Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๑๐. สงฺคารวสุตฺตวณฺณนา

    10. Saṅgāravasuttavaṇṇanā

    ๖๑. ทสเม สงฺคารโวติ เอวํนามโก ราชคหนคเร ชิณฺณปฎิสงฺขรณการโก อายุตฺตกพฺราหฺมโณฯ อุปสงฺกมีติ ภุตฺตปาตราโส หุตฺวา มหาชนปริวุโต อุปสงฺกมิฯ มยมสฺสูติ เอตฺถ อสฺสูติ นิปาตมตฺตํ, มยํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา นามาติ อิทเมว อตฺถปทํฯ ยญฺญํ ยชามาติ พาหิรสมเย สพฺพจตุเกฺกน สพฺพฎฺฐเกน สพฺพโสฬสเกน สพฺพทฺวตฺติํสาย สพฺพจตุสฎฺฐิยา สพฺพสเตน สพฺพปญฺจสเตนาติ จ เอวํ ปาณฆาตปฎิสํยุโตฺต ยโญฺญ นาม โหติฯ ตํ สนฺธาเยวมาหฯ อเนกสารีริกนฺติ อเนกสรีรสมฺภวํฯ ยทิทนฺติ ยา เอสาฯ ยญฺญาธิกรณนฺติ ยชนการณา เจว ยาชนการณา จาติ อโตฺถฯ เอกสฺมิญฺหิ พหูนํ ททเนฺตปิ ทาเปเนฺตปิ พหูสุปิ พหูนํ เทเนฺตสุปิ ทาเปเนฺตสุปิ ปุญฺญปฎิปทา อเนกสารีริกา นาม โหติฯ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ ตุยฺหญฺจ ตุยฺหญฺจ ยชามีติ วทนฺตสฺสาปิ ตฺวญฺจ ตฺวญฺจ ยชาหีติ อาณาเปนฺตสฺสาปิ จ อเนกสารีริกาว โหติฯ ตมฺปิ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ ยสฺส วา ตสฺส วาติ ยสฺมา วา ตสฺมา วาฯ เอกมตฺตานํ ทเมตีติ อตฺตโน อินฺทฺริยทมนวเสน เอกํ อตฺตานเมว ทเมติฯ เอกมตฺตานํ สเมตีติ อตฺตโน ราคาทิสมนวเสน เอกํ อตฺตานเมว สเมติฯ ปรินิพฺพาเปตีติ ราคาทิปรินิพฺพาเนเนว ปรินิพฺพาเปติฯ เอวมสฺสายนฺติ เอวํ สเนฺตปิ อยํฯ

    61. Dasame saṅgāravoti evaṃnāmako rājagahanagare jiṇṇapaṭisaṅkharaṇakārako āyuttakabrāhmaṇo. Upasaṅkamīti bhuttapātarāso hutvā mahājanaparivuto upasaṅkami. Mayamassūti ettha assūti nipātamattaṃ, mayaṃ, bho gotama, brāhmaṇā nāmāti idameva atthapadaṃ. Yaññaṃ yajāmāti bāhirasamaye sabbacatukkena sabbaṭṭhakena sabbasoḷasakena sabbadvattiṃsāya sabbacatusaṭṭhiyā sabbasatena sabbapañcasatenāti ca evaṃ pāṇaghātapaṭisaṃyutto yañño nāma hoti. Taṃ sandhāyevamāha. Anekasārīrikanti anekasarīrasambhavaṃ. Yadidanti yā esā. Yaññādhikaraṇanti yajanakāraṇā ceva yājanakāraṇā cāti attho. Ekasmiñhi bahūnaṃ dadantepi dāpentepi bahūsupi bahūnaṃ dentesupi dāpentesupi puññapaṭipadā anekasārīrikā nāma hoti. Taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Tuyhañca tuyhañca yajāmīti vadantassāpi tvañca tvañca yajāhīti āṇāpentassāpi ca anekasārīrikāva hoti. Tampi sandhāyetaṃ vuttaṃ. Yassa vā tassa vāti yasmā vā tasmā vā. Ekamattānaṃ dametīti attano indriyadamanavasena ekaṃ attānameva dameti. Ekamattānaṃ sametīti attano rāgādisamanavasena ekaṃ attānameva sameti. Parinibbāpetīti rāgādiparinibbāneneva parinibbāpeti. Evamassāyanti evaṃ santepi ayaṃ.

    เอวมิทํ พฺราหฺมณสฺส กถํ สุตฺวา สตฺถา จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ปสุฆาตกสํยุตฺตํ มหายญฺญํ อเนกสารีริกํ ปุญฺญปฎิปทํ วเทติ, ปพฺพชฺชามูลกํ ปน ปุญฺญุปฺปตฺติปฎิปทํ เอกสารีริกนฺติ วเทติฯ เนวายํ เอกสารีริกํ ชานาติ, น อเนกสารีริกํ, หนฺทสฺส เอกสารีริกญฺจ อเนกสารีริกญฺจ ปฎิปทํ เทเสสฺสามี’’ติ อุปริ เทสนํ วเฑฺฒโนฺต เตน หิ พฺราหฺมณาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยถา เต ขเมยฺยาติ ยถา ตุยฺหํ รุเจฺจยฺยฯ อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชตีติอาทิ วิสุทฺธิมเคฺค วิตฺถาริตเมวฯ เอถายํ มโคฺคติ เอถ ตุเมฺห, อหมนุสาสามิ, อยํ มโคฺคฯ อยํ ปฎิปทาติ ตเสฺสว เววจนํฯ ยถา ปฎิปโนฺนติ เยน มเคฺคน ปฎิปโนฺนฯ อนุตฺตรํ พฺรหฺมจริโยคธนฺติ อรหตฺตมคฺคสงฺขาตสฺส พฺรหฺมจริยสฺส อนุตฺตรํ โอคธํ อุตฺตมปติฎฺฐาภูตํ นิพฺพานํฯ อิจฺจายนฺติ อิติ อยํฯ

    Evamidaṃ brāhmaṇassa kathaṃ sutvā satthā cintesi – ‘‘ayaṃ brāhmaṇo pasughātakasaṃyuttaṃ mahāyaññaṃ anekasārīrikaṃ puññapaṭipadaṃ vadeti, pabbajjāmūlakaṃ pana puññuppattipaṭipadaṃ ekasārīrikanti vadeti. Nevāyaṃ ekasārīrikaṃ jānāti, na anekasārīrikaṃ, handassa ekasārīrikañca anekasārīrikañca paṭipadaṃ desessāmī’’ti upari desanaṃ vaḍḍhento tena hi brāhmaṇātiādimāha. Tattha yathā te khameyyāti yathā tuyhaṃ rucceyya. Idha tathāgato loke uppajjatītiādi visuddhimagge vitthāritameva. Ethāyaṃ maggoti etha tumhe, ahamanusāsāmi, ayaṃ maggo. Ayaṃ paṭipadāti tasseva vevacanaṃ. Yathā paṭipannoti yena maggena paṭipanno. Anuttaraṃ brahmacariyogadhanti arahattamaggasaṅkhātassa brahmacariyassa anuttaraṃ ogadhaṃ uttamapatiṭṭhābhūtaṃ nibbānaṃ. Iccāyanti iti ayaṃ.

    อปฺปฎฺฐตราติ ยตฺถ พหูหิ เวยฺยาวจฺจกเรหิ วา อุปกรเณหิ วา อโตฺถ นตฺถิฯ อปฺปสมารมฺภตราติ ยตฺถ พหูนํ กมฺมเจฺฉทวเสน ปีฬาสงฺขาโต สมารโมฺภ นตฺถิฯ เสยฺยถาปิ ภวํ โคตโม , ภวํ จานโนฺท, เอเต เม ปุชฺชาติ ยถา ภวํ โคตโม, ภวญฺจานโนฺท, เอวรูปา มม ปูชิตา, ตุเมฺหเยว เทฺว ชนา มยฺหํ ปุชฺชา จ ปาสํสา จาติ อิมมตฺถํ สนฺธาเยตํ วทติฯ ตสฺส กิร เอวํ อโหสิ – ‘‘อานนฺทเตฺถโร มํเยว อิมํ ปญฺหํ กถาเปตุกาโม, อตฺตโน โข ปน วเณฺณ วุเตฺต ปทุสฺสนโก นาม นตฺถี’’ติฯ ตสฺมา ปญฺหํ อกเถตุกาโม วณฺณภณเนน วิเกฺขปํ กโรโนฺต เอวมาหฯ

    Appaṭṭhatarāti yattha bahūhi veyyāvaccakarehi vā upakaraṇehi vā attho natthi. Appasamārambhatarāti yattha bahūnaṃ kammacchedavasena pīḷāsaṅkhāto samārambho natthi. Seyyathāpi bhavaṃ gotamo , bhavaṃ cānando, ete me pujjāti yathā bhavaṃ gotamo, bhavañcānando, evarūpā mama pūjitā, tumheyeva dve janā mayhaṃ pujjā ca pāsaṃsā cāti imamatthaṃ sandhāyetaṃ vadati. Tassa kira evaṃ ahosi – ‘‘ānandatthero maṃyeva imaṃ pañhaṃ kathāpetukāmo, attano kho pana vaṇṇe vutte padussanako nāma natthī’’ti. Tasmā pañhaṃ akathetukāmo vaṇṇabhaṇanena vikkhepaṃ karonto evamāha.

    โข ตฺยาหนฺติ น โข เต อหํฯ เถโรปิ กิร จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ปญฺหํ อกเถตุกาโม ปริวตฺตติ, อิมํ ปญฺหํ เอตํเยว กถาเปสฺสามี’’ติฯ ตสฺมา นํ เอวมาหฯ

    Nakho tyāhanti na kho te ahaṃ. Theropi kira cintesi – ‘‘ayaṃ brāhmaṇo pañhaṃ akathetukāmo parivattati, imaṃ pañhaṃ etaṃyeva kathāpessāmī’’ti. Tasmā naṃ evamāha.

    สหธมฺมิกนฺติ สการณํฯ สํสาเทตีติ สํสีทาเปติฯ โน วิสฺสเชฺชตีติ น กเถติฯ ยํนูนาหํ ปริโมเจยฺยนฺติ ยํนูนาหํ อุโภเปเต วิเหสโต ปริโมเจยฺยํฯ พฺราหฺมโณ หิ อานเนฺทน ปุจฺฉิตํ ปญฺหํ อกเถโนฺต วิเหเสติ, อานโนฺทปิ พฺราหฺมณํ อกเถนฺตํ กถาเปโนฺตฯ อิติ อุโภเปเต วิเหสโต โมเจสฺสามีติ จิเนฺตตฺวา เอวมาหฯ กา นฺวชฺชาติ กา นุ อชฺชฯ อนฺตรากถา อุทปาทีติ อญฺญิสฺสา กถาย อนฺตรนฺตเร กตรา กถา อุปฺปชฺชีติ ปุจฺฉติฯ ตทา กิร ราชเนฺตปุเร ตีณิ ปาฎิหาริยานิ อารพฺภ กถา อุทปาทิ, ตํ ปุจฺฉามีติ สตฺถา เอวมาหฯ อถ พฺราหฺมโณ ‘‘อิทานิ วตฺตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ ราชเนฺตปุเร อุปฺปนฺนํ กถํ อาโรเจโนฺต อยํ ขฺวชฺช, โภ โคตมาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อยํ ขฺวชฺชาติ อยํ โข อชฺชฯ ปุเพฺพ สุทนฺติ เอตฺถ สุทนฺติ นิปาตมตฺตํฯ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมาติ ทสกุสลกมฺมปถสงฺขาตา มนุสฺสธมฺมา อุตฺตริํฯ อิทฺธิปาฎิหาริยํ ทเสฺสสุนฺติ ภิกฺขาจารํ คจฺฉนฺตา อากาเสเนว คมิํสุ เจว อาคมิํสุ จาติ เอวํ ปุเพฺพ ปวตฺตํ อากาสคมนํ สนฺธาเยวมาหฯ เอตรหิ ปน พหุตรา จ ภิกฺขูติ อิทํ โส พฺราหฺมโณ ‘‘ปุเพฺพ ภิกฺขู ‘จตฺตาโร ปจฺจเย อุปฺปาเทสฺสามา’ติ มเญฺญ เอวมกํสุ, อิทานิ ปจฺจยานํ อุปฺปนฺนภาวํ ญตฺวา โสเปฺปน เจว ปมาเทน จ วีตินาเมนฺตี’’ติ ลทฺธิยา เอวมาหฯ

    Sahadhammikanti sakāraṇaṃ. Saṃsādetīti saṃsīdāpeti. No vissajjetīti na katheti. Yaṃnūnāhaṃ parimoceyyanti yaṃnūnāhaṃ ubhopete vihesato parimoceyyaṃ. Brāhmaṇo hi ānandena pucchitaṃ pañhaṃ akathento viheseti, ānandopi brāhmaṇaṃ akathentaṃ kathāpento. Iti ubhopete vihesato mocessāmīti cintetvā evamāha. Kā nvajjāti kā nu ajja. Antarākathā udapādīti aññissā kathāya antarantare katarā kathā uppajjīti pucchati. Tadā kira rājantepure tīṇi pāṭihāriyāni ārabbha kathā udapādi, taṃ pucchāmīti satthā evamāha. Atha brāhmaṇo ‘‘idāni vattuṃ sakkhissāmī’’ti rājantepure uppannaṃ kathaṃ ārocento ayaṃ khvajja, bho gotamātiādimāha. Tattha ayaṃ khvajjāti ayaṃ kho ajja. Pubbe sudanti ettha sudanti nipātamattaṃ. Uttari manussadhammāti dasakusalakammapathasaṅkhātā manussadhammā uttariṃ. Iddhipāṭihāriyaṃ dassesunti bhikkhācāraṃ gacchantā ākāseneva gamiṃsu ceva āgamiṃsu cāti evaṃ pubbe pavattaṃ ākāsagamanaṃ sandhāyevamāha. Etarahi pana bahutarā ca bhikkhūti idaṃ so brāhmaṇo ‘‘pubbe bhikkhū ‘cattāro paccaye uppādessāmā’ti maññe evamakaṃsu, idāni paccayānaṃ uppannabhāvaṃ ñatvā soppena ceva pamādena ca vītināmentī’’ti laddhiyā evamāha.

    ปาฎิหาริยานีติ ปจฺจนีกปฎิหรณวเสน ปาฎิหาริยานิฯ อิทฺธิปาฎิหาริยนฺติ อิชฺฌนวเสน อิทฺธิ, ปฎิหรณวเสน ปาฎิหาริยํ, อิทฺธิเยว ปาฎิหาริยํ อิทฺธิปาฎิหาริยํฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธนฺติอาทีนํ อโตฺถ เจว ภาวนานโย จ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๓๖๕) วิตฺถาริโตวฯ

    Pāṭihāriyānīti paccanīkapaṭiharaṇavasena pāṭihāriyāni. Iddhipāṭihāriyanti ijjhanavasena iddhi, paṭiharaṇavasena pāṭihāriyaṃ, iddhiyeva pāṭihāriyaṃ iddhipāṭihāriyaṃ. Itaresupi eseva nayo. Anekavihitaṃ iddhividhantiādīnaṃ attho ceva bhāvanānayo ca visuddhimagge (visuddhi. 2.365) vitthāritova.

    นิมิเตฺตน อาทิสตีติ อาคตนิมิเตฺตน วา คตนิมิเตฺตน วา ฐิตนิมิเตฺตน วา ‘‘อิทํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ กเถติฯ ตตฺริทํ วตฺถุ – เอโก กิร ราชา ติโสฺส มุตฺตา คเหตฺวา ปุโรหิตํ ปุจฺฉิ ‘‘กิํ เม, อาจริย, หเตฺถ’’ติฯ โส อิโต จิโต จ โอโลเกสิ, เตน จ สมเยน เอกา สรพู ‘‘มกฺขิกํ คเหสฺสามี’’ติ ปกฺขนฺตา, คหณกาเล มกฺขิกา ปลาตาฯ โส มกฺขิกาย มุตฺตตฺตา ‘‘มุตฺตา มหาราชา’’ติ อาหฯ มุตฺตา ตาว โหนฺตุ, กติ มุตฺตาติฯ โส ปุน นิมิตฺตํ โอโลเกสิฯ อถาวิทูเร กุกฺกุโฎ ติกฺขตฺตุํ สทฺทํ นิจฺฉาเรสิฯ พฺราหฺมโณ ‘‘ติโสฺส มหาราชา’’ติ อาหฯ เอวํ เอกโจฺจ อาคตนิมิเตฺตน กเถติฯ เอเตนุปาเยน คตฐิตนิมิเตฺตหิปิ กถนํ เวทิตพฺพํฯ เอวมฺปิ เต มโนติ เอวํ ตว มโน โสมนสฺสิโต วา โทมนสฺสิโต วา กามวิตกฺกาทิสํยุโตฺต วาติฯ ทุติยํ ตเสฺสว เววจนํฯ อิติปิ เต จิตฺตนฺติ อิติปิ ตว จิตฺตํ, อิมญฺจ อิมญฺจ อตฺถํ จินฺตยมานํ ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ พหุํ เจปิ อาทิสตีติ พหุํ เจปิ กเถติฯ ตเถว ตํ โหตีติ ยถา กถิตํ, ตเถว โหติฯ

    Nimittenaādisatīti āgatanimittena vā gatanimittena vā ṭhitanimittena vā ‘‘idaṃ nāma bhavissatī’’ti katheti. Tatridaṃ vatthu – eko kira rājā tisso muttā gahetvā purohitaṃ pucchi ‘‘kiṃ me, ācariya, hatthe’’ti. So ito cito ca olokesi, tena ca samayena ekā sarabū ‘‘makkhikaṃ gahessāmī’’ti pakkhantā, gahaṇakāle makkhikā palātā. So makkhikāya muttattā ‘‘muttā mahārājā’’ti āha. Muttā tāva hontu, kati muttāti. So puna nimittaṃ olokesi. Athāvidūre kukkuṭo tikkhattuṃ saddaṃ nicchāresi. Brāhmaṇo ‘‘tisso mahārājā’’ti āha. Evaṃ ekacco āgatanimittena katheti. Etenupāyena gataṭhitanimittehipi kathanaṃ veditabbaṃ. Evampi te manoti evaṃ tava mano somanassito vā domanassito vā kāmavitakkādisaṃyutto vāti. Dutiyaṃ tasseva vevacanaṃ. Itipi te cittanti itipi tava cittaṃ, imañca imañca atthaṃ cintayamānaṃ pavattatīti attho. Bahuṃ cepi ādisatīti bahuṃ cepi katheti. Tatheva taṃ hotīti yathā kathitaṃ, tatheva hoti.

    อมนุสฺสานนฺติ ยกฺขปิสาจาทีนํฯ เทวตานนฺติ จาตุมหาราชิกาทีนํฯ สทฺทํ สุตฺวาติ อญฺญสฺส จิตฺตํ ญตฺวา กเถนฺตานํ สุตฺวาฯ วิตกฺกวิปฺผารสทฺทนฺติ วิตกฺกวิปฺผารวเสน อุปฺปนฺนํ วิปฺปลปนฺตานํ สุตฺตปฺปมตฺตาทีนํ สทฺทํฯ สุตฺวาติ ตํ สุตฺวาฯ ยํ วิตกฺกยโต ตสฺส โส สโทฺท อุปฺปโนฺน, ตสฺส วเสน ‘‘เอวมฺปิ เต มโน’’ติอาทิสติฯ

    Amanussānanti yakkhapisācādīnaṃ. Devatānanti cātumahārājikādīnaṃ. Saddaṃ sutvāti aññassa cittaṃ ñatvā kathentānaṃ sutvā. Vitakkavipphārasaddanti vitakkavipphāravasena uppannaṃ vippalapantānaṃ suttappamattādīnaṃ saddaṃ. Sutvāti taṃ sutvā. Yaṃ vitakkayato tassa so saddo uppanno, tassa vasena ‘‘evampi te mano’’tiādisati.

    ตตฺริมานิ วตฺถูนิ – เอโก กิร มนุโสฺส ‘‘อฎฺฎํ กริสฺสามี’’ติ คามา นครํ คจฺฉโนฺต นิกฺขนฺตฎฺฐานโต ปฎฺฐาย ‘‘วินิจฺฉยสภายํ รโญฺญ จ ราชมหามตฺตานญฺจ อิทํ กเถสฺสามิ อิทํ กเถสฺสามี’’ติ วิตเกฺกโนฺต ราชกุลํ คโต วิย รโญฺญ ปุรโต ฐิโต วิย อฎฺฎการเกน สทฺธิํ กเถโนฺต วิย จ อโหสิ, ตสฺส ตํ วิตกฺกวิปฺผารวเสน นิจฺฉรนฺตํ สทฺทํ สุตฺวา เอโก ปุริโส ‘‘เกนเฎฺฐน คจฺฉสี’’ติ อาหฯ อฎฺฎกเมฺมนาติฯ คจฺฉ, ชโย เต ภวิสฺสตีติฯ โส คนฺตฺวา อฎฺฎํ กตฺวา ชยเมว ปาปุณิฯ

    Tatrimāni vatthūni – eko kira manusso ‘‘aṭṭaṃ karissāmī’’ti gāmā nagaraṃ gacchanto nikkhantaṭṭhānato paṭṭhāya ‘‘vinicchayasabhāyaṃ rañño ca rājamahāmattānañca idaṃ kathessāmi idaṃ kathessāmī’’ti vitakkento rājakulaṃ gato viya rañño purato ṭhito viya aṭṭakārakena saddhiṃ kathento viya ca ahosi, tassa taṃ vitakkavipphāravasena niccharantaṃ saddaṃ sutvā eko puriso ‘‘kenaṭṭhena gacchasī’’ti āha. Aṭṭakammenāti. Gaccha, jayo te bhavissatīti. So gantvā aṭṭaṃ katvā jayameva pāpuṇi.

    อปโรปิ เถโร โมฬิยคาเม ปิณฺฑาย จริฯ อถ นํ นิกฺขมนฺตํ เอกา ทาริกา อญฺญวิหิตา น อทฺทสฯ โส คามทฺวาเร ฐตฺวา นิวตฺติตฺวา โอโลเกตฺวา ตํ ทิสฺวา วิตเกฺกโนฺต อคมาสิฯ คจฺฉโนฺตเยว จ ‘‘กิํ นุ โข กุรุมานา ทาริกา น อทฺทสา’’ติ วจีเภทํ อกาสิฯ ปเสฺส ฐิโต เอโก ปุริโส สุตฺวา ‘‘ตุเมฺห, ภเนฺต, โมฬิยคาเม จริตฺถา’’ติ อาหฯ

    Aparopi thero moḷiyagāme piṇḍāya cari. Atha naṃ nikkhamantaṃ ekā dārikā aññavihitā na addasa. So gāmadvāre ṭhatvā nivattitvā oloketvā taṃ disvā vitakkento agamāsi. Gacchantoyeva ca ‘‘kiṃ nu kho kurumānā dārikā na addasā’’ti vacībhedaṃ akāsi. Passe ṭhito eko puriso sutvā ‘‘tumhe, bhante, moḷiyagāme caritthā’’ti āha.

    มโนสงฺขารา ปณิหิตาติ จิตฺตสงฺขารา สุฎฺฐปิตาฯ วิตเกฺกสฺสตีติ วิตกฺกยิสฺสติ ปวตฺตยิสฺสตีติ ปชานาติฯ ปชานโนฺต จ อาคมเนน ชานาติ, ปุพฺพภาเคน ชานาติ, อโนฺตสมาปตฺติยํ จิตฺตํ อปโลเกตฺวา ชานาติฯ อาคมเนน ชานาติ นาม กสิณปริกมฺมกาเลเยว ‘‘เยนากาเรเนส กสิณภาวนํ อารโทฺธ ปฐมชฺฌานํ วา…เป.… จตุตฺถชฺฌานํ วา อฎฺฐ วา สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตสฺสตี’’ติ ชานาติฯ ปุพฺพภาเคน ชานาติ นาม ปฐมวิปสฺสนาย อารทฺธายเยว ชานาติ, ‘‘เยนากาเรน เอส วิปสฺสนํ อารโทฺธ โสตาปตฺติมคฺคํ วา นิพฺพเตฺตสฺสติ…เป.… อรหตฺตมคฺคํ วา นิพฺพเตฺตสฺสตี’’ติ ชานาติฯ อโนฺตสมาปตฺติยํ จิตฺตํ โอโลเกตฺวา ชานาติ นาม – ‘‘เยนากาเรน อิมสฺส มโนสงฺขารา สุฎฺฐปิตา, อิมสฺส นาม จิตฺตสฺส อนนฺตรา อิมํ นาม วิตกฺกํ วิตเกฺกสฺสติ, อิโต วุฎฺฐิตสฺส เอตสฺส หานภาคิโย วา สมาธิ ภวิสฺสติ ฐิติภาคิโย วา วิเสสภาคิโย วา นิเพฺพธภาคิโย วา, อภิญฺญาโย วา นิพฺพเตฺตสฺสตี’’ติ ชานาติฯ ตตฺถ ปุถุชฺชโน เจโตปริยญาณลาภี ปุถุชฺชนานํเยว จิตฺตํ ชานาติ, น อริยานํฯ อริเยสุปิ เหฎฺฐิโม อุปริมสฺส จิตฺตํ น ชานาติ, อุปริโม ปน เหฎฺฐิมสฺส ชานาติฯ เอเตสุ จ โสตาปโนฺน โสตาปตฺติผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชติ…เป.… อรหา อรหตฺตผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชติฯ อุปริโม เหฎฺฐิมํ น สมาปชฺชติฯ เตสญฺหิ เหฎฺฐิมา เหฎฺฐิมา สมาปตฺติ ตตฺรวตฺติเยว โหติฯ ตเถว ตํ โหตีติ เอตํ เอกํเสน ตเถว โหติฯ เจโตปริยญาณวเสน ญาตญฺหิ อญฺญถาภาวิ นาม นตฺถิฯ

    Manosaṅkhārāpaṇihitāti cittasaṅkhārā suṭṭhapitā. Vitakkessatīti vitakkayissati pavattayissatīti pajānāti. Pajānanto ca āgamanena jānāti, pubbabhāgena jānāti, antosamāpattiyaṃ cittaṃ apaloketvā jānāti. Āgamanena jānāti nāma kasiṇaparikammakāleyeva ‘‘yenākārenesa kasiṇabhāvanaṃ āraddho paṭhamajjhānaṃ vā…pe… catutthajjhānaṃ vā aṭṭha vā samāpattiyo nibbattessatī’’ti jānāti. Pubbabhāgena jānāti nāma paṭhamavipassanāya āraddhāyayeva jānāti, ‘‘yenākārena esa vipassanaṃ āraddho sotāpattimaggaṃ vā nibbattessati…pe… arahattamaggaṃ vā nibbattessatī’’ti jānāti. Antosamāpattiyaṃ cittaṃ oloketvā jānāti nāma – ‘‘yenākārena imassa manosaṅkhārā suṭṭhapitā, imassa nāma cittassa anantarā imaṃ nāma vitakkaṃ vitakkessati, ito vuṭṭhitassa etassa hānabhāgiyo vā samādhi bhavissati ṭhitibhāgiyo vā visesabhāgiyo vā nibbedhabhāgiyo vā, abhiññāyo vā nibbattessatī’’ti jānāti. Tattha puthujjano cetopariyañāṇalābhī puthujjanānaṃyeva cittaṃ jānāti, na ariyānaṃ. Ariyesupi heṭṭhimo uparimassa cittaṃ na jānāti, uparimo pana heṭṭhimassa jānāti. Etesu ca sotāpanno sotāpattiphalasamāpattiṃ samāpajjati…pe… arahā arahattaphalasamāpattiṃ samāpajjati. Uparimo heṭṭhimaṃ na samāpajjati. Tesañhi heṭṭhimā heṭṭhimā samāpatti tatravattiyeva hoti. Tatheva taṃhotīti etaṃ ekaṃsena tatheva hoti. Cetopariyañāṇavasena ñātañhi aññathābhāvi nāma natthi.

    เอวํ วิตเกฺกถาติ เอวํ เนกฺขมฺมวิตกฺกาทโย ปวเตฺตนฺตา วิตเกฺกถฯ มา เอวํ วิตกฺกยิตฺถาติ เอวํ กามวิตกฺกาทโย ปวเตฺตนฺตา มา วิตกฺกยิตฺถฯ เอวํ มนสิ กโรถาติ เอวํ อนิจฺจสญฺญเมว, ทุกฺขสญฺญาทีสุ วา อญฺญตรํ มนสิ กโรถฯ มา เอวนฺติ นิจฺจนฺติอาทินา นเยน มา มนสา กริตฺถฯ อิทนฺติ อิทํ ปญฺจกามคุณราคํ ปชหถฯ อิทญฺจ อุปสมฺปชฺชาติ อิทํ จตุมคฺคผลปฺปเภทํ โลกุตฺตรธมฺมเมว อุปสมฺปชฺช ปาปุณิตฺวา นิปฺผาเทตฺวา วิหรถฯ

    Evaṃ vitakkethāti evaṃ nekkhammavitakkādayo pavattentā vitakketha. Mā evaṃ vitakkayitthāti evaṃ kāmavitakkādayo pavattentā mā vitakkayittha. Evaṃ manasi karothāti evaṃ aniccasaññameva, dukkhasaññādīsu vā aññataraṃ manasi karotha. Mā evanti niccantiādinā nayena mā manasā karittha. Idanti idaṃ pañcakāmaguṇarāgaṃ pajahatha. Idañca upasampajjāti idaṃ catumaggaphalappabhedaṃ lokuttaradhammameva upasampajja pāpuṇitvā nipphādetvā viharatha.

    มายาสหธมฺมรูปํ วิย ขายตีติ มายาย สมานการณชาติกํ วิย หุตฺวา อุปฎฺฐาติฯ มายากาโรปิ หิ อุทกํ คเหตฺวา เตลํ กโรติ, เตลํ คเหตฺวา อุทกนฺติ เอวํ อเนกรูปํ มายํ ทเสฺสติฯ อิทมฺปิ ปาฎิหาริยํ ตถารูปเมวาติฯ อิทมฺปิ เม, โภ โคตม, ปาฎิหาริยํ มายาสหธมฺมรูปํ วิย ขายตีติ จินฺตามณิกวิชฺชาสริกฺขกตํ สนฺธาย เอวํ อาหฯ จินฺตามณิกวิชฺชํ ชานนฺตาปิ หิ อาคจฺฉนฺตเมว ทิสฺวา ‘‘อยํ อิทํ นาม วิตเกฺกโนฺต อาคจฺฉตี’’ติ ชานนฺติฯ ตถา ‘‘อิทํ นาม วิตเกฺกโนฺต ฐิโต, อิทํ นาม วิตเกฺกโนฺต นิสิโนฺน, อิทํ นาม วิตเกฺกโนฺต นิปโนฺน’’ติ ชานนฺติฯ

    Māyāsahadhammarūpaṃ viya khāyatīti māyāya samānakāraṇajātikaṃ viya hutvā upaṭṭhāti. Māyākāropi hi udakaṃ gahetvā telaṃ karoti, telaṃ gahetvā udakanti evaṃ anekarūpaṃ māyaṃ dasseti. Idampi pāṭihāriyaṃ tathārūpamevāti. Idampi me, bho gotama, pāṭihāriyaṃ māyāsahadhammarūpaṃ viya khāyatīti cintāmaṇikavijjāsarikkhakataṃ sandhāya evaṃ āha. Cintāmaṇikavijjaṃ jānantāpi hi āgacchantameva disvā ‘‘ayaṃ idaṃ nāma vitakkento āgacchatī’’ti jānanti. Tathā ‘‘idaṃ nāma vitakkento ṭhito, idaṃ nāma vitakkento nisinno, idaṃ nāma vitakkento nipanno’’ti jānanti.

    อภิกฺกนฺตตรนฺติ สุนฺทรตรํฯ ปณีตตรนฺติ อุตฺตมตรํฯ ภวญฺหิ โคตโม อวิตกฺกํ อวิจารนฺติ อิธ พฺราหฺมโณ อวเสสํ อาเทสนาปาฎิหาริยํ พาหิรกนฺติ น คณฺหิฯ อิทญฺจ ปน สพฺพํ โส พฺราหฺมโณ ตถาคตสฺส วณฺณํ กเถโนฺตเยว อาหฯ อทฺธา โข ตฺยายนฺติ เอกํเสเนว ตยา อยํฯ อาสชฺช อุปนีย วาจา ภาสิตาติ มม คุเณ ฆเฎฺฎตฺวา มเมว คุณานํ สนฺติกํ อุปนีตา วาจา ภาสิตาฯ อปิจ ตฺยาหํ พฺยากริสฺสามีติ อปิจ เต อหเมว กเถสฺสามีติฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    Abhikkantataranti sundarataraṃ. Paṇītataranti uttamataraṃ. Bhavañhi gotamo avitakkaṃ avicāranti idha brāhmaṇo avasesaṃ ādesanāpāṭihāriyaṃ bāhirakanti na gaṇhi. Idañca pana sabbaṃ so brāhmaṇo tathāgatassa vaṇṇaṃ kathentoyeva āha. Addhā kho tyāyanti ekaṃseneva tayā ayaṃ. Āsajja upanīya vācā bhāsitāti mama guṇe ghaṭṭetvā mameva guṇānaṃ santikaṃ upanītā vācā bhāsitā. Apica tyāhaṃ byākarissāmīti apica te ahameva kathessāmīti. Sesaṃ uttānatthamevāti.

    พฺราหฺมณวโคฺค ปฐโมฯ

    Brāhmaṇavaggo paṭhamo.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑๐. สงฺคารวสุตฺตํ • 10. Saṅgāravasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑๐. สงฺคารวสุตฺตวณฺณนา • 10. Saṅgāravasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact