Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๓๔๙] ๙. สนฺธิเภทชาตกวณฺณนา

    [349] 9. Sandhibhedajātakavaṇṇanā

    เนว อิตฺถีสุ สามญฺญนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เปสุญฺญสิกฺขาปทํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกสฺมิํ กิร สมเย สตฺถา ‘‘ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู เปสุญฺญํ อุปสํหรนฺตี’’ติ สุตฺวา เต ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ เปสุญฺญํ อุปสํหรถ, เตน อนุปฺปนฺนานิ เจว ภณฺฑนานิ อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนานิ จ ภิโยฺยภาวาย สํวตฺตนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุเตฺต เต ภิกฺขู ครหิตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ปิสุณา วาจา นาม ติขิณสตฺติปหารสทิสา, ทโฬฺห วิสฺสาโสปิ ตาย ขิปฺปํ ภิชฺชติ, ตญฺจ ปน คเหตฺวา อตฺตโน เมตฺติภินฺทนกชโน สีหอุสภสทิโส โหตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Neva itthīsu sāmaññanti idaṃ satthā jetavane viharanto pesuññasikkhāpadaṃ ārabbha kathesi. Ekasmiṃ kira samaye satthā ‘‘chabbaggiyā bhikkhū pesuññaṃ upasaṃharantī’’ti sutvā te pakkosāpetvā ‘‘saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, bhikkhūnaṃ bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānaṃ pesuññaṃ upasaṃharatha, tena anuppannāni ceva bhaṇḍanāni uppajjanti, uppannāni ca bhiyyobhāvāya saṃvattantī’’ti pucchitvā ‘‘sacca’’nti vutte te bhikkhū garahitvā ‘‘bhikkhave, pisuṇā vācā nāma tikhiṇasattipahārasadisā, daḷho vissāsopi tāya khippaṃ bhijjati, tañca pana gahetvā attano mettibhindanakajano sīhausabhasadiso hotī’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส ปุโตฺต หุตฺวา วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลายํ อุคฺคหิตสิโปฺป ปิตุ อจฺจเยน ธเมฺมน รชฺชํ กาเรสิฯ ตทา เอโก โคปาลโก อรเญฺญ โคกุเลสุ คาโว ปฎิชคฺคิตฺวา อาคจฺฉโนฺต เอกํ คพฺภินิํ อสลฺลเกฺขตฺวา ปหาย อาคโตฯ ตสฺสา เอกาย สีหิยา สทฺธิํ วิสฺสาโส อุปฺปชฺชิฯ ตา อุโภปิ ทฬฺหมิตฺตา หุตฺวา เอกโต วิจรนฺติฯ อปรภาเค คาวี วจฺฉกํ, สีหี สีหโปตกํ วิชายิฯ เต อุโภปิ ชนา กุเลน อาคตเมตฺติยา ทฬฺหมิตฺตา หุตฺวา เอกโต วิจรนฺติ ฯ อเถโก วนจรโก อรญฺญํ ปวิสิตฺวา เตสํ วิสฺสาสํ ทิสฺวา อรเญฺญ อุปฺปชฺชนกภณฺฑํ อาทาย พาราณสิํ คนฺตฺวา รโญฺญ ทตฺวา ‘‘อปิ เต, สมฺม, กิญฺจิ อรเญฺญ อจฺฉริยํ ทิฎฺฐปุพฺพ’’นฺติ รญฺญา ปุโฎฺฐ ‘‘เทว, อญฺญํ กิญฺจิ น ปสฺสามิ, เอกํ ปน สีหญฺจ อุสภญฺจ อญฺญมญฺญํ วิสฺสาสิเก เอกโต วิจรเนฺต อทฺทส’’นฺติ อาหฯ ‘‘เอเตสํ ตติเย อุปฺปเนฺน ภยํ ภวิสฺสติ, ยทา เตสํ ตติยํ ปสฺสติ, อถ เม อาจิเกฺขยฺยาสี’’ติฯ ‘‘สาธุ, เทวา’’ติฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tassa putto hutvā vayappatto takkasilāyaṃ uggahitasippo pitu accayena dhammena rajjaṃ kāresi. Tadā eko gopālako araññe gokulesu gāvo paṭijaggitvā āgacchanto ekaṃ gabbhiniṃ asallakkhetvā pahāya āgato. Tassā ekāya sīhiyā saddhiṃ vissāso uppajji. Tā ubhopi daḷhamittā hutvā ekato vicaranti. Aparabhāge gāvī vacchakaṃ, sīhī sīhapotakaṃ vijāyi. Te ubhopi janā kulena āgatamettiyā daḷhamittā hutvā ekato vicaranti . Atheko vanacarako araññaṃ pavisitvā tesaṃ vissāsaṃ disvā araññe uppajjanakabhaṇḍaṃ ādāya bārāṇasiṃ gantvā rañño datvā ‘‘api te, samma, kiñci araññe acchariyaṃ diṭṭhapubba’’nti raññā puṭṭho ‘‘deva, aññaṃ kiñci na passāmi, ekaṃ pana sīhañca usabhañca aññamaññaṃ vissāsike ekato vicarante addasa’’nti āha. ‘‘Etesaṃ tatiye uppanne bhayaṃ bhavissati, yadā tesaṃ tatiyaṃ passati, atha me ācikkheyyāsī’’ti. ‘‘Sādhu, devā’’ti.

    วนจรเก ปน พาราณสิํ คเต เอโก สิงฺคาโล สีหญฺจ อุสภญฺจ อุปฎฺฐหิฯ วนจรโก อรญฺญํ คนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ‘‘ตติยสฺส อุปฺปนฺนภาวํ รโญฺญ กเถสฺสามี’’ติ นครํ คโตฯ สิงฺคาโล จิเนฺตสิ ‘‘มยา ฐเปตฺวา สีหมํสญฺจ อุสภมํสญฺจ อญฺญํ อขาทิตปุพฺพํ นาม นตฺถิ, อิเม ภินฺทิตฺวา อิเมสํ มํสํ ขาทิสฺสามี’’ติฯ โส ‘‘อยํ ตํ เอวํ วทติ, อยํ ตํ เอวํ วทตี’’ติ อุโภปิ เต อญฺญมญฺญํ ภินฺทิตฺวา น จิรเสฺสว กลหํ กาเรตฺวา มรณาการปฺปเตฺต อกาสิฯ วนจรโกปิ คนฺตฺวา รโญฺญ ‘‘เตสํ, เทว, ตติโย อุปฺปโนฺน’’ติ อาหฯ ‘‘โก โส’’ติ? ‘‘สิงฺคาโล, เทวา’’ติฯ ราชา ‘‘โส อุโภ มิเตฺต ภินฺทิตฺวา มาราเปสฺสติ, มยํ เตสํ มตกาเล สมฺปาปุณิสฺสามา’’ติ วตฺวา รถํ อภิรุยฺห วนจรเกน มคฺคเทสเกน คจฺฉโนฺต เตสุ อญฺญมญฺญํ กลหํ กตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปเตฺตสุ สมฺปาปุณิฯ สิงฺคาโล ปน หฎฺฐตุโฎฺฐ เอกวารํ สีหสฺส มํสํ ขาทติ, เอกวารํ อุสภสฺส มํสํ ขาทติฯ ราชา เต อุโภปิ ชีวิตกฺขยปฺปเตฺต ทิสฺวา รเถ ฐิโตว สารถินา สทฺธิํ สลฺลปโนฺต อิมา คาถา อภาสิ –

    Vanacarake pana bārāṇasiṃ gate eko siṅgālo sīhañca usabhañca upaṭṭhahi. Vanacarako araññaṃ gantvā taṃ disvā ‘‘tatiyassa uppannabhāvaṃ rañño kathessāmī’’ti nagaraṃ gato. Siṅgālo cintesi ‘‘mayā ṭhapetvā sīhamaṃsañca usabhamaṃsañca aññaṃ akhāditapubbaṃ nāma natthi, ime bhinditvā imesaṃ maṃsaṃ khādissāmī’’ti. So ‘‘ayaṃ taṃ evaṃ vadati, ayaṃ taṃ evaṃ vadatī’’ti ubhopi te aññamaññaṃ bhinditvā na cirasseva kalahaṃ kāretvā maraṇākārappatte akāsi. Vanacarakopi gantvā rañño ‘‘tesaṃ, deva, tatiyo uppanno’’ti āha. ‘‘Ko so’’ti? ‘‘Siṅgālo, devā’’ti. Rājā ‘‘so ubho mitte bhinditvā mārāpessati, mayaṃ tesaṃ matakāle sampāpuṇissāmā’’ti vatvā rathaṃ abhiruyha vanacarakena maggadesakena gacchanto tesu aññamaññaṃ kalahaṃ katvā jīvitakkhayaṃ pattesu sampāpuṇi. Siṅgālo pana haṭṭhatuṭṭho ekavāraṃ sīhassa maṃsaṃ khādati, ekavāraṃ usabhassa maṃsaṃ khādati. Rājā te ubhopi jīvitakkhayappatte disvā rathe ṭhitova sārathinā saddhiṃ sallapanto imā gāthā abhāsi –

    ๑๘๙.

    189.

    ‘‘เนว อิตฺถีสุ สามญฺญํ, นาปิ ภเกฺขสุ สารถิ;

    ‘‘Neva itthīsu sāmaññaṃ, nāpi bhakkhesu sārathi;

    อถสฺส สนฺธิเภทสฺส, ปสฺส ยาว สุจินฺติตํฯ

    Athassa sandhibhedassa, passa yāva sucintitaṃ.

    ๑๙๐.

    190.

    ‘‘อสิ ติโกฺขว มํสมฺหิ, เปสุญฺญํ ปริวตฺตติ;

    ‘‘Asi tikkhova maṃsamhi, pesuññaṃ parivattati;

    ยตฺถูสภญฺจ สีหญฺจ, ภกฺขยนฺติ มิคาธมาฯ

    Yatthūsabhañca sīhañca, bhakkhayanti migādhamā.

    ๑๙๑.

    191.

    ‘‘อิมํ โส สยนํ เสติ, ยมิมํ ปสฺสสิ สารถิ;

    ‘‘Imaṃ so sayanaṃ seti, yamimaṃ passasi sārathi;

    โย วาจํ สนฺธิเภทสฺส, ปิสุณสฺส นิโพธติฯ

    Yo vācaṃ sandhibhedassa, pisuṇassa nibodhati.

    ๑๙๒.

    192.

    ‘‘เต ชนา สุขเมธนฺติ, นรา สคฺคคตาริว;

    ‘‘Te janā sukhamedhanti, narā saggagatāriva;

    เย วาจํ สนฺธิเภทสฺส, นาวโพธนฺติ สารถี’’ติฯ

    Ye vācaṃ sandhibhedassa, nāvabodhanti sārathī’’ti.

    ตตฺถ เนว อิตฺถีสูติ สมฺม สารถิ, อิเมสํ ทฺวินฺนํ ชนานํ เนว อิตฺถีสุ สามญฺญํ อตฺถิ น , ภเกฺขสุปิฯ อญฺญเมว หิ อิตฺถิํ สีโห เสวติ, อญฺญํ อุสโภ, อญฺญํ ภกฺขํ สีโห ขาทติ, อญฺญํ อุสโภติ อโตฺถฯ อถสฺสาติ เอวํ กลหการเณ อวิชฺชมาเนปิ อถ อิมสฺส มิตฺตสนฺธิเภทกสฺส ทุฎฺฐสิงฺคาลสฺส ‘‘อุภินฺนํ มํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา อิเม มาเรนฺตสฺส ปสฺส ยาว สุจินฺติตํ, สุจินฺติตํ ชาตนฺติ อธิปฺปาโยฯ ยตฺถาติ ยสฺมิํ เปสุเญฺญ ปริวตฺตมาเนฯ อุสภญฺจ สีหญฺจ มิคาธมา สิงฺคาลา ขาทนฺติ, ตํ เปสุญฺญํ มํสมฺหิ ติขิโณ อสิ วิย มิตฺตภาวํ ฉินฺทนฺตเมว ปริวตฺตตีติ ทีเปติฯ

    Tattha neva itthīsūti samma sārathi, imesaṃ dvinnaṃ janānaṃ neva itthīsu sāmaññaṃ atthi na , bhakkhesupi. Aññameva hi itthiṃ sīho sevati, aññaṃ usabho, aññaṃ bhakkhaṃ sīho khādati, aññaṃ usabhoti attho. Athassāti evaṃ kalahakāraṇe avijjamānepi atha imassa mittasandhibhedakassa duṭṭhasiṅgālassa ‘‘ubhinnaṃ maṃsaṃ khādissāmī’’ti cintetvā ime mārentassa passa yāva sucintitaṃ, sucintitaṃ jātanti adhippāyo. Yatthāti yasmiṃ pesuññe parivattamāne. Usabhañca sīhañca migādhamā siṅgālā khādanti, taṃ pesuññaṃ maṃsamhi tikhiṇo asi viya mittabhāvaṃ chindantameva parivattatīti dīpeti.

    ยมิมํ ปสฺสสีติ สมฺม สารถิ, ยํ อิมํ ปสฺสสิ อิเมสํ ทฺวินฺนํ มตสยนํ, อโญฺญปิ โย ปุคฺคโล สนฺธิเภทสฺส ปิสุณสฺส ปิสุณวาจํ นิโพธติ คณฺหาติ, โส อิมํ สยนํ เสติ, เอวเมวํ มรตีติ ทเสฺสติฯ สุขเมธนฺตีติ สุขํ วินฺทนฺติ ลภนฺติฯ นรา สคฺคคตาริวาติ สคฺคคตา ทิพฺพโภคสมงฺคิโน นรา วิย เต สุขํ วินฺทนฺติฯ นาวโพธนฺตีติ น สารโต ปเจฺจนฺติ, ตาทิสํ ปน วจนํ สุตฺวา โจเทตฺวา สาเรตฺวา เมตฺติํ อภินฺทิตฺวา ปากติกาว โหนฺตีติฯ

    Yamimaṃ passasīti samma sārathi, yaṃ imaṃ passasi imesaṃ dvinnaṃ matasayanaṃ, aññopi yo puggalo sandhibhedassa pisuṇassa pisuṇavācaṃ nibodhati gaṇhāti, so imaṃ sayanaṃ seti, evamevaṃ maratīti dasseti. Sukhamedhantīti sukhaṃ vindanti labhanti. Narā saggagatārivāti saggagatā dibbabhogasamaṅgino narā viya te sukhaṃ vindanti. Nāvabodhantīti na sārato paccenti, tādisaṃ pana vacanaṃ sutvā codetvā sāretvā mettiṃ abhinditvā pākatikāva hontīti.

    ราชา อิมา คาถา ภาสิตฺวา สีหสฺส เกสรจมฺมนขทาฐา คาหาเปตฺวา นครเมว คโตฯ

    Rājā imā gāthā bhāsitvā sīhassa kesaracammanakhadāṭhā gāhāpetvā nagarameva gato.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā bārāṇasirājā ahameva ahosi’’nti.

    สนฺธิเภทชาตกวณฺณนา นวมาฯ

    Sandhibhedajātakavaṇṇanā navamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๔๙. สนฺธิเภทชาตกํ • 349. Sandhibhedajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact