ตตฺถ ติฎฺฐติ น คจฺฉติฯ เอวเมวํ วุตฺตกาลโต อุทฺธํ น คจฺฉตีติ ทเสฺสติฯ

    Sīlenāti acelakasīlena vā aññena vā yena kenaci. Vatenāti tādisena vatena. Tapenāti tapokammena. Aparipakkaṃ paripāceti nāma yo ‘‘ahaṃ paṇḍito’’ti antarā visujjhati. Paripakkaṃ phussa phussa byantiṃ karoti nāma yo ‘‘ahaṃ bālo’’ti vuttaparimāṇaṃ kālaṃ atikkamitvā yāti. Hevaṃ natthīti evaṃ natthi. Tañhi ubhayampi na sakkā kātunti dīpeti. Doṇamiteti doṇena mitaṃ viya. Sukhadukkheti sukhadukkhaṃ. Pariyantakateti vuttaparimāṇena kālena katapariyanto. Natthi hāyanavaḍḍhaneti natthi hāyanavaḍḍhanāni. Na saṃsāro paṇḍitassa hāyati, na bālassa vaḍḍhatīti attho. Ukkaṃsāvakaṃseti ukkaṃsāvakaṃsā, hāpanavaḍḍhanānamevetaṃ vevacanaṃ. Idāni tamatthaṃ upamāya sādhento seyyathāpi nāmātiādimāha. Tattha suttaguḷeti veṭhetvā katasuttaguḷaṃ. Nibbeṭhiyamānameva paletīti pabbate vā rukkhagge vā ṭhatvā khittaṃ suttapamāṇena nibbeṭhiyamānaṃ gacchati, sutte khīṇe tattha tiṭṭhati na gacchati. Evamevaṃ vuttakālato uddhaṃ na gacchatīti dasseti.

    ๒๒๙. กิมิทนฺติ กิมิทํ ตว อญฺญาณํ, กิํ สพฺพญฺญุ นาม ตฺวนฺติ เอวํ ปุโฎฺฐ สมาโน นิยติวาเท ปกฺขิปโนฺต สุญฺญํ เม อคารนฺติอาทิมาหฯ

    229.Kimidanti kimidaṃ tava aññāṇaṃ, kiṃ sabbaññu nāma tvanti evaṃ puṭṭho samāno niyativāde pakkhipanto suññaṃ me agārantiādimāha.

    ๒๓๐. อนุสฺสวิโก โหตีติ อนุสฺสวนิสฺสิโต โหติฯ อนุสฺสวสโจฺจติ สวนํ สจฺจโต คเหตฺวา ฐิโตฯ ปิฎกสมฺปทายาติ วคฺคปณฺณาสกาย ปิฎกคนฺถสมฺปตฺติยาฯ

    230.Anussaviko hotīti anussavanissito hoti. Anussavasaccoti savanaṃ saccato gahetvā ṭhito. Piṭakasampadāyāti vaggapaṇṇāsakāya piṭakaganthasampattiyā.

    ๒๓๒. มโนฺทติ มนฺทปโญฺญฯ โมมูโหติ อติมูโฬฺหฯ วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชตีติ วาจาย วิเกฺขปํ อาปชฺชติฯ กีทิสํ? อมราวิเกฺขปํ, อปริยนฺตวิเกฺขปนฺติ อโตฺถฯ อถ วา อมรา นาม มจฺฉชาติฯ สา อุมฺมุชฺชนนิมฺมุชฺชนาทิวเสน อุทเก สนฺธาวมานา คเหตุํ น สกฺกาติ เอวเมว อยมฺปิ วาโท อิโต จิโต จ สนฺธาวติ, คาหํ น อุปคจฺฉตีติ อมราวิเกฺขโปติ วุจฺจติฯ ตํ อมราวิเกฺขปํฯ

    232.Mandoti mandapañño. Momūhoti atimūḷho. Vācāvikkhepaṃ āpajjatīti vācāya vikkhepaṃ āpajjati. Kīdisaṃ? Amarāvikkhepaṃ, apariyantavikkhepanti attho. Atha vā amarā nāma macchajāti. Sā ummujjananimmujjanādivasena udake sandhāvamānā gahetuṃ na sakkāti evameva ayampi vādo ito cito ca sandhāvati, gāhaṃ na upagacchatīti amarāvikkhepoti vuccati. Taṃ amarāvikkhepaṃ.

    เอวนฺติปิ เม โนติอาทีสุ อิทํ กุสลนฺติ ปุโฎฺฐ ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติ วทติ, ตโต กิํ อกุสลนฺติ วุเตฺต ‘‘ตถาติปิ เม โน’’ติ วทติ, กิํ อุภยโต อญฺญถาติ วุเตฺต ‘‘อญฺญถาติปิ เม โน’’ติ วทติ, ตโต ติวิเธนาปิ น โหตีติ เต ลทฺธีติ วุเตฺต ‘‘โนติปิ เม โน’’ติ วทติ, ตโต กิํ โน โนติ เต ลทฺธีติ วุเตฺต ‘‘โน โนติปิ เม โน’’ติ วิเกฺขปมาปชฺชติ, เอกสฺมิมฺปิ ปเกฺข น ติฎฺฐติฯ นิพฺพิชฺช ปกฺกมตีติ อตฺตโนปิ เอส สตฺถา อวสฺสโย ภวิตุํ น สโกฺกติ, มยฺหํ กิํ สกฺขิสฺสตีติ นิพฺพินฺทิตฺวา ปกฺกมติฯ ปุริเมสุปิ อนสฺสาสิเกสุ เอเสว นโยฯ

    Evantipi me notiādīsu idaṃ kusalanti puṭṭho ‘‘evantipi me no’’ti vadati, tato kiṃ akusalanti vutte ‘‘tathātipi me no’’ti vadati, kiṃ ubhayato aññathāti vutte ‘‘aññathātipi me no’’ti vadati, tato tividhenāpi na hotīti te laddhīti vutte ‘‘notipi me no’’ti vadati, tato kiṃ no noti te laddhīti vutte ‘‘no notipi me no’’ti vikkhepamāpajjati, ekasmimpi pakkhe na tiṭṭhati. Nibbijja pakkamatīti attanopi esa satthā avassayo bhavituṃ na sakkoti, mayhaṃ kiṃ sakkhissatīti nibbinditvā pakkamati. Purimesupi anassāsikesu eseva nayo.

    ๒๓๔. สนฺนิธิการกํ กาเม ปริภุญฺชิตุนฺติ ยถา ปุเพฺพ คิหิภูโต สนฺนิธิํ กตฺวา วตฺถุกาเม ปริภุญฺชติ, เอวํ ติลตณฺฑุลสปฺปินวนีตาทีนิ สนฺนิธิํ กตฺวา อิทานิ ปริภุญฺชิตุํ อภโพฺพติ อโตฺถฯ นนุ จ ขีณาสวสฺส วสนฎฺฐาเน ติลตณฺฑุลาทโย ปญฺญายนฺตีติฯ โน น ปญฺญายนฺติ, น ปเนส เต อตฺตโน อตฺถาย ฐเปติ, อผาสุกปพฺพชิตาทีนํ อตฺถาย ฐเปติฯ อนาคามิสฺส กถนฺติฯ ตสฺสาปิ ปญฺจ กามคุณา สพฺพโสว ปหีนา, ธเมฺมน ปน ลทฺธํ วิจาเรตฺวา ปริภุญฺชติฯ

    234.Sannidhikārakaṃ kāme paribhuñjitunti yathā pubbe gihibhūto sannidhiṃ katvā vatthukāme paribhuñjati, evaṃ tilataṇḍulasappinavanītādīni sannidhiṃ katvā idāni paribhuñjituṃ abhabboti attho. Nanu ca khīṇāsavassa vasanaṭṭhāne tilataṇḍulādayo paññāyantīti. No na paññāyanti, na panesa te attano atthāya ṭhapeti, aphāsukapabbajitādīnaṃ atthāya ṭhapeti. Anāgāmissa kathanti. Tassāpi pañca kāmaguṇā sabbasova pahīnā, dhammena pana laddhaṃ vicāretvā paribhuñjati.

    ๒๓๖. ปุตฺตมตาย ปุตฺตาติ โส กิร อิมํ ธมฺมํ สุตฺวา อาชีวกา มตา นามาติ สญฺญี หุตฺวา เอวมาหฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – อาชีวกา มตา นาม, เตสํ มาตา ปุตฺตมตา โหติ, อิติ อาชีวกา ปุตฺตมตาย ปุตฺตา นาม โหนฺติฯ สมเณ โคตเมติ สมเณ โคตเม พฺรหฺมจริยวาโส อตฺถิ, อญฺญตฺถ นตฺถีติ ทีเปติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    236.Puttamatāya puttāti so kira imaṃ dhammaṃ sutvā ājīvakā matā nāmāti saññī hutvā evamāha. Ayañhettha attho – ājīvakā matā nāma, tesaṃ mātā puttamatā hoti, iti ājīvakā puttamatāya puttā nāma honti. Samaṇe gotameti samaṇe gotame brahmacariyavāso atthi, aññattha natthīti dīpeti. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    สนฺทกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sandakasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๖. สนฺทกสุตฺตํ • 6. Sandakasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๖. สนฺทกสุตฺตวณฺณนา • 6. Sandakasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact