Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๑๐. สงฺคารวสุตฺตวณฺณนา

    10. Saṅgāravasuttavaṇṇanā

    ๖๑. ทสเม ชิณฺณานํ หตฺถิสาลาทีนํ ปฎิสงฺขรณํ ปุน ปากติกกรณํ ชิณฺณปฎิสงฺขรณํ , ตสฺส การโก ชิณฺณปฎิสงฺขรณการโกฯ พาหิรสมเยติ สตฺถุสาสนโต พาหิเร อญฺญติตฺถิยสมเยฯ สพฺพจตุเกฺกนาติอาทีสุ สเพฺพสุ ทฺวิปทจตุปฺปทาทิเภเทสุ ปาเณสุ เอเกกสฺมิํ จตฺตาโร จตฺตาโร ปาเณ วธิตฺวา ยชิตพฺพํ ยญฺญํ สพฺพจตุกฺกํ นามฯ เสเสสุปิ อิมินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ยสฺส วา ตสฺส วาติ นิสฺสเกฺก สามิวจนนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา วา ตสฺมา วา’’ติฯ เอวมสฺสายนฺติ เอตฺถ อสฺสูติ นิปาตมตฺตนฺติ อาห ‘‘เอวํ สเนฺตปิ อย’’นฺติฯ

    61. Dasame jiṇṇānaṃ hatthisālādīnaṃ paṭisaṅkharaṇaṃ puna pākatikakaraṇaṃ jiṇṇapaṭisaṅkharaṇaṃ , tassa kārako jiṇṇapaṭisaṅkharaṇakārako. Bāhirasamayeti satthusāsanato bāhire aññatitthiyasamaye. Sabbacatukkenātiādīsu sabbesu dvipadacatuppadādibhedesu pāṇesu ekekasmiṃ cattāro cattāro pāṇe vadhitvā yajitabbaṃ yaññaṃ sabbacatukkaṃ nāma. Sesesupi iminā nayena attho veditabbo. Yassa vā tassa vāti nissakke sāmivacananti āha ‘‘yasmā vā tasmā vā’’ti. Evamassāyanti ettha assūti nipātamattanti āha ‘‘evaṃ santepi aya’’nti.

    วเฑฺฒโนฺตติ ปฎฺฐเปโนฺตฯ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส โอคธํ มูลํ ปติฎฺฐาภูตํ พฺรหฺมจริโยคธํฯ เตนาห ‘‘อรหตฺตมคฺคสงฺขาตสฺสา’’ติอาทิฯ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน เจตฺถ อรหตฺตมคฺคเสฺสว คหณํ กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อุตฺตมํ ปติฎฺฐาภูตํ อารมฺมณูปนิสฺสยภาเวนฯ

    Vaḍḍhentoti paṭṭhapento. Maggabrahmacariyassa ogadhaṃ mūlaṃ patiṭṭhābhūtaṃ brahmacariyogadhaṃ. Tenāha ‘‘arahattamaggasaṅkhātassā’’tiādi. Ukkaṭṭhaniddesena cettha arahattamaggasseva gahaṇaṃ katanti daṭṭhabbaṃ. Uttamaṃ patiṭṭhābhūtaṃ ārammaṇūpanissayabhāvena.

    อเปฺปหิ เวยฺยาวจฺจกราทีหิ อโตฺถ เอติสฺสาติ อปฺปฎฺฐา ตฺถ-การสฺส ฎฺฐ-การํ กตฺวาฯ เตนาห ‘‘ยตฺถ พหู’’ติอาทิฯ ยตฺถาติ ยสฺสํ ปฎิปทายํ ฯ อโปฺป สมารโมฺภ เอตสฺสาติ อปฺปสมารโมฺภฯ ปาสํสาติ ปสํสารหาฯ เอตํ เยว กถาเปสฺสามีติ เอเตเนว พฺราหฺมเณน กถาเปสฺสามิฯ

    Appehi veyyāvaccakarādīhi attho etissāti appaṭṭhā ttha-kārassa ṭṭha-kāraṃ katvā. Tenāha ‘‘yattha bahū’’tiādi. Yatthāti yassaṃ paṭipadāyaṃ . Appo samārambho etassāti appasamārambho. Pāsaṃsāti pasaṃsārahā. Etaṃ yeva kathāpessāmīti eteneva brāhmaṇena kathāpessāmi.

    โสเปฺปนาติ นิทฺทายฯ ปมาเทนาติ ชาคริยาทีสุ อนนุยุญฺชนโต สติวิปฺปวาสลกฺขเณน ปมาเทนฯ ปจฺจนีกปฎิหรณวเสนาติ ปฎิปกฺขาปนยนวเสนฯ ตถา หิ ภควโต จ สาสนสฺส จ ปฎิปกฺขา ติตฺถิยา, เตสํ หรณโต ปฎิหาริยํฯ เต หิ ทิฎฺฐิหรณวเสน ทิฎฺฐิปฺปกาสเน อสมตฺถภาเวน จ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีหิ หริตา อปนีตา โหนฺตีติฯ ‘‘ปฎี’’ติ วา อยํ สโทฺท ‘‘ปจฺฉา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ โพเธติ ‘‘ตสฺมิํ ปฎิปวิฎฺฐสฺมิํ, อโญฺญ อาคญฺฉิ พฺราหฺมโณ’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๙๘๕; จูฬนิ. วตฺถุคาถา ๔) วิย, ตสฺมา สมาหิเต จิเตฺต วิคตูปกฺกิเลเส กตกิเจฺจน ปจฺฉา หริตพฺพํ ปวเตฺตตพฺพนฺติ ปฎิหาริยํ, อตฺตโน วา อุปกฺกิเลเสสุ จตุตฺถชฺฌานมเคฺคหิ หริเตสุ ปจฺฉาหรณํ ปฎิหาริยํ, อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิโย จ วิคตูปกฺกิเลเสน กตกิเจฺจน จ สตฺตหิตตฺถํ ปุน ปวเตฺตตพฺพา, หริเตสุ จ อตฺตโน อุปกฺกิเลเสสุ ปรสตฺตานํ อุปกฺกิเลสหรณานิ โหนฺตีติ ปฎิหาริยานิ ภวนฺติ, ปฎิหาริยเมว ปาฎิหาริยํฯ ปฎิหาริเย วา อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิสมุทาเย ภวํ เอเกกํ ปาฎิหาริยนฺติ วุจฺจติฯ ปฎิหาริยํ วา จตุตฺถชฺฌานํ มโคฺค จ ปฎิปกฺขหรณโต, ตตฺถ ชาตํ นิมิตฺตภูเต, ตโต วา อาคตนฺติ ปาฎิหาริยํ

    Soppenāti niddāya. Pamādenāti jāgariyādīsu ananuyuñjanato sativippavāsalakkhaṇena pamādena. Paccanīkapaṭiharaṇavasenāti paṭipakkhāpanayanavasena. Tathā hi bhagavato ca sāsanassa ca paṭipakkhā titthiyā, tesaṃ haraṇato paṭihāriyaṃ. Te hi diṭṭhiharaṇavasena diṭṭhippakāsane asamatthabhāvena ca iddhiādesanānusāsanīhi haritā apanītā hontīti. ‘‘Paṭī’’ti vā ayaṃ saddo ‘‘pacchā’’ti etassa atthaṃ bodheti ‘‘tasmiṃ paṭipaviṭṭhasmiṃ, añño āgañchi brāhmaṇo’’tiādīsu (su. ni. 985; cūḷani. vatthugāthā 4) viya, tasmā samāhite citte vigatūpakkilese katakiccena pacchā haritabbaṃ pavattetabbanti paṭihāriyaṃ, attano vā upakkilesesu catutthajjhānamaggehi haritesu pacchāharaṇaṃ paṭihāriyaṃ, iddhiādesanānusāsaniyo ca vigatūpakkilesena katakiccena ca sattahitatthaṃ puna pavattetabbā, haritesu ca attano upakkilesesu parasattānaṃ upakkilesaharaṇāni hontīti paṭihāriyāni bhavanti, paṭihāriyameva pāṭihāriyaṃ. Paṭihāriye vā iddhiādesanānusāsanisamudāye bhavaṃ ekekaṃ pāṭihāriyanti vuccati. Paṭihāriyaṃ vā catutthajjhānaṃ maggo ca paṭipakkhaharaṇato, tattha jātaṃ nimittabhūte, tato vā āgatanti pāṭihāriyaṃ.

    อาคตนิมิเตฺตนาติ อาคตาการสลฺลกฺขณวเสนฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ เอโก ราชาติ ทกฺขิณมธุราธิปติ เอโก ปณฺฑุราชาฯ เอวมฺปิ เต มโนติ อิมินา อากาเรน ตว มโน ปวโตฺตติ อโตฺถฯ เตน ปกาเรน ปวโตฺตติ อาห ‘‘โสมนสฺสิโต วา’’ติอาทิฯ สามญฺญโชตนา วิเสเส อวติฎฺฐตีติ อธิปฺปาเยเนวํ วุตฺตํฯ ‘‘เอวํ ตว มโน’’ติ อิทญฺจ มนโส โสมนสฺสิตตาทิมตฺตทสฺสนํ, น ปน เยน โส โสมนสฺสิโต วา โทมนสฺสิโต วา, ตํทสฺสนํฯ โสมนสฺสคฺคหเณน เจตฺถ ตเทกฎฺฐา ราคาทโย สทฺธาทโย จ ทสฺสิตา โหนฺติ, โทมนสฺสคฺคหเณน โทสาทโยฯ ทุติยนฺติ ‘‘อิตฺถมฺปิ เต มโน’’ติ ปทํฯ อิติปีติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท นิทสฺสนโตฺถ ‘‘อตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยเมโก อโนฺต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕; ๓.๙๐) วิยฯ เตนาห ‘‘อิมญฺจ อิมญฺจ อตฺถํ จินฺตยมาน’’นฺติฯ ปิ-สโทฺท วุตฺตตฺถสมฺปิณฺฑนโตฺถฯ

    Āgatanimittenāti āgatākārasallakkhaṇavasena. Esa nayo sesesupi. Eko rājāti dakkhiṇamadhurādhipati eko paṇḍurājā. Evampi te manoti iminā ākārena tava mano pavattoti attho. Tena pakārena pavattoti āha ‘‘somanassito vā’’tiādi. Sāmaññajotanā visese avatiṭṭhatīti adhippāyenevaṃ vuttaṃ. ‘‘Evaṃ tava mano’’ti idañca manaso somanassitatādimattadassanaṃ, na pana yena so somanassito vā domanassito vā, taṃdassanaṃ. Somanassaggahaṇena cettha tadekaṭṭhā rāgādayo saddhādayo ca dassitā honti, domanassaggahaṇena dosādayo. Dutiyanti ‘‘itthampi te mano’’ti padaṃ. Itipīti ettha iti-saddo nidassanattho ‘‘atthīti kho, kaccāna, ayameko anto’’tiādīsu (saṃ. ni. 2.15; 3.90) viya. Tenāha ‘‘imañca imañca atthaṃ cintayamāna’’nti. Pi-saddo vuttatthasampiṇḍanattho.

    กเถนฺตานํ สุตฺวาติ กเถนฺตานํ สทฺทํ สุตฺวาฯ ตสฺส วเสนาติ ตสฺส วิตกฺกิตสฺส วเสนฯ อฎฺฎการเกนาติ วินิจฺฉยการเกนฯ

    Kathentānaṃ sutvāti kathentānaṃ saddaṃ sutvā. Tassa vasenāti tassa vitakkitassa vasena. Aṭṭakārakenāti vinicchayakārakena.

    น อริยานนฺติ อริยานํ มคฺคผลจิตฺตํ น ชานาตีติ อโตฺถฯ ตญฺหิ เตน อนธิคตตฺตา เจโตปริยญาเณนปิ น สกฺกา วิญฺญาตุํ, อญฺญํ ปน จิตฺตํ ชานาติเยวฯ เหฎฺฐิโม อุปริมสฺส จิตฺตํ น ชานาตีติอาทีนิปิ มคฺคผลจิตฺตเมว สนฺธาย วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิฯ โสตาปนฺนาทโยปิ หิ อตฺตนา อธิคตเมว มคฺคผลํ ปเรหิ อุปฺปาทิตํ สมฺมา เจโตปริยญาเณน ชานิตุํ สโกฺกนฺติ, น อตฺตนา อนธิคตํฯ สเพฺพปิ อริยา อตฺตโน ผลํ สมาปชฺชนฺติ อธิคตตฺตาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอเตสุ จา’’ติอาทิมาหฯ ยทิ อริยา อตฺตนา อธิคตผลํ สมาปชฺชนฺติ, อุปริมาปิ เหฎฺฐิมํ ผลํ สมาปชฺชนฺติ อธิคตตฺตา โลกิยสมาปตฺติโย วิยาติ กสฺสจิ อาสงฺกา สิยา, ตนฺนิวตฺตนตฺถมาห ‘‘อุปริโม เหฎฺฐิมํ น สมาปชฺชตี’’ติฯ

    Na ariyānanti ariyānaṃ maggaphalacittaṃ na jānātīti attho. Tañhi tena anadhigatattā cetopariyañāṇenapi na sakkā viññātuṃ, aññaṃ pana cittaṃ jānātiyeva. Heṭṭhimo uparimassa cittaṃ na jānātītiādīnipi maggaphalacittameva sandhāya vuttānīti veditabbāni. Sotāpannādayopi hi attanā adhigatameva maggaphalaṃ parehi uppāditaṃ sammā cetopariyañāṇena jānituṃ sakkonti, na attanā anadhigataṃ. Sabbepi ariyā attano phalaṃ samāpajjanti adhigatattāti dassento ‘‘etesu cā’’tiādimāha. Yadi ariyā attanā adhigataphalaṃ samāpajjanti, uparimāpi heṭṭhimaṃ phalaṃ samāpajjanti adhigatattā lokiyasamāpattiyo viyāti kassaci āsaṅkā siyā, tannivattanatthamāha ‘‘uparimo heṭṭhimaṃ na samāpajjatī’’ti.

    อุปริโมติ สกทาคามิอาทิอริยปุคฺคโลฯ เหฎฺฐิมนฺติ โสตาปตฺติผลาทิํฯ น สมาปชฺชตีติ สติปิ อธิคตเตฺต น สมาปชฺชติฯ กสฺมาติ เจ? การณมาห ‘‘เตสญฺหี’’ติอาทิ, เตสํ สกทาคามิอาทีนํ เหฎฺฐิมา เหฎฺฐิมา ผลสมาปตฺติ เตสุ เตสุเยว เหฎฺฐิเมสุ อริยปุคฺคเลสุ ปวตฺตติ, น อุปริเมสูติ อโตฺถฯ อิมินา เหฎฺฐิมํ ผลจิตฺตํ อุปริมสฺส น อุปฺปชฺชตีติ ทเสฺสติฯ กสฺมาติ เจ? ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมเนน ปฎิปฺปสฺสทฺธตฺตาฯ เอเตน อุปริโม อริโย เหฎฺฐิมํ ผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชติ อตฺตนา อธิคตตฺตา ยถา ตํ โลกิยสมาปตฺตินฺติ เอวํ ปวโตฺต เหตุ พฺยภิจาริโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ น หิ โลกิยชฺฌาเนสุ ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมนํ นาม อตฺถิ วิเสสาภาวโต, อิธ ปน อสมุคฺฆาฎิตกมฺมกิเลสนิโรธเนน ปุถุชฺชเนหิ วิย โสตาปนฺนสฺส โสตาปนฺนาทีหิ สกทาคามิอาทีนํ ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมนํ อตฺถิฯ ยโต เหฎฺฐิมา เหฎฺฐิมา ผลธมฺมา อุปรูปริมคฺคธเมฺมหิ นิวตฺติตา ปฎิปเกฺขหิ วิย อภิภูตา อปฺปวตฺติธมฺมตํเยว อาปนฺนาฯ เตเนว วุตฺตํ ‘‘ปฎิปฺปสฺสทฺธตฺตา’’ติฯ

    Uparimoti sakadāgāmiādiariyapuggalo. Heṭṭhimanti sotāpattiphalādiṃ. Na samāpajjatīti satipi adhigatatte na samāpajjati. Kasmāti ce? Kāraṇamāha ‘‘tesañhī’’tiādi, tesaṃ sakadāgāmiādīnaṃ heṭṭhimā heṭṭhimā phalasamāpatti tesu tesuyeva heṭṭhimesu ariyapuggalesu pavattati, na uparimesūti attho. Iminā heṭṭhimaṃ phalacittaṃ uparimassa na uppajjatīti dasseti. Kasmāti ce? Puggalantarabhāvūpagamanena paṭippassaddhattā. Etena uparimo ariyo heṭṭhimaṃ phalasamāpattiṃ samāpajjati attanā adhigatattā yathā taṃ lokiyasamāpattinti evaṃ pavatto hetu byabhicāritoti daṭṭhabbaṃ. Na hi lokiyajjhānesu puggalantarabhāvūpagamanaṃ nāma atthi visesābhāvato, idha pana asamugghāṭitakammakilesanirodhanena puthujjanehi viya sotāpannassa sotāpannādīhi sakadāgāmiādīnaṃ puggalantarabhāvūpagamanaṃ atthi. Yato heṭṭhimā heṭṭhimā phaladhammā uparūparimaggadhammehi nivattitā paṭipakkhehi viya abhibhūtā appavattidhammataṃyeva āpannā. Teneva vuttaṃ ‘‘paṭippassaddhattā’’ti.

    อปิจ กุสลกิริยปฺปวตฺติ นาม อญฺญา, วิปากปฺปวตฺติ จ อญฺญาติ อนนฺตรผลตฺตา จ โลกุตฺตรกุสลานํ เหฎฺฐิมโต อุปริโม ภวนฺตรคโต วิย โหติฯ ตํตํผลวเสเนว หิ อริยานํ โสตาปนฺนาทินามลาโภฯ เต สเจ อญฺญผลสมงฺคิโนปิ โหนฺติ, โสตาปนฺนาทินามมฺปิ เตสํ อววตฺถิตํ สิยาฯ ตสฺส ตสฺส วา อริยสฺส ตํ ตํ ผลํ สทิสนฺติ กตฺวา น อุปริมสฺส เหฎฺฐิมผลสมงฺคิตาย เลโสปิ สมฺภวติ, กุโต ตสฺสา สมาปชฺชนนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เหฎฺฐิมา จ โสตาปนฺนาทโย อุปริมํ สกทาคามิผลาทิํ น สมาปชฺชนฺติ อนธิคตตฺตาฯ น หิ อนธิคตํ สมาปตฺติํ สมาปชฺชิตุํ สกฺกา, ตสฺมา สเพฺพปิ อริยา อตฺตโนเยว ผลํ สมาปชฺชนฺตีติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ

    Apica kusalakiriyappavatti nāma aññā, vipākappavatti ca aññāti anantaraphalattā ca lokuttarakusalānaṃ heṭṭhimato uparimo bhavantaragato viya hoti. Taṃtaṃphalavaseneva hi ariyānaṃ sotāpannādināmalābho. Te sace aññaphalasamaṅginopi honti, sotāpannādināmampi tesaṃ avavatthitaṃ siyā. Tassa tassa vā ariyassa taṃ taṃ phalaṃ sadisanti katvā na uparimassa heṭṭhimaphalasamaṅgitāya lesopi sambhavati, kuto tassā samāpajjananti daṭṭhabbaṃ. Heṭṭhimā ca sotāpannādayo uparimaṃ sakadāgāmiphalādiṃ na samāpajjanti anadhigatattā. Na hi anadhigataṃ samāpattiṃ samāpajjituṃ sakkā, tasmā sabbepi ariyā attanoyeva phalaṃ samāpajjantīti niṭṭhamettha gantabbaṃ.

    ปวเตฺตนฺตาติ ปวตฺตกา หุตฺวา, ปวตฺตนวเสนาติ อโตฺถฯ เอวนฺติ ยถานุสิฎฺฐาย อนุสาสนิยา วิธิวเสน ปฎิเสธวเสน จ ปวตฺติตาการปรามสนํฯ สา จ สมฺมาวิตกฺกา นาม มิจฺฉาวิตกฺกานญฺจ ปวตฺติอาการทสฺสนวเสน ปวตฺตติฯ ตตฺถ อานิสํสสฺส อาทีนวสฺส จ วิภาวนตฺถํ อนิจฺจสญฺญเมว, น นิจฺจสญฺญนฺติ อโตฺถฯ ปฎิโยคินิวตฺตนตฺถญฺหิ เอว-การคฺคหณํฯ อิธาปิ เอวสทฺทคฺคหณสฺส อโตฺถ ปโยชนญฺจ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อิทํ-คหเณปิ เอเสว นโยฯ ปญฺจกามคุณราคนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํ ตทญฺญราคสฺส โทสาทีนญฺจ ปหานสฺส อิจฺฉิตตฺตา ตปฺปหานสฺส จ ตทญฺญราคาทิเขปสฺส อุปายภาวโตฯ ตถา วุตฺตํ ทุฎฺฐโลหิตวิโมจนสฺส ปุพฺพทุฎฺฐมํสเขปนูปายตา วิยฯ โลกุตฺตรธมฺมเมวาติ อวธารณํ ปฎิเกฺขปภาวโต สาวชฺชธมฺมนิวตฺตนปรํ ทฎฺฐพฺพํ, ตสฺส อธิคมูปายานิสํสภูตานํ ตทเญฺญสํ อนวชฺชธมฺมานํ นานนฺตริยภาวโตฯ

    Pavattentāti pavattakā hutvā, pavattanavasenāti attho. Evanti yathānusiṭṭhāya anusāsaniyā vidhivasena paṭisedhavasena ca pavattitākāraparāmasanaṃ. Sā ca sammāvitakkā nāma micchāvitakkānañca pavattiākāradassanavasena pavattati. Tattha ānisaṃsassa ādīnavassa ca vibhāvanatthaṃ aniccasaññameva, na niccasaññanti attho. Paṭiyoginivattanatthañhi eva-kāraggahaṇaṃ. Idhāpi evasaddaggahaṇassa attho payojanañca vuttanayeneva veditabbaṃ. Idaṃ-gahaṇepi eseva nayo. Pañcakāmaguṇarāganti nidassanamattaṃ daṭṭhabbaṃ tadaññarāgassa dosādīnañca pahānassa icchitattā tappahānassa ca tadaññarāgādikhepassa upāyabhāvato. Tathā vuttaṃ duṭṭhalohitavimocanassa pubbaduṭṭhamaṃsakhepanūpāyatā viya. Lokuttaradhammamevāti avadhāraṇaṃ paṭikkhepabhāvato sāvajjadhammanivattanaparaṃ daṭṭhabbaṃ, tassa adhigamūpāyānisaṃsabhūtānaṃ tadaññesaṃ anavajjadhammānaṃ nānantariyabhāvato.

    จินฺตามณิกวิชฺชาสริกฺขกตนฺติ อิมินา ‘‘จินฺตามณี’’ติ เอวํ ลทฺธนามา โลเก เอกา วิชฺชา อตฺถิ, ยาย ปเรสํ จิตฺตํ วิชานนฺตีติ ทีเปติฯ ‘‘ตสฺสา กิร วิชฺชาย สาธโก ปุคฺคโล ตาทิเส เทสกาเล มนฺตํ ปริชปฺปิตฺวา ยสฺส จิตฺตํ ชานิตุกาโม, ตสฺส ทิฎฺฐหตฺถาทิวิเสสสญฺชานนมุเขน จิตฺตาจารํ อนุมินโนฺต กเถตี’’ติ เกจิฯ อปเร ‘‘วาจํ นิจฺฉราเปตฺวา ตตฺถ อกฺขรสลฺลกฺขณวเสนา’’ติ วทนฺติฯ

    Cintāmaṇikavijjāsarikkhakatanti iminā ‘‘cintāmaṇī’’ti evaṃ laddhanāmā loke ekā vijjā atthi, yāya paresaṃ cittaṃ vijānantīti dīpeti. ‘‘Tassā kira vijjāya sādhako puggalo tādise desakāle mantaṃ parijappitvā yassa cittaṃ jānitukāmo, tassa diṭṭhahatthādivisesasañjānanamukhena cittācāraṃ anuminanto kathetī’’ti keci. Apare ‘‘vācaṃ niccharāpetvā tattha akkharasallakkhaṇavasenā’’ti vadanti.

    อิทญฺจ ปน สพฺพนฺติ ‘‘ภวํ โคตโม อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภตี’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ สพฺพมฺปิฯ

    Idañcapana sabbanti ‘‘bhavaṃ gotamo anekavihitaṃ iddhividhaṃ paccanubhotī’’tiādinayappavattaṃ sabbampi.

    สงฺคารวสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saṅgāravasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.

    พฺราหฺมณวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Brāhmaṇavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑๐. สงฺคารวสุตฺตํ • 10. Saṅgāravasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. สงฺคารวสุตฺตวณฺณนา • 10. Saṅgāravasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact