Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๒. สงฺคหสุตฺตวณฺณนา
2. Saṅgahasuttavaṇṇanā
๓๒. ทุติเย ตสฺส ทานเมว ทาตพฺพนฺติ ปพฺพชิตสฺส ปพฺพชิตปริกฺขารํ ปตฺตจีวราทิ, คิหิโน คิหิปริกฺขารํ วตฺถาวุธยานสยนาทิ ทาตพฺพํฯ สพฺพนฺติ สพฺพํ อุปการํฯ มเกฺขตฺวา นาเสติ มกฺขิภาเว ฐตฺวาฯ เตเลน วิย มเกฺขตีติ สตโธตเตเลน มเกฺขติ วิยฯ อตฺถวฑฺฒนกถาติ หิตาวหกถาฯ กถาคหณเญฺจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ, ปเรสํ หิตาวโห กายปฺปโยโคปิ อตฺถจริยาฯ อฎฺฐกถายํ ปน วจิปฺปโยควเสเนว อตฺถจริยา วุตฺตาฯ สมานตฺตตาติ สทิสภาโว, สมานฎฺฐาเน ฐปนํ, ตํ ปนสฺส สมานฎฺฐปนํ อตฺตสทิสตากรณมุเขน เอกสโมฺภคตาฯ อตฺตโน สุขุปฺปตฺติยํ ตสฺส จ ทุกฺขุปฺปตฺติยํ เตน ทุเกฺขน อตฺตนา เอกสโมฺภคตาติ อาห ‘‘สมานสุขทุกฺขภาโว’’ติฯ สา จ สมานสุขทุกฺขตา เอกโต นิสชฺชาทินา ปากฎา โหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอกาสเน’’ติอาทิมาหฯ
32. Dutiye tassa dānameva dātabbanti pabbajitassa pabbajitaparikkhāraṃ pattacīvarādi, gihino gihiparikkhāraṃ vatthāvudhayānasayanādi dātabbaṃ. Sabbanti sabbaṃ upakāraṃ. Makkhetvā nāseti makkhibhāve ṭhatvā. Telena viya makkhetīti satadhotatelena makkheti viya. Atthavaḍḍhanakathāti hitāvahakathā. Kathāgahaṇañcettha nidassanamattaṃ, paresaṃ hitāvaho kāyappayogopi atthacariyā. Aṭṭhakathāyaṃ pana vacippayogavaseneva atthacariyā vuttā. Samānattatāti sadisabhāvo, samānaṭṭhāne ṭhapanaṃ, taṃ panassa samānaṭṭhapanaṃ attasadisatākaraṇamukhena ekasambhogatā. Attano sukhuppattiyaṃ tassa ca dukkhuppattiyaṃ tena dukkhena attanā ekasambhogatāti āha ‘‘samānasukhadukkhabhāvo’’ti. Sā ca samānasukhadukkhatā ekato nisajjādinā pākaṭā hotīti dassento ‘‘ekāsane’’tiādimāha.
ตตฺถ ชาติยา หีโน โภเคน อธิโก ทุสฺสงฺคโห โหติฯ น หิ สกฺกา เตน สทฺธิํ เอกปริโภโค กาตุํ ชาติยา หีนตฺตาฯ ตสฺส ตถา อกริยมาเน จ โส กุชฺฌติ โภเคน อธิกตฺตา, ตสฺมา โส ทุสฺสงฺคโหฯ โภเคน หีโน ชาติยา อธิโกปิ ทุสฺสงฺคโห โหติฯ โส หิ ‘‘อหํ ชาติมา’’ติ โภคสมฺปเนฺนน สทฺธิ เอกปริโภคํ อิจฺฉติ, ตสฺมิํ อกริยมาเน กุชฺฌติฯ อุโภหิปิ หีโน สุสงฺคโห โหติฯ น หิ โส อิตเรน สทฺธิํ เอกปริโภคํ อิจฺฉติ ชาติยา หีนภาวโต, น อกริยมาโน กุชฺฌติ โภเคน หีนภาวโตฯ อุโภหิ สทิโสปิ สุสงฺคโหเยวฯ สทิสภาเวเนว อิตเรน สห เอกปริโภคสฺส ปจฺจาสีสาย, อกรเณ จ ตสฺส กุชฺฌนสฺส อภาวโตฯ ภิกฺขุ ทุสฺสีโล ทุสฺสงฺคโห โหติฯ น หิ สกฺกา เตน สทฺธิํ เอกปริโภคํ กาตุํ, อกริยมาเน จ กุชฺฌติฯ สีลวา ปน สุสงฺคโห โหติฯ สีลวา หิ อทียมาเนปิ กิสฺมิญฺจิ อามิเส อกริยมาเนปิ สงฺคเห น กุชฺฌติ, อญฺญํ อตฺตนา สทฺธิํ ปริโภคํ อกโรนฺตมฺปิ น ปาปเกน จิเตฺตน ปสฺสติ เปสลภาวโตฯ ตโต เอว ปริโภโคปิ อเนน สทฺธิํ สุกโร โหติ, ตสฺมา คิหิ เจ, อุโภหิ สทิโสฯ ปพฺพชิโต เจ, สีลวา ปุคฺคโล ฯ เอวํ สมานตฺตตาย สงฺคเหตโพฺพฯ เตเนวาห ‘‘โส สเจ คหฎฺฐสฺส ชาติยา ปพฺพชิตสฺส สีเลน สทิโส โหติ, ตสฺสายํ สมานตฺตตา กาตพฺพา’’ติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Tattha jātiyā hīno bhogena adhiko dussaṅgaho hoti. Na hi sakkā tena saddhiṃ ekaparibhogo kātuṃ jātiyā hīnattā. Tassa tathā akariyamāne ca so kujjhati bhogena adhikattā, tasmā so dussaṅgaho. Bhogena hīno jātiyā adhikopi dussaṅgaho hoti. So hi ‘‘ahaṃ jātimā’’ti bhogasampannena saddhi ekaparibhogaṃ icchati, tasmiṃ akariyamāne kujjhati. Ubhohipi hīno susaṅgaho hoti. Na hi so itarena saddhiṃ ekaparibhogaṃ icchati jātiyā hīnabhāvato, na akariyamāno kujjhati bhogena hīnabhāvato. Ubhohi sadisopi susaṅgahoyeva. Sadisabhāveneva itarena saha ekaparibhogassa paccāsīsāya, akaraṇe ca tassa kujjhanassa abhāvato. Bhikkhu dussīlo dussaṅgaho hoti. Na hi sakkā tena saddhiṃ ekaparibhogaṃ kātuṃ, akariyamāne ca kujjhati. Sīlavā pana susaṅgaho hoti. Sīlavā hi adīyamānepi kismiñci āmise akariyamānepi saṅgahe na kujjhati, aññaṃ attanā saddhiṃ paribhogaṃ akarontampi na pāpakena cittena passati pesalabhāvato. Tato eva paribhogopi anena saddhiṃ sukaro hoti, tasmā gihi ce, ubhohi sadiso. Pabbajito ce, sīlavā puggalo . Evaṃ samānattatāya saṅgahetabbo. Tenevāha ‘‘so sace gahaṭṭhassa jātiyā pabbajitassa sīlena sadiso hoti, tassāyaṃ samānattatā kātabbā’’ti. Sesaṃ suviññeyyameva.
สงฺคหสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṅgahasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๒. สงฺคหสุตฺตํ • 2. Saṅgahasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. สงฺคหสุตฺตวณฺณนา • 2. Saṅgahasuttavaṇṇanā